ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พิชิตรักจอมมาร

    ลำดับตอนที่ #26 : ตอนที่ 6 : กลั่นแกล้งจนได้เรื่อง {5}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.12K
      30
      5 มิ.ย. 62



    มาแล้วค่าาาาา ไซนัสอักเสบก่อกวนจิตใจและร่างกายมาก

    แต่ด้วยความที่กลัวคนอ่านจะรอ จึงต้องงัดถั่งงัด เอ๊ย! งัดตัวเองลุกขึ้นมาเปิดคอมอัพนิยาย

    ดูสิคะดูววววววว ดูเลยว่าอินรักคนอ่านแค่ไหน *ออดอ้อนนนน*

    เพราะฉะนั้นอ่านแล้ว ขอคอมเม้นให้กำลังให้อินด้วยนะค้าาาา >///////<





                   เมื่อกัมปนาทไม่โต้ตอบอะไร ลุยซ์ก็ยักไหล่กวนๆ แล้วเดินนำเข้าไปข้างในคอกม้าก่อน ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวาอย่างระวัง ก่อนจะสบถพึมพำกับตัวเอง เมื่อเห็นคอกม้าหมายเลขหนึ่งที่เป็นของเจ้าพายุถูกเปิดทิ้งไว้ ส่วนตัวมันนั้นกำลังเดินย่ำไปมาอยู่สุดทางที่เป็นห้องเก็บของ เมื่อมันเห็นเขาก็วิ่งเหยาะๆ ตรงเข้ามาหา ยืดคอขึ้นแล้วสูดจมูกไปในอากาศ เป็นลักษณะที่บอกว่ามันกำลังพอใจและอารมณ์ดีขึ้นมาก เมื่อได้เห็นคนที่ฝึกมันตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นแค่เพียงม้าดื้อรั้นตัวหนึ่ง

                   ลุยซ์ลูบหัวแล้วเรียกชื่อมันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ใช้ถ้อยคำนุ่มนวลปลอบประโลม จากนั้นก็ตะล่อมให้มันยอมเดินเข้าไปในของกั้นของตัวเอง เจ้าพายุทำตามอย่างว่าง่าย เขาจึงมองว่ามันไม่ได้เกิดอาการตื่นตระหนกผิดปกติอะไร แค่ดูหงุดหงิดเสียมากกว่า แต่จะเป็นเพราะอะไรนั้นคงต้องถามจากนัทชาดูอีกที

                   ยัยตัวแสบหายไปไหนนะ คงแอบอู้งานแน่ๆลุยซ์พึมพำและมองไปรอบๆ

                   ช่วยด้วย! ช่วยฉันที!” เสียงหวานใสร้องลั่นขอความช่วยเหลือ

                   นั่นเสียงน่านนี่!” กัมปนาทหันมาสบตากับลุยซ์ด้วยความตกใจระคนประหลาดใจ

                   ปิดคอกพายุให้ที เดี๋ยวฉันจะไปดูเองแล้วชายหนุ่มก็วิ่งไปยังที่มาของเสียงทันที เขากระชากประตูห้องเก็บของเปิดออก เห็นร่างบอบบางนั่งกอดเข่าคู้ตัวอยู่บนพื้น แสงไฟจากภายนอกส่องผ่านเข้าไปด้านใน ทำให้มองเห็นชัดเจนว่าอีกฝ่ายกำลังร้องไห้อย่างหนัก และเนื้อตัวสั่นเทาอย่างน่าสงสาร

                   คุณลุยซ์!” นัทชาไม่ทันได้คิดด้วยซ้ำว่าคนตรงหน้านั่นแหละที่ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ทันทีที่เห็นเขายืนอยู่ข้างหน้า เธอก็ลุกพรวดขึ้นแล้วโถมตัวเข้าไปกอดแน่น แน่นมากจนผู้ชายตัวโตอย่างลุยซ์ยังรู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก

                   เฮ้ ใจเย็นๆ นี่มัน...เกิดอะไรขึ้นเขาชูมือสองข้างออกห่างตัวเธอ ทำอะไรไม่ถูกจริงๆ เพราะไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนพุ่งเข้ามากอดแนบแน่นอย่างนี้มาก่อน แต่เมื่อเห็นว่าเธอเอาแต่ร้องไห้และไม่ยอมตอบคำถาม เขาจึงลดมือลงมาแตะที่หลังอย่างลังเล แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจวางมือลงแนบชิดแล้วลูบไล้เบาๆ เพื่อปลอบโยน

                   กัมปนาทตามมาเห็นภาพนั้นเข้าก็พอจะเดาออก นัทชายังไม่มีความรู้เกี่ยวกับม้ามากนัก บางทีอาจจะเผลอทำอะไรไม่ถูกใจมันเข้า เจ้าพายุถึงได้ดูหงุดหงิดขนาดนั้น ม้าเป็นสัตว์ที่เข้าใจยากพอสมควร แต่ถ้าได้คุ้นเคยและเรียนรู้นิสัยใจคอของมันสักระยะหนึ่งแล้ว ก็จะเดาออกทันทีว่าท่าทีที่มันแสดงออกนั้นหมายถึงอะไร

                   นัทชาไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะยินยอมตอบคำถาม ยังคงโอบแขนรอบเอวลุยซ์แน่นไม่ยอมปล่อย ร้องไห้อยู่ตรงอกเขาจนเสื้อเชิ้ตที่ใส่เปียกชื้นเป็นวงกว้างไปแล้ว จนลุยซ์ต้องถลึงตาใส่กัมปนาทเพื่อขอความช่วยเหลือ อีกฝ่ายจึงขยับมาใกล้ๆ แล้วแตะที่ไหล่ของหญิงสาว

                   ไม่ต้องกลัวแล้วน่าน เจ้าพายุมันกลับเข้าคอกกั้นไปแล้วน้ำเสียงอบอุ่นทำให้นัทชาคลายใจลงมาก เธอปล่อยมือออกจากเอวของลุยซ์เพื่อจะหันมาบอกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา แต่จู่ๆ ความรู้สึกปวดหนึบที่ขาก็ดึงเธอให้ทรุดตัวลงโดยไม่ตั้งใจ

                   ยัยกวางน้อย!” เป็นอีกครั้งที่ลุยซ์เรียกเธอแบบนี้ เขาช่วยประคองเธอไว้ได้ทันก่อนที่จะล้มพับไปบนพื้น

                   ขะ...ขาฉันเสียงที่เอ่ยบอกทั้งแผ่วเบาและแหบโหย

                   ขาเหรอ...ขาเธอเป็นอะไร?ลุยซ์ถามพร้อมๆ กับที่ไล่สายตามองลงไป ใบหน้าของเขาซีดเผือดเมื่อเพิ่งสังเกตเห็นว่าตรงด้านข้างของปลีน่องซ้าย มีรอยบาดค่อนข้างลึก แต่ไม่ยาวมากนัก มีเลือดสีแดงฉานไหลออกมามากจนขากางเกงยีนเปียกชุ่มไปหมดแล้ว

                   เฮ้ย! แย่แล้วลุยซ์ ฉันว่าน่านคงโดนคราดที่เก็บไว้ในห้องเก็บของบาดขาเอากัมปนาทอุทานลั่น รีบดึงผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ออกมาส่งให้ แต่ลุยซ์ไวกว่ามาก เขาดึงผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตออกมา มัดแน่นเหนือแผลจนนัทชาร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด

                   ชู่ว! ใจเย็นๆ  ฉันจำเป็นต้องห้ามเลือดก่อนที่เธอจะซีดตายไปก่อน

                   ให้ฉันตายไปเลยก็ดีนะ คุณจะได้ไม่ต้องรำคาญฉัน หรือคอยหาวิธีกลั่นแกล้งให้ฉันยอมออกไปจากที่นี่นัทชามองสบกับดวงตาสีเทา คำพูดของเธอทำเอาเขาถึงกับพูดไม่ออก

                   อย่าพูดมากลุยซ์ตัดบทเอาง่ายๆ แต่หญิงสาวยังไม่ยอมละสายตาไปจากเขา หยาดน้ำตาร่วงพรูไม่ขาดสาย

                   ถ้ามีที่ไป...ฉันคงไม่หน้าด้านอยู่หรอก แต่ฉันไม่มีใครหรือที่ไหนให้ซุกหัวนอนอีกแล้ว ฉันถึงต้องทำตัวหน้าด้านหน้าทนแบบนี้ บางทีการตายอาจจะเป็นทางออกที่ฉันควรเลือกก็ได้ ฉันก็จะได้เลิกกลัวว่าพ่อจะมาลากฉันกลับไปแต่งงานกับคนทุเรศๆ แบบนั้นอีกครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้งที่เธอให้เหตุผลกับเขา ทุกถ้อยคำบาดลึกลงในหัวใจของลุยซ์อย่างประหลาด และเป็นครั้งแรกที่เขายอมเชื่อโดยสนิทใจว่านัทชาไม่ได้สร้างเรื่องโกหก แววตาโศกเศร้าของเธอกำลังยืนยันทุกอย่างได้เป็นอย่างดี

                   หยุดพูดได้แล้ว เธอไม่ใช่คนที่จะต้องมาตายเพราะเรื่องไร้สาระหรอก ไหนๆ ก็ดื้อมาจนขนาดนี้แล้วนี่ ฉันว่าเธอเดินหน้าต่อไปเถอะ เพราะฉันเองก็เบื่อที่จะสู้กับความหน้าด้านของเธอแล้วเหมือนกัน อยากอยู่ก็อยู่ไป แต่อย่ามาทำให้ฉันต้องปวดหัวเด็ดขาดสิ่งที่เอ่ยออกมาให้ความหมายในเชิงยอมแพ้ นั่นทำให้นัทชากับกัมปนาทเข้าใจได้ทันทีว่าต่อจากนี้ไป ลุยซ์จะยอมให้หญิงสาวอยู่ที่ฟาร์มวราทิตย์ต่อโดยไม่หาทางกลั่นแกล้งอีก

                   คุณ...พูดจริงเหรอคะ!” เธอถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นตกใจ

                   จะให้ฉันเปลี่ยนใจไหม ถ้าไม่...ก็เงียบไปซะ หนวกหูชะมัด!” ชายหนุ่มเอ็ดเสียงดัง แล้วช้อนร่างที่อ่อนปวกเปียกขึ้นสู่อ้อมแขน มองสบตากับกัมปนาทแล้วแยกเขี้ยวใส่ จะยืนยิ้มอีกนานไหมครับคุณเก่ง ช่วยไปเปิดประตูให้ผมหน่อยได้ไหมครับ คนเจ็บต้องรักษาด้วยหมอนะ ไม่ใช่ด้วยรอยยิ้มเลื่อนลอยแบบนี้!”

                   กัมปนาทหุบยิ้มฉับ ได้สติทันทีว่านัทชากำลังบาดเจ็บ เขาพยักหน้าเร็วๆ แล้วรีบวิ่งนำไปที่ประตู จัดการเปิดมันออกแล้วตรงไปเปิดประตูรถของลุยซ์เอาไว้ให้ด้วย มองดูอีกฝ่ายพาคนตัวเล็กเข้าไปนั่งในรถ แล้วหันมาบอกกับเขาด้วยสุ้มเสียงจริงจัง

                   ขับรถไปรับหมอยงยศให้ด้วยนะเก่ง ฉันจะพายัยนี่ไปที่เรือนใหญ่

                   ทำไมไม่พาไปที่เรือนรับรองล่ะ แพรกับนมหวินจะได้ช่วยดูแลน่านได้ไง

                   ฉันเป็นต้นเหตุ ฉันคิดว่าตัวเองควรรับผิดชอบเรื่องนี้ลุยซ์อธิบาย แล้วถอนหายใจยาวจริงๆ ก็อยากพาไปที่เรือนรับรองนั่นแหละ แต่ฉันสัญญากับพ่อไว้แล้วว่าจะไปนอนที่เรือนใหญ่ คืนนี้มีนัดเล่นหมากรุกกันด้วยก่อนจะเอ่ยด้วยความลำบากใจ เพราะโดยปกติแล้วลุยซ์เป็นคนพูดคำไหนคำนั้นเสมอ

                   ไม่ต้องห่วงเรื่องคุณลุงหรอก เดี๋ยวฉันจะบอกท่านให้ว่านายมีเรื่องด่วนต้องจัดการ แล้วคืนนี้ฉันจะเป็นคนเล่นหมากรุกกับคุณลุงแทนนายเอง พาน่านไปที่เรือนรับรองเถอะ แต่สิ้นเดือนต้องเพิ่มเงินเดือนอีกสิบเปอร์เซ็นด้วยนะ ไม่งั้นไม่ยอมเว้ย!” กัมปนาทพูดขำๆ แล้วทำหน้าเหมือนถูกผีหลอก เมื่อลุยซ์ยอมตกลงอย่างว่าง่าย

                   ได้เลย สิบเปอร์เซ็นตามตกลง ฝากดูแลพ่อด้วยก็แล้วกัน ร่างกายน่ะไม่เป็นอะไรหนักหรอก แต่จิตใจนี่สิพังยับเยินเลยเขาฝากฝังแล้วตบไหล่กัมปนาทแรงจนแทบทรุด จากนั้นก็รีบวิ่งอ้อมไปขึ้นรถในตำแหน่งคนขับ สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วพานัทชามุ่งหน้าไปยังเรือนรับรองทันที







    จบตอนพอดีเลยยยยย พบกันใหม่ตอนหน้านะจ้ะสาวๆ 

    มาดูกันว่าการแกล้งคนอื่นจนได้เรื่องเนี่ย จะทำให้พี่ลุยซ์เลิกใจร้ายได้บ้างไหม!

    ปล.ช่วงนี้ตัวอินเองก็ป่วย หนุ่มแฝดเพิ่งเข้าอนุบาล 1 ก็ป่วยวนไปสารพัดโรค

    นิยายเรื่องนี้แต่งไปอัพไป มีเผื่อไม่มาก แต่จะพยายามเร่งมือนะคะ

    หวังว่าถ้าอัพช้าไปบ้างเป็นบางช่วง คงไม่งอนกันเน้ออออออ

    เอาน่าสัญญาว่าไม่ดองแน่นอน 5555555+

    ปล. ท่านใดแวะเวียนผ่านเข้ามาฝากกดแอด fav. กันด้วยน้าาาาา

    ขอบคุณล่วงหน้าค่า จ๊วบบบบบบบบ <3





    ขออนุญาตฝากผลงานที่วางขายล่าสุดด้วยค่า


    สามารถสั่งซื้อแบบรูปเล่มได้ที่ สนพ.ดีต่อใจ 

    และร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ

    https://www.facebook.com/commerce/products/2104534329662617/

    และมีให้ดาวน์โหลดแบบอีบุ๊คแล้วที่เว็บ MEB ค่ะ

    https://bit.ly/2YNRbx0



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×