ลำดับตอนที่ #81
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #81 : ตอนพิเศษ3(จบตอน)
ตอนพิเศษ [ต่อ]
ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะก้าวเท้าเดินเข้ามาในร้าน เสียงดนตรีก็ดังแว่วให้เข้ามาได้ยิน บรรยากาศในวันนี้ก็เป็นเหมือนทุกวัน กลุ่มนักศึกษาหญิงชายหลายคณะที่ต้องการพักผ่อนด้วยการสังสรรค์กันอย่างสนุกสนานกับกลุ่มเพื่อนฝูงที่ ‘ร้านเหล้าหลังมอ’ แห่งนี้ และวันนี้ก็ดูเหมือนจะคึกคักเหมือนเคย เพราะผู้คนได้หลั่งใหลเข้ามาจนเกือบจะเต็มร้านในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
เขาเดินผ่านสายตากลุ่มคนหลายโต๊ะ แล้วมุ่งไปยังด้านข้างเวที ก่อนที่จะยกมือไหว้ทักทายคนๆหนึ่งทันที
“ เฮีย หวัดดีครับ ”
“ เออ ดีๆ ” ชายหนุ่มเจ้าของร้านบุคลิกสุดเซอร์ไหว้รับ
“ ทำไมวันนี้มาเร็วจังวะ ? พึ่งสามทุ่มเอง ”
“ ฮ่ะ ๆ ก็ออกมาก่อน เผื่อได้ทิปเพิ่ม ” เขาพูดเล่น
“ เท่าที่ให้มึงอยู่ทุกวันนี่กูก็จะ ‘จนแดก’ อยู่แล้วนะ !! ขนาดทำแค่อาทิตย์ละวัน ”
“ โห ล้อเล่นน่ะเฮีย ”
“ ผมแค่อยากออกมาดื่มด่ำบรรยากาศก่อน อยู่หอเบื่อๆน่ะ ”
“ ไหนว่าใกล้สอบแล้วไง ”
“ โอ๊ย เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง สบายมาก ”
“ ให้มันแน่เถอะมึง !! กูยังกลัวว่ามึงจะมาขอลาออกกลางคันวันไหนก็วันหนึ่ง เรียนหมอแล้วยังเสือกมาเล่นดนตรีกลางคืนอีก จะไปรอดสักกี่เดือนกัน ” ฝ่ายนั้นส่ายหัว
“ พอถึงตอนนั้นค่อยว่ากันนะเฮีย ตอนนี้อย่าพึ่งคิด ๆ ฮ่ะ ๆ ๆ ”
“ เฮ้ย !! ไอ้ต๊ะ ขอเบียร์ขวดดิ๊ ” เขาหันไปบอกพนักงานเสิร์ฟที่สนิทกัน
“ นั่น ! ผลาญเบียร์กูอีก !! ” เจ้าของร้านโวย
“ บิ๊วอารมณ์ก่อนขึ้นเวทีไง ”
“ เออ แล้วไอ้เก่งล่ะ ? ”
“ ก็คงมาตอนใกล้สี่ทุ่มล่ะมั้ง ? ไอ้เก่งน่ะมันขยัน ต้องอ่านหนังสือทดแทนไว้ก่อน ”
“ เออ ถ้างั้นกูไปก่อนนะ ”
“ ไปไหนอ่ะเฮีย คนเริ่มเยอะแล้วนะ ”
“ กูจะไปห้องน้ำ กูปวดขี้ !!! มึงไปกับกูมั้ย ?? ”
“ ฮ่ะ ๆ ๆ งั้นไปเถอะครับ ”
เขาเริ่มทำงานที่ร้านเหล้าแห่งนี้ตั้งแต่ช่วงฤดูหนาวเมื่อต้นปี จนถึงตอนนี้นับรวมแล้วก็เกือบๆครึ่งปีเห็นจะได้ ไม่แปลกเลยที่เขากับอาเฮียเจ้าของร้านจะสนิทสนมกันมาก อาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายก็เป็นคนหนุ่มเหมือนกันเพราะพึ่งจะเรียนจบมาหมาดๆก็ได้เงินหนึ่งก้อนจากพ่อให้มาทำธุรกิจร้านเหล้าหลังมอแห่งนี้
ฝ่ายนั้นเป็นคนกระโชกโฮกฮากชอบดุชอบด่าแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร แต่ที่จริงแล้วใจดีอย่าบอกใคร แถมยังใจใหญ่อีกต่างหาก ไม่อย่างนั้นจะเพิ่มทิปให้เขาเสียแทบทุกครั้งเหรอ
แต่ก่อนตอนที่เขายังมีเวลาก็สามารถมาเล่นที่นี่ทุกวันได้ แต่หลังจากนั้นก็เริ่มลดลงเป็นสัปดาห์ละสามวัน สัปดาห์ละสองวัน จนตอนนี้เหลือแค่สัปดาห์ละหนึ่งวัน นั่นเป็นเพราะการเรียนที่หนักมากขึ้นนั่นเอง
เขาจะเล่นดนตรีที่นี่ทุกวันศุกร์เท่านั้น เพราะว่าเป็นวันที่มีคนมาเยอะที่สุด จากที่อาเฮียเป็นคนแนะนำและจัดการให้เอง ถึงจะแกล้งพูดอ้อมค้อมแต่เขาก็รู้ว่าที่จริงแล้วฝ่ายนั้นก็เป็นห่วงเขาเหมือนกัน ไม่อยากให้เขาเหนื่อย แต่ก็ยังอยากมีเขาอยู่ในร้าน เราก็เลยตกลงกันว่า...เล่นดนตรีแค่วันศุกร์วันเดียวก็เพียงพอแล้ว
แต่ลึกๆแล้วเขาก็รู้ดีว่าคงทำงานที่นี่ไม่ได้นานนักหรอก เพราะไม่ว่ายังไงวันหนึ่งก็ต้องลาออกอยู่ดี ถ้าจะเรียนๆเล่นๆแบบนี้ต่อไปมีหวังตกแล้วตกอีกจนเรียนหมอไม่จบแน่
เมื่อถึงเวลาประมาณสี่ทุ่ม ก็ถึงคิวของพวกเขาที่จะได้เล่นดนตรีเสียที !!
เขากับไอ้เก่งเพื่อนสนิทเดินขึ้นเวทีอย่างมาดมั่น วันนี้ก็เป็นเหมือนทุกๆวันที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ‘เรา’ เป็นที่นิยมในหมู่หญิงสาวมากแค่ไหน ไม่อย่างนั้นเสียงต้อนรับจะถล่มทลายขนาดนี้เหรอ
บทเพลงได้เริ่มต้นขึ้นอย่างไพเราะและซาบซึ้ง ผ่านไปเพลงแล้วเพลงเล่า ทุกคนดูอิ่มเอมกับรสดนตรีที่พวกเขาถ่ายทอดเพราะสังเกตได้จากใบหน้าและดวงตาเหล่านั้น
ความสุขได้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็หมดเวลาสำหรับพวกเขาสองคนบนเวที แต่ยังไม่หมดสำหรับค่ำคืนนี้...
หลังจากที่เล่นดนตรีเสร็จ เราทั้งสองคนก็เดินไปยังโต๊ะที่อยู่มุมสุดด้านข้างเวทีทันที
“ เฮ้ย !! นึกว่าพวกมึงยังไม่มาซะอีก ” เขาแตะมือทักทายกลุ่มเพื่อนสนิท ที่วันนี้มากันเกือบครบกลุ่ม จะขาดก็แต่ไอ้นนท์กับไอ้ฉัตรเท่านั้น
“ ไม่มาได้ไง เดี๋ยวเพื่อนกูโดนสาวๆงาบไปจะทำไง ” ไอ้เม้งตอบกลับมา
“ ฮ่ะ ๆ ๆ ”
เราสังสรรค์กันอย่างสนุกสนานตามปกติจนเวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า...
“ เอ่อ ขอโทษนะคะ ” เสียงสดใสดังขึ้นทางด้านหลัง เพื่อนทุกคนในกลุ่มเงียบเสียงทันที เขาจึงรีบหันไปมอง
“ ครับ ” เขามองหญิงสาวที่ตอนนี้กำลังทำท่าทางเขินอาย
“ คือว่า...มีเพื่อนที่โต๊ะนู้น ” เธอชี้นิ้วไปอีกทาง
“ เค้าฝากมาขอเบอร์น่ะค่ะ ”
“ ฮิ้ววววววววววววว !!! ” เสียงแซวสนั่นหวั่นไหวจากกลุ่มเพื่อน หญิงสาวจึงยิ่งเกิดอาการเขินอย่างหนัก
“ เพื่อนคนไหนเหรอครับ สวยหรือเปล่า ? ” ไอ้ปอร์เช่สอดเข้ามาทันที
“ ชวนเพื่อนมานั่งโต๊ะนี้ด้วยกันสิครับ ” ไอ้เก่งเสริมทัพอีกคน
แต่หญิงสาวก็ยังยืนยิ้มหวานจ้องตาเขาอยู่อย่างนั้น จนเขาต้องพูดขึ้นมาบ้าง
“ คือ ขอโทษนะครับ ตอนนี้ผมมีเยอะจนสับรางไม่หวาดไม่ไหวแล้ว ตอนนี้จึงปิดรับสมัครชั่วคราวน่ะครับ ” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม แต่เพื่อนในโต๊ะต่างหันมามองเขาจนตาค้าง
“ งะ งั้นเหรอคะ ” หญิงสาวหน้าเสียลงทันที
“ ครับ ” เขายิ้มหวานให้อีกครั้ง
“ ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ ”
“ แต่ว่า...เพื่อนผมยังว่างหลายคนนะครับ สนใจมั้ยครับ ? ”
“ ไม่เป็นไรค่ะ ” เธอพูดแค่นั้นแล้วจึงรีบเดินกลับโต๊ะทันที
เพียงเท่านั้นแหละ พอเขาหันกลับมาก็ถูกเพื่อนในโต๊ะโห่ใส่แล้วตามด้วยการถูกรุมสะกำด้วยฝ่ามือพิฆาตทันที
“ มึงทำไมบอกออกไปแบบนั้น คิดอะไรอยู่ !! ”
“ ทำไมไม่เลี้ยงไว้ก่อน แม่ง !! ”
“ เฮ้อ...แมนโคตรๆเลยเพื่อนกู ”
“ ทำไมไม่แกล้งให้เบอร์กูไป สาดดด !! ” ประโยคสุดท้ายจากไอ้เม้ง เพื่อนคนอื่นๆหันไปมองขวับ แล้วเปลี่ยนไปรุมมันแทนทันที
“ ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ ”
ทำไมเขาถึงบอกออกไปแบบนั้นน่ะเหรอ ?
ก็เพราะมันเป็นแบบนั้นจริงๆนี่นา
อีกอย่างคือ...เขาไม่อยากจะคบกับใครแล้วตอนนี้ มันรู้สึกเบื่อๆชอบกล ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
*********************************
ช่วงนี้ฝนตกลงมาแทบจะทุกวัน อากาศเย็นชื้นแบบนี้ทำให้เขาไม่อยากจะออกไปไหนเลยจริงๆ แต่ว่า...บังเอิญว่าช่วงนี้ก็ใกล้สอบเข้ามาทุกวันแล้วน่ะสิ
“ ฮัลโหล กฤตตอนนี้มึงอยู่ไหน ? ” เขาโทรหาเพื่อนสนิทตอนประมาณทุ่มครึ่ง
“ อยู่ห้องสมุด มีไรเหรอ ? ”
“ ขยันเชียวนะมึง อยู่ห้องสมุดเนี่ย ”
“ เออ มีไรว่ามา ”
“ กูอยากขอยืมชีทรวมเล่ม phamaco น่ะ ยืมไปถ่ายเอกสารหน่อย ”
“ ได้ !! กูเอามาด้วยพอดี งั้นเดี๋ยวพอห้องสมุดปิด กูจะแวะเอาไปให้มึงอยู่หอละกัน ”
“ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวกูไปเอาเองก็ได้ จะได้แวะถ่ายเอกสารให้เสร็จเลย ”
“ เหรอ ถ้างั้นก็ได้ ถ้ามึงมาถึงก็มาเอาละกัน กูอยู่ชั้นสอง ”
“ เออ งั้นแค่นี้ล่ะ ”
เขาสตาร์ทรถบึ่งไปห้องสมุดคณะภายใน 15 นาที เพราะถ้าหากช้ากว่านี้กลัวว่าห้องสมุดอาจจะปิดไปเสียก่อน
และเมื่อมาถึงร่างสูงก็เลี้ยวซ้ายแล้วก้าวเท้าเดินขึ้นบันไดทันที แต่เมื่อมองขึ้นไปเขากลับพบใครคนหนึ่งที่กำลังเดินลงมา
...น้องณัฐ...นี่หว่า ??
มาอ่านหนังสือที่ห้องสมุดด้วยเหรอ !!
เขารู้สึกหัวใจพองโตขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่จะรีบก้าวเท้าเดินขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว และในจังหวะที่กำลังเดินสวนกันนั้น
“ หวัดดีครับน้องณัฐ ” เขาเอ่ยทักอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม เพราะที่ผ่านมาฝ่ายนั้นชอบทำเป็นมองไม่เห็นเขาอยู่เรื่อย ครั้งนี้จึงต้องลองทักทายกันสักหน่อย ดูสิ !! จะทำหน้ายังไง ?
แต่แล้วฝ่ายนั้นกลับ...ไม่มองสบตาเขาแม้แต่น้อย !! เดินผ่านกันไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับตัวเขาเป็นอากาศธาตุเสียอย่างนั้น
...ฟิ้ววว...รู้สึกเหมือนลมพัดพริ้วไหวและใบไม้ที่ล่องลอยอยู่ข้างตัว
รู้สึกหน้าชาเล็กน้อย...นี่เขากำลังถูกเมินงั้นเหรอ ?!!
ไม่เคยมีใครทำกับเขาแบบนี้มาก่อน เพราะที่ผ่านมาทุกคนออกจะกระดี๊กระด๊าอยากรู้จักกับเขาจนออกนอกหน้ากันทั้งนั้น
แต่น้องคนนี้ !!
เพราะไม่เคยมาก่อนเลยในชีวิต ดังนั้น ‘การถูกเมิน’ จึงเป็นความรู้สึกแปลกใหม่อีกหนึ่งอย่างที่เขาพึ่งได้รับอีกเหมือนกัน...
เขาหันกลับมา แล้วก้าวเท้าเดินขึ้นบันไดต่อ พร้อมกับเผยยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย
หึ !! ชอบทำเป็นไม่สนใจดีนักใช่มั้ย ?
จะทำให้ไม่กล้าเมินอีกต่อไปเลยคอยดู !!!
******************************
...หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...
“ สน วันนี้เราไปดูหนังกันนะ ” หญิงสาวส่งเสียงผ่านมาตามปลายสาย
“ ขี้เกียจอ่ะก้อย ” เขางัวเงียเพราะยังไม่ลุกจากเตียงนอน
“ พูดอย่างนี้ได้ไง ก็วันนี้เป็นวันเสาร์ สนไม่ได้ทำอะไรไม่ใช่เหรอ ? ”
“ ก็เพราะมันเป็นวันว่างน่ะแหละ ก็เลยอยากอยู่เฉยๆ ” เขาตอบส่งๆ
“ แต่หนังเรื่องนี้ สนเคยบ่นว่าอยากดูไม่ใช่เหรอ ? ”
“ ................................... ” เขาเถียงไม่ออก
เพราะวันนี้เป็นวันหยุด แถมหนังเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องที่เขาอยากดูมากอีกต่างหาก ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธได้เลย แต่ว่า...เขาขี้เกียจไปจริงๆนี่นา
จะอะไรซะอีกล่ะ !! ก็ครั้งล่าสุดที่ไปดูหนังกับเธอ เธอพยายามจะไปโรงหนังที่มีคนพลุกพล่านมากที่สุด รอบที่มีคนมาดูเยอะมากที่สุด พยายามที่จะควงแขนเขาตลอดเวลา พอเจอเพื่อนก็ทักทายไปเสียหมด แล้วยังแนะนำกับคนอื่นว่าเขาเป็น ‘แฟน’ อีกต่างหาก ทั้งๆที่เราทั้งคู่ตกลงกันแล้วว่า...เราจะคบกันเฉยๆ...ไม่ได้ผูกพันเป็นแฟน เพราะต่างคนต่างก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายมี ‘กิ๊ก’ เยอะไม่แพ้กัน !!
เขารู้ดีว่าก้อยก็ไม่ได้จริงจังอะไรกับเขามากมายหรอก เพราะเห็นเธอไปกับผู้ชายคนอื่นก็บ่อย และในขณะเดียวกัน...เขายอมรับว่าก็คุยกับผู้หญิงคนอื่นเหมือนกัน
เรารักอิสระกันเสียจนไม่มีความจำเป็นต้องเป็น ‘แฟน’
อาจจะแปลกประหลาดไปสักหน่อย แต่นี่คือความจริงที่เราตกลงและยอมรับกันตั้งแต่แรกแล้ว !!
“ งั้นเดี๋ยวตอนบ่ายโมงสนมารับก้อยนะ ก้อยจะรอ ” ยังไม่ทันที่จะได้ตอบอะไร อีกฝ่ายก็วางสายโทรศัพท์เสียก่อน
“ เฮ้ย !! ”
นี่มันบังคับกันนี่หว่า ??
เฮ้อ...ผู้หญิงนะผู้หญิง
เวลาประมาณบ่ายสองเศษ เขาและหญิงสาวก็เดินทางมาถึงโรงหนัง หลังจากที่ดูรอบและจัดการซื้อบัตรจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงแวะไปกินอาหารกันที่ร้านอาหารชั้นล่าง
แต่ระหว่างที่กำลังกินอาหารอยู่นั้น อาจจะเป็นเพราะโชคชะตาหรือความบังเอิญก็ไม่ทราบได้ เพราะเขาเห็น ‘น้องณัฐ’ กำลังเดินอยู่นอกร้านเต็มสองตา แต่ที่น่าแปลกใจกว่าคือ...น้องณัฐเดินเคียงคู่มากับผู้หญิงคนหนึ่งน่ะสิ !!
ผู้หญิงคนนั้น...คือรุ่นน้องที่ประกวดได้ตำแหน่งสาวสวยปีนี้นี่นา !!
ชื่ออะไรนะ...อ๋อ น้องแก้ม
มาเดินด้วยกันแบบนี้...นี่คงไม่ใช่คบกันหรอกนะ หรือว่าจะเป็นแฟนกันแล้ว ??!!!
หัวใจของเขาหล่นวูบอย่างที่ไม่ทราบสาเหตุ อาจจะเป็นเพราะเขาก็รู้สึกสนใจน้องผู้ชายคนนี้มาตั้งแต่แรก เพียงแต่ว่า...เขาแค่ไม่แน่ใจว่า ‘สนใจ’ ในแบบไหนเท่านั้นเอง ??
เขามองคู่ทางด้านนอกที่พึ่งเดินผ่านไป แล้วรู้สึกหงุดหงิดใจชอบกล
หนังรักโรแมนติกที่แสนหวาน...ช่างไม่เข้ากับอารมณ์ขุ่นมัวของเขาตอนนี้เลย ให้ตายสิ !!
ทำไมต้องมาเห็นน้องณัฐมาดูหนังกับแฟนด้วยนะ แถมนั่งข้างหลังอีกต่างหาก ไม่เข้าใจเลย
เขานั่งทนดูอย่างสงบไปจนเกือบจะจบเรื่อง แต่แล้วก็ทนไม่ไหวเสียก่อน
“ ก้อย เราออกไปรอข้างนอกนะ ” เขากระซิบบอกอีกฝ่าย
“ อะไรนะ ?? ” หญิงสาวตกใจเมื่อได้ยินดังนั้น
ร่างสูงไม่พูดอะไรต่อ แต่ลุกขึ้นยืน แล้วก้าวเดินออกไปทันที ก้อยจึงต้องจำใจเดินออกมาบ้าง
“ ก้อยไม่เข้าใจ ทำไมสนต้องออกมาก่อนด้วย !! ” หญิงสาวโวยวายเมื่อเดินออกมาจนพ้นส่วนของโรงหนัง
“ ขอโทษนะ แต่เราอยากกลับแล้ว ” เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ ว่าไงนะ ?! ”
เขาจูงข้อมือหญิงสาว แล้วออกเดินทันที “ เดี๋ยวจะไปส่ง ”
“ ทำไมอ่ะ ? นี่มันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ ? ”
“ ....................................... ”
พวกเขาเดินมาจนถึงลานจอดรถ แล้ววินาทีต่อมาเขาก็กระชากร่างหญิงสาวเข้ามาจูบทันที เราทั้งคู่ยืนจูบกันอยู่นานอย่างไม่ต้องสนใจว่าจะมีใครมาเห็นหรือไม่ จนกระทั่งอีกฝ่ายร่างอ่อนปวกเปียกไปนั่นแหละ
“ ขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวเราไปส่ง ”
“ อือ ก็ได้ ”
เขาขับรถไปส่งหญิงสาวที่หอพัก ขึ้นไปส่งเธอที่ห้อง เราจูบกันอย่างดูดดื่มสักพัก แล้วเขาก็ผละริมฝีปากออกทันที
“ ก้อย ? ”
“ หือ ? ” หญิงสาวเผยรอยยิ้มบาง
เขาจ้องตาเธออย่างเด็ดเดี่ยว แล้วพูดออกไปว่า...
“ เราเลิกคบกันเถอะ ”
หญิงสาวเปลี่ยนสีหน้าทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น
“ สนพูดอะไรอ่ะ ? ”
“ เราเลิกคบกันเถอะ !! ” เขาพูดย้ำอีกครั้งด้วยความหนักแน่น
“ ทำไมล่ะสน ? ”
“ ก็เราไม่ได้คบกันจริงจังไม่ใช่เหรอ ? นี่ก็นานเกินไปแล้ว ปกติเราไม่คบใครนานเท่านี้มาก่อนเลย ”
“ ถึงสนจะไม่ได้จริงจัง แต่ก้อยจริงจังนะ ”
“ อย่าพูดเลยก้อย ก้อยก็มีคนอื่นตั้งเยอะแยะ จะอยากเก็บเราไว้ทำไม ”
“ ที่สนพูดแบบนี้ เพราะหึงเหรอ ? อยากให้ก้อยมีแค่สนคนเดียวใช่มั้ย ”
“ ไม่ใช่อ่ะ ” เขาส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย
“ เราไม่ได้รู้สึกชอบกันตั้งแต่แรก มันก็เลยต้องเป็นแบบนี้แหละ ที่ผ่านมาเราสนุกมาก ก็ขอบคุณละกัน แต่ตอนนี้เรารู้สึกเบื่ออ่ะ...เบื่อมาก อยากอยู่คนเดียว ไม่อยากคบใครแล้ว ”
“ หมายความว่าไงอ่ะ ? ระหว่างเรากำลังเป็นไปด้วยดีไม่ใช่เหรอ ? ”
“ แต่เราไม่ได้คิดแบบนั้น ”
เธอขมวดคิ้ว “ หรือสนมีคนอื่น ”
ใจจริงอยากพูดออกไปว่า... ‘เธอก็มีเหมือนกันน่ะแหละ’ แต่ก็ต้องข่มใจไว้ก่อน
“ ไม่เกี่ยวหรอก อย่าพูดวกวนถึงเรื่องอื่นเลย แต่เราเลิกกันน่ะดีแล้ว ยังไงวันนี้ก็ต้องมาถึง ก้อยก็รู้ดีไม่ใช่เหรอ ? ”
“ แล้วเมื่อกี้...ทำไมถึงจูบก้อยล่ะ ? ตอนที่อยู่ลานจอดรถก็ด้วย ”
“ เพื่อให้แน่ใจว่า ‘ไม่ได้รู้สึก’ อะไรแล้ว ส่วนเมื่อกี้ก็...จูบลา ล่ะมั้ง ”
หญิงสาวถอนหายใจ แล้วเบือนหน้าหนีทันที
“ เฮ้อ...ไม่อยากจะเชื่อเลย ”
“ ...................................... ” เราทั้งสองนิ่งเงียบสักพัก จนฝ่ายนั้นพูดออกมาก่อน
“ สนแน่ใจแล้วเหรอ ? ”
“ อืมม ”
“ เฮ้อ...ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจสนเถอะ ยังไงก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ ? ”
“ ประมาณนั้นแหละ ”
หญิงสาวเดินเข้ามาโอบกอดเขาทางด้านหน้าเบาๆ
“ เสียดายจัง อยากคบกับสนนานๆ ”
“ ขอโทษนะ ที่เราเป็นคนแบบนี้ ” เขาสารภาพตามตรง
เธอยิ้ม “ ใช่ ใจร้ายตลอดเลย ”
“ อืมม อาจจะใช่ ”
ระหว่างที่กำลังขับรถบนถนนใหญ่เพื่อมุ่งหน้ากลับสู่สถานที่เดิม เขาก็รู้สึกโล่งใจชอบกล ความรู้สึกเบาหวิวในตอนนี้ช่างทำให้รู้สึกสบายใจเหลือเกิน รู้แบบนี้บอกเลิกไปให้หมดซะตั้งแต่แรกยังจะดีกว่า
เพราะอะไรไม่รู้ตอนนี้ถึงรู้สึกเบื่อไปหมด แต่กลับมีเพียงแค่สิ่งเดียวเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกมีความสุข
...เวลาที่เห็นใบหน้านั้น...เวลาที่เห็นฝ่ายนั้นยิ้ม...หรือบางทีแค่นึกถึง...
ที่ผ่านมาเขาอาจจะไม่ค่อยเข้าใจอะไรเท่าไหร่นัก แต่เป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่นั่นแหละที่ทำให้เขาเข้าใจหัวใจตัวเองได้ชัดเจนเสียที
ขอบคุณรุ่นน้องผู้หญิงคนนั้นที่เดินเคียงคู่มากับน้องณัฐ จนทำให้เขามั่นใจในความรู้สึกตัวเอง
ว่าเขาคงจะ...
แอบชอบน้องณัฐ...เข้าแล้วจริงๆ !!
เพราะถ้าไม่ชอบคงไม่รู้สึกหึงแบบนั้นหรอก แล้วยังอาการที่มัวแต่คิดถึงหรือใจเต้นอะไรพวกนั้นอีก เป็นความรู้สึกแรกและความรู้สึกเดียวที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตที่ผ่านมา ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเกิดกับ ‘ผู้ชาย’ รุ่นน้องคนหนึ่ง คิดๆดูแล้วก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อดีเหมือนกัน
เขาตั้งใจขับรถวนกลับมาที่ห้างเดิม เพื่อที่จะเข้าไปหา...ใครบางคน
ตอนนี้เขามั่นใจแล้ว
ว่าถึงเวลาที่ควรจะ...ทำอะไรสักอย่างเสียที !!!
***************************************(จบตอนพิเศษ)
ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะก้าวเท้าเดินเข้ามาในร้าน เสียงดนตรีก็ดังแว่วให้เข้ามาได้ยิน บรรยากาศในวันนี้ก็เป็นเหมือนทุกวัน กลุ่มนักศึกษาหญิงชายหลายคณะที่ต้องการพักผ่อนด้วยการสังสรรค์กันอย่างสนุกสนานกับกลุ่มเพื่อนฝูงที่ ‘ร้านเหล้าหลังมอ’ แห่งนี้ และวันนี้ก็ดูเหมือนจะคึกคักเหมือนเคย เพราะผู้คนได้หลั่งใหลเข้ามาจนเกือบจะเต็มร้านในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
เขาเดินผ่านสายตากลุ่มคนหลายโต๊ะ แล้วมุ่งไปยังด้านข้างเวที ก่อนที่จะยกมือไหว้ทักทายคนๆหนึ่งทันที
“ เฮีย หวัดดีครับ ”
“ เออ ดีๆ ” ชายหนุ่มเจ้าของร้านบุคลิกสุดเซอร์ไหว้รับ
“ ทำไมวันนี้มาเร็วจังวะ ? พึ่งสามทุ่มเอง ”
“ ฮ่ะ ๆ ก็ออกมาก่อน เผื่อได้ทิปเพิ่ม ” เขาพูดเล่น
“ เท่าที่ให้มึงอยู่ทุกวันนี่กูก็จะ ‘จนแดก’ อยู่แล้วนะ !! ขนาดทำแค่อาทิตย์ละวัน ”
“ โห ล้อเล่นน่ะเฮีย ”
“ ผมแค่อยากออกมาดื่มด่ำบรรยากาศก่อน อยู่หอเบื่อๆน่ะ ”
“ ไหนว่าใกล้สอบแล้วไง ”
“ โอ๊ย เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง สบายมาก ”
“ ให้มันแน่เถอะมึง !! กูยังกลัวว่ามึงจะมาขอลาออกกลางคันวันไหนก็วันหนึ่ง เรียนหมอแล้วยังเสือกมาเล่นดนตรีกลางคืนอีก จะไปรอดสักกี่เดือนกัน ” ฝ่ายนั้นส่ายหัว
“ พอถึงตอนนั้นค่อยว่ากันนะเฮีย ตอนนี้อย่าพึ่งคิด ๆ ฮ่ะ ๆ ๆ ”
“ เฮ้ย !! ไอ้ต๊ะ ขอเบียร์ขวดดิ๊ ” เขาหันไปบอกพนักงานเสิร์ฟที่สนิทกัน
“ นั่น ! ผลาญเบียร์กูอีก !! ” เจ้าของร้านโวย
“ บิ๊วอารมณ์ก่อนขึ้นเวทีไง ”
“ เออ แล้วไอ้เก่งล่ะ ? ”
“ ก็คงมาตอนใกล้สี่ทุ่มล่ะมั้ง ? ไอ้เก่งน่ะมันขยัน ต้องอ่านหนังสือทดแทนไว้ก่อน ”
“ เออ ถ้างั้นกูไปก่อนนะ ”
“ ไปไหนอ่ะเฮีย คนเริ่มเยอะแล้วนะ ”
“ กูจะไปห้องน้ำ กูปวดขี้ !!! มึงไปกับกูมั้ย ?? ”
“ ฮ่ะ ๆ ๆ งั้นไปเถอะครับ ”
เขาเริ่มทำงานที่ร้านเหล้าแห่งนี้ตั้งแต่ช่วงฤดูหนาวเมื่อต้นปี จนถึงตอนนี้นับรวมแล้วก็เกือบๆครึ่งปีเห็นจะได้ ไม่แปลกเลยที่เขากับอาเฮียเจ้าของร้านจะสนิทสนมกันมาก อาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายก็เป็นคนหนุ่มเหมือนกันเพราะพึ่งจะเรียนจบมาหมาดๆก็ได้เงินหนึ่งก้อนจากพ่อให้มาทำธุรกิจร้านเหล้าหลังมอแห่งนี้
ฝ่ายนั้นเป็นคนกระโชกโฮกฮากชอบดุชอบด่าแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร แต่ที่จริงแล้วใจดีอย่าบอกใคร แถมยังใจใหญ่อีกต่างหาก ไม่อย่างนั้นจะเพิ่มทิปให้เขาเสียแทบทุกครั้งเหรอ
แต่ก่อนตอนที่เขายังมีเวลาก็สามารถมาเล่นที่นี่ทุกวันได้ แต่หลังจากนั้นก็เริ่มลดลงเป็นสัปดาห์ละสามวัน สัปดาห์ละสองวัน จนตอนนี้เหลือแค่สัปดาห์ละหนึ่งวัน นั่นเป็นเพราะการเรียนที่หนักมากขึ้นนั่นเอง
เขาจะเล่นดนตรีที่นี่ทุกวันศุกร์เท่านั้น เพราะว่าเป็นวันที่มีคนมาเยอะที่สุด จากที่อาเฮียเป็นคนแนะนำและจัดการให้เอง ถึงจะแกล้งพูดอ้อมค้อมแต่เขาก็รู้ว่าที่จริงแล้วฝ่ายนั้นก็เป็นห่วงเขาเหมือนกัน ไม่อยากให้เขาเหนื่อย แต่ก็ยังอยากมีเขาอยู่ในร้าน เราก็เลยตกลงกันว่า...เล่นดนตรีแค่วันศุกร์วันเดียวก็เพียงพอแล้ว
แต่ลึกๆแล้วเขาก็รู้ดีว่าคงทำงานที่นี่ไม่ได้นานนักหรอก เพราะไม่ว่ายังไงวันหนึ่งก็ต้องลาออกอยู่ดี ถ้าจะเรียนๆเล่นๆแบบนี้ต่อไปมีหวังตกแล้วตกอีกจนเรียนหมอไม่จบแน่
เมื่อถึงเวลาประมาณสี่ทุ่ม ก็ถึงคิวของพวกเขาที่จะได้เล่นดนตรีเสียที !!
เขากับไอ้เก่งเพื่อนสนิทเดินขึ้นเวทีอย่างมาดมั่น วันนี้ก็เป็นเหมือนทุกๆวันที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ‘เรา’ เป็นที่นิยมในหมู่หญิงสาวมากแค่ไหน ไม่อย่างนั้นเสียงต้อนรับจะถล่มทลายขนาดนี้เหรอ
บทเพลงได้เริ่มต้นขึ้นอย่างไพเราะและซาบซึ้ง ผ่านไปเพลงแล้วเพลงเล่า ทุกคนดูอิ่มเอมกับรสดนตรีที่พวกเขาถ่ายทอดเพราะสังเกตได้จากใบหน้าและดวงตาเหล่านั้น
ความสุขได้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็หมดเวลาสำหรับพวกเขาสองคนบนเวที แต่ยังไม่หมดสำหรับค่ำคืนนี้...
หลังจากที่เล่นดนตรีเสร็จ เราทั้งสองคนก็เดินไปยังโต๊ะที่อยู่มุมสุดด้านข้างเวทีทันที
“ เฮ้ย !! นึกว่าพวกมึงยังไม่มาซะอีก ” เขาแตะมือทักทายกลุ่มเพื่อนสนิท ที่วันนี้มากันเกือบครบกลุ่ม จะขาดก็แต่ไอ้นนท์กับไอ้ฉัตรเท่านั้น
“ ไม่มาได้ไง เดี๋ยวเพื่อนกูโดนสาวๆงาบไปจะทำไง ” ไอ้เม้งตอบกลับมา
“ ฮ่ะ ๆ ๆ ”
เราสังสรรค์กันอย่างสนุกสนานตามปกติจนเวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า...
“ เอ่อ ขอโทษนะคะ ” เสียงสดใสดังขึ้นทางด้านหลัง เพื่อนทุกคนในกลุ่มเงียบเสียงทันที เขาจึงรีบหันไปมอง
“ ครับ ” เขามองหญิงสาวที่ตอนนี้กำลังทำท่าทางเขินอาย
“ คือว่า...มีเพื่อนที่โต๊ะนู้น ” เธอชี้นิ้วไปอีกทาง
“ เค้าฝากมาขอเบอร์น่ะค่ะ ”
“ ฮิ้ววววววววววววว !!! ” เสียงแซวสนั่นหวั่นไหวจากกลุ่มเพื่อน หญิงสาวจึงยิ่งเกิดอาการเขินอย่างหนัก
“ เพื่อนคนไหนเหรอครับ สวยหรือเปล่า ? ” ไอ้ปอร์เช่สอดเข้ามาทันที
“ ชวนเพื่อนมานั่งโต๊ะนี้ด้วยกันสิครับ ” ไอ้เก่งเสริมทัพอีกคน
แต่หญิงสาวก็ยังยืนยิ้มหวานจ้องตาเขาอยู่อย่างนั้น จนเขาต้องพูดขึ้นมาบ้าง
“ คือ ขอโทษนะครับ ตอนนี้ผมมีเยอะจนสับรางไม่หวาดไม่ไหวแล้ว ตอนนี้จึงปิดรับสมัครชั่วคราวน่ะครับ ” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม แต่เพื่อนในโต๊ะต่างหันมามองเขาจนตาค้าง
“ งะ งั้นเหรอคะ ” หญิงสาวหน้าเสียลงทันที
“ ครับ ” เขายิ้มหวานให้อีกครั้ง
“ ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ ”
“ แต่ว่า...เพื่อนผมยังว่างหลายคนนะครับ สนใจมั้ยครับ ? ”
“ ไม่เป็นไรค่ะ ” เธอพูดแค่นั้นแล้วจึงรีบเดินกลับโต๊ะทันที
เพียงเท่านั้นแหละ พอเขาหันกลับมาก็ถูกเพื่อนในโต๊ะโห่ใส่แล้วตามด้วยการถูกรุมสะกำด้วยฝ่ามือพิฆาตทันที
“ มึงทำไมบอกออกไปแบบนั้น คิดอะไรอยู่ !! ”
“ ทำไมไม่เลี้ยงไว้ก่อน แม่ง !! ”
“ เฮ้อ...แมนโคตรๆเลยเพื่อนกู ”
“ ทำไมไม่แกล้งให้เบอร์กูไป สาดดด !! ” ประโยคสุดท้ายจากไอ้เม้ง เพื่อนคนอื่นๆหันไปมองขวับ แล้วเปลี่ยนไปรุมมันแทนทันที
“ ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ ”
ทำไมเขาถึงบอกออกไปแบบนั้นน่ะเหรอ ?
ก็เพราะมันเป็นแบบนั้นจริงๆนี่นา
อีกอย่างคือ...เขาไม่อยากจะคบกับใครแล้วตอนนี้ มันรู้สึกเบื่อๆชอบกล ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
*********************************
ช่วงนี้ฝนตกลงมาแทบจะทุกวัน อากาศเย็นชื้นแบบนี้ทำให้เขาไม่อยากจะออกไปไหนเลยจริงๆ แต่ว่า...บังเอิญว่าช่วงนี้ก็ใกล้สอบเข้ามาทุกวันแล้วน่ะสิ
“ ฮัลโหล กฤตตอนนี้มึงอยู่ไหน ? ” เขาโทรหาเพื่อนสนิทตอนประมาณทุ่มครึ่ง
“ อยู่ห้องสมุด มีไรเหรอ ? ”
“ ขยันเชียวนะมึง อยู่ห้องสมุดเนี่ย ”
“ เออ มีไรว่ามา ”
“ กูอยากขอยืมชีทรวมเล่ม phamaco น่ะ ยืมไปถ่ายเอกสารหน่อย ”
“ ได้ !! กูเอามาด้วยพอดี งั้นเดี๋ยวพอห้องสมุดปิด กูจะแวะเอาไปให้มึงอยู่หอละกัน ”
“ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวกูไปเอาเองก็ได้ จะได้แวะถ่ายเอกสารให้เสร็จเลย ”
“ เหรอ ถ้างั้นก็ได้ ถ้ามึงมาถึงก็มาเอาละกัน กูอยู่ชั้นสอง ”
“ เออ งั้นแค่นี้ล่ะ ”
เขาสตาร์ทรถบึ่งไปห้องสมุดคณะภายใน 15 นาที เพราะถ้าหากช้ากว่านี้กลัวว่าห้องสมุดอาจจะปิดไปเสียก่อน
และเมื่อมาถึงร่างสูงก็เลี้ยวซ้ายแล้วก้าวเท้าเดินขึ้นบันไดทันที แต่เมื่อมองขึ้นไปเขากลับพบใครคนหนึ่งที่กำลังเดินลงมา
...น้องณัฐ...นี่หว่า ??
มาอ่านหนังสือที่ห้องสมุดด้วยเหรอ !!
เขารู้สึกหัวใจพองโตขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่จะรีบก้าวเท้าเดินขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว และในจังหวะที่กำลังเดินสวนกันนั้น
“ หวัดดีครับน้องณัฐ ” เขาเอ่ยทักอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม เพราะที่ผ่านมาฝ่ายนั้นชอบทำเป็นมองไม่เห็นเขาอยู่เรื่อย ครั้งนี้จึงต้องลองทักทายกันสักหน่อย ดูสิ !! จะทำหน้ายังไง ?
แต่แล้วฝ่ายนั้นกลับ...ไม่มองสบตาเขาแม้แต่น้อย !! เดินผ่านกันไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับตัวเขาเป็นอากาศธาตุเสียอย่างนั้น
...ฟิ้ววว...รู้สึกเหมือนลมพัดพริ้วไหวและใบไม้ที่ล่องลอยอยู่ข้างตัว
รู้สึกหน้าชาเล็กน้อย...นี่เขากำลังถูกเมินงั้นเหรอ ?!!
ไม่เคยมีใครทำกับเขาแบบนี้มาก่อน เพราะที่ผ่านมาทุกคนออกจะกระดี๊กระด๊าอยากรู้จักกับเขาจนออกนอกหน้ากันทั้งนั้น
แต่น้องคนนี้ !!
เพราะไม่เคยมาก่อนเลยในชีวิต ดังนั้น ‘การถูกเมิน’ จึงเป็นความรู้สึกแปลกใหม่อีกหนึ่งอย่างที่เขาพึ่งได้รับอีกเหมือนกัน...
เขาหันกลับมา แล้วก้าวเท้าเดินขึ้นบันไดต่อ พร้อมกับเผยยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย
หึ !! ชอบทำเป็นไม่สนใจดีนักใช่มั้ย ?
จะทำให้ไม่กล้าเมินอีกต่อไปเลยคอยดู !!!
******************************
...หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...
“ สน วันนี้เราไปดูหนังกันนะ ” หญิงสาวส่งเสียงผ่านมาตามปลายสาย
“ ขี้เกียจอ่ะก้อย ” เขางัวเงียเพราะยังไม่ลุกจากเตียงนอน
“ พูดอย่างนี้ได้ไง ก็วันนี้เป็นวันเสาร์ สนไม่ได้ทำอะไรไม่ใช่เหรอ ? ”
“ ก็เพราะมันเป็นวันว่างน่ะแหละ ก็เลยอยากอยู่เฉยๆ ” เขาตอบส่งๆ
“ แต่หนังเรื่องนี้ สนเคยบ่นว่าอยากดูไม่ใช่เหรอ ? ”
“ ................................... ” เขาเถียงไม่ออก
เพราะวันนี้เป็นวันหยุด แถมหนังเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องที่เขาอยากดูมากอีกต่างหาก ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธได้เลย แต่ว่า...เขาขี้เกียจไปจริงๆนี่นา
จะอะไรซะอีกล่ะ !! ก็ครั้งล่าสุดที่ไปดูหนังกับเธอ เธอพยายามจะไปโรงหนังที่มีคนพลุกพล่านมากที่สุด รอบที่มีคนมาดูเยอะมากที่สุด พยายามที่จะควงแขนเขาตลอดเวลา พอเจอเพื่อนก็ทักทายไปเสียหมด แล้วยังแนะนำกับคนอื่นว่าเขาเป็น ‘แฟน’ อีกต่างหาก ทั้งๆที่เราทั้งคู่ตกลงกันแล้วว่า...เราจะคบกันเฉยๆ...ไม่ได้ผูกพันเป็นแฟน เพราะต่างคนต่างก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายมี ‘กิ๊ก’ เยอะไม่แพ้กัน !!
เขารู้ดีว่าก้อยก็ไม่ได้จริงจังอะไรกับเขามากมายหรอก เพราะเห็นเธอไปกับผู้ชายคนอื่นก็บ่อย และในขณะเดียวกัน...เขายอมรับว่าก็คุยกับผู้หญิงคนอื่นเหมือนกัน
เรารักอิสระกันเสียจนไม่มีความจำเป็นต้องเป็น ‘แฟน’
อาจจะแปลกประหลาดไปสักหน่อย แต่นี่คือความจริงที่เราตกลงและยอมรับกันตั้งแต่แรกแล้ว !!
“ งั้นเดี๋ยวตอนบ่ายโมงสนมารับก้อยนะ ก้อยจะรอ ” ยังไม่ทันที่จะได้ตอบอะไร อีกฝ่ายก็วางสายโทรศัพท์เสียก่อน
“ เฮ้ย !! ”
นี่มันบังคับกันนี่หว่า ??
เฮ้อ...ผู้หญิงนะผู้หญิง
เวลาประมาณบ่ายสองเศษ เขาและหญิงสาวก็เดินทางมาถึงโรงหนัง หลังจากที่ดูรอบและจัดการซื้อบัตรจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงแวะไปกินอาหารกันที่ร้านอาหารชั้นล่าง
แต่ระหว่างที่กำลังกินอาหารอยู่นั้น อาจจะเป็นเพราะโชคชะตาหรือความบังเอิญก็ไม่ทราบได้ เพราะเขาเห็น ‘น้องณัฐ’ กำลังเดินอยู่นอกร้านเต็มสองตา แต่ที่น่าแปลกใจกว่าคือ...น้องณัฐเดินเคียงคู่มากับผู้หญิงคนหนึ่งน่ะสิ !!
ผู้หญิงคนนั้น...คือรุ่นน้องที่ประกวดได้ตำแหน่งสาวสวยปีนี้นี่นา !!
ชื่ออะไรนะ...อ๋อ น้องแก้ม
มาเดินด้วยกันแบบนี้...นี่คงไม่ใช่คบกันหรอกนะ หรือว่าจะเป็นแฟนกันแล้ว ??!!!
หัวใจของเขาหล่นวูบอย่างที่ไม่ทราบสาเหตุ อาจจะเป็นเพราะเขาก็รู้สึกสนใจน้องผู้ชายคนนี้มาตั้งแต่แรก เพียงแต่ว่า...เขาแค่ไม่แน่ใจว่า ‘สนใจ’ ในแบบไหนเท่านั้นเอง ??
เขามองคู่ทางด้านนอกที่พึ่งเดินผ่านไป แล้วรู้สึกหงุดหงิดใจชอบกล
หนังรักโรแมนติกที่แสนหวาน...ช่างไม่เข้ากับอารมณ์ขุ่นมัวของเขาตอนนี้เลย ให้ตายสิ !!
ทำไมต้องมาเห็นน้องณัฐมาดูหนังกับแฟนด้วยนะ แถมนั่งข้างหลังอีกต่างหาก ไม่เข้าใจเลย
เขานั่งทนดูอย่างสงบไปจนเกือบจะจบเรื่อง แต่แล้วก็ทนไม่ไหวเสียก่อน
“ ก้อย เราออกไปรอข้างนอกนะ ” เขากระซิบบอกอีกฝ่าย
“ อะไรนะ ?? ” หญิงสาวตกใจเมื่อได้ยินดังนั้น
ร่างสูงไม่พูดอะไรต่อ แต่ลุกขึ้นยืน แล้วก้าวเดินออกไปทันที ก้อยจึงต้องจำใจเดินออกมาบ้าง
“ ก้อยไม่เข้าใจ ทำไมสนต้องออกมาก่อนด้วย !! ” หญิงสาวโวยวายเมื่อเดินออกมาจนพ้นส่วนของโรงหนัง
“ ขอโทษนะ แต่เราอยากกลับแล้ว ” เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ ว่าไงนะ ?! ”
เขาจูงข้อมือหญิงสาว แล้วออกเดินทันที “ เดี๋ยวจะไปส่ง ”
“ ทำไมอ่ะ ? นี่มันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ ? ”
“ ....................................... ”
พวกเขาเดินมาจนถึงลานจอดรถ แล้ววินาทีต่อมาเขาก็กระชากร่างหญิงสาวเข้ามาจูบทันที เราทั้งคู่ยืนจูบกันอยู่นานอย่างไม่ต้องสนใจว่าจะมีใครมาเห็นหรือไม่ จนกระทั่งอีกฝ่ายร่างอ่อนปวกเปียกไปนั่นแหละ
“ ขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวเราไปส่ง ”
“ อือ ก็ได้ ”
เขาขับรถไปส่งหญิงสาวที่หอพัก ขึ้นไปส่งเธอที่ห้อง เราจูบกันอย่างดูดดื่มสักพัก แล้วเขาก็ผละริมฝีปากออกทันที
“ ก้อย ? ”
“ หือ ? ” หญิงสาวเผยรอยยิ้มบาง
เขาจ้องตาเธออย่างเด็ดเดี่ยว แล้วพูดออกไปว่า...
“ เราเลิกคบกันเถอะ ”
หญิงสาวเปลี่ยนสีหน้าทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น
“ สนพูดอะไรอ่ะ ? ”
“ เราเลิกคบกันเถอะ !! ” เขาพูดย้ำอีกครั้งด้วยความหนักแน่น
“ ทำไมล่ะสน ? ”
“ ก็เราไม่ได้คบกันจริงจังไม่ใช่เหรอ ? นี่ก็นานเกินไปแล้ว ปกติเราไม่คบใครนานเท่านี้มาก่อนเลย ”
“ ถึงสนจะไม่ได้จริงจัง แต่ก้อยจริงจังนะ ”
“ อย่าพูดเลยก้อย ก้อยก็มีคนอื่นตั้งเยอะแยะ จะอยากเก็บเราไว้ทำไม ”
“ ที่สนพูดแบบนี้ เพราะหึงเหรอ ? อยากให้ก้อยมีแค่สนคนเดียวใช่มั้ย ”
“ ไม่ใช่อ่ะ ” เขาส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย
“ เราไม่ได้รู้สึกชอบกันตั้งแต่แรก มันก็เลยต้องเป็นแบบนี้แหละ ที่ผ่านมาเราสนุกมาก ก็ขอบคุณละกัน แต่ตอนนี้เรารู้สึกเบื่ออ่ะ...เบื่อมาก อยากอยู่คนเดียว ไม่อยากคบใครแล้ว ”
“ หมายความว่าไงอ่ะ ? ระหว่างเรากำลังเป็นไปด้วยดีไม่ใช่เหรอ ? ”
“ แต่เราไม่ได้คิดแบบนั้น ”
เธอขมวดคิ้ว “ หรือสนมีคนอื่น ”
ใจจริงอยากพูดออกไปว่า... ‘เธอก็มีเหมือนกันน่ะแหละ’ แต่ก็ต้องข่มใจไว้ก่อน
“ ไม่เกี่ยวหรอก อย่าพูดวกวนถึงเรื่องอื่นเลย แต่เราเลิกกันน่ะดีแล้ว ยังไงวันนี้ก็ต้องมาถึง ก้อยก็รู้ดีไม่ใช่เหรอ ? ”
“ แล้วเมื่อกี้...ทำไมถึงจูบก้อยล่ะ ? ตอนที่อยู่ลานจอดรถก็ด้วย ”
“ เพื่อให้แน่ใจว่า ‘ไม่ได้รู้สึก’ อะไรแล้ว ส่วนเมื่อกี้ก็...จูบลา ล่ะมั้ง ”
หญิงสาวถอนหายใจ แล้วเบือนหน้าหนีทันที
“ เฮ้อ...ไม่อยากจะเชื่อเลย ”
“ ...................................... ” เราทั้งสองนิ่งเงียบสักพัก จนฝ่ายนั้นพูดออกมาก่อน
“ สนแน่ใจแล้วเหรอ ? ”
“ อืมม ”
“ เฮ้อ...ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจสนเถอะ ยังไงก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ ? ”
“ ประมาณนั้นแหละ ”
หญิงสาวเดินเข้ามาโอบกอดเขาทางด้านหน้าเบาๆ
“ เสียดายจัง อยากคบกับสนนานๆ ”
“ ขอโทษนะ ที่เราเป็นคนแบบนี้ ” เขาสารภาพตามตรง
เธอยิ้ม “ ใช่ ใจร้ายตลอดเลย ”
“ อืมม อาจจะใช่ ”
ระหว่างที่กำลังขับรถบนถนนใหญ่เพื่อมุ่งหน้ากลับสู่สถานที่เดิม เขาก็รู้สึกโล่งใจชอบกล ความรู้สึกเบาหวิวในตอนนี้ช่างทำให้รู้สึกสบายใจเหลือเกิน รู้แบบนี้บอกเลิกไปให้หมดซะตั้งแต่แรกยังจะดีกว่า
เพราะอะไรไม่รู้ตอนนี้ถึงรู้สึกเบื่อไปหมด แต่กลับมีเพียงแค่สิ่งเดียวเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกมีความสุข
...เวลาที่เห็นใบหน้านั้น...เวลาที่เห็นฝ่ายนั้นยิ้ม...หรือบางทีแค่นึกถึง...
ที่ผ่านมาเขาอาจจะไม่ค่อยเข้าใจอะไรเท่าไหร่นัก แต่เป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่นั่นแหละที่ทำให้เขาเข้าใจหัวใจตัวเองได้ชัดเจนเสียที
ขอบคุณรุ่นน้องผู้หญิงคนนั้นที่เดินเคียงคู่มากับน้องณัฐ จนทำให้เขามั่นใจในความรู้สึกตัวเอง
ว่าเขาคงจะ...
แอบชอบน้องณัฐ...เข้าแล้วจริงๆ !!
เพราะถ้าไม่ชอบคงไม่รู้สึกหึงแบบนั้นหรอก แล้วยังอาการที่มัวแต่คิดถึงหรือใจเต้นอะไรพวกนั้นอีก เป็นความรู้สึกแรกและความรู้สึกเดียวที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตที่ผ่านมา ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเกิดกับ ‘ผู้ชาย’ รุ่นน้องคนหนึ่ง คิดๆดูแล้วก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อดีเหมือนกัน
เขาตั้งใจขับรถวนกลับมาที่ห้างเดิม เพื่อที่จะเข้าไปหา...ใครบางคน
ตอนนี้เขามั่นใจแล้ว
ว่าถึงเวลาที่ควรจะ...ทำอะไรสักอย่างเสียที !!!
***************************************(จบตอนพิเศษ)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น