ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reborn : Fierce Demon & Little Cute Pineapple [1896]

    ลำดับตอนที่ #16 : Vacation in CEDEF : Last Part

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ค. 54


    ประกาศจากน.ส.น.
    เนื่องด้วยคนเขียนคิดว่าทุกคนกำลังประสบกับชะตากรรมที่เรียกว่า ‘ฟิคเดินช้าเป็นหอยทาก’ อยู่
    คนเขียนจึงประกาศว่าจะพยายามฝึกวิชาการเขียนกะทัดรัด
    คิดเห็นเป็นยังไงบอกกันด้วยนะครับ
    วันพรุ่งนี้คนเขียนก็จะสอบกลางภาคแล้ว วันก่อนหน้านี้ก็...ไม่ได้อ่านหนังสือเลยซักแอะ วันนี้เก๊าะไม่ได้อ่าน
    จึงไม่เกี่ยวอะไรกับการที่ฟิคล่าช้าเลยซักนิด วะฮ่าๆๆ(แล้วบอกทำไม?)
    คนเขียนสอบไม่เคยตก(น้อย)หรอกครับ ฮะๆๆ ไม่ห่วงซักนิด ไม่ห่วงซักนิด ^O^!~
     
    --

    สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ในวันนี้เรายังคงอยู่กับ เซเดฟ อคาเดมี่ แฟนเทเซีย...หา? ผิดเรื่องแล้ว? โอเคๆ เอาเป็นว่าเรายังอยู่ที่ CEDEF HQ ละกันนะ(เข้าใจยากไปอีก)

    ด้วยกล้องวงจรปิดที่เราติดไว้...โอเคๆ เลิกก็เลิก จากโลกแห่งความเป็นจริงที่เราอยู่นี้ เราสามารถสอดส่องไปได้ทุกที่ทุกเวลา และคนเขียนก็จะนำทุกท่านไปที่...ห้องส่วนตัวของเจ้าหน้าที่สังกัดผู้ดูแลนอกแก๊งคนหนึ่ง
     
    ในห้องสีขาวโพลนขนาดสามสิบตารางเมตรซึ่งมีห้องน้ำในตัว ทารกหญิงผมสีน้ำเงินเข้มในชุดสูทไซส์เล็กสุดหูรูดนั่งอยู่บนเตียงขนาดนอนได้สองคนที่ใหญ่ไม่สมตัวในท่าขัดสมาธิ รัล มิลจิกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งล้วนแต่เกี่ยวข้องกับ ‘นักโทษคนใหม่’ แทบทั้งสิ้น
     
    --แฟลชแบ็ค--
     
    “ก็อย่างที่ว่ามานั่นแหละนะ” ชายวัยกลางคนผมสีทองไว้หนวดเคราบางๆ พูดพลางมองเธอเหมือนอย่างทุกครั้งที่ให้งาน
     
    “ที่นายสาธยายมายาวจนคนเขียนยังไม่กล้าลงให้เปลืองหน้ากระดาษเนี่ย สรุปว่าจะให้ฉันเป็นพี่เลี้ยงดูแลเจ้านั่น?” รัล มิลจิหันไปทางชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มที่กำลังทำหน้ายิ้มคุยกับเจ้าหน้าที่ห้องสอบสวนทั้งสองอย่างเป็นมิตร
     
    “ก็ไม่เชิง งานของเธอคือจับตาดูเขาเอาไว้ เพราะเราไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรบ้าง—“
     
    “ไม่ต้องมาทำพูดให้ดูดีหรอก อิเอมิทสึ ฉันรู้นะว่านายเชื่อรีบอร์นสนิทใจ แล้วยังตีค่าเจ้านั่นที่ท่าทางเป็นมิตรไปแล้ว ส่วนไอ้เรื่องที่ว่าฉันเคยเห็นเจ้านั่นสู้มาก่อนถึงได้เหมาะสมจะเป็นคนคุมที่สุดนั่น ฉันก็รู้อีกนั่นแหละว่าเป็นเพราะต้องการให้ฉันชินกับเจ้านั่น ถึงจะเป็นร่างในอนาคตก็ยังดี เพื่อที่จะได้ไม่ทำให้ภารกิจถล่มสโตลโต แฟมิลี่ติดขัด” เธอมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
     
    “สมเป็นเธอจริงๆ ในเมื่อรู้แล้วก็ทำตามเถอะนะ เพราะมันก็เป็นหน้าที่อย่างหนึ่งของพวกเรา”
     
    “ไม่ต้องพยายามเกลี้ยกล่อมให้เสียเวลาหรอก ฉันทำหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว แต่นายก็อย่าวางใจเกินไปนัก ยังไงก็ต้องกักบริเวณเจ้านั่นอย่าให้มีอิสระมากเกินไป”
     
    “ตกลง ได้ตามนั้นเลย” ท่านผู้นำรับข้อเสนอ
     
    --จบแฟลชแบ็ค--
     
    ใช่แล้ว สรุปว่าเธอก็ต้องมาเป็นคนคุมชายหนุ่มที่เธอบ่นให้ฟังไปเมื่อตอนที่แล้วว่าเกิดความรู้สึกไม่ชอบเอาซะดื้อๆ
     
    เธอกระโดดลงจากเตียง เดินออกไปด้านนอกห้องผ่านทางประตูอัตโนมัติ เข้าลิฟต์ที่อยู่ใกล้ๆ ลงไปชั้นล่าง
     
    ‘พูดได้ดีนี่ อิเอมิทสึ ระวังตัวงั้นเหรอ...’
     
    ประตูลิฟต์เปิดออก เธอเดินตรงไปยังห้องสุดทางเดิน
     
    ‘ถ้าอย่างนั้นทำไม...’
     
    เธอผลักประตูเปิดออกอย่างรุนแรง เผยให้เห็นโต๊ะอาหารยาวแบบที่ใช้สำหรับคนจำนวนมากที่สมาชิกเซเดฟห้าหกคนรวมทั้งท่านผู้นำกำลังนั่งอยู่พร้อมทั้งรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย โดยมีชายหนุ่มที่ควรจะถูกควบคุมตัวยืนยิ้มแป้นอยู่ที่หัวโต๊ะในผ้ากันเปื้อนสีครีมลายฮิเบิร์ดคาบสัปปะรดน้อยผืนเดิม
     
    “ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงมานั่งกินอาหารฝีมือเจ้านี่หน้าตาเฉยแบบนี้กันเล่า!!”
     
    ทุกคนหันมามองเธอเป็นตาเดียวกัน ก่อนที่ท่านผู้นำจะเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
     
    “ว่าไง เปลี่ยนใจจะมากินด้วยกันแล้วเหรอ ^O^!”
     
    “ไม่มีทาง! เจ้านั่นเป็นศัตรูนะ แถมยังมาจากอนาคต ไม่กลัวโดนวางยาตายหมู่รึไง!?” รัลแหวใส่ท่านผู้นำเหมือนแม่ดุลูก
     
    “ไม่เอาน่า~ อาหารอร่อยแบบนี้จะเป็นพิษได้ยังไง ถึงจะไม่เท่านานะของฉันก็เถอะ” อิเอมิทสึไม่สนใจคำเตือนแถมยังพาดพิงถึงภรรยาสุดที่รักซึ่งอยู่ห่างไกลถึงประเทศญี่ปุ่น
     
    “ขอบคุณครับ ^ ^” ชายหนุ่มเจ้าของตำแหน่งพ่อครัวประจำอาหารมื้อนี่เอ่ยขอบคุณด้วยความปลื้มใจ
     
    “อร่อยมากเลยไอ้น้อง!” เจ้าหน้าที่หนุ่มผมทรงสกินเฮดสีเทาชูนิ้วโป้งให้
     
    “เบอร์เกอร์เจ็ดสิบห้าเซ็นต์ที่เซเว่นเทียบไม่ติดเลย!” ชายวัยกลางคนผู้มีรอยแผลเป็นอยู่ทั่วหน้าเสริม
     
    “ถึงจะไม่ควรชมผู้ที่เป็นศัตรูของเราในยุคนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าฝีมือเลิศจริงๆ” หญิงสาวผมบลอนด์สวมแว่นเอ่ยชมในขณะที่กินอย่างมีมารยาท เธอคนนี้นี่เองที่เป็นผู้ไปแจ้งข่าวกับรุ่นที่เก้า เธอไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะได้กินอาหารฝีมือเป้าหมายขององค์กรเธอซะเอง
     
    “อัล(รัล)!~” ชายร่างใหญ่ประจำห้องสอบสวนยกมือทักทายทารกหญิงทั้งที่อาหารยังอยู่เต็มปาก
     
    “มาอินอ้วยอันอิ อะอ่อยหว่าอนเอ่าอี้อาออกไปอีกอ๊ะ!” ...แปล : {มากินด้วยกันสิ อร่อยกว่าคนเก่าที่ลาออกไปอีกนะ!}
     
    “ฉันไม่ใช่คนเห็นแก่กินอย่างนาย” รัลปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ซ้ำยังพาลไปถึงคนอื่นๆ
     
    “พวกนายทุกคน ถ้าเกิดตายขึ้นมาก็ออกไปตายข้างนอกกันให้หมดละกัน! ขี้เกียจทำความสะอาด!!”
     
    ปึง!
     
    เหล่าผู้ที่อยู่กับโต๊ะอาหารมองประตูที่ปิดลงอย่างรุนแรงด้วยความรู้สึกแตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่ก็หันกลับไปสนใจอาหารตรงหน้าในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน
     
    “หัวหน้าคะ ดิฉันคิดว่ารัลดูแปลกๆ นะคะ” หญิงสาวนาม [โอเลกาโน่] เอ่ยกับท่านผู้นำ
     
    “ปกติแล้วเธอใจเย็นกว่านี้ แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนว่าเธอมีเรื่องอะไรอยู่ในใจ”
     
    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เรื่องของตัวเองก็มีแต่ตัวเองเท่านั้นที่จะแก้ไขได้” อิเอมิทสึพูดอย่างสมกับเป็นผู้ใหญ่
     
    “หรือบางทีก็ต้องให้คนที่เกี่ยวข้องช่วยนะครับ”
     
    มือเรียวขาวเกือบเท่าผู้หญิงคว้าเอาจานที่ยังไม่มีใครแตะต้องไปจากโต๊ะอาหาร
     
    “เพราะบางคนก็มีทิฐิปัดกั้นตัวเอง ในเวลาอย่างนี้ที่เพื่อนเป็นสิ่งจำเป็น ^ ^”
     
    ชายหนุ่มยิ้มทิ้งท้ายก่อนจะเดินผ่านประตูออกไป ทิ้งผู้นำองค์กรที่มองอย่างเป็นนัยไว้เบื้องหลัง
     
    --
     
    รัล มิลจินั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงด้วยใจที่หงุดหงิด
     
    ‘ให้ตายเถอะ! ทำไมถึงได้ประมาทกันอย่างนี้นะ ถึงรีบอร์นจะเป็นคนพูดเองก็เถอะ แต่เรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลมันก็ไม่สมเหตุสมผลอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ! เจ้านั่นมาจากอนาคตนะ! เป็นศัตรูรึเปล่าก็ไม่รู้!’
     
    เธอบ่นในใจเหมือนเป็นป้าแก่ๆ (Lal: -_-+]R:ชะอุ๋ย!)
     
    แกร๊ก...
     
    ประตูห้องเปิดออกเบาๆ แต่ก็ยังมีเสียงพอที่ทารกหญิงจะได้ยินและหันกลับไปมอง
     
    ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับจานสเต็กเนื้อร้อนส่งกลิ่นหอยฉุยในมือ(R:...คนเขียนหิวจริงๆ แล้วนะ...)
     
    “มานั่งหลบอยู่คนเดียวแบบนี้ไม่หิวเหรอ?” ชายหนุ่มถามอย่างเป็นมิตร
     
    “ทหารที่ได้รับการฝึกมาทนไม่กินอาหารได้เป็นวัน อดมื้อสองมื้อไม่มีผลหรอก” แต่ได้รับคำตอบและสายตาระแวงกลับไป
     
    “แต่ถ้าอาหารไม่ตกถึงท้อง ร่างกายก็ไม่ได้รับสารอาหาร เดี๋ยวไม่โตไม่รู้ด้วยนะ ^ ^” ชายหนุ่มพูดแซวสภาพทารกของอัลโกบาเลโน่หญิง เป็นเรื่องหนึ่งที่สะกิดต่อมโมโหของเธอได้อย่างมีประสิทธิภาพ
     
    รัลอ้าปากเตรียมจะใช้วาจาเชือดเฉือนกลับ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เปล่งอะไรออกไป เสียงเสียงหนึ่งก็ช่วยสื่อสารแทนเธอ
     
    จ๊อก~
     
    รัลเงียบสนิท เพราะฟอร์มที่เสียไปแล้ว ยากจะกู้คืนมาได้ แม้ว่าจะทั้งโมโหทั้งอายก็ได้แต่เงียบ
     
    “เห็นมั้ย กระเพาะเธอยังเห็นด้วยกับฉันเลย ^ ^”ชายหนุ่มยิ้มแป้นพลางใช้มีดและส้อมที่ติดมาด้วยหั่นเนื้อในจานเป็นชิ้นพอดีคำ
     
    “ฮึ อดยังจะดีกว่ากินของที่ศัตรูยื่นให้” ทารกหญิงเริ่มมั่วคติมาอ้าง
     
    “อย่าพูดยังงั้นสิ ไม่มีอะไรอันตรายหรอก นี่ไง” ชายหนุ่มกินให้ดูคำหนึ่งเพื่อยืนยัน
     
    ทารกหญิงชำเลืองมองด้วยความสนใจที่มีขึ้นเพราะกระเพาะเรียกร้อง แต่ยังทำฟอร์มอยู่ได้
     
    “จะรู้ได้ไงว่าแกไม่ได้กินยาแก้พิษไว้ก่อนแล้ว ไม่ต้องพยายามหรอก ฉันไม่กินไอ้นั่นเด็ดขาด”
     
    “ยังงี้ก็แย่สิ ช่วยไม่ได้แฮะ...” ชายหนุ่มมีท่าทางลำบากใจ เขาไม่อยากจะทำอย่างนี้กับเธอผู้เป็นคนของอดีตเท่าไร แต่เด็กดื้อที่ไม่ยอมกินข้าวก็ไม่ควรตามใจ(R:แปลกๆ วุ้ย)
     
    หมับ!
     
    “แก! ทำอะไร!?”
     
    อัลโกบาเลโน่หญิงถูกคว้าตัวไปนั่งบนตักด้วยแขนซ้ายข้างเดียว และก็ถูกรัดหลังแนบติดกับตัวของชายหนุ่มอย่างแน่นหนา
     
    “อ้าปากซิ”
     
    ชายหนุ่มใช้นิ้วชี้ซ้ายจิ้มที่สีข้างของทารกหญิง
     
    จึ้ก!
     
    “เฮือก!” ด้วยความที่เธอมีเส้นประสาทบริเวณนั้นไวต่อการสัมผัส รัลจึงสะดุ้งโหยงเปิดปากออก
     
    “เอ้า อ้ำ! ^ ^” ชายหนุ่มยิ้มอย่างรื่นเริงในขณะที่มือขวายัดชิ้นเนื้อที่ปลายส้อมเข้าปากของทารกหญิงผู้ไร้ทางสู้ ก่อนจะบังคับแหงนคอเธอให้กลืนลงไป(DX:ดูซาดิสม์ยังไงไม่รู้วุ้ย = =;)
     
    “แค่ก! แค่ก!” แน่นอนว่าการกินอาหารโดยไม่เต็มใจย่อมนำมาซึ่งการสำลัก แต่ชายหนุ่มก็มิได้นำพา ซ้ำยังปล่อยทารกหญิงให้เป็นอิสระ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นการเสี่ยงต่อการถูกเป่าหัวเป็นอย่างยิ่ง
     
    “หนอย~ แก~” รัลเดือดได้ที่ แต่อีกฝ่ายกลับเอาแต่ยิ้ม ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้เธอโมโหหนักขึ้น
     
    “ว่าไง ยังไงกินลงไปแล้วนะ กินเข้าไปอีกก็คงไม่ต่างกัน ^ ^” ชายหนุ่มยื่นจานที่ยังเหลือสเต็กเนื้ออยู่กว่าครึ่งมาตรงหน้ารัล
     
    ใจของเธอบอกให้ปัดมันทิ้งแล้วคว้าปืนยิงเจ้าบ้าหน้าแป้นนี่ส่งไปโลกหน้า แต่กระเพาะของเธอบอกอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งในขณะนั้นกระเพาะกำลังชนะคะแนน เพราะนโยบายแก้ความหิวถูกสนับสนุนโดยเสียงข้างมาก ฉะนั้น เธอจึงจำเป็นต้องรักษาความเป็นประชาธิปไตย
     
    (DX:อะไรฟะ ไอ้ข้างบนน่ะ?]R:บ่นเรื่อยเปื่อย อย่าสนใจเลย ไม่เกี่ยวกับการเมืองไหนเป็นพิเศษหรอก)
     
    จ๊อก~
     
    เสียงท้องของเธอเป็นตัวผลักดันสุดท้ายในการตัดสินใจ
     
    ทารกหญิงคว้าจานจากมือของอีกฝ่ายอย่างเสียไม่ได้ แต่ยังพยายามแสดงออกว่าไม่ได้แพ้
     
    “อย่าเข้าใจผิดไป ฉันคำนวณแล้วว่าความเป็นไปได้ที่เจ้านี่จะเป็นอันตรายมีต่ำ ไม่เกี่ยวกับที่แกทำมาทั้งหมดนี่หรอกนะ!” เธอพูดจบก็ลงมือสวาปามอย่างหงุดหงิด
     
    ชายหนุ่มมองด้วยรอยยิ้มอยู่ห่างๆ ได้มาเจอกับอัลโกบาเลโน่หญิงเมื่อสิบปีที่แล้วแบบนี้ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
     
    เมื่อใจที่คุกรุ่นสงบลงบ้างแล้ว ทารกหญิงจึงเริ่มถามเรื่องที่อยากรู้
     
    “นี่ ถามอะไรหน่อยสิ”
     
    “ว่ามาเลย~” ชายหนุ่มแสดงออกว่ายินดีอย่างยิ่ง
     
    “ทำไมแกถึงได้เปลี่ยนไปมากไปมากขนาดนี้ ตัวแกในปัจจุบันทำยังกะไม่สนใจโลก ผ่านไปสิบปีทำตัวยังกับเป็นพี่เลี้ยงเด็ก” รัลถามคำถามในแบบฉบับของเธอ คือไม่ถามดีๆ แต่ถามแบบ...
     
    “...ก็เพราะเธอนั่นแหละ ^ ^”
     
    “หา?” ไม่มีครั้งไหนที่อัลโกบาเลโน่หญิงจะงงไปมากกว่านี้อีกแล้ว
     
    “ล้อเล่นน่ะ มันเป็นข้อมูลปกปิด อีกไม่นานเธอก็จะได้รู้เองแหละ ^ ^” ชายหนุ่มยืมคำที่คุ้นหูคุ้นตามาจากที่ไหนซักแห่ง
     
    และแล้วก็ถึงเวลาอาบน้ำ...แน่น้อน? คิดว่าพวกเจ้าหน้าที่องค์กรลับจะอยู่แบบคนธรรมดาไม่ได้รึไง? ถึงจะเป็นมาเฟียก็ต้องอาบน้ำนะ! (DX:ยังไม่มีใครเถียงแกซักคน =_=;)
     
    ...แปลกประหลาด...บรรยากาศน่ากระอักกระอ่วนใจอย่างที่สุด...
     
    ทารกหญิงผมสีน้ำเงินเข้มแช่อ่างอาบน้ำสีขาวสะอาดในห้องน้ำขนาดไม่กี่ตารางเมตรโดยมีชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มนั่งอยู่ด้านหลังในอ่างเดียวกัน
     
    เป็นบรรยากาศที่ส่อแววสุดๆ แต่ผู้ใหญ่กับเด็กทารกอาบน้ำด้วยกันไม่ได้ผิดปกติตรงไหนนี่!
     
    ...โอเค มันก็อาจจะมีกรณีที่ไม่ใช่ยังงั้นซะทีเดียว
     
    “นี่แก...เข้ามาด้วยทำไม...” รัลที่ตัวเปลือยเปล่ากัดฟันพูดด้วยความอาฆาตพยาบาท
     
    “? ก็มาอาบน้ำให้เธอน่ะสิ ^ ^” ชายหนุ่มตอบราวกับมันเป็นเรื่องที่แสนจะธรรมดา
     
    “หา!? จะบ้าเหรอ! เห็นฉันเป็นเด็กรึไง!?” เธอแหวด้วยความโกรธ
     
    ...
     
    ...ทุกท่านคิดว่าควรจะตอบว่าไงดี?...
     
    “ไม่มีใครเขาปล่อยทารกอยู่ในอ่างอาบน้ำคนเดียวหรอก ^ ^” เด็กหนุ่มพูดเรื่องที่เห็นๆ กันอยู่ว่าใช่...รึเปล่า? (คนเขียนเริ่มสับสนในตัวเอง)
     
    ชายหนุ่มคว้าไอ้โน่นไอ้นี่ที่เป็นอุปกรณ์ในการอาบน้ำจากรอบตัวราวกับเป็นของตัวเอง มือข้างหนึ่งคว้าร่างอันเปลือยเปล่าของอัลโกบาเลโน่หญิงเอาไว้(ซึ่งต้องขอย้ำอีกทีว่าทารกนะเฟ้ย) และบรรจงทำความสะอาดให้อย่างที่ทำกับทารกทั่วๆ ไป
     
    “ปล่อยนะเฟ้ยเจ้าบ้า! กล้าดูถูกฉันงั้นเหรอ!?” รัลพยายามดิ้นรน แต่สู้แรงไม่ได้ก็คือสู้แรงไม่ได้
     
    “อ๊ะ! ตรงนั้นอย่า! จะมากไปแล้วนะไอ้ลามก!!” (R:...ด่าคนเขียนใช่ปะ?)
     
    มือขาวและฟองน้ำขัดถูทั่วทั้งร่างของทารกหญิง ทุกจุดเร้นลับของเธอล้วนถูกฟองสบู่เข้ายึดครอง ไม่ว่าจะซอกมุมใดก็ไม่เว้น
     
    (DX:ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ แกทำให้ฉากอาบน้ำเด็กกลายเป็นฉากที่โคตรเรท] R:ช่วยไม่ได้...มีประสบการณ์(ไปอ่านระดับเดียวกันมา)ก็ต้องเอามาเผื่อแผ่...อาจจะต้องมีจำกัดอายุผู้อ่านกันแล้วทีนี้ ให้กับคู่พิเศษ... หรืออาจจะเลยไปถึงคู่หลัก)
     
    และแล้วก็ถึงเวลานอน...
     
    “เอ่อ...จะให้ฉันนอนโซฟาจริงๆ เหรอ?” ชายหนุ่มทำมีสีหน้าไม่สู้จะดี ไม่เหลือเค้ารอยยิ้มน่าโมโห(ในสายตาทารกหญิง)
     
    “แหงสิ! ไม่ให้ไปนอนในห้องขังก็ดีโขแล้ว!!” ทารกหญิงในชุดนอนสีฟ้าอ่อนแสนจะจืดชืดตอบ น้ำเสียงบ่งว่ายังแค้นเรื่องก่อนหน้านี้อยู่
     
    “แต่เตียงเธอก็ตั้งใหญ่ ตัวเธอก็นิดเดียว มีที่พอให้ฉันขึ้นไปนอนพอเหลือเฟือนะ” ชายหนุ่มพยายามใช้เหตุผลเข้าคุย
     
    “ไม่มีแต่! นี่ห้องฉัน แกเป็นคนนอกนะรู้ไว้ซะด้วย!” แต่น่าเสียดายที่รัลไม่พร้อมจะคุยด้วยเหตุผล
     
    “เด็กอะไรใจร้ายจัง~”
     
    ไฟในห้องดับลง ชายหนุ่มที่ถึงจะรูปร่างไม่สูงมาก แต่นอนบนโซฟามันก็สุดแคบ ในขณะที่ทารกหญิงตัวสูงเท่าต้นขานอนอยู่คนเดียวบนเตียงกว้างขนาดห้าฟุต
     
    ช่างเป็นเจ้าของห้องที่เสียสละให้กับแขกจริงๆ...
     
    กลางดึกคืนนั้น ในขณะที่ร่างบนเตียงนอนหลับสนิท ไร้การป้องกันใดๆ เพราะถูกภาพที่ร่างบนโซฟาแสดงออกทำให้คิดว่าเขาเป็นแค่คนที่กวนโมโหเธอคนหนึ่งเท่านั้น
     
    โซฟาตัวนั้นว่างเปล่า ร่างที่ควรจะอยู่บนนั้นก้าวเข้ามาใกล้เตียงของทารกหญิงอย่างไร้เสียง ไร้สัมผัสใดๆ
     
    เงาดำโถมเข้าห้อมล้อมอัลโกบาเลโน่หญิงที่กำลังหลับไหล
     
    เช้าวันรุ่งขึ้น...
     
    รัลรู้สึกตัวตื่นขึ้น เปลือกตาทั้งสองเปิดขึ้นกึ่งหนึ่ง มือน้อยยกขึ้นขยี้ตา เธอขยับตัวจะลุกขึ้นนั่ง แต่เธอทำไม่ได้ เพราะมีน้ำหนักกดทับตัวเธอเอาไว้
     
    แขนที่เรียวขาวจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นของชายหนุ่มคร่อมทับตัวเธอเอาไว้จากด้านหลัง เธอที่แทบจะกระโดดชนเพดานด้วยความตกใจงัดเอาแขนที่ยาวกว่าความสูงของลำตัวเธอออกไปอย่างรีบร้อน ทำให้อีกฝ่ายตื่นขึ้น
     
    “รัล ตื่นไวจังนะ~ ทุกทีมีแต่ให้ฉันปลุก ฮ้าว~” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างงัวเงีย ยกตัวขึ้นนั่งอย่างไม่รีบร้อน ตรงกันข้ามกับทารกหญิงที่ยังตกใจไม่หาย
     
    “แกขึ้นมาได้ยังไง!? ทำไมฉันไม่รู้สึก— ไม่สิ แกขึ้นมาทำไม!?” รัลถอยหนีด้วยความระแวง แน่นอนว่าเธอไม่มีทางไว้ใจใครเพียงชั่วข้ามคืน แต่เธอไม่คิดว่าจะมีใครย่องเข้าหาเธอได้โดยไม่รู้สึกตัว ทั้งที่เธอน่าจะเป็นคนหลับไม่ลึก ตื่นง่าย แค่เสียงหนูวิ่งก็รู้สึกตัวแท้ๆ
     
    “ฉันก็ค่อยๆ คลานขึ้นไป แค่อยากจะกอดเธอตอนเป็นทารก โอกาสแบบนี้หาไม่ได้อีกแล้ว ^ ^!” ชายหนุ่มตอบหน้าระรื่น ทำให้รัลอยากจะเอาฝ่าเท้าเข้าไปประทับซะจริงๆ
     
    “แกนี่ชักจะรังควานฉันมากเกินไปแล้ว ถ้าตัวแกในยุคปัจจุบันกลับมานะจะเล่นให้หนักเลย!” รัลขู่...เป็นคำขู่เดียวที่ดูจะทำได้จริง เพราะเธอรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้เลย
     
    “แหม ขอบคุณในความหวังดี(?) เชิญตามสบายเลย ตัวฉันในอดีตจะได้ซึมซับอารมณ์ความรู้สึกเข้าไปบ้าง ^ ^” ชายหนุ่มพูดเหมือนกับไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
     
    รัลที่ไม่รู้จะเถียงอะไรกลับไปก็ต้องเงียบเสียงอย่างช่วยไม่ได้ และอย่างที่พระท่านสอน เมื่อหยุดพูด หันมาเพ่งสติกับตัวเอง ปัญญาก็เกิด...หมายถึง พอหยุดใช้สมองคำนวณคำพูดก็ทำให้คิดเรื่องอื่นได้
     
    “...จะว่าไปแล้ว การที่แกมีตัวตนอยู่ในสิบปีข้างหน้า แสดงว่ามีชีวิตรอดไปจากการตัดสินของวองโกเล่ได้สิ?”
     
    “เป็นข้อมูลปกปิด ^ ^!~” ชายหนุ่มตอบหน้าระรื่นได้อย่างกวนโมโหเป็นที่สุด
     
    “แต่ก็เพราะได้เธอช่วยเอาไว้...” สีหน้าของชายหนุ่มบ่งบอกถึงความซาบซึ้งใจอย่างแท้จริง แต่ทารกหญิงไม่เชื่อ

    ”ไม่มีทาง ฉันน่ะเหรอจะช่วยแก ช่วยถีบลงหน้าผาสิไม่ว่า” เธอหมายความอย่างนั้นจริงๆ...
     
    “กะแล้วว่าเธอต้องพูดแบบนี้ แต่ก็รอดูไปเถอะ ถ้านี่เป็นช่วงก่อนจะเข้าจู่โจมสโตลโต แฟมิลี่ก็อีกไม่นานแล้วล่ะ ชีวิตของฉันอยู่ในกำมือเธอ ฝากด้วยล่ะ ^ ^” เช่นเคย ชายหนุ่มพูดอย่างสบายๆ เหมือนกับไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
     
    “เชื่อมือฉันได้เลย ฉันจะทำให้แน่ใจว่าแกหมดลมหายใจร้อยเปอร์เซ็นต์” ทารกหญิงแสยะยิ้มกลับ
     
    --
     
    “เครื่องพร้อมแล้วครับ” ช่างจูนอาวุธหัวใสหันมาบอกกับเหล่าเจ้าหน้าที่เซเดฟที่ยืนมองอยู่ห่างๆ
     
    “นี่ คุณจางนีนิ ส่งผมกลับไปได้จริงนะ?” ชายหนุ่มในผ้ากันเปื้อนตัวเดิมผู้นั่งอยู่บนเก้าอี้ถาม สภาพที่สวมหมวกเหล็กและสายระโยงรยางค์ทั่วตัวเหมือนเครื่องทรมานนักโทษทำให้ใครๆ ก็เข้าใจความรู้สึกของเขา
     
    “คือ...เท่าที่ผมจำได้ กว่าสิ่งประดิษฐ์ของคุณจะทำงานได้ตามคาดเป๊ะก็หลังจากนี้หลายปี ^ ^;”
     
    “เสียมารยาทครับ สิ่งประดิษฐ์ของผมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเสมอ ...แค่อาจจะมีผิดพลาดบ้างเล็กน้อย...” เจ้าตัวพูดด้วยน้ำเสียงแสดงความไม่มั่นใจ
     
    ทารกหญิงยืนจ้องชายหนุ่มผู้กำลังตกเป็นหนูทดลองอยู่ห่างๆ ด้วยสีหน้านิ่งสนิทจนอีกฝ่ายรู้ตัวหันมายิ้มให้
     
    “รัล ตัวฉันในอดีตทำตัวน่ารังเกียจไปหน่อย ช่วยทนไปก่อนนะ อีกไม่นานก็กลับตัวเองแหละ ^ ^”
     
    “ไม่ต้องห่วงหรอก ใครทำตัวไม่เข้าท่าฉันจะเคี่ยวให้หนักเลย จนกว่าแกจะเชื่องเป็นลูกหมานั่นแหละ” รัลยังคงรักษาเอกลักษณ์ไม่ยอมตอบดีๆ
     
    “ได้ยินยังงี้ก็สบายใจ เดินเครื่องเลยครับ ทนลุ้นไม่ไหวแล้ว(ว่าจะกลับไปครบสามสิบสองรึเปล่า) ^ ^;”
     
    กริ๊ก!
     
    ฮึ่ม~!! ฮึ่ม~!!
     
    “มันมาแนวเดียวกับครั้งแรกเลย ดูท่าจะไม่มีใบรับประกันคุณภาพแหงๆ” อิเอมิทสึได้คำตอบจากตอนที่แล้วในที่สุด
     
    และแล้วสิ่งที่ทุกคนคาดคิดเกิดขึ้น
     
    บรึ้ม!!
     
    เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมทั้งเกิดควันสีชมพูโขมง
     
    เมื่อควันจางหายไป ร่างของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มและอักขระจันทร์เสี้ยวที่แก้มก็ปรากฏขึ้นในสภาพสวมกุญแจมือดังเดิม แต่ที่ต่างไปจากเดิมคือเสื้อคลุมสีขาวที่ยับยู่ยี่เหมือนไปกลิ้งลงมาจากดอยอินทนนท์
     
    “ยินดีต้อนรับกลับสู่โลกปัจจุบัน” ท่านผู้นำเข้าไปกล่าวต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเคย
     
    “ว่าแต่ไปเจออะไรเข้าล่ะถึงได้เสื้อยับยู่ยี่ขนาดนี้?”
     
    เด็กหนุ่มยังคงสีหน้าไร้ความรู้สึกเอาไว้ ไม่พูดอะไรเหมือนเคย ทารกหญิงจึงถือโอกาสนี้ทวนสิ่งที่ต้องทำอีกครั้ง
     
    “ฟังให้ดีนะ พรุ่งนี้พวกวองโกเล่จะมาถึง จากนั้นภายในสองวันเราก็จะบุกจู่โจมฐานทัพของสโตลโต แฟมิลี่ ก่อนหน้านั้นแกต้องบอกข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางภายในเท่าที่รู้มาให้หมด เพื่อที่จะได้วางแผนให้ดีก่อนบุกเข้าไป”
     
    “...เข้าใจแล้ว...” เด็กหนุ่มตอบสั้นๆ ได้ใจความ
     
    “แล้วก็อย่าคิดโกหกเป็นอันขาด เพราะพวกเราจะรู้ทันที ใช่มั้ยออคเคียลี่?” ทารกหญิงหันไปทางหนุ่มแว่นประจำห้องสอบสวนที่ตกใจจนหลุดหน้าเหวอไปแว้บหนึ่ง
     
    “อะ...ถูกต้องแล้วครับ ถ้าคุณโกหก ผมจะรู้ได้ในทันที” หนุ่มแว่นรักษาท่าทีใจเย็นเอาไว้และปล่อยลูกบลัฟออกไปได้ แต่ในหัวเขานั้นคิดว่า ‘ไหงโยนมาให้ตูซะงั้น...’
     
    เด็กหนุ่มพยักหน้าแทนการตอบรับว่าเข้าใจ...แต่เข้าใจรับปฏิบัติหรือเข้าใจว่ากำลังโดนแหลนั้นเป็นอีกเรื่อง
     
    “งั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว แกรนโด้ ออคเคียลี่ โยนเจ้านี่เข้าห้องขัง” รัลออกคำสั่งเด็ดขาด
     
    ชายหนุ่มหัวโล้นร่างโตกับชายหนุ่มสวมแว่นร่างสูงโปร่งเข้ามาขนาบสองข้างเด็กหนุ่มและพาตัวไปยัง ‘ห้องสวีทชั้นห้าดาว’ เพียบพร้อมด้วยเตียงขาวแคบๆ ประตูติดช่องกระจก และวอลเปอร์ขาวโพลนตามคำสั่ง
     
    ทารกหญิงยืนมองชายทั้งสามเดินหายไปหลังประตูบานเล็กพลางครุ่นคิดเรื่องที่ผ่านมา
     
    ‘เจ้านั่นในอีกสิบปีจะกลายเป็นตัวน่าโมโหยิ่งกว่าเดิมเหรอเนี่ย แถมยังจะเปลี่ยนแปลงในเร็วๆ นี้อีก มันจะเป็นไปได้ยังไง?’ เรื่องยากๆ นี่ล่ะที่เธอชอบคิดนักหนา
     
    ‘...แต่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรานี่ ถ้าเจ้านั่นกับเราจะมีความเกี่ยวข้องอะไรก็... รออีกสิบปีก็รู้เอง’ ความคิดนี้แสดงให้เห็นว่าเธอรอได้...หรืออาจไม่ได้รอเลย?
     
    --
     
    R:”ยาว”
     
    DX:”ยาว”
     
    27:”ยาวครับ”
     
    Ryohei(23):”ยาวสุดขั้ว!!”
     
    80:”ฮะๆๆ ยาวจัง”
     
    59:”ชิ! จะยาวเอาอะไรฟะ!”
     
    L:”คุณแรมโบ้จะกินลูกอมอ้ะ!”(อันนี้ไม่เกี่ยวเลย)
     
    96:”...ยาวค่ะ...”
     
    18:”...ยืดเยื้อน่ารำคาญ...”
     
    69:”คุฟุฟุ~ ช่างย—“
     
    R:”สต็อป! พอแล้วทุกคน ขอบคุณที่มาช่วยคอรัสประสานเสียง(?)”
     
    69:”ม—ไม่ให้ผมพูดจบก่อนล่ะครับ~”
     
    --
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×