ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Elysium : The Lost Sky

    ลำดับตอนที่ #26 : 24th Tale : สิ่งหนึ่งที่หายไป

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 380
      2
      1 ก.ค. 58

    ร่างผอมซูบดึงมือในอากาศเผยจอสีขนาดใหญ่ ก่อนที่ส่วนประกอบต่างๆในห้องจะเปลี่ยนไปกลายเป็นห้องโล่งที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์เวทมนตร์ต่างๆ

     “ก่อนอื่นที่เจ้ากำลังสงสัย ข้ารู้จักไนกี้มาตั้งนานแล้วและข้าไม่ได้เป็นคนของกองพันรัตติกาลเขาพูดต่อไปในขณะที่ลอเฟย์ตาโตในจังหวะที่ชื่อกองพันหลุดออกมา และข้าออกเสียงไนคก์ได้แต่ข้าไม่เรียก ถ้าเจ้ากำลังคิดในใจน่ะนะ”...สมแล้วที่เป็นเจ้าแห่งการตัดบท

    แต่คุณก็รู้เรื่องกองพันรัตติกาล

    เราทำงานประสานกัน แต่ข้าไม่อยู่ใต้คำสั่งของนางหรอกนะจาเวิร์ดขยายความ ก่อนจะเป็นไนค์ผู้เบื่อหน่าย กองพันรัตติกาลอาจะเป็นความลับก็จริง แต่ยังมีหลายคนที่ทำงานช่วยเหลือให้ภารกิจเป็นไปอย่างราบรื่นและพวกเขาไม่ใช่คนของกองพัน คิดเสียว่าเป็นเหมือนเครื่องมือที่ฉันจะใช้

    เครื่องมือเลยหรือ เธอใจร้ายจริงคุณหมอหนุ่มแกล้งตัดพ้อทั้งที่ยังเดินวนไปทั่วเหมือนพายุ แต่ด้วยเหตุนั้นเองเมื่อเจอปัญหาทางด้านพันธุกรรม ข้าจึงเป็นคนหาคำตอบ

    ขอเชิญมาฝั่งนี้หน่อยได้ไหม?”

    หญิงสาวโคลงศีรษะพลางถอนหายใจ เมื่อหล่อนก้าวผ่านไปลอเฟย์ก็ตามไปด้วย มวลอากาศเปลี่ยนผันกลายเป็นบรรยากาศเย็นชื่นของศูนย์แพทย์แทน ห้องที่พวกเขามาเยือนนี้แตกต่างจากห้องในศูนย์แพทย์ทั่วๆไปมาก เมื่องมองอีกทีหลายๆอย่างก็ไม่คุ้นตา เขามองเข้าไปในจอภาพเพื่อพบรูปจำลองที่คุ้นเคยอีกครั้ง สีเหลี่ยมผืนผ้าโปร่งแสงในอากาศร่อนมาวางในแนวราบที่ระดับหน้าอกของเขา แต่ระดับพอดีของอีกสองคน

     “ก่อนอื่นข้าขอถามเจ้าว่าเคยเลือดออกหรือเปล่า?”แสงสีฟ้าส่องกระทบใบหน้าเปื้อนยิ้มของจาเวิร์ด

    ไม่ครับ ไม่เคยเขาชะงักตอบ

    เคยมีบาดแผลไหม?”

    ก็ไม่เคยเหมือนกันครับตั้งแต่เหตุการณ์ที่ฟอร์ลีเขาก็สังเกตร่างกายของตัวเองมาตลอด ทว่านอกจากอาการปวดกระดูกแล้วก็ไม่เคยมีแผลอะไรเป็นจริงเป็นจังเลยแม้แต่ครั้งเดียว

    ข้าจะอธิบายง่ายๆก็แล้วกัน ตามปกติแอซซึ่งเป็นพลังงานพิเศษของแอซไพรซส์จะวนเวียนอยู่ในรูปของสิ่งที่จับต้องไม่ได้และเกี่ยวข้องโดยตรงกับชีวิตของเจ้า แอซไพรส์ทุกคนจะมีความสามารถในการป้องกันตัวเองพื้นฐานก่อนจะใช้เวทมนตร์ได้อยู่แล้วนั่นก็คือการใช้แอซ เอาล่ะจำไว้แค่นั้นก่อน

    จาเวิร์ดแบมือออก สร้างลูกบอกเล็กๆสีฟ้าขึ้นมา

    แอซกับเวทมนตร์ต่างกันที่ แอซคือพลังงานบริสุทธิ์ที่ไม่จำเป็นต้องเรียกใช้จากธรรมชาติ ในขณะเดียวกับถ้ามีแอซมากก็จะเรียกใช้เวทมนตร์ได้มากตามไปด้วย พูดง่ายๆว่าแอซเป็นตัวสร้างเวทมนตร์ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีการแบ่งระดับแอซไพรส์ว่าใครทำอะไรได้บ้าง เวทมนตร์ที่เกิดจากแอซที่ไหลเวียนปกติจะมีสีฟ้าอมเขียวอย่างของลัสท์เทรลเป็นต้น แต่.....

    ทันใดนั้นเขาก็ซัดลูกบอลในมือใส่กลางหน้าอกของลอเฟย์ ความรุนแรงของเจ้าสิ่งที่ดูไม่อันตรายกระแทกร่างของเขาจนถอยหลังไป แสงสีน้ำเงินดุจไพลินสว่างวาบจากจุดที่ถูกโจมตีเมื่อครู่

    !!!

    สิ่งที่หุ้มตัวเจ้าอยู่เป็นสีน้ำเงินเข้มไนค์มองตามด้วยสายตาเรียบนิ่งแต่แฝงด้วยความสนใจ

    จากการทดสอบและความเป็นไปได้แค่หนึ่งในล้าน...แม้แต่ข้าเองก็ว่ามันน่าเหลือเชื่อ ตอนที่เจ้าตกลงมาจากฟ้าแอซทั้งหมดแปรสภาพเป็นผลึกเพื่อป้องกันแรงกระแทก จึงเกิดเป็นดาวหางสีน้ำเงินตกลงไป ง่ายๆคือค่าพลังของเจ้ามันเข้มข้นกว่าแอซที่ไหลเวียนอยู่ปกติไงล่ะ

    ในภาพจำลองวัตถุชิ้นหนึ่งตกลงมา มันค่อยๆลุกไหม้จากจุดเล็กๆด้วยไฟที่มีสีเหมือนอัญมณี และลามเลียจนครอบคลุมทั้งหมด กลายเป็นลูกไฟดวงใหญ่ที่หล่อหลอมสิ่งที่อยู่ด้านในจนเป็นผลึก เหมือนกับในบันทึกของกราเซียที่เขียนว่าร่างทารกถูกห่อหุ้มในผลึกประหลาด

    นี่คือตัวอย่างแอซที่ถูกแปรสภาพอย่างไม่สมบูรณ์ที่ฉันเอามาจากอีดริทก์หัวหน้ากองพันรัตติกาลโยนหินก้อนเล็กที่มีสีเข้มกว่าเวทมนตร์ทั่วไปให้จาเวิร์ด อืม...ถ้าเปรียบเทียบกันแอซของเจ้าของคือหินก้อนนี้ เพียงแต่มันอยู่ในตัวเจ้าแล้ว คิดให้สบายใจซะคือมันกลายเป็นของที่เรียกคืนมาไม่ได้เท่านั้นเอง

    สรุปง่ายๆคือไม่มีเวทมนตร์หรือแม้แต่อาวุธใดๆในโลกนี้จะทำอันตรายเจ้าได้

    ถ้างั้นอีดริทก์พยายามจะใช้แอซของเทพเจ้าคนอื่นสร้างเป็นโล่งั้นหรือครับ?”เขาถามแทรกอย่างร้อนรน ข้อสงสัยที่ตั้งไว้ก่อนที่ความจริงจะถูกชี้แจงกลับมีเหตุผลขึ้นมา

    โล่ที่ทำอย่างไรก็ไม่แตก ไม่ใช่สิ่งที่วิเศษที่สุดหรอกหรือ? เพียงแต่ถ้าทำแบบนั้นกับแอซของตัวเองมันก็จะใช้เวทมนตร์ไม่ได้ เหมือนอย่างเจ้ายังไงล่ะ และที่น่าสนใจกว่าคือใครก็ตามที่บงการมันอยู่นั้นรู้เรื่องของเจ้า ที่แม้แต่เรายังพึ่งจะรู้

    “อันที่จริงจะบอกว่าหนึ่งในล้านก็คงเป็นเรื่องที่ผิด..ยังมีแอซไพรส์บางส่วนที่มีความสามารถในการใช้ผลึกฟ้า เพียงแต่มันเป็นแค่ช่วงเริ่มต้นและความเข้มข้นของผลึกก็ไม่มากเท่าของเจ้า”ไนค์สอดส่องข้อมูลที่ได้จากก้อนหินอย่างใกล้ชิด แสงของจอแสดงผลสร้างความน่ายำเกรงและอึดอัดเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวสมกับเป็นหัวหน้ากองพันลึกลับ

    “หนึ่งในล้านคือวิธีที่มันเกิดขึ้นจากการตกลงมาแล้วรอดตายต่างหาก”คุณหมอหนุ่มชี้

    ลอเฟย์เองก็ตระหนักถึงข้อนี้เช่นกัน เขาไม่มีโอกาสได้เจออัลเธียอีกตั้งแต่วันนั้น ไม่แน่ชิ้นส่วนอื่นๆของเรื่องประหลาดนี้อาจจะอยู่ที่อัศวินแห่งยูโธเปียและท่านหญิงรีเวฟ์ก้าก็ได้

    “แล้วแอซไพรส์พวกนั้นเป็นยังไงหรือครับ?”

    “พวกเขาใช้เวทมนตร์ได้ตามปกติ แต่ผลึกฟ้าที่เกิดขึ้นเองก็อยู่ในลักษณะเดียวกันคือเป็นเครื่องป้องกันตัว อย่างที่ฉันเคยบอกไปแล้วว่าตัวนายคือเกราะที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไรล่ะ”หญิงสาวตัดบท “ต่อจากนี้คือเรื่องที่ต้องจำให้ได้ขึ้นสมอง ฉันจะพูดอย่างตรงไปตรงมาไม่ว่านายจะอยากฟังหรือยอมรับได้หรือไม่ก็ตาม...เพราะนี้เป็นเรื่องของตัวนายที่เกี่ยวข้องกับลัสท์เทรลโดยตรง....”หล่อนเท้าแขนพลางโน้มตัวมาหน้าข้าง ราวกับเงามืดที่ปกคลุมเครื่องจำลองแสง แม้แต่จาเวิร์ดเองก็หยุดฟังไปด้วยทำให้เขารู้ว่านี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย

    เมื่อดวงตาสีน้ำเงินมองสบด้วยความกล้าทั้งหมดที่มี ริมฝีปากของหญิงสาวก็เหยียดยิ้ม

    “มีใครบางคนที่ยูโธเปียกำลังมองหาสิ่งนี้อยู่ ก่อนที่นายจะขึ้นมาที่ลัสท์เทรล ลอร์ดอีดริกท์ก็เข้ามาแทรกซึมและทำการทดลองอยู่เงียบๆก่อนแล้ว ประจวบเหมาะกับการเดินทางของไนทริค ลูเฮมไฮม์ ...ดัชเชสแห่งเลแรงก์ถูกส่งมาที่นี่เหมือนจะกันออกนอกวง แต่หล่อนก็ไม่ได้รามือจากการตามหาของชิ้นเดียวกัน แต่ว่าอาจเป็นในจุดประสงค์ที่ตรงข้ามกับยูโธเปีย....”

    “อัลเธียถึงจงใจเข้ากองพันอัศวิน!”ลอเฟย์โพล่งขึ้นท่ามกลางการพยักหน้ารับของแอซไพรส์รุ่นใหญ่ทั้งสอง

    “แน่นอนว่าดัชเชสแห่งเลแรงก์อาจมีคำตอบให้เจ้า แต่ในเวลานี้ที่เจ้าไม่รู้อะไรเลย อ่อนแอ ไร้ซึ่งพลัง....แน่ใจแล้วหรือว่าคำตอบนั้นจะเป็นสิ่งที่นายพร้อมจะฟัง?”หัวหน้ากองพันรัตติกาลมองตรงเข้าไปในดวงตาซึ่งเป็นสีเดียวกับดาวหางลุกโชติช่วง

    “ฉันจะไม่อ้อมค้อม...นายจะวิ่งออกไปหาท่านหญิงก็ย่อมได้ แต่ฉันก็ไม่สัญญาว่าจะปล่อยชีวิตของนายลอยนวลไปแบบนั้นเช่นกัน เพราะมันเป็นหน้าที่ของฉันที่จะกำจัดทุกอย่างที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อลัสท์เทรลยิ่งในเวลาที่ขั้วอำนาจต่างๆยังไม่ชัดเจนเช่นนี้....”ดวงตาคมกริบของหล่อนไม่มีแววล้อเล่นราวกับพร้อมจะปลิดชีพของเขาได้ทุกเมื่อ มันเขย่าร่างของลอเฟย์ให้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวยามเมื่อน้ำเสียงแข็งกร้าวคำรามออกมาอีกครั้ง

    “นายมีแค่สองทางให้เลือก จะเลือกดัชเชสแห่งเลแรงก์หรือจะเป็นคนของกองพันรัตติกาล? อยู่ฝั่งเดียวกับลัสท์เทรล ไขว่คว้าพลังของตัวเอง เพื่อให้พร้อมฟังคำตอบไม่ว่าในวันใดก็ตาม!

    เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง ตัวตนที่เล็กจ้อยของเขาตกลงสู่ก้นบึ้งที่ไร้จุดสิ้นสุดของคำถามและความว่างเปล่า ในนั้นไม่มีอะไรเลยที่จะคว้าจับได้เป็นของตนเอง แม้ว่าไนคก์จะทำทุกอย่างเพื่อลัสท์เทรล แต่นั่นก็คือโอกาสเดียวที่ค้นหาที่ยืนของตนเอง เขาผ่านเส้นทางที่ถูกโชคชะตาเล่นตลกมาแล้ว ในวันนี้เขามีโอกาสที่จะเลือกด้วยตัวเอง คำตอบมันแทบจะชัดเจนอยู่แล้ว...เป็นคำขู่แล้วอย่างไร?

    เขาจะไม่ตายที่นี่ด้วยมือของหล่อน

    “ผมเลือกกองพันรัตติกาล”

    น้ำเสียงของลอเฟย์ไม่เหลือแววสั่นสะท้านอีกต่อไป เรียกรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมแฝงด้วยความพึงพอใจบนใบหน้าของนางมารแห่งลัสท์เทรล ไหล่ที่ตั้งตึงของหล่อนผ่อนลงพร้อมกับประกายบางอย่างในดวงตาสีเทาที่ลอเฟย์ไม่คาดฝันว่าจะเห็น....ความปลอดโปร่ง

    “.....เชื่อใจฉัน ทุกอย่างจะเปิดเผยเมื่อนายอยู่ในจุดที่เข้มแข็งพอ”

    เมื่อเห็นรอยยิ้มบางๆของหล่อน เขาก็หวังว่าตอนเองได้เลือกสิ่งที่ถูกต้องแล้ว บางทีหนทางข้างหน้า...อาจต้องใช้ความศรัทธาและมุ่งมั่นมากกว่าสิ่งใดๆ ในตอนนี้ไนคก์เป็นเพียงหลักยึดเดียวที่เขามี

    เมื่อบรรยากาศกดดันสลายตัวไป จาเวิร์ดก็ปรบมือดังๆเป็นการเรียกร้องความสนใจจากผู้ฟังอีกสองคน

    ....ยังไงก็ตาม กรณีของเจ้าเป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นเพียงหนึ่งในประวัติศาสตร์เทพเจ้า ปกติแล้วผลึกฟ้าจะเกิดกับเทพเจ้าระดับสูงในกรณีที่พยายามสุดๆเท่านั้น การเกิดขึ้นตามธรรมชาติยังเป็นเรื่องอัศจรรย์ ฉะนั้นฝั่งโน้นเองก็คงหาทางไม่ได้ง่ายๆหรอก ในเมื่อแม้แต่ข้าที่เป็นยอดนักปราชญ์ยังหาไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นสบายใจได้จาเวิร์ดยิ้มกว้าง ขัดกับปฏิกิริยาของผู้ฟังโดยชัดเจน

    คุณเป็นนักปราชญ์?!”ลอเฟย์อุทานลั่น ไม่สิ ยอดนักปราชญ์!

    เทพนักปราชญ์หรือเหล่านักปราชญ์คือผู้ทรงความรู้ในแขนงต่างๆอย่างล้ำลึกและเชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์ ซึ่งถือเป็นแอซไพรซ์ระดับสูงที่ต้องมีระดับมากกว่าสามขึ้นไปจึงจะสำเร็จ

    แหงสิ เขาเป็นหัวหน้าหอแพทย์หลวงนี่ คิดว่ากองพันรัตติกาลจะไว้ใจคนฝีมือห่วยๆงั้นรึ?”

    เดี๋ยวก่อนครับ แล้วทำไมคุณถึงไม่อยู่ในปราสาทลัสท์เทรลล่ะ!?”เด็กหนุ่มแทบจะล้มทั้งยืนกับข้อเท็จจริงของคนที่เขาอาศัยห้องใต้หลังคานอนมาตลอด จาเวิร์ดผู้ชอบตัดบทเป็นชีวิตจิตใจและดูว่างงานอย่างน่าอิจฉา

    อ้าว ก็พวกนั้นอายุยืนจะตายไปวันดีคืนดีคงไม่มานั่งป่วยให้ข้าดูแลหรอก สู้มาหาอะไรทำข้างนอกยังดีกว่าจริงไหม?”เจ้าตัวพูดอย่างมีเหตุผล แถมยังดูจริงจังกว่าปกติอยู่นิดหน่อยเสียด้วย

    พักหลังไม่ค่อยได้เห็นหน้าเจ้า ข้าก็คิดถึงอยู่บ้าง ว่าจะย้ายไปแถวๆกองพันสัประยุทธ์ดีไหม?”ช่างเป็นคุณหมอร่างผอมซูบที่เป็นห่วงเขาราวกับพ่อ ทว่า...

    ทำไมต้องกองพันสัประยุทธ์ครับ?”ลอเฟย์สะกิดใจ เขาหันไปถามไนค์ผู้นิ่งเงียบผิดปกติมาตั้งแต่ต้น โดยที่เจ้าหล่อนส่งสายตากลับมาที่จาเวิร์ด

    ก็ในการวัดระดับแอซของเจ้าไม่สามารถทำด้วยวิธีปกติได้เพราะแอซของเจ้าดันแปรสภาพไปแล้ว ฉะนั้นเราจะใช้วิธีง่ายๆ เกราะของเจ้ารับได้ถึงระดับไหนก็แปลว่าเจ้าอยู่ในระดับนั้น เจ้าเคยรับวงแหวนมรณะของเสาฝึกไปแล้ว หมายความว่าเจ้าต้องมากกว่าขั้นต่ำสุดของระดับสี่ภาพจำลองกลายเป็นรูปตัวคนล้อมรอบด้วยเกราะทรงกลมและตัวอักษรอธิบายลักษณะง่ายๆของกระสุนแต่ละระดับ ดูจากความแรงที่มากกว่าระดับห้ามาถึงลูกสุดท้ายที่เขาโดนหวดเข้าไปตอนนั้น

    แล้วถ้าผมเจอการโจมตีที่แรงกว่าระดับของตัวเองล่ะครับ?”เขามองตามความเป็นไปได้ที่เครื่องคำนวณออกมาในรูปแบบต่างๆแล้วรู้สึกหวาดเสียวขึ้นมา ดูเหมือนจาเวิร์ดจะคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกันจึงเงยหน้าขึ้นมาสบตา

    ไม่รู้สิเจ้าก็คงได้เห็นเลือดครั้งแรกในชีวิตล่ะมั้ง?”

    ผมไม่อุ่นใจเลยครับ....ลอเฟย์พึมพำ

    ดังนั้นฉันจะส่งนายไปในที่ๆเหมาะแก่การทดสอบและได้ฝึกฝนความปวกเปียกไปพร้อมๆกัน นั่นคือกองพันสัประยุทธ์ ...อ้อ หน่วยปฏิบัติการนะเจ้าลูกไก่ ไม่ใช่หน่วยฝึกหัดหัวหน้ากองพันรัตติกาลคลี่ยิ้ม แสงเรืองๆของจอโปร่งแสงส่องจากด้านล่างทำให้หล่อนดูเหมือนปีศาจที่ชอบหลอกเด็กๆในตอนกลางคืน

    ....ส่วนระหว่างนั้น หล่อนก็ต้องติดตามดัชเชสแห่งเลแรงก์อย่างใกล้ชิด

    ปกติก็เป็นกองพันที่รับพวกประหลาดๆอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นนายไม่ต้องกังวลมากล่ะ จะมีมืออาชีพมาคอยดูแลถึงที่เชียวล่ะ"แทบไม่ต้องดูก็รู้ว่าข้อมูลที่เกจของเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้เป็นกองพันที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดหินที่สุดในลัสท์เทรล ลอเฟย์กระตุกมุมปากเหมือนจะยิ้มแต่ก็ยิ้มไม่ออก ไม่ใช่แค่คนละหน่วยกับสองสหาย แต่ยังเป็นหน่วยที่ฝึกฝนอย่างหนักแน่นที่สุดอีกด้วย

    “คงไม่ลืมความตั้งใจเมื่อกี้หรอกนะ...ความแข็งแกร่งของนาย นอนรออยู่ที่นั่นแล้ว”

                และด้วยประการฉะนี้...ลอเฟย์ ไลน์สเตรนจ์จึงได้มายืนขาแข็งอยู่หน้าซุ้มหินทรงโค้งขนาดใหญ่ที่แค่แหงนหน้ามองความสูงของมันก็ทำให้ปวดคอแล้ว 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×