คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #35 : ตอนที่ 9 : หว่านเสน่ห์ {1}
ลุยซ์มองกระจกตรงศีรษะแล้วกระตุกยิ้ม เมื่อพบว่านัทชาเผลองีบหลับไป ชายหนุ่มกำลังจะเลี้ยวรถเข้าไปทางซ้ายมือ ซึ่งขับเลยไปอีกประมาณห้ากิโลเมตรก็จะถึงที่หมาย แต่จู่ๆ กลับมีรถเก๋งคันงามแล่นพรวดออกมาอย่างกะทันหัน ทำให้เขาอุทานลั่น รีบหักหลบแล้วเหยียบเบรกดังเอี๊ยด ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่ารถของอีกฝ่ายจะเฉี่ยวเข้าที่ข้างรถเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“บ้าจริง!” ชายหนุ่มสบถลั่น
“เกิดอะไรขึ้นคะ!” นัทชาสะดุ้งตื่น
และเอ่ยถามก่อนที่อาทิตย์จะทันได้ขยับปากพูด
“ก็รถบ้าคันนั้นน่ะสิ! จู่ๆ
ก็ทะลึ่งพรวดสวนออกมา ขับผิดเลนมาแบบหน้าไม่อาย
อุตส่าห์หลบแล้วแต่ดูเหมือนจะไม่พ้น เดี๋ยวจะลงไปด่าให้หูแตกเลย!” ลุยซ์ฉุนจัด ท่าทางเหมือนราชสีห์ที่กำลังจะกระโจนเข้าหาเหยื่อ
เขาถอดเข็มขัดนิรภัยออก เอื้อมมือไปเปิดประตู
“อย่าใจร้อนละลุยซ์ พ่อขอ” อาทิตย์แตะที่แขนลูกชาย
“ผมจะพยายามครับ” เขานิ่งไปเล็กน้อย
ถอนหายใจแรงๆ แล้วเปิดประตูออกไป
คู่กรณีรีบเปิดประตูลงจากรถด้วยท่าทางร้อนรน
นั่นทำให้ลุยซ์ได้เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง
รูปร่างผิวพรรณดีและแต่งตัวเปิดเผยเสียจนน่ากลัว เธอสวมชุดเดรสสั้นรูปสีชมพู
อวดเนินอกอิ่มเต็มที่เดาว่าน่าจะผ่านการศัลยกรรมมาแล้วเต็มที่
เจ้าหล่อนมีใบหน้าที่สวยเก๋ แต่เสียดายแต่งหน้าจัดมากเสียจนดูไม่สมอายุ
“Oh! My God!” หญิงสาวอุทานด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงสมบูรณ์แบบ
ถอดแว่นกันแดดสีชาออก เงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วเอ่ยต่อด้วยความเสียใจ “I’m so sorry! It's my fault”
“ทำไมคุณถึงขับรถแบบนี้ รู้ไหมว่าคุณต้องขับอยู่อีกเลน
นี่ถ้าผมหลบไม่ทัน เราคงประสานงากันเต็มๆ ไปแล้ว” เขาไม่สนใจจะโต้ตอบด้วยภาษาอื่น
แต่ใช้ภาษาไทยสื่อสาร มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะต้องเข้าใจ เพราะดูจากหน้าตาแล้วคิดว่าเธอคงไม่ใช่ชาวต่างชาติแน่ๆ
“คุณพูดภาษาไทยได้ด้วยเหรอคะ” เธอทำตาโต
ตอนแรกคิดว่าหนุ่มหล่อตรงหน้าเป็นชาวยุโรปเสียอีก
“แน่นอน ผมเกิดและโตที่นี่” เขายักไหล่และตอบด้วยท่าทีสบายๆ
“มิน่าละ พูดไทยชัดมากทีเดียว”
“ว่าแต่คุณเถอะ เป็นมือใหม่หัดขับใช่ไหม ถึงได้หาเรื่องฆ่าตัวตายแบบนี้”
“ไม่เชิงหัดขับหรอกค่ะ แต่จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิด
ฉันไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศมานานหลายสิบปี เพิ่งกลับมาเมืองไทยได้ไม่กี่วันเอง
ยังไม่คุ้นเคยการใช้ถนนในเมืองไทยเท่าไรนัก”
“รู้แบบนี้แล้วคุณยังกล้าขับออกมาข้างนอกอีกเหรอเนี่ย
เหลือเชื่อเลย” ลุยซ์ส่ายหน้าและยกมือเท้าเอว
“ฉันขอโทษจริงๆ ค่ะ ฉันยอมรับว่าฉันผิด ฉันยินดีรับผิดชอบทุกอย่างเลย”
คู่กรณีสาวสวยเสนออย่างจริงใจ แล้วหมุนตัวกลับไปเปิดประตูรถ
หยิบกระเป๋าสะพายออกมาค้นหาบางอย่าง เมื่อพบมันแล้วก็ยื่นส่งให้กับลุยซ์
เฌอมาวีร์ วรมาศ...ชื่อนี้ไม่ใช่สิ่งที่ชายหนุ่มคุ้นเคยเลย
แต่นามสกุลต่างหากที่ทำให้เขานิ่งอึ้งราวกับตกอยู่ในภวังค์
มือหนาดึงแว่นออกไปให้พ้นใบหน้า เพื่อให้สามารถจ้องมองอีกฝ่ายได้อย่างถนัดตา
เฌอมาวีร์เม้มปากอย่างพอใจ เมื่อได้มองสบกับดวงตาสีเทาสวย
ตอนแรกคิดว่าเขาหล่อเท่กระชากใจมากอยู่แล้ว แต่พอได้เห็นดวงตาสีสวยนั่นชัดๆ
เธอพบว่าเขาช่างมีเสน่ห์เหลือร้าย
ร้ายเสียจนเธอตัวสั่นด้วยความปรารถนา...
ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงหัวใจที่เต้นรัวเป็นจังหวะอัดกระแทกอยู่ในอก
ที่แท้ผู้หญิงตรงหน้าก็คือลูกสาวเพียงคนเดียวของเสี่ยหนาน วรมาศ
ชายชั่วที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนสนิทของบิดา
และอีกสถานะหนึ่งก็คือชู้รักของมารดาเขานั่นเอง ความโกรธเกลียดทำให้ไหล่หนาสั่นสะท้านน้อยๆ
ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นอย่างประหลาด
“ทำไมคุณจ้องฉันขนาดนั้นคะ มีอะไรหรือเปล่า?” เฌอมาวีร์เอ่ยถาม
“เปล่าครับ ผมแค่คิดว่าเราคงเป็นเพื่อนบ้านกัน
ถ้าคุณคือลูกสาวของ...เสี่ยหนาน” เขาสะกดกลั้นโทสะไว้ให้ลึกที่สุด
ใบหน้านิ่งเฉยในทีแรก เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มดุจมิตรอย่างมีแผน
ไม่คิดมาก่อนเหมือนกันว่าความบังเอิญในครั้งนี้
จะจุดประกายบางอย่างขึ้นมาในหัวของเขาได้รวดเร็วเสียเหลือเกิน
“ใช่ค่ะ เสี่ยหนานคือคุณพ่อของฉันเอง” เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายรู้จักมักคุ้นกับบิดา
หญิงสาวก็ยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม
“ผมไม่ยักรู้ว่าเสี่ยหนานมีลูกสาวสวยมากขนาดนี้”
คำชมตรงไปตรงมาทำเอาเฌอมาวีร์แก้มแดงปลั่ง
“แหม ชมกันแบบนี้ก็เขินแย่เลยสิคะ”
“ผมว่าคุณน่าจะคุ้นกับคำชมพวกนี้แล้วนะครับ พวกหนุ่มๆ
คงพูดคำเดียวกับผมมาแล้วนับไม่ถ้วน ใช่ไหมครับคุณเฌอมาวีร์”
เขาเน้นชื่อเธอด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ราวกับต้องการจดจำมันไว้ให้ขึ้นใจ
ดวงตาสีเทาทอประกายบางอย่าง มันดูอันตรายแบบที่ไม่ควรเข้าใกล้
แต่เฌอมาวีร์กลับมองว่ามันช่างแสนเย้ายวนใจและน่าค้นหา
“เรียกว่าเฌอก็พอค่ะ เรียกชื่อเต็มมันยาวเกินไป”
เจ้าของร่างอวบอัดขยับเข้ามาใกล้ขึ้น เงยหน้าจ้องมองอย่างท้าทาย
ใช้นิ้วชี้เรียวยาวจิ้มไปบนอกกว้าง แล้วไล้วนไปมา
แสดงให้เห็นว่าเธอเป็นสาวหัวนอกที่กล้าได้กล้าเสีย “เรื่องรถ...เดี๋ยวเฌอโทร.ตามประกันก่อนนะคะ
แค่นี้ก็ทำคุณเสียเวลามามากพอแล้ว”
“ไม่ต้องหรอกครับ รถมีรอยไม่เยอะ ผมจัดการเองได้”
ลุยซ์ดึงมือเล็กออกห่างตัว คิดจะสะบัดออกไป
แต่ชะงักแล้วเปลี่ยนเป็นกุมเอาไว้แทน “คุณเองก็ไม่ได้ตั้งใจ
แล้วเราก็คนบ้านใกล้เรือนเคียงกันด้วย เอาไว้ว่างๆ
ผมจะแนะนำเรื่องการขับรถบนท้องถนนที่ปลอดภัยให้คุณฟังนะครับ…ถ้าคุณไม่รังเกียจ”
“ไม่เลยค่ะ เฌอรู้สึกเป็นเกียรติด้วยซ้ำ
ว่าแต่คุณจะไม่แนะนำตัวเองหน่อยเหรอคะ” เจ้าหล่อนขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก
จงใจใช้อกอวบอิ่มบดเบียดเข้ามาแนบชิด แต่ลุยซ์ไม่ได้รู้สึกว่ามันน่าอภิรมย์เลยแม้แต่น้อย
ถ้าไม่ใช่เพราะเขามองเห็นประโยชน์บางอย่างจากเธอ เขาคงผลักออกไปให้ห่างแล้ว
“ลุยซ์ครับ...ผมชื่อลุยซ์
เป็นเจ้าของฟาร์มวราทิตย์ที่อยู่ไม่ไกลจากฟาร์มแกะของเสี่ยหนานนัก”
“ชื่อเท่จังเลยค่ะ” เป็นอีกครั้งที่เธอทาบมือลงบนอกเขา
“ขอบคุณครับ” ลุยซ์ยิ้ม
แล้วขยับตัวถอยห่างออกไป “วันนี้ผมคงต้องขอตัวก่อน
พอดีมีคนติดรถมาด้วยน่ะครับ ส่วนคุณเอง ผมว่าขับรถกลับบ้านก่อนน่าจะดีกว่า ถ้าอยากออกไปไหนก็ให้คนอื่นขับรถพาไปเถอะครับ
ปลอดภัยดี” ชายหนุ่มเตือน
“เฌอก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ
ว่าแต่คุณลุยซ์แน่ใจนะคะว่าจะไม่ให้เฌอจัดการซ่อมรถให้”
“แน่ใจสิครับ เรื่องเล็กน้อยเอง ผมจัดการได้สบายมาก
ผมไปก่อนนะครับ” เขาบอกลาพร้อมโบกมือน้อยๆ
ก้าวถอยไปสองสามก้าว ขยิบตาให้เธออย่างมีความหมาย
ก่อนจะหมุนตัวกลับไปที่รถของตัวเองทันที หากต้องการล่อเหยื่อให้ติดกับ
เขาก็ไม่ควรทำตัวเป็นฝ่ายรุกไล่มากเกินไป เล่นตัวนิดๆ หยิ่งหน่อยๆ
มันเป็นการเรียกร้องความสนใจที่ดีกว่ามาก
“นั่นใครน่ะลุยซ์ ทำท่าทางเหมือนจะกลืนกินแกเข้าไปทั้งตัว”
อาทิตย์ถามทันทีที่ลูกชายเปิดประตูเข้ามานั่ง
“คนบ้านใกล้กันนี่เองครับพ่อ
ไปอยู่เมืองนอกเมืองนามานานหลายสิบปี กลับมาเลยไม่ค่อยชินถนนหนทาง” ลุยซ์ไม่คิดจะบอกความจริง
เพราะการเอ่ยถึงสิ่งใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเสี่ยหนาน
มักทำให้บิดาเจ็บปวดและนึกถึงความหลังขึ้นมาเกือบทุกครั้ง เขาไม่อยากให้ท่านถูกทำร้ายจากคนเลวๆ
อีก แต่มันถึงเวลาแล้วที่คนพวกนั้นต้องได้รับบทเรียนบ้าง
“สาวหัวนอกนี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่ทำท่าทางแบบนั้น”
ชายสูงวัยบ่นแล้วส่ายหน้าอย่างระอา
“แต่เธอสวยดีนะคะ” นัทชาเอ่ยขึ้นมาบ้าง
เพราะอยากดูท่าทีของลุยซ์
“สวยเหรอ! บ้าไปแล้ว
เธอสายตาสั้นแน่ๆ”
“ไม่รู้สิคะ ฉันว่าเธอสวยดี ไม่อย่างนั้นคุณลุยซ์คงไม่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขนาดนั้น”
พูดแล้วหญิงสาวก็นึกอยากกัดลิ้นตัวเองนัก
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเมื่อเห็นเขาดูสนใจแม่สาวอกสะบึ้มนั่น
หัวใจเธอถึงกระตุกอย่างประหลาด หากตอนแรกที่พบกัน เขายิ้มให้เธอแบบนี้บ้างก็คงดี
“บางทีสิ่งที่เห็นกับสิ่งที่เป็น มันก็ความหมายบางอย่างซ่อนอยู่ ความจริงยัยนั่นก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่นักหรอก ออกจะหน้าตาดีเลยด้วยซ้ำ แต่การแต่งหน้าหนาๆ แบบนั้นมันทำให้ดูแก่เกินวัยไปมาก ฉันไม่ชอบผู้หญิงปากแดงๆ รู้สึกเหมือนจะโดนผีเขมือบอยู่ตลอดเวลา”
คำตอบนี้ทำเอาอาทิตย์หัวเราะร่วน ในขณะที่นัทชาพยายามกลั้นยิ้ม
และไม่ได้เอ่ยอะไรอีก นอกจากนั่งไปเงียบๆ
จนกระทั่งรถเลี้ยวเข้าไปจอดที่หน้าเรือนใหญ่
ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นมันแบบเต็มสายตา
พบกันพรุ่งนี้ค่าาา เรื่องราวเริ่มเข้มข้นขึ้นทุกวัน
ขอกระซิบบอกว่าห้ามพลาดนะคะะะะะะะะะ
รับประกันความเขินและความหมั่นไส้ระดับ 10 ค่ะ 5555+
สำหรับคนที่เพิ่งเข้ามาอ่าน เพื่อความต่อเนื่องกดแอด Fav. ที่แบนเนอร์เลยจ้า
ความคิดเห็น