คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : [SF/WannaOne] I'll be your home (MinhyunxJaehwan)
[SF] I'll be your home
pairing : Minhyun x Jaehwan
same age AU
......................
“เรียนจบแล้วไปอยู่ด้วยกันนะ”
“หืม?”
คิมแจฮวานเงยหน้าขึ้นมามองคนที่โพล่งขึ้นมากลางโต๊ะกินข้าวแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ยังไงนายก็ตั้งใจจะย้ายออกจากบ้านอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
ฮวังมินฮยอนพูดไปคีบกิมจิเข้าปากไป
ทำหูทวนลมไม่สนใจเสียงเป่าปากแซวของเพื่อนร่วมโต๊ะคนอื่นๆ (‘จะขอแต่งงานก็ทำให้มันดีๆหน่อยดิวะ’ – ‘จะพาลูกเขาหนีเหรอ’ ได้ยินอะไรทำนองนี้แหละ แต่ช่างมันเถอะ) “ไปอยู่ด้วยกันประหยัดกว่านะ”
แจฮวานนิ่งคิดไปสักพัก ยังงงๆ อยู่ว่าอยู่ด้วยกันประหยัดกว่ายังไง
ห้องเช่าสำหรับคนเดียวถูกๆ ก็มีถมไป
นอกจากนั้น
ที่ตั้งใจจะออกจากบ้านไปอยู่หอ ก็แค่อยากลองใช้ชีวิตด้วยตัวเองบ้าง
ออกจากสิ่งแวดล้อมเดิมๆ แต่นี่คนเสนอตัวจะมาเป็นรูมเมทด้วยกลับเป็นฮวังมินฮยอน-ไอ้ตี๋ที่นอนดูดนิ้วข้างกัน เอาน้ำลายน้ำมูกป้ายปะกันตั้งแต่ยังไม่ตั้งไข่
เพราะบ้านอยู่ข้างกัน แถมพ่อแม่ก็เป็นเพื่อนกัน
โตมาถึงวัยเรียนก็เรียนที่เดียวกัน เข้ามหาลัยก็ยังตามมาถึงจะคนละคณะก็ตาม
ถึงขนาดมีคนแซวว่าทั้งสองคนคงเป็นคู่ชีวิตกัน
แต่แจฮวานมองว่าพวกเขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรในชีวิตกันและกันมากกว่า
เรื่องนั้นช่างมันเถอะ
ประเด็นมันอยู่ที่บทสนทนาในตอนนี้ต่างหาก
ถ้าหากว่าเขาเป็นรูมเมทกับมินฮยอนอีก
แบบนี้ก็ไม่ต่างจากที่เคยเป็นมาทั้งชีวิตน่ะสิ
แต่ชั่วครู่หนึ่งที่เผลอสบตากัน แจฮวานกลับรู้สึกว่าเขาไม่ควรโพล่งปฏิเสธออกไป
“ขอคิดดูก่อน”
แต่สุดท้าย คืนนั้น..
เขากับมินฮยอนก็ช่วยกันหาข้อมูลห้องพักจนดึกดื่น
******************************
เสียงทุบประตูปึงปังทำเอาคนที่อ่านหนังสือติดลมจนดึกอย่างมินฮยอนขมวดคิ้วมุ่น
คนทุบประตูห้องนอนแบบไม่เกรงใจเจ้าของห้องแบบนี้มีแต่ไอ้เตี้ยข้างบ้านที่เล่นกันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย
เดินเข้าออกบ้านกันประหนึ่งอยู่ใต้ชายคาเดียวกันไปแล้ว
เจ้าของห้องนอนคำรามในคออย่างหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะการนอน
ถึงจะรู้ว่าตอนนี้ตะวันจะสูงจนแทบจะตั้งตรงกับหัวแล้วก็เถอะ
แม้จะง่วงแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ลากตัวเองไปเปิดประตูเพราะทนรำคาญเสียงเคาะไม่ไหวอยู่ดี
คิมแจฮวานยิ้มกว้างใส่คนหน้ามุ่ยแบบไม่ยินดียินร้ายใดๆ “มีข่าวดีมาบอก”
“ว่ามา” มินฮยอนหาวหวอด แล้วเดินกลับไปนอนเอาหัวซุกหมอนบนเตียงอีกครั้ง
“ได้ห้องแบบที่พวกเราต้องการแล้ว”
ร่างบนเตียงนิ่งไปจนแจฮวานเริ่มไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายหลับไปรึเปล่า
แต่แล้วมินฮยอนก็เงยหน้าขึ้นมาฉีกยิ้มใส่
“ฉันก็มีข่าวดีจะบอก”
“ว่า..”
“ฉันได้งานแล้ว”
***********************************
การย้ายของเข้าห้องดำเนินไปด้วยดี... มั้ง
โอเค อาจจะติดขัดนิดหน่อยตอนร่ำลาคุณนายคิมที่ร่ำไห้ปริ่มจะขาดใจเมื่อรู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของตนกำลังจะออกจากอ้อมอกไป
ก่อนจะฝากฝังแจฮวานไว้กับมินฮยอนเสียยืดยาว
จนอีกฝ่ายชักสงสัยว่าคุณนายคิมจะลืมไปหรือเปล่าว่าลูกชายตัวเองเล่นยูโดเป็นนะ
เขาเสียอีกที่อาจจะเป็นฝ่ายถูกดูแล
“แม่นายนี่ขี้ห่วงไม่เปลี่ยนเลยนะ”
มินฮยอนนอนแผ่กลางห้องใหม่ท่ามกลางข้าวของที่ยังจัดไม่เสร็จดี
แจฮวานใช้เท้าเขี่ยอีกฝ่ายให้เขยิบไปก่อนจะทรุดตัวนั่งลงข้างๆ
“นึกถึงตอนประถมหกเลย
ที่แม่ไม่ยอมให้นายไปทัศนศึกษาจนนายทะเลาะกับแม่หนีมานอนบ้านฉัน เดือนร้อนแม่ฉันต้องไปช่วยคุยให้”
“อย่าไปนึกถึงเลยดีกว่าน่าเรื่องแบบนั้น” แจฮวานกลอกตา
ก่อนจะโวยเมื่ออีกฝ่ายแย่งโค้กกระป๋องที่ตัวเองเพิ่งเปิดไปจากมือ “ย่าห์! ไปหยิบใหม่เองสิ!”
“เอาน่าๆ แค่นี้ขี้งกไปได้” มินฮยอนกระดกโค้กหนึ่งอึกใหญ่แล้วพูดต่อ
“แม่นายจริงจังซะจนฉันคิดว่าไปขอลูกสาวเขามาแล้วนะเนี่ย
ฝากฝังอย่างกับนายจะออกเรือนมาอยู่กับฉันชั่วชีวิต”
ยักคิ้วหลิ่วตาให้เพราะรู้ว่าแจฮวานไม่ชอบให้พูดถึงตัวเองเหมือนผู้หญิงมาแต่ไหนแต่ไร
ก่อนจะหัวเราะเอิ้กอ้ากเมื่อโดนอีกฝ่ายฟาดด้วยความหมั่นไส้
คนตัวเล็กกว่ากลอกตาใส่คนปากดีอีกรอบก่อนจะพูดงึมงำ
“ก็หวังให้เป็นแบบนั้นอยู่เหมือนกัน”
“หืม เมื่อกี้นายว่าไงนะ”
“เปล่า
เลิกอู้แล้วมาจัดของต่อได้แล้ว เดี๋ยวคืนนี้ก็ไม่ได้นอนกันพอดี”
************************************
กว่าแจฮวานจะตื่นมินฮยอนก็ออกไปทำงานแล้ว
คนตัวเล็กเดินหน้าง่วงเข้ามาในครัวก่อนจะเจอจานใส่แซนด์วิชถูกพลาสติกห่อไว้อย่างเรียบร้อยพร้อมโพสอิทแปะด้านหน้า
‘กินเยอะๆ นะเตี้ย
จะได้โตไวๆ ‘
แจฮวานยิ้ม แล้วเอาแซนด์วิชไปอุ่น
วันนี้เขาไม่มีนัดสัมภาษณ์งาน
แทบทั้งวันเลยกลายเป็นการเกลือกกลิ้งอยู่ห้องและทำความสะอาด ห้องพักของพวกเขาไม่ใหญ่มาก
สองห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ มีโซนครัว ส่วนโต๊ะกินข้าวและโซนรับแขกคือที่เดียวกัน
ห่างไปหน่อยมีโซฟาและทีวีตั้งอยู่ แลดูคับแคบ แต่สำหรับชายโสดสองคนมันก็ดีอยู่
ผ้าที่ซักและอบแห้งเสร็จแล้วถูกนำใส่ตะกร้าเพื่อลากมาแยกและพับ
แจฮวานหยิบเสื้อโค้ตสีน้ำตาลตัวเก่งของรูมเมตขึ้นมาดู เนื้อผ้าเริ่มมีขุยจากการผ่านการซักมาหลายครั้ง
เสื้อตัวนี้เขาซื้อให้มินฮยอนเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบยี่สิบปี
จำได้ว่าก่อนหน้านั้นไม่กี่สัปดาห์พวกเขาไปเดินเล่นกันในเมือง
มินฮยอนหยิบเสื้อตัวนี้ขึ้นมาดูหลายรอบระหว่างรอแจฮวานซื้อเสื้อในร้านแบรนด์อินดี้
เป็นเพื่อนกันมาจนบัดนี้ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวอยากได้แต่คงติดขัดอะไรสักอย่างเลยไม่ซื้อ
เย็นวันนั้นแจฮวานรวบรวมเงินสะสมที่ตัวเองมี
ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะอ้างกับคนสูงกว่าว่ามีธุระตอนเลิกเรียน
กลับบ้านด้วยไม่ได้ แล้วแอบไปซื้อเสื้อให้อีกฝ่าย
แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
แจฮวานแทบลมจับตอนไปถึงร้านเพื่อพบว่าเสื้อถูกขายไปแล้ว
สุดท้ายเลยใช้วิธีตามหาจากร้านในอินเตอร์เน็ตเอา จ่ายแพงกว่าราคาป้ายอีก
แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มกว้างและแววตาดีใจของมินฮยอนเมื่อแกะของขวัญ
แจฮวานก็รู้สึกว่าสิ่งที่ทำไปมันคุ้มค่า
ร่างเล็กหอบเสื้อผ้าที่พับแล้วทั้งหมดของมินฮยอน
ถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องนอนของเจ้าตัวไปกองไว้บนเตียงให้เจ้าของจัดการเอาเข้าตู้เอง
ตาเรียวเล็กเหลือบไปเห็นรูปที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงเข้า
ตั้งแต่วันที่ย้ายมาอยู่ด้วยกัน นานๆครั้ง แจฮวานจะเข้ามาในห้องนอนของอีกคนเลยไม่ทันสังเกตของต่างๆ
ให้ถ้วนถี่ ชายหนุ่มยกยิ้ม ขณะที่มือเรียวหยิบเอากรอบรูปที่ตั้งอยู่มาดู
เป็นภาพของพวกเขาสองคนสมัยมัธยมปลายที่ร่วมกันแสดงในงานโรงเรียน
แจฮวานเป็นคนดีดกีตาร์ มินฮยอนเป็นคนร้อง
จำได้ว่ากว่าจะตกลงเรื่องเพลงได้ก็แทบจะทะเลาะกันแล้ว แต่สุดท้ายมินฮยอนก็ยอมตามใจเขา
เสียงของโทรศัพท์มือถือทำให้แจฮวานต้องออกจากห้องของอีกฝ่ายมา
มินฮยอนโทรมาบอกว่าเขากำลังจะกลับ อยากจะฝากซื้ออะไรเข้าไปทานไหม
อะไรก็ได้..ซื้อๆมาเหอะ เป็นคำตอบของแจฮวานที่ให้ไป
แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่มินฮยอนหิ้วกลับมาก็ไม่พ้นของโปรดของแจฮวานอยู่ดี
************************************
ผ่านไปสองเดือนแจฮวานก็ได้งาน
ทั้งสองคนเลยออกไปกินข้าวข้างนอกเป็นการเลี้ยงฉลองก่อนจะแวะซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของเข้าหอ
ส่วนใหญ่แล้วมินฮยอนจะเป็นคนเข็นรถให้แจฮวานเดินนำ
คนตัวเล็กกว่ามักบ่นเรื่องที่มินฮยอนชอบหยิบของนอกเหนือจากสิ่งที่อยู่ในรายการที่จดไว้
เขาก็จะท้วงว่าพอเห็นแล้วมันอยากได้
จากบางทีจะมาซื้อของสองสามอย่างกลายเป็นได้ของเต็มคันรถก็มี
มินฮยอนเอาแขนเท้ากับที่เข็นยืนมองอีกฝ่ายพิจารณาส่วนผสมในขนมออกใหม่ที่ถืออยู่
แจฮวานเป็นคนชอบลองของใหม่ แต่เจ้าตัวจะไม่ซื้อถ้าหากในขนมนั้นมีส่วนประกอบที่มินฮยอนแพ้
เคยบอกไปว่าไม่ต้องสนใจเขาขนาดนั้นก็ได้ อยากกินก็ซื้อเลย
แต่เจ้าตัวให้เหตุผลว่าไม่อยากกินคนเดียว เดี๋ยวอ้วน ถ้าซื้อก็ต้องกินด้วยกัน
มินฮยอนรู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นข้ออ้าง
ตั้งแต่เด็กแล้วที่อาการแพ้อาหารหลายอย่างของมินฮยอนทำให้เขาได้แต่นั่งตาละห้อยมองคนอื่นกิน
แจฮวานเห็นก็อยากจะแบ่งให้ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือสีหน้าเศร้าๆ
และหัวที่ส่ายไปมา
สุดท้ายแล้วแจฮวานเลยเลือกกินแต่ของที่มินฮยอนกินได้ในเวลาที่อยู่ด้วยกัน
เพื่อเพื่อนจะได้ไม่รู้สึกแย่
แจฮวานจำได้จนขึ้นใจว่าอีกฝ่ายแพ้อะไรบ้าง ตอนเข้าค่ายสมัยมหาลัย
เจ้าตัวถึงกับแอบไปขอร้องแม่ครัวให้ทำกับข้าวเพิ่มให้
เพราะที่มีอยู่มีแต่สิ่งที่มินฮยอนกินไม่ได้
อดคิดไม่ได้ว่านอกจากพ่อแม่แล้ว
ชีวิตนี้ไม่รู้ว่ามินฮยอนจะไปหาใครที่เอาใจใส่เขาขนาดนี้ได้อีก
พอคิดมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกในอกมันไหววูบบอกไม่ถูก
มินฮยอนสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ก่อนจะชวนให้คนตัวเล็กไปดูของอย่างอื่นต่อ
************************************
พอได้งานทั้งคู่ก็ต้องปรับเวลาตื่นให้เร็วขึ้น
เพราะห้องน้ำมีห้องเดียว หากใครคนใดคนหนึ่งอาบน้ำ อีกคนก็จะเอาขนมปังไปใส่เครื่องปิ้ง
และตั้งเครื่องทำกาแฟทิ้งไว้
พอแต่งตัวเสร็จก็ทานอะไรรองท้องเล็กน้อยแล้วไปสถานีรถไฟด้วยกัน
แจฮวานมีปัญหาเรื่องการจำเส้นทาง ตอนย้ายมาอยู่ด้วยกันใหม่ๆ
ยังเคยหลงเดินจากสถานีรถไฟกลับหอพักไม่ถูก มินฮยอนเลยยื่นคำขาดว่าต้องออกพร้อมกันทุกเช้า
ทั้งสองคนไม่ชอบนั่ง แต่จะยืนโหนราว
ใส่หูฟังคนละข้างแล้วฟังเพลงในไอพอดของแจฮวานแก้ง่วงไปเรื่อยๆ ตอนเช้าๆ ยังมึนๆ
ไม่อยู่ในอารมณ์จะพูดคุยอะไร ก็ปล่อยให้สมาธิจดจ่ออยู่กับบทเพลง
พอถึงสถานีที่แจฮวานจะต้องลง มินฮยอนก็ลงแล้วแยกไปต่อรถอีกขบวนเพื่อไปที่ทำงานของตัวเอง
เป็นแบบนี้อยู่เกือบสัปดาห์ ที่กิจวัตรทุกอย่างวนลููป
ทั้งสองคนกินอาหารรองท้องกับกาแฟเสร็จแล้วก็ออกจากหอ เดินเงียบๆ
กันไปจนถึงสถานีรถไฟ หลังจากผ่านช่องตรวจตั๋วมินฮยอนก็หยุดเดิน
“เฮ้”
“หืม?” แจฮวานหันไปมองหน้าอีกฝ่าย
“นาย... จำได้แล้วใช่ไหมว่าต้องลงสถานีไหนประตูอะไร” คำถามที่ได้รับยิ่งชวนงงงวยกว่าเก่า
มินฮยอนหลบสายตา เกาหลังคอด้วยความเก้อเขิน “ความจริงแล้วบริษัทฉันต้องนั่งรถไปอีกทางน่ะ”
คิมแจฮวานยืนนิ่ง
มือหนาขยี้ผมคนตัวเล็กกว่า ก่อนคนตัวโตจะหันหลังให้ “ไปนะ
เดินทางดีๆล่ะ”
แจฮวานได้แต่ยืนมองอีกฝ่ายเดินไปจนลับสายตา
พร้อมความรู้สึกอุ่นวาบที่เต็มไปทั้งหัวใจ
************************************
“เห็นการ์ดแต่งงานของซองอุนยัง” แจฮวานถามแล้วคีบหมูเข้าปาก
“เห็นแล้ว ตลกชะมัด ไหนบอกจะคงชีวิตโสดไปจน 35 ที่ไหนได้ดันแต่งงานเป็นคนแรก” มินฮยอนขำ
คงมีเรื่องให้ไปล้อในงานแต่งเพียบ
“ได้ข่าวว่าจินยองก็มีแฟนแล้ว
เหมือนจะเป็นดีไซน์เนอร์ของเสื้อผ้าออนไลน์ยี่ห้อดังสักอย่างน่ะ ฉันก็จำชื่อไม่ได้”
“ลืมเล่า วันก่อนเจออูจินบนรถไฟ หมอนั่นก็บ่นๆ
เรื่องที่บ้านจะจับดูตัวเหมือนกัน” แจฮวานหัวเราะก๊าก
“ดูตัวเหรอ?! อูจินน่ะนะ?!” พูดแล้วก็ส่ายหัว “คงทำเป็นยอมไปงั้นแล้วไปป่วนให้สาวเขาไม่ชอบขี้หน้ามากกว่าน่ะสิ”
มินฮยอนขำตาม
“แม่ฉันก็ถามเรื่องแฟนเหมือนกัน” มือใหญ่ที่กำลังจะคีบไชเท้าดองชะงักไปนิดนึง
มินฮยอนมองหน้าคนพูดที่นั่งตรงข้าม
“แล้ว...”
“ฉันบอกไปว่าจะแต่งกับนาย แม่หัวเราะใหญ่เลย”
“ไอ้นี่!” มินฮยอนวางตะเกียบ
ทำท่าจะดีดกะโหลกอีกฝ่าย แจฮวานหัวเราะเอามือปัดป้องพัลวัน “อย่าลากฉันไปเกี่ยวสิ”
“เอาน่าๆ... ไม่ลองคิดดูเล่นๆ
หน่อยเหรอว่าถ้าเราอยู่ด้วยกันจนแก่ตัวไปจะเป็นยังไง”
ประโยคที่ฟังดูเหมือนถามเล่นๆ
แต่สายตาของแจฮวานที่มองมากลับแฝงแววจริงจัง ดวงตาเรียวรีสบตอบกลับ...
ก่อนที่คนเปิดประเด็นจะทำท่าขนลุกเสียเอง
“โอย.. พอเถอะ” มินฮยอนหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางอีกฝ่าย
“นายเริ่มก่อนเองนะ”
“หยุดหัวเราะแล้วส่งกิมจิมาให้ฉันได้แล้ว”
************************************
ถ้าเราอยู่ด้วยกันจนแก่ตัวไปจะเป็นยังไง
หลังจากวันนั้น
คำถามที่ติดจะล้อเล่นของแจฮวานมักแว่บเข้ามาในหัวเสมอเวลาสมองโล่งๆ
แม้ตอนที่โดนถามทีแรกจะไม่ทันคิดอะไร แต่ในขณะนี้ที่ตัวเขาไม่มีอะไรทำ
ได้แต่นั่งดูทีวีฆ่าเวลาเพลินๆ รออีกฝ่ายกลับมากินข้าวเย็นด้วยก็อดคิดไม่ได้
มินฮยอนยอมรับ.... ว่าเขาก็เคยคิดเรื่องนี้ขึ้นมาบ่อยๆ
อยู่ด้วยกันมาแต่เล็กแต่น้อย ใช้ชีวิตโดยมีอีกฝ่ายอยู่ข้างๆ
ต่างฝ่ายต่างรู้จักอีกคนเหมือนเป็นเงาของกันและกัน
ข้อดีข้อเสียทุกอย่างต่างรับรู้และอยู่กันมาได้ตลอด
มินฮยอนนึกไม่ออกเลยว่านอกเหนือจากแจฮวานจะมีใครอยู่กับเขาได้บ้าง
บางทีมันอาจจะถึงเวลาที่เขาต้องยอมรับความจริงสักที
ความจริง... ที่ว่าแจฮวานคือคนสำคัญในชีวิตของเขา
สำคัญมากกว่าจะเป็นแค่เพื่อนที่รู้จักกันมาแต่เด็ก
ความจริง... ที่เขารู้ตัวมาตั้งแต่โดนแฟนบอกเลิกเป็นคนที่สาม เพราะมินฮยอนเห็นแจฮวานสำคัญมากกว่าพวกเธอ
ความจริง...
ที่เป็นเหตุผลที่แท้จริงที่เขาชวนแจฮวานมาเช่าหออยู่ด้วยกัน
ทั้งที่เขาไม่มีความคิดจะออกจากบ้านแม้แต่น้อย
แต่เพียงแค่คิดว่าแจฮวานจะไปอยู่ในที่ๆ เขามองไม่เห็น มันก็ทนไม่ได้
ความจริง... ที่เขาพยายามไม่คิดถึงมัน แม้จะมีอยู่หลายครั้ง
ที่อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าแจฮวานก็คิดเหมือนกันก็ตาม
ร่างสูงยกมือขยี้กลุ่มผมดำด้วยความว้าวุ่นใจ
ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มาโทรหาคนที่อยู่ในความนึกคิด จะสองทุ่มแล้วแต่แจฮวานยังไม่กลับ
สิ่งที่ได้ยินจากปลายสายมีเพียงแค่เสียงฝากข้อความ ในใจมินฮยอนเริ่มร้อนรน
จะเกิดอะไรขึ้นกับอีกฝ่ายหรือเปล่า หลงทางอยู่แถวไหน มีใครพาไปไหนหรือเปล่า
ยิ่งคิดยิ่งตอกย้ำความสำคัญของแจฮวานในใจเขามากขึ้นเรื่อยๆ
ความอัดอั้นในอกเมื่อตระหนักถึงความรู้สึกของตัวเองส่งผลให้ตัวเขาทนไม่ไหว
มินฮยอนผุดลุกจากโซฟา คว้าเสื้อโค้ตแล้วออกไปจากห้อง
เขาเจอแจฮวานที่หน้าประตูพอดี
“จะออกไปไหนน่ะ”
คนตัวเล็กถามตาใส
สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบ
“เฮ้! ถามก็ตอบสิ” แจฮวานเลิกคิ้ว “นี่อย่าบอกนะว่านายยังไม่ได้ทานข้าว
ฉันบอกเมื่อวานแล้วไงว่ามีประชุมกลับ...”
คำพูดทั้งหมดถูกกลืนหายไป เมื่อร่างที่สูงกว่าหกเซ็นติเมตรโถมเข้ามากอดเขาแนบแน่น แม้จะยังไม่เข้าใจ
แต่แจฮวานก็ยกแขนกอดกลับอีกฝ่าย
ทั้งสองร่างยืนกอดกันฟังเสียงหัวใจของอีกคนเงียบๆ
ก่อนที่มินฮยอนจะเป็นฝ่ายคลายวงแขนออก ยกสองมือประคองหน้าของแจฮวานไว้ นิ้วอุ่นๆ
ของมินฮยอนเกลี่ยแก้มที่เย็นจากอากาศหนาวด้านนอก
แจฮวานเงยหน้ามองสบตา
แววตาของมินฮยอนที่มองมาพาลให้ใจเต้นแรงจนแทบควบคุมไม่ได้
แววตาที่มีแต่เงาสะท้อนของเขาอยู่ในนั้น ก่อนที่แจฮวานจะทันได้ถามอะไร
มินฮยอนก็ประทับริมฝีปากลงมา
เพียงชั่วครู่เท่านั้นที่ริมฝีปากอุ่นนุ่มสัมผัสกับริมฝีปากที่เย็นเฉียบ
แล้วคนเริ่มก็กลับเป็นฝ่ายผละออกมาก่อน
สายตาประสานกันอีกครั้ง
แจฮวานจับได้ถึงความรู้สึกไม่มั่นใจในตาเรียวรีคู่นั้น
คนตัวเล็กกว่าถอนหายใจ ก่อนจะรั้งต้นคออีกฝ่ายให้มาจูบกับตนอีกครั้ง
************************************
ตอนเป็นวัยรุ่น มินฮยอนเคยจินตนาการว่าเซ็กส์กับคนรักจะเป็นยังไง
จะเป็นเหมือนในหนังโป๊ที่เขาแอบดูกับเพื่อนหรือเปล่า จะเร่าร้อนรุนแรงขนาดไหน
แต่ครั้งแรกกับแจฮวาน หลังจากที่ไปดื่มฉลองกันมาเพราะมินฮยอนได้เลื่อนตำแหน่ง
ก็ไม่รู้ว่าต่างฝ่ายต่างช่วยกันลากอีกคนกลับหอมาได้อย่างไร แต่พอรู้ตัวอีกที
ทั้งสองคนก็ล้มลงบนเตียงของใครสักคน มือ ปาก สัมผัสกันราวกับโหยหาอีกฝ่ายมานาน
แต่เมื่อถึงจุดๆ
หนึ่งทุกอย่างกลับช้าลงดั่งหวังจะให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ดำเนินไปแบบไม่มีวันพบเจอกับจุดสิ้นสุด
ในหูได้ยินเสียงครางเครือ เสียงเรียกชื่อของตัวเองที่เป็นเสียงของอีกฝ่าย
และคำบอกรักดังวนไปเวียนมา
อาจไม่ตรงกับที่จินตนาการเท่าไหร่นัก
แต่ความรู้สึกหลังจากนั้นมันเกินกว่าที่จินตนาการไว้มากมาย
************************************
แสงแดดหน้าร้อนส่องผ่านหน้าต่างแยงตาให้ตื่นขึ้น
แจฮวานบ่นพึมพำให้มินฮยอนปิดม่านก่อนจะคว้าหมอนมาปิดหน้าทั้งที่ยังไม่ลืมตา ร่างสูงกดจูบลงบนต้นคอขาวของคนร่วมเตียงด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะยอมลุกไปปิดม่านให้ตามที่อีกฝ่ายต้องการ
วันนี้วันหยุด พวกเขาไม่ต้องรีบตื่นไปไหน นอนต่ออีกสักพักก็คงไม่เป็นไร
“หน้าร้อนมาเยือนแล้วเหรอ”
แจฮวานบ่นงึมงำ ปล่อยให้มินฮยอนที่หลับต่อไม่ลงเกลี่ยผมตัวเองเล่น
“อืม”
“อา... คิดถึงช่วงปิดเทอมสมัยเรียนชะมัด” มินฮยอนหัวเราะกับคำบ่นของอีกฝ่าย “บ่นเป็นคนแก่เลยนะ”
“ก็แก่กันแล้วไม่ใช่เหรอไง” แจฮวานพลิกตัวมานอนตะแคงมองหน้า
มินฮยอนกดจูบลงบนหน้าผากคนรัก ก่อนจะขยี้หัวกลมๆ
นั่นแล้วรีบผละจากเตียงหลบหมอนที่กำลังฟาดลงมา
"ลุกมากินข้าวเช้ากันเถอะ
ฉันหิวแล้ว"
.
.
.
‘ถ้าเราอยู่ด้วยกันจนแก่ตัวไปจะเป็นยังไง’
บางครั้งคำถามนี้ก็วนเวียนกลับเข้ามาในหัวของมินฮยอนอีกครั้ง
แต่ในตอนที่เขามองเงาสะท้อนของแจฮวานที่ฉีกยิ้มกว้างให้ขณะยืนแปรงฟันอยู่ข้างกันหน้ากระจกในห้องน้ำ
ในตอนที่พวกเขาโกรธกัน
เรื่องแจฮวานดื่มเหล้าจนเมาหนักในงานปาร์ตี้ของบริษัท
จนเดือดร้อนเพื่อนร่วมงานต้องพามาส่ง
หรือเรื่องที่มินฮยอนทิ้งเศษกระดาษจดเมลลูกค้าของแจฮวานไปโดยคิดว่าเป็นขยะ
แต่สุดท้ายทุกอย่างก็คลี่คลายเมื่อฝ่ายผิดกล่าวขอโทษและนั่งคุยกัน
ในตอนที่เขาได้แต่นั่งซึมตรงโต๊ะกินข้าวมองแผ่นหลังของคนที่วิ่งวุ่นในครัวพยายามจะต้มโจ๊กให้คนป่วยทาน
หรือในตอนที่เขาอ่านหนังสืออยู่บนเตียง
ก่อนจะรู้สึกตัวว่าแจฮวานที่นอนอยู่ข้างๆ พลิกตัวเอาแขนมาพาด มินฮยอนยิ้ม
วางหนังสือลง ปิดโคมไฟที่หัวเตียง แล้วขยับร่างลงไปนอนให้อีกฝ่ายกอดได้ถนัด
ในช่วงเวลาเหล่านั้น
มินฮยอนคิดว่า...
เขาอาจจะหาคำตอบของคำถามนี้เจอแล้วก็ได้
End.
ชื่อเรื่องขอยืมมาจากไดอะล็อกของพี่โอ๊ตในฟิค #ฟบนฟ นะคะ
รักชอบหรืออยากแสดงความเห็นอะไร เมนท์ได้ที่นี่หรือใน #AdiQFic ได้เลยค่ะ
ความจริงตั้งใจจะลงเป็นฟิคคริสต์มาส แต่ช่วงสัปดาห์นั้นน่าจะยุ่งเลยลงก่อนดีกว่า
ใครที่รู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันคุ้นๆ ก็เหยียบไว้นะคะ 5555555 แปลงมาจากงานเก่าๆ ของเราเองค่ะ (แต่ก็เปลี่ยนอะไรไปเยอะเหมือนกัน)
หวังว่าอ่านแล้วจะช่วยเพิ่มความอุ่นในหน้าหนาวนี้นะคะ
แล้วเจอกันในเรื่องหน้าค่ะ (ถ้ามีพล็อตนะ แฮร่...)
ความคิดเห็น