คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER 01
CHAPTER 01
“ขอเชิญ คิม จงอิน มาพบอาจารย์ที่ห้องผู้อำนวยการค่ะ”
เสียงประกาศที่ดังออกมาจากห้องของสภานักเรียน ทำให้เจ้าของชื่อที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่กับเพื่อนในกลุ่มต้องวางช้อนลงก่อนจะตวัดสายตามองคนรอบข้างที่กำลังมองเค้าพร้อมกับเสียงซุบซิบ นินทา
“กูว่าเรื่องเดิมแหง่ๆ” ปาร์ค ชานยอลพูดออกมาก่อนจะก้มลงกินอาหารตรงหน้าต่อ
“กูรู้อยู่แล้วแหละ งั้นกูฝากเก็บจานด้วย” จงอินพูด ก่อนที่เพื่อนในกลุ่มจะพยักหน้าให้คำตอบ
KAI PART
ผมเดินเอื่อยๆ มาตามทางที่ตอนนี้คนดูจะหายไปหมดแล้ว เพราะส่วนมากก็ไปรวมตัวกันที่โรงอาหาร ก็คงเป็นสถานที่ที่ทุกคนจะอยู่ที่นั้น ก็ตอนนี้มันพักเที่ยงนิ ผมเดินมาเรื่อยๆก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าห้องผู้อำนวยการ ก่อนผมจะเปิดประตูเข้าไปพร้อมกับรอยยิ้มกวนๆ ที่ทำให้อาจารย์หลายคนต้องหัวเสียกับรอยยิ้มนี้
“มาแล้วเหรอ คิม จงอิน”
“ครับ มีไรหรือเปล่า” ผมนั่งลงตรงหน้าผู้อำนวยการ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าขึ้นมากดเล่น
“นายควรจะฟังที่ฉันพูด ไม่ใช่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์แบบนี้!” เสียงของผู้อำนวยการพูดขึ้นแต่ใช่ว่าผมจะสนใจ ก็เกมส์ที่อยู่ในมือมันน่าสนใจกว่าผู้อำนวยการหน้าหลุมคนนี้ตั้งเยอะ เหอะ!!
“ก็ว่ามาสิครับ...” ผมพูดตอบกลับไปโดยไม่มองหน้าผู้อำนวยการเลยแม้แต่น้อย
“เมื่อวาน นายไปมีเรื่องกับเด็กโรงเรียนไหนมา?” ผมรู้อยู่แล้วหล่ะว่าต้องเป็นเรื่องนี้
“ก็พวกกลุ่มเดิมๆ อยากรู้ไปทำไมครับ?” ผมถามกลับก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นอย่างกวนประสาท
“นายก็รู้ว่าโรงเรียนเรามีชื่อเสียงขนาดไหน นายกำลังทำให้โรงเรียนเราเสียชื่อเสียงน้ะ!! ตัวนายเองก็เป็นที่รู้จักนี้ ทำไมนายไม่ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนอื่นได้ดูกัน ห๊ะ!!?” ผู้อำนวยการตะวาดใส่น่าผมนั้นทำให้ผมเริ่มเดือดขึ้นมาทันที
“จำเป็นด้วยเหรอครับว่าบุคคลต้นแบบต้องเป็นคนดี?” ผมถามกลับด้วยสีหน้านิ่งเฉย ทำให้ผู้อำนวยการที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมถึงกลับปรอทแตกทันที
“นี้! นายรู้มั้ยว่าตั้งแต่นายเข้ามาอยู่โรงเรียนนี้และตั้งแต่นายมีกลุ่มนี้ขึ้นมา มันทำให้โรงเรียนเราเป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้นก็จริง แต่ในทางกลับกันโรงเรียนเราก็เสียชื่อเสียงในด้านลบ เพราะกลุ่มพวกนาย!!” ผู้อำนวยการตะโกนใส่หน้าผมแต่สิ่งที่ผมตอบกลับไปนั้นคือความเงียบ
“ฉันรู้ว่าพวกนายอยู่ในช่วงวัยรุ่นที่กำลังซ่า อยากท้าอยากลองนู่นนี่ไปเรื่อย แต่นายรู้มั้ยว่าคนอื่นเขากำลังมองนายว่านายน้ะ เป็นคนที่แย่แค่ไหน ในแต่ละเทอมนายมีเรื่องทะเลาะวิวาทอยากต่ำก็ 10 ครั้งต่อเทอมนายไม่คิดถึงพ่อแม่บ้างหรือไงกัน!!” ผมมองหน้าผู้อำนวยการอีกครั้งก่อนจะตอบกลับไป
“คิดครับ แต่ทำไมคุณไม่ลองคิดบ้างล้ะ ว่าถ้ามีคนมาด่าคุณ มาด่าเพื่อนคุณมาดูถูกโรงเรียนของคุณ คุณจะทำอย่างไร เป็นใคร ก็ต้องชกต่อยเพื่อศักด์ศรี จริงมั้ย อ๋อ! แต่ผมลืมไปว่าคุณน้ะ มันเห็นแก่ตัว! เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมทำอยู่มันถูกแล้วล้ะ”
“นี้นาย!!....”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวน้ะครับ!” ผมพูดจบ ก็เดินออกมาทันทีโดยไม่ฟังเสียงของผู้อำนวยการหน้าหลุมนั้นเลย
ผมเดินมาเรื่อยๆจนถึงทางเชื่อมจากตึกผู้อำนวยการไปโรงอาหาร มันจะเป็นที่ที่เงียบมากเพราะไม่ค่อยมีคนเดินมาที่ตึกนี้สักเท่าไหร่ ถ้าหากไม่มีความจำเป็นจริงๆ ผมมองไปรอบๆก่อนจะคิดว่าผมควรจะเดินไปซื้อขนมที่โรงอาหารกินรองท้องน้ะ เพราะเมื่อกี้ผมกินข้าวไปได้แค่ 3 คำเอง ให้ตายเถอะ!! คิดได้ดังนั้นผมจึงรีบเดินไปที่โรงอาหารแต่ระหว่างทาง
สู้ดดดดด สู้ดด
ผมได้ยินเสียงคนกำลังดูดเหมือน...เอ่อ...เส้นมาม่าเข้าปากน้ะ ผมว่ามันอยู่ใกล้ๆผมนี้แหละ ผมเริ่มหาที่มาของเสียงก่อนจะไปพบผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งกินมาม่าคัพอยู่ที่ข้างเสาที่ถัดจากผมไป 3-4 ต้น แต่เพราะมันเงียบจึงทำให้ผมได้ยินชัดมากกกกก
“นาย!” ผมเข้าไปทักผู้ชายที่นั่งอยู่ เขาดูจะสะดุ้งเล็กน้อย แต่ตาเขาเหมือนจะหลุดออกมาเลย ให้ตายเถอะ!!
“เอ่อ....ห๊ะ!!?” เขาหันมาหามองผมก่อนจะทำท่าเลิกลักเล็กน้อย ไม่อ่ะ ผมว่าไม่น้อยล้ะ เยอะเลยยย
“นาย...ทำไมไม่กินข้าวในโรงอาหารล้ะ??” ผมถามคนที่นั่งข้างๆผม พร้อมจะมองสำรวจคนตรงหน้า นี้มันทอมหรือเปล่าเนี้ย ตัวเล็กชิบหาย! ขาวอีกด้วย ทอมชัดๆ!!
“เอ่อ...คือ…” เขาไม่ยอมตอบผมแต่กลับก้มลงกินมาม่าในมือต่อ อะไรว่ะ! หยิ่ง!!
“ถามทำไมไม่ตอบ!!” ผมไม่ชอบคนที่ถามแล้วไม่ตอบเอามากๆ ร่างตรงหน้าผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะวางถ้วยมาม่าลง แล้วหันมามองผมเต็มใบหน้า
“เอ่อ...คือ เราไม่มีตังค์หน่ะ” เขาตอบแค่นั้นก่อนจะก้มหน้าลงมองมือของตัวเองที่บีบกันแน่น
“แล้วตังค์หายไหนหมดหล่ะ ทำไมไม่ยืมเพื่อน??” ผมถามไปตรงๆ ก็จริงหนิถ้าหากเพื่อนกระเป๋าตังค์หาย เป็นผมผมจะให้เพื่อนยืม ถึงผมจะเลวแต่ผมก็มีน้ำใจน้ะ
“คือ...เราไม่มีเพื่อนหรอกน้ะ” ร่างตรงหน้าผมพูดทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่
“ทำไมล้ะ??” อันนี้ผมงงจริง โรงเรียนผมเป็นโรงเรียนชายหญิง ก็น่าจะมีเพื่อนบ้างสิ หรือว่าเขานิสัยไม่ดี แต่ดูๆแล้วไม่น่าใช่น้ะ
“ก็เราจนหนิ” จน?? บ้า! บ้าเกินไปล้ะ ถ้าจนไม่มีทางมาเรียนโรงเรียนนี้หรอก ค่าเทอมเทอมหนึ่งเป็นแสน
“ตลก ถ้านายจนแล้วจะมาเรียนโรงเรียนนี้ได้ไง” ผมถามเสียงติดตลก
“ก็เทอมแรกเราได้ทุน แต่ตอนนี้ทุนหมดแล้วหล่ะ ต้องหาเงินเรียนเองถ้าหากยังอยากเรียนที่นี้ต่อ” เขาพูดก่อนจะก้มหน้าจนชิดอก
“หัวนายไปโดยอะไรมาน้ะ??!” ผมถามเพราะว่าหัวด้านซ้ายของเขาเป็นรอยแตก แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ทำแผลน้ะ
“อ๋อ....คือ...”
What does the fox say……….
เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นขัดจังหวะการพูดของคนตรงหน้า ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์ของชานยอล
“เออ ว่าไงมึง!?”
( มึงอยู่ไหนว่ะ! )
“เออ กำลังจะไปโรงอาหารมีไรว่ะ!!?”
( มึงมาหาพวกกูด่วนเลย พวกแก๊งค์ be bad แม่งเหยียบถิ่นเรา!! )
“เออๆ เดี๋ยวกูรีบไป!!” ผมวางสายก่อนจะรีบลุกขึ้นทำร่างตรงหน้าผมตกใจเล็กน้อย
“ฉันต้องรีบไป ไว้เจอกันใหม่ล้ะ แล้วก็นายควรจะไปห้องพยาบาลเพื่อทำแผลที่หัวของนายน้ะ!!” ผมรีบวิ่งไปที่โรงอาหาร แก๊งค์ be bad แม่งหาตีนใส่ตัวแท้ๆ มาถึงถิ่นกูก็อย่าหวังว่าจะกลับอย่างสมประกอบ!!
‘ อะไรของเขากัน เรายังไม่ทันได้รู้จักชื่อเลย แล้วทำไมเราไม่ถามน้ะ คยองซู! ’
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของคยองซูทันที
TALK:
ไรท์มาลงตอนที่ 2 ไว้ เป็นการแนะนำเรื่องให้มากขึ้น เพราะดูจะไม่ค่อยมีคนสนใจ 55555 แต่จะไม่ทิ้งเรื่องนี้แน่นอน จุ้ปปปป
อย่าลืมอ่านแล้วเม้นท์กันด้วยน้ะรีดเดอร์ อย่างที่เคยบอก รีดเดอร์คือกำลังใจที่ดีที่สุดของไรท์ทั้ง 2 คน
WRITER
AEEAOO
ความคิดเห็น