[SF ROTG]Cupid JamieXJack - [SF ROTG]Cupid JamieXJack นิยาย [SF ROTG]Cupid JamieXJack : Dek-D.com - Writer

    [SF ROTG]Cupid JamieXJack

    ผู้เข้าชมรวม

    1,539

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    1.53K

    ความคิดเห็น


    14

    คนติดตาม


    36
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 เม.ย. 56 / 20:00 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    เรื่องนี้จะเป็นFan fictionของอนิเมชั่นเรื่องRise of the gardiansนะคะ ^^

    Warning : Yaoi / BL

    อ่านแล้วรบกวนคอมเมนท์ด้วยค่ะ /โค้ง

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Rise of the gardians fan fiction
      Title : Cupid
      Pairing : Jamie Bennett X Jack Frost
      Warning : BL
      Rate : PG-15

      ____________________________________________



      ...ชีวิตคนเรานั้นช่างแสนสั้น...

      ...ผ่านไปเร็วไวดังเช่นหิมะที่ร่วงหล่นลงมาจากบนท้องฟ้า...

      ..............................................................

       

      ฤดูหนาวปีที่21ของเจมี่ เบนเน็ต สายลมหนาวกำลังจะพัดพาเอาชีวิตออกจากปลายนิ้วเย็นเฉียบของชายหนุ่มผู้น่าสงสาร ร่างกายที่ผ่ายผอมแลดูซีดเซียวนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงสีขาวราวกับหิมะ เสียงเครื่องวัดชีพจรข้างเตียงส่งเสียงดังเป็นจังหวะที่เว้นระยะห่างกันจนน่าใจหาย อุปกรณ์การยื้อชีวิตมากมายทำให้คนมองเห็นรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร

      ความมืดกลืนกินทุกอย่าง เกล็ดหิมะค่อยๆร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าสีดำอย่างช้าๆ เปลือกตาของชายหนุ่มผู้อ่อนล้าลืมขึ้นท่ามกลางความมืดมิด มีเพียงแสงไฟนีออนจากเสาไฟฟ้าด้านนอกและแสงสีนวลจากพระจันทร์เต็มดวงที่ส่องลอดจากทางหน้าต่างมาเพียงสลัวๆเท่านั้น

      ใบหน้าภายใต้หน้ากากช่วยหน้าใจยิ้มเล็กๆยามเหลือบไปเห็นร่างของน้องสาวนอนอยู่ที่เตียงสำหรับญาติผู้ป่วยที่มาค้างคืน คนในครอบครัวไม่มีวันทิ้งเขาไปจริงๆ

      ดวงตาสีเฮเซลนัทที่เคยมีเสน่ห์ สดใสและซุกซน ตอนนี้กลับแฝงไปด้วยความเหนื่อยล้า ขอบตาเป็นสีคล้ำเข้มจากการอาการป่วยที่ไม่เคยทุเลาลง มีแต่จะทวีความรุนแรงขึ้นไปทุกวัน

      อันที่จริงแล้วนี่ก็เป็นเพียงรอบเดียวในเวลากว่าเกือบสัปดาห์ที่เขามีโอกาสได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากหลับไปเสียนาน ราวกับว่าเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะให้เขาได้มองโลกอีกครั้ง แต่โอกาสสุดท้ายนั้นก็แสนเศร้า เพราะเจมี่ผู้น่าสงสารไม่สามารถขยับร่างกายส่วนใดได้เลยนอกจากส่วนหัวเท่านั้น

                  ชายหนุ่มรู้ตัวดีกว่าอีกไม่ถึงชั่วโมงต่อจากนี้คงจะเป็นวินาทีสุดท้ายที่เขาจะสามารถสูดหายใจเอาออกซิเจนจากเครื่องยื้อชีวิตที่อยู่กับเขามาสักพักใหญ่ๆนี้เข้าไปได้

      แต่ถึงอย่างนั้นคนเราก็ไม่ได้โชคร้ายเสมอไป  เขารู้สึกดีมากเมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วพบกับครอบครัวของเขา และที่สำคัญที่สุด เขายังมีโอกาสได้เห็นหิมะ

      ถึงแม้จะอยากเอื้อมมือไปสัมผัสกับความเย็นนั้นใจจะขาดแต่สังขารดูท่าจะไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไร แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร แค่นี้เขาก็พอใจมากแล้ว พอใจมากแล้วจริงๆ

      “คืนนี้พระจันทร์สวยจังนะ คุณว่าไหม?” เสียงทุ้มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงชัดเจนอย่างที่คนป่วยหนักขนาดนี้ไม่น่าจะทำได้ คำถามลอยๆที่ไม่เจาะจงคนที่กำลังถามอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็แอบหวังลึกๆว่าจะได้ยินเสียงที่เคยได้ยินในตอนเด็กๆตอบกลับมาบ้าง

      เจมี่มองไปที่กระจกหน้าต่าง เกล็ดหิมะจับตัวกันจนกระจกสีใสกลายเป็นสีขาว จะมีใครมาวาดรูปลงไปบนนั้นไหมนะ? แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มุมปากหยักยกยิ้มน้อยๆอย่างที่ไม่อาจคาดเดาความรู้สึกได้ของเจ้าตัวได้

      จู่ๆความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างที่ไม่เคยได้รับรู้มาก่อนก็ถาโถมใส่เขา รู้สึกหนักไปทั้งตัว สายตาไม่สามารถปรับโฟกัสได้แถมภาพตรงหน้ายังมืดลงเรื่อยๆ เสียงสัญญาณเตือนอัตราการเต้นหัวใจที่ค่อยๆแผ่วลงเรื่อยๆไม่สามารถปลุกยัยโซฟีขี้เซาที่นอนอยู่ห่างออกไปได้เหมือนกับว่ามีใครมาบังคับไว้ไม่ให้เธอตื่นขึ้นมาเจอกับภาพที่น่าเศร้า อาจจะกำลังอยู่ในฝันดีที่แซนดี้สร้างขึ้นมาก็ได้ล่ะมั้ง? หญิงสาวเพียงแค่ทำท่าเหมือนมีอะไรมารบกวนเวลานอนของตัวเองเท่านั้น น่าขำจัง แต่หัวเราะไม่ไหวแล้ว ก็ดีแล้วล่ะที่เธอไม่ได้ตื่นขึ้นมาตอนนี้ เขาเองก็ไม่อยากเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของเธอเหมือนกัน แต่ถ้าเธอตื่นขึ้นมาก็คงจะต้องพบกับความจริงที่อาจจะน่าลำบากใจไปสักหน่อย ถึงเวลานั้นก็ทนเอาหน่อยนะ ป่านนี้หมอกับพยาบาลคงวิ่งมาตามสัญญาณเตือนแล้ว แต่ยังไงก็คงไม่ทันอยู่ดี แต่ไม่เป็นไร ถึงเป็นแบบนี้ก็ไม่เป็นไร เขาพอใจกับสิ่งที่มันเป็นอยู่แล้ว คิดได้ดังนั้นก็คงไม่มีอะไรจะต้องเป็นห่วงอีกแล้วล่ะ เปลือกตาของเขาค่อยๆปิดลงช้าๆ เป็นอีกหนึ่งชีวิตที่ลอยหายไปพร้อมกับห้วงความคิดสุดท้าย

       

       

      ...แจ็ค ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนกันนะ ผมคิดถึงคุณจัง...

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      กุหลาบน้ำแข็งถูกวางไว้ข้างหน้าต่างแทนคำอำลาโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว

       

      ..............................................................

       

       

                  “แจ็ค...” เสียงทุ้มของกระต่ายอีสเตอร์เพื่อนสนิทเจ้าของชื่อดังขึ้นเรียกสติเทพฤดูหนาวหลังจากที่เห็นว่าเด็กหนุ่มนั่งเหม่ออยู่บนกิ่งไม้มาสักพักใหญ่ๆแล้ว

                  “หืม?” เสียงขานรับเรียบง่ายดังขึ้นมาจากลำคอของเจ้าของเรียนผมสีอ่อนโดยไม่แม้แต่จะอ้าปาก

                  บันนี่ถอยหายใจเบาๆก่อนจะกระโดดขึ้นไปนั่งข้างๆแจ็ค ฟรอสต์ที่ทำสีหน้าไม่ยินดียินร้ายกับอะไร มีบางครั้งที่ริมฝีปากบางปรากฏรอยยิ้มอันแสนว่างเปล่าออกมาบ้าง ท่าทางที่เหมือนจมอยู่ในความฝันของคนสนิททำให้กระต่ายหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก แล้วก็ต้องเป็นเขาอีกเช่นเคยที่เป็นคนเริ่มบทสนทนา “ข้า...เอ่อ...เสียใจด้วยนะ เรื่องเจ้าหนูนั่น” บันนี่ก้มหน้า เอ่ยเสียงตะกุกตะกัก

                  รอยยิ้มบนใบหน้าหวานของคนข้างกายหายไป “อื้ม” เขาตอบสั้นๆโดยที่ยังไม่ยอมอ้าปากพูดกันดีๆเหมือนเคย

                  “จะร้องไห้ก็ได้นะ ข้ารู้ว่าเจ้าถูกใจเด็กนั่นมาก” เสียงทุ้มพยายามหาเรื่องชวนคุย ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งทำอะไรแบบนี้ แต่ก็คงจะดีกว่าปล่อยให้ร่างเล็กนั่งคิดฟุ้งซ่านอยู่คนเดียว

                  “อือฮึ” แจ็ค ฟรอสต์ตอบกลับมาเช่นเคย แต่ก็ยังไม่มีน้ำตาหรือสีหน้าแบบอื่นให้เขาได้เห็นอีกเหมือนเดิม

                  ด้วยความที่ไม่รู้จะทำอย่างไร กระต่ายตัวโตจึงได้แต่นั่งเงียบๆเป็นเพื่อนเท่านั้น

       

                  งานต้องทำก็มี เพื่อนก็ต้องดูแล ทำไมชีวิตตูยุ่งเหยิงขนาดนี้เนี่ย!?

       

                การ์เดี้ยนคนอื่นๆต่างก็วุ่นวายอยู่กับงานของตัวเองกันทั้งนั้น มีก็แต่เขาเนี่ยแหละที่ยังพอเจียดเวลามาดูแลคนอื่นได้

                  “แจ็ค คือ...”

                  “ข้าไปก่อนนะบันนี่ ข้านึกขึ้นได้ว่ามีธุระต้องทำ” ว่าจบก็หายไปกับสายลมแรง ทิ้งให้คนที่ยังพูดไม่จบนั่งปัดเกล็ดหิมะออกอยู่คนเดียว

       

                  .............

       

                  มือขาวแตะลงไปบนแผ่นหินเย็นเฉียบ ลากนิ้วมือสัมผัสกับตัวอักษรที่ถูกแกะสลักไว้อย่างสวยงามบนนั้น

       

      Jamie Bennett

      20XX – 20XX

      Here rests our dearest son and brother

      In the arms of an angel, fly away from here. He is in good hands now.

       

                รูปภาพหน้าตรงของชายหนุ่มที่เขารู้จักถูกติดไว้บนแผ่นหินสีเข้ม รูปเล็กๆสีขาวดำไม่อาจทำให้ประกายแห่งความเชื่อมั่นและความหวังที่ฉายอยู่ในแววตาซุกซนเหมือนเด็กลดน้อยลงไปได้เลย เด็กหนุ่มยิ้มให้กับรูปถ่ายไร้ชีวิตนั้นนิดหน่อย

                  เพียงแค่สะกิดไม้เท้าเบาๆร่างโปร่งทั้งร่างก็ลอยขึ้นไปนั่งอยู่บนแผ่นป้ายหลุมศพ

                  “นี่เจมี่ ทำไมนายถึงได้ไปไวจังเลยล่ะ โลกนั้นน่ะไม่มีอะไรน่าสนใจหรอกนะข้าจะบอกให้” เสียงใสพูดเจื้อยแจ้วราวกับมีใครฟังทั้งๆที่อยู่คนเดียว มือเรียวยกไม้เท้าขึ้นปัดหิมะออกจากผืนหญ้าหน้าป้ายหินก่อนจะเคาะเบาๆลงไปบนพื้นว่างเปล่าเผื่อว่าใครบางคนจะยอมคุยกับเขาบ้าง(ถึงมันจะน่ากลัวไปนิดนึงก็เถอะนะ)

                  “นี่ๆเจมี่ จำฤดูหนาวเมื่อ3ปีก่อนได้ไหม ที่เจ้าบังเอิญเจอข้าอีกครั้งไง”

                  “นี่เจมี่ นอกจากข้าแล้วเจ้าได้เจอการ์เดี้ยนคนอื่นๆบ้างหรือเปล่าน่ะ”

                  “รู้ไหมว่าตอนนี้น่ะนะ ตาลุงนอร์ธกำลังยุ่งหัวปั่นเลยล่ะ บันนี่เองก็คงเหมือนกัน”

                  “ข้านะไม่เห็นต้องทำอะไรเลย ก็แค่เล่นสนุกไปวันๆ น่าอิจฉาใช่ไหมล่ะ”

                  “นี่เจมี่ จริงๆแล้วน่ะ...”

                  “นี่...”

                  เสียงของแจ็ค ฟรอสต์เริ่มแผ่วลงเรื่อยๆอย่างสิ้นหวัง ไม่มีเสียงตอบกลับของเจมี่ ไม่มีคำถามใดๆ ไม่มีเด็กชายที่ตอนนี้กลายเป็นชายหนุ่มเต็มตัว ไม่มีอะไรอีกแล้ว นอกจากเขาตัวคนเดียว

                  “เจมี่ เจ้าจะไม่คุยกับข้าจริงๆเหรอ?” เด็กหนุ่มพูดออกมาอย่างน่าสงสารด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น แต่น่าเสียดาย มีเพียงแค่เสียงลมพัดเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนเขา

                  “เจมี่ ข้ากำลังจะไปแล้วล่ะ ไปจากที่นี่ ไปจากเมืองนี้ ข้าคงจะไม่กลับมาอีกแล้ว” เพราะมันไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับข้า...ถ้าไม่มีเจ้า

                  ขาเรียวก้าวลงมายืนบนผืนหิมะอีกครั้ง “ลาก่อน ขอให้เจ้าหลับสบาย”

                  ริมฝีปากสีสดประทับลงบนรูปสีขาวดำ กลีบปากเย็นเฉียบกับจูบเล็กๆที่เจือไปด้วยรสจางๆของหิมะ จูบนั้นเป็นได้แค่เพียงจูบลา

                  “ข้ารักเจ้านะ” กระซิบแผ่วเบาก่อนที่ทุกอย่างจะถูกพัดหายไปกับสายลม

       

      .............

      .............

      .............

       

                  ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว ฤดูหนาวผ่านไปนับครั้งไม่ถ้วนนับตั้งแต่วันแห่งการสูญเสีย นับตั้งแต่วันนั้นแจ็ค ฟรอสต์ก็ไม่เคยเฉียดกรายเข้าไปใกล้ละแวกนั้นอีกเลย อย่างมากก็แค่บินผ่านไปไวๆเผื่อให้ความหนาวเย็นตามหน้าที่เท่านั้น ไม่มีวันหิมะหรรษา ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีการละเล่นอะไรทั้งนั้น

                  เวลาที่ผ่านไปเนิ่นนานไม่ได้ทำให้เทพหนุ่มลืมความทรงจำดีๆที่มีให้กับเด็กชายตัวน้อยที่เขาเคยรู้จักเลย ทั้งคำพูด เสียงหัวเราะ ทุกสิ่งยังอยู่ในความทรงจำของเขาเสมอโดยเฉพาะความรู้สึกที่ไม่เคยเปลี่ยนไป บ้านเบนเน็ตที่ไม่มีเจมี่เป็นที่ที่เขาไม่อยากไปยืนมากที่สุด จนกระทั่งวันนี้...

                  ดวงตาสีอ่อนกวาดมองไปทั่วบริเวณ บรรยากาศรอบๆเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก รวมถึงบ้านเบนเน็ตเองก็ด้วย แต่ทำไมเขาถึงจะจำไม่ได้กันล่ะว่าที่นี่คือที่ไหน

                  แจ็ค ฟรอสต์สำรวจบริเวณรอบๆอีกครั้ง บ้านเพื่อนๆของเจมี่ ตึกที่เขาเคยเห็นผ่านๆ น้ำพุที่เขาเคยเล่นสนุกโดยการทำให้มันกลายเป็นน้ำแข็ง ที่ที่เขาเลนปาหิมะกับเจมี่ และอีกหลายๆที่ เด็กหนุ่มเริ่มกลับมายิ้มได้อีกครั้งเมื่อนึกถึงความทรงจำเก่าๆอันแสนอ่อนโยน

                  “แจ็ค!!” เจ้าของชื่อสะดุ้งกับเสียงเรียกชื่อตัวเอง หันซ้ายหันขวานิดหน่อยก็ได้พบกับเพื่อนเก่าอย่างทูธแฟรี่

                  “ไม่ได้เจอกันตั้งนานนะแจ็ค ลมอะไรพัดเจ้ามาที่นี่กันล่ะ ฟันยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ” เสียงหวานใสของทูธถามรัวเป็นชุด มือบางยังคงชอบยุ่งกับช่องปากของเขาไม่เปลี่ยน

                  แจ็คดึงมือของเธอออกเบาๆ “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าแต่เจ้าเถอะ เดี๋ยวนี้ลงพื้นที่ทำงานเองเลยเหรอ” เขาถามยิ้มๆ

                  “ใช่แล้ว เหนื่อยนิดหน่อยแต่คุ้มค่ามากเลยล่ะ เดี๋ยวนี้เด็กๆยังวางฟันไว้ใต้หมอนเหมือนเดิมเลย ข้าล่ะดีใจมากเลยจริงๆ” ทูธว่าพลางหลับตานึกถึงฟันซี่เล็กๆของเด็กตัวน้อย

                  “แล้วการ์เดี้ยนคนอื่นๆเป็นยังไงบ้าง” เด็กหนุ่มแห่งฤดูหนาวถามขึ้นอีกครั้ง เขาขาดการติดต่อกับทุกคนไปนานจริงๆ

                  “ก็เห็นว่าสบายดีนะ ทุกคนยังงานยุ่งเหมือนเดิมเลยล่ะ”

                  “งั้นเหรอ..”

                  “เอ้อใช่แจ็ค ช่วงที่เจ้าไม่อยู่เจ้าพลาดอะไรไปเยอะมากเลยรู้ไหม เจ้าน่าจะกลับมาให้เร็วกว่านี้สักหน่อยนะ!” ทูธว่าด้วยท่าทางตื่นเต้นเสียเต็มประดา

                  “เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”

                  “การ์เดี้ยนคนใหม่ล่ะบุรุษแห่งดวงจันทร์เพิ่งเลือกการ์เดี้ยนคนใหม่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง ตามข้ามาสิ ไปหาเขากัน!!” ก่อนที่จะได้ถามอะไรออกไปทูธแฟรี่ก็ดึงมือเขาแล้วโผขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงไปยังจุดหมายที่เขาไม่รู้ว่าที่ไหนเสียแล้ว

       

                  “ได้เจอเขาแล้วเจ้าต้องตื่นเต้นมากแน่ๆ ข้าเอาฟันของเด็กๆทั้งหมดเป็นประกันเลย!” ทูธว่าทั้งๆที่ยังบินด้วยความเร็วสูงอยู่

                  “ขนาดนั้นเชียว? ข้าเริ่มอยากรู้แล้วเหมือนกันว่าเขาเป็นใคร” แจ็ค ฟรอสต์พูดขำๆ ใครกันนะจะถูกใจเขาถึงขนาดนั้น

                  “แน่นอน.... นั่นไงเขาอยู่ตรงนั้น!” ทูธชี้ไปทางร่างที่ลอยอยู่ไกลลิบๆ ร่างหนาหันหลังให้กับพวกเขาอยู่ เห็นเพียงปีกสีขาวใหญ่โตเป็นจุดเด่น ทูธตะโกนชื่อของเขาออกมา “อีรอส!!

                  ชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าของชื่อชะงักมือจากอะไรบางอย่างที่กำลังทำอยู่ก่อนจะหันร่างทั้งร่างมาหาทั้งสอง ใบหน้าคมคายนั้นทำให้เทพฤดูหนาวแทบจะทรงตัวไม่อยู่ รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังโกบมือให้พวกเขาอยู่ ปีกใหญ่สยายขึ้นและขยับบินมาหา

                  “แจ็ค คนนี้แหละ การ์เดี้ยนคนใหม่ล่ะ” ทูธแนะนำยิ้มๆ

                  “สวัสดี ข้าชื่ออีรอส เป็นกามเทพ ยินดีที่ได้รู้จัก” ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้มประจำตัว

                  น้ำตาไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไรตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้สึกปากคอสั่นเกินกว่าจะเค้นคำพูดอะไรออกมาได้ “เอ่อ...ข ข้า....”

                  มือหนาเอื้อมไปปาดน้ำตาออกจากใบหน้าเนียน เสียงทุ้มชิงพูดออกมาก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะพูดจบ

                  “กลับมาแล้ว แจ็ค ผมกลับมาแล้ว” รอยยิ้มซุกซนเผยออกมาอีกครั้งก่อนที่เขาจะรวบตัวคนที่ร้องไห้เหมือนเด็กๆมาไว้ในอ้อมกอด

                  แจ็ค ฟรอสต์พยายามเค้นเสียงอันสั่นเครือที่เจือไปด้วยเสียงสะอื้นพูดประโยคที่อยากพูดมาตลอด

       

      “กลับมาแล้วเหรอเจมี่”

       

      ..............................................................................................

       

                 

       

      OMAKE

      .............

       

                  “ผมชื่ออีรอสต่างหากล่ะ ไม่ใช่เจมี่แล้วสักหน่อย” อีรอสทำหน้ามุ่ยเหมือนเด็กเอาแต่ใจซึ่งไม่ได้เข้ากับใบหน้าหล่อๆนั่นเลย

                  แจ็คหัวเราะ “ข้าดีใจนะที่ได้เจอเจ้าอีกครั้ง”

                  “ผมก็ดีใจเหมือนกันนะ” อีรอสกว้างอย่างที่ชอบทำอยู่เสมอ

                  “เจ้าเป็นกามเทพเหรอ? ข้านึกว่ากามเทพจะต้องเป็นเด็กผู้ชายตัวกลมๆเสียอีก” แจ็คมองสำรวจชายตรงหน้า ชุดสูทสีขาวบริสุทธิ์กับปีกใหญ่สีเดียวกันที่กลางหลังทำให้เขาดูสมกับเป็นทูตสวรรค์จริงๆ

                  “เป็นอย่างนั้นซะเมื่อไร ออกจะหล่อนะเห็นไหม” ร่างหนาพูดพลางโพสต์ท่าต่างๆนานา แถมเสกธนูกามเทพซึ่งดูผิดคาดขึ้นมาให้ดูอีกด้วย

                  “หลงตัวเองนะเจ้าน่ะ”

                  “หลงตัวเองที่ไหนกัน ความจริงชัดๆ”

                  “........”

                  “........”

                 

                  เสียงบทสนทนาเจื้อยแจ้วดำเนินไปเรื่อยจนไม่มีใครรู้ตัวว่าเทพธิดาฟันน้ำนมได้ปลีกตัวออกไปตั้งนานแล้ว เพื่อที่จะไปแจ้งข่าวการกลับมาของแจ็ค ฟรอสต์ผู้ร่าเริงคนเดิมให้คนอื่นๆได้รู้กันเสียที

       

       _____________________________________________

      Blog : marchentale.exteen.com

      ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนท์ค่ะ ^__________^

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×