ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Elysium : The Lost Sky

    ลำดับตอนที่ #25 : 23th Tale : กองพันรัตติกาล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 375
      3
      30 ก.ย. 58




    ความรู้สึกแรกที่เขาสัมผัสคือความเย็น ก่อนที่จะเป็นอาการเสียวไส้ราวกับตกลงไปในเหว ลอเฟย์ต้องปิดหน้าเมื่อถูกแสงสว่างพุ่งวาบผ่านตาอีกครั้ง เมื่อดวงตาสีน้ำเงินเปิดขึ้น...ก็ไม่ทันที่จะรับมือกับอะไรได้ทั้งสิ้น

    โอ๊ยยยยย!

    ร่างของเด็กหนุ่มตกกระแทกพื้นดังปัก แผ่นหลังบิดโค้งอยู่บนพื้น รอบตัวสว่างจ้าเสียจนนัยน์ตาที่ต่อสู้กับความมืดมาหลายชั่วโมงไม่สามารถเพ่งมองได้ตรงๆ เขาต้องกระพริบตาหลายครั้งกว่าที่อาการนั้นจะหายไปและเพดานห้องมืดสลัวกับผนังที่คุ้นตาจะปรากฏขึ้นช้าๆ

    ลอเฟย์ลุกขึ้นนั่งพลางหมุนศรีษะไปรอบๆเขาเคยมาที่นี่แค่ครั้งเดียว แต่นี่คือห้องหมายเลข 128 ไม่ผิดแน่! ผลึกที่กลางห้องยังตั้งอยู่เหมือนเดิม หน้าต่างทรงสามเหลี่ยมที่เปิดให้แสงจันทร์ลอดผ่านตั้งอยู่ที่เดียวกันยามอาบแสงอาทิตย์ ฝ่ามือสัมผัสพื้นหินสีเข้มยิ่งมั่นใจได้ว่าเป็นที่ๆเข้าเคยล้มหมดสภาพในวันทดสอบ

    เขามาที่นี่ได้อย่างไร? ในสมองลำดับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ยูลิสท์ล่ะ เขาจะหนีไปได้ไหม? ลอเฟย์ค่อนข้างมั่นใจว่าชายหนุ่มผมทองน่าจะปลอดภัยหายห่วง แต่ต้องหนักใจมากขึ้นเมื่อนึกถึงอัลเธีย เจ้าของชื่อจะไปตามที่นัดกันหรือไม่? ในที่ที่อีดริกท์เกือบจะฆ่าเขาตายน่ะหรือ? เมื่อครู่เขายังไม่เห็นเงาของอีกฝ่ายก็จริง แต่เขาอยากไปเตือนอัลเธีย อยากถามเรื่องราวเป็นรอยพันทว่าตอนนี้แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน

    ร่างโปร่งที่สะบักสะบอมไปทั้งตัวทิ้งลงกับพื้นอย่างหมดแรง....ถ้านี่เป็นความฝันขอให้มันผ่านไปเร็วๆเถอะ เขาจะยอมไปเจอบทลงโทษของไฮเกลด้วยความยินดีเลย ดวงตาปรือลงเมื่อความเหน็ดเหนื่อยเข้าจู่โจมพาสติจมหายไปในห้วงนิทรา จนกระทั่ง...

    ไลน์สเตรนจ์

    เสียงนั้นไม่ดังมากนักแต่กังวานก้อง ไม่ดุดันแต่กระชับจนร่างที่นอนแน่นิ่งต้องกระเด้งตัวลุกขึ้นมา ลืมความปวดระบมของกล้ามเนื้อไปจนหมดสิ้น

    เบื้องหน้าเขาเหมือนกับภาพเดจาวู รองเท้าบูทหัวแหลมที่น่าหวั่นเกรงใต้ชุดเครื่องแบบสีแดงเข้มไล่ไปจนถึงเรือนผมสีเงินกระจ่างทอประกายภายใต้แสงเบาบางของดวงจันทร์ หากแต่ดวงตาคู่นั่นคมกริบแม้แต่ในความมืดไม่ต่างจากครั้งแรกที่เจอ

    ชแฮนเดอร์!

    ครับ ครับ!”เขาโค้งตัวแล้วแอ่นหลังตรงแน่ว ดวงตาเบิกกลมทั้งตกใจและตะลึงไปพร้อมกัน หล่อนย่นหน้ามองลงมาจากส่วนสูงที่มากกว่าเล็กน้อย ปล่อยในห้องมีแค่เสียงลมหายใจของลอเฟย์ที่เขาพยายามทำให้มันเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้

    ทำไมฉันถึงเจอนายในสภาพดูไม่ได้ตลอดเลยนะคล้ายจะเป็นคำเหน็บแนมเสียมากกว่าคำถาม แอซไพรซ์ผมดำกลืนน้ำลายเมื่อร่างสูงระหงที่เหมือนดวงวิญญาณเคลื่อนผ่านไปอย่างไม่ใส่ใจ ลอเฟย์มองแผ่นหลังที่วุ่นวายอยู่กับผลึกที่กลางห้องแล้วตัดสินใจถาม

    ผมมาที่นี่ได้ยังไง?”

    ฉันพามาเองหล่อนตอบในไม่ถึงอึดใจ เหมือนกับการพูดคุยโต้ตอบทั่วไป

    วงแหวนสีเงินเป็นผีมือคุณหรือ?!”เขานึกถึงการโจมตีสุดท้ายของเสาที่เลี้ยงที่หายไปในพริบตา วงแหวนขนาดใหญ่ที่ดูดเอากระสุนเวทมนตร์ทั้งหมดไปและเสียงระเบิดจากห้องทำงานของอีดริทก์ ตอนนี้ทุกที่กลับตาลปัตรกำลังเผยตัวออกมาอย่างเหลือเชื่อ

    นั่นเป็นความสามารถของฉันจบคำก็มีเสียงดีดนิ้ว คราวนี้ลอเฟย์ไม่ทันตั้งตัว เขารู้สึกเหมือนหล่นทะลุพื้นในแนวตั้งอย่างรวดเร็วก่อนจะโผล่ลงมาในห้องเดิม ฝ่าเท้ากระแทกพื้นด้านหลังชแฮนเดอร์อย่างรงจนต้องนิ่วหน้า

    “....เอ่อ..นั่น..เขาอ้าปากค้าง

    เปิดมิติ....เฮ่อ ท่าทางต้องไปอีกไกลหล่อนกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย แสงในห้องสว่างขึ้นภายใต้สัมผัสจากนิ้วมือของหญิงสาว ใบหน้าที่ประกอบด้วยสัดส่วนคมชัดของหล่อนดูผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้คลายความเข้มงวดลง ชแฮนเดอร์ยื่นมืออกมาหาเขา ลอเฟย์มองมันอย่างไม่ไว้ใจ เขายังจำได้แม่นว่าครั้งล่าสุดเกิดอะไรขึ้นในเหตุการณ์นี้ ใช้เวลาตัดสินไม่นานภายใต้ดวงตาคมกริบก่อนที่มือเปื้อนคราบฝุ่นจะค่อยๆเช็ดกับชายเสื้อแล้วประสานไปหาอีกฝ่าย

    เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกยาว ฉันไนคก์ ชแฮนเดอร์ หัวหน้ากองพันรัตติกาล

     ลอเฟย์นิ่งไปเหมือนถูกสาป

    สรรพเสียงรอบตัวที่แม้จะเงียบสงบกลับกลายเป็นเงียบงัน เหมือนกับว่าทุกชีวิตรอบตัวของเขาหยุดนิ่งไปหมดพร้อมๆกับคำพูดของหล่อน ใบหน้าที่ดูอ่อนโยนของไนคก์ค่อยๆเหยียดมุมปากอย่างสะใจกลายเป็นสีหน้าที่โหดร้ายต่อผู้ฟังอย่างที่สุด ในภายหลังเขากลับมาสงสัยอยู่หลายครั้งว่าทำไมจึงหลงเชื่อหล่อนไปได้...

    กองพัน...รัตติกาล?”เขาได้ยินเสียงตัวเองทวนคำพูดอย่างกระท่อนกระแท่น

    นายมาสอบเองไม่ใช่รึ? มาตกใจอะไรตอนนี้กันหญิงสาวสะบัดมือออก แล้วเช็ดถุงมือกับผ้าสะอาดด้วยกิริยารังเกียจ ห้อง 128 เป็นห้องสอบของกองพันฉันมาตั้งนานแล้ว

     “แต่ว่าผมเข้ากองพันอัศวินแล้วนี่ครับ?”ลอเฟย์เลิกแขนเสื้อขึ้นมาดูแถบที่ข้อมือ มันกระพริบหลายครั้งกว่าจะทำงาน ไนคก์เพียงแค่เลิกคิ้วกับข้อโต้แย้งนั้น

    วันทดสอบฉันบอกว่าสถานที่สอบต่อไปจะบอกผ่านเกจที่ข้อมือ คิดว่าโชคช่วยหรือไงที่ลูกไก่อ่อนอย่างนายได้เข้ากองพันอัศวิน

    เด็กหนุ่มอ้าปากค้างจนคิดว่ากรามแทบร่วง

    ตลอดเวลาที่เขาอยากคิดบัญชีกับไนทริคอยู่ตลอดเวลาแต่เป็นหล่อนเองหรือที่จับเขาโยนเข้าไป! กองพันอัศวินเป็นแค่บททดสอบหนึ่งของชแฮนเดอร์งั้นหรือ!? กองพันรัตติกาลมีอำนาจมืดขนาดที่ส่งคนเข้าไปอยู่ในกองพันอันดับต้นๆของลัสท์เทรลได้ง่ายๆเชียว? ราวกับรู้ถึงความคิดของลอเฟย์ หล่อนเหยียดยิ้มเย็นยะเยือกเป็นคำตอบ

    คุณคิดยังไงถึงส่งผมไปที่แบบนั้นเขาเอ่ยถามเสียงหลง ใจคอไม่ดีนักเมื่อคิดว่ากำลังจะมีสิ่งที่ทำใจยากจะรับฟังตามมาอีกมากแค่ไหน

    ฉันมีงานต้องจัดการที่นั่น ก็เลยส่งนายไปที่เดียวกับเจ้าอัศวินหัวหงอกนั่นซะเลยเรื่องนี้ยังไม่น่าตกใจเท่าไหร่ในเมื่อหล่อนปรากฏตัวขึ้นมาในคืนนี้ก็คงจะมีความเกี่ยวข้องกับอัลเธียไม่มากก็น้อย เขามองตามแผ่นหลังที่ปกคุลมด้วยเส้นผมสีเงินยวงของหล่อน  นึกสงสัยในใจว่าผมสีเทากับเงินนั้นต่างกันอย่างไร ถ้าหล่อนจะเรียกอัลเธียว่าหัวหงอกน่ะนะ....

     “แล้วก็หยุดเรียกฉันด้วยสรรพนามแบบนั้นได้แล้วหล่อนติเสียงห้วน

    เอ่อ..ครับ ท่านไนกี้?”ในเมื่อมันเป็นคำที่ใช่ได้ถึงมหาเทพก็คงจะใช้กับหัวหน้ากองพันได้เหมือนๆกัน แผ่นหลังของหล่อนตึงขึ้นทันทีตามด้วยเสียงที่บ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์

    ไนคก์

    ไนกี้

    ลอเฟย์พยายามเลียนแบบสำเนียงหนักแน่นของหล่อน แต่มันกลับทำให้ไนคก์ต้องยกมือขึ้นนวดขมับ ดีที่สุดที่เขาจะออกเสียงได้คือ ไนกี้ ซึ่งไม่ต่างจาก ไนคก์ ในหูของลอเฟย์เสียเท่าไหร่ เขาเริ่มหายใจเขาออกอย่างอึกอัดเมื่อหล่อนออกคำสั่ง

    ลองอีกทีซิ

    ไนค์เด็กหนุ่มพูดออกมาในที่สุด แค่พยางค์เดียวยังออกเสียงได้ยากลำบากขนาดนี้ ไม่แปลกที่หล่อนจะไม่อยากให้เขาเรียกนามสกุล

    ได้! จบที่อันนั้นแหล่ะเจ้าของชื่อโบกมือไล่อย่างรำคาญ หล่อนถอนหายใจยาว เฮอะ พวกหางเปียลิ้นสั้น การเอาหัวกระแทกพื้นโลกไม่ทำให้อะไรเปลี่ยนไปบ้างเลยเรอะ?”

    เอ่อ ผมโตในมิดการ์ดครับลอเฟย์ยิ้มแหยๆสะดุดหูกับคำบ่น เขามองไนค์ที่จบกระบวนการบางอย่างกับผลึกสามเหลี่ยมแล้วหันมามองเขาด้วยสีหน้าหงุดหงิดที่เจ้าตัวสวมใส่อยู่ตลอดเวลา

    แกตกลงมาจากน่านฟ้ายูโธเปีย และนั้นไม่ทำให้พันธุกรรมอะไรเปลี่ยนไปเลย โดยเฉพาะผิวซีดๆนั่นด้วยหญิงสาวยืนอยู่ที่เดิม มองทะลุดวงตาสีน้ำเงินที่เบิกกว้างของลอเฟย์ด้วยสายตาเฉียบคม ก่อนโบกมือในอากาศครั้งหนึ่งเพื่อปิดระบบที่กำลังทำงานอยู่ “คิดว่ามีแต่เจ้าหัวหงอกที่รู้เรื่องดาวหางสีน้ำเงินหรือไง เจ้าเปี๊ยก”ไนคก์กอดอก ก่อนจะเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

    74 ปีก่อนมีรายงานดาวหางสีน้ำเงินพุ่งลงมาจากน่านฟ้ายูโธเปียที่เมืองฟอร์ลี แคว้นเซมิเนีย สถานการณ์รอบด้านไม่ได้รับความผิดปกติ ทว่าดาวหางนั้นกลายเป็นแอซไพรส์ ภายหลังคือลอเฟย์ ไลน์สเตรนจ์ รายงานของนายส่งมาพร้อมกับการลาดตระเวนของไนทริค ลูเฮมไฮม์ในเหตุการณ์ที่ฟอร์ลีเมื่อสามเดือนก่อน เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อลัสท์เทรล...แม้แต่นายก็คงรู้ใช่ไหมว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติที่แอซไพรส์คนหนึ่งจะถูกขนส่งอย่างลับๆโดยไม่มีข้อมูลอะไรเหลือทิ้งไว้ แม้ว่าการขนส่งนั้นจะพลาดจนสัมภาระหล่นหายไปก็ตาม

    ผลึกสามเหลี่ยมที่ไนค์วุ่นวายอยู่ก่อนหน้านี้ฉายภาพก้อนหินขนาดใหญ่ที่จำลองเป็นรูปดาวหางที่กำลังพุ่งลองมาจากท้องฟ้า

    ลอเฟย์ ไลน์สเตรนจ์ แม้แต่ฉันก็ไม่รู้ว่านายเป็นใคร ข้อมูลทุกอย่างของนายตั้งแต่ประวัติโดยย่อจนถึงความสามารถพิเศษต่างๆเป็นเรื่องที่เราพึ่งค้นพบ สิ่งที่ฉันอยากให้นายรู้ซึ้งก็คือการมีตัวตนของนายมีอาจมีผลกระทบใหญ่หลวงต่อแอสการ์ด จนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย นายต้องอยู่ในการดูแลของกองพันรัตติกาล...มันเป็นทางเดียวที่ทุกอย่างจะเป็นความลับ

    ไนค์ไม่พูดอะไรต่อ ในน้ำเสียงของหล่อนไม่มีความกดดันหรือการบีบบังคับ เป็นแค่การบอกเล่าที่ลอเฟย์ตระหนักถึงความหมายที่เขาไม่อาจปฏิเสธ

    ผมเป็นแค่แอซไพรส์ระดับ 0 จะไปทำอะไรแอสการ์ดได้ยังไงกัน?”เขาหัวเราะ รู้สึกว่าเสียงของตนเองไม่มั่นคงนัก ภาพดวงดาวเคลื่อนที่ไปที่ขอบด้านล่างของรูปจำลองก่อนแตกออกเป็นกลุ่มแสงขนาดย่อมสีน้ำเงิน

    หัวหน้ากองพันรัตติกาลนิ่งไปสักพักก่อนจะพูดออกมา “....นายไม่ใช่แอซไพรส์ระดับ 0”ค่าตัวเลขต่างๆเริ่มปรากฏขึ้นมาอีกครั้งเมื่อดาวหางสีน้ำเงินวนกลับมาเริ่มต้นใหม่ ลอเฟย์ก้าวเข้าไปหาหล่อนด้วยสีหน้าที่ใกล้เคียงกับความเหลือเชื่อ

    แอซคือพลังงานที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของเทพเจ้าทุกคนโดยไม่มีข้อแม้และการสูญสลาย มันคือพลังงานที่หล่อเลี้ยงจนกว่าชีวิตจะสูญสิ้น อีกนัยหนึ่งคือพลังงานที่ทำให้แอซไพรส์เป็นแอซไพรส์ ซึ่งเกี่ยวพันถึงดวงวิญญาณมากกว่าพลังเวทมนตร์ใดๆ ในกรณีของนายถูกสมมุติขึ้นมา....ความสูงที่ดาวหางเริ่มปรากฏเหนือพื้นดิน ไม่นับรวมระดับที่อยู่ในไบฟรอสต์และมีม่านพลังแน่นหนา คำนวณปัจจัยเหล่านี้เข้าไป แม้แต่แอซไพรส์ระดับสูงที่โตเต็มวัยก็อาจจะไม่รอดชีวิต....

    แสงสีน้ำเงินของมันกระทบนัยน์ตาที่ไม่อาจบ่งบอกความรู้สึกของเขา เกิดเป็นประกายบางๆที่หางตา ตัวเลขในภาพจำลองหมุนสลับกันไปมาอย่างรวดเร็ว

    แอซทั้งหมดในร่างกายของนายแปรเปลี่ยนเป็นเกราะที่แข็งแกร่งที่สุด เพื่อปกป้องลมหายใจในยามที่ยังเป็นทารก....นั่นเป็นสาเหตุที่ในร่างของนายไม่มีแอซเหลืออยู่เลยแม้แต่เศษเสี้ยวเดียวเขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงของหล่อนมาจากที่ไกลๆ เมื่อดาวหางระเบิดอีกครั้งเขาจ้องไปในกลุ่มควันกลมฟูฟ่องที่เกิดจากแรงระเบิดเล็ก

    ในนั้น...เหมือนมีเสียงกัมปนาทที่ทำให้หูอื้อ แสงเรืองรองปะทะกัน ในนั้นที่เขารู้สึกเหมือนถูงดึงกลับไปในม่านควันที่ห่อหุ้มกายด้วยกลิ่นเผาไหม้ในกาลเวลาที่เนิ่นนานเกินกว่าจะจำได้

    ในกลุ่มแสงที่เจิดจ้านั้น เด้กหนุ่มรู้สึกว่าเขาได้สูญเสียอะไรบางอย่างไป ความรู้สึกวูบโหวงที่ผลักให้ปลายนิ้วคว้าไปยังภาพจำลองที่ได้กลับมาเพียงสัมผัสของอากาศว่างเปล่า...

    ไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่เลย

     “ถ้าอย่างนั้นผมก็เสียแอซไปหมดแล้วหรือครับ?...”

    ไม่ มันยังคงอยู่ แต่ในรูปแบบของสิ่งที่ไม่ใช่พลังงาน ....ลอเฟย์นายเป็นข้อพิสูจน์แรกของการแปรสภาพแอซ ส่วนหนึ่งของดวงวิญญาณให้เป็นสิ่งของที่จับต้องได้ นี่! คือเกราะที่แข็งแกร่งที่สุดไนค์จับข้อมือของเขาขึ้นมา ความรู้สึกของผิวกายที่สัมผัสกับเนื้อผ้าของถุงมือสีขาวประหลาดไป ปลายนิ้วที่เปรอะเปื้อนคราบฝุ่นสั่นระริก

    นี่คือเกราะที่แข็งแกร่งที่สุด

     “คงเข้าใจใช่ไหมว่า นาย มีผลกระทบต่อลัสท์เทรลอย่างไร? ไม่ใช่ทุกคนที่อยากครอบครองภูมิปัญญานี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจหรอกนะ สิ่งที่อีดริกท์ทำเป็นเพียงการทดลองจำลองสถานะของนายขึ้นมาเท่านั้น สิ่งนี้เกี่ยวโยงไปหาเรื่องที่ใหญ่หลวงจนไม่อยากจะฟังเชียวล่ะ”หล่อนปล่อยมือลงแล้ว แต่แขนข้างนั้นของเขายังคงค้างอยู่ในท่าเดิม ลอเฟย์มองผิวเนื้อที่ไม่ต่างจากคนทั่วไปด้วยดวงตาที่สั่นคลอ เกจสามเหลี่ยมที่ข้อมือเรืองแสงขึ้นมาแล้ว มันฉายประวัติของเขาที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือนับร้อยหมุนเปลี่ยนไปมา ไม่มีสักชื่อ สักตำแหน่งที่เหมือนกัน สุดท้ายมันก็จบลงที่จอว่างเปล่า

    แล้วคนที่รู้เรื่องของผมก่อนหน้านี้ล่ะครับ พวกเขาจะเป็นยังไง?”จาเวิร์ด ปารีส ไนทริค เฮเลน แม้แต่อัลเธีย แล้วก็ยูลิสท์... ชื่อเหล่านี้ก้องอยู่ในหัวเขา ลอเฟย์มองไปที่ร่างของไนค์ เรือนผมสีเงินดูดแสงสว่างรอบตัว อำพรางขอบเขตของเธอให้ดูเหมือนไม่มีอยู่จริง

    ฉันจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น เพราะนายไม่มีชีวิตอยู่ในความเป็นจริง ฉันจะอนุญาตให้นายมีชีวิตอยู่ในความทรงจำไนค์เบือนหน้าไปที่ผลึกควบคุมอีกครั้ง แค่นิดเดียวแต่เด็กหนุ่มรู้สึกได้ว่าหล่อนหนักแน่นกว่าทุกครั้งที่เคยพูด

    จนกว่าเรื่องนี้จะเรียบร้อย ยินดีต้อนรับสู่กองพันรัตติกาล

    สิ้นเสียงข้อมือของเขาก็กระตุก

    โอ้ย!”มันไม่แรงนัก แต่ลอเฟย์รู้สึกได้ถึงกระแสไฟฟ้าแล่นวาบผ่านไปเหมือนครั้งแรกที่ไนค์ประทับตรานี้ลงบนข้อมือ วินาทีที่ประจุเล็กๆแทรกไปทั่วกายความรู้สึกต่างๆถูกพวกมันพัดหายไปด้วยแรงแตกตัวที่เหมือนดวงดาวนับล้านวิ่งไปจนถึงปลายนิ้วมือ

    เกจสีเงินเปลี่ยนไป พื้นผิวของมันถูกเคลือบด้วยประกายเหลือบมุกที่ชัดเจนกว่าครั้งก่อน ภาพเบื้องต้นในอากาศเป็นข้อมูลแท้ของเขา พร้อมด้วยสัญลักษณ์ต่างๆที่เปลี่ยนไป

    ของพวกนั้นมีไว้ใช้งานในภารกิจ อย่าฝันว่าฉันจะให้นั่งงอมืองอเท้าอยู่เฉยๆ ระหว่างนี้สิ่งที่นายต้องทำคือจำทุกอย่างในลัสท์เทรล...ให้หมด!”ไนค์ย้ำเสียงเข้ม บรรยากาศกดดันโรยตัวลงมาปกคลุมหล่อนอีกครั้ง ถ้ามีอะไร ฉันจะติดต่อผ่านนายไปเอง ทุกอย่างที่จำเป็นต้องรู้อยู่ในเกจที่ข้อมือ หวังว่าที่อ่านภาษานอร์สโบราณได้จะไม่ใช่เรื่องโม้นะเจ้าเด็กบ้านนอก?”ใบหน้าของนางมารยิ้มเยาะ

    ไม่ครับลอเฟย์สะดุ้งทันทีที่หล่อนเริ่มกอดอก ท่านไนค์ แล้วคนในกองพันอัศวินล่ะครับ?”ถึงอย่างไรก็ต้องมีคนที่เอะใจกับความผิดปกติแน่ๆ คนจำนวนมากขนาดนั้นถ้าไนค์อุ้มหายไปทีเดียวจะเป็นข่าวเงียบๆได้หรือ? ไนค์ไม่หันหลังมาแต่เด็กหนุ่มกลับรู้สึกถึงรอยยิ้มที่ทำให้หนาวยะเยือก...

    ฉันยุบไปแล้ว พวกกระจอกควรจะโผล่หัวที่ชายแดนภายในพรุ่งนี้เช้า

    ทั้งหน่วยเลยหรือครับ!

    ทั้งกองพัน

                ลอเฟย์พูดไม่ออก อันที่จริงหล่อนทำอะไรกับหัวหน้ากองพันไปเขาก็ยังไม่รู้เลย! ตอนนี้ทั้งกองพันหายไปที่ไหนคงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นคงรู้ เขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองยืนอยู่ในจุดที่อันตรายที่สุดของลัสท์เทรล และบางทีที่หญิงสาววุ่นวายอยู่เป็นระยะตั้งแต่ต้นอาจจะเป็นคำสั่งนี้ก็ได้ ก่อนที่ลอเฟย์จะได้ถามอะไรออกไป ผู้หญิงที่อยู่ในความคิดของเขาก็หันหลังมา

                “ให้พูดอีกครั้งไหม? ที่นี่คือกองพันรัตติกาล

                ลอเฟย์พิสูจน์ตำนานได้ข้อหนึ่ง ไนคก์ ชแฮนเดอร์เป็นผู้หญิงที่มีร้อยยิ้มของปีศาจจริงๆ

                63 วันหลังจากเข้าสู่ลัสท์เทรล

                ลอเฟย์ ไลน์สเตรจน์ หน่วยงาน : กองพันรัตติกาล

     

    ลัสท์เทรลคือศูนย์กลางของภูมิปัญญาโบราณที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเทพเจ้า สรวงสวรรค์แห่งนี้ปกครองโดยมหาเทพโอดินซึ่งเป็นเอกเทวะหนึ่งเดียวของโลก ทว่านอกจากในนิทานปรับปราทั้งหลาย ลัสท์เทรลคือมหานครลอยฟ้าขนาดยักษ์ที่ประกอบด้วยหน่วยงานต่างๆมากมายที่ทำงานด้วยวิทยาการล้ำยุคชนิดว่าเด็กบ้านนอกคนหนึ่งไม่อาจจินตนาการได้

    ลอเฟย์หยุดที่หน้าประตูไม้ทรงโค้งขนาดใหญ่ที่เปิดเอาไว้ตอนรับผู้มาเยือนตลอดเวลา แต่การที่จะเข้าสู่ห้องสมุดรวมของอินเนอร์ไชร์นั้นจะต้องผ่านกำแพงบางๆที่ทำให้ภาพด้านในดูเหมือนมองผ่านคริสตัลไปเสียก่อน ร่างของเขาซึมซับความเย็นสดชื่นเมื่อเดินทะลุกำแพงเวทมนตร์เข้ามาในหอตำราขนาดย่อมที่ทำด้วยไม้มะฮอกกานีขัดเป็นเงาวับ สันหนังสือเรียงกันอย่างเป็นระเบียบบนชั้นที่สูงไปถึงเพดานทรงกลมตามแบบท้องฟ้าที่แสดงวิถีโคจรของดวงดาวต่างๆจนไปถึงพยากรณ์อากาศด้วยเวทมนตร์

                เนื่องจากในอดีตชนเผ่าเทพเจ้ามีชีวิตอยู่ในยุคสงครามซึ่งมนุษย์กว่าครึ่งเอาชีวิตไม่รอดและต้องสู้รบกับอสูรฝั่งตะวันออกอยู่ตลอดเวลา ลัสท์เทรลจึงพัฒนาขึ้นมาในรูปแบบของกองทัพ จึงไม่น่าแปลกใจที่นครซึ่งเจริญด้วยอารยธรรมแห่งนี้จะประกอบด้วยกองพันกว่าสิบกองและกำลังพลมหาศาลในทั่วทุกทวีป อย่างไรก็ตามมีน้อยคนนักที่จะรู้ถึงกองพันต่างๆที่ทำงานอย่างเป็นความลับ

    หนึ่งในนั้นคือกองพันรัตติกาล

    ...กองพันรัตติกาลปรากฏอยู่ในทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่มีการก่อตั้งลัสท์เทรลอย่างเป็นทางการ มักเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่หาคำตอบไม่ได้และถูกเชื่อว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์สำคัญต่างๆมากมายในรอยต่อของประวัติศาสตร์ ทั้งนี้ทั้งนั้นหลักฐานต่างๆในการยืนยันตัวตนของกองพันปริศนานี้ยังคงมีเพียงคำเล่าลือปากต่อปากที่ไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่ากองพันรัตติกาลมีหน้าที่อะไร...

    ...แต่กระนั้นก็ยังอุส่าถูกเขียนในหนังสือ ถึงจะเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ไม่ใช่หนังสือโครงสร้างสถาบันก็เถอะ เด็กหนุ่มปิดหนังสือเล่มหนาที่ว่าด้วยประวัติศาสตร์ในยุคกลางถึงยุคฟื้นฟูอารยธรรมของอีเซอร์

    หน้าที่ของไนคก์ ชแฮนเดอร์คือดูแลทุกอย่างที่ผิดปกติให้กลายเป็นความปกติด้วยวิธีการที่ไม่จำกัดภายใต้อำนาจมืดของกองพันรัตติกาล และด้วยข้อเท็จจริงที่ว่ามันเป็นกองพันที่รับคำสั่งโดยตรงจากโอดินเท่านั้น ภารกิจเกือบทุกอย่างจึงเป็นความลับระดับสุดยอด

    แอซไพรส์ผมดำเหลือบไปที่วัตถุชิ้นหนึ่งบนชั้นหนังสือที่สูงกว่าชั้นอื่นๆ อย่างเช่นภารกิจของเขาในวันนี้ที่ต้องมาขยับเจ้าแจกันสีเขียวเข้มที่วางผิดองศาไปแค่นิดเดียว แต่ใครจะรู้ล่ะว่ามันเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของกลไกระเบิดที่ถูกติดตั้งไว้ที่ฐานของนครลอยฟ้า ทางที่ดีไม่ควรจะวางมันผิดที่จะดีกว่า....

    ส่วนคำถามที่ว่าทำไมของอันตรายอย่างกลไกเวทมนตร์มหาประลัยถึงถูกตั้งอยู่ในห้องสมุดของอินเนอร์ไชร์นั้นไม่มีอะมากไปกว่า มันก็ถูกตั้งอยู่ตรงนี้มาตั้งนานแล้ว

    และคำถามต่อไปที่เขาคิดในวินาทีแรกที่ได้ยินเรื่องนี้คือไม่มีใครรู้จริงๆหรือว่ามีระเบิดติดตั้งอยู่ที่ใต้บ้านของตัวเอง คำตอบก็คือไนคก์รู้และหล่อนรู้ความลับทุกอย่างในลัสท์เทรล ดังนั้นนอกจากดูแลความสงบในที่ลับแล้ว กองพันรัตติกาลยังรู้ความลับของสิ่งอย่างและทุกคนในลัสท์เทรลอีกด้วย คิดไปแล้วเขาก็เลื่อนไปมองขวดเหล่าโบราณที่ตั้งประดับอยู่อีกมุมหนึ่งเพื่อความปลอดภัยว่ามันไม่ได้หันไปผิดด้านจนเกิดเปิดประตูลับบานหนึ่งเข้า

     “ก่อนจะอ่านเล่มนั้นนายควรจะรู้โครงสร้างของสิบกองพันเสียก่อนปลายนิ้วที่แตะลงบนตำราเบื้องหน้าชะงักลง ที่ว่างในอากาศด้านหลังของเขาถูกแทนด้วยร่างของหญิงสาวคนหนึ่งอย่างเงียบเชียบ หล่อนนั่งหันหลังชนกับเขา

    ผมก็แค่สงสัยน่ะครับเขาพยายามไม่สะดุ้งกับการมาถึงของไนค์ที่ทำอย่างไรก็ไม่หายตกใจซะที

    นายอ่านเล่มที่ฉันสั่งไปหมดแล้วรึ?”หางเสียงของหล่อนประหลาดใจเล็กน้อย แต่ยังคงไม่หันมา เช่นเดียวกับลอเฟย์ที่ไม่อยากหันไปเห็นสายตาอันคมกริบของหัวหน้ากองพัน หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาไนค์ไม่ให้เขาทำอะไรไปมากกว่าศึกษาทุกอย่างในลัสท์เทรล หล่อนสั่งรายชื่อหนังสือในห้องสมุดให้เขาอ่านเป็นว่าเล่น นำชีวิตเล็กๆจากลานฝึกของเขาเข้าสู่อินเนอร์ไชร์ เขตชั้นในของลัสท์เทรลที่เป็นดั่งสมองของนครลอยฟ้า ที่นี่ลอเฟย์ต้องเดินเข้าเดินออกหอตำราในฐานะบรรณนารักษ์ฝึกหัดจากเมืองเล็กๆที่ถูกส่งมาทำงานชั่วคราว

    อ่านหมดแล้วครับ ผมมีข้อสงสัยหลายข้อ ดูเหมือนว่าจะมีข้อมูลพื้นฐานที่ผมยังไม่รู้ แล้วก็ตรงนี้อีก...เสียงหัวเราะของไนค์หยุดมือเขาจากการสลับหนังสือตรงหน้าไปมา ที่มากกว่านั้นคือเสียงเล็กๆเจื้อยแจ้วที่มาจากกลุ่มสาวๆที่เดินผ่านมา ทำเอาลอเฟย์ชะงักบทสนทนาที่จริงจังอยู่เพียงคนเดียวด้วยใบหน้าร้อนฉ่า

    ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆไนค์หัวเราะอย่างไม่สนใครและไม่ต้องสนใจว่าใครจะมองเห็นหล่อน

    ท่านก็...รู้แล้วอย่าแกล้งผมเลยครับเขาลูบใบหน้าจนแก้มตึง โธ่เอ้ย เขาน่าจะเอะใจสักหน่อยว่าทำไมผู้บัญชาการกองพันรัตติกาลถึงกล้ามานั่งอยู่ในห้องสมุดตอนกลางวันแสกๆ

    ฉันไม่ได้แกล้ง แกมันไม่มีไหวพริบต่างหากร่างในเครื่องแบบสีแดงเข้มไหวไหล่ แค่นี้ก็ไม่รอบคอบแล้ว ชีวิตท่าจะสั้นไนค์จงใจพูดต่อให้น้องใหม่ในกองพันอันตรายเจ็บใจดำเล่นๆ เรียกสายตาเหน็ดเหนื่อยของคนข้างหลัง

    เอาเถอะ ตามฉันมาเรียวขายาววาดออกจากท่านั่งไขว่ห้างอย่างสวยงาม หล่อนเดินตรงไปตามทางหลักที่ผ่ากลางห้องสมุดโดยมีลอเฟย์เดินตามหลังแบบเว้นระยะห่าง ผ่านโต๊ะหนังสือใหญ่นับสิบ เรือนผมสีเงินถูกแสงแดดจากหน้าต่างรอบหอตำราเป็นสีทองอ่อนๆตัดกับชุดสีสะดุดตาที่ไม่มีใครมองเห็น มิฉะนั้นรูปร่างที่โดดเด่นจะต้องดึงดูดสายตาคนไม่น้อย ความสูงของไนค์และรองเท้าบูทอันน่ายำเกรงนั้นเกินกว่าลอเฟย์ไปเกือบคืบ

    เป็นอีกครั้งที่แอซไพรซ์ผู้น่าสงสารนึกน้อยใจส่วนสูงของตัวเองอยู่บ้าง.......นึกถึงตรงนี้แล้ว ลอเฟย์มีลางสังหรณ์ว่าหล่อนกำลังยิ้มอยู่ ทั้งสองหยุดลองที่ท้ายของห้องโถงยาว หน้าประตูเล็กๆที่ห่างไกลการบูรณะบานหนึ่ง

    นี่มันห้องเก็บของ...เขามองหน้าไนค์ด้วยความงุนงงในขณะที่หัวหน้ากองพันรัตติกาลไม่กล่าวอะไร เปิดประตูห้องเก็บของออกด้วยท่าทางทะมัดทะแมงเช่นเดิม “.....ใช่ไหมครับ?” สีหน้าของเด็กหนุ่มจืดไปสนิทเมื่อพบกับวงแหวนสีเงินและก้นบึ้งดำทะมึนของมันรออยู่

    อยากรู้ก็เข้าไปสิหญิงสาวโคลงศีรษะไปด้านใน

    ...ไม่ค่อยอยากรู้เลยครับ แต่กระนั้นแอซไพรส์ชั้นผู้น้อยก็ต้องกลั้นใจแหย่ขาเข้าไปในมิติปริศนาก่อนที่รองเท้าบูทที่ดูไม่น่าไว้ใจคู่นั้นจะส่งเขาไปเอง เด็กหนุ่มถูกดูดเข้าไปมิติปริศนาตั้งแต่วินาทีที่ร่างกายทุกส่วนผ่านเข้ามาในความมืด ราวกับมีลมหวนพัดผลัก ร่างของเขาเซเสียหลักไปเล็กน้อยก่อนที่จะเหยียบลงบนพื้นที่ต่างออกไปจากเดิม

    แสงสีทองทักทายดวงตาของลอเฟย์ เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งเขาก็มาอยู่ในโดมแกวขนาดใหญ่ที่มีท้องฟ้าเป็นเพดานและแสงเรืองรองจากทิวทัศน์สุดลูกหูลูกตาของลัสท์เทรล “.....ว้าวเขามองคานที่พาดกลางหลังคาแก้วเหมือนกับลูกโลกขนาดยักษ์ ที่เสาใจกลางของห้องยังมีบันไดวนขึ้นไปสู่ชั้นลอยเหมือนบนเสากระโดงเรือ มันเต็มไปด้วยเครื่องมือประหลาดที่ลอเฟย์ไม่เคยเห็นอาบย้อมด้วยผิวทองคำอร่ามตา อีกมุมหนึ่งมีโต๊ะทำงานตัวใหญ่และกองหนังสือวางอยู่ เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนอยู่ที่นี่ตลอดเวลา

    นี่คือห้องทำงานของฉันเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นโดยไม่มีที่มา ไนค์ก้าวผ่านเด็กหนุ่มผมดำไปที่โต๊ะทำงานของหล่อนอย่างปกติ

    ตกใจเรอะ? ยอดปราสาทลัสท์เทรลมองเห็นทุกส่วนในแอสการ์ด เว้นเสียแต่หอคอยดาราของมหาเทพหล่อนเบือนหน้าไปด้านนอก มีเงาของหอคอยสูงชะลูดตั้งอยู่ไกลๆ

    หมายความนี่คือปราสาทของมหาเทพโอดินหรือครับ?”เขายืนอยู่บนยอดปราสาทลัสท์เทรล! ในใจกลางของนครลอยฟ้า เขาต้องลูบแขนตนเองอย่างอดไม่ได้เมื่อรู้สึกขนลุกขึ้นมา เงาปราสาทสีขาวที่เขาเฝ้ามองมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าจะอยู่ในลัสท์เทรลก็ยังไกลเหมือนเกินเอื้อมมือ

    มันเป็นไปได้อย่างไร...?

     “เราอยู่ในเงามืด จะไปไหนไม่จำเป็นต้องผ่านประตู ลัสท์เทรล...จะเป็นเหมือนเขาวงกตในมือเจ้าดวงตาคมกริบถลำลึกเข้าสู่ห้องความคิดของตนขณะมองเด็กหนุ่มในวัยเยาว์ที่ตื่นตัวออกนอกหน้าจนลืมท่าทางยำเกรงที่มีต่อหล่อนไป

    ต่อไปนี้ให้มาหาฉันที่นี่ไนค์ตวัดเสียง เรียกความสนใจจากลอเฟย์อีกครั้ง วันนี้เป็นเรื่องของนาย

    เรื่องของผม?”

    ไม่อยากรู้ความจริงแล้วหรือ?”หล่อนเลิกคิ้วใส่คำทวนนั้น ก่อนจะลุกขึ้นเดินวนไปที่อีกด้านตามด้วยลอเฟย์ที่อยากรู้อยากเห็น ฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ เพราะฉะนั้นฉันจะให้คนที่ถนัดอธิบายกับนายเอง ...แต่ด้วยความงี่เง่าของหมอนั่นทำให้ฉันต้องเสียเวลา

    จินตนาการไม่ออกเลยว่าใครทำให้คนอย่างไนค์ต้องหัวเสีย ดวงตาสีน้ำเงินมองตามปลายนิ้วชี้ที่ลากไปในอากาศเป็นรูปวงกลมขนาดใหญ่ เส้นแสงสีเงินปรากฏตัวตามปลายวิถีนิ้วของหล่อนจนบรรจบกันเป็นวงกลมและขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นวงแหวนสีเงินขนาดเท่าตัวคนลอยอยู่กลางอากาศ

    ลอเฟย์ไม่ละสายตาไปจากมือในถึงมือสีขาวที่ชูขึ้นด้านหน้า นิ้วกลางแตะกับนิ้วโป้งชั่วครู่เหมือนเล็งอะไรสักอย่าง และในตอนนั้นเองมันดีดออกจากกัน พร้อมๆกับทิวทัศน์หลังวงกลมปลิวหายไปในจุดศูนย์กลางดุจน้ำวน เบื้องหลังของมันคือสถานที่ที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างมาก

    “ปีกพยาบาล?”ยิ่งมองยิ่งแน่ใจว่าเป็นปีกพยาบาลที่เขาใช้ชีวิตอยู่มาร่วมสองเดือนอย่างแน่นอน แล้วไนค์มีธุระอะไรกับที่นี่กัน? ก่อนที่เขาจะลั่นปากถามออกไป เสียงของตกหล่นจากอีกฝั่งหนึ่งดังขึ้นก่อนจะตามด้วยเสียงที่เขายิ่งกว่าคุ้น

    เกือบจะตัดเตียงออกเป็นสองท่อนอีกแล้ว

    จาเวิร์ด!!

    ว่าไงหนุ่มน้อย สวัสดีไนกี้ ขอบใจที่ไม่ผ่ากลางตัวข้าอีกนะหัวหน้ากองพันรัตติกาลแผ่รังสีอำมหิตอย่างไม่ปิดบัง เมื่อจาเวิร์ดผู้ดูปกติดีทุกกระเบียดนิ้วโผล่เข้ามาในวงแหวนหรืออีกฝั่งของวงแหวนถ้าจะเจาะจง...

    อันที่จริงฉันกำลังเล็งอยู่หล่อนยิ้มมาดร้ายให้เป็นเครื่องยืนยัน ลอเฟย์ที่ยืนข้างๆถึงกับกลืนน้ำลาย ต่อไปนี้ทุกวินาทีเขาคงจะพะวงกับการมีอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหายไปกระทันหัน

    ข้ารู้น่ะสุดสวยว่าเธอเล็งแม่นนอกจากจะไม่สะทกสะท้านแล้วคุณหมอร่างผอมยังยิ้มกลับอีกด้วย ไม่น่าแปลกใจถ้าจาเวิร์ดจะเป็นคนต่อกรกับปีศาจร้ายแห่งกองพันรัตติกาล

    เอ่อ...สวัสดีครับ?”เขาพยายามพูดอย่างปกติเหมือนที่พึ่งพูดกับจาเวิร์ดไปเมื่อเช้านี้

    ยินดีต้อนรับ ถึงจะได้ไม่ก้าวขาเข้ามาก็เถอะ บ่ายนี้เป็นนัดของข้ากับเจ้าเรื่องแอซที่หายไปกับเกราะมหัศจรรย์สีน้ำเงิน เจ้าเป็นคนไข้เจ้าประจำของข้าเลยนะรู้ไหม?”

     

    -------------------------------------------------

    ต่อไปจะเป็นเรื่องที่คนงงกันมากที่สุดแล้ว กับพลัง 0 ของลอเฟย์ 55555555555555

    ใครอ่านมาถึงตรงนี้ขอเสียงหน่อยค่าาาา 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×