คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Chapter 12: ปัญหาของโรงเตี๊ยม
ทริสทาเนียเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรทริสเทน แม้อยู่ในอาณาจักรเล็กๆ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวง เรื่องความครึกครื้นไม่ต้องพูดถึง
เอ็กซ์เดินไปบนถนนที่มีผู้คนขวักไขว่ เทียบกับแถบชานเมืองที่เขาเคยไปเยือนร้านขายอาวุธแล้ว ถนนที่นี่ทั้งดูกว้างกว่า และอาคารก็ดูให้ความเป็นเมืองมากกว่า
เขากวาดตาดูไปรอบๆ มองเห็นผู้คนใช้ชีวิตกันตามปกติ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ
‘แปลก ตั้งแต่เราได้ยินที่ลา โรแชลล์ว่าลงสรุปเชื่อมสัมพันธมิตรเรียบร้อยก็ตั้งสิบวันมาแล้ว ป่านนี้น่าจะเริ่มฉลองหรืออย่างน้อยก็เตรียมตัวฉลองกันแล้ว’
หรือว่าว่ามีเรื่องอะไรที่ทำให้ต้องหยุดชะงักไปแม้จะประกาศเชื่อมสัมพันธ์ไปแล้ว?
เอ็กซ์ตัดสินใจว่าจะไปถามพวกไซโตะให้รู้เรื่อง เพื่อการนั้นก็ต้องไปที่โรงเรียน
‘แต่ว่านี่มันก็ใกล้จะเย็นแล้ว แถมวันนี้ทั้งวันอาหารเพิ่งตกถึงท้องแค่มื้อเช้ามื้อเดียว’
เขาจึงเริ่มออกตามหาโรงแรม หาที่พักและมื้อเย็น
...
เอ็กซ์เดินมาถึงน้ำพุเล็กๆ แห่งหนึ่งในเมือง ดวงตะวันที่ลับไปแล้วทิ้งแสงจางๆ ไว้บนท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยหมู่เมฆครึ้ม
เขาตามหาที่พักมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว โรงแรมในเมืองหลวงหายากขนาดนั้นเชียว? ไม่ใช่หรอก ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่ามีโรงแรมหรือไม่มี ประเด็นมันอยู่ที่...
‘...ซื้อดาบไปคราวนั้นเล่นเอาเบาหวิวเลย’ เอ็กซ์หมายถึงกระเป๋าด้านในเสื้อคลุมที่เขาใช้เก็บเงิน ดูจากจำนวนที่เขาเหลืออยู่แล้ว เขามีสองทางเลือก: อาหาร หรือที่พัก
นั่งลงที่ขอบน้ำพุ เขามองดูถนนที่แยกออกไปหลายทาง ดูเหมือนจะมีตัวเลือกเยอะแยะ แต่ความจริงก็คือเขาไปเดินดูมาเกือบหมดแล้ว
ที่ที่เขาอยู่ตอนนี้อยู่ห่างจากพระราชวังพอสมควร รอบข้างยังเป็นสิ่งก่อสร้างสไตล์เดียวกันชั้นเดียวบ้างสองชั้นบ้างเรียงแถวในลักษณะคล้ายๆ กัน แต่ทั้งตำแหน่งการตั้งและจำนวนคนนั้นเบาบางกว่าอย่างเห็นได้ชัด
สาเหตุที่เขาไม่ไปหาที่พักไกลจากที่นี่ก็เพราะว่า...บริเวณใกล้กับปราสาทเป็นย่านการค้าใหญ่ ถ้าไปดูแถวนั้นล่ะก็ จะเจอที่พักที่ราคาแพงกว่าแถวนี้สองหรือสามเท่าได้โดยไม่ต้องออกแรง
‘ยังหรอก ยังเหลือที่ที่ยังไม่ได้ไปดูอีกอยู่ อย่าเพิ่งยอมแพ้...!’ เพื่อประหยัดเงินในกระเป๋า เขาเต็มที่อยู่แล้ว!
เอ็กซ์เลือกถนนที่ยังไม่เคยไปเดินดูจากแยกน้ำพุ ใจหนึ่งก็ยังมีความหวัง แต่อีกใจหนึ่งก็เตรียมใจนอนข้างถนนไว้แล้ว(หวังว่าคงไม่เป็นการทำลายภาพพจน์จนเกินไป)
เดินไปได้ยังไม่ทันไร เขารู้สึกเหมือนมีอะไรเย็นๆ แตะที่คอ เอ็กซ์หงายมือขึ้น มองดูหยดน้ำที่ตกลงมาบนฝ่ามือ เริ่มจากสองสามหยด แล้วก็มาเป็นสาย
เขามองหาที่ที่พอจะหลบฝนได้ แล้วก็พบกับอาคารสองชั้นหลังหนึ่ง ประตูเป็นแบบบานพับสองบานดีดปิดเองได้ ตะเกียงแขวนอยู่สองข้างประตูยังสว่างไสว ผิดกับอาคารอื่นๆ ในละแวกใกล้เคียงที่ปิดมืดกันไปหมดแล้ว เขาตัดสินใจผ่านประตูเข้าไปขณะที่ฝนยังตกพรำๆ
เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาที่เสื้อผ้าชื้นฝนกวาดตามองทั่วร้าน
เป็นโรงเตี๊ยมที่พื้นทำด้วยไม้ ผนังทำด้วยปูน บริเวณค่อนข้างกว้าง และเช่นโรงเตี๊ยมทั่วไป คือเป็นร้านอาหารในตัว โต๊ะเก้าอี้ไม้วางกระจายห่างกันพอประมาณอย่างเป็นระบบระเบียบ มีเคาน์เตอร์ที่พนักงานของร้านยืนดูแลอยู่ ประตูด้านหลังดูจะเชื่อมเข้าไปในห้องครัว และที่มุมหนึ่งของห้องซึ่งอยู่ห่างไกลผู้คนก็เป็นประตูอีกบานหนึ่ง คงเป็นบันไดขึ้นไปส่วนที่เป็นห้องพักบนชั้นสอง และอาจเป็นห้องพักของพนักงานด้วย พูดถึงพนักงาน...
‘ทำไม...ถึงสวมชุดอย่างนั้นกัน?’
ชุด<อย่างนั้น>คือไม่ใช่ชุดพนักงานเสริฟทั่ว ไป เป็นชุดที่ประกอบขึ้นจากเสื้อผ้าหลายชิ้น แต่ปกปิดร่างกายได้ไม่เท่าเสื้อคลุมตัวเดียว มีถุงมือและถุงเท้ายาว ชุดกระโปรงสั้นกระจิดหลากสีเปิดหัวไหล่และต้นขา โบว์สีดำอันใหญ่ที่กลางหลัง ที่คาดผมหนึ่งอัน รองเท้าหุ้มส้น สายรัดที่ต้นขาขวา เสื้อผ้าทุกชิ้นมีชายเป็นระบายผ้าสีขาวเหมือนกันทุกคน เนื้อผ้าแนบผิวโค้งเว้าไปตามสัดส่วนของร่างกาย เป็นที่เจริญตาแก่ผู้พบเห็น และรอยยิ้มสดใสที่แย้มอย่างเชี่ยวชาญก็ช่วยยกบรรยากาศในร้านให้ดูสว่างไสวท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด ไม่แปลกที่ลูกค้าผู้ชายจะแน่นร้าน ...หมายถึงลูกค้าร้อยละร้อยเป็นผู้ชาย
ถ้าเขาอ่านชื่อสักนิดก่อนจะเข้ามา ก็คงจะไม่ตกตะลึงพรึงเพริดขนาดนี้(แต่ก็คงตกใจอยู่ดี)
เอ็กซ์ยืนทึ่งกับโรงเตี๊ยมแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งที่เขาก็เห็นโรงเตี๊ยมมาเยอะแล้วในระหว่างเดินทาง
หนึ่งในพนักงานนำเขาไปที่โต๊ะ
‘ผมแค่มาหลบฝน’ เขาจะพูดแบบนั้นก็คงเสียมารยาท มื้อเย็นก็ยังไม่ถึงท้อง ไหนๆ แล้วก็เลยตามเลย หวังก็แต่ว่าจะไม่ใช้โอกาสที่กลยุทธ์เรียกลูกค้าใช้ได้ผลดีแล้วขายของราคาแพง
เขานั่งลงที่โต๊ะมุมห้อง พนักงานสาวถามถึงรายการที่เขาจะสั่งด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เอ็กซ์ชำเลืองมองโต๊ะใกล้ๆ ที่ผู้ชายสองสามคนนั่งอยู่บนอาหารเต็มโต๊ะ และตัดสินใจเลือกหนึ่งอย่างบอกกับพนักงานที่รอจดรายการอยู่
พนักงานสาวมองเขาด้วยแววตามีความหวัง ถามเขาถึงเครื่องดื่ม พอเขาตอบไปว่า<น้ำแอปเปิล>เธอก็ทำหน้าเหมือนกรี๊ดอยู่ในใจ ก่อนจะถามเขาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
“แล้ว...จะรับอะไรเพิ่มอีกรึเปล่าคะ นายท่าน~” น้ำเสียงของคนถามฟังดูออดอ้อนผิดวิสัยปกติของคำถามที่แสนจะธรรมดา(ว่าแต่ทำไมต้อง ‘นายท่าน’ ด้วย?)
เอ็กซ์มองไปรอบๆ เห็นพนักงานนุ่งน้อยห่มน้อยหลายคนออเซาะเอาอกเอาใจลูกค้าเป็นโต๊ะๆ เขาก็เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำถาม และยิ่งเข้าใจว่าทำไมลูกค้าร้านนี้ถึงแน่นเอี๊ยดทั้งที่เปิดตอนกลางคืน เขาหันกลับไปทางผู้ที่รอฟังคำตอบของเขาอย่างใจจดใจจ่อ
“เท่านี้ล่ะครับ” เขาตอบด้วยรอยยิ้มที่จริงใจแบบสุดๆ
ใบหน้าของพนักงานสาวฉายแววผิดหวัง แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพ เธอรับรายการไปด้วยรอยยิ้ม
ที่ห้องครัวหลังร้าน พนักงานที่มือยังว่างสองสามคนยืนคุยกัน หัวข้อก็คือลูกค้าไม่คุ้นหน้าที่เพิ่งเข้ามา
“หล่อเนอะ ว่ามั้ย~”
“ฉันว่าน่ารักมากกว่า หน้าเด็กมาก~ พูดจาสุภาพ แล้วสั่งน้ำแอปเปิลด้วย คิกๆ ^ ^”
“แต่ว่าน่าเสียดายที่ไม่เรียกพวกเราไปซักคนเลย v v”
“ฮ้า~ ถ้าได้นั่งใกล้ๆ นะ ไม่ได้ทิปก็ไม่เป็นไร~”
เด็กสาวที่ยืนล้างจานอยู่ได้ยินบทสนทนา เธอสวมชุดผ้าธรรมดา กระโปรงยาวเกือบถึงข้อเท้าต่างกับชุดสั้นกระจิดของพนักงาน ผ้าคลุมผมสีขาวเหมือนของแม่บ้านคลุมทับเส้นผมสีดำสนิทยาวถึงกลางหลัง เธอหันกลับไปทางกลุ่มพนักงานพร้อมกับพูดขึ้น
“น่าสนใจนี่ เดี๋ยวฉันไปเอง”
...
เอ็กซ์นั่งอยู่ที่โต๊ะ เงี่ยหูที่ประสาทรับฟังเหนือมนุษย์ธรรมดาฟังบทสนทนาในร้าน มีอยู่โต๊ะหนึ่งที่มีข้อมูลที่เขาต้องการอยู่
“...ว่าแต่ทางราชสำนักจะเอายังไงกันแน่นะ เห็นประกาศว่าพิธีอภิเษกจะมีเดือนหน้า แล้วก็เงียบหายไปเลย ข่าวคราวอะไรก็ไม่มี” ชายฉกรรจ์พูดกับเพื่อนสามคนด้วยเสียงเมามาย
“หรือจะเกี่ยวกับข่าวลือที่ว่าองค์หญิงมีเรื่องฉาวถึงขั้นทำลายงานอภิเษกได้?”
“ไม่น่านะ ไม่งั้นคงไม่ประกาศแต่แรก”
“หรือจะเป็นเรื่องนั้น อีกข่าวลือนึงที่ว่าทางราชสำนักประกาศงานอภิเษกโดยไม่ได้รับคำยินยอมจากองค์หญิง?”
“อะไรนะ? องค์หญิงคนนั้นน่ะเหรอไม่ยินยอม?”
“ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเป็นการแต่งงานทางการเมือง เป็นใครก็ทำใจยากทั้งนั้นล่ะ”
“แต่นี่มันเรื่องความเป็นความตายของประเทศเลยนะ มาปอดแหกเอาตอนนี้มันไม่เห็นแก่ตัวเกินไปหน่อยเหรอ?”
ชายสี่คนถกปัญหาการเมืองอย่างออกรส ต่างคนต่างความคิด แต่เห็นตรงกันว่าองค์หญิงอังริเอตต้าลังเลที่จะแต่งงานเพื่อการเมือง ...เอ็กซ์รู้ดีกว่านั้น
‘อังริเอตต้ายังรออยู่...รอองค์ชายเวลส์...’
หากปราศจากสัญญาณที่บอกได้ชัดเจนว่าองค์ชายเวลส์จากไปแล้ว อังริเอตต้าก็จะยังคงหลอกตัวเองอยู่เช่นนั้นต่อไป
‘แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ที่พวกไซโตะอุตส่าห์ไปเสี่ยงชีวิตมาก็สูญเปล่า’
ที่องค์ชายเวลส์อุตส่าห์ยอมสละชีวิตก็สูญเปล่า
เอ็กซ์เริ่มวางแผนว่าจะแก้ไขสถานการณ์นี้อย่างไร และจะลงมือเมื่อไร รวมถึงต้องหาทางใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่แบบนี้(อาจต้องหางานพิเศษทำ)
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น จานอาหารและแก้วน้ำแอปเปิลเข้ามารบกวนความคิดของเขา
“ของที่สั่งได้แล้วค่ะ นายท่าน” เด็กสาวผมสีในชุดพนักงานค้อมตัวอย่างนอบน้อม รอยยิ้มสุภาพและสดใสอยู่บนใบหน้าที่สวยได้รูป
“ขอบคุณครับ” เอ็กซ์ยิ้มให้บางๆ อย่างเป็นมิตร เขายังไม่หลุดจากห้วงความคิดจึงไม่ทันสนใจเด็กสาวตรงหน้ามาก จนกระทั่งเธอนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเขาและเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“ไม่ใช่คนแถวนี้เหรอคะ?”
“ครับ?” เอ็กซ์ตอบอย่างงงๆ แต่เมื่อสังเกตท่าทีระวังรักษาอาการของอีกฝ่ายก็รู้ว่าพนักงานสาวคนนี้กำลัง<ทำงานของเธอ>
“มาจากไหนเหรอคะ?” พนักงานสาวถามด้วยรอยยิ้มที่แนบเนียนจนเอ็กซ์เกือบจะเชื่อว่ามาจากใจ
“ผมเดินทางไปทั่วล่ะครับ จะเรียกว่าจรจัดก็ได้นะครับ” เอ็กซ์ออกท่าทางหัวเราะนิดๆ ในตอนท้ายเพื่อดูปฏิกิริยาอีกฝ่าย
“ว้าว~ เดินทางตั้งแต่อายุยังน้อย เท่ไปเลยนะคะ~” เธอยิ้มเสียงใสราวกับไม่ได้ยินคำที่เน้นของเด็กหนุ่ม เอ็กซ์ยิ้มบางๆ ตอบ
ทั้งคู่ต่างรู้แล้วว่าอีกฝ่ายเสแสร้งท่าที และต่างก็รู้ว่าอีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองก็เสแสร้งเช่นกัน ฉะนั้นจะเล่นละครเรียกความเห็นใจแบบไม่มีเหตุผลต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ ต่อไปนี้จะเป็นสงครามเต็มรูปแบบเพื่อชิง<ทิป>ที่มีค่าต่อทั้งสองฝ่าย
‘ยังไงก็เถอะ การต่อสู้แบบนี้ผู้ชายเสียเปรียบ ^ ^;’ เอ็กซ์เตรียมใจจะต้องจากเงินที่มีอยู่น้อยนิดของตัวเองเอาไว้ เขาไม่ได้งกนะ เพียงแต่เขาจำเป็นต้องเจียดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อที่จะอยู่ในเมืองซึ่งไม่มีสัตว์ป่าให้ล่าไม่มีของป่าให้เก็บ
“แหม แต่ว่าเดินทางนี่มันก็ลำบากนะครับ เงินขาดมือบ่อยมากเลย ^ ^”
“เอ๋ แย่จังนะคะ แต่ว่าแถวนี้มีที่พักราคาถูกเยอะเลย เรื่องเงินไม่มีปัญหาแน่นอนค่ะ! ^ ^”
“ผมตั้งใจว่าจะพักอยู่นานทีเดียว ไม่รู้ว่าเงินจะพอรึเปล่า อาจต้องหางานทำไปพลางๆ ด้วย ^ ^”
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกค่ะ! ลูกค้าท่านอื่นๆ ก็ทำงานทั่วๆ ไป ยังมีเงินมาที่นี่ได้ทุกสัปดาห์แล้วยังให้ทิปพนักงานเราได้ด้วยล่ะค่ะ! ^ ^”
หากมองอย่างเดียวไม่ได้ฟังเสียงอาจจะเห็นเป็นการสนทนาอย่างเป็นมิตรและอบอุ่น เผลอๆ บางคนอาจคิดไปว่าเป็นคู่รักคุยกันกระหนุงกระหนิง หารู้ไม่ว่าสมรภูมิกำลังเดือด
“ชื่อเจสสิก้าเหรอครับ ^ ^”
“ชื่อซาวิเยร์เนี่ยเหมือนเป็นชนชั้นสูงเลยนะคะ ^ ^”
ครืน~ (เสียงบรรยากาศคำราม) เปรี๊ยะๆ (เสียงไฟฟ้าสถิต)
ภายในร้านยังคงเป็นไปอย่างสว่างไสวและมีชีวิตชีวาเหมือนกับทุกวัน แต่ถ้าเป็นสถานที่ที่มีแอลกอฮอล์ก็ต้องมีคนเมา และถ้าคนเมามาอยู่รวมกันเยอะๆ จะมีเรื่องเอะอะก็ไม่แปลก
“หนอย ว่าไงนะแก!”
“อะไร! พูดแค่นี้มีปัญหาเหรอ!?”
สองโต๊ะที่นั่งใครนั่งมัน จู่ๆ ก็เกิดกระทบกระทั่งกัน คนสี่คนเข้าตะลุมบอนกันกลางร้าน คนที่อยู่ใกล้ลุกหนีออกไป แต่ข้าวของก็ยังพังเสียหาย ในตอนนั้นเอง...
“พอซะที!”
เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทา...นั่งอยู่เฉยๆ ที่โต๊ะมุมห้อง ดูเหตุการณ์ดำเนินไปโดยไม่ได้ปริปากหรือแสดงตัวแต่อย่างใด
ที่ลุกขึ้นคือชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาคมคาย สวมชุดดูสะอาดสะอ้าน เส้นผมสีน้ำตาลเข้มมัดรวบไว้ด้านหลัง ร่างสูงโปร่งมีกล้ามเนื้อที่ขึ้นรูปสวยงาม ดูมาดแมนเหนือชาย เขาย่างสามขุมเข้าไปหากลุ่มที่วิวาทกัน
“พวกนายกำลังสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นอยู่นะ!” น้ำเสียงและสีหน้าดูจริงจังและกล้าหาญ ปราศจากความกลัวต่อฝ่ายที่จำนวนคนมากกว่า
“ถ้าพวกนายอยากจะลงไม้ลงมือนักล่ะก็ ฉันจะเป็นคู่ต่อสู้ให้เอง!”
ผัวะ! ผัวะ! ผลัก!
...
ร่างของชายผมสีน้ำตาลกองที่ข้างผนังในสภาพน่าสมเพชถูกเมินอย่างสิ้นเชิง ได้รับเพียงสายตาสงสารจากเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาที่ยังนั่งเก็บอาการอยู่ที่มุมห้อง
เมื่อปราศจากตัวขัดขวางแล้ว ทั้งสี่คนก็เริ่มแมทช์ชิงเข็มขัดมวยปล้ำแท็กทีมกันต่อ...นั่น มีใช้เก้าอี้ด้วย...
เอ็กซ์นั่งอยู่กับที่โดยไม่ได้ลุกขึ้นไปทำอะไร(เปล่า เขาไม่ได้กลัวว่าจะเป็นเหมือนชายหนุ่มหน้าหล่อโนเนมคนนั้น) นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นคนทะเลาะกันในโรงเตี๊ยม และมั่นใจว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนทะเลาะกันที่นี่ เป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่สามารถเกิดได้ในทุกถิ่นฐาน เดี๋ยวก็คงจบไปเอง ถึงเขาไม่ลุกขึ้นไปยุ่งก็คงไม่มีปัญหาอะไร
แต่พนักงานสาวเจสสิก้ากลับแสดงความกังวลออกมาอย่างชัดเจน ทั้งที่นี่เองก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเห็นเช่นกัน
“มีอะไรรึเปล่าครับ?” เอ็กซ์ถาม ไม่ได้คิดเลยว่าที่คนกำลังตีกันอยู่ตรงหน้านี้ควรจะเรียกว่า<มีอะไร>ได้แล้ว
“อาทิตย์นี้ครั้งที่สี่แล้ว... ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปลูกค้าต้องไม่มาที่นี่อีกแน่เลย ป๊ะป๋าก็ไม่สบายด้วย ทำไงดี...” เจสสิก้าไม่ได้หันมาตอบเขา แต่เหมือนพูดกับตัวเองซะมากกว่า
เอ็กซ์เงียบ เบนสายตาไปที่ความอลหม่านที่กลางร้าน
“ค—คุณลูกค้า หยุดเถอะนะฮ้า~” เสียงผู้ชายที่ดัดจริตเหมือนกับผู้หญิงดังขึ้นจากประตูที่มุมร้าน ชายผมสีดำในชุดนอนปรากฏตัวขึ้น ร่างของเขาสูงใหญ่ แต่ท่าทางอิดโรย
ดูเหมือนว่า<ป๊ะป๋า>ที่พูดถึงคือชายคนนี้ เอ็กซ์ประหลาดใจนิดหน่อยกับท่าทางตุ้งติ้ง ชายคนนั้นพยายามทำหน้าที่ของผู้จัดการโรงเตี๊ยมด้วยการเข้าไปไกล่เกลี่ย ดูจากที่นี่มีแต่ผู้หญิง งานนี้ปกติคงจะเป็นหน้าที่ของเขา
แต่ว่าวันนี้สภาพเขาดูไม่ดีแม้แต่น้อย เขาล้มลงกับพื้น ถ้าเป็นปกติคงไม่ถูกคนที่ตัวเล็กกว่าผลักเอาง่ายๆ แบบนั้นแน่
เอ็กซ์ถอนหายใจหนึ่งครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบ ไม่ประกาศตัวให้ใครหันมามองเหมือนพ่อคนมาดแมนคนก่อนหน้า
“ย้าก!” มุมแดง(?)เสต็ปเท้าเข้าหาคู่ต่อสู้ด้วยความเร็วราวกับลมกรด
“ว้าก!” มุมน้ำเงิน(?)เงื้อแขนซ้ายเตรียมปล่อยหมัดทะลวงลิ้นปี่
“ขอโทษนะครับ” กรรมการ(?)โผล่เข้าแทรกกลาง ทุกอย่างหยุดชะงักลง
แต่ละคนตาโต ไม่มีใครสังเกตเห็นเด็กหนุ่มร่างบอบบางเดินเข้ามาเลย ราวกับว่าเขาล่องหนจนกระทั่งตอนนี้
“ทะเลาะวิวาทกันในนี้ไม่สงสารพวกพนักงานบ้างเหรอครับ ดูสิว่าสีหน้าพวกเธอตกใจแค่ไหน?” เขาผายมือไปทางผู้คนที่ยืนมองอยู่ ซึ่งมีเด็กสาวนุ่งน้อยห่มน้อยที่สีหน้าฉายแววตื่นตระหนกรวมอยู่ด้วยเป็นจำนวนไม่น้อย
ทั้งสี่เป็นลูกค้าขาประจำ เห็นสาวๆ ที่คอยเอาอกเอาใจตัวเองทำหน้าแบบนั้นแล้วก็ได้สติเกิดรู้สึกผิดขึ้นมา จึงขอโทษและจ่ายค่าเสียหายที่ทำข้าวของพัง จากนั้นก็พากันออกไปจากร้าน
ประตูดีดปิดลง บรรยากาศตึงเครียดภายในโรงเตี๊ยมผ่อนคลายลง ทุกคนกลับไปดำเนินกิจวัตรประจำของตัวเอง การที่เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกทำให้แต่ละคนฟื้นตัวได้เร็วเหลือเชื่อ
เอ็กซ์พลิกโต๊ะและเก้าอี้ที่ล้มอยู่กับพื้นขึ้นตั้งเหมือนเดิม ก่อนจะหันไปทางผู้จัดการร้านที่ได้ลูกสาวช่วยพยุง
“ลำบากแย่เลยนะครับ ไม่สบายแบบนี้” เขายิ้มอย่างเห็นใจ
“ขอบใจมากนะ... ได้เธอช่วยไว้แท้ๆ แต่ถ้าฉันไม่รีบหายไวไวล่ะก็...แค่ก! แค่ก!”
“ป๊ะป๋า!”
เอ็กซ์มองดูอาการที่ไม่ต่างจากหวัดธรรมดา แต่ถ้าไม่หายมาอาทิตย์นึง ก็คงไม่ใช่เรื่องเล็ก
“ไม่สบายเป็นอะไรเหรอครับ?”
“หมอบอกว่าป๊ะป๋ามีอาการแทรกซ้อนน่ะ ถ้าไม่รักษาอาการแทรกซ้อนไปก่อน ร่างกายจะอ่อนแอ แล้วหวัดก็จะไม่หาย แต่ว่าตอนนี้สมุนไพรที่ใช้รักษากำลังขาดตลาด...” เจสสิก้าอธิบายด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“สมุนไพรที่ว่าคือ...?”
...
.....
ราวยี่สิบกิโลเมตรจากทริสทาเนียลงมาทางใต้ เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาเหยียบย่างพื้นหญ้าเขียวขจีบนที่ราบลูกฟูก(มีเนินขึ้นลงสลับกันไป)
‘<มุกอรุณ>งั้นเหรอ...’ เอ็กซ์พึมพำชื่อสมุนไพรในหัว ตามด้วยรายละเอียดอื่นๆ ที่ได้จากสารานุกรมและการสอบถามหมอหลายคนในเมือง
พืชล้มลุก ลักษณะเป็นดอกไม้ขึ้นดอกเดียวใต้ผิวน้ำในที่ตื้นแสงอาทิตย์ส่องถึง ใบผอมยาวสีม่วงเข้ม ในเวลาเช้ามืดที่มีแสงสลัวจากตะวันที่โผล่พ้นขอบฟ้า ดอกที่มีรูปร่างกลมสีขาวนวลจะสะท้อนแสงจางๆ อยู่ใต้ผิวน้ำ ทำให้แลดูคล้ายไข่มุก เป็นที่มาของชื่อ<มุกอรุณ>
เอ็กซ์สอบถามได้ความว่าหากออกจากทริสทาเนียลงมาทางใต้ จะพบกับหนองน้ำ เป็นสถานที่ที่คนท้องถิ่นเก็บ<มุกอรุณ>เป็นรายได้ทางหนึ่ง ทริสทาเนียเองก็ได้มุกอรุณจากที่นั่นเช่นกัน
แต่ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ไม่มีมุกอรุณส่งมาเลย ทำให้ขาดตลาด เอ็กซ์จึงมาดูด้วยตัวเอง
ข้างหน้าเข้าเป็นบ้านชั้นเดียวบ้างสองชั้นบ้างสิบกว่าหลังสร้างด้วยไม้ตั้งรวมกันอย่างไม่เป็นระเบียบ
‘ส่วนหนองน้ำก็...’ มองไปทางขวา เจอมันอยู่ใกล้กับตัวหมู่บ้าน เป็นหนองน้ำที่ไม่กว้างมาก สามารถเดินรอบได้ภายในเวลาสิบนาที ความลึกก็ดูจะไม่มากเช่นเดียวกัน
เดินเข้าไปใกล้ ไม่มีแสงของมุกอรุณสะท้อนอยู่ในน้ำ แน่นอน เพราะตอนนี้เป็นเวลาบ่าย
“หยุดนะ!”
เอ็กซ์ชะงักเท้า หันหลังกลับไปเห็นเด็กสาวชาวบ้านวัยสิบหกสิบเจ็ดยืนหน้าตาตื่นมองเขาอยู่
“อย่าเข้าไปใกล้หนองน้ำนั่น!”
ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เอ็กซ์เดินเข้าไปหาเด็กสาวเพื่อจะถามให้รู้เรื่อง
“ฉันได้ยินมาว่าหนองน้ำของที่นี่มีมุกอรุณอยู่ ก็เลยจะมาขอไปรักษาคนป่วย หรือว่าต้องจ่ายเงิน?”
“เคานต์เอลรอยเป็นเจ้าของที่ดินผืนนี้ ถือสิทธิ์ครอบครองมุกอรุณทั้งหมดในหนองน้ำและไม่อนุญาตให้ใครลงไปเก็บ ถ้าอยากได้ก็ต้องไปซื้อในเมือง แต่ว่าตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องนั้นแล้ว แม้แต่คนของเคานต์เอลรอยเองลงไปเก็บไม่ได้”
หนองน้ำข้างหมู่บ้าน ถึงจะเป็นเพียงหนองน้ำเล็กๆ ที่ไม่มีชื่อ แต่ก็เป็นหนองน้ำที่อาศัยใช้สอยมาตั้งแต่เริ่มตั้งหมู่บ้าน เพราะทริสเทนเป็นอาณาจักรแห่งน้ำ ฤดูแล้งที่รุนแรงจึงไม่เคยมาเยือน ทำให้หนองน้ำไม่เคยแห้ง เป็นแหล่งอาศัยของทั้งพืชพรรณและสัตว์น้ำ
ตอนเช้าอากาศข้างหนองน้ำเย็นสดชื่น บางคนก็ชอบออกมาเดินเล่นดื่มด่ำบรรยากาศ มื้อเย็นบางมื้อก็ได้ปลาที่แหวกว่ายมาเป็นอาหาร พืชผักกินได้ที่ขึ้นตามริมฝั่งก็มีหลายชนิด และที่เป็นที่รู้จักไปจนถึงเมืองหลวง มุกอรุณถือเป็นสมบัติของชนชั้นสูงเจ้าของที่ดินตรงนี้ ชาวบ้านเพียงแต่ได้รับอนุญาตให้ตั้งที่พักอาศัยอยู่เท่านั้น
ทว่าตอนนี้ไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว นับแต่เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นเมื่อสองเดือนก่อน ก็ไม่สามารถเก็บมุกอรุณขึ้นมาได้
“ทุกครั้งที่มีคนลงไปในหนองน้ำ...เดี๋ยวจะทำให้ดูก็แล้วกัน” เด็กสาววางตะกร้าที่นำมาเก็บผักริมฝั่งลง และก้าวฉับๆ ตรงไปที่หนองน้ำ
“ไม่ใช่ว่าอันตรายเหรอครับ?”
“ก็ไม่ใช่อันตรายแบบนั้นหรอก เพียงแต่...”
เด็กสาวหยุดยืนอยู่ริมฝั่ง ก่อนจะค่อยๆ หย่อนเท้าลงไป
เท้าของเด็กสาวหยั่งลงไปในน้ำ ก้าวแล้วก้าวเล่า ลึกลงไปในสระ เอ็กซ์จ้องมองตาไม่กะพริบ
เมื่อเด็กสาวจมลงไปถึงเอว น้ำในหนองก่อตัวขึ้นห้อมล้อมร่างของเธอเอาไว้ เอ็กซ์ตั้งท่าจะเข้าไปช่วย แต่ต้องหยุดชะงัก
ฟองอากาศที่ห้อมล้อมร่างของเด็กสาวเอาไว้เพียงแค่ลอยขึ้นเหนือผิวน้ำ และปล่อยเธอลงที่ฝั่ง ปราศจากอันตรายใดๆ
“ก็อย่างที่เห็นนี่ล่ะ” เด็กสาวหยิบตะกร้าข้างตัวแล้วลุกขึ้น
“ไม่ว่าใคร ถ้าลงไปในหนองน้ำแล้วก็จะเป็นแบบนี้ทั้งนั้น เรื่องคนป่วยเสียใจด้วย แต่ไหนๆ มาแล้ว พักที่นี่ซักคืนนึงก่อนก็ได้”
เอ็กซ์มองเด็กสาวชาวบ้านที่ก้มลงเก็บพืชผักข้างหนองน้ำก็ครุ่นคิดไปด้วย
...เขาคิดว่าเขาพอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มากกว่าเท่าที่เห็น
...
ตกดึกคืนนั้น เอ็กซ์ทำทีเป็นพักที่โรงแรมในหมู่บ้าน แต่แอบอยู่บนต้นไม้ข้างหนองน้ำ เขากำลังรออะไรบางอย่าง
‘มาแล้ว’
เงาคนเดินเข้ามาใกล้หนองน้ำ ระวังรักษาเสียงฝีเท้าเป็นอย่างดี
เด็กสาวชาวบ้านคุกเข่าลงริมหนอง กุมมือประสานที่หน้าอก
“ท่านภูตแห่งหนองน้ำ ในวันนี้ก็ขอขอบคุณสำหรับความคุ้มครองเจ้าค่ะ”
ผิวน้ำที่นิ่งสงบเกิดระลอกคลื่นกระทบฝั่งหนึ่งครั้ง ราวกับตอบรับคำอธิษฐานของเด็กสาว
“วันนี้มีคนมาตามหามุกอรุณ ต้องการจะนำไปรักษาคนป่วย ขอความกรุณาด้วยค่ะ”
เด็กสาวยืนขึ้น และค่อยๆ หย่อนขาลงไปในน้ำ
เช่นเมื่อตอนบ่าย เกิดฟองอากาศห้อมล้อมตัวเธอ แต่แทนที่จะถูกบังคับลอยกลับขึ้นไป เด็กสาวค่อยๆ ก้าวลงไปในน้ำโดยมีฟองอากาศห่อหุ้ม
ในเวลากลางคืน นอกจากจะไม่มีแสงจากดวงอาทิตย์ มุกอรุณเองก็ไม่เปล่งแสง การจะดำน้ำลงไปเก็บนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย
แต่เด็กสาวเดินลงไปใต้ผิวน้ำโดยมีฟองอากาศกั้นน้ำออกไป เธอก้มลงเก็บดอกไม้ดอกกลมสีขาวนวลขึ้นมาสองสามดอก และเดินกลับขึ้นมาบนฝั่งอย่างปลอดภัย ฟองอากาศสลายกลับสู่หนองน้ำ เด็กสาวแห้งสนิท ไม่เปียกแม้น้ำสักหยด
“ภูตแห่งหนองน้ำ ขอบคุณมากเจ้าค่ะ”
เด็กสาวพูดกับหนองน้ำจบก็หลังจะเดินกลับ แต่พบชายหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาเมื่อกลางวันยืนอยู่ต่อหน้า เด็กสาวหายใจเฮือก
“นั่นน่ะ เก็บมาให้ฉันสินะ ขอบใจมาก” เอ็กซ์ยิ้มอย่างเป็นมิตร แสดงให้เห็นว่าเขาไม่มีอันตราย แต่เด็กสาวดูจะยังหวาดระแวงอยู่
“ฉันไม่เอาไปบอกใครหรอก แต่ว่าช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้รึเปล่า”
...
รุ่งเช้า เอ็กซ์ตื่นขึ้นมาบนเตียงของโรงแรมที่เขาเข้าพัก(จ่ายเงินไปแล้ว ไม่ได้นอนก็ไม่คุ้มสิ)
ลงจากเตียง หยิบเสื้อคลุมแขนกุดสีขาวขึ้นมาสวม ตามด้วยถุงเท้ายาวสีดำ และอื่นๆ ในระหว่างนั้นก็ครุ่นคิดถึงบทสนทนาเมื่อคืน
“ทุกอย่างเริ่มขึ้นเมื่อสองเดือนก่อน” เด็กสาวเริ่มเล่า
“เจ้าของที่ดินคนเก่าเสียไป ลูกชายคนโตปกครองแทน แต่เจ้าของคนใหม่ เคานต์เอลรอยคนนี้ไม่เหมือนกับคนเก่า ไม่สนใจว่าชีวิตความเป็นอยู่พวกเราจะเป็นยังไง”
เด็กสาวหันไปทางหนองน้ำด้วยแววตาอาลัยรัก
“ในหนองน้ำ เป็นธรรมดาที่ต้องมีปลาอาศัยอยู่ ปลาพวกนี้บางชนิดก็กินแมลงเป็นอาหาร บางชนิดก็กินพืชเล็กๆ ใต้น้ำ แน่นอนว่าบางครั้งมุกอรุณก็โดนกินไปบ้างเหมือนกัน แต่ก็เป็นแค่ส่วนน้อยมาก เป็นธรรมดาของธรรมชาติ” พูดมาถึงตรงนี้ เสียงของเด็กสาวเริ่มต่ำและสั่นเทิ้ม
“แต่เพราะแค่นั้น เคานต์เอลรอยสั่งทหารให้ฆ่าปลาทั้งหมดในหนองน้ำ เพราะ ‘มุกอรุณเป็นทรัพย์สินของข้า อะไรที่เป็นภัยต่อทรัพย์สินของข้าต้องกำจัดให้หมด’ ไม่สนใจเลยว่าพวกเราก็อาศัยปลาในหนองน้ำเป็นอาหาร ถ้าไม่มีแล้ว อาหารการกินเราจะขัดสนขนาดไหน!”
เอ็กซ์นั่งนิ่ง เก็บอาการและสีหน้า แม้ในใจจะรู้สึกขุ่นเคือง
“ทหารมากันหลายสิบคน กับผู้ใช้เวทมนตร์ลมสร้างฟองอากาศให้ลงไปใต้น้ำ พวกทหารใช้ดาบฆ่าปลาที่เพียงแค่ใช้ชีวิตอยู่ในน้ำ วันเดียว ปลาแทบจะไม่เหลืออยู่ในหนองน้ำ” เด็กสาวมีสีหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อ
“ตกเย็นพวกทหารพักที่หมู่บ้าน เพื่อที่จะทำงานต่อให้เสร็จ พวกเราไม่มีใครกล้าขัดขืน คืนนั้นฉันเห็นแสงสว่างขึ้นที่หนองน้ำ นึกว่าพวกทหารยังฆ่าปลาอยู่ พอออกมาดูก็ไม่เห็นว่ามีอะไร”
เอ็กซ์ตั้งใจฟังมากขึ้นเมื่อคิดว่ามาถึงจุดสำคัญ
“ตอนนั้นฉันเกิดความคิดมาว่า... บางทีหนองน้ำแห่งนี้อาจมีภูตสถิตอยู่ก็ได้ ฉันก็ลองอธิษฐาน ว่าถ้าหากภูตแห่งหนองน้ำมีจริง ขอให้ปกป้องหนองน้ำแห่งนี้ด้วย” เด็กสาวทอดสายตาไปยังหนองน้ำ
“ฉันเองก็ไม่คิดหรอกว่าจะมีภูตอยู่จริง ยังคิดว่าตัวเองทำอะไรไรสาระไป แต่วันรุ่งขึ้น พอพวกทหารจะลงไปในหนองน้ำ ฟองอากาศที่ผู้ใช้เวทมนตร์ลมสร้างขึ้นก็ถูกกลืนโดยฟองอากาศจากหนองน้ำและส่งพวกทหารกลับขึ้นมาบนฝั่ง ครั้งแล้วครั้งเล่า จะค้นพวกเราก็มีแต่สามัญชน ทำอะไรอย่างนั้นไม่ได้ สุดท้ายก็ถอดใจกลับไป” เด็กสาวยิ้มบางๆ
“หลังจากนั้นก็มาอีกหลายครั้ง แต่ผลก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ฉันคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากว่ามีภูตคอยปกป้องหนองน้ำอยู่จริง”
“เอ๋? แล้วชาวบ้านจะทำยังไงล่ะครับ?”
“จะจับปลาไม่ต้องลงน้ำก็ได้ ล่องเรือใช้เบ็ดใช้แหสิ”
เด็กสาวพูดเป็นเชิงตำหนิ เอ็กซ์ยิ้มแห้งๆ เขาตั้งใจฟังมากจนลืมคิดไป
“ภูตเหรอ...ไซเบอร์เอลฟ์นี่ถือเป็นภูตได้มั้ยนะ?” แน่นอน เขาใช้ไซเบอร์วิชั่นตรวจดูแล้ว เห็นดวงแสงสีเหลืองอยู่ที่ก้นหนองน้ำ แต่ฝ่ายนั้นไม่รู้ว่าเขามาจนกระทั่งเขาเปิดเผยตัว หลังจากที่เด็กสาวกลับไปแล้ว
“แครบลอส”
ดวงแสงสีเหลืองปรากฏขึ้นเหนือผิวน้ำ และเปลี่ยนเป็นร่างโปร่งแสง
(Credit: megaman.wikia.com)
(...เอ็กซ์...)
“ฉันถามได้รึเปล่า ทำไมถึงช่วยหมู่บ้านนี้?”
บับลี่ แครบลอส เรปลิลอยด์ที่ติดตามซิกม่าเพียงเพราะปรารถนาในความมั่งคั่ง ปล้นและรวบรวมทรัพย์สินปริมาณมหาศาลมาเป็นของตัวเอง แทบคิดไม่ได้ว่าคนเช่นนี้จะช่วยเหลือผู้อื่น
(...ทุกอย่างในหนองน้ำนี้เป็นของของฉัน...ฉันเพียงแต่ขับไล่พวกที่มันบุกรุกเข้ามา...)
“...”
(...แต่เด็กมนุษย์ผู้หญิงคนนั้น...พูดขอบคุณฉันทุกวัน...ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...ที่ฉันทำเพียงเพราะอยากจะตอบสนองความปรารถนานั้น...)
เอ็กซ์ยิ้ม เขาเข้าใจความรู้สึกนั้นดี
“พวกเราต่างก็ได้โลกนี้ช่วยเยียวยา”
เด็กสาวยังบอกอีกว่า เคานต์เอลรอยจะมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง วันนั้นก็คือวันพรุ่งนี้ เป็นวันที่จะตัดสินชะตากรรมของหนองน้ำ...และหมู่บ้าน
(...ถ้าหากชายคนนั้นไม่สามารถทำการได้ดั่งใจล่ะก็...ไม่แน่ว่าหมู่บ้านแห่งนี้อาจตกเป็นเป้าระบายโทสะ....)
“ฉันเข้าใจ แครบลอส ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง”
จริงอยู่ หน้าที่ของเขาเพียงแค่ตามไซเบอร์เอลฟ์กลับไป แต่เขาก็อยากจะตอบสนองความรู้สึกของแครบลอส
“เอาล่ะ...”
--
PBW:”ไม่ได้พบกันนานนะครับ คนเขียนกลับมาแล้ว”
S:”หายไปไหนมาตั้งนาน! แล้วตอนใหม่ฉันก็ไม่ได้ออกอีก!”
PBW:”คือ เรื่องปรับตัวน่ะครับ คนเขียนปรับได้เกิน 70% แล้ว แต่ที่ไม่ได้อัพเลยเพราะช่วงเดือนนี้กิจกรรมเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก กลับหอสี่ทุ่มทุกวัน(ชุลมุนรับน้อง) แต่ในที่สุดก็พ้นขีดอันตราย(?)แล้วครับ น่าจะได้ความเร็วในการอัพเดิมกลับมา”
DX:”ก็ดี แสดงว่า 3 วันไม่เกิน 1 อาทิตย์ต่อหนึ่งตอน?”
PBW:”ประมาณนั้น บอกตามตรง ไม่ได้แต่งนี่รู้สึกอึดอัดมาก แต่ทีนี้ล่ะ...!”
ความคิดเห็น