คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : บทที่สามสิบสาม -- เป้าหมายใหม่
บทที่สามสิบสาม
หลังจากแยกย้ายกับแพรเสร็จ เขาก็แวะไปที่ศูนย์อาหารของมหาวิทยาลัย ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นศูนย์อาหาร แต่เขาคิดว่ามันน่าจะเรียกว่า ‘ศูนย์การค้า’ เสียมากกว่า นั่นก็เพราะว่า ที่นี่มีของขายเยอะแยะมากมาย ทั้งร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายของกิ๊ฟช็อป ร้านถ่ายเอกสาร ร้านขายหนังสือและอุปกรณ์การเรียนตั้งอยู่โดยรอบ ส่วนตรงกลางจะเป็นบริเวณของโต๊ะรับประทานอาหารแต่ถ้าเป็นตอนกลางคืนโต๊ะเหล่านี้จะถูกเปลี่ยนเป็นโต๊ะสำหรับอ่านหนังสือหรือติวกวดวิชากันของพวกเหล่านักศึกษามากกว่า
แต่ที่หมายของเขาไม่ใช่ร้านจำพวกนี้...เขาเดินมุ่งตรงไปยังร้านขายกุญแจที่อยู่มุมสุดของอาคารทันที
“ ลุงครับ...ขอปั๊มกุญแจหน่อยครับ ” เขาเอ่ยบอกลุงท่าทางใจดีคนหนึ่งที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในร้าน
หลังจากที่หยิบกุญแจห้องของพี่สนส่งให้คุณลุงคนนั้น ตอนนี้เขาจึงได้แต่ยืนรออย่างอารมณ์ดี
คิดถึงพี่สนเพลินๆไปเรื่อยเปื่อย อยู่ดีๆเขาก็หลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ ณัฐ ” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นทางด้านข้าง
ได้ยินดังนั้น จากที่อมยิ้มเขาก็รีบทำสีหน้าให้เป็นปกติแล้วหันไปมองทันที
“ แก้ม ” เขาตกใจเล็กน้อยที่เห็นเธอ
ตั้งแต่งานวันเกิดแก้มที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายสารพัดในคืนวันศุกร์นั้นและวันนี้ก็เป็นวันเรียนวันแรกซึ่งเขาไม่เห็นเธอที่คณะ แต่กลับมีโอกาสได้มาเจอเธอโดยบังเอิญในตอนนี้ก็เลยไม่รู้ว่าจะทักทายว่ายังไงดี ?
“ แก้ม..มาทำอะไรอ่ะ ? ” เขาพยายามทักทายให้เป็นปกติที่สุด
“ แก้มมาซื้อหนังสือน่ะ ”
“ แล้วณัฐล่ะ ? ”
“ อ๋อ...มาปั๊มกุญแจ ” เขาชี้นิ้วเข้าไปในร้าน
“ ณัฐว่างมั้ย ? ”
“ แก้ม...ขอคุยกับณัฐหน่อยสิ ? ”
ได้ยินดังนั้นเขาก็อดที่จะรู้สึกหวาดๆไม่ได้...ก็เพราะเธอพูดประโยคเดียวกันกับตอนนั้นเลยน่ะสิ
“ แก้มไม่ทำอะไรณัฐหรอกน่า ”
หลังจากที่รับกุญแจและจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว เราทั้งคู่ก็มานั่งกันที่โต๊ะว่างโต๊ะหนึ่งกลางศูนย์อาหาร วันนี้ก็เป็นอีกวันที่คนยังคงเดินพลุกพล่านเต็มศูนย์อาหารนี้เหมือนเคย
“ เอ่อ...วันนั้นแก้มขอโทษนะ ” เธอเอ่ยประเด็นที่อยากพูดออกมาทันทีจนเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเรื่องที่เธอพูดถึงคือเรื่องอะไร...เขาไม่ได้รู้สึกโกรธหรือเคืองแก้มสักนิด เพราะเขารู้ดีว่าแก้มเมา คนเมาก็อาจจะไม่มีสติไปบ้าง จึงพูดอะไรออกมาเรื่อยเปื่อย เขาเข้าใจว่าตอนนี้เธอก็คงจะรู้สึกแย่อยู่เหมือนกัน
“ ไม่เป็นไรหรอกแก้ม....ก็แก้มเมา....เราไม่คิดมาก ” เขาตอบด้วยรอยยิ้ม
“ แต่แก้มคิด ”
เอ๋..?
“ ณัฐได้เอาเรื่องนั้นไปคิดหรือเปล่า ? ”
“ เรื่องอะไร ? ”
“ ก็เรื่องที่...แก้มขอคบกับณัฐไง ”
“ หา! ก็...แก้มไม่ได้พูดจริงไม่ใช่เหรอ ? ” เขาตกใจพูดออกไปอย่างรวดเร็ว
อย่าบอกนะ...ว่าแก้มชอบเขาจริงๆ มันเป็นไปไม่ได้หรอก
แต่แล้ว...แก้มก็หลุดหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ ฮ่ะๆ แก้มล้อเล่นน่ะ ”
เฮ้อ...โล่งอกไปที ก็เขาไม่อยากให้เรื่องที่แก้มบอกเขาเป็นเรื่องจริง..ไม่อยากให้เรื่องยุ่งยากมากไปกว่านี้ เป็นเพื่อนกันแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว
“ แก้ม...ขอโทษอีกทีนะ ที่ทำอะไรหน้าอายแบบนั้นน่ะ แก้มเมาแล้วจะเป็นอย่างนี้ทุกทีเลย ” เธอพูดเหมือนสำนึกผิดอีกครั้ง
“ เราบอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร...ไม่เป็นไรจริงๆ ” เขายืนยันคำพูดเดิมอีกครั้ง
“ ถ้าณัฐไม่โกรธแก้ม...”
“ ณัฐต้องไปกินไอติมเป็นเพื่อนแก้มนะ ”
“ หือ ? ”
“ นะ ๆ ร้านตรงนี้เอง ” เธอชี้ไปที่ร้าน mister LEE ซึ่งเป็นร้านหนึ่งที่ตั้งอยู่ในศูนย์อาหารแห่งนี้เช่นกัน และอยู่ห่างจากเขาเพียงแค่ประมาณสิบก้าว
เขาไม่อยากให้แก้มคิดมาก และอีกอย่าง ร้านก็อยู่ใกล้แค่นี้เอง จึงไม่น่าจะเสียเวลาอะไร
“ อือ ” เขาตอบตกลง
เมื่อเราทั้งคู่เข้ามาในร้าน ก็เลือกนั่งกันที่โต๊ะเล็กมุมหนึ่ง ภายในร้านมีเพียงแค่พนักงานขายสองสามคน และโต๊ะของนักเรียนมัธยมกลุ่มหนึ่งที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานแค่นั้นเอง
“ ณัฐ...เริ่มอ่านหนังสือยังอ่ะ ” แก้มเอ่ยถามขึ้นเมื่อพนักงานสาวสวยนำไอศกรีมมาเสิร์ฟ
“ อ๋อ...ก็อ่านเรื่อยๆแหละ ”
“ ไม่อยากให้ถึงช่วงสอบอีกเลยอ่ะ ” เธอบ่นกระปอดกระแปด
“ ใช่...พอปีสามสอบเสร็จ ก็ถึงคราวปีหนึ่งกับปีสองต้องสอบสินะ ” เขาพูดขึ้นมาลอยๆ
เป็นที่รู้กันดีว่า ปีสามเปิดเทอมก่อนพวกเขาประมาณหนึ่งเดือน ดังนั้นจึงต้องสอบก่อน ถ้าปีสามสอบ..นั่นแสดงว่าปีหนึ่งและปีสองกำลังอยู่ในช่วงว่าง แต่ถ้าปีสามว่าง...นั่นแสดงว่า ปีหนึ่งและปีสองอยู่ในช่วงของการเตรียมตัวสอบ ส่วนพวกชั้นคลินิก (ปี4,5,6) ไม่ต้องพูดถึง...เพราะไม่มีคำว่าวันว่างอยู่แล้ว
“ อือ...ใช่ ” แล้วอยู่ดีๆเธอก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรออก
“ เออ..ณัฐ แก้มถามหน่อยดิ ” เธอเรียกเขา
“ ณัฐสนิทกับพี่สนเหรอ ? ” เธอถามเสียงใส
เขาได้ยินดังนั้นก็ถึงกับชะงักการกินไปทันที !!! ...นี่แก้มคงไม่ได้รู้เรื่องของเขาอีกคนหรอกนะ หรือว่าจะมาได้ยินอะไรตอนที่พวกเขาคุยกับเพื่อนเมื่อตอนเช้า...แต่คงเป็นไปไม่ได้หรอก
แล้วอยู่ดีๆมาถามเรื่องพี่สนทำไมล่ะ ?
“ หือ ? ” สมองเขายังไม่ประมวลผล จึงได้แต่ส่งเสียงอือออตอบกลับไป
“ ณัฐสนิทกับพี่สนเหรอ ? ก็วันนั้นณัฐไปนั่งโต๊ะเดียวกับพี่สนอ่ะ ”
อ๋อ...อย่างนี้นี่เองสินะ โล่งอกไปที นึกว่าแก้มสงสัยอีกคน
“ ก็...สนิทกันตอนอยู่กลุ่ม present อ่ะ ” เขาตอบพลางตักไอติมกินต่อ
เขาพยายามจะตอบแบบเป็นกลางและไม่โกหก ส่วนเรื่องที่จะบอกความจริงว่าเขากับพี่สนเป็นแฟนกันนั้นคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเขาจะบอกเฉพาะกับเพื่อนสนิทแค่สองคนเท่านั้น
“ อืม...แล้ว ”
“ ณัฐรู้หรือเปล่า ว่าพี่สนมีแฟนยัง ? ” เธอทำสีหน้าอยากรู้
หือ..? ได้ยินแล้วก็รู้สึกแปลกใจ แก้มจะมาถามทำไมว่าพี่สนมีแฟนหรือยัง ?
“ ทำไมอ่ะ ? ” อันนี้เขาถามเพราะอยากรู้เป็นการส่วนตัว
“ ก็...แค่อยากรู้ ”
“ ทำไมเหรอ ? พี่สนมีแฟนแล้วเหรอ ? ” คราวนี้เธอกลับเปลี่ยนเป็นทำหน้าสนใจแทน
ก็มีแล้วน่ะสิถามได้...คนนั้นก็นั่งอยู่ข้างหน้าแก้มนี่แหละ !!
“ อืม..ไม่รู้สิ มีแล้วมั้ง ” เขาพยายามตอบกลางๆอีกแล้ว..แต่ครั้งนี้ค่อนความจริงสักเล็กน้อย ตอบไปแล้วก็รู้สึกเขินตัวเองเหมือนกัน
“ เหรอ ? ....มิน่าล่ะ ” เธอพูดเบาๆพร้อมกับทำหน้าครุ่นคิด
มิน่าล่ะ..?? อะไร อยากรู้จัง
“ แล้วพี่สนเค้าเป็นคนยังไงเหรอ ? ” เธอส่งคำถามมาให้เขาอีกแล้ว จนเขาเริ่มจะสงสัยแล้วว่าทำไมเธอถึงสนใจในตัวพี่สนนัก
...นี่อย่าบอกนะ...ว่ากำลังชอบพี่สน...??
แต่ก็ไม่แปลกหรอก คนหล่อดูดีขนาดนั้น ก็ต้องมีสาวๆมาชอบเป็นธรรมดา
“ ก็...นิสัยดี ” เขาตอบตามความจริง อันที่จริงต้องบอกว่า...ดีมากถึงขั้นเป็นเทพบุตรจึงจะถูกกว่า
“ เหรอ ? ” เธอยิ้มกับตัวเองเล็กน้อย จนเขาเริ่มจะสังหรณ์ใจยังไงชอบกล
“ แก้ม...ชอบพี่สนเหรอ ? ” อยู่ดีๆเขาก็กล้าถามสิ่งที่สงสัยออกไปจนรู้สึกตกใจตัวเองนิดๆ
เธอยิ้มกรุ้มกริ่มกลับมาให้ “ ไม่รู้สิ...ต้องลองดู ”
ได้ยินดังนั้นเขาก็รู้สึกหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก...สรุปชอบหรือไม่ได้ชอบ
แล้ว ‘ต้องลองดู’ นี่แก้มตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ ?
“ แก้ม..หมายความว่าไงอ่ะ ? ”
“ หึ...คนหยิ่งๆอย่างนี้แหละ แก้มชอบ...ให้มันรู้ไป ว่าจะปฏิเสธได้ตลอดรอดฝั่ง ”
เธอเหมือนพูดกระซิบกับตัวเองมากกว่า
ได้ยินดังนั้นเขาถึงกับตกใจ
....แก้มชอบพี่สนจริงๆด้วย....!!
อีกอย่างเธอพูดอย่างกับว่า เคยถูกพี่สนปฏิเสธมาแล้วงั้นแหละ ยิ่งฟังยิ่งสงสัยแฮะ
“ แก้มเคยถูกพี่สนปฏิเสธมาแล้วเหรอ ? ” ตอนไหนกัน..? ก่อนหรือหลังที่จะพบกับเขา
“ เรื่องนั้นช่างเถอะ ”
แก้มไม่ยอมบอกซะงั้น..แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ถ้าเขาเข้าใจไม่ผิดว่าสิ่งที่แก้มจะทำต่อจากนี้คืออะไร เขารู้เพียงแต่ว่า...มันเป็นสิ่งที่ผิด และไม่อยากให้เธอทำเด็ดขาด
“ แต่ว่า...พี่สนมีแฟนแล้วนะแก้ม ” เขาพยายามยกคุณธรรมขึ้นมาอ้าง แต่ที่จริงมันก็เกิดจากกิเลสในใจเขาที่รู้สึกหึงหวงพี่สนเองเนี่ยแหละ
เธอแค่ยิ้มกลับคืนมาให้เหมือนกับไม่ได้สนใจกับคำพูดเหล่านั้น แล้วตักไอติมกินต่ออย่างอารมณ์ดี
....นี่อย่าบอกนะ...ว่าแก้มไม่แคร์...
แต่ถ้าสิ่งที่แก้มพูด...กำลังหมายถึงการเข้าหาพี่สนล่ะก็ ? เขาชักจะหวั่นใจขึ้นมาเล็กๆ แต่ก็ไม่อยากจะคิดมากอะไร
....เพราะยังไงเขาก็คิดว่าสามารถเชื่อใจพี่สนได้...
กืดด...... กืดด.......
โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงสั่นขึ้นมา นั่นเพราะเขาตั้งเป็นระบบสั่นตั้งแต่ตอนเรียนแล้วลืมเปลี่ยนคืนนั่นเอง
เขาเอามือถือขึ้นมาดูทันที
....สุดที่รัก.... ส่งข้อความมา
[ วันนี้อยากกินกุ้งทอดกระเทียมจัง...ที่รักทำให้กินหน่อยนะ ^^ ]
...อยากกินกุ้งทอดกระเทียมงั้นเหรอ ?... อืมม...เขาก็อยากกินเหมือนกันแฮะ
และโดยไม่ทันคาดคิด ณัฐก็ถูกแย่งโทรศัพท์ไปจากมือทันที !!
เขาได้แต่ตกใจมองแก้มอยู่อย่างนั้น เธอถือโทรศัพท์เขาไว้ในมือแล้วยิ้มทะเล้น
“ หา !! ” หลังจากที่มองข้อความนั้นเธอก็อุทานตาโตทันที
“ นี่ณัฐ...มีแฟนแล้วเหรอ ? ” เธอทำหน้าอยากรู้
ตอนนี้เขาตกใจมาก แต่ก็พยายามเก็บอาการ เขายื่นมือออกไปประมาณว่าขอโทรศัพท์คืน แต่แก้มยังเอาไปเปิดอ่านอยู่อย่างนั้น
“ อยากกินกุ้งทอดกระเทียม...ว้าว...ที่รัก ”
“ มาจาก ‘สุดที่รัก’ อีกต่างหาก....หวานซะ ”
“ แก้ม...ขอเถอะ ” เขาเอ่ยอีกครั้ง จนเธอทำหน้าหุบยิ้มลง แล้วยอมคืนให้แต่โดยดี
“ แก้มแค่ล้อเล่นเองน่า ”
ก็ไม่น่าจะล้อเล่นกันแบบนี้นี่นา...ถ้าเขาดันบันทึกชื่อพี่สนเป็นชื่อจริง ป่านนี้ไม่รู้ความจริงแย่แล้วเหรอ ?
เฮ้อ....
“ แฟนณัฐ....ใครเหรอ ? ” เธอยื่นหน้าเข้ามาถาม
“ ................ ”
ตอนนี้เขารู้สึกไม่อยากตอบคำถามแก้มยังไงไม่รู้ ตั้งแต่เธอออกปากคล้ายๆกับว่าจะแย่งพี่สนไป ถึงแม้ว่าเขาเป็นคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในฐานะแฟนของพี่สนก็ตาม เขาก็คงจะรู้สึกหมดศรัทธาในตัวแก้มเหมือนกัน แต่นี่เขาเอง..ที่เป็นแฟนพี่สน พอได้ยินอย่างนี้แล้วก็ยิ่งรู้สึกแบบนั้นเพิ่มเป็นสองเท่า เขาไม่อยากคิดแบบนี้กับเพื่อนตัวเองเลย
“ อ๊ะ...นี่จะหกโมงแล้วนี่นา ” แก้มเอ่ยขึ้นหลังจากดูนาฬิกา
“ เรากลับกันดีมั้ย ? ”
“ อืม ” เขารีบพยักหน้าโดยเร็ว เพราะเขาเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน
*****************
หลังจากไปจ่ายตลาดเพื่อไปซื้ออาหารสดตามที่...สุดที่รัก...อยากจะกินแล้ว เขาก็มุ่งตรงมาที่หอพี่สนทันที
เขาขึ้นลิฟต์มาชั้นห้า และออกเดินตามทางเดินที่คุ้นเคย แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นใครคนหนึ่งกำลังยืนด้อมๆมองๆอยู่หน้าห้องพี่สน
เขาชะงักเท้าทันที...แล้วเดินถอยหลังมาหลบมุม คนที่เขาเห็นอยู่หน้าห้องรุ่นพี่นั้นเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสันทัด บุคลิกค่อนข้างเซอร์นิดๆ เพราะสังเกตได้จากทรงผมและการแต่งตัว
...ดูแล้วไม่น่าจะใช่โจร...เขาได้แต่บอกกับตัวเองอย่างนั้น
มีธุระอะไรกับพี่สนหรือเปล่านะ ?
คิดได้ดังนั้น เขาจึงตัดสินออกเดินอีกครั้งอย่างช้าๆจนในที่สุดก็ถึงตัวชายคนนั้น
“ มี....อะไรหรือเปล่าครับ ? ” เขาถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
ชายคนดังกล่าวถอดแว่นตาดำออก เผยให้เห็นรูปหน้าคมเข้มออกเถื่อนนิดๆ ชายคนนี้คงจะอายุมากกว่าพี่สนสัก 4-5 ปีได้มั้ง
“ น้องรู้จักคนที่อยู่ห้องนี้มั้ย ? ไอ้สนคนที่หล่อๆอ่ะ ”
...ไอ้สนคนที่หล่อๆ...งั้นเหรอ ?
“ มีธุระอะไรกับพี่สนเหรอครับ ? ” เขาตัดสินใจถามทันที
“ ก็พี่ติดต่อมันไม่ได้เลย...โทรไปหาก็ไม่รับ ”
“ แล้ว...พี่ ? ” เขาอยากถามออกไปว่า ‘แล้วพี่เป็นใคร ?’ แต่ฟังแล้วมันดูไม่สุภาพยังไงไม่รู้
“ อ๋อ...พี่เป็นเจ้าของร้านเหล้าหลังมอที่ไอ้สนมันทำงานอยู่ ”
“ อ๋อ ” เขาพยักหน้าตามหงึกๆ
เขานึกไปถึง ‘เฮียเจ้าของร้าน’ ที่พี่สนเคยพูดถึง...แต่ไม่นึกว่าจะดูหนุ่มขนาดนี้
“ วันก่อน...อยู่ดีๆมันก็โทรไปที่ร้าน บอกว่าขอ ‘ลาออก’ พอถามเหตุผลมันก็บอกแค่ว่าไม่อยากทำแล้ว ”
“ ไอ้พี่น่ะไม่อยากให้มันออกสักนิด แต่มันก็เอาแต่ขอโทษขอโพยแล้วดึงดันจะออกให้ได้ ”
“ เฮ้อ..เสียดาย เล่นกีตาร์เก่งขนาดนี้แถมเสือกหล่ออีกต่างหาก ตัวทำเงินของร้านเลยนะนั่น วันนี้ก็เลยว่าจะมาขอร้องให้มันลองคิดดูอีกที...เผื่อมันจะเปลี่ยนใจเนี่ยแหละ ”
“ เออ...น้องอยู่ห้องกับมันใช่มั้ย ?
เพราะเขามัวแต่อึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน....จึงยังไม่ทันได้ปฏิเสธอะไรออกไป ฝ่ายนั้นก็รีบพูดขึ้นมาเสียก่อน
“ พอดีเลย...ฝากบอกมันหน่อยนะว่าพี่มาหา หรือถ้ายังไงก็บอกให้มันโทรกลับมาหาพี่ด้วย เพราะตอนนี้พี่ต้องรีบไปทำธุระที่อื่นต่อแล้ว ”
“ ขอบใจมากนะน้อง ”
อาเฮียเจ้าของร้านสุดเซอร์ตบไหล่เขาทีนึง แล้วเดินจากไปทันที ทิ้งให้เขาได้แต่ยืนงงอยู่อย่างนั้น
...พี่สน...ลาออกจากร้านนั้นแล้วเหรอ...?
***************
ความคิดเห็น