คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : KAIDO | รุ่นพี่ที่รัก 3 ft.KRISLAY
รุ่นพี่ที่รัก
Epidsode 3
KrisLay Part.
“แวะตรงนี้ก่อนได้มั้ยคริส เรายังไม่อยากกลับบ้านอ่ะ”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นเบาๆเมื่อรถคันหรูเคลื่อนตัวผ่านสวนสาธารณะแห่งหนึ่งหลังจากที่ ทั้งคู่แยกตัวขอกลับออกมาจากปาร์ตี้สังสรรค์กับคนอื่นๆ สายตาคมของร่างสูงละจากถนนข้างหน้า หันไปมองทางที่อีกคนจ้องอยู่ไม่วางตา เขาหัดพวงมาลัยเลียบรถเข้าจอดข้างทาง ก่อนทั้งสองคนจะเปิดประตูลงจากรถเดินไปยังที่หมาย
คริสชำเลืองมองใบหน้าด้านข้างของคนข้างกายไปตลอดทางเงียบๆ
นี่คือ จางอี้ชิง คนพิเศษของเขา...หรือจะให้พูดแบบเข้าใจง่ายหน่อยคือ เราทั้งคู่เป็นแฟนกันครับ
ทั้งสองคนต่างเดินผ่านเข้าในสวนสาธารณะพร้อมๆกันโดยไม่มีการพูดคุยกันแต่อย่างใด จนเมื่อมาถึงสนามหญ้าใกล้สระน้ำ อี้ชิงก็กระตุกแขนเสื้อคนตัวสูงเบาๆเป็นเชิงบอกว่าจะนั่งที่ตรงนี้ ซึ่งคริสเองก็ยอมนั่งลงตามคำอ้อนของคนรักอย่างว่าง่าย
“คิดถึงท้องฟ้าที่เกาหลีเหมือนกันนะเนี่ย”
เมื่อนั่งเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดสนิทไปได้สักพัก ร่างบางก็พูดขึ้นมาทำลายความเงียบ
“ไปนานทำไมล่ะ” ร่างสูงว่าพลางเอื้อมมือไปโอบไหล่บาง ก่อนจะออกแรงรั้งตัวอีกคนให้นอนลงบนตักของเขา คนถูกดึงเองก็ดูจะชอบใจไม่น้อยที่ได้นอนหนุนตักคนรัก
“แฟนเราดันขี้เก๊กน่ะสิ”
“เกี่ยวกันด้วยเหรอ...”
“แน่นอน”
แม้จะรู้ว่าคริสไม่ได้ต้องการคำตอบ แต่อี้ชิงก็ยังคงตอบกลับด้วยรอยยิ้มมั่นใจ เขาชอบที่จะได้ก่อกวนคริส แม้จะเป็นเพียงการแกล้งพูดหยอกล้อเล็กๆน้อยๆก็ตามที
ทั้งคู่เงียบเสียงไปอีกพักใหญ่ๆ มือหนาคอยลูบผมนุ่มของคนรักที่ตอนนี้ขยับเปลี่ยนท่าเป็นนอนเหยียดไปกับพื้นหนุนตักร่างสูง สบายใจเฉิบ
“ซูโฮ..เป็นยังไงบ้าง..”
คราวนี้คริสเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาบ้าง
“ซูโฮ...เขาเหนื่อยมานานแล้วล่ะคริส ถึงเวลาที่เค้าจะต้องพักผ่อนซะที”
พักผ่อน...ตลอดกาล
“ฉัน...ขอ โทษ” คริสเข้าใจถึงชิงที่อี้ชิงอยากจะบอกดี เขารู้อยู่แล้ว...ซูโฮคนนั้น เพื่อนรักอีกหนึ่งคนของเขา ที่ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว.. การที่ร่างบางกลับมาที่นี่เป็นหลักฐานยืนยันได้เป็นอย่างดี
“บอกเราทำไมล่ะ ไปบอกซูโฮโน่น”
อี้ชิงตอบพร้อมกับยิ้มน้อยๆ เขาเอื้อมมือขึ้นดึงแก้มอีกคนที่ก้มมองอยู่ด้วยความหมั่นเขี้ยว ใบหน้าคมคายดูหมองลงเมื่อแววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“แต่เขาไม่อยู่ให้ฉันบอกแล้ว..” เสียงของคริสสั่นเครือคล้ายคนกำลังร้องไห้
“ก็ใช่น่ะสิ” อี้ชิงยังคงยิ้มหวาน แต่ในครั้งนี้ รอยยิ้มนั้นกลับฝืดเฝื่อนเหมือนกับคนฝืนยิ้ม
“....”
“อยากคุยกับซูโฮไหม”
ร่างบางถามด้วยน้ำเสียงแปลกแปร่ง นัยย์ตาคู่สวยเริ่มมีน้ำใสๆเอ่อคลอ คริสพยักหน้ารับอย่างฝืนๆ
"อยากเจอเขาไหม"
"......"
"อยากได้ยินเสียงเขา"
"......"
"อยากดูแลเขา"
ไม่มีคำตอบใดๆจากคริส มีเพียงแววตาที่สั่นไหวกับทุกคำถามที่เสียดแทงลึกเข้ามาข้างในใจ ร่างสูงทำราวกับคนที่ลืมวิธีการออกเสียง ได้แต่ผงกหัวตอบรับกับแต่ละคำถามจากร่างบาง นอกจากนั้นแล้วเขาก็ไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้เลย
"แล้วเพราะอะไรคริส...?" ร่างบางเอ่ยด้วยเสียงที่แหบพร่า ปลายเสียงที่สั่นเทาบ่งบอกถึงอารมณ์ของผู้พูดได้เป็นอย่างดี
“..ตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่นายมัวไปอยู่ที่ไหน นายมัวแต่กลัวอะไรอยู่! นายรออะไรคริส? กระทั่งงานศพของเขา ฉันก็ยังไม่ได้เห็นแม้แต่ปลายเส้นผมของนายด้วยซ้ำ!”
อี้ ชิงตวัดสายตากลับมาหาร่างสูง เขากระแทกเสียงในตอนท้าย เสียงที่เคยเบาหวิวแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างเย็นชา รอยยิ้มที่เคยส่งให้จนถึงเมื่อครู่จางหายไปเหลือเพียงแววตาที่ทอประกายกร้าว
“ฉันก็แค่...”
“กลัวที่จะต้องเจอหน้า ‘เพื่อน’ ที่แอบรักตัวเองมาตลอด?”
ไม่ทันที่คริสจะได้พูดจนจบประโยค ร่างบางก็ขัดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแฝงอารมณ์คุกรุ่นอย่างชัดเจน
จางอี้ชิงกำลังโกรธ
“เราสามคนเป็นเพื่อนกันมากี่ปี อู๋อี้ฟาน! กี่ปีที่รู้จักกัน กี่ปีที่ซูโฮคอยดูแลนาย กี่ปีที่ซูโฮเฝ้ามองนาย กีปีที่ซูโฮยืนอยู่ข้างนาย เป็นกำลังใจให้นาย ยิ้มให้นาย กี่ปี! ที่ซูโฮคนนั้น...รักนาย...ฮึก”
หยาด น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มใส เขาโกรธคริส..โกรธมาก ตลอดเวลาสามเดือนที่เขาไปอยู่แคนาดาเพื่อดูแลซูโฮซึ่งกำลังป่วยเป็นโรคร้าย เขาไม่แม้แต่จะยินเสียงของคริสด้วยซ้ำ
คริ สไม่เคยโผล่หน้ามาให้เห็น แค่ครั้งเดียวก็ไม่เลย ถึงแม้ซูโฮจะยิ้มและบอกว่าเข้าใจ แต่เขารู้..รู้ว่าซูโฮยังคงเฝ้ารอ รอ..ที่จะได้พูดคุยกับคริสอีกครั้ง รอที่จะได้บอกลา..รักครั้งแรกและรักสุกท้ายของเขา ด้วยตัวของเขาเอง...
“ตอน ที่เขาแทบไม่มีแรง..ฮึก..จะหายใจ เขายังพยายามที่จะ..ฮึก..บอกวะ..ว่า ขอโทษที่ทำให้นายล..ลำบากใจ ไม่ว่านายจะ..ฮึก..คิดยังไงกับขะ..เขา เขาก็จะให้นายปะ..เป็น ‘เพื่อน’ ที่ดีที่สุดของเขา”
คำพูดขาดห้วงจากแรงสะอื้นของคนรักทำให้ร่างสูงเจ็บปวด คริสดึงตัวอี้ชิงมากอดไว้แน่น แรงไหวจากไหล่บางยิ่งทำให้เขาสะเทือนใจ
“ฉันขอโทษนะเลย์ ฉันขอโทษ..”
“ทำไมถึงใจร้ายแบบนี้คริส ทำไม..นายทำแบบนี้กับเขาได้ยังไงกัน..ฮึก”
แม้ แทบไม่เหลือเรี่ยวแรง ร่างบางก็ยังพยายามเค้นเอาแรงที่มีทั้งหมดทุบอกคนตรงหน้า อยากจะทำให้อีกคนเจ็บปวด..อยากให้อีกคนได้รับรู้ ว่าเพื่อนของเขาที่จากไปแล้วเสียใจมากแค่ไหน
“คริส...”
“....”
“สัญญากับเรานะ..”
“....”
“คริส..”
“ครับ..”
“สัญญานะ ว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก.. สัญญา..ว่าจะไม่ทิ้งให้รอแบบนี้..”
“สัญญา”
“เกี่ยวก้อย”
นิ้ว ก้อยเรียวบางยื่นมาตรงหน้าของคริส เขามองมันด้วยสายตาแฝงความรู้สึกมากมาย รอยยิ้มอ่อนโยนผุดขึ้นมาบนริมฝีปากกระชับได้รูป ร่างสูงยื่นนิ้วก้อยของตนไปเกี่ยวไว้และก้มลงจูบหลังมือบางเบาๆ
“สัญญาครับ”
อี้ชิงผละตัวออกจากอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น เขาจ้องมองใบหน้าของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้
คนที่เขารัก...รักมากที่สุด
ให้อภัยได้เสมอ..ไม่ว่าเมื่อไหร่
“ไว้เราไปเยี่ยมซูโฮด้วยกันนะ”
- - - - - - KAIDO - - - - - - -
"อื้อ..."
แสงอาทิตย์ทอประกายขึ้นมาในยามเช้าตามเวลาของมันส่งผลให้ใต้ผ้านวมผืนหนาเกิดความเคลื่อนไหวเล็กน้อย ต้นตอมาจากร่างเล็กที่ถูกแสงสว่างสาดปะทะเข้ากับเปลือกตาบางทำให้เขาเกิดความรำคาญและบิดตัวหนีแสงนั่น อย่างไรก็ตามแม้เปลือกตาของเขาจะหนีพ้นแสงแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถกลับเข้าสู่ห้วงนิทราได้อีกต่อไป ตากลมโตค่อยๆหรี่ปรือขึ้นทีละน้อยตามประสาคนเพิ่งตื่นนอน
ร่างบางทอดสายตามองขึ้นไปบนเพดานอย่างงัวเงีย มือเล็กยกขึ้นปิดปากหาวเบาๆ
โคมไฟระย้านี่สวยจัง แสงกำลังพอดีเลย...
ความคิดแล่นไปตามใจนึก รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นที่มุมปากก่อนจะชะงักค้างไปเมื่อความจริงบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวของเขา
โคมไฟระย้า? ถ้าเขาจำไม่ผิดห้องของเขาไม่มีโคมไฟระย้า ยิ่งเป็นโคมไฟที่ดูยังไงๆก็ราคาแพงยับนี่ ต้องไม่ใช่โคมไฟในห้องเขาแน่นอน
คิดได้ดังนั้น คนตัวเล็กก็ผุดลุกขึ้นมาจากเตียงขนาดคิงไซส์ราวกับมีสปริงส์ติดอยู่ที่หลัง ความรู้สึกง่วงนอนที่มีมาจนถึงเมื่อครู่หายวับไปกับตา คราวนี้เขากวาดตามองสำรวจไปรอบห้องอีกครั้งพร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ความจริงที่ปรากฏแก่สายตาทำให้เขาต้องเบิกตากว้าง ทำอะไรไม่ถูก
ที่นี่ไม่ใช่ห้องของเขา
เขาขยับตัว เลิกผ้าห่มขึ้นเตรียมจะก้าวเท้าลงจากเตียง และนั่นทำให้เขาได้ค้นพบความเปลี่ยนแปลงอีกอย่างหนึ่งบนร่างกาย
เสื้อผ้าที่เขาสวมอยู่ในตอนนี้เปลี่ยนเป็นชุดนอนสีขาวตัวหลวมโพรก ขากางเกงที่ยาวจนน่าจะลากพื้น กับแขนเสื้อที่ยาวจนปิดมือของเขาซะมิด มือบางหยิบจับดูชุดที่เขาสวมใส่อยู่สองสามทีและพยายามนึกย้อนไปถึงสิ่งสุดท้ายที่เขาจำได้
ลู่ฮานเอาเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ให้เขาดื่ม แล้วเขาก็เมาจนหลับไปตรงนั้นเลย จากนั้นก็....
".....!"
ในขณะที่กำลังทบทวนความจำ สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นรูปภาพในกรอบรูปบนโต๊ะหัวเตียง ซึ่งเป็นภาพใบหน้าของคนที่เขารู้จักเป็นอย่างดี... คิมจงอิน
.
.
.
"ตื่นแล้วเหรอครับ รุ่นพี่"
Kyungsoo Part.
ผมมาอยู่ที่ห้องของจงอินได้ยังไง ?
คำถามนี้แว้บเข้ามาในหัวของผมทันทีที่มองเห็นว่าคนในกรอบรูปนั่นคือใคร แต่ก่อนที่จะคิดเรื่องรูป ตอนนี้ผมอยากรู้ว่าผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงมากกว่า หลังจากที่เมื่อคืน ลู่ฮานแกล้งผมด้วยการมอมเหล้าผมจนหลับแล้ว ผมคิดว่าเช้านี้ ผมน่าจะตื่นนอนพร้อมกับอาการปวดหัวอยู่ที่ห้องของผมเองอะไรอย่างนั้นสิ แต่นี่.. ที่นี่มันไม่ใช่ห้องของผม และแน่นอนว่า มันไม่ใช่ห้องของลู่ฮานด้วย.. เพราะที่นี่คือห้องของคนๆนั้น... คิมจงอินคนนั้นเอง
คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าผมมานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไง
ผมขยี้หัวตัวเองอย่างสับสน คำถามมากมายผุดขึ้นมาในสมองเต้มไปหมด ผมอยากรู้ทุกคำตอบของทุกคำถามนั่นเดี๋ยวนี้เลย ติดก็แค่ผมจะไปหาคำตอบได้จากที่ไหนล่ะ หรือผม..ต้องไปถามคิมจงอิน..?
ไม่ทันที่ผมจะได้ตัดสินใจอะไร ประตูห้องที่ปิดสนิทมาตลอดก็เปิดออก
“ตื่นแล้วเหรอครับ รุ่นพี่”
".....O////O!!"
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ โดคยองซูไม่เข้าใจเลย!
เสียงคมเข้มจากคนในความคิดที่ดังขึ้นมาจากทางประตูเรียกความสนใจจากผมไปทันที จงอินโผล่มาในสภาพล่อแหลมมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวที่พันรอบเอวไว้ ผมเบิกตากว้างมองภาพคนตรงหน้าอย่างตกใจ
"จ....จ.....จงอิน"
"ครับ? เป็นยังไงบ้าง ปวดหัวรึเปล่า"
ผมได้แต่เรียกชื่ออีกคนตะกุกตะกักเมื่อจงอินเดินเข้ามาหาแล้วนั่งลงที่ว่างข้างๆ เขายื่นมือมาแตะที่หน้าผากผมพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆเพื่อดูอาการ ที่จริงแล้วผมยังมึนๆอยู่นิดหน่อยเพราะเหล้าที่ลู่ฮานเอาให้ผมดื่มเมื่อคืนดูเหมือนจะเป็นแบบเพียวๆไม่ผสมอะไรทั้งสิ้น แต่มันก็แค่นิดเดียวเท่านั้นนะครับ
แต่ว่าตอนนี้....
"ม..ไม่เป็นไรครับ พี่ส..สบายดี"
เขาเอาหน้าเข้ามาใกล้ผมมากเกินไปแล้วนะ T__T ผมแอบกรีดร้องในใจเงียบๆ หน้าอกข้างซ้ายดูเหมือนจะมีอวัยวะบางอย่างเต้นแรงจนแทบจะกระเด็นหลุดออกมาอยู่รอมร่อ ไม่รู้จะเอามือเอาไม้ไปวางไว้ตรงไหนดี เลือดก็ดูจะไหลขึ้นมาวิ่งอยู่บนหน้าเต็มไปหมด
"แต่หน้าพี่ดูแดงๆนะ มีไข้รึเปล่าครับ"
ไม่พูดเปล่า มือก็ยกขึ้นมาจับหน้าของผมให้เงยขึ้นไปสบตากับเขา คราวนี้ผมไม่รู้จริงๆว่าควรจะเอาตาไปมองที่ไหนดี เลยจำต้องจ้องกลับไปทั้งอย่างนั้น
จริงๆแล้วพี่คิดว่าพี่สบายดีมากๆเลยครับ แต่กำลังจะไม่สบายเพราะจงอินนี่แหละ..
"พี่ไม่เป็นอะไรจริงๆครั... อ้ะ"
ผมขืนตัวออกให้หลุดจากการจับกุมของจงอินแล้วรีบลุกขึ้นยืน แต่เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ยังตกค้างอยู่บวกกับร่างกายที่ปรับสภาพตามไม่ทันทำให้ผมหน้ามืด และเซไปด้านข้างทันที ในช่วงที่ผมกำลังมึนเบลอและเตรียมรอรับความเจ็บปวดก็มีมือของใครบางคนมาฉุดตัวผมให้เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง
"อย่าดื้อสิครับ พี่เพิ่งโดนมอมเหล้ามานะ"
เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหูพร้อมกับลมหายใจอุ่นๆทำให้ผมไม่กล้าขยับตัว วงแขนที่โอบรัดอยู่รอบตัวกระชับแน่นขึ้น ผมได้แต่ก้มหน้าลงซบกับแขนอีกคนอย่างหมดแรง เขาจะทำให้ผมหายใจไม่ออกแล้วนะ..
นี่จะขโมยหัวใจผมไปอีกสักกี่ครั้งถึงจะพอใจกัน..
"พี่นอนต่อเถอะ เดี๋ยวผมไปทำอะไรให้กิน"
หลังจากยืนกอดผมไปได้สักพัก จงอินก็คลายอ้อมกอดของเขาและดันตัวผมให้นอนลงอีกครั้ง ผมเองก็ไม่มีแรงจะขัดขืนเลยได้แต่นอนมองตาปริบๆ เขาดึงผ้าห่มคลุมให้ผมจนถึงหน้าอก มือหนายกขึ้นยีหัวของผมจนฟูหนึ่งทีด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มก่อนจะหันตัวไปทางตู้เสื้อผ้า หยิบชุดลำลองออกมาชุดหนึ่งแล้วเดินออกจากห้องไป
ถึงเขาจะบอกให้ผมนอนก็เถอะ แต่ทิ้งระเบิดไม่รู้กี่ลูกต่อกี่ลูกไว้ที่ผมตั้งแต่เมื่อกี่ แล้วผมจะหลับลงได้ยังไงล่ะครับ T////T
- - - - - -(50%)- - - - - -
Rrrrrrrrrrr
ร่างบางสะดุ้งเมื่อเสียงเรียกเข้าที่คุ้นเคยดังมาจากมุมหนึ่งของห้อง เขาก้าวขาลงจากเตียงและเดินตรงไปที่โต๊ะเล็กๆซึ่งมีโทรศัพท์ต้นเสียงวางอยู่ มือเล็กเอื้อมไปหยิบเจ้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมาดูหมายเลขหน้าจอ คิ้วเข้มเลิกขึ้นเมื่อมองเห็นชื่อที่คุ้นเคย นิ้วเรียวสไลด์หน้าจอไปทางขวาเพื่อรับสาย
"ฮัลโหล ว่าไงลู่ฮาน" ปากบางขยับเป็นคำพูดกรอกลงไปตามสาย
"คยองซูอ่า นายไม่ได้อยู่ที่ห้องเหรอ"
"อ่า....ฉันอยู่ที่ห้องของจงอิน" ร่างเล็กแหวกม่านมองออกไปอีกฝั่งของกระจกเพื่อสำรวจดูด้านนอกก่อนจะปิดลงและเดินกลับมานั่งที่เตียงอีกครั้ง คำตอบของเขาเรียกเสียงอุทานจากปลายสายให้แผดดังขึ้น
"ห้ะ!? ทำไมนายถึงได้ไปอยู่ที่นั่น"
"ฉันก็อยากถามนายอยู่เหมือนกัน เมื่อคืนนายไม่ได้พาฉันกลับเหรอ ทำไมฉันได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ"
"เมื่อคืนรถของฉันกับคริสไม่ว่างน่ะ รถฉันเสีย ส่วนคริสก็ต้องไปส่งเลย์ แล้วจงอินก็อาสาบอกว่ารู้ที่อยู่นายเขาเลยจะพานายไปส่งที่ห้อง เขาไม่ได้ไปส่งนายที่ห้องเหรอ?"
คำบอกเล่าของเพื่อนรักทำให้คิ้วเข้มๆขมวดมุ่น คนตัวสูงรู้ที่อยู่ของเขา? จะเป็นไปได้ยังไง แล้วถ้าอย่างนั้นทำไมถึงไม่ไปส่งเขาที่ห้อง แต่กลับพามาที่นี่แทน
"จงอินไม่ได้ไปส่งฉัน เหมือนเขาจะพาฉันมานอนที่ห้องของเขา"
"อ่า.. ฉันไม่รู้จริงๆว่านายไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง" ปลายสายตอบด้วยน้ำเสียงจนใจ
"เอาเถอะ ช่างมันก่อนแล้วกัน แต่ตอนนี้เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันนะลู่ฮาน" ร่างเล็กบอกปัดไป ถ้ายังไงเขาอาจจะลองถามความจริงจากร่างสูงดู ...ถ้ากล้าพอน่ะนะ แต่ตอนนี้เขามีเรื่องต้องคุยกับคนในสายนี่ซึ่งมันสำคัญกว่า
"อ่า...แฮะๆ...." เหมือนอีกคนจะรู้ถึงความคิดเขา เสียงหัวเราะแห้งๆดังมาตามสาย
"นายบอกจงอินว่า... ฉันแอบชอบเขา...." ปลายเสียงเบาลงตามความกระดากอาย แก้มขาวๆเริ่มซับสีเลือดฝาด
"ฉันไม่รู้จริงๆว่าจงอินเป็นคนรับ ฉันผิดไปแล้ว ขอโทษน้า..นะ คยองซูน้า"
ปลายสายเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงทำให้ร่างบางยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาพอจะนึกออกว่าถ้าอีกคนกำลังยืนอยู่ต่อหน้าคงจะก้มหัวปะหลกๆ แถมยังยกมือไหว้ท่วมหัวเพื่อแสดงความจริงใจด้วยซ้ำ หัวทุยๆส่ายไปมาอย่างระอาใจ ถึงอย่างไรเขาก็โกรธเพื่อนคนนี้ไม่ลงหรอก
แต่อย่างน้อยก็ต้องมีเอาคืนกันบ้างล่ะนะ
"ไม่ยกโทษให้" เสียงหวานแสร้งเอ่ยนิ่งๆ ประโยคห้วนๆทำให้คู่สนทนาจ๋อยไปทันตา
"คยองซูอ่า ฉันขอโทษจริงๆน้า เดี๋ยวซื้อหมวกโปโรโระไปฝากเลย นะๆ" ลู่ฮานทำเสียงออดอ้อน พยายามติดสินบนเพื่อง้อเพื่อนรักให้หายงอนเขา
"โอเคเลย เย็นนี้จะรอนะ!" ได้ยินดังนั้นใบหน้าหวานก็เผยรอยยิ้มกว้างราวกับผู้ชนะ
"เพราะฉันผิดจริงหรอกนะ ไม่งั้นไม่ยอมหรอก.. เออนี่คยองซู เมื่อวานพี่คยูฮยอนโทรมาถามฉันว่านายอยู่ไหนอ่ะ พี่เขาได้ไปเจอนายรึเปล่า ?"
ร่างเล็กหน้าชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินคำถามนั้น
"อ่า...ฉันอยากจะคุยกับนายเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน"
"ว่ามาเลย"
"คือว่า..ฉันกับพี่คยูฮยอน.."
โครม! เพล้ง!
"เหวอออ"
"จงอิน!?"
เสียงโครมครามตามด้วยเสียงร้องดังมาจากด้านนอก ทำให้ร่างเล็กละความสนใจจากมือถือเครื่องบางทันที เขากดตัดสายและรีบวิ่งออกมาดูร่างสูงที่นั่งก้มๆเงยๆอยู่บนพื้นใกล้เคาน์เตอร์ในห้องครัว
เศษจานเซรามิกแตกกระจายอยู่ทั่วพื้นห้องครัวคงเป็นที่มาของเสียงร้องเมื่อสักครู่
"เอ่อ.. เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ"
"ผมจะทำอาหารเช้าน่ะครับ แต่พอดีมัน..." ร่างสูงตอบเสียงอ่อย ปลายเสียงเริ่มเบาลงๆเรื่อยพร้อมกับปรายตาไปทางหม้อบนเตาแก๊สที่กำลังเดือดปุดๆ ของเหลวข้นคลั่กสีน้ำตาลไหม้ล้นทะลักออกมาจากหม้อ
คิมจงอิน....สิ่งมีชีวิตพิลึกพิลั่นในหม้อนั่นคืออะไรเหรอ...
หลังจากเก็บเศษซากอารยธรรมการกินที่ร่างสูงสร้างขึ้น คยองซูเลยขออาสามารับช่วงทำอาหารต่อและไล่รุ่นน้องที่ไร้ฝีมือด้านการทำอาหารให้ไปนั่งรอนิ่งๆแทน ถึงเจ้าตัวจะบอกว่าเป็นเจ้าบ้านและยืนกรานจะช่วยให้ได้ แต่พอเริ่มลงมีดครั้งที่หนึ่งกับหอมหัวใหญ่ปุ๊ป ตาคมเข้มก็มีน้ำใสๆปริ่มขึ้นมา จนกระทั่งลงมีดครั้งที่สามเท่านั้นแหละ น้ำใสๆถึงกับไหลลงมาเป็นทาง ร่างเล็กเห็นแล้วไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี สุดท้ายก็ต้องเถียงหัวชนฝาว่าเขาจะทำทั้งหมดเอง
ผักสดๆและเนื้อจำนวนหนึ่งถูกนำมาแปรรูปเป็นอาหารสามสี่อย่าง คยองซูสาละวนอยู่กับการคนหม้อนั้นที หั่นตรงนี้ทีไม่ได้สนใจคนที่นั่งเท้าคางมองง่วงๆ สัปะหงกไปไม่ค่ำกว่าสิบรอบ อาหารสองสามอย่างถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะ ร่างสูงกำลังจะลงมือทานกลับถูกห้ามไว้ด้วยเหตุผลว่าต้องรอทำให้ครบก่อนแล้วค่อยทานพร้อมกัน
จงอินเริ่มเบื่อที่ต้องนั่งนิ่งๆอยู่อย่างนี้ เขาลุกขึ้นและค่อยๆย่องเข้าไปใกล้คนตัวเล็กที่ยืนหันหลังให้เขา หมกมุ่นกับการหั่นแครอทอยู่ที่เคาน์เตอร์ มือหนายกมือขึ้นแตะไหล่บางและร้องใส่ข้างหูอีกคนเสียงดัง
"แฮ่!!"
"เหวออ! โอ๊ย" ร่างบางสะดุ้งสุดตัวส่งผลให้คมมีดเฉือนเข้าที่ปลายนิ้ว ของเหลวสีแดงเข้มเลอะแครอทเป็นดวงๆ
"เฮ้ย พี่คยองซูเป็นอะไรรึเปล่า" จงอินคว้ามือคนตัวเล็กมาดู รอยบาดลึกพอสมควรกับเลือดที่ไหลไม่ยอมหยุดทำให้ความรู้สึกผิดเอ่อล้นขึ้นมา เขารีบดึงแขนเล็กมานั่งที่โซฟาก่อนจะเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลมาวางไว้ข้างตัว
"จ..จงอิน เดี๋ยวพี่ทำเองก็ได้ครับ"
"พี่อยู่เฉยๆเถอะน่า"
ร่างสูงเอ็ดคนตัวเล็กที่พยายามขืนมือออก เขาก้มหน้าก้มตาทายารอบๆแผล เสียงหวานร้องซี้ดเบาๆตอนที่แอลกอฮอล์โดนปากแผล จงอินขมวดคิ้วหยิบแผ่นพลาสเตอร์ยาขึ้นมาปิดทับรอบๆนิ้วเรียวไว้
ร่างเล็กจ้องมองอากัปกิริยาของอีกคนไม่วางตา ถึงแม้ความเจ็บที่มือจะทำให้เขาต้องซี้ดปากเบาๆก็ยังไม่สามารถทำให้เขาละสายตาไปคนตรงหน้าได้
"เสร็จแล้วครั.."
จงอินเงยหน้าขึ้นมาปะทะเข้ากับดวงตากลมโตที่จ้องมองอยู่ก่อนหน้า สองสายตาประสานกันเป็นเวลานานราวกับจะสื่อความหมายอะไรบางอย่าง..
ระยะห่างของใบหน้าทั้งสองคนค่อยๆลดลง..
ไร้การขัดขืนใดๆ ริมฝีปากบางค่อยๆแนบชิดกันอย่างแผ่วเบา มือหนารั้งท้ายทอยอีกคนให้เงยหน้ารับรสจูบได้แนบแน่นมากยิ่งขึ้น กลีบปากนุ่มเผยอออกรับลิ้นร้อนที่แหวกผ่านเข้ามาในโพรงปากทีละนิด
"อื้อ.."
เสียงหวานครางอื้ออึงในลำคอเมื่ออากาศที่มีใกล้จะหมดลง มือเล็กยกขึ้นคว้าไหล่หนาไว้เป็นที่พึ่งพิงก่อนจะหมดแรงทรงตัว ร่างสูงกวาดลิ้นชิมความหวานในช่องปากบางอีกครั้งก่อนจะถอนจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง
ความเงียบย่างกรายเข้าปกคลุมทั้งคู่อีกครั้ง ต่างคนต่างก้มหน้ามองพื้น ทำตัวไม่ถูก เสียงสูดลมหายใจที่แรงกว่าปกติจากร่างเล็กดึงเอาสายตาคมเข้มให้เหลือบขึ้นมอง ใบหน้าหวานซับสีเลือดจนแดงปลั่ง รีมฝีปากบางเริ่มบวมเจ่อจากการจูบเมื่อสักครู่
"ที่พี่พูดเมื่อวานตอนก่อนที่พี่จะออกไปจากร้าน...พี่พูดอะไรเหรอครับ"
ร่างสูงเอ่ยทำลายความเงียบ ดวงหน้าหวานมีแววไหววูบ ตากลมโตหลุบต่ำลงหลบสายตาอีกคนที่มองมา
"แล้วคำตอบ...ที่ผมถามเมื่อวานก็ด้วย..พี่ยังไม่ได้ตอบผมเลยนะ"
"......."
"รุ่นพี่คยองซูครับ.."
"ถ้าพี่บอกว่าพี่ชอบจงอินล่ะ" เสียงหวานแทรกขึ้นมากระทันหัน คยองซูเงยหน้าขึ้นมามองตอบร่างสูง ปากบางเม้มเข้าหากันแน่น นัยย์ตาหวานแฝงแววคาดหวัง
"......."
"ถ้าคำตอบของทั้งสองคำถาม มันเหมือนกันล่ะครับ.." เอ่ยอย่างแผ่วเบาราวกลับคนไม่แน่ใจ
"รุ่นพี่จะบอกว่า.."
"พี่ชอบนายนะจงอิน" ร่างบางรวบรวมความกล้าที่มีทั้งหมดเอ่ยออกไป ริมฝีปากสีแดงสดค่อยๆเผยอยิ้มบาง
"....."
"....."
"ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ..."
"สามปีที่แล้ว.."
สามปี...สามปีกับความรู้สึกเล็กๆที่เก็บไว้มาตลอด ไม่เคยสักครั้งที่คิดจะบอกให้อีกฝ่ายได้รับรู้
"สามปี..ตั้งแต่ที่ผมอยู่ปีหนึ่ง?"
"ครับ"
ไม่มีคำกล่าวใดจากร่างสูง ความเงียบค่อยๆก่อตัวขึ้นอีกครั้งท่ามกลางความอึดอัดใจของคนทั้งคู่ คยองซูฝืนยิ้มกับตัวเอง ทั้งๆที่เขาพยามที่จะไม่หวังอะไรกับความรักครั้งนี้ แต่หัวใจของเขากลับสั่งให้เขาพูดบางสิ่งบางอย่างออกไป...
"จงอินชอบพี่บ้างไหม?"
"......"
ร่างสูงหลบสายตาทันทีที่ได้ยินคำถาม ริมฝีปากหนาถูกขบกัดเข้าหากันบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ดวงตาคมกลอกไปมา ร่างบางเห็นดังนั้นก็ผุดยิ้มฝืดเฝื่อนราวกับนี่เป็นสิ่งที่เขาคาดคิดไว้อยู่แล้ว
"ผม..."
"ไม่เป็นไรครับ พี่..เข้าใจนะ ยังไงพี่ก็..ขอตัวก่อนนะครับ วันนี้มีเรียนบ่าย"
"รุ่นพี่... เดี๋ยวสิครับ!"
ร่างเล็กผุดลุกขึ้นจากโซฟา ขาเรียวเล็กรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องนอนของอีกคนเพื่อหยิบโทรศัพท์และเสื้อผ้าที่วางไว้ข้างผ้าม่าน จงอินยังคงตั้งตัวไม่ทัน เขารีบก้าวขายาวๆตามคนตัวเล็กที่ไวอย่างเหลือเชื่อ ของทุกอย่างของเจ้าตัวถูกกวาดขึ้นมากอดไว้พลางวิ่งไปที่ประตู มือหนารีบเอื้อมไปหมายจะคว้าแขนเล็กไว้ก่อนที่อีกคนจะก้าวผ่านประตูออกไป
ราวกับรู้ทัน คยองซูรีบเร่งฝีเท้าตัวเองกระโดดออกมานอกห้องวิ่งหนีเข้าไปที่ลิฟท์ก่อนประตูจะเลื่อนปิดลง
"ผมแค่จะบอกว่า....ผม..อาจจะชอบพี่..."
คำหนึ่งคำ...ที่แสนสำคัญ
คำหนึ่งคำ...เพื่อใครบางคน
คำหนึ่งคำ....ที่คนอีกคนไม่อาจได้ยิน...
To Be Continue.
ปล. คอมเม้นในทวิต ติดแท็ก #รพทร ได้นะคะ
ความคิดเห็น