ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rockman X {x} Zero no Tsukaima : โลกใบใหม่

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2: ภารกิจของผู้มาจากต่างโลก

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ย. 61



    (ภาพตัวละคร
    Arc 1 : ฟูเก้ต์แห่งดินสลาย / Credit: baka-tsuki.org)

     

    เช้าวันต่อมา...

     

    สถานศึกษาเวทมนตร์ทริสเทนตกอยู่ในความสับสน เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ภายในเกิดความโกลาหลราวกับผึ้งแตกรัง ทำไมน่ะหรือ? ก็เป็นเพราะคทาแห่งการทำลายล้างถูกขโมยไปโดยหัวขโมยชื่อดังน่ะสิ

     

    ขอคทาแห่งการทำลายล้างไปล่ะ - ฟูเก้ต์แห่งดินสลาย เจอประโยคนี้สลักอยู่บนกำแพง เป็นใครก็ต้องขนคอตั้งชัน

     

    คณะอาจารย์ในโรงเรียนต่างมารวมตัวกันยังที่เกิดเหตุเพื่อรับฟังข่าวร้าย แต่ละคนล้วนเป็นจอมเวทผู้มากความสามารถ ทว่าทำได้เพียงพร่ำคำสบถเหมือนป้าขี้บ่นเท่านั้น

     

    หัวขโมยที่ทำชนชั้นสูงหัวปั่นไปทั่วอาณาจักรเองเหรอเนี่ย!? เจ้านั่นกล้ามากที่บุกโรงเรียนของเรา!” หนึ่งในอาจารย์ที่เพิ่งจะรู้เรื่องไม่นานขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

     

    แล้วยามไปอยู่ไหนหมด?!”

     

    ถึงอยู่ก็ไม่มีประโยชน์หรอก! พวกนั้นก็แค่สามัญชน! ถ้าไม่ใช่ผู้ใช้เวทมนตร์ ไปขวางทางมีแต่จะตายเปล่า! พูดถึงผู้ใช้เวทมนตร์ เมื่อคืนนี้เป็นกะของใคร? ชนชั้นสูงคนไหนที่ต้องเข้าเวรเมื่อคืนนี้?

     

    คณะอาจารย์มองกันเองด้วยสายตาตำหนิ ไม่มีใครยอมออกตัว ผู้อำนวยการเห็นความไม่ไว้ใจเริ่มเกิดขึ้นในหมู่อาจารย์จึงยกมือขึ้นให้เงียบเสียง

     

    เรื่องใหญ่ขนาดนี้ การจะผลักความรับผิดชอบไปให้คนคนเดียวไม่สมควรจะเป็นการกระทำของบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิอย่างอาจารย์ของโรงเรียน

     

    แต่ท่านผู้อำนวยการออสมัน...!”

     

    ถ้าคิดแต่จะหาความผิดกับผู้อื่นแทนที่จะแก้ปัญหา แล้วจะเรียกว่าเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนอื่นโดยเฉพาะนักเรียนได้ยังงั้นรึ?

     

    คณะอาจารย์เงียบไป ผู้อำนวยการเป็นชายชราผมและหนวดเครายาวสีขาวในชุดคลุมยาวสีเทา ให้ความรู้สึกของผู้อาวุโสที่น่าเคารพ คำพูดนี้แทงใจดำของผู้ที่ได้ยินทุกคน

     

    แต่เดิมข้อบกพร่องมันก็มีอยู่แล้ว ความรับผิดชอบนี้เป็นของทุกคน รวมทั้งฉัน ทำไมเราคิดกันว่าจะไม่มีขโมยขโจรที่ไหนกล้าบุกเข้ามาในโรงเรียน? เพราะจำนวนของผู้ใช้เวทมนตร์ที่เรามีอยู่ในโรงเรียนเหรอ? การคิดแบบนั้นถือเป็นความผิดตั้งแต่แรกแล้ว

     

    ทุกคนเงียบ ผู้อำนวยการปรายตาไปทางตัวหนังสือที่เป็นความอับอายของโรงเรียนบนผนัง

     

    ทางราชสำนักไว้ใจให้โรงเรียนของเราเก็บรักษาสมบัติชิ้นสำคัญเอาไว้ การที่คทาแห่งการทำลายล้างถูกฟูเก้ต์ขโมยไปได้ถือเป็นความบกพร่องของพวกเรา เป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องกู้ชื่อเสียงของที่นี่คืนมา พูดจนเห็นว่าพอแล้ว ผู้อำนวยการหันไปทางอาจารย์ผู้สวมแว่นกลมและศีรษะล้านไปเกือบถึงท้ายทอย

     

    มิสเตอร์โคลแบร์ ให้พวกเขาเข้ามาได้ มิสเตอร์โคลแบร์พยักหน้า ก่อนจะเดินไปที่ประตูซึ่งกั้นระหว่างห้องกับทางเดินด้านนอก และเปิดมันออก ให้คนเจ็ดคนเดินเข้ามา

     

    จากเจ็ดคน มีเพียงห้าคนที่เป็นผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่กำลังเป็นประเด็นร้อน อีกสองคนเป็นยามที่มีหน้าที่ควบคุมตัวเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาซึ่งแต่งตัวเหมือนนักเดินทาง มิสเตอร์โคลแบร์เริ่มแนะนำทั้งห้าแก่ที่ประชุม

     

    มิสเซิร์บสต์ มิสทาบาสะ มิสวาลลิแยร์กับอสูรรับใช้ ไซโตะ ฮิรากะ แล้วก็...

     

    ทุกสายตาจับจ้องไปที่เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาผู้สวมเสื้อคลุมมีฮู้ดสีขาวและผ้าสีแดงพันที่เอว เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ถูกสวมตรวนไม้ที่ข้อมือ

     

    ...เจ้าเป็นใคร? ผู้อำนวยการถามคนแปลกหน้าเพียงคนเดียวของสถานที่แห่งนี้

     

    ผมเป็นนักเดินทาง ชื่อว่า [ซาวิเยร์] ครับ ชายผู้บอกให้เรียกตัวเองว่าซาวิเยร์ตอบด้วยอาการสงบสำรวม

     

    นักเดินทางมาทำอะไรอยู่ในห้องเก็บสมบัติของโรงเรียนเวทมนตร์ ออสมันถามต่อ

     

    ผมมีสิ่งที่ตามหาอยู่ และก็ได้ข่าวมาว่าอาจจะพบได้ที่ห้องนี้ ซาวิเยร์ตอบด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง

     

    ของสิ่งนั้นคืออะไร?

     

    ผมเองก็ยังไม่แน่ใจ ต้องได้มองดูใกล้ๆ จึงจะทราบ แต่... ดวงตาสีเขียวมรกตมองไปรอบห้อง

     

    ดูเหมือนว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งเดียวกับที่ถูกขโมยไป

     

    ไร้สาระ! คิดว่าคำโกหกพรรค์นี้จะหลอกพวกเราได้รึยังไง?!” อาจารย์ชายคนหนึ่งสวนออกมา

     

    ใจเย็นไว้ก่อน เรายังมีพยานอีกสามคน ผู้อำนวยการหันไปทางนักเรียนหญิงผู้เกี่ยวข้องกับอสูรรับใช้อีกหนึ่ง

     

    ทั้งสามคนถูกถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยละเอียด แต่เด็กสาวผมสีชมพูที่ชื่อหลุยส์กับเด็กสาวผมสีแดงที่ชื่อคีร์เก้เห็นเพียงแค่ตอนที่หัวขโมยบินออกจากรอยแตกที่กำแพงหนีไปเท่านั้น คนที่เห็นเหตุการณ์มากที่สุดไม่นับเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาที่เชื่อถือไม่ได้ก็มีแต่เด็กสาวสวมแว่นผู้ขี่มังกรสีน้ำเงินขึ้นไปถึงที่เกิดเหตุ

     

    ได้ยินเสียงต่อสู้ดังมาจากข้างใน พอมองเข้าไป ก็เห็นเขากับฟูเก้ต์เผชิญหน้ากัน เด็กสาวผมสั้นสีฟ้าที่ชื่อทาบาสะตอบด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก แม้แต่น้ำเสียงเองก็ราบเรียบ ผู้อำนวยการหันมาถามเด็กหนุ่มผู้ถูกจองจำ

     

    เจ้าได้ประมือกับฟูเก้ต์ด้วยงั้นรึ?

     

    เพียงแค่ครู่เดียว พอที่จะรู้ว่าฝีมือของฟูเก้ต์เป็นดังข่าวลือครับ เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาตอบตามจริง

     

    นอกจากนั้นล่ะ? ออสมันถามถึงข้อมูลที่อาจจะเป็นประโยชน์

     

    เสียงของฟูเก้ต์ ทั้งรูปร่างที่ดูบอบบาง ให้ความรู้สึกว่าเป็นผู้หญิงสาวครับ

     

    ผู้หญิงงั้นเหรอ...ข้อมูลเพียงเท่านี้ยังไม่พอจะออกไปตามหา...ว่าไปแล้ว มิสลองก์วิลล่ะ? ผู้อำนวยการถามหาเลขาฯสาวของตัวเอง คณะอาจารย์มองกันเองก่อนจะพากันส่ายหน้า

     

    ไม่เห็นเธอตั้งแต่เช้าแล้วครับ

     

    ในเวลาอย่างนี้ ไปอยู่ที่ไหนกันนะคะเนี่ย?

     

    เหมือนวางคิวไว้ล่วงหน้า ประตูเปิดออกพร้อมกับที่หญิงสาวสวมแว่นตาเดินเข้ามา ผมสีเขียวของเธอมัดขึ้นไว้บนศีรษะเป็นทรงหางม้า สวมชุดคลุมยาวสีน้ำเงินซึ่งเป็นเครื่องแบบของอาจารย์ทุกคน

     

    ดิฉันได้ไปทำการสืบสวนมาอย่างคร่าวๆ ก่อนที่จะมาที่นี่ ทำให้มาสาย ต้องขออภัยด้วยค่ะ

     

    ดีมาก มิสลองก์วิล แล้ว...พบอะไรบ้างรึเปล่า? ผู้อำนวยการถามอย่างมีความหวัง

     

    ตามคำบอกเล่าของสามัญชนที่อาศัยอยู่แถบนี้ พบเห็นบุคคลปริศนาสวมผ้าคลุมฮู้ดสีดำเข้าไปในบ้านร้างกลางป่าใกล้ๆ นี้ค่ะ

     

    ผ้าคลุมฮู้ดสีดำ? เหมือนกับฟูเก้ต์เลย!” เด็กสาวผมสีชมพูหลุยส์โพล่งออกมา ผู้อำนวยการรีบถามเลขาฯสาวต่อทันที

     

    จากที่นี่ไปเป็นระยะทางแค่ไหน?

     

    ด้วยเท้าก็สักครึ่งวัน ถ้าเป็นม้าก็สี่ชั่วโมงค่ะ

     

    เราต้องรีบแจ้งไปยังทางปราสาท ขอกำลังเสริมจากทางกองทัพ!” อาจารย์ศีรษะเกลี้ยงเกลามิสเตอร์โคลแบร์เสนอเสียงดัง แต่ถูกผู้อำนวยการดุด้วยเสียงที่ดังพอๆ กัน

     

    ไม่ได้! กว่าสารจะไปถึง รอการอนุมัติ แล้วก็ต้องให้ทางกองทัพส่งคนมาอีก ฟูเก้ต์คงจะหนีไปไกลแล้ว! อีกอย่าง เรื่องเกิดขึ้นภายในโรงเรียนของเรา ถ้าเราจัดการกันเองไม่ได้ ยังจะเรียกตัวเองว่าเป็นชนชั้นสูงได้อีกเหรอ!?”

     

    มิสลองก์วิลยิ้ม ราวกับว่าเธอรอคำตอบนี้จากท่านผ.อ.อยู่แล้ว

     

    เราจะจัดคนตามไปนำคทาแห่งการทำลายล้างกลับมา ผู้ที่ต้องการจะอาสา ขอให้ชูคทาขึ้น

     

    ทว่าไม่มีแม้แต่เสียงตอบกลับ คณะอาจารย์ได้แต่ส่งสายตาเกี่ยงกัน ผู้อำนวยการเห็นก็ส่ายหน้า

     

    อะไรกัน? ช่างน่าอับอายจริงๆ ไม่มีใครอยากจะเป็นผู้กล้าที่จับตัวฟูเก้ต์แห่งดินสลายบ้างเลยรึ?

     

    ใครคนหนึ่งค่อยๆ ยกมือขึ้น ทว่าสิ่งที่อยู่กับมือทั้งสองข้างของเขาไม่ใช่คทา แต่เป็นเครื่องจองจำ เสียงหายใจเฮือกของใครหลายคนดังขึ้นพร้อมกันจนได้ยินไปทั่วห้อง

     

    ไม่ได้เหรอครับ? เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาถามด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันแสดงออกถึงความเสียดาย ราวกับจะสื่อว่า ก็ไม่เห็นจะมีใครอาสา อย่างน้อยก็น่าจะให้ผมไป

     

    ท่ามกลางความตกตะลึง มืออีกข้างหนึ่งค่อยๆ ยกขึ้น ครั้งนี้ถือคทาเอาไว้ด้วย

     

    มิสวาลลิแยร์!” มิสเตอร์โคลแบร์ร้องตกใจ เธอเป็นนักเรียนนะ! เรื่องอันตรายแบบนี้ต้องให้เป็นหน้าที่ของอาจารย์ถึงจะถูก!”

     

    แต่นอกจากสามัญชนผู้นี้แล้วก็ไม่เห็นจะมีใครอาสาเลยนี่คะ... หลุยส์พึมพำเสียงเบา แต่ดังพอจะกระทบใจดำของคณะอาจารย์ในห้อง

     

    ซาวิเยร์เหลือบมองเด็กสาวผมสีชมพู เขามองเห็นริมฝีปากที่เม้มแน่นของเธอสั่นไหว แสดงถึงความกลัว แต่เธอเอาชนะมันด้วยความกล้า เขายิ้มด้วยความชื่นชม

     

    คทาอีกหนึ่งด้ามถูกชูขึ้น คราวนี้เป็นของเด็กสาวผมสีแดง

     

    มิสเซิร์บสต์!” มิสเตอร์โคลแบร์ตกใจเป็นครั้งที่สอง เท่านั้นไม่พอ คทาที่สามก็เป็นของนักเรียนอีกเช่นกัน กลายเป็นว่าเด็กสาวเพียงสามคนในห้องขันอาสากันครบ

     

    ทาบาสะ! ฉันแค่ไม่อยากแพ้วาลลิแยร์ เธอไม่ต้องมาก็ได้นี่!”

     

    ฉันเป็นห่วงพวกเธอ แล้วก็... เด็กสาวสวมแว่นปรายตาไปทางเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาที่ยืนอยู่กับเครื่องจองจำที่ข้อมือ แต่ไม่พูดอะไรไปมากกว่านั้น ทิ้งเพื่อนของเธอกับผู้อ่านไว้ในความสับสน

     

    งั้นก็เป็นพวกเธอสามคนสินะ ผู้อำนวยการออสมันสรุป

     

    แต่ท่านผู้อำนวยการคะ! พวกเธอเป็นแค่นักเรียนนะคะ!” อาจารย์หญิงคนหนึ่งท้วงด้วยสีหน้าเป็นกังวล

     

    ถ้าเช่นนั้นมิสชูวรูสจะอาสาไปแทนทั้งสามคนรึไม่ล่ะ?

     

    เอ่อ...ดิฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย...น่ะค่ะ...ก็...

     

    ทั้งสามคนเห็นตัวฟูเก้ต์ แล้วยิ่งกว่านั้น มิสทาบาสะ แม้จะอายุยังน้อย ก็ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น<ชูวาลิเยร์>แล้ว ถูกต้องรึไม่? ผู้อำนวยการหันไปทางเด็กสาวสวมแว่นซึ่งยืนนิ่งโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า แต่หน้าของคนอื่นๆ สีเปลี่ยนไปต่างๆ กัน

     

    จริงเหรอทาบาสะ?!” คีร์เก้ถามเอากับเพื่อนของเธอ

     

    ชูวาลิเยร์นั้น ถึงแม้ในจำนวนบรรดาศักดิ์ทั้งหมดที่ราชวงศ์สามารถมอบให้กับบุคคลได้ถือเป็นยศที่ต่ำที่สุด ต่ำกว่า<บารอน>และ<มาร์ควิส>แต่การจะได้สองบรรดาศักดิ์นี้แค่ครอบครองผืนดินจำนวนมากก็เพียงพอแล้ว ขณะที่เงื่อนไขของชูวาลิเยร์นั้นคือการประกอบคุณงามความดีแก่อาณาจักร เป็นตำแหน่งที่จะได้ด้วยผลงานเท่านั้น

     

    เกิดเสียงฮือฮาขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นประเด็นของเด็กสาวผู้ได้รับตำแหน่งอัศวินตั้งแต่อายุยังน้อย ซาวิเยร์มองดูทาบาสะที่ยังคงรักษาใบหน้าที่นิ่งเฉยเอาไว้ได้แม้ท่ามกลางสายตาจำนวนมาก

     

    เป็นอัศวินตั้งแต่อายุเท่านี้ คงมีพรสวรรค์พอตัว แต่ว่า...เกิดอะไรขึ้นรึเปล่านะ? จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องของเขาหรอก เขาแค่สงสัย

     

    ทาบาสะมองตอบกลับ ทั้งคู่สบตากัน ซาวิเยร์รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างดีดผึงขึ้นในหัว แต่เขาไม่รู้ว่าเป็นอะไร

     

    เพื่อไม่ให้มีการเสียน้ำใจ ผู้อำนวยการกล่าวถึงนักเรียนหญิงที่แสดงความกล้าอีกสองคนบ้าง คีร์เก้บุตรีแห่งตระกูลวีรบุรุษสงครามเซิร์บสต์ผู้เชี่ยวชาญเวทมนตร์ไฟยืดอกอย่างภาคภูมิใจ ขณะที่หลุยส์ บุตรีแห่งตระกูลวาลลิแยร์ทำหน้าบอกบุญไม่รับเมื่อใบหน้าของผู้อำนวยการแสดงชัดว่ากำลังพยายามเค้นหาสิ่งที่สามารถจะยกย่องเกี่ยวกับตัวเธออย่างสุดความสามารถ การที่มองออกว่าผู้อำนวยการหาไม่ได้นั่นล่ะที่รบกวนใจเธอจนต้องแสดงออกทางสีหน้า

     

    แล้วก็... สายตาของออสมันเลื่อนไปที่เด็กหนุ่มผมดำซึ่งยืนอยู่ด้านหลังสามผู้กล้า อสูรรับใช้ของมิสวาลลิแยร์ ถึงแม้จะเป็นสามัญชน แต่ก็สามารถเอาชนะบุตรของนายพลกรามองต์ในการประลองได้อย่างใสสะอาด ผู้อำนวยการยังเก็บบางอย่างเอาไว้ในใจ แต่ซาวิเยร์ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

     

    เอาล่ะ จะขอถามเป็นครั้งสุดท้าย ถ้ามีใครคิดว่าตัวเองสามารถปฏิบัติหน้าที่นี้ได้ดีกว่าทั้งสามคน ขอให้ก้าวออกมา

     

    ...เงียบกริบ...

     

    ถ้าเช่นนั้น ทางโรงเรียนจะเฝ้ารอข่าวดีจากพวกเธอ ผู้อำนวยการพูดกับทั้งสี่คน จากนั้นจึงหันไปทางเลขาฯสาว

     

    มิสลองก์วิล คุณไปกับพวกเธอด้วยจะได้รึเปล่า?

     

    ดิฉันยินดีอยู่แล้วค่ะ ท่านผู้อำนวยการโอลด์ ออสมัน มิสลองก์วิลตอบตกลงอย่างเต็มใจ

     

    เอ่อ... เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นดึงความสนใจจากผู้คนทั่วทั้งห้อง เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาชูมือทั้งสองที่ติดเครื่องจองจำขึ้นข้างศีรษะ

     

    แล้วผมล่ะครับ?

     

    ...เงียบกริบ...

     

    ...

     

    มิสลองก์วิลเป็นผู้ดูแลและผู้นำทาง ทั้งหกคนผ่านประตูโรงเรียนออกไปในรถม้า...จริงๆ ก็แค่เกวียนเสริมด้วยไม้สองแผ่นเป็นที่นั่งแล้วใช้ม้าสองตัวลากเท่านั้นล่ะ หลังคาก็ไม่มี ซึ่งก็ถือเป็นข้อดี มองเห็นรอบข้างได้สะดวก และถ้าถูกจู่โจมก็กระโดดออกลงได้ง่าย

     

    มิสลองก์วิลทำหน้าที่กุมบังเหียน นักเรียนหญิงสามคน อสูรรับใช้หนึ่งตัว(?) กับนักโทษ(?)อีกหนึ่งที่ปลดเครื่องจองจำออกแล้วนั่งอยู่ด้านหลัง เห็นว่าไม่มีใครพูดอะไร คีร์เก้ตัดสินใจชวนคุย

     

    มิสลองก์วิล คุณเคยเล่าให้พวกเราฟังว่าคุณเสียสถานะของชนชั้นสูงไปแล้ว เรื่องมันเป็นมายังไง เล่าให้พวกเราฟังหน่อยสิคะ~” เธอเลียบเคียงถามอาจารย์หญิงที่นั่งอยู่ที่นั่งคนขับ

     

    เสียมารยาทน่ะ เซิร์บสต์ หลุยส์พูดเสียงตำหนิ

     

    ถ้างั้นเธอบอกฉันได้มั้ยล่ะ วาลลิแยร์ คีร์เก้เอ่ยเสียงขุ่น

     

    มันก็มีหลายสาเหตุนะครับ เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาพูดขึ้น เรียกความสนใจจากทุกคน

     

    ส่วนมากจะเป็นเพราะเรื่องขัดผลประโยชน์กับขุนนางคนอื่นหรือไม่ก็กระทำสิ่งที่ไม่สมควร ทำให้ถูกนำเรื่องเข้าสภาและปลดจากบรรดาศักดิ์ที่มีอยู่ มีบ้างที่สมัครใจทิ้งยศศักดิ์ไปเอง แต่ก็เป็นส่วนน้อย พวกเขาเหล่านั้นมักจะใช้ความสามารถด้านเวทมนตร์ที่ไม่ได้เสียไปกับบรรดาศักดิ์ในการเลี้ยงชีพ เป็นทหารรับจ้าง โชคดีหน่อยก็ได้เป็นนักวิจัย การได้รับตำแหน่งที่มีหน้ามีตาถึงในสถาบันสำคัญอย่างโรงเรียนนี้ถือว่าเป็นเรื่องดีมากเลยล่ะครับ

     

    รู้เยอะจังเลยนะ คีร์เก้เอ่ยด้วยความทึ่ง

     

    ผมได้พบกับคนเหล่านั้นในระหว่างเดินทางน่ะครับ

     

    จะว่าไป ท่าทางเจ้ายังอายุน้อยอยู่เลย ออกเดินทางตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ? มิสลองก์วิลรู้สึกสนใจขึ้นมา

     

    ผมเริ่มเดินทางตอนอายุสิบสี่ นี่ก็เก้าปีได้แล้วล่ะครับ

     

    อายุยี่สิบสามแล้วเหรอเนี่ย!?” เด็กหนุ่มผมดำไซโตะร้องด้วยความตกใจ เช่นเดียวกับคนอื่นๆ เพราะเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทายังดูอายุน้อยอยู่เลย

     

    ไม่ใช่ครับ ผมอายุสิบเก้าปี ยังไม่แก่ขนาดนั้นหรอกครับ ซาวิเยร์พูดติดตลก ไม่รู้เลยว่าคำพูดของเขาทำร้ายเลขาฯสาว(อายุยี่สิบสาม)โดยไม่ได้ตั้งใจ

     

    คิดเลขไม่เป็นรึไง? หลุยส์ขมวดคิ้ว

     

    ยังมีเวลามาว่าใครเขาอีกนะ วาลลิแยร์ คีร์เก้จู่ๆ ก็พูดขึ้น

     

    มีปัญหาอะไร เซิร์บสต์ หลุยส์ตอบโต้เสียงขุ่น

     

    พอเจอฟูเก้ต์แล้วเธอจะทำยังไงล่ะ? หลบหลังพุ่มไม้ให้ไซโตะสู้รึไง? เธอพูดเป็นเชิงดูถูก

     

    ใครหลบ!? เดี๋ยวฉันจะใช้เวทมนตร์ของฉันจัดการกับฟูเก้ต์อย่างสวยงามให้ดู!” หลุยส์อารมณ์ขึ้น

     

    เวทมนตร์ของศูนย์สนิทอย่างเธอน่ะเหรอ? ฉันจะรอดูก็แล้วกัน~” คีร์เก้ทำยักไหล่ ท่าทางที่หลุยส์เห็นว่าเป็นการดูหมิ่นเธออย่างร้ายแรง

     

    ศูนย์สนิทเหรอ? ซาวิเยร์รู้สึกว่าเป็นฉายาทางเวทมนตร์ที่แปลกดี ไม่แสดงถึงความเป็นธาตุทั้งสี่เลย แต่ดูจากโครงสร้างของบทสนทนาแล้ว น่าจะเป็นฉายาที่ตั้งล้อเลียนกันมากกว่าจะเป็น<ชื่อที่สอง>

     

    นี่ ดาร์ลิ้ง~ ฉันมีอะไรจะให้ด้วยล่ะ~” เด็กสาวผมแดงหันไปคลอเคลียเด็กหนุ่มผมดำ ก่อนจะดึงดาบสีทองเล่มใหญ่ออกมาวางที่ตักของเขา

     

    อ๊ะ ดาบเล่มนั้น ซาวิเยร์จำได้ทันที มันเป็นดาบที่เขาตอกเจ้าของร้านซะจนหน้าหงายไปนั่นเอง

     

    หืม? จริงสิ เจ้าคือคนเมื่อตอนนั้นเองสินะ? หลุยส์ทำท่านึกออก

     

    เพิ่งจะจำได้เหรอครับ? ซาวิเยร์รู้สึกทึ่งกับความจำของเด็กสาว และไม่ใช่ในทางที่ดี

     

    ดาบเล่มนี้มันทำไมเหรอ? คีร์เก้ยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น แต่เมื่อได้รับคำอธิบายจากซาวิเยร์แบบเดียวกับที่เขาอธิบายให้สองคนก่อน เธอก็ทำหน้ามุ่ย

     

    ของคุณภาพต่ำงั้นเหรอ แล้วดาบสนิมเขรอะนั่นมันดีกว่าซักแค่ไหนเชียว

     

    ทั้งหกเริ่มเข้าสู่เขตป่า ต้นไม้สูงบังแสงอาทิตย์ทำให้พื้นที่บริเวณนี้อยู่ใต้ร่มเงา มิสลองก์วิลหยุดม้าและบอกให้ทั้งหมดลงจากรถ จากนี้ไปจำเป็นจะต้องเดินเท้าเข้าไป หลังจากผูกม้าติดกับต้นไม้แล้ว มิสลองก์วิลก็นำทั้งหมดเข้าไปในป่า

     

    คีร์เก้เกาะแขนไซโตะหนึบ ทำให้ได้สายตากินเลือดกินเนื้อจากหลุยส์ไป แต่เด็กสาวผมแดงก็ทำเป็นไม่สนใจ มิสลองก์วิลเดินนำหน้า ส่วนเด็กสาวผมฟ้ากับเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาเดินอยู่หลังสุด

     

    ตลอดทาง สายตาที่อยู่หลังแว่นมองมาที่เขาเป็นระยะ ทำให้ซาวิเยร์รู้สึกสับสน

     

    มีอะไรรึเปล่าครับ? เขาตัดสินใจถาม

     

    ...เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนรึเปล่า?

     

    เป็นคำถามที่เขาไม่คาดว่าจะได้รับ แต่ซาวิเยร์ก็ตอบไปตามที่รู้

     

    คิดว่าไม่นะครับ แต่ผมอาจจะลืมไปก็ได้ เพราะผมก็เดินทางไปหลายที่ซะด้วย สรุปก็คือ ไม่รู้สิ นั่นเอง

     

    ทั้งหมดมาถึงพื้นที่เปิดโล่งกลางป่า ขนาดมันพอๆ กับลานเวสทรี่ที่โรงเรียน และตรงกลางเป็นบ้านไม้ผุๆ มีปล่องไฟก่อด้วยหินที่ทรุดโทรมไม่แพ้กัน ห้องเก็บของสภาพไม่ต่างกันตั้งอยู่ข้างๆ

     

    ที่นี่ล่ะ มิสลองก์วิลยืนยันที่หมาย

     

    ทั้งหมดเริ่มวางแผนและเขียนตำแหน่งของแต่ละคนลงบนพื้นด้วยแท่งไม้ โดยหลักแล้วก็คือการจู่โจมโดยไม่ให้ตั้งตัว และต้องมีใครคนหนึ่งเป็นคนอาสาเข้าไปสอดส่องดูภายใน และถ้าหากเห็นฟูเก้ต์ ก็ให้ล่อออกมาข้างนอก จากนั้นคนที่ซ่อนอยู่ก็จะระดมโจมตีด้วยเวทมนตร์โดยไม่เปิดช่องให้ศัตรูเรียกโกเลมดินที่เลื่องชื่อออกมาได้

     

    งั้นใครจะเป็นคนรับหน้าที่เสี่ยงตาย? ไซโตะถาม

     

    คนที่ปฏิกิริยาตอบสนองเร็วที่สุด ทาบาสะตอบ ทุกสายตามองไปที่คนถามซึ่งชี้ตัวเองด้วยสีหน้างงๆ

     

    ขณะที่เด็กสาวสามคนกับอาจารย์ซ่อนตัวตามตำแหน่งที่วางไว้ เด็กหนุ่มผมดำก็เดินตรงไปยังบ้านที่ตั้งอยู่กลางที่โล่ง ไม่ลืมพกดาบสีทองที่ได้รับมาจากคีร์เก้ไปด้วย เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาตามหลังเขามาติดๆ

     

    นายไม่ต้องมาด้วยก็ได้นะ ไซโตะพูดโดยไม่หันหลังกลับไปเพราะต้องระวังข้างหน้า

     

    ฉันใช้เวทมนตร์ไม่ได้ ถึงหลบอยู่ข้างหลังไปก็ไม่มีประโยชน์ เป็นเหตุผลของซาวิเยร์

     

    เข้าประชิดตัวบ้านได้ ไซโตะมองเข้าไปในหน้าต่าง ภายในเป็นห้องเดียวทั้งหลัง มีโต๊ะกับเก้าอี้ไม้ฝุ่นเขรอะอย่างละตัว บนโต๊ะมีขวดไวน์ และที่มุมห้องเป็นไม้ฟืน และที่สำคัญที่สุด ไม่มีใครอยู่ในบ้าน และไม่มีซอกมุมให้ซ่อนด้วย

     

    เขายกสองแขนขึ้นไขว้เป็นกากบาทส่งสัญญาณให้คนที่ซ่อนอยู่ตามมา

     

    ข้างในไม่มีใคร

     

    ทาบาสะเดินไปที่หน้าประตู มือขวาแกว่งไม้เท้าไปมาสองสามครั้ง เธอไม่ใช้คทาสั้นๆ เหมือนนักเรียนคนอื่น แต่ใช้ไม้เท้าที่ส่วนหัวม้วนเป็นวงกลมความยาวประมาณหนึ่งเมตรครึ่ง

     

    ไม่มีกับดัก

     

    เธอเปิดประตูและเดินเข้าไป คีร์เก้กับไซโตะตามหลังไปติดๆ หลุยส์อาสายืนดูลาดเลาอยู่ด้านนอก มิสลองก์วิลกับซาวิเยร์แยกกันออกไปดูรอบๆ

     

    ผ่านไปยังไม่ถึงห้านาที เสียงกรีดร้องของหลุยส์ดังขึ้น ดินก่อตัวขึ้นเป็นหุ่นสูงสามสิบเมล(ประมาณสามสิบเมตร) โกเลมพังหลังคาบ้านด้วยกำปั้นอันใหญ่ยักษ์ ทั้งสี่คนหนีจากบ้านที่กำลังถล่มออกมายังที่กว้าง

     

    คนแรกที่รักษาสติและโจมตีกลับไปได้ก่อนคือทาบาสะ พายุหมุนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสองเมล(ประมาณสองเมตร)พุ่งเข้าชนลำตัวของโกเลมดิน ตามมาด้วยลูกไฟจากคทาของคีร์เก้ โดนทั้งพายุทั้งเปลวไฟ ทว่าไร้ความเสียหาย โกเลมดินของผู้ใช้เวทมนตร์ระดับไทรแองเกิ้ลได้ชื่อว่าทนทานดั่งขุนเขา

     

    ซาวิเยร์มองดูจากในป่า เห็นทั้งสี่ถอยหนีโกเลม เขาคิดที่จะออกไปช่วย แต่ที่นี่มีทรัพยากรมากพอจะฟื้นฟูโกเลมอีกกี่ครั้งก็ได้ ตราบเท่าที่ไม่ถูกทำลายโดยสิ้นเชิง การฟื้นฟูจะใช้พลังเวทเพียงส่วนน้อย ทำให้สามารถทำได้หลายครั้งก่อนจะหมดแรง

     

    ฟูเก้ต์ต้องอยู่แถวนี้แน่ ต้องคอยเฝ้าดูเราอยู่ห่างๆ แต่ว่าจากที่ไหน...หรือว่า...!?’ ข้อสันนิษฐานที่เป็นไปได้ก่อขึ้นเป็นรูปเป็นร่างในหัวของเขา ซาวิเยร์ออกวิ่งสุดฝีเท้าไต่ขอบที่ว่างโดยไม่เข้าไปด้านใน สอดส่องสายตามองหาเงาคนไปตามทางพร้อมกับคอยดูสถานการณ์ภายในไปด้วย

     

    ขณะเดียวกัน สี่คนกำลังต่อสู้กับโกเลม หลุยส์ดื้อไม่ยอมถอย แม้ว่าไซโตะจะพูดเท่าไรเธอก็ไม่ฟัง จนกระทั่งเสียงตบดังก้องขึ้นทั่วป่า ใบหน้าของเด็กสาวหันไปด้านข้างพร้อมกับรอยแดงที่แก้ม ได้ยินมาถึงซาวิเยร์แม้ว่าเสียงฝีเท้าโกเลมควรจะดังกลบจนหมด

     

    เกียรติของชนชั้นสูงบ้าบออะไรฉันไม่สน! ถ้าเธอตายไปมันก็ไม่เหลืออะไรทั้งนั้นแหละ!”

     

    ซาวิเยร์มองดูทั้งสองคนแล้วก็ยิ้มน้อยๆ หนุ่มสาวจะเข้าใจกันก็ในเวลาเช่นนี้เอง

     

    แต่ว่าคุยโต้ตอบกันคนละภาษาเนี่ยมันทำให้เสียความดราม่าไปเยอะนะ ^ ^;’ อย่างน้อยก็เขาคนนึงล่ะที่ได้ยินเป็นสองภาษา แต่ต่างฝ่ายต่างดูเหมือนจะได้ยินเป็นภาษาของตัวเอง เรื่องนี้ค่อยถามทีหลัง ตอนนี้เขาต้องตามหาฟูเก้ต์ก่อน

     

    เด็กสาวสามคนขึ้นหลังมังกรสีน้ำเงินที่เด็กสาวสวมแว่นเรียกมาและบินขึ้นไปบนฟ้า แต่เด็กหนุ่มผมดำตัดสินใจสู้จากบนพื้น เขาจับดาบสีทองเล่มนั้นด้วยสองมือ

     

    ไซโตะมีท่าทีเก้ๆ กังๆ เหมือนเกิดเรื่องที่ผิดจากการคำนวณขึ้น แต่เมื่อโกเลมย่างสามขุมเข้ามาก็มีแต่ต้องสู้

     

    ดาบสีทองเป็นไปตามที่ซาวิเยร์คิดไว้ มันหักเป็นสองท่อนทันทีที่สัมผัสกับเท้าที่ก่อขึ้นจากหินและดิน

     

    ต้องรีบแล้ว ซาวิเยร์เพ่งมองรอบข้างมากขึ้นและเร่งฝีเท้ามากขึ้น แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาคน

     

    ตอนนั้นเองที่เด็กสาวผมสีชมพูกระโดดลงจากหลังมังกร และค่อยๆ ลงสู่พื้นอย่างช้าๆ ด้วยผลของเวทมนตร์<ลอยตัว>จากเด็กสาวสวมแว่นบนหลังมังกร สิ่งที่อยู่ในมือของเธอคือคทาแห่งการทำลายล้างและคือสิ่งที่ทำให้ซาวิเยร์แทบตาถลน

     

    นั่นมัน...!” เขาถึงกับเก็บคำพูดไว้ไม่อยู่ สิ่งที่เขาเห็นมันขัดแย้งกับหลักเหตุและผลไปมากซะจนเหนือจินตนาการ

     

    เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ไซโตะหยิบมันมาจากหลุยส์ อักขระที่หลังมือซ้ายของเขาส่องแสง จากนั้นเขาก็ยกคทาแห่งการทำลายล้างขึ้นพาดบ่าและบอกให้เด็กสาวถอยไป

     

    แสงและควันพ่นออกทางด้านหลังของคทาแห่งการทำลายล้าง วัตถุชิ้นหนึ่งถูกยิงออกจากปากที่โล่งเป็นช่องว่างไม่สมเป็นคทา และพุ่งเข้าชนโกเลมดินที่อยู่ในระยะไม่ถึงยี่สิบเมล(ประมาณยี่สิบเมตร) เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ไซโตะเอาตัวเข้ากันหลุยส์เอาไว้จากเศษหินที่ปลิวไปทั่วทุกทิศทาง

     

    ซาวิเยร์มองภาพอันน่าทึ่งด้วยดวงตาเบิกกว้าง เขาหยุดวิ่งไปนานแล้ว และลืมเรื่องตามหาฟูเก้ต์ไปเสียสนิท


    ของจริง...ร็อคเก็ตลันเชอร์... รุ่นที่โลกเขาเคยใช้เมื่อหลายศตวรรษก่อน ทำไมถึงมาอยู่ในที่นี่ได้ วิทยาการของที่นี่ไม่มีทางสร้างของแบบนี้ขึ้นมาได้แน่

     

    หลังจากที่ควันจางลง ร่างของโกเลมเดินเหลือแต่ส่วนล่าง มันก้าวอีกเป็นก้าวสุดท้ายก่อนที่จะถล่มลงมาเป็นกองดินที่ไร้พิษสง

     

    มังกรสีน้ำเงินร่อนกลับลงสู่พื้น ทั้งสี่วิ่งเข้าหากัน เป็นบรรยากาศแห่งความยินดี คีร์เก้เกาะแขนไซโตะ ทำให้มีเรื่องกับหลุยส์ ขณะที่ทาบาสะยืนมองอย่างเงียบๆ ซาวิเยร์เห็นทั้งหมดจากในป่า

     

    มิสลองก์วิลเดินออกมาจากป่า เข้าไปหานักเรียนของเธอทั้งสี่คน ซาวิเยร์มองตามเลขาฯสาวด้วยดวงตาที่หรี่ลง

     

    แล้วความคาดหมายของเขาก็เป็นจริง อาจารย์หญิงแย่งคทาแห่งการทำลายล้าง(ร็อคเก็ตลันเชอร์)ไปจากเด็กหนุ่มผมดำและใช้มันขู่พวกเขา

     

    ฉันนี่ล่ะคือฟูเก้ต์แห่งดินสลาย ขอบคุณที่ช่วยสาธิตวิธีใช้เจ้านี่ให้นะ มิสลองก์วิลปล่อยผมสีเขียวลง ทั้งสีและความยาวตรงกับฟูเก้ต์ทุกประการ สองมือจับร็อคเก็ตลันเชอร์เล็งไปที่เด็กสี่คน

     

    เอาล่ะ ได้เวลาบอกลากันซะที เด็กสาวทั้งสามหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง แต่เด็กหนุ่มไม่แสดงแม้แต่ความกลัว

     

    เสียใจด้วยนะ เจ้านั่นน่ะมันใช้ไม่ได้แล้ว เขาเอ่ยอย่างมั่นใจ สร้างความประหลาดใจให้ฟูเก้ต์ แต่ซาวิเยร์ที่ยืนฟังจากหลังซากบ้านเข้าใจความหมาย

     

    เอ็ม 72 ร็อคเก็ตลันเชอร์บรรจุกระสุนได้ทีละนัด แน่นอนว่าข้างในกระบอกนั้นต้องไม่มีเหลืออยู่แล้ว แต่ว่า... ชีวิตของทั้งสี่คนอาจจะกำลังตกอยู่ในอันตราย มีแต่เขาคนเดียวที่รู้ว่ามีสิ่งที่มองไม่เห็นซ่อนอยู่

     

    มาเธอร์เอลฟ์...ไซเบอร์วิชั่น... เขาพึมพำกับตัวเองกับเสียงที่อยู่ภายในตัวเอง ซึ่งการตอบสนองก็มาในทันที

     

    ภาพที่ตาของเขามองเห็นเปลี่ยนไป ทุกอย่างกลายเป็นสีดำที่มีเส้นขอบสีขาวเป็นโครงร่าง เขาเพ่งสายตาไปที่วัตถุอันตรายในมือหัวขโมย

     

    นึกแล้วเชียว...!’ เขามองเห็น ภายในสีดำและเส้นขาว ดวงแสงสีแดงส่องสว่าง

     

    ฟูเก้ต์คิดว่าคำพูดของเด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นแค่การบลัฟ เธอกดไกที่อยู่ด้านบนของตัวปืน

     

    ไซโตะรู้อยู่แล้วว่าจะต้องไม่มีกระสุนออกมา ทว่ามีเปลวเพลิงอันร้อนระอุพวยพุ่งออกมาจากปากกระบอกแทน เขาตกใจจนพูดไม่ออก แถมยังเป็นระยะที่ไม่มีทางหลบทัน

     

    ร่างหนึ่งกระโจนเข้าขวางระหว่างทั้งสี่กับเปลวเพลิง โล่หินก่อตัวขึ้น ใหญ่พอจะบังคนห้าคนจากเปลวไฟได้

     

    ฟูเก้ต์ตกใจกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดทำให้เธอปล่อยมือจากไก เปลวเพลิงหยุดลง เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาอาศัยช่องว่างนั้นสลายโล่ ถีบตัวพุ่งเข้าหาหัวขโมยที่ไม่ทันตั้งตัว กระแทกอาวุธอันตรายหลุดไปจากมือของหญิงสาว

     

    หนอย!” ฟูเก้ต์ชักคทาออกมา แต่เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาเร็วกว่าก้าวหนึ่ง เขาใช้สันมือฟาดที่ท้ายทอยจนเธอหมดสติกลางอากาศและล้มลงกับพื้น

     

    ซาวิเยร์ปล่อยลมหายใจที่กลั้นเอาไว้ออกมา ก่อนจะหันไปทางสี่คนที่ยังตกใจไม่หาย

     

    เกือบไปแล้วนะครับ เขายิ้มบางๆ บอกว่าปลอดภัยแล้ว

     

    เจ้า...เมื่อกี้นี้เวทมนตร์เหรอ? หลุยส์ถามอย่างงงๆ เธอไม่นึกว่าเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาจะใช้เวทมนตร์ธาตุดินได้

     

    เปล่าหรอกครับ ให้อธิบายคงจะยาก อย่าสนใจเลยครับ ซาวิเยร์เดินไปที่คทาแห่งการทำลายล้าง

     

    ส่วนนี่ก็คือสิ่งที่ผมออกเดินทางตามหา

     

    คทาแห่งการทำลายล้างเหรอ? คีร์เก้ถาม

     

    เปล่าหรอกครับ แต่เป็นสิ่งที่อยู่<ข้างใน>”

     

    แน่นอนว่าไม่มีใครเข้าใจ และเขาก็กำลังจะแสดงให้ดูเดี๋ยวนี้

     

    เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทายื่นมือขวาไปเหนือร็อคเก็ตลันเชอร์ที่วางอยู่บนพื้น หน้าผากของเขาปรากฏผลึกที่เปล่งแสงสีแดงขึ้น หลุยส์และคนอื่นๆ มองอย่างประหลาดใจ

     

    ดวงแสงสีแดงผุดขึ้นมาจากคทาแห่งการทำลายล้าง ปรากฏเป็นร่างโปร่งแสงที่ใหญ่โต

     

     

     

    (...เอ็กซ์...)

     

    เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทายิ้ม ในโลกนี้ คนที่เรียกเขาด้วยชื่อนี้มีเพียงเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของเขาเท่านั้น

     

    แล้วก็อีกคนนึง... เอ็กซ์ส่ายหัว เขาต้องทำหน้าที่ของตัวเองเสียก่อน

     

    เนามันเดอร์...กลับที่ของเราเถอะ...

     

    (...เอ็กซ์...ขอบคุณ...)

     

    เกิดช่องว่างขึ้นในอากาศ เป็นช่องว่างสีเขียวขนาดเท่าศีรษะคน ร่างโปร่งแสงหายไป ดวงแสงสีแดงลอยเข้าไปข้างใน แล้วช่องว่างก็ปิดลง

     

    เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาปล่อยแขนลงข้างตัว แสงที่หน้าผากหายไป แต่ทั้งสี่คนยังหุบปากไม่ลง

     

    เมื่อกี้มันอะไรน่ะ?!” ไซโตะโพล่งออกมาเป็นคนแรก

     

    ฉันก็อยากจะถามนายเหมือนกัน ไซโตะ ว่าทำไมนายถึงพูดภาษาญี่ปุ่น แล้วยังสื่อสารกับคนที่โลกนี้เข้าใจอีก ซาวิเยร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มผมดำเบิกตากว้างขึ้นไปอีก

     

    ...

     

    ตกเย็นพอดีที่ทั้งหกกลับไปที่โรงเรียนพร้อมกับของที่ชิงคืนมาได้สำเร็จ ทว่าคนหนึ่งต้องตรงไปที่ห้องขังใต้ดิน เตรียมถูกส่งต่อไปยังเรือนจำ

     

    ผู้อำนวยการออสมันลูบศีรษะของนักเรียนสามคน

     

    ฉันได้เสนอให้ทางราชสำนักประทานบรรดาศักดิ์ชูวาลิเยร์ให้กับพวกเธอทุกคน และสำหรับมิสทาบาสะที่เป็นอยู่แล้ว ก็จะได้รับเหรียญตราเอลฟ์เป็นรางวัล

     

    ทั้งสามมีสีหน้าเบิกบานขึ้นมาทันตา แต่เมื่อหลุยส์ถามถึงอสูรรับใช้ของเธอ ผู้อำนวยการก็ส่ายหน้า บอกว่าถึงตัวเขาเองจะไม่อยากแบ่งแยก แต่ทางราชสำนักไม่มีทางสนใจสามัญชน ทำให้เด็กสาวดูสลดลงไป

     

    ไม่เป็นไร ผมไม่ต้องการรางวัล ไซโตะพูดอย่างมั่นใจ

     

    อนึ่ง สำหรับคนที่อยากรู้ รางวัลของซาวิเยร์คือการลบล้างความผิดที่แอบเข้าไปในห้องเก็บสมบัตินั่นเอง ให้เจ๊ากันไป

     

    เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้น งานเต้นรำของฟริกก์คืนนี้ ขอให้สนุกนะ ตัวเอกของงานในวันนี้คงไม่พ้นพวกเธอสามคน เอ้า รีบไปแต่งตัวเข้า เย็นแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทัน

     

    นักเรียนทั้งสามค้อมตัวลา คีร์เก้ออกไปจากห้องอย่างร่าเริงโดยมีทาบาสะเดินหน้านิ่งตามหลังไป ไซโตะบอกให้หลุยส์กลับห้องไปก่อน เด็กสาวทำตามแม้จะลังเล ตามด้วยซาวิเยร์เดินออกจากห้องไปเป็นคนสุดท้าย

     

    ภายในห้องเหลือเพียงผู้อำนวยการออสมันและไซโตะ

     

    เธอมีเรื่องอยากจะถามฉันอย่างนั้นล่ะสินะ ผู้อำนวยการเดาได้

     

    คทาแห่งการทำลายล้าง มันเป็นของที่มีอยู่ในโลกของผม...

     

    การสนทนาโต้ตอบระหว่างไซโตะกับออสมัน ไซโตะถูกหลุยส์อัญเชิญมาจากอีกโลกหนึ่ง เป็นโลกซึ่งวิทยาการก้าวหน้าและไม่มีเวทมนตร์ ส่วนคทาแห่งการทำลายล้างนั้นเป็นของผู้ที่ช่วยชีวิตออสมันเอาไว้เมื่อสามสิบปีก่อนตอนที่เขาเจอเข้ากับมังกรสองหัวกลางป่า ชายคนนั้นบาดเจ็บหนักและตายในเวลาต่อมา คทาแห่งการทำลายล้างที่มีอยู่สองอัน อันที่ใช้ฆ่ามังกรถูกฝังไปพร้อมกับร่างของเขา อีกอันหนึ่งถูกมอบให้กับราชสำนักและกลายเป็นสมบัติชิ้นสำคัญไป

     

    อักขระที่หลังมือซ้ายของเขา มันคือ<อักษรรูน> และไม่ใช่แค่อักษรรูนธรรมดาๆ แต่เป็นอักษรรูนของ [กันดาล์ฟร์] อสูรรับใช้ในตำนานที่สามารถใช้อาวุธทุกชนิดได้ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย อธิบายได้ว่าทำไมเด็กหนุ่มที่อายุยังไม่ถึงเข้ากองทัพอย่างเขาถึงรู้วิธีใช้ร็อคเก็ตลันเชอร์

     

    ผู้อำนวยการสัญญาว่าถ้าได้เรื่องเกี่ยวกับปริศนาการถูกส่งข้ามมิติของเขาแล้วจะบอกทันที

     

    ไซโตะปิดประตูลง เอนหลังพิงผนังข้างๆ และถอนหายใจ

     

    เฮ้อ~ นึกว่าจะได้เรื่องแล้วเชียว~”

     

    ร่าเริงไว้เถอะ เดี๋ยวก็หาทางได้เอง เสียงพูดจากด้านข้างทำให้ไซโตะสะดุ้งโหยง

     

    นาย...ฟังอยู่ด้วยเหรอ? เขานึกไม่ถึงว่าจะมีคนยืนฟังอยู่ด้านนอก แต่คนที่ฟังได้ยินต้องหูดีไม่ใช่น้อย

     

    ฉันไม่บอกใครหรอก ว่าแต่ยังมีใครรู้อีกบ้างล่ะ?

     

    นอกจากหลุยส์ก็ไม่มีใครแล้ว ไซโตะตอบ ยังไม่ไว้ใจเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทา

     

    ความลับของนายปลอดภัยอยู่กับฉันแน่นอน แล้วก็หวังว่าความลับของฉันจะปลอดภัยอยู่กับนายเช่นกัน ซาวิเยร์ยิ้มบางๆ

     

    ความลับ...จริงสิ ฉันมีคำถามจะถามนายเยอะแยะเลย...

     

    ...

     

    นายก็มาจากโลกอื่นเหมือนกับฉันงั้นเหรอ?!”

     

    ถูกต้อง เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาพยักหน้า

     

    ชื่อจริงๆ ของฉันคือ [เอ็กซ์] แต่ฉันใช้ชื่อปลอมว่า [ซาวิเยร์] เพื่อให้กลมกลืนกับทุกคนที่นี่

     

    ไซโตะพยักหน้า แต่ชื่อไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่เขาอยากรู้คือการเดินทางข้ามมิติของคนที่อยู่ตรงหน้า

     

    แล้วนายรู้วิธีกลับโลกเดิมรึเปล่า?!” เด็กหนุ่มผมดำถามอย่างมีความหวัง อีกฝ่ายพยักหน้า แต่คำตอบทำให้เขาหุบยิ้ม

     

    รู้สิ ฉันกลับไปได้ด้วยตัวเอง แต่น่าเสียดาย ฉันเปิดได้แต่ทางกลับโลกของฉัน ขอโทษด้วย

     

    ไม่ต้องขอโทษหรอก แต่ว่า...แน่ใจเหรอว่าโลกของเราไม่ใช่โลกใบเดียวกัน? นายพูดภาษาญี่ปุ่นได้ด้วยนี่นา?

     

    โลกที่ฉันอยู่มีสองมิติ สถานที่ที่เป็นประเทศญี่ปุ่นอยู่คนละมิติกับที่ฉันอยู่ เอ็กซ์ไม่อยากจะบอกตรงๆ ว่ามิติที่เขาอยู่เป็นมิติหลังความตาย

     

    และถึงเป็นโลกเดียวกันจริง ก็คงคนละช่วงเวลา เอ็ม 72 ร็อคเก็ตลันเชอร์เกิดขึ้นก่อนเวลาในโลกของฉันกว่าสองร้อยปี แต่จากที่ฟัง โลกของนายเพิ่งจะสร้างขึ้นได้ไม่ถึงร้อยปี

     

    เอ๋? งั้นหรอกเหรอ?

     

    ยิ่งไปกว่านั้นคือสภาพของโลกที่เขาจำได้ ราวกับดาวแห่งความตายที่แทบไม่หลงเหลือธรรมชาติ พูดไปมีแต่จะทำให้กลัวเปล่าๆ

     

    ว่าไปแล้ว นายฟังคำพูดของคนอื่นๆ เป็นภาษาญี่ปุ่นหมดสินะ

     

    ก็ใช่น่ะสิ หมายความว่ายังไง?

     

    ก็ฉันได้ยินเป็นภาษาฝรั่งเศสน่ะสิ มีนายพูดญี่ปุ่นแค่คนเดียว แล้วก็ดูเหมือนว่าคนอื่นๆ ก็ได้ยินที่นายพูดเป็นภาษาฝรั่งเศสด้วย แปลกจริงๆ

     

    ตอนนี้นายก็พูดญี่ปุ่นอยู่กับฉัน...ไม่ใช่รึไง? ไซโตะถามอย่างไม่มั่นใจ

     

    ตั้งแต่ฉันมาที่นี่ฉันยังไม่เคยพูดภาษาญี่ปุ่นเลยซักครั้ง และตอนนี้ฉันก็กำลังพูดภาษาฝรั่งเศสอยู่ นักเดินทางหนุ่มตอบอย่างจริงจัง ไซโตะเงียบไป

     

    และตัวอักษรที่ใช้ที่นี่ก็เป็นหลายๆ ภาษาทางยุโรปด้วย

     

    งั้นเองเหรอ... ถึงว่า ตัวหนังสืออ่านไม่ออกซักกะตัว...เรื่องนั้นไว้ก่อน ถ้านายกลับไปได้ ทำไมถึงยังไม่กลับไปล่ะ? ไซโตะถามเพราะตัวเขาเองอยากกลับใจจะขาด

     

    ฉันมีภารกิจ...ที่ฉันทำกับคทาแห่งการทำลายล้างเมื่อกี้ ฉันออกเดินทางทั่วทั้งฮาลเคกิเนียเพื่อตามหาสิ่งที่เรียกว่า<ไซเบอร์เอลฟ์> เป็นสิ่งมีชีวิตที่ประกอบขึ้นจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ขั้นสูง จำนวนไม่น้อยหลุดเข้ามาอยู่ในโลกนี้ ฉันต้องพาทั้งหมดกลับไป ฉันออกเดินทางตั้งแต่เก้าปีก่อน ถึงตอนนี้ก็คิดว่าพบเกือบหมดแล้ว ถ้าสามารถส่งทั้งหมดกลับคืนโลกเดิมได้เมื่อไหร่ ฉันก็จะกลับเมื่อนั้น

     

    ยังงั้นเองเหรอ...ถ้างั้นนายก็จะออกเดินทางไปอีกล่ะสินะ

     

    อืม แต่ว่าตอนนี้...

     

    ตอนนี้...?

     

    เสียงท้องร้องดังก้องทางเดิน ไม่ใช่ของใครคนหนึ่ง แต่เป็นของทั้งสองคนพร้อมกัน

     

    ...เหตุผลเดียวกัน

     

    ใช่เลย

     

    ...

     

    .....

     

    งานเต้นรำของฟริกก์เป็นไปด้วยบรรยากาศครึกครื้น แม้แต่ไซโตะที่เป็นสามัญชน/อสูรรับใช้ก็ออกไปมีส่วนร่วมในฐานะผู้จับฟูเก้ต์ หนำซ้ำยังได้เต้นรำกับหลุยส์ที่เป็นเจ้านาย

     

    หนุ่มสาวนี่ดีจังนะ เข้าใจกันแล้วก็ใกล้ชิดกันมากขึ้น เอ็กซ์มองดูทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม ภาพอันสดใสนี้ไม่ว่าเมื่อไรก็น่าชื่นใจเสมอ สำหรับหุ่นยนต์อายุกว่าสามร้อยปีอย่างเขา

     

    หรืออาจต้องบอกว่า<คนที่เคยเป็นหุ่นยนต์>’ เอ็กซ์หัวเราะในใจ

     

    อีเวนท์หลักของงานก็คือการเต้นรำ แน่นอน ก็ชื่อ<งานเต้นรำของฟริกก์>นี่นะ เพราะฉะนั้นตอนนี้ทุกคนจึงอยู่ในงานกันหมด เว้นแต่เขาที่ออกมายืนใต้ท้องฟ้าในค่ำคืนที่ดาวสวยจันทร์กระจ่างไร้เมฆบดบัง สายลมยามดึกพัดเอาความเย็นและกลิ่นใบหญ้ามา กลิ่นสลัดในจานที่เขาถือหอมกรุ่ม (ช่างเข้ากันเสียนี่กระไร)

     

    ครั้งสุดท้ายที่เราเห็นงานครึกครื้นแบบนี้ เมื่อไหร่กันนะ... หมายถึงที่โลกใบเดิม คงต้องสิบหรือยี่สิบปี สมัยที่เขายังอยู่ที่เนโออาร์คาเดีย

     

    ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่ชินซะทีนะ เอ็กซ์นึกยิ้มๆ เขาไม่ใช่คนชื่นชอบออกสังคมขนาดนั้นอยู่แล้ว

     

    เขามองไปทางซ้าย เด็กสาวสวมแว่นผมสีฟ้ายืนอยู่ที่ระเบียงแบบเดียวกันข้างๆ กับที่เขายืนอยู่ มือถือเนื้อย่างชิ้นโต ใบหน้าปราศจากความรู้สึกเหมือนกับเมื่อตอนกลางวัน ดูเหมือนว่าในที่นี้จะไม่ใช่เขาคนเดียวที่ไม่ใช่คนเฮฮา

     

    เด็กสาวไม่ทันสังเกตเห็นเขา สายตาเธอเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เอ็กซ์ตัดสินใจไม่ทักทายและต่างคนต่างยืนรับลมที่ระเบียงของตัวเอง ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปกับความทรงจำในอดีต

     

    ดวงตาสีฟ้าของเด็กสาวสั่นไหวขัดกับใบหน้าที่เฉยชา เช่นเดียวกับดวงตาสีเขียวมรกตของเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทา ทว่าด้วยเหตุผลที่ต่างกัน เด็กหนุ่มนั้นมีรอยยิ้มบางๆ อยู่บนริมฝีปาก ความคิดถึงสะท้อนอยู่ในดวงตา

     

    อดีตที่มีค่า การพบพานที่ทำให้เขาเป็นเขาในวันนี้ มันเริ่มขึ้นตอนที่เขามาถึงโลกใบนี้โดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อเก้าปีก่อน...

     

    --

     

    แนะนำตัวละคร

     

     

     

    คีร์เก้ ออกุสต้า เฟรเดอริก้า ฟอน อันฮัลท์ เซิร์บสต์

    เผ่าพันธุ์ : มนุษย์

    เพศ : หญิง

    อายุ : 18 ปี

    ส่วนสูง : 171 เซนติเมตร

    น้ำหนัก : ถึงจะชั่งได้ เจ๊แกก็ไม่มีทางเปิดเผยเด็ดขาด

    ชอบ : วิหคสวรรค์นึ่ง, ตัวต่อจิ๊กซอว์, จีบหนุ่ม

    เกลียด : จีบไม่ติด

     

    ข้อมูล : ผู้ใช้เวทมนตร์ธาตุไฟระดับ<ไทรแองเกิ้ล> ชื่อที่สอง [ความรุ่มร้อน] ลูกสาวของตระกูลคนใหญ่คนโตในกองทัพของราชอาณาจักร [เยอร์มาเนีย] แต่มาเรียนที่สถานศึกษาเวทมนตร์ราชอาณาจักรทริสเทนแห่งนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง จุดเด่นคือ...ไม่ต้องบอกก็รู้เนอะ...

     

    มีนิสัยชอบจีบหนุ่มมากกว่าหนึ่งคนพร้อมกัน และแบ่งนัดเป็นตารางเวลาราวกับทำธุรกิจก็ไม่ปาน หลังจากได้พบกับไซโตะ นิสัยนี้ก็ดูจะเลิกไป แต่ความเชี่ยวชาญยังคงสถิตอยู่ภายใน

     

    อสูรรับใช้คือ ซาลามันเดอร์ [เฟลม]

     

    *หมายเหตุ: ชื่อเปลี่ยนด้วยเหตุผลเดียวกับหลุยส์ เดอ ลา วาลลิแยร์

     

     

     

    ทาบาสะ ชูวาลิเยร์ ดู นอร์ปาร์แตร์

    เผ่าพันธุ์ : มนุษย์

    เพศ : หญิง

    อายุ : 15 ปี

    ส่วนสูง : 142 เซนติเมตร

    น้ำหนัก : ไม่ทราบ(น่าจะเบาหวิว)

    ชอบ : สลัดผักฮาชิบามิ, อ่านหนังสือ

    เกลียด : ???, ???

     

    ข้อมูล : สาวเงียบประจำเรื่อง ใช้เวทลมและน้ำ ระดับ<ไทรแองเกิ้ล> [วาโยหิมะ] ข้อมูลค่อนข้างน้อย เป็นเจ้าของใบหน้าเรียบเฉยยี่สิบสี่ชั่วโมง ยากมากที่จะทำให้เธอแสดงสีหน้า ไม่ชอบพูด พูดแต่ละครั้งจะสั้นๆ เฉพาะเท่าที่จำเป็น และเสียงค่อนข้างเบา ใช้ไม้เท้ารูปทรงเบสิคตามอิมเมจพ่อมดแม่มดในวรรณกรรมสมัยศตวรรษที่สิบสองสิบสาม แทนที่คทาสั้นๆ ที่นักเรียนคนอื่นใช้(ซึ่งเหมือนกับในแฮร์รี่ oooเตอร์ซะมากกว่า) ถ้าไม่ได้กำลังอยู่ในสถานการณ์คับขันแล้วจะพบว่าอ่านหนังสือทุกเวลา สถานที่ และโอกาส

     

    อสูรรับใช้คือ มังกรลม [ซิลฟีด]

     

     

     

    ออสมัน

     

    ข้อมูล : ผู้อำนวยการของสถานศึกษาเวทมนตร์ทริสเทน ลามกนิดๆ แต่มีพลังเวทสมตำแหน่ง เยือกเย็นและฉลาดรอบรู้ อายุเท่าไรก็ไม่อาจทราบได้

     

    อสูรรับใช้คือ หนู ม็อธซ็อกนีร์

     

     

     

    ฌอง โคลแบร์

     

    ข้อมูล : มือขวาของท่านผู้อำนวยการและเป็นอาจารย์ผู้ใจดีของนักเรียน เห็นติ๋มๆ ยังงี้เป็นจอมเวทระดับสแควร์ที่หาไม่ค่อยมี สนใจและนิยมชมชอบในการค้นคว้าหาความรู้ศึกษาเรื่องต่างๆ ไม่จำกัดแค่เวทมนตร์แต่รวมถึงวิทยาการกลไกล้ำยุค เกลียดสงครามและรักสันติสุข เห็นผมบางยังงี้ที่จริงอายุแค่สามสิบปลายๆ ถึงสี่สิบปลายๆ เท่านั้น

     

    ไม่ยักเห็นอสูรรับใช้?

     

     

     

    ฟูเก้ต์

     

    ข้อมูล : ผู้ใช้เวทมนตร์ที่ขโมยของจากชนชั้นสูง ใช้เวทมนตร์ธาตุดินระดับไทรแองเกิ้ล แฝงตัวเข้ามาเป็นเลขาฯของผู้อำนวยการในชื่อ [ลองก์วิลล์] เพื่อขโมยคทาแห่งการทำลายล้าง ถูกคณะนักเรียนโรงเรียนทริสเทนจับกุมและส่งตัวให้กับทางการ

     

    นี่ก็ไม่มีอสูรรับใช้? สงสัยสมัยก่อนจะไม่ค่อยแพร่หลาย(เจ๊แกก็ยี่สิบสามแล้วน่ะนะ)

     

    --

     

    DX:”แนะนำตัวละครพวกนี้ลอกจากฟิคเก่ามาทั้งดุ้นเลยนี่หว่า

     

    PBW:”เอาน่ะ จะให้พิมพ์ใหม่ก็ไม่รู้จะพิมพ์อะไรให้ต่างจากเดิม

     

    DX:”โล่ดินที่ว่านั่นคือไกอาชิลด์สินะ

     

    PBW:”แน่น้อน หนึ่งในพลังพิเศษที่เอ็กซ์ได้มาจากเรปลิลอยด์ที่กำจัดไปในอดีต

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×