คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Chapter 14: Orc Hero...เอ๊ะ ชื่อคุ้นๆ?
อาคารบ้านเรือนจำนวนหนึ่งตั้งรวมกันเป็นหมู่บ้านเล็กๆ อยู่ในที่โล่งท่ามกลางต้นไม้หนาทึบ ทว่าไม่มีคนอยู่ ไม้เลื้อยเริ่มพัวพันกับตัวอาคารยึดเป็นที่เกาะพิง หมู่บ้านนี้ร้างผู้คนมานานพอสมควรแล้ว เป็นหมู่บ้านของนักบุกเบิกที่ถูกทิ้งร้างด้วยสาเหตุบางอย่าง
เด็กสาวสวมแว่นซ่อนอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ มือกำไม้เท้าแน่น เก็บเสียงเอาไว้อย่างเงียบเชียบแม้แต่เสียงหายใจ เฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวใต้ท้องฟ้าสีแดง
ต้นไม้ที่อยู่ใกล้กับป้อมสังเกตการณ์ของหมู่บ้านเกิดไฟลุกท่วม เป็นฝีมือของเด็กสาวผมสีแดงที่ซ่อนตัวอยู่
แล้วสาเหตุที่หมู่บ้านถูกทิ้งร้างก็วิ่งพรวดออกมาจากวิหารที่ถูกทิ้งร้าง สิ่งมีชีวิตสูงสองเมล(ประมาณหนึ่งร้อยสี่สิบเซนติเมตร) ร่างกายใหญ่เทอะทะที่มีน้ำหนักถึงห้าเท่าของมนุษย์ผู้ใหญ่ มันคือออร์ค และไม่ใช่ตัวสองตัว แต่สิบตัว ร่างกายนุ่งห่มด้วยหนังสัตว์ สติปัญญาของมันทัดเทียมกับมนุษย์ในยุคหิน
พวกออร์คเริ่มส่งเสียงสื่อสารกัน เป็นเสียงที่เหมือนกับหมู อันที่จริงตัวพวกมันเองก็เหมือนกับหมูตัวใหญ่ที่ยืนสองขาอยู่แล้ว ด้วยชั้นไขมันหนาเตอะกับจมูกที่แบะขึ้นอะไรพวกนั้น
มีไฟ ก็หมายความว่ามีมนุษย์ และมนุษย์ก็คือศัตรู แต่ก็เป็นอาหารด้วยเหมือนกัน
ทาบาสะเริ่มคิดถึงคาถาที่จะใช้กับพวกออร์คที่จำนวนมากกว่า เธอจะใช้วิธีร่ายคาถาซ้ำๆ ไม่ได้ ถ้าไม่จัดการให้เป็นไปตามแผนรวดเดียว ความได้เปรียบเรื่องการจู่โจมกะทันหันก็จะเสียไป
จู่ๆ อากาศรอบตัวพวกออรค์ก็เปล่งแสง โกเลมวาลคีรี่เจ็ดตัวกำเนิดขึ้น ทาบาสะขมวดคิ้ว ในแผนการไม่มีอย่างนี้ ดูเหมือนว่ากีชจะสติแตกซะแล้ว
วาลคีรี่ทั้งเจ็ดพุ่งเข้าไปที่หัวหน้าออร์ค หอกเจ็ดเล่มแทงทะลุร่างจนมันล้มลงกับพื้น แต่แผลตื้นเกินไป อันที่จริงไม่มีทางที่แรงจากหุ่นตัวเล็กๆ จะแทงทะลุหนังที่หยาบสากและชั้นไขมันที่หนาสุดใจเข้าไปถึงอวัยวะสำคัญของออร์คตัวเป้งได้
ออร์คลุกขึ้นโดยไม่ใส่ใจบาดแผลจิ๊บจ๊อย เหวี่ยงตะบองขนาดเท่าตัวคนของมันฟาดวาลคีรี่แตกเป็นเศษโลหะในครั้งเดียว ออร์คตัวอื่นๆ กวัดแกว่งตะบองด้วยแรงมหาศาล ทำลายวาลคีรี่ที่เหลือลงจนหมด
ความโกลาหลเริ่มตอนนั้น ทาบาสะตัดสินใจว่าแผนใช้ไม่ได้แล้ว เธอร่ายเวทระดับไทรแองเกิ้ล ประกอบขึ้นจากสามมุมแห่งมนตรา น้ำ-ลม-ลม ไอน้ำรวมตัวเข้าด้วยกันและกลายเป็นแท่งน้ำแข็งแหลมหลายชิ้น สายลมแรงนำพามันเข้าจู่โจมฝูงออร์ค ออร์คที่ถูกเสียบล้มลงกับพื้นจมกองเลือด หนึ่งในคาถาระดับท็อปของทาบาสะ<วินดี้ไอซิเคิ่ล>
คีร์เก้ที่ซ่อนอยู่บนยอดไม้ห่างจากทาบาสะพอสมควรเริ่มขยับคทา คาถาระดับไลน์ สองจุดแห่งมนตรา ไฟ-ไฟ <เฟลมบอล> คาถาถนัดของเธอ ลูกไฟที่ถูกสร้างขึ้นมีขนาดใหญ่กว่า<ไฟร์บอล> มันพุ่งเข้าใส่ออร์คที่ยืนอยู่ ออร์คเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีเซนส์เรื่องการต่อสู้สามารถเคลื่อนไหวหลบบอลเพลิงได้อย่างรวดเร็วผิดกับรูปร่างที่เทอะทะ ทว่าบอลเพลิงเลี้ยวโค้งราวกับมีลวดคอยบังคับ พุ่งเข้าไปในปากของออร์คที่เปิดอ้าจากความตกใจ แล้วหัวของมันก็ลุกเป็นไฟ
เป็นเวทที่ทรงพลัง จัดการกับออร์คตัวโตได้ในครั้งเดียว แต่ว่าก็หมดแค่นั้น เวทที่รุนแรงใช่ว่าจะใช้แล้วใช้อีกได้
พวกออร์คตกใจ แต่เมื่อรู้ว่าศัตรูเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ไม่กี่คน ชนเผ่าร่างยักษ์ก็เริ่มตั้งหลักได้ ภูมิปัญญาที่ตกทอดมาในแต่ละรุ่น จากประสบการณ์ที่สู้รบกับพวกมนุษย์มาหลายยุคหลายสมัย ถ้าหากพวกมันจะแพ้ ก็จะแพ้ในพริบตา แต่พรรคพวกของมันเพิ่งจะล้มไปแค่สอง หมายความว่าการโจมตีของพวกมนุษย์ล้มเหลว
ความโกรธเข้ามาแทนที่ความกลัว จมูกของมันส่ายไปมา พยายามดมกลิ่นหามนุษย์ แล้วมันก็เจอ กลิ่นของมนุษย์ที่ยังไม่โตเต็มวัย พวกออร์ควิ่งไปในทิศทางเดียวกัน ตอนนั้นเองที่มนุษย์เข้ามาขวาง สะพายดาบที่กลางหลัง และกิ้งก่าที่มีไฟลุกที่หางอีกหนึ่งตัว
พวกออร์คบุกเข้าไปอย่างไม่ลังเล แม้ซาลามันเดอร์จะเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง แต่ตัวเดียวนั้นไม่พอมืออยู่แล้ว ส่วนมนุษย์เด็กยิ่งไม่ต้องพูดถึง เป็นที่รู้กันว่าออร์คหนึ่งตัวเทียบได้กับนักรบเจนสนามชาวมนุษย์ถึงห้าคน เด็กตัวแค่นี้ ทีเดียวก็แบนเป็นมดถูกเหยียบแล้ว
ฝูงออร์คเข้าล้อมทั้งสองเอาไว้ ไซโตะชักดาบออกมา สายตามองดูศัตรูที่รายรอบ ออร์คบางตัวมีสร้อยที่ทำจากเชือกป่านและกะโหลกมนุษย์ห้อยอยู่ที่คอ ความหนาวยะเยือกแล่นขึ้นที่สันหลังของเขา
การต่อสู้เริ่มขึ้น แบบสองต่อแปด ทว่าตะบองที่ขนาดใหญ่เท่าตัวคนไม่สามารถจะแตะต้องนักดาบผู้มีรูนของกันดาล์ฟร์ได้ ซาลามันเดอร์เองก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลัง ถ้าไม่อยู่โดดเดี่ยวไม่มีทางถูกโค่นลงง่ายๆ
ดาบเหล็กตวัดฟัน เพียงหนึ่งครั้งออร์คตัวโตๆ ก็ลงไปนอนสิ้นชีวิต อีกด้านหนึ่ง เฟลมก็พ่นเปลวเพลิงอันร้อนระอุเผาผลาญพวกออร์คพร้อมกับป้องกันไม่ให้ตัวใดเฉียดเข้ามาใกล้
เสียเพื่อนไปสาม พวกออร์คเริ่มระวังตัวมากขึ้น สายตาที่มองมา พวกมันรู้สึกราวกับถูกมังกรจ้อง
แต่ว่านี่มันก็แค่มนุษย์เด็ก? พวกออร์คมองหน้ากัน ก่อนจะหลับหูหลับตาลุยเข้าไป
การต่อสู้จบลงในสองนาที ออร์คสิบตัวพ่ายแพ้ เด็กหนุ่มหนึ่งคนและซาลามันเดอร์หนึ่งตัวได้ชัยไปอย่างสวยงาม
...มันควรจะเป็นอย่างนั้น ทว่าไซโตะรู้สึกถึงแรงสะเทือนบนพื้นที่เขาเหยียบ เป็นก้าวเดินของสิ่งที่มีน้ำหนักมหาศาล
ฝูงนกที่ใจกล้าพอจะอยู่ดูการต่อสู้เมื่อครู่ บัดนี้บินแตกตื่นออกไปราวกับผืนพรม ร่างที่ใหญ่โตมหึมาก้าวออกมาจากภายในหมู่บ้านร้าง
ไซโตะช็อกจนส่งเสียงไม่ออก เขาไม่รู้ว่าอะไรอย่างนี้ซ่อนตัวอยู่จนถึงเมื่อกี้ได้อย่างไร
เขี้ยวที่โค้งงอ จมูกที่แบะขึ้น มันคือออร์คไม่ผิดแน่ ทว่าขนาดตัวของมันนั้นเป็นที่น่าพรั่นพรึง ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมองไม่เห็นจนถึงเดี๋ยวนี้
สูงกว่าหกเมล การแต่งกายแสดงถึงความต่างชั้นจากออร์คทั่วไปอย่างชัดเจน สวมหน้ากากและเครื่องป้องกันไหล่สองข้างสีทองอร่าม สวมเครื่องป้องกันเหล็กที่แขนและเข่าสองข้าง หมวกเกราะมีกระบังหน้าและประดับด้วยขนนกมากมาย หนังสัตว์ที่นุ่งเอวเป็นขนสีขาวแสดงความสูงศักดิ์เหมือนแผงคอของสิงโตเมื่อเทียบกับแผ่นหนังขาดๆ ที่ออร์คทั่วไปนุ่ง ความรู้สึกที่แผ่ออกมาเองก็เช่นกัน ต่างจากออร์คธรรมดามาก เป็นความรู้สึกที่ราวกับภูเขาทั้งลูกมาตั้งอยู่ตรงหน้า ดวงอาทิตย์ที่ใกล้ลับขอบฟ้าด้านหลังทำให้เงาของมันทอดยาวตระหง่านทาบทับนักดาบที่ยืนอยู่ต่อหน้า
ไซโตะและคนที่ซ่อนตัวอยู่ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เฟลมจ้องขู่ศัตรูอย่างระแวดระวัง
หัวหน้าออร์คหันมองดูศพของพรรคพวกทีละตัว ก่อนจะมาหยุดที่มนุษย์เด็ก
ทันใดนั้น มันก็แผดเสียงคำรามดังกึกก้อง ไซโตะที่ยืนอยู่ในระยะไม่ถึงสิบเมตรรู้สึกขาอ่อนขึ้นมา แต่ยังฝืนยืนอยู่ได้ แม้ร่างกายจะรู้สึกถึงพละกำลังอันมหาศาลด้วยการสัมผัสคลื่นเสียงเพียงอย่างเดียว
ร่างอันสูงใหญ่โถมเข้ามา มือที่สวมถุงมือเหล็กกำเป็นหมัดขนาดเท่ากับมนุษย์ผู้ใหญ่หนึ่งคนเหวี่ยงเข้ามาด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ ไซโตะถีบตัวหลบออกไปด้านข้าง เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
หมัดเหล็กปะทะกับพื้นดินจนมันยุบลงไปเป็นแอ่ง แรงสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหวเล็กๆ
หัวหน้าออร์คถอนมือกลับและหันไปประจันหน้ากับเด็กหนุ่มมนุษย์ที่ยืนจับดาบชี้มาทางมัน
ไซโตะจ้องออร์คร่างยักษ์ไม่กะพริบตา เขาไม่กล้าละสายตาแม้แต่วินาทีเดียว ไม่จำเป็นต้องอาศัยสัญชาตญาณของนักรบหรืออะไรทั้งนั้น แค่มองด้วยตา ฟังด้วยหู สัมผัสด้วยผิวหนัง เขาก็เข้าใจแล้วว่าการต่อสู้ครั้งนี้ ความอันตรายสูงเหนือครั้งที่ผ่านๆ มาลิบลับ ชีวิตเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย...ที่ล้อมรอบด้วยเลื่อยนับพัน
(Credit: Ragnarok Odyssey[PSP Vita])
...
ในป่าลึกไกลจากทริสทาเนียราวห้าสิบกิโลเมตร เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาแหวกพงหญ้าเดินไปข้างหน้าอย่างไม่กลัวว่างูเงี้ยวเขี้ยวขอจะกระโจนเข้าใส่ แต่ถึงกระโจนใส่ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง เก้าปีที่ผ่านมาทำให้เขาชำนาญการเดินป่าขึ้นมากทีเดียว
รอบข้างเขาเป็นกลุ่มชายฉกรรจ์อาวุธครบมือ ลักษณะการเคลื่อนขบวนอย่างไม่เป็นระเบียบและอุปกรณ์ที่แตกต่างกันบ่งบอกว่าพวกเขาเหล่านี้ไม่ใช่ทหารของทางการ แต่เป็นทหารรับจ้าง และไม่ได้อยู่กองกำลังเดียวกันแต่เพียงรวมกลุ่มชั่วคราว
เอ็กซ์ออกมาจากทริสทาเนียได้ระยะหนึ่งแล้ว สามวัน สาเหตุที่เขามาเดินอยู่กับทหารรับจ้างนี้คืออะไร? ต้องทวนให้จำกันได้ว่าเขาในตอนนี้...ถังแตก แทบจะไม่มีเงินเหลือแล้ว ดังนั้นการที่เขามาอยู่กับทหารรับจ้าง? แน่นอน เขารับงานมานั่นเอง และเป็นงานใหญ่ที่ต้องใช้ทหารรับจ้างร่วมสามสิบคนด้วย
ทั้งสามสิบคนตกลงร่วมกันว่าเงินรางวัลจะหารสามสิบ ใครที่มาเป็นกลุ่มก็ได้รับส่วนเท่ากับจำนวนคนไป
ทำไมหารตั้งสามสิบถึงยอมกันง่ายๆ? เพราะผู้ว่าจ้างเป็นเจ้าเมืองใกล้ๆ นี้ เป็นชนชั้นสูงย่อมให้ราคาได้สูงสมตำแหน่ง และที่สำคัญที่สุด เหตุผลที่ทำให้ทั้งหมดต้องมาจับมือสมัครสมานสามัคคีกัน
คือความอันตรายของงานในครั้งนี้...
เอ็กซ์ไม่รู้สึกเป็นกังวลอะไรเป็นพิเศษ แต่เขาเข้าใจว่ามนุษย์ธรรมดาไม่เหมือนกับเขา
‘แหงล่ะ เนื้องานแบบนี้ ถ้าไม่เฮโลกันมาเป็นกลุ่ม ไม่มีใครกล้ามาหรอก ก็ต้องสู้กับ—‘
เสียงร้องดังขึ้น ทุกคนได้ยินตรงกันและหันไปทางด้านซ้าย ดูเหมือนจะอยู่ไกลออกไปราว 100 - 200 เมล
‘ไม่ใช่เสียงมนุษย์...เสียงนี่มันออร์ค!’
ใช่แล้ว <ออร์ค> นี่ล่ะคือเนื้องานในครั้งนี้ กำจัดออร์คที่มาตั้งรกรากบริเวณใกล้เคียงกับเมือง จะกำจัดสิ่งมีชีวิตแบบนั้นต้องอาศัยกำลังคนเข้าว่า
‘แต่ว่าเสียงเอะอะนี่มันอะไรกัน?’
เอ็กซ์นึกสงสัยขณะที่เขาและทหารรับจ้างคนอื่นๆ ตามเสียงไป
...
หมัดยักษ์เหวี่ยงไปรอบๆ ไล่ตามบดกระดูกของเด็กหนุ่มมนุษย์ที่คล่องแคล่วที่สุดเท่าที่หัวหน้าออร์คเคยเจอมา
ไซโตะรู้ซึ้งถึงพลังอันมหาศาลของหัวหน้าออร์คนี้ดี ทว่าโดยแก่นแล้ว มันก็ไม่ต่างจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าเขาอาจกลายเป็นไซโตะบดทันทีที่สัมผัสกับหมัดเหนือดาว(?)นั่น แต่ถ้ามันไม่โดน ก็ไร้ความหมาย
ไซโตะหลบการโจมตีครั้งต่อไปด้วยใจที่เย็นลง เขามองเห็นช่องว่างที่สีข้างซ้าย ถีบเท้าพุ่งเข้าไป ดาบเหล็กตวัดเข้าที่มุมอับของหัวหน้าออร์ค
ไซโตะรอสัมผัสของการเฉือนเนื้อผ่านทางด้ามจับ ทว่าใบดาบสะท้อนกลับมา
หลบหมัดยักษ์ที่เหวี่ยงเข้ามาจากด้านข้าง ไซโตะถอยกลับมาตั้งหลักด้วยใบหน้าที่งุนงง
ไซโตะตั้งสติและมองดีๆ ถึงเห็นว่ารอบร่างกายอันใหญ่โตนั้นมีสิ่งที่คล้ายกับเป็นเกราะกำบังล้อมไว้เป็นทรงกลม เป็นเกราะกำบังสีฟ้าใสที่หมุนอยู่ตลอดเวลา นี่เองคือสิ่งที่ป้องกันดาบเมื่อกี้ และสิ่งที่สร้างเกราะนี้ขึ้นมาก็ดูเหมือนจะเป็นโล่ลายกากบาทสีแดงที่กำลังเปล่งแสงอยู่กลางอกของหัวหน้าออร์ค เกราะสีฟ้าปรากฏอยู่ครู่หนึ่งก็หายไป
ทาบาสะมองดูสถานการณ์ก็เห็นว่าไม่ใช่เวลาจะมามัวเสียดายพลังเวท เธอร่ายคาถาเด็ดของเธออีกครั้ง วินดี้ไอซิเคิ่ล พายุน้ำแข็งพุ่งเข้าไปที่ออร์คตัวใหญ่ในจังหวะที่มันหันหลังให้
โล่ลายกากบาทเปล่งแสงขึ้นอีกครั้ง เกล็ดน้ำแข็งที่กระทบกับเกราะสีฟ้าแตกสลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย ร่างที่ใหญ่โตไม่แสดงท่าทีเจ็บปวดหรือหยุดชะงักแต่อย่างใด ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมองด้วยซ้ำ มันตั้งหน้ากวัดแกว่งหมัดและเท้าเข้าโจมตีมนุษย์เด็กและซาลามันเดอร์อย่างไม่ลดละ
การโจมตีสนับสนุนไร้ผล ไซโตะต้องโรมรันกับศัตรูที่มีทั้งพลังและความเร็วเพียงลำพัง
เปลวไฟของคีร์เก้และเฟลมแฉลบออกด้านข้างเหมือนถูกลมพัด บาร์เรียร์ที่คุ้มกันหัวหน้าออร์คนี้ก็ไม่ต่างกับบอลลูกใหญ่ที่หมุนด้วยความเร็วสูง สะท้อนทุกอย่างออกไปด้วยแรงปั่นมหาศาล
เปลวไฟหยุดไป บาร์เรียร์สีน้ำเงินก็หยุดทำงาน สร้างภาพลวงว่าด้านหลังของหัวหน้าออร์คไร้การป้องกัน แต่ถ้าใครร่ายเวทโจมตีอีกครั้ง มันก็จะทำงานขึ้นมาใหม่โดยที่เจ้าตัวแทบไม่ต้องหันกลับไปมองผู้จู่โจม
ไซโตะเริ่มหอบเหนื่อย แม้จะเป็นการโจมตีที่หยาบ ไม่ซับซ้อนต่อเนื่องเหมือนของวาลด์ ที่จริงก็เพราะมันไม่ถึงขั้นวาลด์ เขาถึงยังยืนอยู่ได้
หมัดสุดท้ายเฉียดเขาไปหวุดหวิดชนิดรู้สึกถึงแรงลมที่ผิวหนัง
‘ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็...!’
เสียงใบไม้ขยับไหว อะไรบางอย่างกระโจนจากยอดไม้สู่ยอดไม้ ใกล้เข้ามาด้วยความเร็วสูง
ร่างหนึ่งกระโจนขึ้นสูงบนท้องฟ้า ลอยผ่านอากาศเข้ามายังเบื้องล่างที่กำลังต่อสู้กันอยู่ บดบังดวงอาทิตย์สีแดง เงาทอดยาวทาบทับศีรษะของออร์คตัวใหญ่
ทาบาสะมองร่างนั้นด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ในพริบตานั้น ภาพหนึ่งแล่นเข้ามาในสมองเธอ
เป็นภาพคล้ายกับที่เธอกำลังเห็นอยู่ในขณะนี้ ตัวเธอที่อายุน้อยกว่ายืนเผชิญหน้ากับอสูรรร้ายในป่าลึก ท้องฟ้ามืดครึ้ม ดวงจันทร์กลมโตสองดวง เบื้องหน้าเธอไม่ใช่ออร์คตัวใหญ่แต่เป็นมังกรยักษ์ที่มีหลายหัว สัตว์ร้ายที่เธอไม่สามารถโค่นได้แม้จะใช้พลังเวทไปจนหมดสิ้น
แล้วเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้น สิ่งที่เธอจำได้ ดาบสั้นที่เงื้อขึ้นเหนือศีรษะ และเส้นผมสีบรอนซ์เทาที่สะท้อนแสงจันทร์
บัดนี้ เธอเห็นมันอีกครั้ง
หัวหน้าออร์คมองเห็นเงาทอดลงมาที่ตัวเองก็หันหลังกลับไปมอง ร่างของเด็กหนุ่มชาวมนุษย์หันหลังให้กับดวงอาทิตย์ยามเย็นลอยผ่านอากาศตรงเข้ามาหามันราวกับดาวตก
เสียงปะทะดังสนั่นพร้อมกับแรงสั่นสะเทือน ดาบเล่มสั้นๆ กับเกราะสีฟ้าที่ปกป้องออร์คร่างยักษ์
ตลอดชีวิตของมัน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่หัวหน้าออร์ครู้สึกถึง<พลัง>จากสิ่งมีชีวิตตัวอื่น เกราะสีฟ้าที่คอยปกป้องมันมาตลอดส่งเสียงราวกับสะเทือนจากการจู่โจมของมนุษย์ผู้มาใหม่
เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาเห็นเกราะสีฟ้าก็ตกใจถีบตัวกระโดดถอยอกมา
ไซโตะเห็นเป็นจังหวะก็ถอยจากออร์คร่างยักษ์เข้าไปหาผู้ที่ปรากฏตัวมาใหม่
“นี่นายยังไม่ตายเหรอเนี่ย!?”
“ฉันดวงแข็งน่ะ ว่าแต่ภารกิจเป็นยังไงบ้าง?” เอ็กซ์ตอบกลับด้วยคำถาม สายตาไม่ละไปจากศัตรู
“อะ...! เรียบร้อยดี จดหมายถึงมือองค์หญิงอย่างปลอดภัย” ไซโตะชะงักเล็กน้อย แต่ก็ตอบคำถามตามตรง และได้รับพยักหน้ากลับมา
“ดีแล้ว ส่วนเรื่องสำคัญรองลงมาก็ที่อยู่ตรงหน้าเราตอนนี้”
“นี่ไม่ใช่เวลาจะมาถามงั้นสินะ งั้นก็รีบๆ จัดการให้มันจบๆ ไปเลยก็แล้วกัน!” ได้พวกมาเพิ่มอีกคนทำให้ไซโตะมีกำลังใจขึ้นมา
การปรากฏตัวของมนุษย์คนใหม่ทำให้หัวหน้าออร์คระวังตัว โดยเฉพาะพละกำลังที่มันสัมผัสได้ตอนที่ปะทะกัน เหนือกว่ามนุษย์ผมสีดำที่มันกำลังสู้อยู่ด้วย ซึ่งก็เป็นคู่ต่อสู้ที่มันออมมือให้ไม่ได้อยู่แล้ว
ต่อหน้าคู่ต่อสู้ที่มีพลังอันน่ากลัวทั้งสอง หัวหน้าออร์คร้องคำราม ยืนตระหง่านตั้งรับสองร่างที่พุ่งเข้ามา
เด็กหนุ่มผมสีดำยังคงเคลื่อนไหวแบบเดิม เรียบง่าย เถรตรง แต่รวดเร็วและทรงพลัง ทว่าทั้งความเร็วและพลังนั้นมากขึ้นกว่าเดิม เป็นเพราะกำลังใจที่ฟื้นฟูขึ้นมา
กลับกัน เด็กหนุ่มผู้สวมอาร์มการ์ดที่แขนซ้ายและปลอกแขนหนังที่แขนขวา<ล่อง>ไปบนสมรภูมิด้วยการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลดังสายน้ำ ดูนิ่มนวล ทว่าพลังและความเร็วไม่ได้ด้อยไปกว่าคนก่อน ดาบของเขาเหมือนถูกนำไปโดยกระแสวารีที่ไร้รูปร่าง ไม่แข็งกร้าว แต่พลื้วไหวและแม่นยำ
มันมีแขนแค่สองข้าง กับการโจมตีจากศัตรูสองคน มันไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ไพ่ตาย นั่นคือบาร์เรียร์สีฟ้าใส ดันเด็กหนุ่มมนุษย์ทั้งสองออกไปไม่ให้เข้ามาใกล้ ทั้งสองต้องถอยกลับมาตั้งหลัก
“หนอย ไอ้นั่นอีกแล้ว! ไอ้บาร์เรียร์หมุนๆ นั่นผลักดาบออกไปด้านข้างก็เลยออกแรงไม่ได้!”
“ฮืม กำลังคิดอยู่เลยว่าคืออะไร <โรลลิ่งชิลด์>นี่เอง”
ไซโตะหันขวับ ประหลาดใจที่เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาพูดเหมือนกับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“หรือว่านั่นก็มีสิ่งที่นายตามหาอยู่ด้วย?”
“ใช่แล้วล่ะ...อยู่ในโล่นั่น”
ไซโตะรู้ทันทีว่าหมายถึงโล่ที่ส่องแสงตอนที่เกราะสีฟ้าปรากฏ
“งั้น นายรู้วิธีจัดการกับบาร์เรียร์นั่นรึเปล่า?”
“ก็พอมีทาง แต่ไม่มั่นใจว่าจะได้ผล เมื่อก่อนมีแต่เพื่อนของฉันที่มีความสามารถพอจะใช้ดาบทำอะไรแบบนั้นได้ แต่ถ้าเป็นตอนนี้ ฉันเองก็อาจจะทำได้”
หัวหน้าออร์คไม่ใจดีพอจะรอให้ทั้งสองคุยกันตามสบาย มันวิ่งตรงเข้ามาด้วยฝีเท้าที่สะเทือนแผ่นดิน
“จะทางไหนก็รีบๆ ทำเข้าเถอะ!”
“งั้นเล็งที่เข่ามันไว้นะ!”
เอ็กซ์เข้าปะทะกับศัตรูร่างยักษ์ซึ่งๆ หน้า
หลบหมัดที่ชกเข้ามา อ้อมไปด้านขวาของออร์คร่างยักษ์ และฟันใส่สีข้าง บังคับให้มันต้องใช้บาร์เรียร์สีฟ้าใสอีกครั้ง
เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาหลับตาลง นึกถึงเพื่อนในชุดเกราะสีแดงของเขา ผมสีทองที่ปลิวไสวยามออกศึก บีมเซเบอร์ที่ตัดได้ทุกสิ่ง
‘อ่านให้ออก ทิศทางการหมุนของโรลลิ่งชิลด์คือ... 180 องศา!’
เอ็กซ์จับดาบด้วยสองมือ เงื้อขึ้นเหนือหัว แล้วฟันในแนวตั้งเต็มแรง ใบดาบแทรกไปกับกระแสการหมุนของบาร์เรียร์ แยกมันออกเป็นสองส่วน ทำให้มันสลายไป
หัวหน้าออร์คผงะ ไม่เคยคิดว่าการป้องกันไร้เทียมทานที่ช่วยมันมาหลายต่อหลายครั้งจะถูกทำลายลง ความตกตะลึงทำให้มันไม่ทันมองเห็นเส้นผมสีดำลอดเข้ามาใต้ตัวมัน
“เสร็จล่ะ!”
ดาบเหล็กเฉือนฟันที่เข่าซ้าย คราวนี้ไซโตะรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าดาบของเขาเฉือนเข้าไปในเนื้อและกระดูก หัวหน้าออร์คคำรามลั่นด้วยความเจ็บปวด
จังหวะที่เอ็กซ์รอคอยมานาน เขาเรียกใช้พลังจากต่างมิติ ยิงโซ่พลังงานไปที่โล่ลายกากบาทของออร์คร่างยักษ์ ปากที่เหมือนกับคีมหนีบเกาะโล่เอาไว้อย่างแน่นหนา
‘! แน่นอะไรอย่างนี้!?’
ผิดไปจากแผนที่เขาวางไว้ โล่ไม่ถูกกระชากหลุดออกมาทันทีตามที่วาดภาพ กลับกัน เขาต้องใช้โซ่พลังงานอีกเส้นยึดตัวไว้กับพื้นดินเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกดึงเข้าไปหาออร์คร่างยักษ์
หัวหน้าออร์คเรียกสติกลับคืนจากความเจ็บปวดได้ มองเห็นว่ามีมนุษย์พยายามจะทำอะไรกับโล่ที่แสนสำคัญก็โมโห เงื้อหมัดขึ้นสุดแขน และชกใส่เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาเต็มแรง
น้ำแข็งก้อนใหญ่พุ่งสวนเข้ามาชนมันอย่างจัง แรงกระชากมหาศาลทำให้โล่ถูกดึงหลุดออกมาได้ในที่สุด
ออร์คร่างยักษ์ล้มลงกับพื้น ก้อนน้ำแข็งที่ทับมันสลายกลับเป็นไอน้ำ มันรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตัวเอง
ไซโตะมองอย่างตกตะลึงขณะที่ร่างกายของหัวหน้าออร์คค่อยๆ หดลง เกราะที่เคยสวมพอดีตัวก็หลวมโพรก มันกลายเป็นออร์คสูงสองเมลธรรมดาๆ ตัวหนึ่ง
ออร์คตกบัลลังก์ลุกขึ้นหยิบหมวกเหล็กที่ตอนนี้กระบังหน้าใหญ่จนเป็นโล่ได้ขึ้นมาปิดตัวแล้ววิ่งหนีไป
การต่อสู้จบลงจริงๆ แล้ว ศพของออร์คสิบตัวเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น คนที่ซ่อนอยู่เดินออกมา เอ็กซ์จำได้ว่าเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตากันที่โรงเรียน คีร์เก้ ทาบาสะ กีช ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นเด็กสาวสวมชุดเมดที่เขาคุ้นหน้าว่าเคยเห็นที่โรงเรียน
มังกรสีน้ำเงินร่อนลงจากท้องฟ้า มันลดคอลงมาให้เจ้านายลูบหัว เด็กสาวผมแดงตรงเข้าแจกมะเหงกเด็กหนุ่มผมทองจังๆ หนึ่งที
“เจ็บนะ! อะไรของเธอ?!”
“แผนพังเพราะนายนี่ล่ะ! ตกลงกันไว้ว่าจะล่อให้พวกมันตกหลุมทั้งหมดแล้วก็ราดน้ำมันจุดไฟเผาไปทีเดียวไม่ใช่รึไง!”
“ออร์คมันไม่โง่ขนาดจะตกหลุมสั่วๆ ยังงั้นหรอกน่า!”
“หลุมนั่นตุ่นนายขุดเองนะ! เชื่อมั่นหน่อยสิ!”
“เอาน่า ทุกคนปลอดภัยก็ไม่เป็นไรแล้วนี่” ไซโตะเข้าไกล่เกลี่ย
เด็กสาวผมสั้นสีดำเข้าเกาะแขนของไซโตะตาเป็นประกายด้วยความชื่นชม ในเวลาเดียวกันทาบาสะก็เดินเข้ามาหาเอ็กซ์
“ดีแล้ว ที่รอดมาได้” แม้เสียงจะฟังดูไร้ความรู้สึก แต่เธอหมายความตามนั้นจริงๆ
“แต่เมื่อกี้ก็เกือบจะไม่รอดอีกแล้วล่ะครับ ขอบคุณมากนะครับที่ช่วย” ก้อนน้ำแข็งที่ปิดฉากการต่อสู้ลงนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นฝีมือเธออย่างแน่นอน
ทาบาสะส่ายหน้า
“ตอบแทนเรื่องตุ๊กตา”
เอ็กซ์ประหลาดใจแต่ก็ยิ้มให้ ในใจเขานึกว่าตุ๊กตานั่นคงจะมีความสำคัญมากจริงๆ เขาสงสัยว่าเธอเอามันไปทำอะไร แต่ก็ไม่คิดจะถามละลาบละล้วง
คีร์เก้ควักเอากระดาษเก่าๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นแผนที่อะไรบางอย่างออกมาพลางทำท่าครุ่นคิด
“เอ บอกว่าในวิหารมีแท่นบูชา และที่ใต้แท่นบูชาก็เป็นหีบสมบัติลับ แล้วข้างในคือเงินทองจำนวนมหาศาลและสมบัติล้ำค่า<บริซิงกาเมน>สร้อยคอที่ทำจากทองคำ...เอ่อ...<ทองคำที่เจิดจรัส> ว้าว! ท่าทางจะสุดยอดน่าดู! ถ้าสวมมันจะได้รับการคุ้มครองจากภัยพิบัติแล้วก็ยัง...”
ในเวลาที่คีร์เก้กำลังพล่ามนั้น เอ็กซ์ก็กำลังส่งไซเบอร์เอลฟ์ที่มีพลังคุ้มครองจากภัยพิบัติได้จริงๆ กลับไซเบอร์สเปซ
...
คืนนั้นทั้งหมดนั่งล้อมวงกองไฟกันในสวนของวิหาร พวกออร์คที่ยังมีชีวิตรอดถอยกลับไปกันหมดแล้ว และคงจะไม่เข้ามาโจมตีกลุ่มที่มีผู้ใช้เวทมนตร์ถึงสามคนแล้วยังมีจำนวนมากกว่าแน่ ทั้งหมดจึงสบายใจได้
“สมบัติที่ว่า...” กีชหยิบสร้อยคอเก่าเปื้อนฝุ่นขึ้นมองด้วยแววตารังเกียจ “...คือไอ้เนี่ย?”
กล่องสมบัติอยู่ตรงตามที่แผนที่บอกเป๊ะ ของข้างใน? เหรียญทอง(สัมฤทธิ์) : เช็ค, เครื่องประดับทอง(เหลือง) : เช็ค, สร้อยคอ(เก่าๆ สีซีด) : เช็ค
คีร์เก้นั่งทาเล็บไม่สนใจโลกขณะที่กีชโวยวาย
“เลิกเหอะคีร์เก้! แผนที่พวกนี้มันเก๊ชัดๆ!”
“เงียบซะทีเถอะน่า ฉันบอกแล้วไงว่าในแผนที่พวกนี้...” เด็กสาวหยิบออกมาม้วนกระดาษเป็นโหลๆ “...อาจจะมีของจริงอยู่ก็ได้”
“แล้วเธอไปเอามาจากไหน?”
“...ซื้อตามร้านข้างถนน...แผ่นละสองเอคิว...” คีร์เก้กลับไปนั่งทาเล็บต่อ
‘นั่นมันเก๊ไป 90% แล้วไม่ใช่เหรอ’ เอ็กซ์เหงื่อตก ก่อนจะก้มลงมองขนสัตว์ที่หัวหน้าออร์คใช้ห่มวางอยู่บนพื้น ข้างๆ เป็นโล่ลายกากบาทสีแดง ตอนนี้มันกลายเป็นโล่ธรรมดาๆ ไปแล้ว
“ว่าแต่นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
ไซโตะถามถึงความเป็นไปของเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทา ซึ่งทุกคนในนั้นก็ดูจะให้ความสนใจเช่นเดียวกัน
“คงต้องบอกว่าเป็นโชคดีที่โบสถ์ถล่มลงมาเว้นช่องว่างให้ผมพอดี...แล้วก็ร่างขององค์ชายเวลส์ด้วย...” เอ็กซ์หุบยิ้มตรงส่วนท้าย นอกจากไซโตะที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยแล้ว คนอื่นๆ ก็รู้สึกเกร็งขึ้นมา
“ตอนที่ผมตื่นขึ้นมาคงจะเป็นหลังสงครามสามวัน ผม...หนีกลับมาที่ลา โรแชลล์ จากนั้นก็เดินทางไปที่ทริสทาเนีย พักอยู่ที่นั่นสองสามวัน แล้วก็ออกเดินทางอีกครั้ง จนมาถึงที่นี่”
เหตุการณ์โดยรวมก็มีเพียงแค่นั้น เอ็กซ์หันไปยิ้มให้ไซโตะ
“เพราะพวกนายทำภารกิจได้สำเร็จ งานอภิเษกขององค์หญิงจึงปลอดภัย ทำได้ยอดเยี่ยมจริงๆ”
ไซโตะไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงที่พวกเขาเป็นคนช่วยกู้งานอภิเษกที่แม้จะจำเป็นแต่องค์หญิงไม่ต้องการ เขารู้แค่ว่าถ้าเป็นหลุยส์ก็คงจะทำหน้าเหมือนกับเขาตอนนี้...หรือมากกว่า
“รอดมาได้ก็ดีแล้วล่ะ” ไซโตะตัดสินใจพูดถึงเรื่องดีๆ ดีสำหรับเขาด้วยเช่นกัน เพราะเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาเป็นหนึงในไม่กี่คนที่เขาพูดเรื่องการเดินทางข้ามโลกของเขาด้วยได้
“จะว่าไป พอมาคิดๆ ดูแล้วก็ดวงแข็งสุดๆ ไปเลยล่ะนะ รอดชีวิตจากโบสถ์ถล่มท่ามกลางสงครามของกองทัพนับหมื่น” คีร์เก้พูดเป็นส่วนรวม ทุกคนพยักหน้า เอ็กซ์ยิ้ม
“ถ้าดวงไม่แข็งเป็นนักเดินทางไม่ได้หรอกครับ”
“ว่าแต่นายเข้ามาในป่านี้ทำไม? จะเดินทางไปที่ไหนรึเปล่า?” ไซโตะถามต่อ
“ความจริงแล้วผมเข้ามาในป่านี้ก็เพื่อทำงานที่ผู้ว่าจ้างให้มา กำจัดออร์คที่เป็นอันตรายต่อเมืองใกล้ๆ นี้”
“คนเดียวเนี่ยนะ?” กีชถามอย่างไม่เชื่อ เพราะการส่งมนุษย์คนเดียวไปหาฝูงออร์คนั้น นอกจากจะเป็นจอมเวทที่มีฝีมือสูงจริงๆ ก็มีแต่ตาย
“ที่จริงแล้วมีทหารรับจ้างมาด้วยกันกับผมอีกราวสามสิบคน แต่...”
พอเห็นซูเปอร์ออร์คแล้วก็หนีหางจุกก้นกันไปหมด ไม่ต้องพูดออกมาก็เป็นที่รู้กันดี
คืนนั้นทั้งหมดล้อมวงกันรับประทานสตูว์เนื้อฝีมือ [เซียสต้า] เมดจากโรงเรียน(ซึ่งที่นั่นเอ็กซ์เคยทำงานแลกอาหารอยู่สองวันหลังกลับจากจับฟูเก้ต์)
”อร่อยแฮะ เนื้ออะไรเนี่ย?” กีชถาม
“เนื้อออร์คค่า ^ ^”
...อีกนิดนึงก็จะคายออกมาเสียของกันหมดแล้ว มีเพียงนักเดินทางหนุ่มที่รู้ว่ามันไม่ใช่เนื้อออร์ค ทำไมน่ะหรือ? ก็เขาเคยชิมเนื้อออร์คมาก่อนน่ะสิ...ไม่ใช่ของที่จะเอามาทำอาหารได้หรอก
“เนื้อกระต่ายค่า! เนื้อกระต่าย! ฉันไปตั้งกับดักเอาไว้เองค่า!”
ค่อยสบายใจกันลงได้ เอ็กซ์กลั้นหัวเราะ คีร์เก้เขม่น
“หัวเราะอะไรของนาย?”
“เปล่าหรอกครับ เพียงแต่ผมสงสัยว่าออกมาล่าสมบัติกันทำไมเหรอครับ?”
เรื่องมันเริ่มจากเมื่อสิบสามวันก่อน ไซโตะทะเลาะกับหลุยส์และโดนไล่ออกจากห้อง(ไม่แปลก เอ็กซ์พอเดาได้ว่าต้องมีอย่างนี้บ่อย) ตั้งเต้นท์นอนที่สนามหญ้าอยู่สามวัน แล้วคีร์เก้กับเซียสต้าก็เปิดศึกชิงไซโตะ คนหนึ่งว่าให้ไปอยู่กับตัวเองที่บ้านเกิด ทำไร่องุ่นอะไรเทือกนั้น อีกคนหนึ่งบอกให้ไปอยู่ด้วยที่เยอร์มาเนีย แต่ไม่ว่าจะทางไหนก็จะพาดุ่มๆ ไปเลยไม่ได้ คุยกันไปคุยกันมาก็ได้ข้อสรุปว่าน่าจะทำให้ไซโตะได้เป็นขุนนาง และที่เยอร์มาเนียแค่มีทรัพย์สินมีที่ดินก็เป็นขุนนางได้แล้ว จึงได้ใช้แผนที่สมบัติ(ซื้อมาจากร้านข้างถนน)ออกแสวงโชคลาภ เผื่อจะมีแจ็คพอตแตก แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ได้อะไรเลย
“งั้น อีกซักที่นึง <อาภรณ์ของมังกร>ที่ตาร์บ ถ้ายังปิ๋วอีกก็กลับโรงเรียนกัน” คีร์เก้กางแผนที่ออกมา และได้รับเสียงไม่เห็นด้วยจากกีชไป แต่แน่นอน อย่างเธอมีหรือจะสนใจ
เอ็กซ์ได้ยินชื่อที่คุ้นหูก็รำลึกถึงความหลัง
‘ตาร์บ เราก็เคยไปที่นั่นนี่นะ...’ ตอนที่เขาเพิ่งเริ่มออกเดินทางแรกๆ และยังวนเวียนอยู่ในทริสเทน
เช้าตรู่วันต่อมา เอ็กซ์บอกลากับกลุ่มนักล่าสมบัติและกลับไปทางของเขา ขามาใช้เวลาสิบชั่วโมง ขากลับรู้เส้นทางคงใช้เวลาครึ่งหนึ่ง
...
“ชนชั้นสูง?”
ชายผมสีน้ำตาลตัดสั้นเลิกคิ้วขึ้น หน้าผากที่เปิดกว้างย่นเป็นรอยยาว กับชุดหรูหราทำให้ดูเป็นชนชั้นสูง
กลุ่มชายฉกรรจ์ตรงหน้าคือทหารรับจ้างที่เขาจ้างให้ไปกำจัดพวกออร์ค เขาไม่อยากให้มืออันสูงส่งต้องมาเปื้อนเลือดพวกสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำไม่มีสมอง หลังจากตกปากรับคำเป็นอย่างดีไปเมื่อวาน ตอนนี้ก็มาเล่าเหตุผลที่ต้องกลับมากันมือเปล่า
“ตอนไปถึงพวกออร์คก็ตายแล้ว!”
“มีซาลามันเดอร์ด้วย!”
“เหลือแต่หัวหน้าออร์คสู้อยู่!”
“ชนชั้นสูงไล่พวกเรามา!”
ละความจริงส่วนหนึ่งไป แต่งเรื่องขึ้นมานิดหน่อย เพื่อกลบเกลื่อนว่าตัวเองสามสิบคนหนีมาเพราะกลัวหัวหน้าออร์คตัวเดียว
เคานต์ม็อธฟังคนนู้นทีคนนี้ทีแย่งกันพูดก็รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นทุกวินาที
“พอแล้ว! สรุปว่าตอนที่พวกเจ้าไปถึง พวกออร์คก็ถูกกำจัดจนเหลือแต่หัวหน้า แล้วชนชั้นสูงที่มีซาลามันเดอร์เป็นอสูรรับใช้ก็ไล่พวกเจ้ามา อย่างนั้นสินะ!?”
พยักหน้าพร้อมกัน
“ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าก็จะไม่ได้เงินค่าจ้างไปแม้แต่แดงเดียว ไสหัวไปได้แล้ว!”
กลุ่มทหารรับจ้างคอตกกำลังจะแยกย้ายกันไป พอดีเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาเดินเข้ามาพร้อมกับโล่ลายกากบาทสีแดงสะพายหลัง
กลุ่มทหารรับจ้างยืนตะลึงตาค้างมองเด็กหนุ่มที่ตอนไปกับพวกเขาตัวคนเดียวไม่มีพรรคพวก ทั้งที่คิดว่าเดี๋ยวคงจะตาย เป็นอันลดตัวหารลงไป
แต่ตอนนี้กลับเดินดุ่มๆ แบกโล่ของสัตว์ประหลาดนั่นเข้าไปจะได้รางวัลคนเดียวอย่างนั้น
เอ็กซ์เดินเข้าไปวางโล่และแผงขนสัตว์ลงต่อหน้าผู้ว่าจ้าง
“นี่คือโล่และขนสัตว์ที่หัวหน้าของพวกออร์คใช้ครับ ออร์คถูกกำจัดและขับไล่ออกไปทั้งหมดแล้ว”
ทุกคนมองเขาอย่างตะลึงพรึงเพริด สิ่งที่เขาพูดนั้นถ้าถามคนร้อยคน ทั้งร้อยคนจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘โม้’ แม้จะมีหลักฐานให้ตรงหน้าก็ยังยากจะทำใจให้เชื่อลง
“เจ้า...หรือว่าจะเป็นผู้ใช้เวทมนตร์?” เคานต์ม็อธถามอย่างไม่แน่ใจ
“ผมก็ใช้เวทมนตร์ได้บ้างน่ะครับ” เอ็กซ์ตอบตามความจริง(ครึ่งหนึ่ง) เพราะมันจะทำให้ผลงานของเขาดูน่าเชื่อถือขึ้นด้วย
เสียงคัดค้านเริ่มดังขึ้นจากกลุ่มทหารรับจ้าง
“ชุบมือเปิบไปคนเดียวได้ไง!”
“ที่นั่นมีคนอื่นอยู่ด้วย แถมมีชนชั้นสูงกับซาลามันเดอร์อยู่อีก ยืมมือคนอื่นชัดๆ!”
“แอบเข้าไปเอาหลังจากเขาไปแล้วรึเปล่า!?”
ท่ามกลางคำกล่าวหาต่างๆ นานา เอ็กซ์เพียงแค่ยืนนิ่งไม่ส่งเสียงตอบ เป็นกิริยาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
เคานต์ม็อธไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าพวกที่โวยวายอยู่ก็แค่ริษยาเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาที่จะได้รางวัลไปคนเดียว ...แต่จะปฏิเสธว่าที่พวกทหารรับจ้างพูดไม่มีเหตุผลก็ไม่ได้ นั่นสิ เอาเป็นอย่างนั้นก็แล้วกัน
เคานต์ม็อธยิ้มเจ้าเล่ห์ เอ็กซ์รู้สึกไม่ชอบมาพากล
“คนที่ไปกับเจ้าสามสิบคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามีซาลามันเดอร์กับเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว เป็นความจริงรึเปล่า?”
เอ็กซ์รู้แล้วว่าเป็นกับดัก แต่ถึงปฏิเสธไปก็ไม่มีประโยชน์ เอ็กซ์พยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นผลงานในครั้งนี้ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นฝีมือของเจ้าจริงๆ ดังนั้นรางวัลในครั้งนี้—“
เคานต์ม็อธชะงักไปเมื่อก้มลงสบตากับเด็กหนุ่มอย่างชัดๆ เป็นครั้งแรก
รอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ฉีกกว้างขึ้นพร้อมกับที่แววตาลุกวาว เคานต์ม็อธเปลี่ยนท่าทีกะทันหัน
“เจ้าตั้งใจจะหลอกลวงข้า! ทหารจับมันไว้!”
เหตุการณ์ไม่คาดฝันสำหรับเอ็กซ์ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจากการทำงานตามได้รับว่าจ้างจะกลายเป็นโดนจับไปได้
เอ็กซ์ไม่ขัดขืน เขารู้ว่าการจับกุมครั้งนี้ไม่ถูกต้อง และจะไม่มีในบันทึกอาชญากรรมใดๆ ทั้งสิ้น แต่ถ้าหากเขาขัดขืนการจับกุม ชื่อเขาจะมีลงในบัญชีอาชญากร ดังนั้นเขาจึงตามน้ำไปก่อน
...
เอ็กซ์กวาดตามองดูห้องที่ทหารพาเขามา
ขนาดสามสิบตารางเมตร มีเตียงอย่างดีและเฟอร์นิเจอร์อีกสองสามชิ้น แถมยังอยู่ในคฤหาสน์ ไม่ใช่ในคุก ถึงประตูจะล็อกจากด้านนอกก็เถอะ
เอ็กซ์ตามเหตุการณ์ไม่ทันโดยสิ้นเชิง เริ่มไม่แน่ใจว่าควรจะหนีหรือไม่ เพราะเท่าที่ดู เหมือนเคานต์ม็อธจะมีธุระอะไรกับเขา ...แถมยังเอาดาบเขาไปไหนแล้วก็ไม่รู้
เสียงเปิดล็อกประตู เขาเดินเข้าไปหาทหารสองคน
“เตรียมตัวให้พร้อม อีกหนึ่งชั่วโมงเราจะมารับไปพบนายท่าน”
เมื่อล็อกประตูแล้วทหารทั้งสองคนก็ไป คำสั่งเอ็กซ์เข้าใจ แต่ที่ไม่เข้าใจคือสายตาสงสารที่ทหารส่งมาให้เขา เอ็กซ์ได้ยินเสียงพูดคุยดังแว่วๆ จากนอกห้อง ผู้หญิงสองคนกระซิบกระซาบกัน เสียงอยู่ไกลพอสมควร ถ้าเป็นหูคนปกติไม่มีทางได้ยิน แต่เอ็กซ์แค่แนบหูกับประตูก็จับใจความได้
“น่าสงสารจัง เด็กหน้าตาน่ารักอย่างนั้น”
“ถ้าไม่น่ารักก็คงไม่โดนเคานต์ม็อธหมายตาหรอก”
“ทำไมนะทำไม เคานต์ม็อธต้องทำอะไรแบบนี้ด้วย มันทำให้หัวใจผู้หญิงแตกสลายนะ~”
“ทำใจเถอะ ก็เคานต์ม็อธมีรสนิยมไปได้ทั้งสองทางนี่นา”
เอ็กซ์เอาหูออกจากประตู...ก่อนจะกระโดดถอยกลับมาด้วยความเร็วแสง
‘เมื่อกี้...เราฟังอะไร...เราได้ยินอะไร...?’
นี่...เอ็กซ์ไม่ได้คาดคิดแม้แต่น้อย เขาไม่ได้ถูกยัดข้อหาเพราะนายจ้างไม่อยากเสียทรัพย์...แต่ถูกจับมาให้เป็น ‘เด็ก’ ของนายจ้าง
(หึหึ ไม่นึกว่าเอ็กซ์จะเนื้อหอมในหมู่ผู้ชายนะ) ดวงแสงสีเขียวที่เอ็กซ์เรียกออกมาพูดกลั้วหัวเราะ ดวงแสงสีส้มที่อยู่ด้านหลังก็กำลังหัวเราะร่า
“หุบปากซะคาเมลีโอ มัชรูม” เอ็กซ์ตอนนี้เก็บอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ ในหัวเขาตะโกนว่า ‘หนี! หนีลูกเดียว!’
“<พลังเวท>คงใกล้หมดแล้ว อย่าลืมเตือนฉันด้วยละกัน”
(เข้าใจแล้วๆ) คาเมลีโอเอ่ยเสียงเย้า
เอ็กซ์เดินไปที่หน้าประตู ดวงแสงสีส้มเข้าไปในร่างกายของเขา จากนั้นอีกด้านของประตูก็เกิดร่างที่เส้นโครงภายนอกเหมือนเขาทุกประการ แต่ประกอบขึ้นจากข้อมูลที่รวมตัวกันหนาแน่น
ประตูถูกปลดล็อกจากด้านนอก ต่อไปเป็นพลังของดวงแสงสีเขียว ร่างกายของเอ็กซ์ค่อยๆ กลืนไปกับสภาพแวดล้อม เขาเปิดประตูออกไปอย่างเงียบเชียบ
(มีเวลาแค่สิบห้านาทีเท่านั้นนะ)
“เข้าใจแล้ว”
เอ็กซ์ในสภาพล่องหนเดินไปตามทางเดิน ประตูเรียงรายสองข้างฝั่งเป็นห้องพักอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีใครอยู่ ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องเปิดเข้าไปดู เพราะดาบน่าจะถูกนำไปเก็บไว้ที่คลังแสงหรือโรงเก็บของ
เอ็กซ์หยุดชะงักที่หน้าห้องห้องหนึ่ง มองไปที่ประตู ข้างหลังนั่นมีใครบางคนอยู่ อยู่ในโซนเดียวกับเขา บางทีอาจจะถูกจับมาเหมือนกัน เขาชั่งใจอยู่พักหนึ่งก็ตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปเผื่อว่าจะหาทางช่วยอะไรได้
หญิงสาวนั่งอยู่ที่ขอบเตียงได้ยินเสียงประตูก็หันขวับมา เส้นผมยาวสีทองสะบัดเบาๆ ดวงตาสีน้ำเงินจ้องมองประตูที่เปิดเองด้วยความพิศวง
เอ็กซ์ในสภาพล่องหนมองหญิงสาวแล้วก็เกิดความรู้สึกบางอย่าง ความรู้สึกที่คุ้นเคย
‘ผู้หญิงคนนี้...?’
--
แนะนำตัวละคร
เซียสต้า
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
เพศ : หญิง
อายุ : 17 ปี
ส่วนสูง :
น้ำหนัก : ไม่ทราบ
ชอบ : ขนมปังวอลนัทลูกพีช, นอนกลางวัน
เกลียด : สิ่งมีชีวิตที่มีหลายขา
ข้อมูล: เมดของสถานศึกษาเวทมนตร์ทริสเทน สามัญชนธรรมดาๆ คนหนึ่ง สุภาพเรียบร้อย ขี้อายนิดหน่อย จิตใจอ่อนโยน แต่บางเรื่องก็ไม่ยอมใคร ดูเอ๋อนิดๆ ในบางครั้ง
หลังจากวีรกรรมการประลองที่ลือกันทั่วในหมู่คนงานของโรงเรียน เธอก็เกิดความเคารพ ชื่นชม และชอบไซโตะ ทั้งยังกล้าเผชิญหน้ากับคีร์เก้ที่เป็นชนชั้นสูงเมื่อมีตำแหน่งคนรักของไซโตะมาเกี่ยวข้อง
--
PBW:”ตอนนี้ก็เป็นอีกตอนออริจินัลฝีมือคนเขียน สังเกตได้จากคุณภาพที่ต่างกับเวลาที่เขียนตามต้นฉบับลิบลับ...”
DX:”...เปลี่ยนชื่อสินะ เป็น PBW”
PBW:”อ่าฮะ เมื่อก่อนใช้ R แต่ตอนนี้ เนื่องจากต้องถอนชื่อกลับไปเก็บไว้เผื่อใช้ในอนาคต เลยเปลี่ยนทั้งนามปากกาทั้งชื่อเล่นคนเขียนให้มันตรงกันหมด(ตอนเก่าๆ ก็กลับไปแก้ทั้งหมดเช่นกัน แต่เรื่องเก่าๆ ไม่แก้นะ) ป้องกันความสับสนในอนาคต”
DX:”ว่าแต่ตอนนี้มันอะไรกัน มีเคานต์ม็อธ(บารอนม็อธตามพากย์ไทย)เข้ามาแจมด้วย ในไลท์โนเวลไม่มีไม่ใช่เหรอ?”
PBW:”ก็ออริจินัลเขียนเองแล้ว ถือซะว่าเป็นตัวละคนที่คนเขียนเอามาปนด้วยความออริจินัลก็ได้”
DX:”แล้วตอนท้ายมันอะไร? คำอธิบายคลุมเครือชิบ?”
PBW:”เป็นความลับที่เชื่อมโยงกับความลับอันยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก!(ยิ่งใหญ่จริงๆ ถึงเวลาแล้วจะรู้!)”
ความคิดเห็น