ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reborn : Fierce Demon & Little Cute Pineapple [1896]

    ลำดับตอนที่ #20 : ปฏิบัติการทลายรังสโตลโต แฟมิลี่ วองโกเล่บุกสายฟ้าแลบ!!

    • อัปเดตล่าสุด 11 ส.ค. 54


    Ch.18
     
    ณ ประเทศอิตาลีในปี ค.ศ.21xx มนุษยชาติถูกล้มตายจากหายนะที่หุ่นยนต์ก่อกบฏหันเข้าทำร้ายจนจำนวนประชากรลดลงเหลือเพียง 20% ...โอเค พอแล้วสำหรับมุขเริ่มต้นฟายๆ
     
    ในยามเช้าตรู่ของวันเสาร์ ณ ประเทศอิตาลี ที่ใจกลางเมืองใหญ่ แมนชั่นยักษ์ตั้งเด่นเป็นสง่า รั้วสีขาวสูงห้าเมตร ประตูรั้วสีน้ำเงินเข้มทำด้วยโลหะผสมชนิดทนกระสุนปืนใหญ่ นอกจากนั้นยังมียามแต่งสูทดำท่าทางน่ากลัวนับสิบยืนคุมพื้นที่อยู่จนทั่ว ให้เด็กเก้าขวบมองดูยังรู้ว่านี่มันบ้านผู้มีอิทธิพลชัดๆ และถ้าเป็นในอิตาลีก็ต้องหมายถึงมาเฟีย
     
    ที่ตรอกข้างถนนไม่ไกลจากสถานที่นั้นเท่าไร คนกลุ่มหนึ่งลอบมองอยู่ห่าง
     
    “นั่นแหละคือแมนชั่นที่บอสของสโตลโต แฟมิลี่อาศัยอยู่” ทารกหญิงผมสีน้ำเงินเข้มสวมแว่นหน้ากากกระจกแดงและผ้าคลุมสีแดงหม่นพูดขึ้น
     
    “คุ้มกันหนาแน่นเหมือนกัน แบบนี้คงจะลอบเข้าไปยากหน่อย” ทารกชุดดำเสริม
     
    “ว—ว่าแต่พวกเราต้องทำอะไรบ้างเหรอ?~” เด็กหนุ่มผมฟูสีน้ำตาลอ่อนถามด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน
     
    “คืองี้ครับ รุ่นที่สิบ หลักการของมาเฟียคือผู้แพ้ต้องทำตามผู้ชนะ ถ้าเราจับบอสของพวกมันได้ เราก็บังคับพวกมันไม่ให้มายุ่งกับพวกเราได้ครับ!” เด็กหนุ่มผมขาวอธิบายให้ ‘รุ่นที่สิบ’ ฟังอย่างกระตือรือร้น
     
    “แล้วถ้าพวกมันไม่รักษาสัญญาล่ะ?” วองโกเล่หนุ่มยิงอีกคำถาม
     
    “เราก็ต้องให้พวกมันจำได้ชนิดติดตาเลยว่าถ้ามาตอแยกับวองโกเล่แล้วจะเป็นยังไง” ครูสอนพิเศษตอบให้นักเรียนหายสงสัยด้วยรอยยิ้มที่มีเลศนัย
     
    “นึกแล้วเชียว = =;” สึนะทำหน้าเจื่อน ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่เราจะเข้าไปยังไงล่ะ?”
     
    “นั่นเป็นหน้าที่ของมัคคุเทศก์ที่จะช่วยนำทัวร์คฤหาสน์สโตลโต ใช่มั้ย?” ทารกชุดดำตอบพร้อมหันไปทางเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มที่ยืนรอคำสั่งอยู่แล้ว
     
    “ตามมา”
     
    ทั้งหมดค่อยๆ เคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ ตามการนำของเมซซาลูน่าหนุ่มที่ถอยห่างออกไปจากจุดเดิมประมาณสองร้อยเมตร เข้าไปในตรอกแคบๆ แบบที่ให้อารมณ์ประมาณว่า ‘ซ่องโจร’
     
    คนนำทางเดินดุ่มๆ ไปยังจุดที่ถังขยะอลูมิเนียมสองสามใบสุมกันอยู่ก่อนจะเลื่อนมันออกไปข้างๆ และดึงเอาพื้นซีเมนต์แผ่นบางๆ เปิดขึ้นมา
     
    “งี้นี่เอง เป็นทางลับฉุกเฉินเวลาถูกบุกโจมตีสินะ น่าหัวเราะจริงๆ ที่เราต้องใช้มันเป็นทางลอบเข้าไปจู่โจมซะเอง” รีบอร์นพูดขึ้นลอยๆ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจ
     
    “แปลกนะ เรื่องสำคัญแบบนี้น่าจะมีแต่บอสกับคนสนิทที่รู้นี่นา แบบนี้น่าสงสัย” รัลตั้งของสังเกต
     
    “รัล เธอยังไม่รู้จักบอสของสโตลโตดีพอ” รีบอร์นพูดแค่นั้นก็กระโดดแผล็ว...ถีบหลังวองโกเล่หนุ่มผู้โชคร้ายให้ลงไปก่อน (DX:นึกว่าจะเสียสละลงไปเอง ]R:ไม่มีทาง)
     
    ข้ามเสียงร้องอันโหยหวนของสึนะโยชิไป ขณะนี้ทุกคนกำลังคลานผ่านทางมืดๆ แคบๆ ขนาดผู้ใหญ่คลานผ่านได้ตามกันไปติดๆ นำโดยผู้เป็นบอส ไล่มาด้วยมือขวา เชลยศึก(?) และที่ใช้ขนาดตัวอันเล็กกระจิริดเดินรั้งท้ายตามมาอย่างสบายคือสองอัลโกบาเลโน่
     
    สุดทางเป็นช่องต่อขึ้นไปด้านบนพร้อมบันไดให้ปีน ซึ่งแน่นอนว่าคนแรกที่ต้องขึ้นไปก็คือซาวาดะ สึนะโยชิของเรานั่นเอง
     
    “ทำไมไม่ให้เขาขึ้นไปก่อนล่ะ!?” ผู้(ไม่เต็มใจ)เสียสละโวยวายพลางชี้ไปที่ไกด์นำทัวร์
     
    “ถ้าเจ้านั่นขึ้นไปก่อน ก็มีโอกาสจะหักหลังเรียกพวกมาเฟียมาล้อมเราได้น่ะสิ ยังงั้นยุ่งยากจะตาย” เป็นเหตุผลของมทารกชุดดำ
     
    หน่วยกล้าตายค่อยๆ แง้มทางออกขึ้นเพื่อดูรอบๆ เมื่อเห็นว่าทางสะดวกจึงปีนนำทุกคนขึ้นไป
     
    เมื่อขึ้นมาได้ครบทุกคนก็ได้เวลาวิ่งเพราะถูกเจอเข้าให้
     
    “มีผู้บุกรุก!!” ไม่ใช่เสียงสัญญาณเตือนภัยสุดไฮเทคแต่อย่างใด เป็นเสียงมาเฟียตะโกนบอกกันด้วยวิธีโบร่ำโบราณแบบปากต่อปากนี่แหละ
     
    วองโกเล่และสโตลโตวิ่งไล่จับกันบนทางเดินที่ปูด้วยพรมสีแดงและประดับสองข้างทางด้วยเครื่องประดับราคาแพงอยู่พักหนึ่งก็ถึงที่หมาย ที่หน้าประตูไม้ขนาดใหญ่แบบบานคู่(R:เข้าใจความหมายมั้ย? ประตูแบบเปิดคู่กันสองบานน่ะ ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร)
     
    “นี่ใช่มั้ย ที่อยู่ของบอส?” ทารกชุดดำถามคนนำทางที่ยังคงสีหน้าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนคนนำทางก็พยักหน้าตอบโดยเสียหน้าไม่เปลี่ยนเช่นกัน
     
    “มันอยู่ทางนั้น!”
     
    มาเฟียกลุ่มใหญ่ไล่ตามทั้งห้ามา ไม่ใช่แค่จากด้านหลัง แต่ข้างหน้าก็มาเป็นฝูง
     
    “จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย~!!” สึนะแสดงท่าทางร้อนรนอย่างเป็นปกติวิสัย
     
    เด็กหนุ่มผมเงินเห็นเป็นโอกาสที่จะแสดงฝีมือจึงหันไปเผชิญหน้ากับศัตรู ด้วยไดนาไมท์อันเป็นเครื่องหมายการค้าของสโมกกิ้งบอมบ์ (หรือเฮอริเคนบอมบ์ก็แล้วแต่)
     
    บรึ้ม!!
     
    ฝูงม็อบเสื้อดำ(?)แตกฮือกันเป็นแถว
     
    “รุ่นที่สิบ ตรงนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเองครับ!”
     
    “กับคนมากขนาดนี้มันอันตรายนะ! อย่าเลยโกคุเดระคุง!” หนึ่งต่อหลายสิบ สึนะย่อมค้านตามประสาคนขี้เป็นห่วง
     
    “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกซาวาดะ นายกับรีบอร์นเข้าไปถลกหนังหัวของเจ้าบอสสมองตุ่นนั่นเลย ฉันกับเจ้าหนูสองคนนี่จะอยู่คุ้มกันตรงนี้เอง” อัลโกบาเลโน่หญิงแบ่งหน้าที่เสร็จสรรพ
     
    “แต่ว่า—“
     
    “ไม่มีแต่ ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้ทิ้งนิสัยโลเลนั่นไปซะ ที่ฉันอุตส่าห์ฝึกเข้มแบบน็อน-สต็อปตลอดวันศุกร์นั่นไม่ได้ซึมเข้าไปในสมองนายเลยรึไง! รึว่าพวกฉันดูพึ่งพาไม่ได้ขนาดนั้นเชียว!?” รัลตัดบทโดยไม่ฟังคำค้านของสึนะ
     
    วองโกเล่หนุ่มชะงักไป เขาเป็นห่วงคนอื่นซะจนชิน เขาลืมไปเลยว่าที่อยู่ตรงนี้คือพวกพ้องที่ร่วมสู้กันมา เขาจะปล่อยให้ความรู้สึกส่วนตัวมาทำลายความพยายามของเขาและเพื่อนๆ ไม่ได้
     
    “...เข้าใจแล้ว ฝากตรงนี้ด้วยนะ รัล โกคุเดระคุง!”
     
    สึนะพร้อมด้วยรีบอร์นเปิดประตูที่อยู่เบื้องหน้าเข้าไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมามอง
     
    “เฮ้ย! เจ้าพวกนั้นเข้าไปในห้องของบอสแล้ว!!” เสียงมาเฟียลิ่วล้อสโตลโตร้องกันระงม ต่างกรูกันเข้ามาที่ประตูหวังจะไปช่วยบอส
     
    “อย่าหวังเลยเฟ้ย!” มือขวาผู้ซื่อสัตย์คนนี้จะขอยืนหยัดรักษาแนวหลังให้กับบอสของเขาจนถึงที่สุด
     
    เสียงปืนเสียงระเบิดที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจากอีกฟากของประตูยิ่งกระตุ้นความเป็นห่วงของเด็กหนุ่มผมฟู แต่ในตอนนี้ใจเขาจดจ่ออยู่แต่กับการจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด และเป้าหมายก็อยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว ที่หลังโต๊ะทำงานไม้มาฮ็อกกานีสีดำ บอสของสโตลโตแฟมิลี่ [โพเดอโรโซ]
     
    “มาจนได้นะ วองโกเล่เดซิโม นึกไม่ถึงเลยว่าจะรอดจากมือสังหารที่ฉันส่งไปได้” ชายวัยกลางคนผู้ใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้ซึ่งหนวดเคราและเส้นผมหัวเราะในลำคออย่างใจเย็น
     
    “แต่ฉันก็กะไว้แล้ว่าถ้าหากแกรอดมาได้จะต้องร้อนรนลอบจู่โจมตัวฉันโดยตรง”
     
    “ทำไมถึงจ้องจะทำร้ายพวกเรา!” สึนะถามออกไป ถึงจะเป็นบทโหลแค่ไหนเขาก็ต้องพูด เพราะมันเป็นธรรมเนียม
     
    “เพราะขวางหูขวางตาไงล่ะ! ไม่รู้รึไงว่ามีมาเฟียนับไม่ถ้วนที่อยากกระชากวองโกเล่ลงจากบัลลังก์จนตัวสั่น! แต่วองโกเล่ทรงพลังเกินไป ถ้าใครคิดทำสงครามก็แสดงว่าสติเลอะเลือนไปแล้ว” บอสสโตลโตเริ่มพล่ามตามหน้าที่ตัวร้ายที่ดี
     
    “แต่ฉันฉลาดพอจะคิดได้ว่า ในเมื่อวองโกเล่ใกล้จะหมดรุ่นปัจจุบันเต็มที งั้นก็ต้องจ้องเล่นงานจุดที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือผู้สืบทอดที่มีอยู่เพียงคนเดียวยังไงล่ะ!”
     
    “เข้าใจคิดดีนี่” ทารกชุดดำเอ่ยด้วยท่าทางไม่ใส่ใจ “แล้วไหนล่ะ [ยอดขุนพลทั้งสาม] ที่ลือชื่อของสโตลโต แฟมิลี่ ถ้าแกรู้ว่าพวกเราจะบุกเข้ามาจริง สามคนนั่นหายไปไหนซะล่ะ?”
     
    “สมเป็นนักฆ่าที่วองโกเล่โนโน่วางใจ แต่ฉันยังนำหน้าแกอยู่ก้าวหนึ่ง ฉันรู้ข่าวจากสายสืบล่วงหน้าแล้วว่าแกจะพาผู้พิทักษ์แห่งวายุมาที่นี่ ส่วนผู้พิทักษ์ที่เหลือก็กลายเป็นเป้านิ่งอยู่ที่เดิม แล้วคิดเหรอว่าฉันจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป!” บอสหัวโล้นพูดด้วยท่าทีเยาะเย้ย
     
    --
     
    ที่เมืองนามิโมริ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเวลาบ่ายสองโมง
     
    วันนี้โรงเรียนไม่มีการเรียนการสอน แต่บางชมรมจะยังมีกิจกรรมที่โรงเรียน เช่นชมรมมวย
     
    “กัปตันครับ!” สมาชิกชมรมคนหนึ่งวิ่งรี่เข้าไปหาหัวหน้าชมรมผมสั้นเกรียน “มีชาวต่างชาติมาขอท้าประลองกับกัปตันครับ!”
     
    “ว่าไงนะ! ท้าดวลงั้นเหรอ!?!” ซาซางาวะ เรียวเฮประหลาดใจเป็นที่สุด
     
    “ถูกต้องแล้ว” ชายผมสั้นสีทองวัยยี่สิบปลายๆ ในชุดสูทสีเทาเดินเข้ามาในห้องและขึ้นไปบนสังเวียนมวยที่ว่างเปล่า เขาพูดเป็นภาษาญี่ปุ่น ถึงจะไม่คล่องแต่ก็ทำให้ทุกคนเข้าใจได้อย่างไม่ยากลำบาก
     
    “ไอได้ยินมาว่านักมวยญี่ปุ่นมีฝีมือมาก เลยอยากจะขอทดสอบฝีมือซักหน่อย ใครเก่งที่สุดในที่นี้?”
     
    “ฉันเองที่เป็นหัวหน้าชมรม! ขอรับคำท้าแบบสุดหูรูด!!~”
     
    ‘เฮอะ ผู้พิทักษ์แห่งอรุณของวองโกเล่เรอะ? ก็แค่เด็กอมมือล่ะน่า!’
     
    --
     
    ที่ริมฝั่งแม่น้ำห่างจากโรงเรียนไม่ไกลเท่าใดนัก ยามาโมโตะ ทาเคชิกำลังเดินกลับบ้านอย่างสบายใจ
     
    “ยามาโมโตะ ทาเคชิ...” เสียงทุ้มต่ำเรียกเด็กหนุ่มจากด้านหลัง เขาจึงหันกลับไปมอง พบว่าเป็นชายหนุ่มผมสั้นตรงสีน้ำตาลแดงทรงซอยแสกข้างขวาในชุดสูทสีเทายืนอยู่ ที่เอวด้านซ้ายเป็นฝักดาบสีขาว
     
    “ได้ยินมาว่าเป็นนักดาบฝีมือเยี่ยม อยากจะประลองด้วยมานานแล้ว...” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงจับด้ามดาบที่มีด้ามเป็นโลหะทองเหลืองแบบฝรั่งเศษก่อนจะชักดาบเรียวแหลมยาวเมตรยี่สิบเซนฯออกมา
     
    “ฮะๆ ขอบคุณที่ชม แต่เอาไว้วันหลังได้มั้ย วันนี้ฉันเพิ่งซ้อมเบสบอลมา แรงไม่ค่อยเต็มที่เท่าไร ^ ^”
     
    “ก็อยากจะให้เป็นเช่นนั้น แต่น่าเสียดายที่หน้าที่มันค้ำคอ เตรียมตัวให้ดี...” นักดาบจากต่างแดนตั้งท่ายื่นมือซ้ายออกไปด้านหน้าหันปลายดาบไปที่เป้าหมาย
     
    “งั้นก็ช่วยไม่ได้นะ” นักดาบเจ้าถิ่นยังคงเหลือรอยยิ้มไว้บางๆ แต่แววตากลายเป็นของนักดาบไปแล้ว โชคดีที่เขาพก [ตะบองของยามาโมโตะ] ไว้ติดตัวตลอด
     
    --
     
    เด็กสาวผมม่วงยืนอยู่หน้าเครื่องซักผ้าสีขาวที่ภายในกำลังปั่นอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ภายในห้องที่ติดกับสวนในคฤหาสน์ รายล้อมด้วยราวเหล็กที่มีไม้แขวนเสื้อลักษณะเดียวกันแขนเรียงอยู่นับสิบ สมกับเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ แต่ไม่สมกับที่มีคนอยู่ประจำแค่คนเดียว
     
    นอกจากรับผิดชอบห้องของตัวเองแล้ว เธอยังมีหน้าที่ซักผ้าและล้างจาน ก็ไม่ใช่เรื่องเกินคาดนักหรอกที่ฮิบาริ เคียวยะคนนั้นจะโยนงานที่เขาเห็นว่า [ไม่สมศักดิ์ศรี] ให้คนอื่นอย่างเธอทำ
     
    แต่โคลมก็ไม่ได้ปริปากบ่น เธอมาอาศัยบ้านเขาอยู่ ถ้าไม่ทำตัวให้มีประโยชน์บ้างคงรู้สึกแย่น่าดู
     
    (R:ดูซิว่าแกยัดอะไรใส่หัวโคลมตอนที่เจอกันครั้งแรก] M:คุฟุฟุ~ แต่เธอก็ดีใจที่มีประโยชน์กับผมนะครับ)
     
    เสียงเครื่องซักผ้าหมุนเป็นจังหวะทำให้ความคิดเธอล่องลอยไปถึงสภาพสุดกระอักกระอ่วนใจเมื่อเช้า ก็แหงล่ะ ถ้าคุณตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองก่ายแขนก่ายขากอดคนที่น่ากลัวที่สุดในเมือง แล้วเขายังใช้สายตาขู่คุณให้ถอยไปห่างๆ คุณจะไม่มีปฏิกิริยาอะไรบ้างเลยรึไง
     
    (R:คิดว่าบางส่วนคงเพ้อทั้งวัน ได้กอดประธานฯ] H:...ฉันจะเอาโทษกับแกทีหลัง] R:แอ๊ะ!)
     
    เด็กสาวผมม่วงไม่รู้สึกตัวเลยว่าในสวนข้างๆ นั้น มีหญิงสาวผมยาวสีแดงหลบซุ่มอยู่
     
    ‘นั่นน่ะเหรอ ผู้พิทักษ์แห่งสายหมอกของวองโกเล่ ยังเป็นเด็กอยู่เลยนี่นา งานนี้ท่าจะหวานหมูซะล่ะมั้ง’
     
    คิดได้ดังนั้น ผู้บุกรุกก็พุ่งตรงเข้าไปหาเด็กสาวที่ไม่ได้ระวังตัวอย่างรวดเร็ว มือขวายกมีดอันคมกริบขึ้น
     
    ฉัวะ!
     
    --
     
    R:”โอย นึกว่าจะแต่งสั้นได้แล้วนะ กลับมายาวซะได้”
     
    DX:”บ่นแต่เรื่องเดิมๆ นะแก ว่าแต่แกเคยถามคนอ่านรึยังเหอะว่ายาวไปรึเปล่า?”
     
    R:”จะว่าไปก็ยังไม่ได้ถามแฮะ?”
     
    Bloody Wolf:”ยาวเกินไปมากเลย! ยังงี้มีสิทธิ์จะเลิกอ่านนะ!”
     
    DX:”...โห คนอ่านบ่นถึงที่เลยฟ่ะ”
     
    R(เดินเข้าไปใกล้คนบ่น):”อ้อ ยาวเหรอ...”
     
    ผัวะ! ตึง! ฟู่~ (ควันลอยออกจากร่างที่กระเด็นล้มลง)
     
    BW ~> M:”ร—รู้ได้ยังไงครับว่าเป็นผม!?”
     
    R:”หุบปาก! ทำไมแกถึงได้พยายามจะเสนอหน้านักฟะ?”
     
    DX:”ช่าย เพราะแกเสนอหน้าไปในมังงะตอนที่ 348 เลยโดนฟรานกัดซะหน้าซีดเลยไม่ใช่เรอะ ได้ข่าวว่าฟอร์มหลุดกระจุยกระจาย เถียงคอเป็นเอ็นกับสควอโล่ด้วยนี่”
     
    M:”ท—ทำไมถึงรู้!?”
     
    Sq:”นี่แก!! กล้าประจานฉันงั้นเหรอ!!!”
     
    R:”โอ๊ย!~ ทำไมไอ้พวกสติไม่เต็มมันถึงได้โผล่กันมาไม่เว้นแต่ละวันเลยฟะเนี่ย!!~”
     
    --
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×