ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Elysium : The Lost Sky

    ลำดับตอนที่ #7 : 5th Tale : ความจริงของเสียงลม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 795
      2
      7 ธ.ค. 57

     




     

                รูปวาดง่ายๆจากปลายกิ่งไม้ขีดเขียนเรื่อยเปื่อยบนพื้นดิน เสียงขูดขีดดังๆหยุดๆเมื่อธีโอแอบชำเลืองมองเกรซเป็นระยะ หล่อนนั่งมองนกหวีดในมือและบางทีก็หันไปมองด้านป่าเป็นพักๆ ในความเงียบถูกปกคลุมด้วยไอหมอกบางๆและเสียงของเปลวไฟ ดวงตากลมโตเพ่งไปในความมืดของมวลพฤกษา ด้วยหวังว่าจะเห็นเงาพี่ชาย

                เวลาผ่านไปร่วมสองชั่วโมงแล้ว ลอเฟย์ก็ยังไม่มีวี่แววจะกลับมา ดวงจันทร์กลมโตเคลื่ิอนตัวทอประกายเด่นบนท้องฟ้า เวลานี้คงราวๆห้าทุ่มได้แล้ว

                โครก...

                เกรซเบือนสายตาไปทางลูกสมุนตัวอ้วนของคนที่เธอเกลียดนักหนา ดวงตาขุ่นมัวไม่สื่อความเห็นใจทำให้ธีโอรีบก้มหน้างุด

                "กะ....ก็มันหิวนี่"ร่างจ่ำม่ำมองท้องของตัวเองพลางเอ่ยเสียงอ้อมแอ้ม แอบชำเลืองตาขึ้นมอง เมื่อพบว่าเด็กหญิงยังไม่ละสายตาน่ากลัวออกไปก็รีบก้มหน้าลงเหมือนเดิม

                "อะ...เอ่อ เธอมีขนมบ้างไหม?"

                เกรซล้วงมือเข้าไปในเสื้อนอกแล้วโยนขนมที่ซื้อมาตอนหัวค่ำไปอย่างแรง ธีโอสะดุ้งรับด้วยสองมือ แต่ก็ยังพลาดตกลงไปบนตัก กลิ่นช็อกโกแลตหอมฉุยจนมืออูมรีบแกะห่อกระดาษ อันธพาลอ้วนยัดชิ้นขนเข้าปากอย่างรวดเร็วด้วยท่าทีตะกละ พลันสะดุ้งโหยงเหมือนนึกอะไรได้

    "เอ่อ ธะ...เธอจะกินด้วยไหม?"ชิ้นขนมที่ดูไม่ดีนักถูกยื่นมาอย่างเสียดาย

                เกรซมองช็อกโกแลตที่เละเทะด้วยใบหน้าแบบเดิมแต่แววตาขยะแขยงอย่างไม่ปิดบัง

                "ไม่"

                เสียงเล็กพูดออกมาเป็นคำแรกเวลาสองชั่วโมงที่ผ่านมา แล้วหันกลับไปยังชายป่าเหมือนเดิม

                เธอโกรธจัด เหมือนเปลวไฟที่เผาไหม้ร้อนจนกลายเป็นเย็น เธอ 'เกลียด' ฟิลิป พัลลิแกน รวมถึงทุกอย่างและทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเด็กคนนั้น

                "เธอ มะ...ไม่กลัวเหรอ?"ธีโอนั่งชันเข่าขดตัวเหมือนลูกหมู มือสองข้างเลอะช็อกโกแลตวางลงบนขา เมื่อหัวโจกของกลุ่มไม่อยู่คนขี้ขลาดอย่างเขาก็ไม่กล้ามองตาเด็กหญิง แต่ความเงียบที่น่ากลัวเกินไปทำให้เขาพยามยามพูดกับเธอในที่สุด

                "ถ้านายกลัวก็กลับไปซะ"เธอตอบกลับโดยไม่แม้แต่จะหันไปมอง

                "แต่ฉันไม่อยากเดินกลับคนเดียวนี่! มันมืดแล้วก็น่ากลัว แถมยัง แถมยัง..."ธีโอร้องเสียงสูง แต่ท่าทางแตกตื่นลนลานหายไปทันทีเมื่อเจอะเข้ากับสายตาหงุดหงิดรำคาญของเกรซ

                "...ขะ..ขอโทษ"เด็กชายอ้วนกระทดตัวถอยหลัง

                "นายขอโทษฉันทำไม"คำถามที่พูดไปคล้ายประชดและตัดรำคาญ แต่ธีโอยังตอบกลับด้วยความโง่เง่า

                "ฉะ...ฉันก็ไม่รู้"

                "หยุดพูดติดอ่างซะที!"เธอตะคอกด้วยความรำคาญ 

     

    เฮือก! อดีตอันธพาลตัวอ้วนสะดุ้งหลบเป็นพัลวันเหมือนสัตว์เล็กๆตัวอ้วนที่หวาดกลัวต่อนักล่า ไม่ปากกล้าน่าต่อยเหมือนตอนอยู่กับฟิลิปสักนิด เด็กหญิงระบายลมหายใจด้วยความสมเพช

                "ที่ผ่านมานายมีปัญหาอะไรกับฉัน"ท้ายเสียงตวัด เห็นได้ชัดว่าเธอไม่หัวอ่อนเหมือนเด็กผู้หญิงวัยเดียวกันทั่วๆไปและนั่นเป็นสาเหตุที่ถูกคุณหนูพัลลิแกนหมายหัวตลอดมา 

                "กะ....ก็ฟิลิปบอกว่า เอ่อ.."ธีโอไม่กล้ามองตาอีกฝ่าย เขากลัวว่าจะโดนเกรซข่วนเรียกเลือดอีก "มะ...ไม่รู้ เขาแค่บอกว่าต้องแกล้งเธอ"

                เกรซเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งไม่ได้โวยวายหรือตั้งท่าจะเข้ามาขย้ำเหมือนที่ธีโอคิด เพียงแค่พ่นลมหายใจสั้นๆด้วยความสมเพชที่มากกว่าเดิม

                "ถ้า ถ้าเกิดเธอจะกลับ..."

                "ฉันไม่กลับ"เกรซตัดบท น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่หนักแน่นดื้อดึงอยู่ในที "จนกว่าพี่ชายของฉันจะออกมา"

    ดวงตาคู่โตแฝงความกังวลจ้องมองผ่านหมู่ไม้ ไม่หวาดกลัวต่อความมืดที่แม้แต่เทพแห่งดวงจันทร์ยังไม่อาจแตะต้อง

                ใช่ พี่ชายคนเดียวของเธอ พ่อแม่ของเกรซทิ้งพวกเธอสองพี่น้องไว้ตั้งแต่เธอเป็นทารก พวกเขาไม่รักเธอรึ? เปล่าเลย....สงครามเป็นสิ่งที่พรากพวกเขาไปอย่างโหดร้ายเพียงเพราะการขัดแย่งของสองแคว้นใหญ่ ภายหลังจากนั้นจักรวรรดิเซมิเนียก็เฉลิมฉลองชัยชนะเหนือรีฟาล์ว

                เธอมีพี่ชายที่อ่อนโยนและคุณตาที่รักเธอมาก แต่เธอยังคงโหยหาอ้อมกอดของแม่และการเล่นขี่คอกับพ่อเพราะบางครั้งลอเฟย์ดูเปราะบางเหลือเกิน ในความทรงจำวัยเด็กของเธอร่างเพรียวมักจะจมอยู่บนเตียงสีขาว ใบหน้างดงามเหมือนตุ๊กตากระเบื้องหลับไหลอยู่เสมอเพราะ'อาการป่วย

    จนกระทั่งวันหนึ่งตอนที่เธออายุสี่ขวบ พี่ชายลืมตาขึ้นมาเป็นครั้งแรก...ไพลินคู่นั้นเปล่งประกาย  ภาพในตอนนั้นช่างเลือนรางจนเด็กหญิงจำไม่ได้ว่าเมื่อก่อนลอเฟย์หน้าตาเป็นอย่างไร ในสายตาของเธอผู้เป็นพี่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนับตั้งแต่จำความได้

                ขณะที่เกรซจมจ่อมอยู่กับเรื่องราวในสมัยเด็ก พื้นดินก็พลันสั่นสะเทือนดั่งถูกค้อนยักษ์กระหน่ำทุบ เสียงของหนักกระทบกันกับเสียงซ่อกแซ่กของใบไม้ดังตีกันมั่วไปหมด เงาจุดเล็กๆกระโดดลัดเลาะจากยอดไม้ใกล้เข้ามาฝ่าความมืดของราตรีกาล จนมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่ิอยๆอย่างรวดเร็ว เส้นสายสีแดงฉวัดเฉวียนไปตามการขยับตัวของมัน ฝุ่นดินลอยคลุ้งและยอดไม้ลมหายไประเนระนาด

                “โอดิน!” เด็กหญิงกระเด้งตัวลุก

                "....อะ..อะไรน่ะ!!?"ธีโอรีบผุดลุกขึ้นจนสะดุดก้นจ้ำเบ้าอีกรอบ รีบขยับมายืนข้างหลังเกรซ

                ตึง! ตึง! เจ้าสิ่งนั่นเคลื่อนที่เร็วเสียจนต้นไม้ต่างๆที่เป็นพื้นเหยียบหักโค่นกลิ้งลงมากระทบกัน

    เสียงย่ำใบไม้หนักหน่วงไม่เป็นระเบียบดังใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เคล้าไปกับคำสบถและเสียงอุทาน 

                "พี่ลอเฟย์!"เกรซร้องเรียก รอยยิ้มเปี่ยมด้วยความโล่งใจพาดกว้าง แต่ในทันใดริมฝีปากเล็กต้องหุบลงเมื่อเห็นสองร่างของฟิลิปและกอล์ยวิ่งออกจากแนวป่าด้วยท่าทางลนลาน

                "เกิดอะไรขึ้น! พี่ฉันอยู่ที่ไหน!?"สีหน้าแตกตื่นของกอล์ยปรากฏชัดขึ้น เด็กชายสองคนวิ่งไปร้องเสียงหลงจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์

                "อะไรนะ!?"

                "....ปะ....ปีศาจ! มีปีศาจอยู่บนนั้น!"แรงสะเทือนอีกระลอกพุ่งจากภูเขาถึงพื้นจนทั้งคู่ล้มกลิ้งมาอยู่ที่เท้าเกรซ

                "ปีศาจ!"ธีโอร้องเสียงแหลม เริ่มกัดฟันจนแก้มยุ้ยสั่น 

                "ปีศาจอะไรของนาย! ลอเฟย์ล่ะอยู่ที่ไหน!"

    กอล์ยล้มลุกคลุกคลานจากพื้นด้วยความลำบาก ไม่สนใจเด็กหญิงแม้แต่น้อย

                "ไม่...ไม่รู้!"

                "หมายความว่ายังไง ไม่รู้!"เกรซตวาดเสียงแหลม เมื่อเด็กผู้ชายตัวสูงวิ่งไปล้มไปอย่างทุลักทุเล ทำให้เธอหมดความอดทนกระชากคอเสื้อฟิลิปที่กำลังจะวิ่งผ่านไป "พวกนาย! ทำอะไรพี่ฉัน!"

    "ปล่อยนะยัยบ้า!"เขาอยากดึงมือของเกรซออก แต่แรงโมโหของเด็กหญิงมีมากกว่า มือเล็กเขย่าคอคุณหนูพัลลิแกนอย่างแรงแบบที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน

                "พวกเบื้อก! ลอเฟย์อยู่ที่ไหน ตอบมาเดี๋ยวนี้นะ!"ฟิลิปยังคงไม่ตอบคำถาม ดวงตาตื่นตระหรกมองค้างไปที่ชายป่าพลางตะโกนซ้ำๆ "ปล่อยฉัน!"

                "ระ..เราผลักมันตกไปแล้ว วะ...เหวอออ!"กอล์ยชี้นิ้วไปด้านหลัง ดวงตาเบิกกว้างปากอ้าค้างแต่เขาไม่หยุดวิ่งแม้แต่นิดเดียว ความวินาศของภูเขาทั้งลูกยังไม่สามารถดับไฟในใจเด็กหญิงได้

                "ว่าไงนะ...?"เกรซลากเสียงเย็น ดวงตาของเธอวาวโรจน์ถึงที่สุด เธอไม่ปล่อยมือจากเนื้อผ้าชั้นดี แม้ว่าฟิลิปจะตะเกียกตะกายหนีสุดแรงเกิด ความสิ้นหวังบังเกิดในดวงตาที่เคยมองคนอื่นอย่างโอหังเมื่อเห็นลูกสมุนสองคนวิ่งหนีไปไกล

                "หนีเถอะ! ทิ้งพวกเขาไว้!"

     "...ตะ..แต่"ธีโอทำท่าลังเล แต่ก็วิ่งละล้าละหลังตามไป

                "เป็นไงล่ะ ไม่มีใครช่วยนายได้แล้ว เจ้าบ้า!"เด็กหญิงโถมตัวใส่จนทั้งคู่กลิ้งไปบ่นพื้นหญ้า

    "ว้ากก! มันมาแล้ว! มันมาแล้ว! ปล่อยนะยัยเบื้อก!"

                เงาดำขนาดใหญ่ลอยวูบผ่านเหนือศีรษะ เธอรีบก้มตัวหลบตามสัญชาติญาณ ลมแรงพัดโหมจนเด็กสองคนกระเด็นแยกห่างกันไปไม่ไกลนัก 

    "แค่ก...แค่กๆ"เกรซปิดจมูกแน่นจากเศษดินที่คลุ้งในอากาศ ฟิลิปกระเด็นไปไม่ไกลจากเธอนัก เขาค่อยๆเงยหน้ามองสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ดวงตากลมโตตื่นตะลึงเบิกค้าง เด็กหญิงแทบหยุดหายใจ ปากเผยออ้าแต่ไม่อาจเปล่งเสียงออกจากคอได้

     

    อสูรกายในนิทานปรัมปรากำลังยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ ตำนานที่เหมือนเป็นเพียงเรื่องหลอกเด็กกำลังมีชีวิตด้วยลมหายใจที่ร้อนราวกับไฟ!

                แพะภูเขาสีดำขนาดยักษ์ยืนคร่อมอยู่บนร่างของฟิลิป ขาทั้งหกตะกุยพื้นดุจกระทิงคลั่ง เปลวไฟลุกโชนจากกีบและปลายหางที่ยาวผิดปกติราวกับแส้เส้นใหญ่ เขาทรงก้นกอยอวบใหญ่เป็นสีดำสนิทประปรายด้วยรอยแตกคล้ายเตาเผาขนาดยักษ์

                "ปะ....ปะ....ปีศาจ!!!"ห่างออกไปจากตรงนั้น ธีโอถึงกับตัวแข็งก้าวขาไม่ออก

    "ไปเรียกผู้ใหญ่มา เร็วเข้า!"เกรซตะโกนบอกเต็มเสียงหวังว่าจะไปถึงระยะทางที่ห่างกัน เสียงของลอเฟย์ย้อนขึ้นเตือน

    ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพี่เธอจะได้วิ่งไปขอความช่วยเหลือทัน

    ติดที่ตอนนี้มันเกิดขึ้นกับเธอแล้วสิ!

    ธีโอได้ยินจึงพยักหน้ารัว ค่อยๆก้าวขาที่แข็งค้างของตัวเองแล้วออกวิ่งสุดตัว

                ดวงตากลมโตราวกับลูกแก้วเพ่งมองฟิลิป ศีรษะใหญ่ตัวของมันยกขึ้นสูง เด็กชายได้แต่นั่งนิ่งเมื่อเห็นเปลวไฟพุ่งออกมาจากรูจมูกของอสูรสีดำ ลมหายใจร้อนระอุพ่นพรูออกมา เกรซโถมสุดแรงดึงตัวฟิลิปออกมาพ้นระยะเพลิงพอดิบพอดี

                "ตาบ้าเหม่ออะไรอยู่!"เสียงหวีดใส่หูเข้าเต็มๆจนได้สติ เธอไม่รอช้าฉุดฟิลิปให้ลุกตามมาด้วย

    "ชะ...ช่วยด้วย!"ดวงหน้าที่มักจะอวดดีจองหองหวาดกลัวจนน้ำหูน้ำตาไหลไม่เหลือเค้าเดิมของคุณหนูแอซไพรส์ผู้เย่อหยิ่ง ฟิลิปใช้สองมือยึดแขนเสื้อนอกของเกรซแน่น เขาหดศีรษะเบียดกับแผ่นหลังของเด็กหญิงราวกับหนู ในเวลาปกติเกรซคงสมเพชทั้งรำคาญแถมยังขยะแขยงเหลือทน

    แต่ในตอนนี้เธอต้องหนี!
     

    "นายนั่นแหล่ะ ทำอะไรซักอย่างสิเป็นแอซไพรส์ไม่ใช่เหรอ!?"

    ทั้งสองถึงทางตัน เด็กหญิงจึงกระชากตัวฟิลิปที่หลบอยู่ด้านหลังเธอออกมา 

                "ก็...ก็ท่านปู่ไม่อยู่นี่!"เด็กชายปากสั่นมือสั่นไปหมด ยิ่งพยายามขืนตัวหนีร่างกายก็เสียหลักล้มหัวคะมำ

                "ปัดโธ่เอ้ย! ไหนล่ะที่โม้ไว้!"เสียงเล็กตวาดอย่างหัวเสีย ในขณะที่มือต้องลากคอเสื้อราคาแพงให้ถอยหลังตามมาด้วย แอซไพรส์ตัวจิ๋วพยายามรวบรวมสตินึกถึงเวทมนตร์บทต่างๆที่ตนเคยอ่านผ่านๆเพื่ออวดเด็กคนอื่นในชั้นเรียน

                "นะ...นะ...น้ำ!"ฟิลิปวาดมือมั่วซั่ว

    พลันหยดน้ำเริ่มก่อตัวในอากาศก่อนจะร่วงใส่อสูรเพลิง สีหน้าที่จะยิ้มก็ไม่เชิงจะตกใจก็ไม่ใช่กลายเป็นซีดสนิท เมื่อมันเงยหน้ามองแล้วงับก้อนน้ำที่ยังไม่ทันลอยถึงปลายเขาหน้าตาเฉย

    ชี่..... ไอน้ำสายบางลอยนิ่งในอากาศ เจ้าแพะสีดำก้มหน้ามองมนุษย์ตัวเล็กที่หาญกล้าเสกมนตร์กิ๊กก๊อกใส่มัน ปากทรงยาวอ้าออกช้าๆเผยให้เห็นลูกไฟขนาดเท่าล้อเกวียนหมุนวนโชติช่วงอยู่ด้านใน ไอความร้อนแรงเสียจนใบหน้าขึงเครียดของเกรซฉ่ำไปด้วยเหงื่อเม็ดโต

                "เหวอออ!"ฟิลิปร้องลั่นหันหลังล้มจนหัวกับดินสองมือกดหลังศีรษะ เกรซค่อยๆถอยตัวอย่างระมัดระวัง ความกลัวจับจิตเกาะกินเธอในวินาทีนั้น มือเล็กกำนกหวีดแน่นเมื่ออสูรร้ายสูดลมหายใจเข้า

                ก่อนจะเผาพวกเธอให้ไหม้เป็นจุล!

     

    "Blæst!"


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×