ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rockman X {x} Zero no Tsukaima : โลกใบใหม่

    ลำดับตอนที่ #16 : Chapter 13: ของขวัญจากภูต

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ย. 61


    ขบวนรถม้าแล่นเข้ามา เหตุผลที่คนสำคัญจะมาที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ก็มีแค่อย่างเดียว

     

    ชายวัยกลางคนแต่งตัวในลักษณะที่บอกชัดเจนว่าเป็นชนชั้นสูงก้าวลงมาจากรถม้า ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ดวงตาแข็งกระด้าง ชายคนนี้คือเคานต์เอลรอย เจ้าของที่ดินแถบนี้คนใหม่

     

    พวกเจ้าเตรียมตัว

     

    ขอรับ

     

    เคานต์เอลรอยพร้อมด้วยผู้ใช้เวทมนตร์อีกสามคนเดินไปที่หนองน้ำ ทหารที่ตามมาด้วยก็ประจำตำแหน่งควบคุมชาวบ้านไม่ให้เข้าไปยุ่ง

     

    เด็กสาวชาวบ้านยืนมองจากในฝูงชนด้วยแววตากังวล เธอกุมมือขึ้นอธิษฐาน

     

    ภูตแห่งหนองน้ำ ขอให้ท่านปลอดภัยด้วย

     

    เคานต์เอลรอยในวัยสี่สิบกำลังอยู่ในช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดในชีวิต หากเป็นทหาร อาจจะเป็นช่วงยี่สิบกลางๆ ถึงสามสิบต้นๆ ที่กำลังวังชาอยู่จุดสูงสุด แต่วัยสี่สิบนี้คือวัยที่ผู้ใช้เวทมนตร์ส่วนใหญ่ได้มาถึงจุดสูงสุดของพรสวรรค์ทางเวทมนตร์ของตัวเอง สำหรับเคานต์เอลรอย เขาอยู่ระดับสแควร์ ไม่ถึงขั้นจะเอาไปเทียบกับตำนานอย่าง [พายุยักษ์] แต่ขึ้นชื่อว่าระดับสแควร์ก็ไม่ใช่เรื่องจะพูดกันเล่นๆ ได้

     

    มีทั้งความสามารถทางเวทมนตร์ ความรอบรู้ ตำแหน่งสูงเป็นถึงเคานต์ มีที่ดินส่วนตัว ทรัพย์สมบัติก็มาก ชนชั้นสูงจะต้องการอะไรมากกว่านี้อีก

     

    เคานต์เอลรอยและผู้ใช้เวทมนตร์สามคนหยุดอยู่ที่ริมหนอง มองลงไปเห็นปลาแหวกว่ายอยู่ในน้ำ ไม่รับรู้ถึงสายตาที่มองมาที่พวกมันอย่างเย็นชา

     

    เคานต์วัยสี่สิบชูคทาขึ้นเหนือศีรษะพร้อมทั้งร่ายคาถา

     

    สายลมรุนแรงก่อตัวขึ้นเหนือผิวน้ำ ลมหมุนดูดน้ำขึ้นไปจนหนองแห้งขอด

     

    เด็กสาวชาวบ้านมองปลาที่ติดอยู่ในวังวนน้ำบนอากาศอย่างตกตะลึงและสิ้นหวัง ถ้าหากไม่มีน้ำแล้ว ภูตแห่งหนองน้ำก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเวทมนตร์เป็นสิ่งที่ทรงพลังอย่างนี้ ชนชั้นสูงจึงเป็นที่เกรงกลัว

     

    แผนการของเคานต์เอลรอยนั้นง่ายแต่มีประสิทธิภาพ ดูดน้ำออกมาจากหนอง แยกปลาออกมา แล้วใส่น้ำกลับคืน

     

    อาจคิดว่าเขาสามารถขุดหนองน้ำใหม่ให้ปลาอยู่ต่างหากได้ แต่ขนาดต้องไม่ใช่แคบๆ เรื่องยุ่งยากเปลืองทั้งเวลาและทรัพยากรแล้วยังไม่มีประโยชน์กับเขา เขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำ

     

    เอลรอย ทั้งความรู้และความสามารถในฐานะผู้นำ เจ้ามีเหนือกว่าข้านัก... แต่จะปกครองผืนดินเพียงแค่เป็นผู้นำที่เข้มแข็งยังไม่พอ...ยังมีเรื่องที่เจ้าไม่รู้อีกมาก...อย่าทำอะไรวู่วามเป็นอันขาด...

     

    เคานต์เอลรอยจำคำสั่งเสียของบิดาที่พูดอยู่บนเตียงได้แม่น เพราะเป็นคำพูดที่เขาตั้งใจจะลบล้างให้ได้ อาจเป็นเพราะสัญชาติญานของสิ่งมีชีวิตเพศชายที่ต้องการจะอยู่เหนือผู้ใด หรืออาจเป็นความหยิ่งทะนงในความสามารถที่ตัวเองมี

     

    เคานต์เอลรอยตั้งใจจะแสดงให้ผู้เป็นบิดาได้เห็น ไม่ใช่บิดาจริงๆ ที่ไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว แต่เป็นภาพของบิดาผู้ปกครองที่ดินและราษฎรอย่างโอนอ่อนที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็ก เขาจะแสดงให้บิดาคนนั้นเห็นว่าวิถีความเข้มแข็งและเด็ดขาดของเขาต่างหากที่จะทำให้ตระกูลรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่

     

    ท่านพ่อคอยดูให้ดี ข้าจะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่กว่าที่ท่านเคยเป็น

     

    ผู้ใช้เวทมนตร์ทั้งสามเริ่มท่องคาถาเพื่อแยกปลาออกจากน้ำ

     

    ไม่นะ...หมดหวังแล้ว... เด็กสาวหลับตาลง รู้สึกเจ็บปวดราวกับหัวใจเธอถูกแทงด้วยเข็มนับพัน หนองน้ำที่เธอผูกพัน หนองน้ำที่อยู่กับเธอมาตั้งแต่ลืมตาดูโลก

     

    แม้จะหลับตาแต่หูเธอยังได้ยินเสียง เป็นเสียงดังถี่รัวของอะไรบางอย่างที่ขยับด้วยความเร็วสูงและมีจำนวนมหาศาล กำลังตรงมาทางนี้ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

     

    เด็กสาวลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ และต้องเปลี่ยนเป็นเบิกกว้างอย่างตกตะลึงไม่ต่างจากคนอื่นๆ แม้แต่เคานต์เอลรอยและผู้ใช้เวทมนตร์อีกสามคนที่คุ้นเคยกับความมหัศจรรย์ของเวทมนตร์ก็ยังไม่เคยเห็นภาพที่บ้าคลั่งนี้

     

    ฝูงแมลงปอจำนวนนับไม่ถ้วน...แต่ถ้าจะให้นับก็คงมากกว่าแสน มากอย่างไม่น่าจะได้เห็นในช่วงชีวิต พุ่งออกมาจากซอกต้นไม้ตามป่าที่คนในท้องถิ่นควรจะรู้ทุกซอกทุกมุม พร้อมกับขยับปีกส่งเสียงดังน่ากลัว

     

    ผู้คนพากันหมอบต่ำหรือหลบหลังอาคารเพื่อหนีฝูงแมลงปอ เพียงเคานต์เอลรอยที่มีสติพอจะใช้กำแพงลมกั้นตัวเองทำให้ยืนอยู่ได้ มือหนึ่งจับคทาที่ยกน้ำในสระและฝูงปลาไว้บนอากาศ เคานต์วัยสี่สิบมองหายนะตรงหน้าตาไม่กะพริบ แม้ตกใจแต่สายตายังสอดส่องพฤติกรรมของฝูงแมลงปออย่างเยือกเย็น

     

    ใช้เวลาไม่นานก็สังเกตรู้ว่าเป้าหมายของฝูงแมลงปอคือพืชที่อยู่ใต้การปกป้องของหนองน้ำมาตลอด พืชที่ชื่อว่า<มุกอรุณ>

     

    เคานต์เอลรอยตัดสินใจในฉับพลัน โถมเอาน้ำกลับคืนลงไปในหนองทั้งหมดในคราวเดียว

     

    แมลงปอเป็นสิ่งมีชีวิตที่บินอยู่ในอากาศ จะบินได้ก็ต้องใช้ปีก และถ้าปีกเปียกน้ำก็ขยับตัวไม่ได้ ไม่ว่าจะสามัญชนหรือชนชั้นสูงระดับเคานต์ก็ต้องคิดอย่างเดียวกัน

     

    ดังนั้นเมื่อเห็นฝูงแมลงปอหุบปีกเข้าหาลำตัวแล้วแหวกว่ายอยู่ในน้ำอย่างคล่องแคล่ว เคานต์เอลรอยจึงช็อกจนส่งเสียงไม่ออก

     

    ในหนองน้ำเต็มไปด้วยแมลงปอจนไม่มีที่ว่าง เป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวและสะอิดสะเอียนผสมผสานกันอย่างขาดๆ เกินๆ จนแทบจะอาเจียน ในหัวเคานต์เอลรอยกรีดร้องถึงสมบัติล้ำค่าที่อยู่ใต้น้ำ แม้ในตอนนี้สมองของเคานต์เอลรอยก็ยังคิดคำนวณอย่างมีสติ และผลการคำนวณนั้นบอกว่าหมดหวังแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้ ไม่มีอะไรที่มนุษย์ผู้ไร้พลังเวทรอบข้างนี้จะทำได้

     

    แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ราวกับเหตุการณ์ในละครดำเนินไปเป็นฉากๆ อย่างเข้มข้น จู่ๆ ฝูงแมลงปอก็แตกว่อนบินหนีขึ้นจากน้ำ

     

    เคานต์เอลรอยตอนนี้สับสนจนตามเหตุการณ์ไม่ทันแล้ว แต่ก็ยังพอจะมองเห็นว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ใต้ผิวน้ำ สิ่งที่ทำให้แมลงปอทั้งฝูงตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน สิ่งนั้นแหวกว่ายอยู่ใต้ผิวน้ำ ปากที่อ้าและหุบของมันงับเอาแมลง ขบสองสามทีก่อนจะกลืนลงไป ศัตรูที่แมลงทำได้เพียงหนี สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าบนห่วงโซ่อาหาร

     

    เมื่อในหนองน้ำมีปลาที่กินพวกมันเป็นอาหารอยู่เป็นฝูง แมลงปอก็หนีขึ้นจากน้ำ บินหายไปจนหมด ส่วนที่หนีไม่ทันก็ตกเป็นเหยื่อของปลาจนหมด

     

    ฝูงแมลงปอบินหายไป บรรยากาศกลับมาเงียบสงบ น้ำในหนองยังเหลือฝุ่นฟุ้งทำให้ดูขุ่น แต่พอจะมองเห็นปลาแหวกว่ายอยู่ในน้ำที่ไร้แมลงศัตรูพืช

     

    ชาวบ้านและผู้ติดตามเคานต์เอลรอยเห็นว่าเหตุการณ์สงบลงก็ลุกขึ้นมา ต่างพิศวงว่าเกิดอะไรขึ้น

     

    เคานต์เอลรอยเป็นคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์โดยตลอด ดวงตาที่แข็งกร้าวมองปลาตัวที่เขาเห็นกินแมลงเป็นตัวแรกเมื่อครู่แหวกว่ายโดยไม่รับรู้ถึงสายตาของเขา ใบหน้าที่เคร่งขรึมนิ่งเงียบไม่ปริปาก

     

    ผู้ติดตามเข้ามาถามเคานต์เอลรอยอย่างรู้งาน

     

    ใต้เท้าขอรับ จะดำเนินการล้างหนองน้ำต่อเลยหรือเปล่าขอรับ?

     

    เคานต์เอลรอยจ้องมองหนองน้ำที่นิ่งสงบ ราวกับไม่ได้ยินเสียงพูดของผู้ติดตาม สายตาที่ใช้มองฝูงปลาที่แหวกว่ายยังคงเงียบเชียบ แต่ด้วยเจตนาที่ต่างออกไป

     

    ไม่จำเป็นแล้ว ปล่อยไว้อย่างนั้นล่ะ เคานต์เอลรอยพูดเพียงแค่นั้นแล้วก็หันหลังเดินกลับไปที่รถม้า ผู้ติดตามมองหน้ากัน ก่อนจะเดินตามไปด้วยใบหน้าสับสน

     

    พวกเจ้าทุกคน เคานต์เอลรอยหยุดเดินและหันไปพูดกับชาวบ้าน

     

    หนองน้ำนี้เป็นของข้า...พวกเจ้าจัดการดูแลให้ดีๆ อย่าให้มีอะไรขาดไปแม้แต่อย่างเดียว

     

    ชาวบ้านตกใจมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

     

    ต่อไปการเก็บมุกอรุณให้เป็นหน้าที่ของพวกเจ้า นำขึ้นมาให้ได้ตามที่ข้าสั่ง...อย่างอื่นนอกเหนือจากนั้นก็แล้วแต่พวกเจ้า

     

    ขบวนรถม้าของเคานต์เอลรอยจากไปหลังจากนั้นไม่นาน ชาวบ้านยังคงสับสนพูดคุยกันถึงคำสั่งของท่านเคานต์

     

    หมายความว่าให้พวกเขาดูแลจัดการหนองน้ำนี้ได้ตามเห็นสมควร? รวมทั้งฝูงปลาที่อาศัยอยู่ด้วย?

     

    นอกสายตาของชาวบ้านที่พูดคุยกันอย่างตื่นเต้น เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาคลี่ยิ้มแห่งความยินดีอยู่ใต้เงาไม้

     

    เหนื่อยหน่อยนะ ยัมมาค

     

    (ไม่เป็นไร แค่เรียกมา กับเสริมพลังให้นิดหน่อย ไม่ต้องควบคุมเป็นรายยูนิท ใช้พลังงานไม่มาก)

     

    ดวงแสงสีเขียวตอบ ก่อนจะส่งคลื่นแสดงความไม่แน่ใจออกมา

     

    (แต่ว่า...แน่ใจเหรอว่ามันจะจบแค่นี้?)

     

    ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก ดวงตาของชายคนนั้นเปลี่ยนไปแล้ว

     

    ...

     

    เคานต์เอลรอยมองออกไปนอกรถม้า ภาพธรรมชาติแถบชนบทที่เขาไม่ค่อยได้เห็นเพราะอยู่แต่ในคฤหาสน์ จินตนาการถึงกับเห็นด้วยตาตัวเองให้ความรู้สึกต่างกันจริงๆ

     

    ข้าเข้าใจแล้ว ท่านพ่อ สิ่งที่ท่านบอก ข้ายังมีสิ่งที่ไม่รู้อีกมากจริงๆ...

     

    ความเข้มแข็งและเด็ดขาดนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ได้ใช้ได้ในทุกสถานการณ์ ผู้นำคอยปกครองผู้ที่อยู่เบื้องล่าง แต่ก็อยู่ได้โดยกำลังของคนเหล่านั้นเช่นกัน เขาไม่นึกว่าจะได้เรียนรู้สิ่งสำคัญนี้ที่บ้านนอก ไม่ใช่ในเมืองที่เป็นแหล่งความเจริญ

     

    แต่ความปรารถนาของข้าก็ยังไม่เปลี่ยน ท่านพ่อ ซักวันข้าจะยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าที่ท่านเคยเป็น...ไม่ว่าจะในฐานะผู้นำ หรือในฐานะผู้ปกครอง

     

    ...

     

    เด็กสาวชาวบ้านยืนกุมมืออธิษฐานอยู่ที่ริมหนอง ตามองเงาสะท้อนของดวงจันทร์บนผิวน้ำ

     

    ท่านภูตแห่งหนองน้ำ ขอบพระคุณมากนะคะที่ช่วยปกป้องฝูงปลาเอาไว้

     

    เธอเพียงแค่มาอธิษฐานอย่างทุกครั้ง แต่วันนี้เด็กสาวได้เห็นสิ่งที่ไม่มีในคืนก่อนๆ

     

    ดวงแสงสีเหลืองลอยขึ้นมาจากใต้ผิวน้ำ เข้ามาหาเด็กสาวที่ตะลึงตาโต

     

    (...คำอธิษฐานของเจ้า...ข้าได้ยินทั้งหมด...)

     

    ท—ท่านภูตแห่งหนองน้ำ!” เด็กสาวทั้งตื่นเต้นและตกใจ

     

    (...ข้าต้องไปแล้ว...ฝากดูแลหนองน้ำแห่งนี้ด้วย...)

     

    เอ๋? ด—เดี๋ยวก่อนสิคะ! ท่านภูตแห่งหนองน้ำ!”

     

    ดวงแสงสีเหลืองค่อยๆ ลอยสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนจะพุ่งหายไปอย่างรวดเร็ว

     

    เด็กสาวมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาว ริมฝีปากเธอคลี่ออกเป็นรอยยิ้ม

     

    ขอบพระคุณมากนะคะ ท่านภูตแห่งหนองน้ำ บุญคุณของท่าน ข้าจะไม่มีวันลืม

     

    เด็กสาวเดินจากไปด้วยใจอันเปี่ยมสุข แม้จะเหงาที่จากนี้ไปจะไม่มีใครมาคอยรับฟังคำอธิษฐานจากเธอ แต่อย่างน้อยได้รู้ว่าคำอธิษฐานที่ผ่านมามีผู้รับรู้ เธอก็พอใจแล้ว

     

    บรรยากาศริมหนองน้ำเงียบสงัด เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณนี้ เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาก็ก้าวออกมาจากหลังต้นไม้ สูดอากาศให้ผิวได้สัมผัสความชื้นยามค่ำคืนของหนองน้ำ

     

    สดชื่นดีจัง นายปกป้องสิ่งที่สวยงามไว้ได้แล้วนะ แครบลอส

     

    ดวงแสงสีเหลืองที่พุ่งหายไปเมื่อกี้ปรากฏขึ้นข้างๆ เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทา

     

    (...ขอบคุณมาก...เอ็กซ์...ฉันพร้อมแล้ว...)

     

    อุโมงค์มิติสีเขียวปรากฏขึ้น และปิดลงหลังจากดวงแสงสีเหลืองผ่านเข้าไป

     

    เอ็กซ์ยิ้มกับตัวเอง เขารู้สึกดีใจที่ได้เห็นศัตรูเก่าเปลี่ยนแปลงไป ได้เห็นโลกนี้เยียวยาจิตใจที่ถูกตราหน้าว่าเป็นศัตรูของมนุษยชาติ เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าเผ่าพันธุ์ของพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงเครื่องจักร

     

    เอาล่ะ เราเองก็ต้องทำหน้าที่ของเราบ้างแล้ว

     

    ทุกคนอาจจะลืมไปแล้ว แต่มีคนป่วยที่รอเขาอยู่

     

    ว่าแต่วันนี้เหนื่อยจริงๆ...พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับดีกว่า...

     

    แต่เขารู้สึกอยากจะไปนอน...เอาน่ะ คอยเพิ่มอีกสักห้าหกชั่วโมงคงไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่โรคคอขาดบาดตายเสียหน่อย

     

    ...

     

    สิบแปดชั่วโมงผ่านไปไวเพียงสามเครื่องหมายมหัพภาค

     

    เอ็กซ์ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตรู่และออกเดินทางจากหมู่บ้าน ตกเย็นก็กลับมาถึงทริสทาเนีย

     

    ตะวันใกล้ตกดิน ท้องฟ้าเป็นสีส้ม บัดนี้อยู่ที่หน้าสถานที่ที่ชื่อว่า [ภูตน้อยเจ้าเสน่ห์] ซึ่งก็คือโรงเตี๊ยมที่ชั้นล่างเป็นร้านอาหาร ที่ที่เขาจะต้องนำ<มุกอรุณ>มาส่ง

     

    เปิดประตูเข้าไป ด้านในเพิ่งจะเริ่มจัดร้าน เด็กสาวผมดำในชุดผ้าธรรมดาๆ ผ้าคลุมผมแม่บ้าน กระโปรงยาวถึงข้อเท้า เจสสิก้าเห็นเขาก็รี่เข้ามาถามด้วยใบหน้ามีความหวัง

     

    ได้มารึเปล่า?

     

    เอ็กซ์พยักหน้าและหยิบเอาพืชขวดที่ดอกเป็นทรงกลมสีขาวนวลให้ดูด้วยรอยยิ้ม

     

    ...

     

    บนห้อง หมอนั่งอยู่ข้างเตียงของคนป่วย ดูอาการแล้วก็ส่ายหน้า

     

    ไม่ไหว เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้นเนือยๆ ถ้าไม่มีสมุนไพรนั่นก็ทำได้แค่ประคองอาการเอาไว้...

     

    ประตูห้องเปิดออก คนสองคนก้าวเข้ามา คนหนึ่งเป็นลูกสาวผู้ป่วย อีกคนหนึ่งเป็นเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาที่ไม่เคยเห็นหน้า

     

    คุณหมอ! นี่ใช่มั้ยคะที่ต้องใช้!” เธอยื่นสมุนไพรในขวดแก้วให้ หมอตาโต

     

    ใช่! ใช่แล้ว นี่ล่ะมุกอรุณ! ไปหามาได้ยังไงกัน?!”

     

    ผมก็...ไปถึงสถานที่เก็บ...มีปัญหาเรื่องการขนส่งนิดหน่อย เดี๋ยวก็วางขายตามปกติแล้วล่ะมั้งครับ? เอ็กซ์พูดความจริงแต่พูดไม่หมด อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับการรักษาคนป่วย

     

    หมอเปิดกระเป๋าอุปกรณ์ หยิบสมุนไพรส่วนหนึ่งมาบดด้วยแท่นบดยา และผสมลงในน้ำอุ่นให้คนป่วยดื่ม

     

    ดอกของมันไม่ต้องใช้ ใช้แค่ใบก็พอ บดแบบนี้ผสมน้ำอุ่นให้ดื่มเช้ากับก่อนนอนไม่เกินสามวันอาการจะดีขึ้นทันตา หลังจากที่ร่างกายแข็งแรงแล้วอาการหวัดก็จะค่อยๆ หายเองตามปกติ หมออธิบายทิ้งท้ายก่อนจะขอตัว

     

    เจสสิก้าขอบคุณและลาหมอที่หน้าร้าน เมื่อหมอไปแล้วก็หันไปทางเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทา

     

    ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่ได้คุณ ป๊ะป๋าแย่แน่ ถ้ามีอะไรที่ตอบแทนได้ล่ะก็...

     

    ถ้าเป็นของตอบแทนล่ะก็... เอ็กซ์กำลังจะพูดว่าไม่เป็นไร แต่แล้วเขาก็นึกอะไรขึ้นได้

     

    ...มุกอรุณ ผมขอดอกของมันได้มั้ยครับ

     

    ? เชิญเลยค่ะ?

     

    ...

     

    อังริเอตต้ากลับเข้ามาในห้องนอนของเธอ

     

    ชุดกระโปรงสีขาวและเสื้อคลุมไหล่สีม่วงของเธอยังอยู่ในสภาพเรียบร้อยแม้เวลาจะผ่านมาทั้งวัน แต่ใจของเธอนั้นอาจไม่เป็นอย่างเดียวกัน

     

    เธอนั่งลงที่โต๊ะเครื่องแป้ง เปิดลิ้นชัก ข้างในเป็นกล่องกำมะหยี่สีม่วงกล่องเล็กๆ เธอหยิบแหวนที่ประดับด้วยอัญมณีสีม่วงออกมาลูบคลำ พลันน้ำตาก็ร่วงหล่น

     

    ด้านนอก เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทายืนพิงผนังข้างประตูระเบียง หลับตาฟังเสียงสะอื้นที่ดังมาจากภายใน

     

    เป็นเรื่องน่าละอายที่จะพูด แต่อังริเอตต้าคนนี้ไม่ใช่คนที่เขารู้จัก แม้จะโศกเศร้าและหลงทางเพราะคนที่รักจากไปเหมือนกับครั้งแรกที่เขาพบเธอเมื่อเก้าปีก่อน แต่เขาปลอบเธอคนนี้ไม่ได้ น้ำตาของเธอหลั่งเพราะองค์ชายเวลส์ องค์ชายเท่านั้นที่หยุดน้ำตานี้ได้ เขาไม่ใช่องค์ชาย สำหรับเธอในตอนนี้เขา...ไม่ใช่ใครเลย

     

    ...

     

    ดึกดื่นค่อนคืนแล้ว ไฟในห้องปิดมืด ประตูระเบียงถูกล็อกจากด้านใน ผู้อาศัยก็เข้านอนเรียบร้อย แต่ยังไม่หลับ บนยอดหอคอยที่เงียบสงัดนี้ เสียงที่แทรกมากับสายลมมีเพียงเสียงสะอื้นของเด็กสาวที่อยู่ในห้อง เอ็กซ์ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ในท่าเดิม ฟังเสียงเสียงเดิม และยังวนเวียนคิดอยู่เรื่องเดิม

     

    ...ได้เวลาแล้ว... เขาหยิบดอกมุกอรุณออกมาหลังจากลังเลอยู่นาน เวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด ถ้าหากไม่ทำตอนนี้ก็ไม่มีอีกแล้ว

     

    อังริเอตต้าซุกหน้าอยู่กับหมอนที่เปียกชื้น เสียงกุกกักดังขึ้น ตามด้วยเสียงประตูระเบียงของเธอเปิดออก กลิ่นหอมโชยมาในอากาศ ทำให้เธอรู้สึกเบาหวิว เหมือนอยู่ในความฝัน

     

    เธอเงยหน้าขึ้นมองไปที่ประตู ร่างหนึ่งยืนอยู่ แสงจันทร์จากภายนอกทำให้มองเห็นได้เพียงสลัวๆ แต่ร่างนั้นดูเหมือนจะเป็นชายหนุ่ม และกำลังเดินเข้ามาหาเธอ ถ้าเป็นยามปกติอังริเอตต้าคงจะรีบหนีออกไปทางประตู แต่เวลานี้เธอรู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์

     

    ร่างในเงามืดก้าวมาถึงจุดที่แสงส่อง สวมเสื้อคลุมยาวสีน้ำเงินที่เธอคุ้นตา ใบหน้าขาวและเส้นผมสีทองสะท้อนแสงจันทร์ส่งยิ้มให้กับเธอ อังริเอตต้าจะลึงงัน ตาเบิกกว้าง ปากอ้าค้างพูดไม่ออก

     

    ท...ท่านเวลส์...

     

    อังริเอตต้า...

     

    ...

     

    ค่ำคืนล่วงเลยไป ภายในห้องที่เงียบสงัด ฟุ้งด้วยกลิ่นหอมที่ราวกับหลุดมาจากเทพนิยาย ทำให้จิตใจสงบผ่อนคลาย ร่างของเด็กหนุ่มผมสีทองนั่งอยู่บนเตียงสีขาว หลังพิงหัวเตียง สองแขนโอบตัวเด็กสาวผมสีน้ำตาลเกาลัดเอาไว้หลวมๆ

     

    ทั้งคู่นั่งอยู่อย่างนั้นโดยไม่ปริปากใดๆ มือของเด็กหนุ่มเพียงลูบเส้นผมที่นุ่มสลวยของเด็กสาวเป็นครั้งคราว

     

    ...นี่เป็น...ความฝันเหรอคะ... เด็กสาวกลั้นใจถามออกมาได้ในที่สุด

     

    เด็กหนุ่มเพียงแต่ยิ้มและพยักหน้า เด็กสาวก้มหน้าลง

     

    อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ เจ้าไม่ดีใจเหรอที่ได้พบข้า เวลส์ยิ้มอย่างอ่อนโยน

     

    ข้า...ดีใจ แต่ว่า...ท่านเวลส์ก็จะหายไปอีก... อังริเอตต้าเอ่ยด้วยเสียงที่สั่นเครือ เวลส์ส่ายหน้า

     

    เปล่าเลย อังริเอตต้า ข้าไม่ได้หายไปไหน ตราบเท่าที่ยังมีผู้ที่จำข้าได้ ตราบเท่าที่เจ้ายังไม่ลืม ข้าก็จะยังคงอยู่

     

    ...

     

    แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ข้างกาย ไม่ได้พบกันต่อหน้า ไม่ได้สัมผัสกันและกัน แต่ข้าก็ยังคงอยู่ ความตายไม่ทำให้คนหายไปหรอกนะ สิ่งที่ข้าคิด สิ่งที่ข้าทำ มันยังอยู่ในใจของผู้คน ก่อนตายได้ทำสิ่งที่ไม่คิดเสียใจภายหลังเอาไว้ เป็นหลักฐานว่าเราเคยมีชีวิตอยู่

     

    เสียงสะอื้นดังขึ้นอย่างเงียบเชียบ เขากอดเด็กสาวแน่นขึ้นอีก

     

    หากเจ้าคิดถึงข้า อังริเอตต้า ไม่ต้องมองไปไหนไกล มองดูตัวเจ้าเองในกระจก ในตัวของเจ้ามีข้าอยู่ด้วย เมื่อเจ้าก้าวเดิน เมื่อเจ้ายิ้ม เมื่อเจ้าร้องไห้ มีข้าอยู่ด้วยเสมอ ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น ทุกคนที่เจ้าได้พบมา ทุกคนอยู่ในตัวของเจ้า เช่นเดียวกับที่ข้ามีเจ้าและทุกๆ คนอยู่ด้วยเสมอ

     

    เด็กสาวพลิกตัวหันกลับไปสวมกอดเด็กหนุ่มอย่างแนบแน่นพร้อมกับซบใบหน้าที่นองน้ำตาลงบนแผงอกอันอบอุ่น เสียงสะอื้นเบาๆ ดังท่ามกลางความเงียบสงัด เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน แม้มองไม่เห็นแต่เธอรู้สึกได้

     

    เข้มแข็งนะ อังริเอตต้า เพื่อข้าและทุกคนที่อยู่กับเจ้าเสมอ

     

    อังริเอตต้ารู้สึกว่าตาเธอเริ่มปิด และร่างของเธอเอนลงบนเตียง ผ้าถูกดึงขึ้นมาห่มให้กับเธอ เวลส์จุมพิตที่หน้าผากขาวเนียนอย่างแผ่วเบา

     

    ราตรีสวัสดิ์อังริเอตต้า ตื่นขึ้นมาแล้วอย่าลืมมองในกระจกล่ะ ข้าอยู่กับเจ้าเสมอ

     

    ดอกไม้สีขาวนวล ถูกวางลงที่ข้างหมอนตรงหน้าเธอ เด็กสาวเข้าสู่ห้วงนิทรา...

     

    ...

     

    .....

     

    แสงแดดส่องให้สัญญาณเช้าอันสดใส เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วดังลอดเข้ามาทางระเบียง

     

    อังริเอตต้าลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เธอคิดถึงก็คือเรื่องเมื่อคืน

     

    ท่านเวลส์...มาหาเรา... เป็นความฝัน เธอคิดแบบนั้น และใช้แขนค้ำดันตัวเองลุกขึ้น มือของเธอสัมผัสโดนสิ่งที่อยู่ข้างหมอน เธอหันไปมอง แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา แต่เพียงแค่หยดเดียว

     

    ดอกไม้สีขาวนวลเหมือนไข่มุกวางอยู่ที่ข้างหมอน กลีบที่เคยสวยงามเริ่มจะเหี่ยวและกลิ่นของมันก็เริ่มจาง แต่เธอยังจำได้ เป็นดอกไม้ดอกเดียวกับเมื่อคืน เธอหยิบของทั้งสองขึ้นมากุมไว้ที่อก

    อังริเอตต้าลงจากเตียงไปที่หน้าโต๊ะกระจก บรรจงสวมแหวนที่อยู่ในมือ กระจกใสสะท้อนภาพของเด็กสาวผมสีน้ำตาลเกาลัด แหวนที่นิ้วนางซ้ายและดอกไม้สีขาวกุมไว้ที่อก ริมฝีปากของเด็กสาวในกระจกคลี่ออกบางๆ

     

    ท่านเวลส์...ข้า...จะเข้มแข็ง...

     

    ที่ด้านนอกระเบียง เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทายืนพิงอยู่ข้างประตู เขาหลับตาลงและยิ้มอย่างพึงพอใจ ดอกของมุกอรุณ เมื่อผิงกับไฟก็จะปล่อยกลิ่นออกมา มีฤทธิ์ช่วยให้ประสาทผ่อนคลาย มันเขียนเอาไว้ในสารานุกรมที่เขาใช้หาข้อมูล แม้ว่าจะต้องใช้คามีเลียนเชนจ์และยังต้องแสดงละครเป็นคนที่เคยเจอเพียงสองครั้ง

     

    ใช่ เขาหลอกอังริเอตต้า ให้เธอหลงไปกับภาพลวง แต่...มันก็คุ้มค่าไม่ใช่หรือ? ความจริงไม่ใช่สิ่งที่สมบูรณ์ บางครั้งความเชื่อในภาพลวงตาก็ช่วยให้คนสามารถผ่านพ้นความทุกข์ทรมานไปได้ เขาเลือกแบบนั้นมากกว่าจะให้อังริเอตต้าจมอยู่ในความโศกเศร้า มากกว่าที่จะเข้าไปปลอบด้วยตัวเอง

     

    แต่เท่านี้อังริเอตต้าก็ไม่เป็นไรแล้ว เขาไม่ได้โกหก เวลส์ยังคงอยู่กับอังริเอตต้าเสมอ การที่เธอได้พบกับองค์ชายเวลส์ในวันนั้นทำให้เธอเป็นคนที่เธอเป็นในวันนี้ <อังริเอตต้าของเขา>ไม่มีวันกลับคืนมาได้ หน้าที่ของเขา...ไม่มีอยู่อีกต่อไป

     

    ลาก่อน...

     

    อังริเอตต้าเงยหน้าขึ้น

     

    เมื่อกี้นี้ เสียง...

     

    เธอเปิดประตูออกไปที่ระเบียง แต่ก็ไม่มีใคร

     

    มองลงไปยังเบื้องล่าง ภาพของอาคารบ้านเรือนในยามเช้า ผู้คนเดินกันขวักไขว่ แสงแดดที่อบอุ่น สายลมเย็นๆ พัดมา เธอยิ้ม กุมดอกไม้สีขาวนวลไว้กับอก

     

    เธออาจจะหูฝาดไปเอง ตอนนี้เธอมีเรื่องที่ต้องทำ เริ่มจากอาบน้ำ ทำกิจวัตรส่วนตัวให้เรียบร้อย แล้วก็เป็นงานขององค์หญิง ฮึ่ม ปวดมือเซ็นเอกสาร ปากกาหมึกจะหมดแล้วยังไม่ได้เปลี่ยนเลย พวกขุนนางหัวดื้อก็พูดด้วยยากเหลือเกิน แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะก้าวเดินของเธอ...มีใครหลายๆ คนอยู่ด้วย

     

    ...

     

    .....

     

    เป็นเวลายี่สิบวันนับจากคณะเดินทางได้กลับมาจากภารกิจที่อัลเบี้ยน มกุฎราชกุมารีแห่งทริสเทนตอบตกลงการอภิเษกกับจักรพรรดิอัลเบร็ชท์ที่สามแห่งเยอร์มาเนียอย่างเป็นทางการ การอภิเษกได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการ งานจะจัดขึ้นในเดือนที่จะถึง เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนการลงสัญญาเชื่อมสัมพันธ์ทางการทหาร ซึ่งจะมีขึ้นในเมืองหลวงของเยอร์มาเนีย วินโดโบนา เอกสารข้อตกลงจะถูกเซ็นโดยองค์มุขมนตรีแห่งทริสเทน คาร์ดินัลมาซารินิ

     

    คณะปกครองใหม่ของอัลเบี้ยนซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการได้มีอายุครบยี่สิบเอ็ดวัน ทันทีที่ข่าวการตอบตกลงอภิเษกแพร่ออกไป ความตึงเครียดปะทุขึ้นระหว่างสองฝ่าย ทว่าจักรพรรดิองค์แรกของอัลเบี้ยนใหม่ จักรพรรดิครอมเวลส่งทูตมาทางทริสเทนและเยอร์มาเนียเพื่อขอเจรจาสงบศึก หากต้องสู้รบกันจริง กำลังทางอากาศของทริสเทนและเยอร์มาเนียรวมกันก็ยังไม่ทัดเทียมกับอัลเบี้ยน สนธิสัญญาที่เหมือนกับมีมีดจ่อคอนี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

     

    ทว่าสันติสุขมีอยู่เพียงเปลือกนอกเท่านั้น เหล่าผู้ที่มีตำแหน่งในการเมืองหลับตาไม่ลงในตอนกลางคืน แม้แต่เหล่าสามัญชนก็ใช้ชีวิตอย่างระแวดระวังในแต่ละวัน

     

    เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทานั่งอยู่ในร้านอาหาร<ภูตน้อยเจ้าเสน่ห์>ไม่มีสาวเสิร์ฟที่ไหนมานั่งเป็นเพื่อน เขารู้จักมักจี่กับคนที่ร้านดีแล้ว จึงอยู่อย่างสงบได้(แถมได้กินฟรีอยู่ฟรีตลอดสามวันที่ผ่านมาแล้วอีกต่างหาก)

     

    เขานั่งฟังคนที่วิ่งเข้ามาในร้านประกาศข่าวอันน่ายินดีเสียงดังลั่น ดูเหมือนพวกขี้เมาจะใช้เป็นเหตุผลในการชนแก้วกันอีกจนได้ แต่จากนี้ไปงานอาจจะหนักหน่อย เพราะมีเวลาเตรียมงานฉลองในเมืองหลวงนี้เพียงสามสัปดาห์เท่านั้น

     

    งานอภิเษกเหรอ...? เขาไม่ได้กำลังลังเลว่าควรปล่อยให้อังริเอตต้าแต่งงานจริงไหม แต่กำลังคิดว่าเขาจะไปร่วมงานด้วยหรือเปล่า(ถ้าจะทำจริงก็แอบเข้าไปได้ไม่ยาก) องค์หญิงตัดสินใจดีแล้ว เขาไม่มีสิทธิ์และไม่คิดจะเข้าไปยุ่ง เอ็กซ์ส่ายหน้า

     

    ไม่ล่ะ เราเองก็มีเรื่องที่เราต้องทำ เรื่องทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ขององค์หญิงอังริเอตต้าอย่างที่มันควรจะเป็น ดีที่สุดแล้ว

     

    (...เอ็กซ์...)

     

    มาเธอร์เอลฟ์? จับสัมผัสไซเบอร์เอลฟ์ได้เหรอ?

     

    (...สัมผัส...อยู่ทาง...)

     

    เอ็กซ์ลุกขึ้น เรื่องระหว่างเขากับอังริเอตต้าทั้งในอดีตและปัจจุบันจบแล้ว เส้นทางสองสายที่วิ่งอยู่ใกล้กันมาตลอดเพราะใจที่ยึดติดของเขา ในที่สุดต่างก็ก็แยกไปตามเป้าหมายของตัวเอง ที่เขาและเธอจะต้องทำให้สำเร็จ

     

    เอาล่ะ เราก็ต้องไปบ้างแล้ว

     

    --

     

    แนะนำตัวละคร

     


    เจสสิก้า

    เผ่าพันธุ์ : มนุษย์

    เพศ : หญิง

    อายุ : ราว 16 ปี

    ส่วนสูง : ไม่ทราบ

    น้ำหนัก : ไม่ทราบ

    ชอบ : ไม่ทราบ

    เกลียด : ไม่ทราบ

     

    ข้อมูล : พนักงานถาวรของโรงเตี๊ยมภูตน้อยเจ้าเสน่ห์ ลูกสาวของซ้อใหญ่สคาร์รอน โดยรวมแล้วเป็นคนดี ค่อนข้างเป็นสาวมั่น โดยเฉพาะเมื่อมีรูปร่างจัดอยู่ในขั้นดีก็ชอบจะใช้ให้เป็นประโยชน์ ลูกดัดจริตจะก้านดีเลิศ

     

    สคาร์รอน

    เผ่าพันธุ์ : มนุษย์

    เพศ : ชาย

    อายุ : ไม่ทราบ

    ส่วนสูง : ไม่ทราบ

    น้ำหนัก : ไม่ทราบ

    ชอบ : อะไรที่น่ารัก(ทั้งสิ่งมีชีวิตและวัตถุ)

    เกลียด : ความไม่เอาการเอางาน

     

    ข้อมูล : ผู้จัดการไม่ใช่สิ ซ้อใหญ่ของโรงเตี๊ยม [ภูตน้อยเจ้าเสน่ห์] เป็นพ่อของเจสสิก้า บุคลิกตุ้งติ้ง แต่เป็นคนคอยจัดการเวลามีปัญหาในร้าน ในมุมหนึ่งจะว่าสมชายยิ่งกว่าผู้ชายแท้ๆ ก็ได้

     

    --

     

    PBW:”ก่อนอื่นเลยต้องกราบขออภัยที่คนเขียนทำตัวเป็นไอ้ตอแหลปากพล่อยสัญญาไปทั่วแล้วรักษาไม่ได้

     

    DX:”คราวนี้มันขอโทษจริงๆ แล้วครับ ไม่ได้เล่นมุกเลย เจ้านี่มันรู้ตัวว่าผิดสัญญามากเกินไปแล้ว

     

    PBW:”อาจเป็นข้อแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้น แต่ตอนที่คนเขียนอัพตอนที่แล้วลงไปนั้น คนเขียนเชื่อจริงๆ ว่า I’m free แล้ว แต่วันต่อมาก็ต้องพบกับความจริงที่โหดร้ายว่าอาทิตย์ต่อมาเป็นกีฬาน้องใหม่ คนเขียนลงครอสเวิร์ด ซ้อมตั้งแต่หลังเลิกเรียนกลับหอห้าทุ่มครึ่งทุกวัน(ไม่ได้โม้ ขึ้นมหาลัยกันมาแล้วจะรู้) เพิ่งจะแข่งไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเวลาว่างในขณะนั้นก็...เอาไปลงฟิคอีกเรื่อง(คือเรื่องนี้ต้องหัวแล่นถึงจะแต่งได้ ส่วนเรื่องใหม่นั่นมีโครงมาให้อยู่แล้ว) แต่ในที่สุดคนเขียนก็กลับมาแล้ว คราวนี้สัญญาไม่ได้ว่าจะสามวันถึงอาทิตย์นึงไปตลอด แต่ยืนยันได้ว่าสำหรับบางตอนอาจจะลงได้ในอาทิตย์เดียวจริง ขึ้นกับปริมาณงานของคนเขียน และความเมตตาของอินเทอร์เน็ตไวไฟในหอที่หลุดบ้างติดบ้าง ช้าบ้างเร็วบ้างตามอารมณ์ของมัน

     

    DX:”ไม่ต้องห่วงว่าฟิคนี้จะโดนดองค้างเติ่ง เพราะฟิคที่น่าเป็นห่วงว่าจะโดนดองคือฟิคที่เพิ่งจะเปิดใหม่แล้วมีแค่สองตอนมากกว่า เรื่องนั้นต้องปรับเนื้อหาจนถึงแก่นเลยทีเดียว ไม่งั้นลงโดยไม่โดนแบนไม่ได้...

     

    PBW:”เข้าเรื่องๆ สำหรับตอนนี้รวมถึงตอนที่แล้วเมคเอาเองแบบสุดกู่ เพราะจริงๆ ในไลท์โนเวลช่วงนี้ต้องตามไซโตะกับหลุยส์กลับไปที่โรงเรียน

     

    DX:”เฮ้ย ในตอนนั่นเจ้าเอ็กซ์ใช้พลังของยัมมาคเรียกแมลงปอจริงๆ ได้ แถมยังเปลี่ยนรูปร่างและเสียงไปทั้งตัวอีกตะหาก นี่มันเกินความสามารถของอาวุธจากบอสไปไกลแล้วนะ?

     

    PBW:”คำอธิบายเดียวกับ<เวทมนตร์>นั่นล่ะ รอไปก่อน

     

    DX:”บ๊ะ คิดไว้เยอะเลยเหรอเนี่ย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×