คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Chapter 15: เพื่อนเก่า
ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ เคานต์ม็อธกำลังชำระร่างกายหลังมื้อค่ำ ในห้องอาบน้ำที่ใหญ่โตและห้อมล้อมด้วยบริวารคอยทำความสะอาดร่างกายโดยตัวเองไม่ต้องออกแรง...แน่นอนว่าบริวารเหล่านั้นคือสาวใช้ส่วนตัวของเขาเอง ที่เขาไปได้มาจากหลายๆ สถานที่
แม้จะล้อมรอบด้วยหญิงงาม แต่เขาหาได้สนใจไม่ ใจของเขาล่องลอยไปถึงสองคนที่เขาได้มาในวันนี้ คนหนึ่งเขาพบโดยบังเอิญตอนที่เข้าไปทำธุระในเมืองหลวง เขาแวะไปที่ร้าน [ภูตน้อยเจ้าเสน่ห์] เหมือนทุกครั้งที่ไปเมืองหลวง เพียงแค่แรกเห็นก็รู้สึกถูกใจ แม้ทีแรกจะขัดขืน แต่สามัญชนไม่มีทางขัดใจชนชั้นสูงได้ เขาพากลับมาไว้ที่คฤหาสน์ กะว่าคืนนี้จะได้กระชุ่มกระชวยเสียหน่อย
ส่วนอีกคนนั้นแม้แต่เขาเองยังแปลกใจ เป็นหนึ่งในทหารรับจ้างที่เขาให้ออกไปกำจัดออร์คตั้งแต่เมื่อวาน ทำเรื่องเหลือเชื่ออย่างกำจัดหัวหน้าออร์คด้วยตัวคนเดียวแล้วเอาหลักฐานกลับมา เหลือเชื่อหมายถึงเขาไม่เชื่อ แม้จะเป็นไปได้ว่าเป็นความริษยา แต่สามสิบปากบอกตรงกันว่ามีซาลามันเดอร์อยู่ด้วย ก็คงจะเป็นชนชั้นสูงเจ้านายของซาลามันเดอร์ตัวนั้นที่เป็นคนจัดการ
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่เขาแปลกใจนั้นก็เพราะคนที่สองนี้เป็นผู้ชาย หน้าสวย ผิวขาวเนียน กับร่างที่บางนิดๆ จนเกือบเหมือนผู้หญิง ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นของทหารรับจ้างหรือว่านักเดินทาง นานแล้วที่ไม่มีผู้ชายทำให้เขารู้สึกอย่างนี้ เขาเลือกยากเหลือเกินว่าคืนนี้จะไปหาใคร
‘รึว่าจะเรียกมาพร้อมกันเลยดีนะ? ถ้าเรานั่งดูเฉยๆ แล้วลองให้สองคนนั้น...จะเป็นยังไงน้า~?’
เพราะไม่ค่อยมีอย่างนี้บ่อย เคานต์ม็อธจึงเกิดความคิดที่ชวนให้ซู่ซ่ามากมาย
เขาไม่รู้เลยว่าขณะที่เขากำลังแช่น้ำสบายอยู่นั้น แผนการที่วางไว้อาจต้องปิ๋ว
(DX:”นี่ ความคิดสัปดนพวกนั้น จริงๆ แล้วมันเป็นของคนเขียนไม่ใช่เหรอ?”)
(PBW:”หุบปาก”)
...
เอ็กซ์กับหญิงสาวปริศนาจ้องมองกัน แต่ตอนนี้เอ็กซ์ล่องหนอยู่ ดังนั้นจริงๆ แล้วก็เป็นเขาจ้องฝ่ายเดียว
เอ็กซ์หลุดจากอาการตกใจก็ส่ายหน้า
‘ไม่...แค่ผมยาวแล้วก็สีตากับสีผมคล้ายกันเท่านั้น...เอเลียยังอยู่ที่ไซเบอร์สเปซ’
สงสัยว่าเก้าปีที่ไม่ได้พบกันจะทำให้เขาคิดถึงเพื่อนเก่าไม่น้อย ถึงกับประสาทหลอนไปเองแบบนี้
หญิงสาวผมยาวสีทองสวมชุดที่เหมือนชุดพนักงานเสิร์ฟร้านบางร้านที่เอ็กซ์รู้จัก เธอลุกขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ และเดินไปที่ประตูที่เปิดเอง
เอ็กซ์ลืมไปว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็นตัวเองก็ไม่ได้หลบ หญิงสาวจึงชนเขาเข้า แต่เธอเพียงแค่เซ ไม่ถึงกับล้ม
หญิงสาวตกใจถอยกลับมา มองประตูปิดลงด้วยตัวมันเอง จากนั้นร่างของเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ
“ไม่ต้องตกใจไปหรอก ฉันก็ถูกพาตัวมาเหมือนกับเธอ”
เอ็กซ์ส่งยิ้มอย่างเป็นมิตร หญิงสาวยังไม่แน่ใจ เพราะประตูล็อกจากด้านนอก ถ้าเด็กหนุ่มคนนี้ถูกจับตัวมาเหมือนกับเธอ เขาจะออกมาได้อย่างไร ต้องมีคนเปิดให้จากด้านนอก...นอกเสียจากว่าจะมีเวทมนตร์
“คุณ...เป็นผู้ใช้เวทมนตร์เหรอคะ?”
“ก็ประมาณนั้น”
หญิงสาวเชิญให้เอ็กซ์นั่งลงที่เก้าอี้ ทั้งคู่รู้สึกแปลกๆ เพราะห้องของตัวเองหรือก็ไม่ใช่...ที่จริงเป็นห้องที่ใช้ขังตัวเองเสียด้วยซ้ำ
“นอกจากเธอแล้วยังมีคนถูกพาตัวมาอีกรึเปล่า?”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ฉันเพิ่งมาถึงเมื่อเช้านี้” หญิงสาวตอบ ความกังวลอยู่ในน้ำเสียงของเธอ
เอ็กซ์คิดหนัก ดูจากลักษณะของการพาตัวเขามาที่นี่แล้ว คงไม่ใช่ครั้งแรก ครั้งที่ผ่านๆ มาไม่รู้ว่าถูกปล่อยไปหรือเปล่า ไม่รู้ว่ามีเท่าไหร่ เขาอยากจะช่วยพาออกไปทั้งหมด แต่ขาดทั้งเวลาและวิธีการ...คงได้แค่เขากับผู้หญิงคนนี้
(ถ้าใช้ส่วนของสองคนล่ะก็ เหลือแค่ 8 นาทีนะ) เสียงภายในตัวเขาเตือน
‘ก็ต้องหาวิธีที่หนีได้ทันในเวลาเท่านั้นสินะ’
เอ็กซ์เริ่มถามที่อยู่ของหญิงสาว
“ว่าแต่มาจากที่ไหนเหรอ?” เป็นคำถามที่เอ็กซ์อยากถามมาก เพราะชุดที่หญิงสาวสวมล้วนๆ
“ฉันทำงานอยู่ที่โรงเตี๊ยมในทริสทาเนียน่ะค่ะ เพิ่งจะเริ่มทำงานได้วันแรกก็ถูกพาตัวมาซะแล้ว...”
เอ็กซ์นึกสงสารอยู่ในใจ แบบนี้จะทำให้กำลังใจในการทำงานของเธอตกลงหรือเปล่าก็ไม่รู้
“ถ้ากลับไปที่นั่นจะไม่ถูกตามไปเจอตัวได้อีกเหรอ?” เอ็กซ์ไม่แน่ใจ
“ฉันไม่ได้อาศัยอยู่เป็นหลักแหล่งหรอกค่ะ ก็คงจะไปหางานทำที่เมืองอื่น หรืออย่างน้อยก็ที่อื่นในทริสทาเนีย”
“ทำงานเลี้ยงครอบครัวเหรอ?” เอ็กซ์ถามตามอัธยาศัย เขารู้มาว่าสาวใช้ส่วนใหญ่ในร้านภูตน้อยเจ้าเสน่ห์(ใช่ จะมีโรงเตี๊ยมไหนอีกที่พนักงานแต่งตัวแบบนี้)ทำงานเพื่อเลี้ยงครอบครัว เป็นทางเลือกที่ดีกว่าโสเภณีพอสมควรในสายตาเขา
หญิงสาวส่ายหน้า
“บ้านเด็กกำพร้าน่ะค่ะ ฉันมีเพื่อนอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า แต่ว่าที่นั่นขาดเงินสนับสนุน ฉันก็เลยออกมาหางานทำเพื่อส่งเงินกลับไปน่ะค่ะ”
“ลำบากแย่เลยนะ” เอ็กซ์เข้าใจ เพราะเขาแค่เอาตัวเองให้รอดยังต้องเจียดเงินแล้วเจียดเงินอีก
มองออกไปนอกหน้าต่าง พระจันทร์สองดวงสว่างโร่บนท้องฟ้า จะอาศัยความมืดหลบคงไม่ได้
(8 นาทีน่าจะพอเหลือแหล่ไม่ใช่เหรอ?)
“ก็ใช่...แต่ฉันต้องไปเอาดาบของฉันก่อน ตั้ง 250 เอคิวเชียวนะ”
(ขี้เหนียวไม่เข้าท่า)
หญิงสาวสงสัยว่าเด็กหนุ่มพูดกับใคร แต่ยังไม่ได้ถามเขาก็ลุกขึ้นเสียก่อน
“รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวฉันกลับมา แล้วจะพาหนีไปด้วยกัน”
“ค่ะ?”
เอ็กซ์แง้มประตูแล้วโผล่หน้าออกไปมองดูซ้ายขวา เมื่อเห็นว่าปลอดคนแล้วก็ออกไป
คามีเลียนเชนจ์เหลือเวลาแค่ 8 นาที เขาเก็บไว้ใช้ในเวลาสำคัญ
‘เอาล่ะ ทีนี้ คลังเก็บของปกติแล้วจะอยู่แยกจากคฤหาสน์ ถ้าอยู่ด้านในก็ต้องเป็นชั้นล่างหรือชั้นใต้ดิน...’
ต้องมาซ่อนตัวขณะเดินไปมาในบ้านคนอื่น เอ็กซ์นึกถึงเพื่อนเก่าที่เชี่ยวชาญด้านนี้ เขายิ้มที่มุมปากโดยไม่ตั้งใจ
‘ว่าไปแล้วตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่ได้เจออีกเลย จะเป็นยังไงบ้างนะ?’
...
หญิงสาวผมทองนั่งอยู่ที่เก้าอี้ เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาออกไปได้ราวสิบนาทีแล้ว บอกตามตรง เธอไม่มีความมั่นใจเลยว่าเขาจะกลับมาช่วยพาเธอออกไปจริง จะให้เชื่อใจคนแปลกหน้าที่ชื่อยังไม่รู้จักมันยากเกินไปสำหรับเธอ แม้ว่าจะเป็นคนแปลกหน้าที่ดูเป็นมิตรก็ตาม
แต่เธอก็ไม่รู้สึกกังวลมากนัก เพราะเธอเชื่อใจเพื่อนของเธอ ยังไงซะเพื่อนของเธอคนนั้นก็จะต้องมาช่วยเธอออกไปได้อย่างแน่นอน เหมือนครั้งที่แล้วๆ มา จะเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเรียกชื่อเธอราวกับการที่ไปอยู่ในทุกหนทุกแห่งได้ทุกครั้งที่เธอลำบากมันเป็นเรื่องธรรมดา
เสียงประตูห้องเปิด หญิงสาวหันไปมอง
“เคานต์ม็อธเรียกให้ไปพบที่ห้อง กรุณาตามพวกเรามา”
หญิงสาวกลืนน้ำลาย ความเชื่อมั่นเธอยังไม่สั่นคลอน เพื่อนของเธอต้องมาแน่
...
“ว่าไงนะ!?”
น้ำเสียงแสดงออกถึงความตกใจและฉุนเฉียว แต่ก็ยังเก็บอารมณ์พอจะไม่ดังออกไปถึงหน้าร้าน
“เพื่อนของเธอถูกเคานต์ม็อธพาตัวไป เมื่อเช้านี้เอง”
สคาร์รอนบอกด้วยสีหน้าสลด เขาควรจะเป็นคนที่ปกป้องพนักงานในร้าน
“ฉันขอโทษจริงๆ เป็นความผิดของฉันเอง!”
ซ้อใหญ่ยกมือขึ้นปิดหน้าปล่อยโฮ เพื่อนของเด็กหนุ่มคนนี้เพิ่งเข้ามาทำงานวันแรก สคาร์รอนมองหน้าตารูปร่างผิวพรรณก็รู้ทันทีว่าหญิงสาวผมสีทองคนนั้นต้องเป็นที่ต้องตาของชนชั้นสูงแน่ แต่ไม่นึกว่าเคานต์ม็อธจะมาในวันนี้ เขาพลาดเองที่ไม่ได้บอกก่อน
ร่างใต้ผ้าคลุมกำหมัดแน่น เขาออกไปทำงานทหารรับจ้างตอนเช้า เพราะเป็นงานที่แค่ตกเย็นก็เสร็จสิ้นจึงคิดว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่พอเขากลับมา...
“เจ้านั่นอยู่ที่ไหน?”
“เธอคิดจะทำอะไร?”
“แค่บอกมาก็พอ”
สคาร์รอนลังเลแต่ก็บอกเส้นทางไปคฤหาสน์เคานต์ม็อธกับเด็กหนุ่ม
“ถ้าไปด้วยรถม้าต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง แต่ว่าถ้าเดิน...”
“เรื่องนั้นฉันจัดการได้ นายเองก็ไม่ต้องโทษตัวเอง พวกนายต่อต้านชนชั้นสูงไม่ได้”
เด็กหนุ่มใต้ผ้าคลุมหันหลังเดินออกไปทางหน้าร้าน
“แต่ถ้ามันทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องเดือดร้อนล่ะก็ ฉันจะกำจัดมันเอง”
...
ชั้นใต้ดินของคฤหาสน์ ยามสองคนยืนอยู่หน้าประตู ทำหน้าที่คุ้มกันเหมือนทุกวัน แม้จะเป็นหน้าที่ที่น่าเบื่อ เพราะฟูเก้ต์ก็ถูกจับไปแล้ว ใครที่ไหนจะกล้าบุกเข้ามาในคฤหาสน์ชนชั้นสูง
ก๊อกๆ
เสียงของแข็งกระทบกับหินดังมาจากหัวมุมทางเดินทางด้านขวา
“เดี๋ยวฉันไปดูเอง”
ยามคนหนึ่งอาสาไปดู ถือหอกด้วยมือขวา เดินไปสบายๆ ไม่จำเป็นต้องระวังตัวมากมาย
หนึ่งนาที สองนาที ยามอีกคนเห็นเพื่อนยังไม่กลับมาก็เดินตามไปดู
“แมท ทำอะไร—!”
เพื่อนของเขาไม่ได้ไปไหน นอนหมดสติอยู่กับพื้นตรงหน้าเขานี่เอง
ก่อนที่ยามคนที่สองจะได้ส่งเสียง ใครบางคนกระโดดลงด้านหลังพร้อมกับที่เขารู้สึกถึงแรงกระแทกที่ท้ายทอย ยามหมดสติไปเหมือนกับเพื่อน
เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาดึงกุญแจที่ห้อยอยู่เอวของยามขึ้นมา เขาส่งสายตาขอโทษไปยังยามสองคนที่นอนฟุบอยู่กับพื้น จากนั้นก็เดินไปหน้าประตูทื่ยามสองคนเฝ้า
เป็นประตูทำด้วยเหล็กแบบเปิดสองบาน เป็นประตูเดียวในชั้นใต้ดินที่มีลักษณะนี้ คลังเก็บของแน่นอน
เอ็กซ์เสียบกุญแจเข้าไปแล้วบิด เสียงกลอนประตูลั่น เขาเปิดประตูและเดินเข้าไปข้างใน
เป็นคลังเก็บของทั่วๆ ไป มืดและอับ ฝุ่นจับเล็กน้อย มีเพียงแสงสลัวจากโคมไฟด้านนอก เจ้าของเป็นชนชั้นสูงในตำแหน่งใหญ่โตแต่ไม่ได้ทำให้คลังใหญ่ตามไปด้วย ขนาดไม่ต่างจากบนหอคอยหลักโรงเรียนทริสเทน
ข้าวของวางเรียงราย มีหลากหลายชนิด ไม้เท้าและดาบที่มีลวดลายสวยงาม ชิ้นส่วนเกราะ โล่ที่ดูมีราคา ลูกแก้วที่ดูเหมือนจะมีคุณสัมบัติทางเวทมตร์
‘...น่าอิจฉา’
เป็นนิสัยส่วนตัวที่อดีตเรปลิลอยด์ได้จากการเป็นนักเดินทางมาเก้าปี นั่นก็คือ...นิสัยสะสมของ แต่เพราะสภาพความเป็นอยู่ที่ต้องระเหเร่ร่อนทำให้เขาเก็บของติดตัวมากไม่ได้ ต้องเลือกเฉพาะที่เป็นประโยชน์หรือชอบจริงๆ เท่านั้น
เอ็กซ์มองหาจุดประสงค์ที่เขามาที่นี่ ดาบราคา 250 เอคิวของเขา วางอยู่บนชั้นรวมกับดาบสั้นบ้างยาวบ้างเล่มอื่นๆ
เอ็กซ์หยิบดาบตัวเองมาและเก็บกลับเข้าฝัก จากนั้นก็มองดูอาวุธชิ้นอื่นๆ บนชั้น
‘...ไม่ๆ จะทำตัวเป็นขโมยไม่ได้’
ไม่ต้องการจะทรมานตัวเองไปมากกว่านี้ เอ็กซ์หันหลังให้สิ่งเย้ายวนทั้งหลายและออกจากห้องไปโดยเร็ว ทว่าเมื่อไปถึงประตู เสียงจากภายในร่างก็หยุดเขาไว้
(...เดี๋ยว...ที่นี่...มีเผ่าพันธุ์ของฉันอยู่...)
เอ็กซ์หันหลังกลับไปโดยเร็ว เรียกใช้ไซเบอร์วิชั่นจากมาเธอร์เอลฟ์
“...ไม่เห็นมีอะไรเลย?”
(...อยู่ข้างหน้า...)
มาเธอร์เอลฟ์ไม่มีทางโกหก เอ็กซ์แน่ใจดังนั้นจึงทำตามโดยไม่ถาม
ข้างหน้าเขาเป็นชั้นวางอาวุธที่เขาหันหลังให้เมื่อกี้ ครั้งนี้ไม่มีความรู้สึกล่อตาล่อใจเพราะมีใจจดจ่ออยู่กับเรื่องสำคัญกว่า
ไม่ว่าจะมองเท่าไรก็เห็นแต่เส้นโครงร่างอาวุธเปล่าๆ
‘หืม? กล่อง?’
มันหลบอยู่หลังสุดของชั้น ก่อนหน้านี้ถูกกองอาวุธบังไว้บวกกับความมืดจึงมองไม่เห็น แต่มองผ่านไซเบอร์วิชั่นนั้นเป็นอีกเรื่อง ถึงจะบอกว่ามองเห็นโลกเป็นสีดำกับเส้นร่าง แต่ก็เป็นแค่การสมมุติ ความจริงแล้วไม่ได้ใช้หลักการเดียวกับการมองเห็นของมนุษย์
ต้องสังเกตให้ดีจึงจะมองเห็น ไอสีชมพูจางๆ ที่คละคลุ้งอยู่รอบกล่อง เจือจางจนยากจะสัมผัสได้ เอ็กซ์หยิบมันออกมาและเป่าฝุ่น
คลายไซเบอร์วิชั่น เขาเห็นกล่องไม้เก่าๆ ทรงสี่เหลี่ยมขนาดเท่ากล่องรองเท้า ฝาด้านบนมีบานพับสองตัวด้านหลังและปิดด้วยสลักโลหะ ดูเป็นกล่องเก็บของขนาดเล็กธรรมดาๆ แต่ที่แปลกคือกระดาษที่เขียนเป็นลวดลายอักษรรูน ยันต์อะไรบางอย่าง
‘หรือว่าจะเป็นนี่เอง ที่ทำให้มาเธอร์เอลฟ์สัมผัสพลังงานของไซเบอร์เอลฟ์ไม่ได้จนกระทั่งเข้ามาใกล้ๆ’
ทีแรกเขามั่นใจว่าเป็นเพราะความต่างของเวลาระหว่างการเดินทางข้ามมิติ แต่อาจจะว่าอาคมจากยันต์ผนึกนี้รบกวนคลื่นพลังของไซเบอร์เอลฟ์ก็ได้เหมือนกัน เพราะพลังงานของไซเบอร์เอลฟ์กับพลังเวทมนตร์ของโลกนี้มีลักษณะส่วนใหญ่ตรงกัน เขาได้เรียนรู้มาในระหว่างการเดินทาง
เอ็กซ์ลอกยันต์ที่เก่าจนเปื่อยออก พลันไอพลังงานที่เบาบางก็ฟุ้งขึ้นมาจนเขาสัมผัสได้โดยไม่ต้องใช้ไซเบอร์วิชั่น เอ็กซ์ใช้แขนซ้ายรองใต้กล่อง มือขวาปลดสลัก และแง้มฝากล่องขึ้น
เสียงของมีคมผ่านอากาศด้วยความเร็วสูงดังพร้อมกับเสียงเฉือนเนื้อเบาๆ เอ็กซ์ทิ้งกล่องลงกับพื้น เกิดเสียงดังของไม้กระทบหิน ในกล่องไม้ที่ฝาเปิดกว้างนั้นว่างเปล่า ยกมือขึ้นแตะแก้มขวา บนนิ้วชี้ของเขาเป็นของเหลวสีแดงที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคืออะไร
เอ็กซ์สะบัดหน้ามองไปด้านหลัง ทันเห็นใบมีดสะท้อนแสงพุ่งเข้ามา เขาเบี่ยงตัวหลบได้หวุดหวิด รู้สึกถึงแรงลมที่แล่นผ่านคอไป
ดวงตาสีเขียวมรกตไล่ตามสิ่งที่เกือบเอาชีวิตเขา มีดสั้นหนึ่งเล่ม ที่ด้ามมีลวดลายคดโค้งประดับ เอ็กซ์ไม่ได้สังเกตละเอียดมากเพราะสายตาเขาจับจ้องที่ใบมีดวาววับซึ่งกำลังพุ่งตรงเข้ามาหาเขาได้เองโดยไม่มีผู้ถือ
เสียงโลหะปะทะโลหะ ดาบสั้นปัดมีดออกไปด้านข้าง เอ็กซ์ไม่คิดจะปล่อยให้การเดินทางอันยาวนานของเขาจบลงเพราะมีดเพียงเล่มเดียว
เป็นการต่อสู้ที่...ต้องเรียกว่าประหลาด...ระหว่างนักเดินทางผู้ถือดาบสั้นกับมีดที่ลอยได้ และฝ่ายที่ถูกดันจนถอยไปติดกำแพง...ก็คือทีมคนกับดาบ
‘อ่านการเคลื่อนไหวไม่ได้เลย เป็นมีดที่มีฝีมือสูงมาก...!(?)’
เขาบรรลุความจริงแล้ว สู้กับอาวุธที่ไม่มีผู้ใช้ยากกว่าเป็นไหนๆ
มีดที่น่ากลัวยิ่งกว่าอสูรร้ายเคลื่อนไหวพิสดารอย่างที่ไม่มีทางจะเป็นไปได้หากมนุษย์เป็นผู้ถือ สามารถที่จะอ้อมเข้ามาด้านหลังได้ในพริบตา ไม่มีทางที่จะซ่อนจุดตายจากคมโลหะเปื้อนเลือดของมันได้
เหลือทางเลือกเดียวที่เอ็กซ์จะทำได้ในห้องแคบๆ แบบนี้
“ยอมแพ้แล้ว!”
...คือยกแขนขึ้นสองข้างตัวอย่างไร้การต่อต้าน
ได้ผล มีดผู้ปราบอดีตวีรบุรุษของโลกหยุดการเคลื่อนไหว ลอยอยู่นิ่งและหันปลายมีดขึ้นด้านบนราวกับจะแสดงท่าทางพิศวง
“ไซเบอร์เอลฟ์ใช่รึเปล่า ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นใครก็เถอะ แต่ฉันเองก็มาจากไซเบอร์สเปซเหมือนกัน”
เอ็กซ์เพิ่งจะรู้ว่าแม้จะผ่านมาสามร้อยปี แม้จะคิดว่าตัวเองด้านชากับหลายๆ เรื่องแล้ว การที่ต้องมาเป็นฝ่ายร้องขอเจรจาแทนที่จะตกลงร่วมกันหรือว่ากำราบอีกฝ่ายได้สำเร็จเหมือนที่ผ่านๆ มา ก็ยังสามารถทำให้เขารู้สึกสลดสังเวชใจและสมเพชตัวเองได้...แค่นิดหน่อย
เมื่อได้ยินว่าเป็นคนที่รู้เรื่องราวดี มีดสั้นก็คลายจิตสังหารลง เอ็กซ์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
(ซีโร่?...ไม่สิ วิชาดาบงูๆ ปลาๆ พรรค์นี้คงไม่ใช่...)
ประโยคนั้นทำให้เราคนอ่านรู้ว่าผู้ที่สถิตอยู่ในมีดเล่มนั้นรู้จักซีโร่ แต่ทำให้เอ็กซ์ที่ได้ฟังเสียงพูดด้วยตัวเองนั้นรู้ว่าในมีดเล่มนั้นเป็นใคร เพื่อนเก่าที่เขาเพิ่งจะนึกถึงเมื่อไม่กี่นาทีก่อนนี้...
“...มาริโน่?”
...
ทหารสองคนพาหญิงสาวมาที่ห้องห้องหนึ่งบนชั้นสูงสุดของคฤหาสน์
“พามาแล้วขอรับ”
“ดี! เข้ามาเลย!”
สิ้นเสียงตอบรับอย่างตื่นเต้นจากในห้อง หญิงสาวก็ถูกดันเข้าไปในห้อง
เสียงประตูปิดลงด้านหลังเสมือนผนึกชะตาของเธอ หญิงสาวเริ่มตัวสั่นอย่างมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“ยังสวมชุดเดิมอยู่รึ? ดีแล้ว ข้าชอบชุดนี้”
เคานต์ม็อธมองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับเปลื้องผ้าเธอด้วยสายตา หญิงสาวแสดงความอึดอัดทางใบหน้าอย่างชัดเจน
“ฮืม ข้าคิดจะรอจนกว่าอีกคนจะมาถึง แต่...เริ่มไปก่อนก็ไม่เลวเหมือนกัน จะได้เตรียมอารมณ์ให้เข้าที่ด้วย ดีมั้ย?”
รอยยิ้มกับสายตาไม่ต่างกัน หญิงสาวได้แต่เชื่อฟังและทำตามคำสั่งของเคานต์หัวงูอย่างว่าง่ายเมื่อถูกนำไปที่เตียง
...
(โฮะโฮ่ ไม่นึกเลยว่าจะมีวันที่ฉันชนะเอ็กซ์ได้)
“ถ้าไม่เอาไปโพนทะนาจะเป็นพระคุณอย่างสูงเลยล่ะ”
ถ้าคนผ่านไปผ่านมาเห็นคงจะมองงงๆ ว่าคนอะไรคุยกับมีด แต่เพราะทั้งคู่ล่องหนอยู่จึงไม่มีเรื่องอย่างนั้น ทว่าคนที่เดินไปมาระหว่างทางก็อาจจะตกใจเมื่อได้ยินเสียงวิ่งแต่ไม่เห็นตัวคน อาจกลายเป็นข่าวเรื่องผีหลอกวิญญาณหลอนหรืออะไรต่อไปก็ไม่อาจทราบได้
(แล้วนี่จะรีบไปไหนล่ะ?)
โจรสาวในมีดสั้นถาม ใช่แล้ว เขากำลังรีบ ไม่อย่างนั้นเขาคงส่งเธอกลับไซเบอร์สเปซไปแล้ว
“มีคนให้ต้องไปช่วยน่ะ”
(จะเล่นบทฮีโร่อีกแล้วเหรอ แล้วเป็นสาวงามรึเปล่าล่ะ?)
เอ็กซ์ไม่ตอบ เพราะมาถึงห้องที่หญิงสาวอยู่แล้ว เดี๋ยวเห็นเขาพูดคนเดียวแล้วจะมองเขาแปลกๆ เขาเปิดประตูเข้าไปไม่ให้เสียงดัง
(อ้าว? ไหนล่ะสาวงาม?)
“...นั่นน่ะสิ”
(นี่!)
...
หญิงสาวจ้องตาไม่กะพริบขณะที่เคานต์ม็อธค่อยๆ ขึ้นมาบนเตียง หนาวยะเยือกที่สันหลัง ขนคอตั้งชัน
“ข้าจะเอ็นดูเจ้าเป็นอย่างดี”
น้ำเสียงแผ่เจตนาไม่บริสุทธิ์อย่างชัดเจน หญิงสาวแม้หวาดกลัวแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ ถึงจะรู้ว่าไม่มีโอกาสชนะ แต่เธอก็เตรียมใจจะสู้ให้ถึงที่สุด
มือที่ทั้งใหญ่และหนักเอื้อมมาสัมผัสไหล่เธอ หญิงสาวกัดฟัน รวบรวมกำลังที่เข่าขวาพร้อมทั้งเล็งเป้า...
เสียงประตูเปิดดังสนั่น ไม่ใช่ประตูห้องนี้ แต่เป็นประตูอื่นในคฤหาสน์
เคานต์ม็อธหมดอารมณ์ ลุกขึ้นไปเปิดประตูและถามทหารที่วิ่งผ่านมาอย่างฉุนเฉียวว่าเกิดเรื่องอะไร
“ผู้บุกรุกขอรับใต้เท้า!”
“ผู้บุกรุก? เข้ามาถึงคฤหาสน์เลยงั้นเหรอ?”
“ขออภัยด้วยขอรับ! ตอนนี้อยู่ที่ห้องโถงขอรับ!”
“พาข้าไป”
หญิงสาวมองอย่างงงๆ ขณะที่เคานต์ม็อธไปกับทหาร เธอไม่ได้ยินที่คุยกัน คิดแค่ว่านี่เป็นโอกาสให้เธอหนีแล้ว
หญิงสาวลงจากเตียงและวิ่งไปที่ประตู เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาโผล่พรวดเข้ามาเกือบชนเธอ
“ใช้โอกาสนี้หนีเถอะ”
หญิงสาวไม่ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้า
ทั้งคู่วิ่งไปตามทางเดิน ล่องหนด้วยพลังของไซเบอร์เอลฟ์ แอบทหารที่พากันวิ่งไปที่ประตูหน้าโดยมองไม่เห็นพวกเขา หญิงสาวมองความอลหม่านแล้วก็สงสัย
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
“ดูเหมือนว่าจะมีคนบุกเข้ามาน่ะ ในคฤหาสน์ชนชั้นสูงระดับเคานต์ กล้าไม่เบาเลยล่ะ” เอ็กซ์นึกชื่นชม
ลงมาถึงห้องโถงที่ชั้นล่าง ร่างของทหารนอนหมดสติเรียงรายตามทางตั้งแต่หน้าประตูขึ้นบันไดวนขวา เข้าไปทางเดินด้านข้าง
‘ทำได้ขนาดนี้...คงต้องฝีมือสูงทีเดียว’
เอ็กซ์ไม่เห็นผู้บุกรุก แต่พาหญิงสาววนลงบันไดด้านขวาไปออกทางหน้าประตู
“เดี๋ยวก่อนค่ะ”
เอ็กซ์หยุดก่อนจะออกจากประตู
“ผู้บุกรุก...อาจจะเป็นเพื่อนของฉันก็ได้ค่ะ”
...
เสียงเคล้งคล้างของปลายหอกกระทบกับพื้น ทหารสามสี่คนล้มลงกับพื้นพร้อมกัน
เคานต์ม็อธแม้ตกใจแต่พยายามคุมสติ ร่ายคาถาระดับไลน์ <ไอซิเคิ่ล> ไอน้ำในอากาศรวมตัวเป็นแท่งน้ำแข็งแหลม ด้วยการสะบัดคทาหนึ่งครั้งส่งแท่งน้ำแข็งสี่แท่งไปยังผู้บุกรุก
ผู้บุกรุกขยับตัวหลบการจู่โจมอย่างพลิ้วไหวโดยแทบไม่ต้องพึ่งความเร็ว ผ้าคลุมสีน้ำตาลที่ปกปิดใบหน้าและรูปร่างสะบัดไปมาเล็กน้อย มองเห็นถุงมือสีดำขาวที่ถือดาบเหล็กยื่นออกมานอกผ้าคลุม
“ต้องบอกอีกกี่ครั้ง คืนผู้หญิงที่แกจับไปมา” เสียงของผู้บุกรุกแม้ดูสงบแต่แฝงด้วยอำนาจและแรงกดดัน
เคานต์ม็อธรู้สึกถึงอันตรายตามสัญชาตญาณ แต่ศักดิ์ศรีในฐานะชนชั้นสูงไม่ยอมให้เขาถอย
“เป็นแค่สามัญชนที่เก่งดาบนิดหน่อย บังอาจสามหาวกับม็อธแห่งเกลียวคลื่นผู้นี้ อย่าหวังว่าจะจบแค่บาดเจ็บ!”
เคานต์ม็อธร่ายไอซิเคิ่ลอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่แค่น้ำแข็งสี่หรือห้าแท่ง แต่สิบหกแท่ง คลุมทางเดินจนถึงเพดาน
“เท่านี้ก็ไม่มีที่ให้หลบแล้ว จงไปสำนึกความผิดพลาดที่มาลบหลู่ชนชั้นสูงในนรกเถอะ!”
แท่งน้ำแข็งทั้งหมดพุ่งออกไป
ร่างในผ้าคลุมเผชิญหน้ากับการจู่โจมอย่างไม่หวั่นไหว
“หลบ? ไม่จำเป็น...”
...
เคานต์ม็อธดูเหตุการณ์ด้วยตาตัวเองอยู่ตลอด แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเข้าใจเพียงว่าเขาเห็นผู้บุกรุกสะบัดดาบ—สะบัดอย่างไรและกี่ครั้งเขาไม่อาจรู้ได้—และวินาทีต่อมาแนวแท่งน้ำแข็งของเขาก็ผ่านทะลุเป้าหมายไปเฉยๆ
ไม่สิ พอมองดูดีๆ แล้ว จะเห็นเศษน้ำแข็งกระจายเกลื่อนบริเวณที่ผู้บุกรุกยืนอยู่ คงไม่ใช่ว่า...ไม่ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก ไม่ใช่นักดาบในบทกวีเล่าเรื่องวีรบุรุษหรือนิทานปรัมปราเสียหน่อย...
‘ถ้าอย่างนั้น...จะอธิบายว่าอะไรล่ะ...?!’
“คืนผู้หญิงมา”
น้ำเสียงของผู้บุกรุกยังคงเหมือนเดิม แต่สำหรับเคานต์ม็อธความน่าเกรงกลัวของมันเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก
เคานต์ม็อธในตอนนี้รู้สึกกลัวผู้บุกรุกจากก้นบึ้งของจิตใจ เพียงแค่ร่างในผ้าคลุมก้าวเท้าออกมาหนึ่งก้าวเขาก็พร้อมจะสิ้นสติสมประดีได้ทุกเมื่อ
ผู้บุกรุกหยุดชะงัก ก่อนจะค่อยๆ หันหลังกลับไปมองทางเดินที่ว่างเปล่า ปากพึมพำอะไรบางอย่างที่เคานต์ม็อธเองก็ฟังไม่ได้ศัพท์
ผู้บุกรุกวิ่งกลับไปทางเดิมโดยไม่แม้แต่จะชายตามองเคานต์ม็อธที่ยืนขาสั่นทำอะไรไม่ถูกอยู่เบื้องหลัง
...
บนถนนนำออกมาจากคฤหาสน์ราวหนึ่งกิโลเมตร สามร่างหลบอยู่ในเงาป่าข้างทาง
“ขอบใจที่ช่วย”
ร่างใต้ผ้าคลุมพูดกับเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทา หญิงสาวผมยาวสีทองข้างๆ ค้อมตัวขอบคุณเขาเช่นกัน
“อืม แต่น่าเสียดาย น่าจะยังมีผู้หญิงถูกจับอยู่อีกหลายคน เราช่วยอะไรไม่ได้”
“ถ้าหมายถึงผู้หญิงที่ถูกขังไว้ตามห้องพักที่ชั้นหนึ่งล่ะก็ ระหว่างที่ตามหาเพื่อนของฉันอยู่ ฉันปล่อยออกไปหมดแล้ว”
...
“เอ๋?”
ต้องใช้เวลาพักหนึ่งกว่าคำพูดนั้นจะซึมเข้าไปในสมองที่ไม่ใช่เครื่องจักรอีกต่อไปของเอ็กซ์ หญิงสาวหัวเราะคิกกับหน้าเหวอของเอ็กซ์
“เพื่อนของฉันก็เป็นแบบนี้ล่ะค่ะ ทำตัวเป็นฮีโร่เสมอ”
“ก็แค่ทำไปตามที่เห็นเท่านั้น ฉันตั้งใจมาช่วยแต่เธอเท่านั้น”
เอ็กซ์มองดูเด็กหนุ่มใต้ผ้าคลุมด้วยความรู้สึกทึ่ง แน่นอนว่าในโลกนี้ก็ต้องมีคนที่ทำได้ถึงขนาดนี้แม้จะไม่มีเวทมนตร์อยู่ แต่ได้มาเห็นด้วยตัวเองเป็นคนละเรื่องกับแค่คิด
‘...ท่าทางว่าเราจะปล่อยปละละเลยมากเกินไปแล้ว ถ้ามีคนที่มีฝีมือขนาดนี้ล่ะก็ ต่อไปเราอาจลำบากได้’
การฝึกฝน เขาไม่ได้ทำมานานแค่ไหนแล้วนะ? ด้วยร่างกายที่แม้จะไม่แข็งแกร่งเท่ากับตอนที่ยังเป็นหุ่นยนต์แต่ก็มีสมรรถนะเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดาหลายเท่า บวกกับความสามารถการใช้พลังของไซเบอร์เอลฟ์ ทำให้เขาไม่เคยมีปัญหาในการต่อสู้เลยตลอดเก้าปีที่ผ่านมา กับผู้ใช้เวทมนตร์ระดับไทรแองเกิ้ลหรือสแควร์ก็แค่เล็กน้อย
แต่ครั้งนี้ทำให้เขาได้รู้ ถ้าหากตัดข้อได้เปรียบเรื่องไซเบอร์เอลฟ์ออกไป ยังมีอีกไม่น้อยที่เขาอาจเอาชนะไม่ได้
เอ็กซ์แยกทางกับทั้งสองคนโดยที่คิดว่าต้องตั้งใจพัฒนาตัวเองให้มากกว่านี้
(โดนแย่งซีนไปซะแล้วนะเอ็กซ์~)
“มาริโน่!? จริงสิ ยังไม่ได้ส่งเธอกลับไซเบอร์สเปซเลย”
เอ็กซ์หันไปมองมีดสั้นที่ลอยอยู่ข้างเขา
(ม่าย~ ฉันม่ายกลับ~)
“ทำแบบนั้นไม่ได้นะ—“
(ทำไมจะไม่ได้ อยู่กับนายน่าสนใจดีออก อุดอู้อยู่ในกล่องงี่เง่านั่นตั้ง...สามปี? อาจจะนานกว่านั้นก็ได้ น่าเบื่อจะแย่ โลกนี้อุตส่าห์ให้ไซเบอร์เอลฟ์เราอาศัยอยู่ได้โดยไม่ต้องห่วงว่าพลังงานจะหมดทั้งที รู้สึกอยากไปเห็นสมบัติล้ำค่าของโลกนี้จนตัวสั่นแล้ว~)
“มาริโน่!”
(เซ้าซี้จริง อย่าลืมนะว่านายเป็นผู้แพ้ มีสิทธิ์มาสั่งผู้ชนะอย่างฉันรึไง?)
เมื่อประเด็นนั้นถูกยกขึ้นมา เอ็กซ์ก็ได้แต่เงียบปากอย่างไม่เต็มใจ แต่ก็เป็นอย่างที่มาริโน่บอกจริง ลักษณะของพลังงานในไซเบอร์เอลฟ์กับพลังเวทมนตร์ของโลกนี้แทบจะตรงกันทั้งหมด ไซเบอร์เอลฟ์สามารถอาศัยพลังเวทมนตร์ที่ปกคลุมโลกนี้เป็นพลังงานในการคงรูปร่างได้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีวันหมด เหมือนกับที่สิ่งมีชีวิตอื่นมีอากาศหายใจ
‘...ถ้าระวังให้ดีก็คงไม่เป็นไรมั้ง?’
ถึงอย่างนั้น ที่เขาพยายามส่งไซเบอร์เอลฟ์กลับไซเบอร์สเปซทันทีนั้นมันก็มีสาเหตุอยู่ แต่พูดถึงไปก็ไม่ได้อะไร
เอ็กซ์ยืนนิ่งไม่ขัดขืนขณะที่มีดสั้นแทรกตัวเข้าไปใต้เสื้อคลุมสีขาวเงินของเขา
ท่าทางว่าเขาคงนับเพื่อนร่วมทางเพิ่มขึ้นมาอีกคนได้เป็นที่แน่นอนแล้วสินะ?
(ฮู่~ จะได้เจอสมบัติแบบไหนกันน้า~)
มาริโน่ดูบ้าสมบัติมากกว่าแต่ก่อนรึเปล่า? เก็บกดที่อุดอู้อยู่ในที่น่าเบื่อตั้งหลายปี? เอ็กซ์ได้แค่คิดเท่านั้น
...
“เอ๋? จะไปแล้วเหรอ?”
“เจ้าเคานต์มอดอะไรซักอย่างนั่นอาจจะคิดแค้นกลับไปตามหาเธอที่ทริสทาเนียก็ได้”
“เอ๋~ น่าเสียดายจัง คุณสคาร์รอนกับทุกคนที่ร้านดูเป็นมิตรดีออก อยากรู้จักกันมากกว่านี้แท้ๆ~”
“เอาแต่ใจมากกว่าเมื่อก่อนนะ”
หญิงสาวผมสีทองเดินอยู่ริมถนนกับเพื่อนสวมผ้าคลุมของเธอ ใต้แสงจันทร์และแสงดาว
“กลับไปคืนชุดกับเปลี่ยนเสื้อผ้าก็บอกลาซะ ไม่ใช่ว่าจะไม่กลับมาอีกแล้วซะหน่อย ก็เดินทางไปทั่วอยู่แล้วไม่ใช่รึไง?”
“นั่นสินะ...”
หญิงสาวทำใจได้มากขึ้นนิดหน่อย เธอก็เคยเผชิญกับการลาจากหลายต่อหลายครั้ง กับคนที่เพิ่งจะทำความรู้จักไม่ทำให้เศร้าถึงขนาดนั้น เทียบไม่ได้เลยกับตอนที่เด็กหนุ่มที่เดินอยู่ข้างเธอเกือบจะจากไปตลอดกาล
“...แปลกจริงๆ ด้วย”
“เอ๋?”
หญิงสาวมองอย่างงงงวยขณะที่เพื่อนของเธอหยิบยางรัดผมสีชมพูระบายสีขาวออกมาจากใต้ผ้าคลุมและส่งให้เธอ
“เห็นวางขายที่ร้านข้างถนน จะใส่หมวกนั่นไปตลอดก็สะดุดตา ต่อไปใช้นั่นแทนก็แล้วกัน”
หญิงสาวมองเพื่อนของเธอที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับไร้ความรู้สึก ริมฝีปากเธอคลี่ออกเป็นรอยยิ้มพร้อมกับสีชมพูจางๆ ที่แก้ม
หญิงสาวรับยางรัดผมมาก็จัดการรวบเส้นผมสีทองของเธอขึ้นเป็นทรงหางม้าดังเช่นปกติ บวกกับปอยผมที่มีลักษณะคล้ายกับกรงเล็บสามนิ้วที่ปกคลุมหน้าผาก ทำให้เธอกลับมาอยู่ในอิมเมจเดิม...ถ้าไม่นับชุดที่สวมล่ะก็
ดวงตาสีน้ำเงินใต้ผ้าคลุมมองข้ามไหล่มาไม่แสดงความตื่นเต้นใดๆ กับภาพที่เห็นจนชิน
“สมเป็นเชลขึ้นเยอะ”
“ไม่นึกเลยนะว่าซีโร่จะห่วงรูปลักษณ์ภายนอกของคนอื่นเค้าเป็นด้วย”
ร่างใต้ผ้าคลุมหันหน้ากลับไป ไม่มีใครทราบได้ว่าสีหน้าเขาเป็นอย่างไร
--
แนะนำตัวละคร
(Credit: liline แห่ง deviantart.com)
มาริโน่
เผ่าพันธุ์ : ไซเบอร์เอลฟ์ (อดีตเรปลิลอยด์)
เพศ : หญิง(เทียบเท่า)
อายุ : กว่า 100 ปี (นับรวมเวลาหลังจากเป็นไซเบอร์เอลฟ์)
ส่วนสูง : ราว 150 - 165 เซนติเมตร (เหมือนจะสูงน้อยกว่าเอ็กซ์)
น้ำหนัก : ไม่ทราบ
ชอบ : การขโมยของมีค่า(แน่นอนว่าตัวเองต้องเป็นฝ่ายขโมย)
เกลียด : พวกพูดมาก, พวกเซ้าซี้, พวกวางก้าม, การถูกแย่งของที่จ้องจะขโมย
ข้อมูล : เรปลิลอยด์ที่เข้าร่วมกองกำลังต่อต้านกับเอ็กซ์และคนอื่นๆ ที่กิกันทิส ขนานนามตัวเองว่าเป็นหัวขโมยอย่างภาคภูมิใจ เชี่ยวชาญในการสืบเสาะข้อมูลลับทางการค้า สิ่งประดิษฐ์ที่ล้ำค่า และแน่นอนว่าเชี่ยวชาญในการไปขโมยมันมาเช่นกัน
หลังจากจับพลัดจับผลูได้มาเข้าร่วมการกำราบกองกองทัพรีเบลเลี่ยน ก็ได้แยกย้ายกันไปดังเช่นสมาชิกชั่วคราวคนอื่นๆ สัญญากับเอ็กซ์ว่าจะลดการขโมยลง(อาจจะเหลือแค่วันหยุดสุดสัปดาห์) จากนั้นก็ไม่ได้มีการติดต่อกันอีก ระหว่างนั้นร่างกายของมาริโน่หยุดทำงานไปในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง จนกระทั่งถูกช่องว่างของมิติในไซเบอร์สเปซพามาที่โลกเวทมนตร์แห่งนี้ และเข้าไปสถิตอยู่ในมีดสั้นด้วยเหตุผลว่า <มันสวยดี> ถูกซื้อผ่านมือมาถึงเคานต์ม็อธ ผู้ซึ่งเธอไม่ชอบหน้าตั้งแต่เห็น บินอาละวาดจนกระทั่งถูกจับผนึกลงในกล่องยัดเข้าคลัง(ทำไมไม่ถูกทิ้งไปก็ไม่รู้? สงสัยเคานต์ม็อธจะเสียดาย) รอวันเวลาที่ใครบางคนมาเปิด จากนั้นก็ระบายความเก็บกดใส่คนคนนั้น ซึ่งบังเอิญเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่
มีนิสัยรักสนุก ชอบความตื่นเต้น ทำตามอำเภอใจจึงไม่คิดจะมีเพื่อน มีสำนึกความยุติธรรมโดยใช้มาตรฐานส่วนตัววัด ไม่ใส่ใจสายตาใคร แต่กับคนที่ตัวเองตัดสินว่าเป็นคนดีในระดับหนึ่งที่วางไว้ จะระวังไม่ให้นิสัยตัวเองส่งผลด้านลบด้วย ไม่เปิดเผยเรื่องส่วนตัวง่ายๆ แต่กับคนที่นับได้ว่าเป็นเพื่อนอย่างแท้จริง จะแสดงตัวตนออกมาโดยไม่ปิดบัง
คล่องแคล่วว่องไว มีทักษะในการอำพรางตัว และเหนือสิ่งอื่นใดคือการขโมย ถนัดใช้อาวุธปาหรือมีดสั้น คล้ายกับคุโนอิจิ(นินจาหญิง)ผสมกับขโมยสาว
ตอนที่ร่างกายหยุดการทำงานและเดินทางสู่ไซเบอร์สเปซนั้นรู้สึกเศร้าเล็กน้อยที่ต้องพรากจาก [ฮาโยห์น] เมคานิลอยด์ที่คอยเก็บอาวุธให้ที่ด้านหลังมาตลอดช่วงที่มีชีวิตอยู่
--
PBW:”หายหน้าหายตาไปสองสัปดาห์เต็ม ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะที่บอกไว้เรื่องสอบกลางภาค อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่าตอนนี้ต้องใช้เวลาในการเขียนเยอะ เปิดเผยข้อมูลสำคัญหลายอย่างตามที่เห็น และอีกส่วนหนึ่ง...เป็นเพราะอู้ อู้ส่วนตัว โทษใครไม่ได้นอกจากตัวคนเขียนเอง มีหลายวันที่ไม่ได้แตะเลย แบบนี้รึเปล่านะที่เขาเรียกว่า Slump?”
DX:”กล้าใช้คำว่า Slump แบบนักเขียนอาชีพเชียวเรอะ ไม่ยกตัวเองสูงเกินไปหน่อยรึไง ก็แค่อู้เท่านั้นล่ะว้า”
PBW:”ก็คงอย่างนั้น แต่ว่าส่วนท้ายของหนึ่งในสามส่วนนี้เขียนภายในวันเดียว(คือวันนี้) แรงบันดาลใจนี่มันก็ขึ้นๆ ลงๆ น่ะนะ ว่าแต่ชอบตอนนี้ไม่น้อยทีเดียว รู้สึกว่าได้ปล่อยของออกไปเยอะ พอใจกับหลายๆ ฉากในนี้ ทั้งที่เป็นออริจินัล และทั้งที่อ้างอิงจากเนื้อเรื่องหลัก”
DX:”ปล่อยของเรอะ? เช่นอะไร?”
PBW:”อย่างเรื่องที่อธิบายว่าพลังของไซเบอร์เอลฟ์มีลักษณะตรงกับพลังเวทมนตร์ของโลกนี้ และเป็นสาเหตุทำให้ไซเบอร์เอลฟ์มีพลังงานคงรูปอยู่ในโลกได้อย่างต่อเนื่อง นี่ก็เป็นข้อที่วางเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่เริ่มเขียนแรกๆ และยังการเปิดเผยครั้งใหญ่ที่ท้ายตอนนั่นอีก ก็วางเอาไว้แล้วเหมือนกัน ถึงจะไม่ได้วางว่าจะออกตอนไหนก็เถอะ จะมีก็แต่มาริโน่เท่านั้นที่เป็นไอเดียปุบปับ แต่ก็ไม่เลวทีเดียว โดยเฉพาะที่เอ็กซ์แพ้มาริโน่ หุหุ ตั้งใจเลยนะนั่น”
DX:”ตั้งใจ?”
PBW:”เป็นเทคนิคอย่างหนึ่งของคนเขียน(แล้วก็เปิดเผยง่ายๆ อย่างนี้น่ะเหรอ?) เหตุการณ์ในตอนนี้ตั้งใจแสดงให้เห็นว่าเอ็กซ์ตอนนี้ไม่ได้ไร้เทียมทานเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญไปยังไคลแม็กซ์ในเหตุการณ์ที่ตรงกับตอนสุดท้ายของอนิเมะซีซั่น 1 (ก็จะเป็นตอนสุดท้ายในไลท์โนเวลเล่มที่ 3)”
DX:”จะคอยดูละกัน”
ความคิดเห็น