ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reborn : Fierce Demon & Little Cute Pineapple [1896]

    ลำดับตอนที่ #14 : เจ้าหน้าที่รีบอร์น สอบสวนนอกสถานที่! วองโกเล่ฟีเวอร์! วางแผนจู่โจมกลับ! (+โบนัส)

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ค. 54


    ในโกดังที่ร้างหลังคา เด็กหนุ่มสองคนยืนประจันหน้ากัน หนึ่งมีทอนฟาคู่อยู่ในมือ อีกหนึ่งมีจันทร์เสี้ยวที่แก้ม
     
    “คุณฮิบาริ ระวังตัวด้วยนะ เจ้านั่นมีพลังแปลกๆ!” เด็กหนุ่มผมฟูที่บาดเจ็บหนักเตือนด้วยความหวังดี
     
    “จะเป็นใครก็ไม่เกี่ยว ถ้าใช้ภาพมายาต่อหน้าฉัน มีโทษสถานเดียวคือโดนขย้ำ” เด็กหนุ่มผมดำพุ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยความเร็วสูง
     
    แล้วห่าฝนลูกธนูก็ปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุอีกครั้ง แต่ฮิบาริก็ไม่มีทีท่าหวาดหวั่นแม้แต่น้อย ปลายทอนฟาทั้งสองแขนของเขาหลุดพร้อมกับติดสายโซ่ออกมาด้วย
     
    ฮิบาริควงสายโซ่เป็นวง และใช้มันปัดลูกธนูด้านหน้าออกไปจนหมดพร้อมกับรุกคืบเข้าไปใกล้
     
    (R:บางคนอาจจะจำไม่ได้ นี่เป็นทริคที่ฮิบาริใช้ตอนศึกสั้นกับเบลเฟกอลช่วงศึกชิงแหวนนภา)
     
    เด็กหนุ่มผมดำเข้าประชิดตัวศัตรู มือขวาวาดทอนฟาไปในอากาศ กระทบกับสีข้างของศัตรูอย่างจังจนกระเด็นไปไกลหลายเมตร
     
    ภาพของเดนเมซซาลูน่ากระตุกไปวูบหนึ่ง ก่อนที่คันธนูสีเงินจะปรากฏขึ้นที่มือซ้ายของร่างบนพื้น
     
    ‘ยังงี้นี่เอง’ ทารกชุดดำทำความเข้าใจด้วยตัวเอง ‘ใช้ภาพมายาบังท่าทางเวลายิงธนูเพื่อไม่ให้ถูกจับจังหวะกับทิศทางได้’
     
    “อ่อนแอจริงๆ ไปหาพรรคพวกให้สมกับที่เป็นสัตว์กินพืชซะดีกว่า” ฮิบาริเอ่ยด้วยน้ำเสียงดูถูก
     
    “แต่ก่อนอื่น โคลม โดคุโร่อยู่ที่ไหน? คงรู้ใช่มั้ย?”
     
    เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มลุกขึ้นยืน จ้องฮิบาริเขม็ง ก่อนที่จะยกธนูขึ้นเล็งอย่างโจ่งแจ้ง แล้วลูกธนูก็ถูกปล่อยออกมาด้วยความเร็วอันเหลือเชื่ออีกครั้ง
     
    ประสาทตอบโต้ของเมฆาหนุ่มทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม เขาเบี่ยงตัวหลบมันไปได้ด้วยระยะห่างไม่กี่มิลฯ แต่แล้วเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติบนชายเสื้อคลุมของเขา มันขาดเป็นรูใหญ่พอๆ กับฝ่าเท้าช้าง
     
    ‘นั่นไง’ รีบอร์นหรี่ตา ‘ลูกธนูนั่นอีกแล้ว ถึงจะเห็นแค่แว้บเดียว แต่นั่นเป็นไฟธาตุวายุความบริสุทธิ์สูง เท่าที่เคยเห็นก็มีแต่โกคุเดระคนเดียว แล้วยังภาพลวงตานั่นอีก ถึงรายละเอียดจะไม่ได้เรื่อง แต่เนื้อของมันสมบูรณ์มาก เกิดจากไฟธาตุหมอกความบริสุทธิ์สูง... เหมือนกับของมุคุโร่ที่ส่งผ่านทางโคลม’
     
    “...ทำลายสิ่งของในครอบครองของกรรมการรักษาระเบียบ ไม่ต้องพูดพร่ำอะไรอีกแล้ว เตรียมตัวให้ดี” แล้วฮิบาริก็พุ่งออกไป
     
    เด็กหนุ่มไร้ชื่อหลบการจู่โจมครั้งแรกได้ แต่ครั้งที่สองจำเป็นต้องยกมือขึ้นกัน ซึ่งทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็รู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ ยังไงก็ต้องจบลงที่เข้าเฝือกเป็นอย่างน้อย
     
    ผัวะ!!
     
    กระเด็นไปไกล...
     
    “ฮึ จบง่ายจนน่าเบื่อ” ประธานฯหนุ่มมองอย่างดูแคลน ไม่มีอาการเหนื่อยอะไรเลย
     
    เด็กหนุ่มผมฟูซึ่งได้แต่นั่งเจ็บมาตั้งแต่เริ่มตอนมองดูด้วยความทึ่งและความชื่นชม
     
    ‘สมกับเป็นคุณฮิบาริ แข็งแกร่งจริงๆ’
     
    เหมือนอ่านใจได้ รีบอร์นเสริมทันที
     
    “ใช่ ไม่เหมือนนาย เจ้าห่วยสึนะ แค่เรื่องแปลกใจนิดๆ หน่อยๆ ก็เสียท่า ทำฉันขายหน้าต้องโดนลงโทษ”
     
    ผัวะ!
     
    “จ๊าก!!~” ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมร้องเสียงโหยหวนนัก เพราะลูกเตะเจาะจงลงแผลที่ไหล่ขวา
     
    ทารกหญิงมองดูทั้งสองผ่านแว่นหน้ากากสีแดงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น
     
    “ดูเหมือนว่าจะจบเรื่องแล้วสินะ ถ้าอย่างนั้นก็ให้ฉันพาเจ้านั่นกลับไปที่เซเดฟได้สินะ”
     
    “แน่นอน แต่ก่อนอื่นฉันมีคำถามจะถามเจ้านั่นสองสามข้อ ส่วนเรื่องโคลม ฮิบาริกำลังจะเค้นเอาคำตอบอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว”
     
    เมซซาลูน่าหนุ่มยกตัวขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก ที่แขนขวามีรอยช้ำขนาดใหญ่ และถึงจะอยู่ใต้เสื้อคลุมขาวและเสื้อชั้นในสีแดงที่ปิดถึงคอถึงสองชั้น แต่ก็มั่นใจได้ว่าที่สีข้างซ้ายก็มีเช่นกัน
     
    “ว่าไง? โคลม โดคุโร่อยู่ที่ไหน?” ฮิบาริทวนคำถาม
     
    ผู้ถูกถามยืนขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเดินไปทางห้องที่เกิดระเบิดขึ้นเมื่อตอนที่แล้วอย่างทุลักทุเล
     
    ทั้งหมดรวมทั้งสปอร์ตแมนผมดำที่ทารกชุดดำลากตามหลังมาเข้าไปในห้องด้วยกัน และสิ่งแรกที่เห็นก็คือร่างของเด็กหนุ่มผมเงินที่นอนหมดสติอยู่กับพื้น สีหน้าเหมือนไปเจอกับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตมา แต่เป็นแบบน่าขันสไตล์อนิเมฯ
     
    “โกคุเดระคุง!” สึนะไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเอง ลงไปพยุงเพื่อนให้ลุกขึ้น
     
    “อึก! ไม่เอา...คุกกี้...อาเจ๊! อ๊อก!!” สโมกกิ้ง บอมบ์มีอาการเพ้ออย่างรุนแรง ซึ่งสึนะก็พอจับใจความได้
     
    “เบียงกี้เหรอ?” สึนะไม่เข้าใจ แต่รีบอร์นพอจะเดาออก
     
    “คงจะสร้างภาพลวงตาของเบียงกี้กับพอยซั่น คุกกิ้งขึ้นมาอย่างง่ายๆ ศึกษาข้อมูลของพวกเรามาอย่างดีเลยนะ” ส่วนท้ายของประโยครีบอร์นหันไปพูดกับเมซซาลูน่าหนุ่มที่สีหน้าคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง
     
    “แล้วโคลม โดคุโร่ล่ะ?” ฮิบาริย้ำคำถามเดิมอีกครั้ง คราวนี้มีน้ำเสียงหงุดหงิดปนด้วย
     
    เด็กหนุ่มร่างเล็กไม่ตอบแต่มองไปด้านหน้า ที่ห้องด้านในอีกห้องหนึ่งแทนคำพูด
     
    ฮิบาริไม่รอช้าก้าวฉับๆ เข้าไปในห้องนั้น ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมกับเด็กสาวผมม่วงในอ้อมแขน
     
    “โคลม!” สึนะวางโกคุเดระลงกับพื้นก่อนจะรีบเข้าไปดูอาการของเด็กสาวผมม่วงที่สติเลือนราง
     
    โคลมพยายามลืมตาขึ้นมองภาพตรงหน้า มอง ‘อัศวินม้าขาว’ ของตัวเอง เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา
     
    “บอส...มาช่วยฉัน...ขอบคุณมากค่ะ...” โคลมยิ้มอย่างอิดโรยได้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหมดสติไป
     
    “โคลม!”
     
    “อย่าตีโพยตีพายไป ซาวาดะ สึนะโยชิ คนของฉัน ฉันจัดการเอง ไม่ปล่อยให้ตายหรอก” ฮิบาริพูดพร้อมกับมองเด็กสาวในอ้อมแขนด้วยแววตาเย็นชา ก่อนจะเดินแยกตัวออกไป
     
    “คนของคุณเหรอ? หมายความว่ายังไง?” เด็กหนุ่มทำท่าจะซักต่อแต่ทารกชุดดำที่เข้าใจเรื่องราวดีขัดซะก่อน
     
    “ไม่ต้องห่วงหรอกสึนะ ฮิบาริพูดคำไหนคำนั้น สำหรับตอนนี้ ฉันมีคำถามที่อยากจะถามแกหน่อย” ส่วนหลังของประโยค รีบอร์นหันไปพูดกับเด็กหนุ่มปริศนาที่ตอนนี้ก็เหมือนอยู่ในกำมือของวองโกเล่แล้ว
     
    “ใครเป็นคนส่งแกมา?”
     
    เด็กหนุ่มเงียบไม่ตอบ เดือดร้อนถึงกิ้งก่าบนหมวกของทารกชุดดำต้องแปลงเป็นปืนขู่
     
    “ถ้าไม่ตอบเจอเจาะขมองแน่” รีบอร์นเอ่ยด้วยสีหน้าท่าทางและแววตาที่บ่งบอกว่าเอาจริงร้อยเปอร์เซ็นต์
     
    “...สโตลโต แฟมิลี่...” เสียงคีย์ต่ำที่อยู่ก้ำกึ่งระหว่างหญิงกับชายตอบกลับ
     
    “เจ้าพวกโง่จอมตื๊อนั่นเอง ไม่เข็ดซะทีนะ คราวนี้ส่งมือดีมาซะด้วย”
     
    สึนะอยากถามว่าสโตลโต แฟมิลี่คือใคร แต่จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดเวลาที่อยู่กับทารกชุดดำบอกว่าอย่าแทรกเวลารีบอร์นคุยเรื่องสำคัญ
     
    “คำถามต่อไป นายเป็นคนของเมซซาลูน่า แฟมิลี่ใช่มั้ย?”
     
    “...เมื่อก่อนใช่ แต่ตอนนี้เป็นสโตลโต...” คำตอบนี้ยืนยันข้อสันนิษฐานได้เป็นอย่างดี
     
    “คำถามข้อนี้สำคัญมาก ตอบดีๆ หรือตายอย่างทรมาน” รีบอร์นขู่เอาไว้ก่อนจะถามคำถามสำคัญ
     
    “ทำไมเมซซาลูน่า แฟมิลี่ ถึงใช้ไฟธาตุได้?”
     
    อีกฝ่ายทำท่าเหมือนไม่อยากตอบ แต่ปืนในมือของทารกชุดดำก็ช่วยในการตัดสินใจได้เป็นอย่างดี
     
    “...เราเรียกว่า [ไฟแก่นชีวิต] ได้จากสิ่งมีชีวิต ดึงมันออกมาเก็บเอาไว้ใน [ภาชนะ] และเอาออกมาใช้โดย [สื่อกลาง]...” เมซซาลูน่าหนุ่มอธิบายด้วยศัพท์เฉพาะล้วนชวนให้งง
     
    “จะอธิบายดีๆ หรือจะให้แหวะสมองออกมาดู?” คำขู่ของทารกหน้าตาจิ้มลิ้มน่าเอ็นดูเพิ่มดีกรีความโหดขึ้นเรื่อยๆ
     
    “...ภาชนะอยู่ตรงนี้...” นิ้วเรียวขาวชี้ที่อักขระจันทร์เสี้ยวสีเงินที่แก้มซ้าย
     
    “นี่สื่อกลาง...” มือในถุงมือหนังสีน้ำตาลที่เล็กจนเกือบเท่าผู้หญิงยื่นออกไปข้างหน้าให้ผู้ที่รายล้อมอยู่เห็นชัดๆ
     
    ที่กลางด้านหลังของถุงมือมีตราประหลาดรูปร่างกลมคล้ายจะเป็นเครื่องกลอยู่
     
    และเผื่อว่าจะมีใครไม่เข้าใจ เมซซาลูน่าจึงทำการจุดไฟสีขาวปนม่วงขึ้นให้ดูจะจะตา
     
    “ไฟนี่ก็ของโคลม...” สึนะพูดโดยไม่ต้องคิด เพราะรู้สึกได้
     
    “ต้องทำยังไงถึงจะดึงไฟของคนอื่นออกมาได้?” รีบอร์นน้อยถามต่อ
     
    คราวนี้เมซซาลูน่าหนุ่มมีทีท่าเหมือนไม่อยากตอบจริงๆ
     
    “ช่างเถอะ ยังไงแกก็จะไม่ได้รอดไปดึงไฟใครอีกแล้ว” รีบอร์นทำท่าไม่ใส่ใจ เขารู้ถึงวิธีจัดการกับศัตรูของวองโกเล่ดี ถึงบอสจะรักสงบยังไง แต่วิถีของมาเฟียก็ไม่เปลี่ยนแปลง
     
    “เรื่องสุดท้าย...” รีบอร์นทำท่าจริงจังเพราะเป็นเรื่องของตัวเอง “ทีแรกที่เข้ามา ฉันขยับไม่ได้... [รังสีนอนทรินิเซตเต้] แกไปเอามาจากไหน?”
     
    “รังสี? มันเกี่ยวกับที่ฉันขยับตัวไม่ได้ด้วยสินะ?” อัลโกบาเลโน่หญิงยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก
     
    สึนะจำชื่อนั้นได้ดี มันเป็นภัยร้ายแรงอย่างยิ่งในอนาคต
     
    ‘รังสีนอน-ทรินิเซตเต้ ที่ทำให้อัลโกบาเลโน่อ่อนแอน่ะเหรอ?’
     
    [ทรินิเซตเต้] หรือ [73] คือรากฐานของโลกนี้ ประกอบด้วยแหวนอันทรงพลัง 3 กลุ่ม กลุ่มละ 7 วง คือกลุ่มของแหวนวองโกเล่ในครอบครองของวองโกเล่แฟมิลี่, แหวนมาเล่ในครอบครองของมิลฟีโอเล่แฟมิลี่ และอยู่ภายในจุกนมของอัลโกบาเลโน่ทั้งเจ็ด
     
    รังสีนอน-ทรินิเซตเต้ก็คือรังสีที่ต่อต้านองค์ประกอบของทรินิเซตเต้ แต่จากบันทึกแล้วมีเพียงอัลโกบาเลโน่เท่านั้นที่ได้รับผล ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงอย่างมาก ถ้าใช้ปริมาณน้อย จะทำให้ขยับตัวไม่ได้ (ดูในอนิเมฯ ภาคบททดสอบอัลโกบาเลโน่ บททดสอบของเวอร์เด)
     
    “...’ท่านพ่อ’ ให้มา”
     
    “แล้วไอ้เจ้า ‘ท่านพ่อ’ นี่มันเป็นใครกัน?”
     
    เมซซาลูน่าเงียบ ไม่ยอมตอบ และก็ไม่มีใครพูดอะไร จนกระทั่งเห็นว่าอยู่แบบนี้คงเสียเวลาเปล่า ทารกหญิงจึงพูดขึ้นบ้าง
     
    “หมดเรื่องแล้วใช่มั้ยรีบอร์น? ฉันจะได้พาเจ้านี่กลับไปซะที ส่วนเรื่องรังสีอะไรนั่นเดี๋ยวฉันให้คนขององค์กร—”
     
    “ยัง”

    “อะไรอีกเล่า!?” รัล มิลจิมีท่าทีไม่พอใจ
     
    “แกน่ะ” รีบอร์นหันไปทางเด็กหนุ่มนิรนาม “ถ้าแกยอมร่วมมือกับเราในแผนการถล่มสโตลโต แฟมิลี่ ฉันจะปล่อยแกไป ว่าไง?”
     
    “นายพูดอะไรน่ะรีบอร์น!?” รัลแหว “จะให้เจ้านี่ร่วมมือในแผนการถล่มแฟมิลี่ตัวเองนี่นะ!?”
     
    “...ตกลง...” คำตอบนี้ไม่เกินความคาดหมายของพวกเรา แต่สำหรับทางนั้นเป็นเรื่องช็อคโลก
     
    ‘หึ กะแล้วเชียว เจ้านี่อันตรายจริงๆ ซะด้วย’ มีแต่ทารกชุดดำผู้รู้ทันโลกเสมอที่เข้าใจ
     
    “เจ้านี่โกหกแหงอยู่แล้ว!?” รัลมองอีกฝ่ายด้วยแววตาไม่ไว้ใจแบบสุดๆ... ถึงจะมองไม่เห็นเพราะอยู่หลังแว่นหน้ากากก็เหอะ
     
    “งั้นก็เป็นอันตกลง ตอนนี้กลับไปกับรัลที่อิตาลีก่อน เดี๋ยวอาทิตย์หน้าจะตามไป” รีบอร์นสั่งการโดยไม่ฟังเสียงบ่นจากเพื่อนอัลโกบาเลโน่
     
    “ยังไงเจ้านี่ก็ต้องกลับไปกับฉันอยู่แล้ว แต่เรื่องนั้นน่ะฉันไม่เห็นด้วยสุดๆ! เอาเถอะ ฉันจะบอกอิเอมิทสึให้ แล้วค่อยว่ากันอีกที” ทารกนอกแก๊งกลับมาอยู่ในสภาพใจเย็น
     
    ข้อมือทั้งสองของเมซซาลูน่าหนุ่มถูกล็อกด้วยกุญแจมือชนิดพิเศษเฉพาะของเซเดฟ(R:เมคเอาเองครับ) เป็นแบบที่ใช้และปรับปรุงมาแต่สมัยวองโกเล่พรีโม่ [อลาวด์เอดิชั่น] แต่ไม่ได้เพิ่มจำนวนได้หรอก แค่มีเข็มยาชาชนิดแรงแบบคุมด้วยรีโมทเท่านั้น
     
    เมื่อหน้าที่เสร็จสิ้นลงแล้ว รัล มิลจิก็จากไปพร้อมกับผลงานที่ไม่ใช่ฝีมือของตัวเอง ทิ้งให้วองโกเล่หนุ่มอยู่กับเพื่อนที่หมดสติทั้งสองและครูฝึกสุดโหดอีกหนึ่ง
     
    “นายพูดอะไรน่ะรีบอร์น!?” สึนะโวยทำลายความเงียบ “แผนการถล่มแฟมิลี่อะไรกัน ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ!”
     
    “ยังไงก็ต้องไป สึนะ เจ้าพวกนี้ไม่ใช่แฟมิลี่รักสงบหรือว่าเจี๋ยมเจี้ยมหรอกนะ ต้องมีมาอีกแน่ แล้วเจ้าพวกนั้นก็เทียบมิลฟีโอเล่ไม่ติดฝุ่นเลยด้วย ไม่เป็นอันตรายหรอก”
     
    “แต่พวกเรามีเรียนนะ จะให้ไปอิตาลีได้ยังไง!?” สึนะยังเถียงต่อ สู้ต่อไปสึนะ!
     
    “ใครบอก สัปดาห์หน้าทีมเบสบอลของโรงเรียนไปแข่งระดับจังหวัดสามวัน พุธ, พฤหัสฯ, ศุกร์ โรงเรียนปิดให้นักเรียนไปเชียร์ รวมเสาร์อาทิตย์ห้าวันเหลือเฟือ”
     
    “งั้นยามาโมโตะคุงก็ต้องไปแข่งใหญ่ จะให้ทิ้งการแข่งไปไม่ได้หรอก!” สึนะเริ่มเอาคนอื่นมาอ้าง

    ”ก็ไม่ต้องให้ไปสิ แค่ฉัน นาย กับโกคุเดระ แล้วก็คนของเซเดฟไม่กี่คนก็พอแล้ว” รีบอร์นโต้กลับอย่างใจเย็น
     
    “อึก!...” สึนะหมดคำจะเถียง ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว การตัดไฟแต่ต้นลมก็จำเป็น เพื่อความปลอดภัยของเพื่อนๆ
     
    “เฮ้อ~ ก็ได้~...” สึนะจำใจตอบตกลง
     
    “เป็นอันตกลงตามนี้” ทารกชุดดำยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจ
     
    “แต่ตอนนี้มาช่วยกันแบกเจ้าพวกขี้เซานี่กลับบ้านกั่นก่อนเถอะ”
     
    “ไปว่าเขายังงั้นก็ไม่ได้นะรีบอร์น โกคุเดระคุงกับยามาโมโตะคุงเขาช่วยเราเยอะเลยนะ”
     
    แล้วชีวิตของวองโกเล่ก็ดำเนินต่อไป...
     
    “จะว่าไป แล้วคุณพี่เรียวเฮล่ะ?” สึนะนึกขึ้นมาได้
     
    -
     
    ในขณะนั้น ห่างออกไปไม่ไกล ที่ชานเมืองนามิโมริ เขตโกคุโย
     
    “ที่นี่มันที่ไหนกันล่ะเนี่ย!! คนอื่นหายไปไหนกันหมด!?!” เด็กหนุ่มผมสีขาวสั้นเกรียนยืนอยู่กลางถนนแห่งหนึ่งไม่ทราบตำแหน่ง
     
    “แล้วเราต้องไปที่ไหนกัน!? งงแบบสุดหูรูดเลยยยยย~!!”
     
    ยังต้องให้สรุปมั้ย? ก็แค่ทุกคนเลี้ยวซอกแซกมากจนเขาพลัดหลงระหว่างทาง...
     
    --
     
    ยามค่ำคืนในเมืองนามิโมริ ประตูคฤหาสน์หลังใหญ่ถูกเปิดออก ร่างของเด็กหนุ่มผมดำก้าวเข้าไปด้านในพร้อมกับเด็กสาวผมม่วงในอ้อมแขน
     
    วันนี้เป็นวันที่น่าหน่ายใจสำหรับเขา เพราะต้องวิ่งวุ่นตามหา ‘ยัยตัวดี’ อยู่นานสามนาน
     
    ‘โคลม โดคุโร่ ทำให้ฉันลำบาก ตื่นเมื่อไรน่าดู’
     
    ฮิบาริเดินไปตามทางเดิน จนกระทั่งมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องซึ่งเขาจำได้ว่าเป็นห้องที่เขาให้เด็กสาวใช้หลับนอน เขาเปิดประตูเข้าไปด้านในก่อนจะวางร่างของเด็กสาวที่หน้าซีดเผือดไร้เรี่ยวแรงลงกับพื้นเสื่อ
     
    เขาถือวิสาสะค้นข้าวของของเด็กสาวเพื่อที่จะนำชุดมาเปลี่ยนให้เด็กสาว -ชุดนักเรียนไม่ควรนำมาใส่นอน- ความเห็นส่วนตัวเขา เราอย่าเจือกมาก
     
    และไม่เหมือนฟิคบางฟิค ฮิบาริไม่มีสาวใช้ประจำคฤหาสน์ดังนั้น การเปลี่ยนเสื้อผ้าของเด็กสาวผู้มีรูปร่างยั่วยวนไม่น้อยคนนี้จึงต้องเป็นหน้าที่ของเขาเอง...
     
    เด็กหนุ่มยกแขนผอมขาวของหญิงสาวผู้ไร้สติขึ้นอย่างไม่ค่อยจะนุ่มนวล ก่อนจะบรรจงถอดเสื้อนักเรียนออกช้าๆ เพราะกลัวมันขาด(ห่วงเครื่องแบบนามิโมริ)
     
    เสื้อถูกถอดออกไป เผยเรือนร่างผิวขาวซีดไร้สีเลือดที่มีเพียงยกทรงลูกไม้สีชมพูหวานแหววปกปิดส่วนสำคัญเอาไว้ เห็นเพียงเนินอกขาวเนียนขนาดกำลังดี(DX:เรทพุ่ง 15+ = =;)
     
    ...แต่ฮิบาริก็ไม่รู้สึกอะไร
     
    เป้าหมาย(?)ต่อไปเป็นกระโปรงเทาประจำโรงเรียนนามิโมริ เด็กหนุ่มบรรจงปลดมันออกอย่างนิ่มนวลด้วยเหตุผลเดิม เผยเรียวขาสวยได้รูปที่ขาวจนซีดและกางเกงชั้นในพิมพ์เดียวกับยกทรง ทำให้ร่างเด็กสาวตอนนี้แทบจะเปลือยเปล่า
     
    ...แต่ฮิบาริก็ไม่รู้สึกอะไร(อยู่ดี)
     
    เด็กหนุ่มสวมเสื้อผ้าที่หยิบส่งๆ มาได้ให้กับเด็กสาวอย่างไม่ค่อยใส่ใจ แต่ก็ยังจัดแจงให้เรียบร้อย(ตามนิสัยรักความมีระเบียบ)
     
    นิ้วเรียวสัมผัสผิวที่ยังคงเนียนนุ่มแม้จะผ่านสถานการณ์สุดวิบากมา
     
    ...ใช่แล้ว แต่ฮิบาริก็ไม่ยังไม่รู้สึกอะไร(เซ็งหมอนี่แล้วสินะ...หรือเซ็งคนเขียน?)
     
    จนกระทั่งใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยฮิบาริก็ยังไม่รู้สึกว่าผู้หญิงมันยั่วยวนตรงไหน? อย่างนี้ที่เขาเรียกว่า ‘ไม่รู้จักของดี’ (DX:ความหมายมันยังไงๆ อยู่นะ =_=;)
     
    ฮิบาริวางร่างของเด็กสาวผมม่วงลงกับที่นอนซึ่งเขาเป็นคนปูด้วยตัวเอง(โคลมมีบุญมากเลยนะเนี่ย...หรือซวยมากไม่รู้?)
     
    ฮิบาริมองเด็กสาวผู้หลับใหลพลางพึมพำกับตัวเอง
     
    “โคลม โดคุโร่ เป็นเด็กเจ้าปัญหาจริงนะ” รอยยิ้ม... ถึงจะเหมือนแสยะซะมากกว่า แต่ก็เป็นรอยยิ้มจากความรื่นรมย์แท้ๆ ไม่มีปลอมแปลง
     
    เขาหวนรำลึกไปถึงคำสุดท้ายที่เด็กสาวพูดก่อนจะหมดสติไป
     
    บอส...มาช่วยฉัน...ขอบคุณมากค่ะ...
     
    รอยยิ้มในตอนนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นจากผู้ที่เป็นตุ๊กตาของคนอื่น ที่สำคัญคือเป็นรอยยิ้มให้กับ ‘ผู้ช่วยเหลือ’ ของตัวเอง
     
    ‘ขอบคุณซาวาดะ ทั้งที่ฉันเป็นคนช่วยงั้นเหรอ?...’
     
    เด็กหนุ่มรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย โคลม โดคุโร่เป็นนักโทษของเขา แต่เธอมีท่าทีเชิดชูสัตว์กินพืชซาวาดะ(หรืออีกชื่อ ‘ทูน่ากินสาหร่าย’)  เขาจะไม่หงุดหงิดได้ยังไง
     
    สงสัยว่าเขาจำเป็นจะต้องคุมสัปปะรดน้อยผลนี้ให้อยู่ในกฏระเบียบซะหน่อยแล้ว...
     
    --
     
    R:”ตอนนี้ยาว และยิ่งยาวก็หมายถึงข้อผิดพลาดมาก และผู้อ่านรำคาญมากขึ้น เพราะฉะนั้นจะไม่มีการพล่ามไร้สาระ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ ตอนต่อไปจะเป็นตอนที่ยกให้ OC66 เพื่อเป็นการทดลองงาน ได้ผลยังไงก็จะเป็นตัวตัดสินใจว่าจะลงคู่นี้หรือไม่ (ผลที่ว่าเกี่ยวพันถึงคอมเม้นท์ผู้อ่านด้วยเล็กน้อยนะครับ)”
     
    --
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×