คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 9: ศึกตัดสิน
เช้าวันรุ่งขึ้นมาถึง เอ็กซ์กับไซโตะเตรียมจะขึ้นเรือ ทว่าวาลด์กับหลุยส์ยังไม่ตามมาด้วย วาลด์บอกว่าจะขอให้องค์ชายเวลส์เป็นสักขีพยานและจัดงานแต่งงานกับหลุยส์ขึ้นที่นี่ จากนั้นก็จะขี่กริฟฟินตามมาทีหลัง บอกว่าถ้าไม่รีบร้อนก็สามารถเก็บแรงพอจะข้ามกลับไปที่แผ่นดินใหญ่ได้
เอ็กซ์ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นระหว่างนายหญิงกับอสูรรับใช้ แต่สีหน้าของทั้งคู่อมทุกข์ยิ่งกว่าเมื่อวาน สายสัมพันธ์ดูจะยิ่งรัดแน่นขึ้น และเจ็บปวดขึ้น
บนเรือที่แออัดไปด้วยผู้คนจนแทบจะหาที่ยืนไม่ได้ เอ็กซ์ยืนพิงกราบเรืออยู่ข้างๆ ไซโตะที่เหม่อมองลงไปใต้เรือ ทั้งที่ด้านล่างก็ไม่มีอะไรนอกจากหินปูนและตะไคร่ แต่อาจจะได้เห็นคนตกลงไปคนสองคนถ้ายังดันกันเข้ามามากกว่านี้ล่ะก็
“เพราะความรัก บางครั้งก็จำเป็นที่จะต้องปล่อยมือ...” ดาบเหล็กที่สะพายอยู่หลังของไซโตะโผล่หน้าออกมา
“เลิกพูดซะทีเถอะ...”
“ทำไมล่ะคู่หู?”
“ยิ่งนายพูด ท้องไส้ฉันก็ยิ่งปั่นป่วน...”
“หมายถึงที่ว่า ‘เพราะความรัก บางครั้งก็จำเป็นที่จะต้องปล่อยมือ’ น่ะเหรอ?...”
”เมื่อไหร่จะหยุดพูดซะที...” ไซโตะไม่มีแรงจะดุเหมือนอย่างทุกที
“ก็ได้ เมื่อคู่หูบอก ฉันก็จะไม่พูด แต่ว่าจากนี้ไปเราจะทำยังไงกันต่อล่ะคู่หู? เวลาว่างเยอะเลยล่ะทีนี้”
“ก็ไปตามหาทางกลับโลกของฉันล่ะมั้ง” ไซโตะตอบส่งๆ
“ถ้างั้นก็ไปเป็นทหารรับจ้างสิ”
“ทหารรับจ้าง?”
“ใช่ สะพายดาบบนบ่า มองหาสนามรบในวันนี้ และเดินทางไปยังต่างแดนในวันรุ่งขึ้น เงินมีๆ ขาดๆ แต่ระบายอารมณ์ได้แจ๋ว”
“กับนายน่ะนะ?”
“บ๊ะ พลังของฉันสามารถทำให้เด็กเมื่อวานซืนอย่างคู่หูกลายเป็นยอดนักดาบได้เชียวนะ”
เอ็กซ์มองเจ้านายกับดาบคุยและหัวเราะกันเบาๆ เขาหันกลับมาคิดบ้างว่าตัวเองจะทำยังไงต่อไป
‘คงจะกลับไปที่ทริสทาเนีย แล้วก็รอให้สองคนนั้นกลับไปรายงานภารกิจอย่างปลอดภัยล่ะมั้ง? จากนั้นก็ค่อยออกเดินทางตามหาไซเบอร์เอลฟ์ต่อไป’
มาเธอร์เอลฟ์ที่อยู่กับเขาเป็นวิธีเดียวที่จะเปิดประตูสู่มิติของไซเบอร์สเปซได้
‘ใช่...นั่นเป็นภารกิจของเรา...ในฐานะคนแปลกหน้าของโลกนี้...’
เอ็กซ์อยากจะเรียกโลกใบนี้ว่าเป็นบ้านของเขา เก้าปีที่ผ่านมาทำให้ความรักของเขาต่อโลกอันสวยงามแห่งนี้เพิ่มพูนขึ้น แต่ว่า...สุดท้ายแล้ว เขาก็มีที่ที่ต้องกลับไป...
“หืม?” เสียงของเด็กหนุ่มผมดำด้านข้างทำให้เอ็กซ์หันไปมอง
“มีอะไรเหรอ?”
“ตาซ้ายฉัน...ภาพมันแกว่ง...?” ไซโตะดูจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“นายคงเหนื่อยล่ะมั้ง...” ดาบเหล็กที่ไซโตะสะพายหลังตอบ แต่เอ็กซ์รู้ดีกว่านั้น
“เดอร์ฟลิงเกอร์สินะ” เป็นครั้งแรกที่เขาได้คุยกับดาบเหล็ก แม้แต่แนะนำตัวก็ยังไม่ได้ทำ
“ปิดบังอะไรอยู่ บอกมาเถอะ”
“อะไรของนาย? จู่ๆ อย่ามาตีซี้นะ” ดาบเหล็กทำเปลี่ยนเรื่อง เอ็กซ์ตั้งใจจะคาดคั้นต่อ แต่เสียงของไซโตะหยุดเขาเอาไว้
“เฮ้! ฉันเริ่มจะมองเห็นอะไรแล้ว...หรือว่านี่มัน...ภาพที่หลุยส์มองเห็น?”
เอ็กซ์ตาโต ปกติมีแต่อสูรรับใช้เป็นหูและเป็นตาที่สองของเจ้านาย เขาไม่เคยได้ยินว่ามีกรณีที่กลับกันแบบนี้มาก่อน
“...นี่มัน...!” ไซโตะกำหมัดแน่น ก่อนจะหันไปมองสะพานที่ใช้ขึ้นเรือ และฝ่าฝูงชนตรงไปทางนั้น
เอ็กซ์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นท่าทางของเด็กหนุ่มผมดำก็รู้ว่าช้าอยู่ไม่ได้
เขากระโดดขึ้นไต่ไปบนขอบเรือด้วยการทรงตัวที่เทียบเคียงนักกายกรรม มือขวาคว้าหมับเข้าที่คอเสื้อของเด็กหนุ่มผมดำท่ามกลางฝูงชน และพากระโดดข้ามเหวลึกกว้างร่วมสิบเมล ลงที่ฝั่งอย่างปลอดภัย
“รู้สึกใกล้กับปราสาทจะมีโบสถ์อยู่” เอ็กซ์วางตัวไซโตะลง แล้วทั้งคู่ก็ออกวิ่งทันที ไปตามเส้นทางที่จะพาขึ้นไปสู่พื้นดิน
หลังจากวิ่งมาได้สักพักก็มองเห็นท้องฟ้า ใกล้กับทั้งคู่เป็นกำแพงสีขาวของโบสถ์ เอ็กซ์รู้สึกถึงจิตสังหารจากด้านในก็รู้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล
ไซโตะไม่เสียเวลาอ้อมหาประตู ชักดาบเหล็กออกมา รูนที่มือซ้ายส่องแสง ด้วยการกระแทกจากด้ามดาบเพียงครั้งเดียว กำแพงเก่าๆ ก็พังครืน
เอ็กซ์กับไซโตะวิ่งผ่านช่องที่ถูกเจาะเข้าไปด้านในโบสถ์ และพบเข้ากับภาพที่ไม่คาดคิด
ที่นี่ควรจะเป็นงานแต่งงานของเด็กสาวชนชั้นสูงกับหัวหน้าหน่วยอัศวินกริฟฟิน เอาล่ะ เจ้าบ่าว-วาลด์: เช็ค/ เจ้าสาว-หลุยส์: เช็ค/ บาทหลวง-องค์ชายเวลส์: เช—
“องค์ชายเวลส์!” ไซโตะร้องด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกเมื่อเห็นองค์ชายนอนอยู่กับพื้น อกเสื้อชุ่มเลือด
ยิ่งกว่านั้น เจ้าสาวเผชิญหน้ากับเจ้าบ่าว แต่สายตาของทั้งคู่ไม่ใช่คนที่กำลังจะแต่งงาน คนหนึ่งมองมาที่เอ็กซ์กับไซโตะด้วยความหงุดหงิด ขณะที่อีกคนหนึ่ง...
“ไซโตะ! ช่วยด้วย!!”
“หลุยส์!” ไซโตะชักดาบและวิ่งเข้าไปขวางระหว่างสองคน
หลังจากร้องให้ช่วย เด็กสาวผมสีชมพูก็หมดสติลงกับพื้น เอ็กซ์เข้าไปดักข้างหลังวาลด์ หัวหน้าหน่วยอัศวินกริฟฟินตอนนี้ถูกแถวเก้าอี้ล้อมซ้ายขวา อสูรรับใช้ในตำนานอยู่ข้างหน้า และนักเดินทางหนุ่มอยู่ข้างหลัง
“มาทำไมเหรอ กันดาล์ฟร์” วาลด์ยิ้มอย่างเลือดเย็น ไม่เหมือนกับยิ้มที่เสแสร้งมาตลอดการเดินทาง
ไซโตะฟันเข้าใส่ตรงๆ วาลด์พุ่งสูงขี้นไปในอากาศ หลบการโจมตีไปได้ และลอยไปอยู่ข้างภาพขององค์ศาสดาบริมิร์บนกระจก รอยยิ้มดูแคลนอยู่บนใบหน้า
“แกหักหลังหลุยส์!” ไซโตะร้องอย่างเดือดดาล แกว่งดาบเข้าใส่คู่ต่อสู้อีกครั้ง แต่วาลด์ก็แค่หลบ และลงมายืนที่จุดเดิม ระหว่างทั้งสองคน
เอ็กซ์ฟังแค่นั้น และ...มององค์ชายที่นอนจมกองเลือดอยู่ก็เข้าใจสถานการณ์ส่วนใหญ่
“...และยังหักหลังความไว้ใจขององค์หญิงอังริเอตต้า” เอ็กซ์เอ่ยด้วยท่าทีสงบ แต่ชัดเจนว่าเขาโมโห
“อะไรกัน? มีสามัญชนไม่เจียมตัวหมายจะไขว่คว้าดวงจันทร์บนท้องฟ้าอยู่ในที่เดียวกันถึงสองคนเชียวเหรอเนี่ย?” วาลด์ทำเสียงเย้ยหยันประชดประชัน ยกคทาขึ้นมาร่ายคาถา มันชื่อ<วินด์เบรค> เอ็กซ์เคยเห็นในระหว่างการเดินทาง ไซโตะรับเข้าไปเต็มๆ ปลิวลงไปนอนอยู่ข้างๆ หลุยส์
“กันดาล์ฟร์ในตำนานมีพลังแค่นี้เองเหรอ? ความเร็วเท่านี้ให้ฉันหลับตายังฆ่าแกได้ด้วยมือข้างเดียวเลย”
ไซโตะใช้ดาบเหล็กแทนไม้ค้ำพยุงตัวลุกขึ้น
“กันดาล์ฟร์...?” เดอร์ฟลิงเกอร์ทวนคำนั้นซ้ำ
“ใช่แล้ว กันดาล์ฟร์! นานซะจนลืมไปแล้วเนี่ย!”
“หน้าสิ่วหน้าขวานพูดบ้าอะไรของนาย!” ไซโตะดุดาบเหล็กของตัวเอง เขาเสียสมาธิแค่แวบเดียว<วินด์เบรค>ก็เข้ามาถึงเขาโดยไม่ทันรู้ตัว
ซูม!
พายุหมุนลูกเล็กพุ่งเข้ามาจากด้านข้าง ตัดเส้นทางเวทมนตร์ของวาลด์และกลืน<วินด์เบรค>เข้าไป พายุหมุนชนเข้ากับกำแพงโบสถ์ และทะลุมันออกไปด้านนอก ก่อนจะค่อยๆ สลายตัว
วาลด์หันไปทางต้นพายุเหมือนเห็นผี เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทายืนอยู่ มือขวายื่นออกมา ฝ่ามือหงายไปข้างหน้า รอบปลอกแขนหนังมีลมหมุนพัดค่อยๆ หลงเหลืออยู่
“แก!” ความมั่นใจถูกแทนที่ด้วยความร้อนรนและความโกรธ วาลด์เปลี่ยนเป้าหมายไปที่เอ็กซ์ และทั้งคู่ก็เริ่มแลกดาบแลกคทากันในระยะประชิด
“ฟังให้ดีนะคู่หู” เดอร์ฟลิงเกอร์พูดกับไซโตะ “กันดาล์ฟร์คือคู่หูของฉัน ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ แต่เมื่อนานแสนนานมาแล้วก็ด้วย”
“เลิกพูดไร้สาระซะทีเถอะน่า!”
“ฉันไม่เลิก! ฉันจะโชว์ความเจ๋งของฉันให้นายดูเดี๋ยวนี้ล่ะคู่หู!”
ตึง!
เอ็กซ์ถูก<วินด์เบรค>อัดเข้าอย่างจังจนเขาปลิวทะลุกำแพงโบสถ์ออกมาด้านนอก เขาม้วนตัวกลางอากาศลงยืนกับพื้น และพุ่งเต็มสปีดกลับเข้าไปในโบสถ์ ทันได้เห็นภาพอันน่าอัศจรรย์ใจ
วาลด์ร่ายวินด์เบรคเข้าใส่ไซโตะ ทว่ากลับถูกดาบเหล็กขึ้นสนิมที่บัดนี้ส่องแสงสีทองดูดซับเข้าไปราวกับน้ำซึมเข้าไปในฟองน้ำ และแสงสีทองก็ยิ่งสว่างขึ้น
“เป็นไงล่ะ! พลังของ<มือซ้ายของกันดาล์ฟร์> ท่านเดอร์ฟลิงเกอร์ผู้นี้น่ะ!” ดาบเหล็กคุยโอ่เสียงดัง
วาลด์หยุดยิงเวทสุ่มๆ และยืดตัวตรง
“ยังงี้นี่เอง ไม่ใช่ดาบธรรมดา ยิ่งกว่านั้น คนที่บอกว่าตัวเองเป็น<นักเดินทาง>แต่กลับใช้เวทมนตร์ลมได้...ถ้าอย่างนั้นข้าคงต้องเอาจริงเท่านั้นล่ะ!”
วาลด์ชุดคทาขึ้นระดับจมูก และเริ่มร่ายคาถา
“ยูบิควิตัสวินด์”
มีวาลด์เพิ่มขึ้นอีกคน ร่างที่ปรากฏขึ้นใหม่นั้นแยกออกเป็นสอง เป็นสี่ รวมร่างต้นเป็นห้า และกลายเป็นฝ่ายล้อมทั้งสองคนแทน
“ร่างปลอมเหรอ?!” ไซโตะกำดาบแน่น
“ไม่ใช่แค่ร่างปลอมธรรมดา นี่คือ<ยูบิควิตัสวินด์> จุดที่สายลมพัดไปน่ะไม่ได้มีแค่ภาพลวง แต่มีพลัง มีสสาร มีตัวตน”
หนึ่งในร่างแยกหยิบหน้ากากขาวออกมาสวม รูปร่างและลักษณะตรงกับคนที่ลอบทำร้ายหลุยส์ที่ลา โรแชลล์ไม่มีผิดเพี้ยน
“เจ้าหน้ากากนั่นคือแกเองเหรอ!” ไซโตะตาโต
“ไม่ใช่แค่นั้น! ร่างแยกแต่ละร่างมีพลังเท่าๆ กับตัวจริง!”
วาลด์คนหนึ่งกระโจนเข้าใส่ไซโตะ อีกคนพุ่งเข้าหาเอ็กซ์ ที่เหลืออีกสามหยิบคทาออกมาร่ายเวท
“แอร์นีดเดิ้ล” วาลด์สองคนที่ต่อสู้ระยะประชิดสร้างลมหมุนขึ้นที่ปลายคทาเหล็ก
“สร้างวังวนของเวทมนตร์ขึ้นที่คทา ทีนี้ดาบนั่นก็ดูดกลืนเข้าไปไม่ได้แล้ว!”
คทาที่สถิตด้วยพลังของสายลมปะทะกับดาบเหล็ก แรงที่เกิดจากการหมุนของลมส่งไซโตะลงไปนอนกับพื้น ทว่าวาลด์ไม่ปล่อยให้เด็กหนุ่มนอนพักเฉยๆ การต่อสู้ดำเนินต่อในทันที โดยที่ไซโตะได้แต่ป้องกันอยู่ฝ่ายเดียว
ตอนนั้นเองที่หลุยส์รู้สึกตัวตื่นขึ้น เธอมองเห็นไซโตะสู้อยู่กับวาลด์ สีหน้าของเธอตื่นตระหนก แต่เธอเลือกจะจับคทาขึ้นมามากกว่าจะหนี
“ไฟร์บอล!”
ไม่มีลูกไฟออกมา แน่นอน แต่มีระเบิดออกมาแทน ร่างแยกของวาลด์ที่สู้อยู่กับไซโตะถูกระเบิดจนสลายหายไปเป็นสายลม แม้แต่คนร่ายเองยังตกใจ
“เอ๋? เวทมนตร์ของฉัน...?”
ร่างวาลด์ที่เหลือไม่ตกใจนาน ร่ายวินด์เบรคเข้าใส่หลุยส์ เด็กสาวปลิวหลังไปชนกำแพง หมดสติลงอีกครั้ง
“วาลด์!!~”
รูนที่มือซ้ายส่องแสงแรงกล้ากว่าเดิม คราวนี้เขาเป็นฝ่ายโจมตี ไซโตะฟันร่างแยกของวาลด์ที่สู้อยู่กับเขาสลายไป และกระโจนเข้าหาร่างของวาลด์ที่ร่ายเวทอยู่ด้านหลัง วาลด์ทั้งสามร่างต้องตั้งรับอย่างสุดกำลัง
“นี่ล่ะขุมพลังของกันดาล์ฟร์! ความรู้สึกที่ออกมาจากใจยังไงล่ะ!” เดอร์ฟลิงเกอร์อธิบาย แต่ไซโตะไม่ได้สนใจจะฟัง ความเร็วของเขาเพิ่มพร้อมกับสมาธิที่มั่นคงขึ้น
ร่างวาลด์ที่แลกดาบอยู่กับเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาเห็นท่าไม่ดี รีบเข้าไปช่วยอีกสามร่างที่เริ่มหายใจติดขัด ทว่าเสียงตวัดผ่านอากาศในแนวขวางของเหล็กอันคมกริบทำให้ร่างแยกสลายกลับเป็นลมดังเดิม
“หันหลังให้คนที่มีดาบในมือ ประมาทไม่สมเป็นอัศวินเลย” แล้วเอ็กซ์ก็กระโจนเข้าช่วยไซโตะอีกแรง
“พวกแก...! กลับมาที่นี่ทำไม?! เสี่ยงชีวิตให้คนที่ไม่มีวันจะชายตามองพวกแก! เจ้านายไม่มีทางจะมองอสูรรับใช้เป็นมากกว่าอสูรรับใช้! คนที่เป็นองค์หญิงก็ไม่มีทางจะลงมาเกลือกกลั้วกับคนพเนจรหรอก!” วาลด์กัดฟันกรอด
“ไม่มีวันจะชายตามองแล้วจะทำไม?!” ไซโตะกัดริมฝีปากและตะโกนกลับไป
“ถึงสิ่งที่เราทำจะส่งไปไม่ถึง...” เอ็กซ์เอ่ยด้วยใบหน้าที่ปราศจากความลังเล
“ตราบเท่าที่หัวใจนี้ยังร่ำร้อง!”
“เราก็จะไม่หยุด...”
“ปกป้องคนที่เรารักเด็ดขาด!”
ดาบที่ทั้งคู่ใส่ความรู้สึกลงไปตวัดผ่านร่างของวาลด์ทั้งสอง ร่างที่ถูกดาบสั้นตัดกลางลำตัวสลายกลายเป็นลม ส่วนแขนซ้ายที่ถูกดาบเหล็กฟันนั้นหล่นลงกับพื้น ร่างที่แขนขาดข้างหนึ่งเซถอยไปข้างหลัง เลือดสีแดงไหลเป็นแอ่งใต้แขนที่วางนิ่งอยู่บนพื้น ใบหน้าของวาลก์เหยเกด้วยความเจ็บปวด
“คราวนี้ล่ะ...!?” ไซโตะจะเข้าไปปิดบัญชี แต่ร่างกายไม่ฟังคำสั่ง เขาทรุดลงกับพื้น
เอ็กซ์มองดูให้แน่ใจว่าไซโตะไม่ได้บาดเจ็บอะไรร้ายแรง ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาวาลด์ด้วยตัวเอง
คทาก็อยู่ในมือที่ขาด วาลด์ทำอะไรไม่ได้แล้ว ความมั่นใจนี้ทำให้เอ็กซ์ประมาทโดยที่เขาไม่รู้สึกตัว
วาลด์คำรามลอดไรฟัน ก่อนที่ดวงตาสีฟ้าจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว เอ็กซ์ชะงักหยุดวิ่ง
‘ค—ความรู้สึกนี้มัน...!’
(...สัมผัสได้...เผ่าพันธุ์ของฉัน...) เสียงมาเธอร์เอลฟ์พูดขึ้นภายในร่างของเขา
วาลด์ยื่นมือขวาที่ยังเหลืออยู่ออกมาด้านหน้า สายฟ้าสีชมพูพุ่งตรงเข้ามาหาเอ็กซ์ด้วยความเร็วแสง
เปรี้ยง!
กระแสไฟฟ้าที่รุนแรงแล่นผ่านร่างของเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาจนแข็งเกร็ง ก่อนที่เขาจะทรุดลงกับพื้น ใกล้กับร่างไร้ชีวิตขององค์ชายเวลส์
‘น...นี่มัน...!’
สายฟ้าออกมาโดยที่ไม่มีคทา เอ็กซ์มั่นใจว่านี่คือพลังของไซเบอร์เอลฟ์
‘แต่ทำไม...ถึงเพิ่งมาจับสัมผัสได้ตอนนี้...ใกล้ขนาดนี้แท้ๆ...’
เขาคิดได้แค่นั้นสติก็ดับวูบไป
วาลด์ขยับตัวจะปิดบัญชี แต่ดวงตาเขากลับเป็นสีฟ้า และร่างของขุนนางหนุ่มก็เซไปตามขาที่อ่อนแรง
“ช่วยไม่ได้...เป้าหมายสำเร็จไปหนึ่งอย่าง คงต้องถอยแค่นี้ แต่ว่านะกันดาล์ฟร์! กองทัพห้าหมื่นของเรกองกิสตากำลังจะมาที่นี่! ฟังสิ เสียงของเกือกม้า เสียงร้องของมังกร!”
เป็นความจริง รวมทั้งเสียงของทหารและขุนนางที่กำลังต่อสู้ เสียงทั้งหมดดังเข้ามาถึงด้านใน
วาลด์เก็บคทาขึ้นมาจากมือซ้ายที่ขาดบนพื้น แล้วใช้<วินด์เบรค>ทำลายเสาสี่ด้านของโบสถ์ ทำให้มันสั่นสะเทือนและเริ่มถล่ม
“พวกแกทั้งสามคนจะต้องกลายเป็นศพอยู่ที่นี่ล่ะ!”
วาลด์ทิ้งท้ายก่อนจะวิ่งออกไปทางรูที่กำแพง
ไซโตะใช้เดอร์ฟลิงเกอร์ค้ำตัวขึ้น และเข้าไปดูอาการหลุยส์ แต่ปลุกเท่าไรเธอก็ไม่ตื่น
“เอาไงดีคู่หู? อีเกิ้ลก็ออกจากท่าไปแล้ว? ศัตรูห้าหมื่นก็กำลังมาทางนี้ แถมโบสถ์ก็กำลังจะพัง”
ไซโตะอุ้มหลุยส์ขึ้นพาดบ่า แม้ร่างกายจะล้า แต่เขาก็จับตัวเธอไว้แน่น
“พาหลุยส์ออกไปจากที่นี่ไง”
“จะไหวเหรอ? ฝ่าศัตรูห้าหมื่นโดยที่แบกคนไว้บนหลัง ถ้าหนีไปเองล่ะก็นายเอาตัวรอดได้อยู่แล้วนะ”
“ฉันชนะวาลด์ได้แล้ว จะห้าหมื่นหรือแสนนึงก็ช่างหัวมันสิ” ไซโตะแบกหลุยส์ไว้บนไหล่ซ้าย มือซ้ายจับตัวเธอไว้ มือขวากำดาบเหล็ก สายตาเต็มไปด้วยความเร่าร้อน
“พูดได้ดีคู่หู ฉันถูกใจจริงๆ! ตามนั้นเลย ห้าหมื่นน่ะมาเลย!”
ไซโตะหันไปมองร่างของเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาที่ฟุบอยู่ข้างๆ องค์ชาย บางทีเขาอาจจะตายไปแล้ว หรืออาจจะยังหายใจอยู่ก็ได้ แต่ถ้าต้องแบกคนเพิ่มอีกคน หลุยส์กับเขาอาจไม่รอด ตอนนี้ความปลอดภัยของหลุยส์มาเป็นอันดับหนึ่ง
“ขอโทษทีนะ...”
หลังคาโบสถ์เริ่มพังลงมา ไซโตะตั้งท่าจะวิ่งออกไปทางรูที่กำแพง แต่พื้นใต้เท้าเขานูนขึ้นมา ทำให้เขาเสียหลักล้มลง ยังดีที่หลุยส์ไม่กระแทกกับพื้น
“มันอะไรอีกล่ะ?”
จากรูที่พื้น เขาเห็นสิ่งมีชีวิตสีน้ำตาลโผล่ขึ้นมาจากพื้น มันคือ...ตุ่น?
กีชโผล่ขึ้นมาจากหลุมเดียวกับอสูรรับใช้ตุ่นเวร์ดันดี้
“เวร์ดันดี้ลูกป๋า~ เก่งจริงๆ เลย ขุดไปที่ไหนก็—อ้าว! ไซโตะกับหลุยส์อยู่ที่นี่พอดีเลย!”
“กีช! นายมาได้ไงเนี่ย?!”
“หลังจากชนะฟูเก้ต์แล้วเราก็พักซักเดี๋ยว จากนั้นก็ค่อยตามมาไง!”
“แต่นี่มันบนฟ้านะ!” แม้แต่การ์ตูนที่ไซโตะเคยอ่านก็ไม่มีเรื่องไหนที่ตุ่นบินได้
“ซิลฟีดของทาบาสะไง” คนตอบไม่ใช่กีช แต่เป็นคีร์เก้ที่โผล่ขึ้นมาจากหลุมเดียวกัน
“พอซิลฟีดพาเรามาถึงอัลเบี้ยน เราก็...ตัน เพราะไม่รู้จักทาง แต่จู่ๆ เจ้าตุ่นนี่ก็เริ่มขุดดินอย่างเอาเป็นเอาตาย เราก็เลยตามหลุมมา”
“เวร์ดันดี้ของฉันเก่งไปเลยใช่ม้า~ ตามกลิ่นแหวนที่หลุยส์สวมมาจนถึงที่นี่ได้~”
กีชคุยอวดตุ่นของตัวเอง แต่ไซโตะไม่มีเวลาจะมายืนฟัง เขาแบกหลุยส์ขึ้นหลัง เตรียมจะกระโดดลงหลุม แต่นึกถึงเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทา จึงส่งหลุยส์ลงหลุมไปก่อน
“เดี๋ยวๆ! นี่มันอะไรกันเนี่ย?! แล้วท่านวาลด์ล่ะอยู่ไหน? ทำไมโบสถ์นี่กำลังจะพัง? แล้วนั่นนายจะไปไหน?!” กีชเรียกไซโตะที่วิ่งขึ้นไปทางแท่นพิธี
เด็กหนุ่มผมเทาล้มฟุบอยู่ข้างองค์ชายเวลส์ เมื่อไซโตะวิ่งมาจนถึงช่องกลางระหว่างแถวเก้าอี้ เพดานก็ถล่มลงมา ขวางระหว่างเขากับทั้งสองร่าง
“ไซโตะ! มาเร็วเข้า!” กีชเรียกเขาจากในหลุม เพดานถล่มลงมาอย่างต่อเนื่อง ถ้าไซโตะยังลังเลอยู่อาจสายเกินแก้
ทอดสายตาไปทางที่ร่างของเด็กหนุ่มผมสีเทาและองค์ชายเวลส์อยู่ ไซโตะสบถอย่างเจ็บใจ
“โธ่เว้ย!” ไซโตะกัดฟันวิ่งกลับไปหากีช แล้วกระโดดลงหลุม พอดีกับที่โบสถ์ทั้งหลังถล่มลงมา
...
หลุมที่เวร์ดันดี้ขุดนั้นมันไปโผล่ตรง...ก้นทวีป? คนสี่คนกับตุ่นอีกหนึ่งตัวหล่นพรวดออกมาเจอกับเมฆ ทว่ามังกรสีน้ำเงินบินเข้ามารับทั้งหมดได้ทัน ทาบาสะนั่งหน้าตายอยู่บนคอซิลฟีดอย่างเคย
“ทนไว้นะเวร์ดันดี้ที่น่ารักของฉัน!~” กีชให้กำลังใจตุ่นที่มังกรสีน้ำเงินคาบไว้ในปาก มันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่บนหลังของซิลฟีดมีที่พอแค่สำหรับคนห้าคน
“ว่าแต่ไวส์เคานต์วาลด์ล่ะไปไหนแล้ว?” คีร์เก้ถามถึงขุนนางหนุ่มรูปหล่อ
“หมอนั่นเป็นพวกเรกองกิสตาปลอมตัวมา มันทรยศหลุยส์” ไซโตะตอบอย่างหงุดหงิด คีร์เก้ช็อกกับความจริง
“แล้วอีกคนล่ะ?” ทาบาสะถามถึงนักเดินทางหนุ่ม ไซโตะก้มหน้า
“ฉันช่วยหมอนั่นไว้ไม่ได้...”
ทาบาสะไม่เปลี่ยนสีหน้า แต่มือที่กอดตุ๊กตาเด็กผู้หญิงสั่นระริก แววตาไหววูบ
ไซโตะเหลียวมองกลับไปด้านหลัง ทอดสายตาไปยังเกาะลอยฟ้าที่ปกคลุมด้วยเมฆหมอกสีขาว
เขานึกถึงตอนที่เขาและนักเดินทางหนุ่มบอกความลับให้แก่กัน ตอนนั้นเขารู้สึกดีใจจริงๆ ที่มีคนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขา เขารู้สึกว่าน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้
‘ต้องมาอยู่โลกที่ตัวเองไม่รู้จัก ใช้ชื่อปลอม ทั้งที่ยังมีหน้าที่ที่ต้องทำอยู่แท้ๆ องค์ชายเวลส์ก็เหมือนกัน ต้องทิ้งคนรักเอาไว้เบื้องหลัง’
คนดีๆ สองคนต้องมาตายก่อนเวลา ด้วยน้ำมือของคนที่ทรยศหักหลังคู่หมั้นของตัวเองเพื่ออำนาจ ไซโตะรู้สึกปวดร้าวเหลือทน
‘องค์ชายเวลส์...ซา—เอ็กซ์...ขอให้ทั้งสองคนได้พักผ่อนอย่างสงบ...’
มังกรสีน้ำเงินกระพือปีกร่อนผ่านเมฆลงสู่เบื้องล่าง ทิ้งอาณาจักรที่ล่มสลายเอาไว้เบื้องหลัง
--
PBW:”จบภาคอัลเบี้ยนและไลท์โนเวลเล่มสองแล้ว”
DX:”ที่เจ้าเอ็กซ์ใช้ในตอนนั่นคือ...สตอร์มทอร์นาโดใช่มะ?”
PBW:”ถ้าใช้แต่ดาบสั้นไม่ใช้พลังพิเศษก็ไม่ใช่เอ็กซ์สิน้อ~”
DX:”ว่าแต่เจ้าเอ็กซ์มันคงไม่ตายใช่มั้ย?”
PBW:”ถ้าตายเรื่องก็จบน่ะสิ”
DX:”ว่าแต่ ผู้อ่านมีคำถามแน่ะ ท่าทางจะจริงจังมากซะด้วยนะ ตั้งใจพิมพ์ซะยาวเลย”
PBW:”เห็นคนอ่านใส่ใจฟิคของผมมากถึงขนาดคอมเมนต์ถึงตัวเรื่องแบบนี้ เป็นความภาคภูมิใจของคนเขียนเลยล่ะครับ ผมจะตอบคำถามคุณ yinejine เป็นข้อนะครับ”
1. คาแร็คเตอร์ของเอ็กซ์: ฟิคเรื่องที่แล้ว หรือก็คือ [เรปลิลอยด์ของยัย 0 สนิท] นั้น อย่างที่ชื่อบอก เค้าโครงหลักทั้งหมดมีฐานมาจากอนิเมะ ซึ่งมีเนื้อเรื่องค่อนข้างผ่อนคลาย และการที่เอ็กซ์ไปแทนที่ไซโตะนั้นทำให้บทบาทมีขอบเขตจำกัด ยิ่งสี่ซ้าห้าตอนแรกผมเขียนตามแฟนฟิคชั่นเรื่อง [I, X your familiar] ของคุณ zhead ใน www.fanfiction.net ด้วยแล้ว ทำให้คาแร็คเตอร์ของเอ็กซ์ค่อนข้างถูกกำหนดล่วงหน้า หลังจากนั้นก็เป็นคาแร็คเตอร์ของเอ็กซ์ในสายตาผม ซึ่งมีพื้นฐานจากความจริงที่ว่า ‘มีประสบการณ์มาก’ เป็นหลัก ว่ากันตามจริงแล้ว ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตกลงแล้วคาแร็คเตอร์ของเอ็กซ์ในเรื่องที่แล้วมันเป็นยังไงกันแน่ รู้แค่ว่าผ่านขั้นตอนการพัฒนาคาแร็คเตอร์ยังไงบ้าง จึงเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงคาแร็คเตอร์ในฟิคเรื่องนี้ [โลกใบใหม่]
ฟิคเรื่องนี้ [โลกใบใหม่] ไม่มีความเกี่ยวข้องกับชื่อ [ข้ารับใช้ของยัย 0 สนิท] สื่อว่า เนื้อเรื่องจะไม่ตามเค้าโครงดั้งเดิมอีกแล้ว เพราะบัดนี้คนเขียนมีข้อมูลพอจะเขียนเรื่องเองได้แล้ว และก็ไม่จำเป็นต้องให้เอ็กซ์ไปแทนที่ไซโตะอีกต่อไป ดังนั้นจึงได้วางคาแร็คเตอร์ให้เอ็กซ์โดยมีฐานจากประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวในเกม Megaman Zero ประโยคตอนที่เอ็กซ์ปรากฏตัวขึ้นในฐานทัพของรีซิสแทนซ์เพื่อแจ้งว่าเจาะระบบเนโออาร์คาเดียให้ใช้เครื่องขนส่งเข้าไปได้แล้ว ประโยคนั้นเป็นภาษาอังกฤษ(เพราะผมอ่านญี่ปุ่นไม่ออก) ว่า
“NOW GO. TERMINATE THAT COPY OF ME… TERMINATE WITH EXTREME PREJUDICE”
ถ้าจะแปลแบบสรุปก็คือ ไซเบอร์เอลฟ์เอ็กซ์(ซึ่งในตอนนั้นยังไม่เผยตัวตนซะทีเดียว)บอกซีโร่ให้ ‘กำจัดก็อปปี้ของฉันอย่างไร้ความปรานี’ (Prejudice แปลว่า ‘อคติ’ Extreme แปลว่า ‘ที่สุด’ รวมกันก็คือ ‘ให้มีอคติจนถึงที่สุด’ คืออย่าได้ไขว้เขว จงเกลียดชังให้ถึงที่สุด)
ในตอนนั้นใครหลายคนก็ได้รู้ว่าเอ็กซ์ในตอนนั้นเป็นอย่างไร ไม่สนใจอีกแล้ว ‘ความยุติธรรม’ ‘ความถูกต้อง’ ‘ชีวิตของศัตรู’ เอ็กซ์สนใจเพียงทำหน้าที่ให้เสร็จๆ ไปเท่านั้น ไม่เหลียวแลทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าก็อปปี้เอ็กซ์นั้นแท้จริงไม่ได้มีจุดประสงค์เลวร้ายอะไร เพียงแต่ความที่อายุน้อย ขาดประสบการณ์ ทำให้มีความคิดที่ต่างกัน แต่เอ็กซ์ในตอนนั้น ‘ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว’ เขาเหนื่อย เขาด้านชาเต็มทีแล้ว
(“…the hardest part was when I discovered that I no longer care about fighting enemies.”
“...ตอนที่เจ็บปวดที่สุด ก็คือเมื่อฉันรู้ตัวว่าฉันไม่มีความรู้สึกใดๆ กับการต่อสู้อีกแล้ว”)
นั่นคือที่มาของคาแร็คเตอร์เย็นชาและเหนื่อยหน่ายของเอ็กซ์ใน [Prologue: ไซเบอร์สเปซ แดนคนตาย] ตามที่ผมเขียนลงไป
ซึ่งต่อมา คาแร็คเตอร์ในตอนที่ 0 ที่เอ็กซ์อยู่ในคุกนั้น เป็นผลมาจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างเอ็กซ์กับอังริเอตต้าซึ่งผมจินตนาการตามความเข้าใจและตามใจชอบผมเองล้วนๆ อาการของเอ็กซ์คล้ายๆ ว่า ‘เขาที่กำลังหลงทางอยู่ในความมืดพบแสงสว่างภายในตัวเด็กคนนี้’ อะไรทำนองนั้น ซึ่งผลข้างเคียงก็ทำให้อังริเอตต้ากลายเป็นตัวตนที่มีความสำคัญกับเอ็กซ์อย่างยิ่งยวดไปด้วยในเวลาเดียวกัน
และคาแร็คเตอร์หลังจากนั้น คือในช่วงเวลาเนื้อเรื่องหลัก ก็คือคาแร็คเตอร์ที่เกิดจากการได้ ‘พักใจ’ ในโลกที่ค่อนข้างสงบสุข และไม่มีความรับผิดชอบของวีรบุรุษผูกมัด เป็นเวลาถึง 9 ปีอย่างที่ว่า ทำให้เอ็กซ์ค่อนข้างผ่อนคลายขึ้นเยอะ คนเขียนอยากจะเรียกว่า ‘สดชื่น’ มากกว่าที่เป็นสมัย Rockman X - Rockman Zero 3
ส่วนความรักของเอ็กซ์นั้น แน่นอนว่าต้องมีส่วนที่เป็นความรักของหนุ่มสาวอยู่บ้าง(ยังไงเอ็กซ์ก็เป็นพระเอกที่อายุแค่สิบกว่าปี) แต่อีกส่วนหนึ่งก็เป็นความรักของคนที่เป็นผู้ใหญ่อย่างเขาแล้วเช่นกัน บอกตามตรง คนเขียนเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่ามันเป็นยังไง(คนเขียนไม่เคยมีความรักในเชิงนี้มาก่อน ไม่ว่าจะแบบวัยรุ่นหรือแบบผู้ใหญ่) จินตนาการก็มีขอบเขตจำกัด แต่จะพยายามเจาะรายละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้
ถ้าคาแร็คเตอร์ของเอ็กซ์ในเรื่องที่แล้วออกแนว ‘ยึดมั่นในหน้าที่และอุดมคติ’ ล่ะก็ คาแร็คเตอร์ของเอ็กซ์ในเรื่องนี้ก็ออกแนว ‘จิตวิญญาณที่อิสระ มองโลกในมุมที่กว้างขึ้น ปล่อยวางบางเรื่องในขณะที่ยังไม่ทิ้งหน้าที่’
สรุปสั้นๆ: คาแร็คเตอร์เรื่องที่แล้วมีปัจจัยภายนอกเยอะ กับความไม่มีความรู้ในรายละเอียดเนื้อเรื่องในตอนนั้นทำให้ต้องคลำทางไปแบบตาบอด ส่วนคาแร็คเตอร์เรื่องนี้อยู่บนตำแหน่งที่อิสระ ไม่ถูกผูกมัดด้วยเค้าโครงหลักมากนัก และเกิดจากการกลั่นกรองแล้วกลั่นกรองอีก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าไส้กรองมันสกปรกรึเปล่าเหมือนกัน แต่คิดว่าทำดีที่สุดแล้ว
2. บทของสี่จตุรเทพ: ก็พูดยาก มีนั้นมีแน่นอน แต่คงเป็นบทรอง บทรองนะครับ ไม่ใช่ตัวประกอบ ตัวประกอบก็คือแบบไซเบอร์เอลฟ์ที่เอ็กซ์ตามหาพบ สี่จตุรเทพนั้นจะมีบทเป็นของตัวเอง แต่ไม่ได้ออกบ่อยเท่ากับคีร์เก้หรือทาบาสะ ความแตกต่างจากฟิคเรื่องที่แล้วนั้น อยู่ที่ ‘ภูมิหลัง’ และวิธีการปรากฏตัว ซึ่งจะไม่สปอยล์ไปมากกว่านี้ แต่อาจพอบอกได้ว่า เลเวียธานมีสิทธิ์จะมีบทมากเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับอีกสามคน
3. เรื่องต้นฉบับคนเขียน: เรื่องอาจารย์ยามางุจิ โนโบรุ ซึ่งถึงแก่กรรมไปเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556
ตามที่ข่าวรายงาน ดูเหมือนว่าอาจารย์ยามางุจินั้นได้วางโครงเรื่องหลักๆ จนจบบริบูรณ์ในเล่มที่ 22 และได้เขียนเล่มที่ 21 จนเสร็จแล้ว ในเวลานั้นอยู่ในระหว่างกำลังเขียนเล่มที่ 22 ทว่าอาจารย์ก็มาเสียชีวิตไปซะก่อน ทำให้เล่มที่ 21 นั้น ‘ไม่สมบูรณ์’ เพราะยังไม่ได้ผ่านบรรณาธิการจนถึงขั้นตีพิมพ์ได้ และเล่มที่ 22 นั้น ‘ยิ่งเขียนยังไม่จบเลย’ สถานการณ์ของไลท์โนเวล [อสูรรับใช้ของยัย 0 สนิท] นั้นก็คือ 20/22 เล่มสมบูรณ์ มีเค้าโครงเรื่องจนถึงจบบริบูรณ์ ตัวเล่ม 21 เกือบจะสมบูรณ์แล้ว และเล่มที่ 22 ยังขาดส่วนสำคัญอยู่ ข้อเท็จจริงก็ประมาณนี้ อาจจะไม่ตรงเป๊ะแต่ก็ใกล้เคียง
ถ้าถามความเห็นของผม ผมคิดว่าความเป็นไปได้ที่เล่ม 21 จะได้รับการพัฒนาต่อจนถึงขั้นตีพิมพ์นั้นมีค่อนข้างสูง เพราะอาจารย์ยามางุจิลงตัวเนื้อเรื่องจนถึงขั้นที่เรียกว่าเสร็จสิ้นแล้ว อาจขาดความสละสลวยของ 20 เล่มแรกไปบ้างเพราะยังเรียบเรียงไม่เสร็จ แต่ก็เรียกว่าค่อนข้างสมบูรณ์ ขณะที่เล่ม 22 นั้นโอกาสค่อนข้าง 50/50 เป็นเพราะตัวเรื่องยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แม้จะมีโครงเรื่อง แต่นอกจากอาจารย์ยามางุจิแล้ว ไม่มีใครรู้ว่ารายละเอียดของเหตุการณ์นั้นเป็นเช่นไร ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าจะมีบุคลากรที่มีความสามารถและเป็นที่ยอมรับถึงขนาดจะมาปิดงานสุดท้ายนี้ให้สำเร็จได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความเอาใจใส่ของทางสำนักพิมพ์ว่าจะพยายามถึงขั้นใดเพื่อให้ผลงานที่เป็นดั่งตำนานนี้ได้ปิดฉากลงอย่างคู่ควร
และที่สำคัญที่สุด แนวคิดของสำนักพิมพ์ และความเห็นของนักอ่าน ว่า ระหว่าง ‘การปล่อยให้เรื่องค้างคาไม่จบไปทั้งอย่างนั้น และเป็นอนุสรณ์แก่อาจารย์ยามางุจิผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียวต่อไป’ กับ ‘การทำให้มันจบลงอย่างสมบูรณ์ตามความตั้งใจของอาจารย์ แม้จะด้วยมือของคนอื่นที่ไม่ใช่อาจารย์ก็ตาม’ ขึ้นกับว่าระหว่างสองอย่างนี้ เสียงส่วนมากและผู้มีอำนาจจะเห็นว่าอย่างไหนเป็นการแสดงความเคารพต่ออาจารย์มากกว่ากัน
ที่สุดแล้ว แม้จะยังไม่แน่นอน แต่ผมคิดว่ายังมีความหวังจะได้เห็นตอนจบของไลท์โนเวลอยู่ครับ หรืออย่างน้อย ก็นำเอาส่วนของเล่ม 21 และ/หรือ 22 มาทำเป็น OVA ให้ได้ชมกัน(เพราะฝ่ายที่ทำอนิเมะก็ไม่ได้อยู่ใต้การกำกับของอาจารย์ยามางุจิโดยตรงอยู่แล้ว จึงไม่น่าจะต้องห่วงเรื่องคุณภาพจะต่างจากเดิมมากนัก)
ปล.1 เรื่องที่คนเขียนเป็นแฟนพันธุ์แท้ของซีรี่ส์นี้: ใช่ ผมตอบแม้กระทั่งปล.
ผมไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้เรื่องนี้ครับ(เดี๋ยวจะเชื่อคำพูดผมเป็นจริงเป็นจัง) ผมแทบไม่มีความรู้อะไรเลย ในความเป็นจริง รู้เพียงแค่พื้นฐานเท่านั้น นั่นคือ เมื่อตอนที่ผมเริ่มเขียน [เรปลิลอยด์ของยัย 0 สนิท] แรกๆ นะครับ ซึ่งฟิคเรื่องนั้นทำให้ผมจำเป็นต้อง
- ดูฉบับอนิเมะทั้ง 4 ซีซั่นจนจบ และเวลาแต่งถึงตอนไหนก็ต้องดูตอนนั้นซ้ำหลายรอบเพื่อความเข้าใจและเพื่อหาจุดหักเหเหตุการณ์
- เข้าเว็บ wikia เพื่อหาข้อมูลปลีกย่อยเพิ่มเติม จำได้ว่าช่วงนั้น เข้าวันละเจ็ดแปดรอบ อ่านอันเดิมซ้ำเป็นสิบๆ ครั้ง โดยเฉพาะประวัติตัวละคร
- อ่านฉบับไลท์โนเวลใน baka-tsuki.org ซึ่งแปลไว้เป็นภาษาอังกฤษ(ผมอ่านได้สบายมาก) ซึ่งมักจะมีคำอธิบายส่วนปลีกย่อยที่ไม่สามารถยัดลงไปในอนิเมะได้
- อ่านฉบับมังงะซึ่งมีเนื้อเรื่องตามไลท์โนเวล แต่มีภาพประกอบคำอธิบาย ในส่วนที่ไลท์โนเวลอธิบายแล้วผมไม่เข้าใจ โชคร้ายที่มีถึงแค่ไลท์โนเวลเล่มที่ไม่เท่าไหร่
นั่น จึงทำให้ดูเหมือนว่าผมมีความรู้เยอะ ซึ่งจริงๆ ก็มีเยอะนั่นล่ะ เพราะผมชอบเซ็ตติ้งของเรื่องนี้มากเป็นอันดับต้นๆ ของอนิเมะ/มังงะ/ไลท์โนเวลที่ผมอ่านมา แต่เพียงแค่เพราะผมไม่รู้สึกชื่นชอบไซโตะมากเท่าที่ควร ทำให้ผมไม่ได้ติดตามเรื่องนี้(ผมเป็นพวก ‘เรื่องมาก’ เวลาเลือกอนิเมะ/มังงะ/ไลท์โนเวลดู)
แม้แต่ในตอนนี้ ผมก็เพียงแค่พูดตามแหล่งข้อมูล แต่ความเข้าใจไม่ได้ลึกซึ้งไปกว่าคนที่อ่านมาจริงๆ หรอก
ผมไม่ได้เป็นแฟนพันธุ์แท้ของ [อสูรรับใช้ของยัย 0 สนิท] ต้องบอกว่า เพราะผมเป็นแฟนตัวยงของซีรี่ส์ [ร็อคแมนเอ็กซ์] และ [ร็อคแมนซีโร่] และอันดับหนึ่งครอสโอเวอร์ที่ผมชอบที่สุดก็คือ ครอสกับเรื่อง [อสูรรับใช้ของยัย 0 สนิท] ชอบถึงขนาดคิดอยากจะเขียนเองบ้าง จึงเป็นสาเหตุให้ผมตัดสินใจหันมาดู/อ่านเรื่องนี้ด้วยความจริงจัง และแม้แต่เวลาที่ดู ผมก็ไม่ได้รู้สึกชอบไซโตะมากไปกว่าทีแรกนัก (ผมไม่ได้รู้สึกด้านลบกับไซโตะหรืออะไร เพียงแต่...สำหรับผมแล้ว พอได้อ่านฟิคที่เอ็กซ์ถูกอัญเชิญมาแทนไซโตะ...ระดับความชอบในตัวละครมันผิดกันลิบ คือถ้าเลือกได้ ผมก็เลือกเอ็กซ์อย่างไม่ลังเล)
ปล.2 เรื่องที่บรรยากาศของเรื่องนี้ดูจริงจังกว่าเรื่องที่แล้ว: เรื่องนื้ถือเป็นเรื่องสำคัญ เป็นแก่นของฟิคเรื่องนี้เลย จำเป็นต้องคุยกันจริงจังสักหน่อย
ประเด็นหลักเลยคือ เรื่องนี้ผมดำเนินเรื่องตามไลท์โนเวล จะเห็นว่าลำดับเหตุการณ์ต่างจากฟิคเรื่องที่แล้ว ซึ่งดำเนินเรื่องตามอนิเมะ ไลท์โนเวลนั้นมีเนื้อเรื่องที่จริงจังและหนักหน่วง(เรียกว่า<ดราม่า>)กว่าอนิเมะอย่างไม่ต้องสงสัย และการที่เปลี่ยนมุมมองจากฝั่งทางไซโตะกับหลุยส์ที่เป็นวัยใสวัยรุ่นมาทางเอ็กซ์ หุ่นยนต์อายุร่วมศตวรรษที่เคยยืนท่ามกลางซากศพ ย่อมต้องส่งผลให้บรรยากาศของเรื่องดูอึมครึมกว่าอย่างช่วยไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ในด้านความจริงจังของการเขียนนั้น ผมซึ่งเป็นคนเขียนจงใจ/ตั้งใจ/ต้องการให้มันเป็นเช่นนั้นครับ ผมต้องการจะเขียนเรื่องที่เป็นออริจินัล สร้างขึ้นเพื่อเอ็กซ์โดยเฉพาะ ในแบบที่ผมคิดว่าจะไปด้วยกันกับคาแร็คเตอร์ของเอ็กซ์ในเรื่องนี้ได้มากที่สุด และผลก็ออกมาตามที่เห็นครับ
จากที่ผมดูแล้ว ที่พูดถึงความจริงจังของเรื่องก็คือในตอนที่แล้ว ผมเข้าใจว่าเป็นเพราะการสละชีวิตขององค์ชายเวลส์และราชวงศ์ บางคนอาจรู้แล้ว บางคนอาจยังไม่รู้ เนื้อหาในตอนที่แล้วผมลอกบทสนทนาและบทบรรยายมาจากไลท์โนเวลซะเกือบหมด นอกจากส่วนที่เอ็กซ์มีบท นั่นคือมาจากไลท์โนเวลแท้ๆ ถ้ามันดูจริงจังในส่วนนั้น ก็คือตัวไลท์โนเวลมันจริงจังของมันอยู่แล้ว ผมแค่ไม่เปลี่ยนแปลงมันเท่านั้นเอง
และ เผื่อไว้ก่อนเลยถ้าใครจะพูดเรื่องไซโตะตัดสินใจทิ้งเอ็กซ์ในตอนท้ายของตอนนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการทอดทิ้งด้วยเหตุจำเป็น อนิเมะแท้ๆ เรื่องอื่นก็มีกันไม่น้อย ถ้ามองจากมุมของไซโตะแล้ว ผมไม่คิดว่าแปลกอะไรมากนัก
ปล.(มั่ง) แต่ถ้าตอนที่แล้วรู้สึกว่ามันจริงจังเพราะการสาธยายถึงเหตุผลในการปฏิเสธขององค์ชายเวลส์ล่ะก็ ผมอยากจะบอกว่า ‘ผมพลาดไปแล้ว’
ไลท์โนเวลนั้นแท้ที่จริงก็ให้ความหมายคล้ายๆ กัน แต่จะแฝงเอาไว้แบบพอให้มองเห็น ทิ้งคำใบ้เป็นวลีต่างๆ ซึ่งนำไปสู่ใจความสำคัญเดียวกัน(เรื่องเสแสร้างยิ้มอะไรอย่างนี้เป็นต้น) แต่ผมกลับอธิบายออกมาโต้งๆ ทำให้ดูซับซ้อนยุ่งยาก แทนที่จะให้เข้าใจด้วยความรู้สึกเหมือนต้นฉบับ ผมเองก็รู้สึกว่าพลาดไปที่เขียนให้ดูเป็นวิชาการเข้าใจยาก แต่ผมเองก็ยังไม่มีฝีไม้ลายมืออะไรเหมือนอาจารย์ยามางุจิ จึงออกมาเป็นรูปดังที่เห็น
DX:”ตอบยาวมากเอ็ง ยาวตั้งครึ่งของเรื่องในตอน”
ความคิดเห็น