โลกใบโตของทองปอนด์ - โลกใบโตของทองปอนด์ นิยาย โลกใบโตของทองปอนด์ : Dek-D.com - Writer

    โลกใบโตของทองปอนด์

    ติดตามการพจญภัยอันยิ่งใหญ่สำหรับ "ทองปอนด์"

    ผู้เข้าชมรวม

    195

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    195

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  5 ม.ค. 50 / 12:00 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                      ตั้งแต่ผมลืมตาดูโลกเท่าที่ผมจำความได้  ผมได้ถูกนำมายังที่แห่งหนึ่ง  ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันที่ไหน    อากาศที่ร้อนอบอ้าว  ผู้คนเดินไปเดินมาอย่างแน่นหนาราวกับว่าไม่มีที่จะให้เดินแล้วบนโลกนี้

      ผู้คนที่สัญจรไปมา เมื่อได้เห็นผมและเพื่อนๆของผม  ต่างก็เข้ามาทักทาย  โดยเฉพาะคุณผู้หญิงจะต้องส่งยิ้มหวานๆให้ผมแทบทั้งนั้น  บางทีพอเจอผมแล้วก็รีบวิ่งมากอดก็มี   ทีแรกผมก็ชอบนะ  แต่พอนานๆเข้าผมเริ่มเบื่อแล้วก็เหนื่อยมากด้วย  

      พอตกเย็นก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมานั่งเฝ้าผม  ทีแรกผมทำเป็นไม่สนใจ  แต่พอนานๆเข้าผมก็เริ่มสงสัย  เด็กผู้หญิงคนนี้ส่งสายตาราวกับว่าอยากจะมาสัมผัสที่ตัวผมเหลือเกิน   เพียงชั่วอึดใจ  เด็กผู้หญิงคนนี้ก็เข้ามาทักผม   เธอชมผมว่าน่ารัก  เธอกอดผมเบาๆ  ผมรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น  ผมอยากจะอยู่กับเด็กคนนี้อีกนานๆ  แต่ก็ไม่นาน   เธอปล่อยผมแล้วก็รีบวิ่งหายไป

      เป็นเวลานานพอสมควร  เธอก็โผล่มาอีกครั้งพร้อมกับเงิน 5000 บาท   เธอค่อยๆโน้มหน้ามาทางผม   กระซิบเบาๆที่ข้างหูผมว่า  "กลับบ้านเรากันนะ"  เพียงเท่านี้ผมก็คิดในใจ  ว่าบ้านมันเป็นอย่างไรกัน  ผมไม่เคยมีบ้าน  มันเป็นยังไงเหรอ?  แล้วทำไมต้องกลับบ้าน ? ผมงงไปหมดแล้ว

      เด็กผู้หญิงคนนี้ได้พาผมเข้าไปในเหล็กสี่เหลี่ยมวิ่งได้ที่เรียกกันว่ารถ ด้วยความที่ผมอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าผสมกับไอเย็นๆที่พวยพุ่งออกมาจากช่องเล็กๆ  ผมเลยเผลองีบหลับไป  ผมหลับได้ซักพักก็มีเสียงเปิดประตูรถ  แล้วผมก็กำลังมึนๆ  เด็กผู้หญิงคนนี้ก็ค่อยๆประคองผมด้วยท่าทีที่ระวัง

      ผมเหลือบไปเห็นผู้หญิงอีกสองคน  ผู้หญิงคนหนึ่งบอกว่าผมน่ารัก  แล้วผู้หญิงอีกคนก็เข้ามากอดผม  ผมได้รู้สึกถึงความอบอุ่นอีกครั้ง  ผมมีความสุขเหลือเกิน  ผู้หญิงสองคนนี้ทำให้ผมตาสว่าง  พวกเธอเล่นกับผมอยู่นานหลายชั่วโมง

      ซักพักพวกเธอก็พาผมเข้านอน  พวกเธอกอดผมคนละครั้ง  แล้วปิดไฟทิ้งผมไว้ข้างล่าง  ปล่อยให้ ผมรู้สึกเหงาและเดียวดาย  ผมไม่รอช้า  ร้องเรียกพวกเธอทันที  ผู้หญิงทั้งสองคนรวมทั้งเด็กคนนั้นรีบวิ่งลงมาดู  คงสงสัยว่าผมเป็นอะไร   ผมดีใจนึกว่าพวกเธอจะลงมาเล่นกับผมอีก  แต่พวกเธอก็ขึ้นไปอีกครั้ง   ผมอ้อนและคลอเคลียพวกเธอ  เพราะอยากจะขึ้นไปนอนด้วย

      ไม่เอาน่า  อย่างอแงสิ  เดี๋ยวพรุ่งค่อยมาเล่นกันใหม่  หนึ่งในสามคนพูดขึ้น

      ผมได้แต่ทำหน้าหงอยๆ  มองตามไปจนพวกเธอหายขึ้นไปจากชั้นล่าง

      วันรุ่งขึ้นพอผมลืมตา ก็ไม่เห็นพวกเธอทั้งสามคนเลย  ผมจึงร้องเรียกพวกเธออีกครั้ง  ทีนี้พวกเธอก็ค่อยลงมาทีละคนๆ  พวกเธอรีบทำอาหารให้ผมทาน  คงนึกว่าผมหิว  แต่ก็จริงนั่นแหละ ผมหิวมาก  เพียงไม่นานผมก็ซัดจนเกลี้ยงจานเลย

      หลังจากนั้นพวกเธอก็พาผมไปอาบน้ำ     พวกเธอเอาใจผม  อาบน้ำให้ผม  ถูสบู่ให้ผม  ตอนนั้นผมรู้สึกจั๊กกะจี้เล็กๆ  แต่พวกเธอก็ลูบตัวผมอย่างนุ่มนวล   อืม...นี่เหรอที่เรียกว่าบ้าน  มันช่างสุขสบายอะไรอย่างนี้นะ ผมคิด

      หลังจากอาบน้ำเสร็จพวกเธอก็มาเช็ดตัวให้ผม   ผมรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษหลังจากอาบน้ำเพราะว่า พวกเธอจะชอบมากอดและหอมผมฟอดใหญ่   แหมทีแรกผมก็เขินนิดๆ  แต่ตอนนี้ชินแล้ว 

      เหตุการณ์เป็นอย่างนี้เรื่อยมาจนกระทั่งผมโตเป็นหนุ่ม    ผมเริ่มมีนิสัยนักเลงนิดๆ  คราวใดที่เห็นหนุ่มอื่นเดินผ่านหน้าบ้านผมตอนที่พวกเธอคนใดคนหนึ่งกำลังนั่งเล่นอยู่  ผมก็นึกครึ้มเกิดอาการหึงหวง  ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้นผมไล่ตะเพิดทันที 

      วันหนึ่งขณะที่ผมนั่งเล่นอยู่ในบ้าน   ผมก็ได้ยินเสียงใครก็ไม่รู้  เป็นเสียงที่ไพเราะจับใจเสียจริงๆ   ด้วยความที่ผมอยากรู้ว่าใครคือเจ้าของเสียงนั้น  ผมรีบวิ่งออกไปดู  โอ้คุณผู้อ่านครับ  เจ้าของเสียงช่างงามอะไรจะปานนั้น   งามจนผมต้องตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก  นี่น่ะหรือที่เขาเรียกกันว่ารักแรกพบ

      ผมไม่รีรออะไรทั้งสิ้น  ด้วยความที่ผมอยากจะรู้จักกับเธอ  ผมจึงเข้าไปทักทายเธอ   โอ้ย  ยิ่งได้เห็นเธอใกล้ๆ ใจผมงี้แทบละลายเลย    ผมเริ่มทักทายเธอ  แต่ทว่าเธอกลับเมินผมซะนี่  เธอเดินหนีผมไป  แถมยังไม่หันกลับมาอีกต่างหาก  นี่มันอะไรกัน  ผมหล่อที่สุดในหมู่บ้านแล้วนะ  ทำไมเธอยังเมินผมล่ะ

      เอาละ  ผมตัดสินใจ  เดินตามเธอไป  แอบ เดินตามไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงบ้านเธอ  โห...บ้านเธอช่างหรูหราอะไรอย่างนี้  มิน่าเธอถึงได้ดูดีนักหนา เป็นครั้งแรกที่ผมจากบ้านมาไกลขนาดนี้     แล้วอยู่ๆ  เธอก็หันกลับมา  ผมหลบไม่ทัน   เธอมองมาที่ผมแล้วส่งยิ้มให้  นั่นแน่  แสดงว่าเธอก็มีใจให้ผมเหมือนกัน  ผมคิดในใจ

      ผมจึงยิ้มตอบเธอ  ด้วยความที่เขินล่ะมั้งเธอจึงรีบหลบเข้าบ้านไป   แต่ผมก็ไม่เสียดาย  เพราะอย่างน้อย    ผม ก็ได้รู้จักบ้านของเธอ  แล้วเธอยังจะเชิญชวนผมด้วยการส่งยิ้มหวานๆอีกต่างหาก  เฮ้อ..วันนี้ผมมีความสุขเหลือเกิน  

       เมื่อฟ้ามืดลง  ผมก็เดินกลับบ้าน  แต่ในระหว่างทางนั้น  ผมได้สังเกตเห็นเงาตะคุ่มๆ    มีอะไรบางอย่างกำลังเดินมาที่ผม  ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  เมื่อร่างนั้นต้องแสงจันทร์  ผมรู้ได้ทันที  ว่าไอ้นี่มันคือ  คู่อริผมเอง  มีเรื่องกันมาตลอด ผมไม่รอช้า  รีบหลบหลีกเดินทางอื่นด้วยความที่ไม่อยากมีเรื่อง  เพราะวันนี้ผมเพิ่งจะไปเจออะไรดีๆมา

      แต่มัน  คู่อริผม  กลับวิ่งมาขวางทาง  หน้าตามันเอาเรื่องน่าดู   มันคงแค้นผมที่เวลาที่มันเดินผ่านหน้าบ้านผม  ผมจะไล่มันทุกที  แต่คราวนี้มันไม่เป็นอย่างเคย  ผมไม่ได้อยู่ที่บ้าน  ผมไม่ได้อยู่ในถิ่นของผม  แต่กลายเป็นถิ่นของมัน  วินาทีนั้นผมเริ่มเหงื่อตก  ตัวมันใหญ่กว่าผมตั้งสามเท่า  แต่เอาวะเพื่อศักดิ์ศรี  และเพื่อตัวผมเอง  ผม จำเป็นต้องสู้

      ผมสู้กับมันอยู่นาน  ร่างกายผมเริ่มจะไม่ไหว  มันเก่งเหลือเกิน   ผมสูดหายใจลึกๆ  พอได้จังหวะมันเผลอและก็เริ่มอ่อนกำลังลง  ผมรีบหลีกออกมา  วิ่งสุดชีวิต  เมื่อผมคิดว่าไกลพอสมควรแล้วผมจึงหยุดพัก    ผมเจ็บปวดไปทั้งตัว  ตาก็เริ่มพร่ามัว  ในตอนนั้น  ผมคิดถึงบ้านเหลือเกิน  อยากจะกลับบ้านเป็นที่สุด  ผมนึกถึงผู้หญิงทั้งสามคนที่อยู่ในบ้านหลังนั้น  ป่านนี้พวกเธอคงเป็นห่วงผมแย่  แต่ผมไม่ไหวจริง  ผมไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว  ผมจึงนอนพักอยู่ตรงนั้น

      ผมงีบหลับได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย    เมื่อผมลืมตา  ก็เห็นชายหนุ่มสองคน  สงสัยคงจะเมา   เดินอย่างไม่เป็นท่า  เซไปเซมา  แล้วก็เหยียบเข้าที่เท้าผม  ผมอุทานดังลั่น 

      เฮ้ย..เมิงมานอนน..เกะกะอะรายแถวนี้วะห๊า?เสียงหนึ่งพูดขึ้น

      เออวะ  เมิงมานอนอารายแถวนี้วะ  จัดการมานเลยยย  ลูกเพ่  อีกเสียงหนึ่งเสริม

      เออๆ  ปล่อย  เปนนน  หน้าที่..ข๊องกรู..เอง....

      สิ้นเสียง  ชายหนุ่มคนหนึ่งเตะผมเข้าที่ท้อง  ผมร้องลั่น   ในตอนนั้น  ผมจุกจนแทบจะหายใจไม่ออก  ผมเจ็บปวดเหลือเกิน  ไอ้พวกคนใจบาป  มันไม่เห็นหรือยังไงว่าร่างกายผมมันเต็มไปด้วยแผล  ผมสะบักสะบอมขนาดนี้มันยังทำกับผมได้  ผมสุดจะทน อยากกลับบ้านมากๆ

      ผมทำได้แต่ร้องครางเบาๆ  ด้วยความที่ผมเจ็บ  เจ็บจนแทบจะไม่มีเสียงร้องออกมาแล้ว  ผมคิดแต่ว่าต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดหากผมอยู่ต่อไปผมคงจะไม่รอดแน่ๆ  ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ  รวบรวมกำลังที่มีแม้จะเหลือเพียงน้อยนิด    ผมรีบวิ่งหนีสุดใจขาดดิ้นไม่เหลียวกลับไปมอง  วิ่งให้ไกลที่สุด  จนผมแน่ใจแล้วว่าผมพ้นเงื้อมมือไอ้พวกชั่ว  ที่มันเห็นผมเป็นกระสอบทรายและเป็นที่รองรับอารมณ์ของพวกมัน

      เมื่อมาถึงที่ๆผมคิดว่าปลอดภัยแล้ว  ผมล้มลงและคิดว่าผมคงจะไม่รอดและไม่มีโอกาสได้กลับไปสัมผัสที่อยู่ของผมที่เรียกว่า บ้านอีกต่อไปแล้ว   หลังจากนั้นผมก็หมดสติไป

      ในขณะที่ผมหมดสติไปนั้นผมมีความรู้สึกได้ลางๆ  ว่ามีมือใครก็ไม่รู้กำลังโอบอุ้มผมอยู่  มันช่างสบายและอบอุ่นอะไรอย่างนี้  ไออุ่นที่คุ้นเคย   ที่ผมโหยหา  นี่ผมอยู่ที่ไหนกัน  ผมคิด

      ปอนด์...เจ้าปอนด์  โธ่น่าสงสารจัง  ใครทำแกเนี่ย  ดูสิแผลเต็มไปหมดเลย  ไม่เป็นไรนะปอนด์ ฉันอยู่นี่แล้ว ให้หมอฉีดยานิดหน่อยแก้อักเสบ เดี๋ยวจะพากลับบ้านเรากันนะ

      ผมได้ยินเสียงนี้แว่วๆ  เสียงนี้มัน...  ผมจำได้ดี  นี่มันเสียงผู้หญิงที่บ้านของผมเอง  คนที่ผมคิดว่าเค้าเป็นเจ้านายของผม  นี่ผมรอดแล้วหรือ? หรือว่ามันเป็นความรู้สึกที่ผมคิดเองก่อนที่ผมจะลาโลกนี้ไป

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×