ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rockman X {x} Zero no Tsukaima : เรปลิลอยด์ของยัย 0 สนิท

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5 : ทัวร์เมือง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.46K
      52
      25 ก.ค. 59

    ในห้องหนึ่งบนชั้นสามที่กระจกหน้าต่างแตก คิลเก้แต่งหน้าฮัมเพลงอยู่หน้ากระจก
     
    “วันนี้จะอ่อยไซโตะยังไงดีน้า~” ...เฮ้ยๆ ผิดบทแล้ว จะอ่อยหมอนั่นก็เอาไว้หลังถ่ายทำเสร็จเซ่...
     
    เสียงม้าดังมาจากนอกหน้าต่าง ตามด้วยเสียงพูดของชายที่เธอกำลังหมายตาและนายหญิงวาลิเอลของเขา
     
    “จับตรงไหนน่ะ!?”
     
    “ขออภัยครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” แต่น้ำเสียงไม่ได้ดูสำนึกผิดซักนิด(แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ)
     
    “ความจริงนายจะต้องเป็นคนบังคับม้าให้ฉันแท้ๆ นะ!”
     
    “โลกที่ผมอยู่ไม่ได้ใช้ม้ากันแล้ว ขออภัยด้วยจริงๆ ครับ”
     
    ม้าเริ่มวิ่งออกไปไกล เด็กสาวผมแดงรีบผลุนผลันออกไปจากห้องของตัวเองพลางคิดในใจว่า ‘ไปเจอกันข้างนอกโดยบังเอิญก็ไม่เลว’
     
    ในห้องอีกห้องหนึ่ง เด็กสาวร่างเล็กสวมแว่นกรอบกลมผมสีฟ้าสั้นระต้นคอกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงในเสื้อเชิ้ตนักเรียนสีขาว เสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอหยิบไม้เท้าที่พิงอยู่ข้างเตียงขึ้นพึมพำคาถาโดยไม่ละสายตาจากหนังสือ
     
    ประตูห้องเปิดผางออก คิลเก้พรวดพราดเข้ามาพร้อมกับขยับปากพูดด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน...แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆ ออกมา จนกระทั่งเด็กสาวสวมแว่นหยิบไม้เท้าขึ้นมาขยับคลายมนต์ เสียงพูดจึงดังออกมาให้ได้ยินกัน
     
    “ทาบาสะ! เตรียมตัวเร็ว ออกไปข้างนอกกัน!”
     
    “...วันแห่งความว่างเปล่า...” เด็กสาวที่ถูกเรียกว่า [ทาบาสะ] เอ่ยเสียงเบาโดยไม่ละสายตาจากหนังสือ
     
    “อะ—เข้าใจอยู่ว่าวันแห่งความว่างเปล่าสำคัญกับเธอมาก” (พูดด้วยน้ำเสียงเข้าใจ) “แต่ฉันน่ะกำลังตกหลุมรัก...” (พูดเสียงอ่อน) “แต่เขาออกไปข้างนอกกับยัยวาลิเอล! ฉันอยากรู้ว่าสองคนนั่นไปไหนกัน เข้าใจฉันใช่มั้ย!?” (พูดเสียงดัง)
     
    ...ทาบาสะเพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ...สายตาไม่ละไปจากหนังสือ...
     
    “จริงสิ ต้องอธิบายให้ละเอียดสินะ งั้นก็...” คิลเก้สูดหายใจเข้าลึก จากนั้นจึงระเบิดคำพูดออกมาไม่ยั้ง
     
    “ฉันอยากไล่ตามสองคนนั้นไปแต่ถ้าไม่ได้อสูรรับใช้ของเธอก็คงตามไม่ทันน่ะช่วยหน่อยนะช่วยหน่อยนะ!” เด็กสาวผมแดงคุกเข่าลงกุมมือขอร้องที่ข้างเตียง ในที่สุด...
     
    ตุบ
     
    เสียงปิดหนังสือ เด็กสาวสวมแว่นพยักหน้าเบาๆ คิลเก้ยิ้มพร้อมทั้งเอ่ยขอบคุณอย่างดีอกดีใจ
     
    ทาบาสะเปิดหน้าต่างออกและใช้นิ้วผิวปากหนึ่งครั้ง เสียงร้องดังขึ้นจากท้องฟ้าที่ห่างไกล...
     
    ...
     
    “ซิลฟีดของเธอเนี่ยไม่ว่าเมื่อไรก็น่าหลงใหลเสมอเลยเนอะ~” คิลเก้เอ่ยชมมังกรสีน้ำเงินที่ทั้งคู่นั่งอยู่บนหลัง ปีกคู่ใหญ่ขยับขึ้นลงโผบินไปในท้องฟ้า
     
    “...ทางไหน?...”
     
    “เอ่อ...ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” เด็กสาวผมแดงรีบจนไม่ทันดู ทาบาสะเอนตัวเข้าไปที่ข้างศีรษะของมังกรพร้อมกับเอ่ยเสียงเบา
     
    “...สองคนนั้นขี่ม้าอยู่ กินไม่ได้นะ...”
     
    ในเมือง สามชั่วโมงต่อมา
     
    หลุยส์กับเอ็กซ์เดินอยู่ท่ามกลางฝูงชนในทางเดินระหว่างร้านค้า ผู้คนรอบข้างต่างพากันมองมาที่พวกเขา ไม่ใช่เพราะเครื่องแบบของหลุยส์ดูแตกต่างจากคนทั่วไป ที่เด่นกว่าคือเด็กหนุ่มในชุดคลุมยาวคล้ายกับของบาทหลวงต่างหาก
     
    “ฉันว่านายเด่นเกินไปแล้ว ต้องหาอะไรให้นายใส่นอกจากชุดที่ยังกับบาทหลวงนี่”
     
    “เอ ถ้างั้นก็...” เอ็กซ์จูงหลุยส์เข้าไปในตรอกข้างทางเพื่อหลบสายตาคนเดินถนน
     
    เขาจำได้ว่ามีอยู่ระบบหนึ่งที่ติดตัวเขามาตั้งแต่ต้นและยังไม่เคยได้ใช้งานแม้แต่ครั้งเดียว เอ็กซ์ไล่ดูข้อมูลเครื่องแต่งกายในข้อมูล จากนั้นก็...
     
    เปิดใช้งานโหมดพลเรือน
     
    ร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้าเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง ในเวลาไม่กี่วินาทีศีรษะของเขาที่เคยเป็นหมวกก็เปลี่ยนเป็นเส้นผมสีน้ำเงินครามยาวเลยติ่งหูเล็กน้อย ชุดยาวรุ่มร่ามเปลี่ยนเป็นแจ็คเก็ตผ้าสีดำคอตั้ง สแลคขายาวสีน้ำตาลเทา ผ้าพันคอสีฟ้าพันรอบบ่าอย่างหลวมๆ
     
    หลุยส์ยืนอึ้ง ทั้งเป็นเพราะเหตุการณ์ที่น่าตกตะลึงเพิ่งเกิดขึ้นต่อหน้าเธอสดๆ ร้อนๆ และเพราะรูปลักษณ์อสูรรับใช้ของเธอให้ความรู้สึกต่างไปจากเดิม ออร่า ‘พระผู้มาโปรด’ ยังอยู่แต่ก็น้อยลงมาก เขาดู...อายุน้อยลงมาก
     
    “เป็นไงครับ?” เอ็กซ์ถามพร้อมทั้งส่งยิ้มแบบเดิม
     
    “ด—ดีขึ้น” หลุยส์ถูกถามก็รีบร้อนตอบจนตะกุกตะกัก แก้มทั้งสองข้างเป็นสีชมพูอ่อนๆ
     
    “แต่นาย...ใช้เวทย์มนต์ได้ด้วยเหรอ!?” เธอถามอย่างตื่นเต้นตกใจ
     
    “ไม่ใช่เวทย์มนต์หรอกครับ ผมบอกได้แค่ว่านี่เป็นความสามารถที่ติดตัวผม เหมือนกับที่ซาลามันเดอร์พ่นไฟได้และที่ตุ่นมุดดินได้” เอ็กซ์อธิบายด้วยวิธียกตัวอย่าง ซึ่งก็ดูเหมือนหลุยส์จะเข้าใจคอนเซปท์
     
    “อืม...แบบกิ้งก่าเปลี่ยนสีสินะ...” เข้าใจแค่คอนเซปท์นะ...
     
    เอ็กซ์ตัดสินใจว่าต่อไปนี้ถ้าออกมาที่คนเยอะๆ จะใช้รูปร่างนี้ทุกครั้ง เพื่อให้กลมกลืนกับมนุษย์ที่นี่มากขึ้น ทำให้หลายคนหมดโอกาสจะได้เห็นความเท่ของเขาในโหมดเรปลิลอยด์ไปโดยปริยาย(เศร้า...)
     
    “ว่าแต่คุณยังไม่บอกผมเลยว่าเราจะไปที่ไหน?” เอ็กซ์ถือโอกาสถาม
     
    “อ้อ ใกล้แล้วล่ะ ตามมา” หลุยส์เดินลึกเข้าไปในตรอก กวาดตาดูป้ายที่ติดอยู่เหนือประตูแต่ละบาน
     
    “เจอแล้ว!” หลุยส์พูดพร้อมกับกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่หน้าประตูไม้ร้านเล็กๆ ร้านหนึ่ง เอ็กซ์มองดูสัญลักษณ์หน้าร้านแล้วก็มีคำหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวอย่างชัดเจน ‘อาวุธ’
     
    “ช่วงนี้รู้สึกทางราชสำนักจะชอบพกอาวุธติดตัวกันจริงนะ” ชายฟันหนูผู้เป็นเจ้าของร้านรู้แทบจะในทันทีว่าหลุยส์เป็นชนชั้นสูง
     
    หลุยส์พลิกดูดาบเรียว(เรเพียร์)เล่มหนึ่งก่อนจะขอดาบเล่มที่หนาแล้วก็ใหญ่กว่านี้อีกหน่อย เธอดูจากเรี่ยวแรงของอสูรรับใช้แล้ว ดาบเล่มใหญ่กว่านี้ก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่เอ็กซ์ท่าทางจะมีปัญหาอื่น
     
    “หลุยส์ ผมไม่อยากได้อาวุธหรอกนะครับ ผมอยากจะเลี่ยงการต่อสู้ให้มากที่สุด” เอ็กซ์เอ่ยโดยปราศจากรอยยิ้มอย่างทุกที
     
    “ฉันจำได้หรอกน่า แต่ไหนๆ นายจะต้องคอยปกป้องฉันแล้วก็อยากจะให้มีดาบติดตัวไว้ซักเล่ม ฉันจะได้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาหน่อย” หลุยส์ให้เหตุผล เอ็กซ์ถอนหายใจหนักๆ หนึ่งที ถ้าแค่นั้นเขาพออนุโลมได้ อย่างน้อยถ้าจำเป็นขึ้นมาเขาจะได้มีอะไรใช้นอกจากเครื่องกลสังหารที่สองแขนของเขา
     
    เจ้าของร้านกลับออกมาพร้อมกับดาบสีทองเล่มใหญ่มันวาว หลุยส์รับมาถือดูด้วยสายตาพึงพอใจ น้ำหนักและขนาดดูจะตรงตามที่เธอต้องการ
     
    “นี่เป็นดาบที่ดีที่สุดของร้านเรา ขนาดฟันเหล็กยังขาดสองท่อนเลย สร้างขึ้นโดยยอดนักแปรธาตุของเยอร์มาเนีย จอมเวทย์ชูเป้” เจ้าของร้านพยายามให้เครดิต
     
    “ราคาเท่าไรเหรอ?” หลุยส์ถามพร้อมทั้งส่งดาบให้อสูรรับใช้ถือ เอ็กซ์รับมาก็ตรวจสอบดูเท่าที่ทำได้
     
    “ถ้าเป็นเงินใหม่ก็สามพันเหรียญ” เจ้าของร้านชูสามนิ้ว
     
    “นั่นมันราคาที่ดินพร้อมบ้านและสวนบริเวณไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ!” หลุยส์ตกใจกับราคาที่มหาศาลเวอร์
     
    “ดาบสุดยอดลิมิเต็ดอิดิชั่นแบบนี้จะโก่งราคากันเท่าปราสาทหรูหราก็ยังได้”
     
    “แต่ฉันมีติดตัวมาแค่ร้อยเหรียญเท่านั้นเองนะ!”
     
    “งั้นมัดจำเอาฝักดาบไปก่อนมั้ยล่ะ?” เจ้าของร้านพูดเป็นเชิงเหน็บแนม ไม่ทันรู้สึกตัวเลยว่าดาบลิมิเต็ดอิดิชั่นที่โฆษณาอย่างดีถูกยื่นมาตรงหน้าตัวเองโดยไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคนที่จะเป็นผู้ใช้
     
    “ผมว่าราคาแพงเกินไปหน่อยนะครับ” เอ็กซ์ยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หลุยส์เริ่มจะเรียนรู้ขึ้นมาว่าเมื่อเอ็กซ์ยิ้มแบบนั้นแสดงว่าอุบเงียบอะไรบางอย่างเอาไว้ เธอจึงตามน้ำไป
     
    “ที่ราคาไม่เกินร้อยเหรียญล่ะมีมั้ย?” หลุยส์ถาม เจ้าของร้านเดินไปที่ถังไม้ซึ่งมีอาวุธวางรวมกันอยู่และหยิบดาบสนิมจับเล่มหนึ่งขึ้นมา
     
    “นี่ล่ะ ร้อยเหรียญพอดีเลย” เจ้าของร้านส่งให้ผู้ที่จะเป็นผู้ใช้นำไปถือลองดู
     
    วินาทีที่มือของเอ็กซ์สัมผัสกับดาบความรู้สึกบางอย่างก็ส่งผ่านไปที่ส่วนประมวลผลในหัวของเขา(เรียกให้เข้าใจง่ายๆ ว่าสมอง) เป็นความรู้สึกที่ต่างจากการรับข้อมูลจากเซนเซอร์ในร่างกาย
     
    ‘นี่มัน...’ เขามองดาบในมือด้วยความฉงนใจ
     
    “สนิมจับเลยนะเนี่ย” หลุยส์บอกสิ่งที่เห็นๆ กันอยู่ “ท่าทางจะเก่า”
     
    “หมายความว่าทนทานต่อกาลเวลาสินะครับ” เอ็กซ์ชี้ให้มองในแง่ดี
     
    กริ๊ง! (เสียงเอฟเฟ็คเครื่องคิดเงินดีด)
     
    “อุตส่าห์มาทั้งที นึกว่าจะได้อะไรที่มันดูดีซักหน่อยแท้ๆ นะ ใครจะไปคิดว่าอาวุธจะราคาแพงแบบนี้” หลุยส์บ่นฉอดฉอด
     
    “ผมว่าคุ้มออก ดาบนี่อายุไม่ต่ำกว่าร้อยปีแล้วแต่ยังแข็งแรงขนาดนี้แสดงว่าทำมาอย่างดีเลยล่ะครับ” เอ็กซ์พูดตามความเป็นจริง แค่ระบบตรวจสอบอายุของวัตถุ เขาที่เคยเป็นเจ้าหน้าที่ภาคสนามของอิเร็กกูล่าร์ฮันเตอร์ต้องมีอยู่แล้ว
     
    “จริงเหรอ? ถ้าเป็นอย่างที่นายว่าก็ดีขึ้นมาหน่อย”
     
    ทั้งคู่กลับโรงเรียนไปแค่นั้น
     
    หลายชั่วโมงต่อมา ห้องของหลุยส์
     
    “...อะไรของเธอ เซอร์บุสต์?” หลุยส์ทำหน้าบอกบุญไม่รับกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายถือดาบทองเล่มใหญ่เดินยิ้มแฉ่งเข้ามาพร้อมกับเพื่อนสวมแว่นผู้จ้องแต่หนังสือ
     
    “ก็แค่เอาของขวัญมาให้เอ็กซ์แทนคำขอโทษที่เมื่อคืนไม่มีโอกาสได้คุยกันมากกว่านี้...เพราะยัยพลังศูนย์บางคน”
     
    ดาบเล่มนี้คือผลพวงจากการที่เธอไปสอดแนมกิจกรรมของทั้งคู่ในเมือง
     
    “กล้าพูดนะยัยคนที่กระเสือกกระสนมาจากประเทศอื่นเพราะหาผู้ชายที่ประเทศตัวเองไม่ได้น่ะ”
     
    “จะดาบหรือผู้หญิงก็ต้องเยอร์มาเนียถึงจะเลิศ ไม่เหมือนผู้หญิงทริสเทนไม้กระดานอย่างเธอหรอก”
     
    เปรี๊ยะๆ! (เกิดกระแสไฟฟ้าสถิต)
     
    สองสาวฟาดปากกันไปจนถึงขั้นทำท่าจะวางมวยชี้คทาใส่ฝ่ายตรงข้าม แต่ยังไม่ทันจะร่ายเวทย์ก็ถูกสายลมปริศนาพัดดึงเอาหลุดมือตกลงพื้นทั้งคู่ ไม่ใช่ฝีมือใครอื่นนอกจากสาวแว่นเงียบที่เพิ่งจะวางไม้เท้าพิงขอบเตียงไว้อย่างเก่าโดยไม่ละสายตาจากหนังสือ
     
    “ถ้างั้นให้เอ็กซ์เป็นคนตัดสินก็แล้วกัน!” ทั้งสองพูดพร้อมกับหันมาทางเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวในห้อง ผู้ซึ่งยิ้มสู้ทุกสถานการณ์
     
    “ผมคิดว่าคุณสองคนไม่ได้ทะเลาะกันเรื่องดาบแล้วนะครับ ^ ^” ...พูดได้ถูกต้องกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ทั้งสองก็เหมือนจะรู้จึงได้หันกลับไปจ้องกินเลือดกินเนื้อกันต่อ
     
    “บอกให้รู้ไว้เลยนะว่าฉันเกลียดเธอที่สุด” “เรื่องนี้เท่านั้นล่ะมั้งที่คิดตรงกัน” เปรี๊ยะๆ! (ไฟฟ้าสถิต)
     
    “แน่จริงมาดวลกัน!” (x2)
     
    “หนวกหูจริงเฟ้ย! ยัยผู้หญิงสมองเสื่อมพวกนี้นี่!”
     
    สองสาวหยุดทะเลาะกันและหันมาจ้องเอ็กซ์ตาเขียวปั้ด เสียงพูดดังมาจากจุดที่เขายืนอยู่
     
    “ว่าไงนะ~ นายพูดอะไรหา~” (x2) สองสาวทำเสียงสยอง ขณะที่เอ็กซ์เอาแต่ยิ้ม
     
    “...ดาบ...” ทาบาสะเงยหน้าขึ้นเอ่ยเสียงเบา ให้ความสนใจอย่างอื่นนอกจากหนังสือในมือเป็นครั้งแรก
     
    “กำลังหลับสบายๆ ดันมาปลุกซะได้” เหล็กที่คอดาบขยับพร้อมกับเสียงพูดดังขึ้นเป็นข้อพิสูจน์อย่างชัดเจนว่าต้นเสียงคืออะไร
     
    “พูดได้? [ดาบทรงปัญญา](Intelligence Sword) นี่ รสนิยมแปลกนะวาลิเอล”
     
    “ใครจะไปรู้ยะ” เถียงกันไม่เว้นวินาที...
     
    “ว่าแต่ฉันตื่นขึ้นมาแสดงว่าเจ้าหนูที่ถือฉันอยู่นี่คือผู้ใช้สินะ” ดาบสนิมเขรอะพูดด้วยท่าทางอวดดีเล็กน้อย
     
    “ผมชื่อเอ็กซ์ครับ คุณเป็นดาบที่พูดได้เล่มแรกในชีวิตผมเลย ยินดีที่ได้รู้จักครับ ^ ^” เอ็กซ์ดูจะรับเรื่องได้เร็วมาก ‘ถ้าแซด-เซเบอร์พูดได้แบบนี้ก็ดีสิ ซีโร่จะได้เข้าสังคมมากกว่านี้’ เขานึกขำในใจ
     
    “ปฏิกิริยาไม่เหมือนคนทั่วไป ท่าทางจะไม่ใช่เจ้าหนูธรรมดาแฮะ ฉันชื่อ [เดลฟลิงเกอร์]”
     
    เอ็กซ์และเดลฟลิงเกอร์พูดคุยราวกับรู้จักกันมาสิบปีขณะที่หลุยส์ได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
     
    ‘ฉันทำกรรมอะไรมา ทำไมรอบตัวฉันมีแต่พวกประหลาดแบบนี้เนี่ย? v๐v~’
     
    --
     
    !Bonus! (หมายความว่า เขียนไปอย่างนั้นเอง)
     
    “เฮ้อ~ เสียดายสองพันห้าร้อยเหรียญ นี่แหละน้าที่พระพุทธเจ้า(?)สอนไว้ว่ากิเลสราคะเป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์” เจ้าของร้านฟันหนูถอนหายใจเมื่อนึกถึงเมื่อวานที่ตัวเองเสียท่าให้เด็กผู้หญิงโนตมผมแดงจนเผลอขายดาบทองไปในราคาแค่ห้าร้อยเหรียญ
     
    ประตูร้านเปิดออก
     
    “เชิญครับ~ อาวุธดีๆ ทั้งนั้นเข้ามา—“ เจ้าของร้านชะงักไปเมื่อเห็นสองลูกค้ารายล่าสุด
     
    “สวัสดีครับ ^ ^” เด็กหนุ่มที่มาซื้อดาบเก่าๆ ไปเมื่อวานนั่นเอง ซ้ำยังพ่วงมาด้วยเด็กสาวผมสีฟ้าสวมแว่นที่อยู่กับเด็กสาวแดงผู้ซื้อดาบทองเขาไปเมื่อวาน...และตอนนี้ดาบที่ว่าก็มากับเธอด้วย
     
    “เราเอาดาบมาคืนน่ะครับ” เอ็กซ์พูดเข้าประเด็น
     
    “ไม่ได้ ของซื้อของขายไม่รับคืน” เจ้าของร้านปฏิเสธ
     
    “คุณก็แค่คืนเงินห้าร้อยเหรียญกลับมาและรับดาบเปราะๆ ที่ดีแต่ไว้ประดับเล่มนี้กลับไป ^ ^” เอ็กซ์ยิ้มแป้นทั้งที่เขาเพิ่งจะพูดประโยคที่ทำให้ใครคนหนึ่งใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ยิ่งเด็กสาวสวมแว่นพยักหน้าเสริมก็ยิ่งทำให้สถานการณ์ของเจ้าของร้านเลวร้าย
     
    “น—นี่เธอ ด—ดาบไว้ประดับ อะไรกันฉันไม่เข้าใจ” แม้จะทำท่าไม่สะทกสะท้าน แต่สายตากับเสียงไปแล้ว
     
    “คุณไม่เข้าใจ งั้นลองไปถามคนแถวนี้ดูมั้ยครับ เผื่อจะมีใครอธิบายได้ชัดเจนกว่าผม ^ ^” ยิ้ม...
     
    ใครไม่เป็นเจ้าของร้านฟันหนูตอนนี้ไม่รู้หรอกว่ารอยยิ้มที่เบิกบานและสดใสของวีรบุรุษสีฟ้าคนนี้สามารถน่ากลัวยิ่งกว่าอสรพิษร้ายแยกเขี้ยวได้
     
    กริ๊ง!
     
    “นี่ครับ ห้าร้อยเหรียญ คืนให้คุณเซอร์บุสต์” เอ็กซ์ยื่นถุงที่บรรจุเหรียญทองให้กับทาบาสะ เด็กสาวรับมาพร้อมกับพยักหน้า
     
    “...ขอบคุณ...” เธอเอ่ยเสียงเบาโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน
     
    “ไม่เป็นไรครับ ^ ^” เอ็กซ์ยิ้มรับคำขอบคุณ สาวแว่นเงียบคนนี้เป็นคนดีผิดกับภาพลักษณ์เย็นชาที่เห็นภายนอก ไม่อย่างนั้นตอนที่เขาไปขอร้องให้มังกรของเธอพามาที่เมืองเพื่อคืนดาบและแลกเงินกลับไปให้เพื่อนของเธอ เธอคงไม่ตอบตกลงง่ายๆ
     
    แล้วมิตรภาพก็ระหว่างหนอนหนังสือผู้มากด้วยความรู้ทั้งสองก็บังเกิดขึ้น(?)
     
    --
     
    แนะนำตัวละคร
     
     
     
    ทาบาสะ
    เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
    เพศ : หญิง
    อายุ : 15 ปี
    ส่วนสูง : 142 เซนติเมตร
    น้ำหนัก : ไม่ทราบ
    ชอบ : สลัดผักฮาชิบามิ, อ่านหนังสือ
    เกลียด : ???, ???
     
    ข้อมูล : สาวเงียบประจำเรื่อง ใช้เวทย์ลม อสูรรับใช้คือมังกรสีน้ำเงินตัวใหญ่ ข้อมูลค่อนข้างน้อย ไม่ชอบพูด พูดแต่ละครั้งจะสั้นๆ เฉพาะเท่าที่จำเป็น และเสียงค่อนข้างเบา ใช้ไม้เท้ารูปทรงเบสิคตามอิมเมจผู้ใช้เวทย์แทนคทาสั้นๆ แบบนักเรียนคนอื่น ถ้าไม่ได้กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่สำคัญแล้วจะพบว่าอ่านหนังสือทุกเวลา สถานที่ และโอกาส
     
    อสูรรับใช้คือมังกร ซิลฟีด
     
    และ...
     
      
    เอ็กซ์หลังจากเปิดโหมดพลเรือนแล้ว...
     
    ความสูง : 160 -> 165 เซนติเมตร เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยภายในลิมิตของการเปลี่ยนรูปร่าง ผิวหนังจำลองสัมผัสเหมือนของจริงทุกประการ เสื้อผ้าสร้างขึ้นจากข้อมูล ถ้าแยกจากตัวจะสลายกลับเป็นข้อมูลเหมือนเดิม
     
    --
     
    R:”จบอีกตอน”
     
    S:”คนที่มาแทนใจเย็นจนฉันดูโง่ไปเลยนะ...”
     
    DX:”อย่าคิดยังงั้นดิ เพราะนายเป็นงั้นผู้หญิงเขาถึงได้ชอบนายไม่ใช่รึไง”
     
    S:”ก็จริงแฮะ”
     
    R:”ในซีรี่ส์จริงนายมีความสุขมากพอแล้ว เผื่อแผ่ให้เอ็กซ์บ้างเหอะ หมอนั่นเจอแต่สงครามตั้งแต่เกิดยันตายจนวิญญาณหมดพลังหายไปจากโลก รอบตัวก็ยังไม่สงบสุข”
     
    DX:”คนเขียนรั่วน่ะอย่าทำพูดดราม่าเลย”
     
    R:”ชิ ก็ได้”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×