ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Collection] My Matter of Interest

    ลำดับตอนที่ #12 : [SF/WannaOne] I'll be your home (MinhyunxJaehwan)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 374
      4
      17 ธ.ค. 60

    [SF] I'll be your home

    pairing : Minhyun x Jaehwan

     

    same age AU 

     

    ......................




    เรียนจบแล้วไปอยู่ด้วยกันนะ

     

    “หืม?” คิมแจฮวานเงยหน้าขึ้นมามองคนที่โพล่งขึ้นมากลางโต๊ะกินข้าวแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
    “ยังไงนายก็ตั้งใจจะย้ายออกจากบ้านอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” ฮวังมินฮยอนพูดไปคีบกิมจิเข้าปากไป ทำหูทวนลมไม่สนใจเสียงเป่าปากแซวของเพื่อนร่วมโต๊ะคนอื่นๆ (
    จะขอแต่งงานก็ทำให้มันดีๆหน่อยดิวะ จะพาลูกเขาหนีเหรอ ได้ยินอะไรทำนองนี้แหละ แต่ช่างมันเถอะ) “ไปอยู่ด้วยกันประหยัดกว่านะ”

    แจฮวานนิ่งคิดไปสักพัก ยังงงๆ อยู่ว่าอยู่ด้วยกันประหยัดกว่ายังไง ห้องเช่าสำหรับคนเดียวถูกๆ ก็มีถมไป

    นอกจากนั้น ที่ตั้งใจจะออกจากบ้านไปอยู่หอ ก็แค่อยากลองใช้ชีวิตด้วยตัวเองบ้าง ออกจากสิ่งแวดล้อมเดิมๆ แต่นี่คนเสนอตัวจะมาเป็นรูมเมทด้วยกลับเป็นฮวังมินฮยอน-ไอ้ตี๋ที่นอนดูดนิ้วข้างกัน เอาน้ำลายน้ำมูกป้ายปะกันตั้งแต่ยังไม่ตั้งไข่ เพราะบ้านอยู่ข้างกัน แถมพ่อแม่ก็เป็นเพื่อนกัน โตมาถึงวัยเรียนก็เรียนที่เดียวกัน เข้ามหาลัยก็ยังตามมาถึงจะคนละคณะก็ตาม

     

    ถึงขนาดมีคนแซวว่าทั้งสองคนคงเป็นคู่ชีวิตกัน 

    แต่แจฮวานมองว่าพวกเขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรในชีวิตกันและกันมากกว่า

     

    เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ประเด็นมันอยู่ที่บทสนทนาในตอนนี้ต่างหาก
    ถ้าหากว่าเขาเป็นรูมเมทกับมินฮยอนอีก แบบนี้ก็ไม่ต่างจากที่เคยเป็นมาทั้งชีวิตน่ะสิ
    แต่ชั่วครู่หนึ่งที่เผลอสบตากัน แจฮวานกลับรู้สึกว่าเขาไม่ควรโพล่งปฏิเสธออกไป

    ขอคิดดูก่อน

    แต่สุดท้าย คืนนั้น.. เขากับมินฮยอนก็ช่วยกันหาข้อมูลห้องพักจนดึกดื่น

     

     

    ******************************


    เสียงทุบประตูปึงปังทำเอาคนที่อ่านหนังสือติดลมจนดึกอย่างมินฮยอนขมวดคิ้วมุ่น คนทุบประตูห้องนอนแบบไม่เกรงใจเจ้าของห้องแบบนี้มีแต่ไอ้เตี้ยข้างบ้านที่เล่นกันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย เดินเข้าออกบ้านกันประหนึ่งอยู่ใต้ชายคาเดียวกันไปแล้ว

    เจ้าของห้องนอนคำรามในคออย่างหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะการนอน ถึงจะรู้ว่าตอนนี้ตะวันจะสูงจนแทบจะตั้งตรงกับหัวแล้วก็เถอะ แม้จะง่วงแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ลากตัวเองไปเปิดประตูเพราะทนรำคาญเสียงเคาะไม่ไหวอยู่ดี


    คิมแจฮวานยิ้มกว้างใส่คนหน้ามุ่ยแบบไม่ยินดียินร้ายใดๆ “มีข่าวดีมาบอก”
    “ว่ามา” มินฮยอนหาวหวอด แล้วเดินกลับไปนอนเอาหัวซุกหมอนบนเตียงอีกครั้ง
    “ได้ห้องแบบที่พวกเราต้องการแล้ว”
    ร่างบนเตียงนิ่งไปจนแจฮวานเริ่มไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายหลับไปรึเปล่า แต่แล้วมินฮยอนก็เงยหน้าขึ้นมาฉีกยิ้มใส่
    “ฉันก็มีข่าวดีจะบอก”
    “ว่า..”




     

    ฉันได้งานแล้ว”

     

     

     

    ***********************************


    การย้ายของเข้าห้องดำเนินไปด้วยดี... มั้ง

     

    โอเค อาจจะติดขัดนิดหน่อยตอนร่ำลาคุณนายคิมที่ร่ำไห้ปริ่มจะขาดใจเมื่อรู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของตนกำลังจะออกจากอ้อมอกไป ก่อนจะฝากฝังแจฮวานไว้กับมินฮยอนเสียยืดยาว จนอีกฝ่ายชักสงสัยว่าคุณนายคิมจะลืมไปหรือเปล่าว่าลูกชายตัวเองเล่นยูโดเป็นนะ เขาเสียอีกที่อาจจะเป็นฝ่ายถูกดูแล

    “แม่นายนี่ขี้ห่วงไม่เปลี่ยนเลยนะ” มินฮยอนนอนแผ่กลางห้องใหม่ท่ามกลางข้าวของที่ยังจัดไม่เสร็จดี แจฮวานใช้เท้าเขี่ยอีกฝ่ายให้เขยิบไปก่อนจะทรุดตัวนั่งลงข้างๆ “นึกถึงตอนประถมหกเลย ที่แม่ไม่ยอมให้นายไปทัศนศึกษาจนนายทะเลาะกับแม่หนีมานอนบ้านฉัน เดือนร้อนแม่ฉันต้องไปช่วยคุยให้”
    “อย่าไปนึกถึงเลยดีกว่าน่าเรื่องแบบนั้น” แจฮวานกลอกตา ก่อนจะโวยเมื่ออีกฝ่ายแย่งโค้กกระป๋องที่ตัวเองเพิ่งเปิดไปจากมือ
    ย่าห์! ไปหยิบใหม่เองสิ!
    เอาน่าๆ แค่นี้ขี้งกไปได้ มินฮยอนกระดกโค้กหนึ่งอึกใหญ่แล้วพูดต่อ “แม่นายจริงจังซะจนฉันคิดว่าไปขอลูกสาวเขามาแล้วนะเนี่ย ฝากฝังอย่างกับนายจะออกเรือนมาอยู่กับฉันชั่วชีวิต” ยักคิ้วหลิ่วตาให้เพราะรู้ว่าแจฮวานไม่ชอบให้พูดถึงตัวเองเหมือนผู้หญิงมาแต่ไหนแต่ไร ก่อนจะหัวเราะเอิ้กอ้ากเมื่อโดนอีกฝ่ายฟาดด้วยความหมั่นไส้
    คนตัวเล็กกว่ากลอกตาใส่คนปากดีอีกรอบก่อนจะพูดงึมงำ “ก็หวังให้เป็นแบบนั้นอยู่เหมือนกัน”
    “หืม เมื่อกี้นายว่าไงนะ”

    เปล่า เลิกอู้แล้วมาจัดของต่อได้แล้ว เดี๋ยวคืนนี้ก็ไม่ได้นอนกันพอดี”

     

     


    ************************************


    กว่าแจฮวานจะตื่นมินฮยอนก็ออกไปทำงานแล้ว
    คนตัวเล็กเดินหน้าง่วงเข้ามาในครัวก่อนจะเจอจานใส่แซนด์วิชถูกพลาสติกห่อไว้อย่างเรียบร้อยพร้อมโพสอิทแปะด้านหน้า

    กินเยอะๆ นะเตี้ย จะได้โตไวๆ ‘

    แจฮวานยิ้ม แล้วเอาแซนด์วิชไปอุ่น

    วันนี้เขาไม่มีนัดสัมภาษณ์งาน แทบทั้งวันเลยกลายเป็นการเกลือกกลิ้งอยู่ห้องและทำความสะอาด ห้องพักของพวกเขาไม่ใหญ่มาก สองห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ มีโซนครัว ส่วนโต๊ะกินข้าวและโซนรับแขกคือที่เดียวกัน ห่างไปหน่อยมีโซฟาและทีวีตั้งอยู่ แลดูคับแคบ แต่สำหรับชายโสดสองคนมันก็ดีอยู่

    ผ้าที่ซักและอบแห้งเสร็จแล้วถูกนำใส่ตะกร้าเพื่อลากมาแยกและพับ แจฮวานหยิบเสื้อโค้ตสีน้ำตาลตัวเก่งของรูมเมตขึ้นมาดู เนื้อผ้าเริ่มมีขุยจากการผ่านการซักมาหลายครั้ง เสื้อตัวนี้เขาซื้อให้มินฮยอนเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบยี่สิบปี จำได้ว่าก่อนหน้านั้นไม่กี่สัปดาห์พวกเขาไปเดินเล่นกันในเมือง มินฮยอนหยิบเสื้อตัวนี้ขึ้นมาดูหลายรอบระหว่างรอแจฮวานซื้อเสื้อในร้านแบรนด์อินดี้ เป็นเพื่อนกันมาจนบัดนี้ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวอยากได้แต่คงติดขัดอะไรสักอย่างเลยไม่ซื้อ


    เย็นวันนั้นแจฮวานรวบรวมเงินสะสมที่ตัวเองมี

    ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะอ้างกับคนสูงกว่าว่ามีธุระตอนเลิกเรียน กลับบ้านด้วยไม่ได้  แล้วแอบไปซื้อเสื้อให้อีกฝ่าย

     

    แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

    แจฮวานแทบลมจับตอนไปถึงร้านเพื่อพบว่าเสื้อถูกขายไปแล้ว สุดท้ายเลยใช้วิธีตามหาจากร้านในอินเตอร์เน็ตเอา จ่ายแพงกว่าราคาป้ายอีก

    แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มกว้างและแววตาดีใจของมินฮยอนเมื่อแกะของขวัญ
    แจฮวานก็รู้สึกว่าสิ่งที่ทำไปมันคุ้มค่า

    ร่างเล็กหอบเสื้อผ้าที่พับแล้วทั้งหมดของมินฮยอน ถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องนอนของเจ้าตัวไปกองไว้บนเตียงให้เจ้าของจัดการเอาเข้าตู้เอง

    ตาเรียวเล็กเหลือบไปเห็นรูปที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงเข้า ตั้งแต่วันที่ย้ายมาอยู่ด้วยกัน นานๆครั้ง แจฮวานจะเข้ามาในห้องนอนของอีกคนเลยไม่ทันสังเกตของต่างๆ ให้ถ้วนถี่ ชายหนุ่มยกยิ้ม ขณะที่มือเรียวหยิบเอากรอบรูปที่ตั้งอยู่มาดู



    เป็นภาพของพวกเขาสองคนสมัยมัธยมปลายที่ร่วมกันแสดงในงานโรงเรียน แจฮวานเป็นคนดีดกีตาร์ มินฮยอนเป็นคนร้อง จำได้ว่ากว่าจะตกลงเรื่องเพลงได้ก็แทบจะทะเลาะกันแล้ว แต่สุดท้ายมินฮยอนก็ยอมตามใจเขา

    เสียงของโทรศัพท์มือถือทำให้แจฮวานต้องออกจากห้องของอีกฝ่ายมา มินฮยอนโทรมาบอกว่าเขากำลังจะกลับ อยากจะฝากซื้ออะไรเข้าไปทานไหม

    อะไรก็ได้..ซื้อๆมาเหอะ เป็นคำตอบของแจฮวานที่ให้ไป
    แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่มินฮยอนหิ้วกลับมาก็ไม่พ้นของโปรดของแจฮวานอยู่ดี


    ************************************


    ผ่านไปสองเดือนแจฮวานก็ได้งาน ทั้งสองคนเลยออกไปกินข้าวข้างนอกเป็นการเลี้ยงฉลองก่อนจะแวะซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของเข้าหอ

    ส่วนใหญ่แล้วมินฮยอนจะเป็นคนเข็นรถให้แจฮวานเดินนำ
     
    คนตัวเล็กกว่ามักบ่นเรื่องที่มินฮยอนชอบหยิบของนอกเหนือจากสิ่งที่อยู่ในรายการที่จดไว้
    เขาก็จะท้วงว่าพอเห็นแล้วมันอยากได้
    จากบางทีจะมาซื้อของสองสามอย่างกลายเป็นได้ของเต็มคันรถก็มี
    มินฮยอนเอาแขนเท้ากับที่เข็นยืนมองอีกฝ่ายพิจารณาส่วนผสมในขนมออกใหม่ที่ถืออยู่ แจฮวานเป็นคนชอบลองของใหม่ แต่เจ้าตัวจะไม่ซื้อถ้าหากในขนมนั้นมีส่วนประกอบที่มินฮยอนแพ้
    เคยบอกไปว่าไม่ต้องสนใจเขาขนาดนั้นก็ได้ อยากกินก็ซื้อเลย
    แต่เจ้าตัวให้เหตุผลว่าไม่อยากกินคนเดียว เดี๋ยวอ้วน ถ้าซื้อก็ต้องกินด้วยกัน


    มินฮยอนรู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นข้ออ้าง

     

    ตั้งแต่เด็กแล้วที่อาการแพ้อาหารหลายอย่างของมินฮยอนทำให้เขาได้แต่นั่งตาละห้อยมองคนอื่นกิน แจฮวานเห็นก็อยากจะแบ่งให้ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือสีหน้าเศร้าๆ และหัวที่ส่ายไปมา
    สุดท้ายแล้วแจฮวานเลยเลือกกินแต่ของที่มินฮยอนกินได้ในเวลาที่อยู่ด้วยกัน เพื่อเพื่อนจะได้ไม่รู้สึกแย่
    แจฮวานจำได้จนขึ้นใจว่าอีกฝ่ายแพ้อะไรบ้าง ตอนเข้าค่ายสมัยมหาลัย เจ้าตัวถึงกับแอบไปขอร้องแม่ครัวให้ทำกับข้าวเพิ่มให้ เพราะที่มีอยู่มีแต่สิ่งที่มินฮยอนกินไม่ได้


    อดคิดไม่ได้ว่านอกจากพ่อแม่แล้ว ชีวิตนี้ไม่รู้ว่ามินฮยอนจะไปหาใครที่เอาใจใส่เขาขนาดนี้ได้อีก


    พอคิดมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกในอกมันไหววูบบอกไม่ถูก มินฮยอนสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ก่อนจะชวนให้คนตัวเล็กไปดูของอย่างอื่นต่อ



    ************************************

     

     

    พอได้งานทั้งคู่ก็ต้องปรับเวลาตื่นให้เร็วขึ้น เพราะห้องน้ำมีห้องเดียว หากใครคนใดคนหนึ่งอาบน้ำ อีกคนก็จะเอาขนมปังไปใส่เครื่องปิ้ง และตั้งเครื่องทำกาแฟทิ้งไว้ พอแต่งตัวเสร็จก็ทานอะไรรองท้องเล็กน้อยแล้วไปสถานีรถไฟด้วยกัน

    แจฮวานมีปัญหาเรื่องการจำเส้นทาง ตอนย้ายมาอยู่ด้วยกันใหม่ๆ ยังเคยหลงเดินจากสถานีรถไฟกลับหอพักไม่ถูก มินฮยอนเลยยื่นคำขาดว่าต้องออกพร้อมกันทุกเช้า
    ทั้งสองคนไม่ชอบนั่ง แต่จะยืนโหนราว ใส่หูฟังคนละข้างแล้วฟังเพลงในไอพอดของแจฮวานแก้ง่วงไปเรื่อยๆ ตอนเช้าๆ ยังมึนๆ ไม่อยู่ในอารมณ์จะพูดคุยอะไร ก็ปล่อยให้สมาธิจดจ่ออยู่กับบทเพลง
    พอถึงสถานีที่แจฮวานจะต้องลง มินฮยอนก็ลงแล้วแยกไปต่อรถอีกขบวนเพื่อไปที่ทำงานของตัวเอง

    เป็นแบบนี้อยู่เกือบสัปดาห์ ที่กิจวัตรทุกอย่างวนลููป ทั้งสองคนกินอาหารรองท้องกับกาแฟเสร็จแล้วก็ออกจากหอ เดินเงียบๆ กันไปจนถึงสถานีรถไฟ หลังจากผ่านช่องตรวจตั๋วมินฮยอนก็หยุดเดิน
    เฮ้
    หืม?” แจฮวานหันไปมองหน้าอีกฝ่าย
    นาย... จำได้แล้วใช่ไหมว่าต้องลงสถานีไหนประตูอะไรคำถามที่ได้รับยิ่งชวนงงงวยกว่าเก่า
    มินฮยอนหลบสายตา เกาหลังคอด้วยความเก้อเขิน
     “ความจริงแล้วบริษัทฉันต้องนั่งรถไปอีกทางน่ะ

    คิมแจฮวานยืนนิ่ง

    มือหนาขยี้ผมคนตัวเล็กกว่า ก่อนคนตัวโตจะหันหลังให้
    ไปนะ เดินทางดีๆล่ะ


    แจฮวานได้แต่ยืนมองอีกฝ่ายเดินไปจนลับสายตา

    พร้อมความรู้สึกอุ่นวาบที่เต็มไปทั้งหัวใจ

     

     


     
    ************************************


    เห็นการ์ดแต่งงานของซองอุนยังแจฮวานถามแล้วคีบหมูเข้าปาก
    เห็นแล้ว ตลกชะมัด ไหนบอกจะคงชีวิตโสดไปจน 35 ที่ไหนได้ดันแต่งงานเป็นคนแรก” มินฮยอนขำ คงมีเรื่องให้ไปล้อในงานแต่งเพียบ
    ได้ข่าวว่าจินยองก็มีแฟนแล้ว เหมือนจะเป็นดีไซน์เนอร์ของเสื้อผ้าออนไลน์ยี่ห้อดังสักอย่างน่ะ ฉันก็จำชื่อไม่ได้
    ลืมเล่า วันก่อนเจออูจินบนรถไฟ หมอนั่นก็บ่นๆ เรื่องที่บ้านจะจับดูตัวเหมือนกันแจฮวานหัวเราะก๊าก
    ดูตัวเหรอ?! อูจินน่ะนะ?!” พูดแล้วก็ส่ายหัว คงทำเป็นยอมไปงั้นแล้วไปป่วนให้สาวเขาไม่ชอบขี้หน้ามากกว่าน่ะสิ
    มินฮยอนขำตาม
    แม่ฉันก็ถามเรื่องแฟนเหมือนกันมือใหญ่ที่กำลังจะคีบไชเท้าดองชะงักไปนิดนึง มินฮยอนมองหน้าคนพูดที่นั่งตรงข้าม
    แล้ว...
    ฉันบอกไปว่าจะแต่งกับนาย แม่หัวเราะใหญ่เลย
    ไอ้นี่!มินฮยอนวางตะเกียบ ทำท่าจะดีดกะโหลกอีกฝ่าย แจฮวานหัวเราะเอามือปัดป้องพัลวัน อย่าลากฉันไปเกี่ยวสิ
    เอาน่าๆ... ไม่ลองคิดดูเล่นๆ หน่อยเหรอว่าถ้าเราอยู่ด้วยกันจนแก่ตัวไปจะเป็นยังไง
    ประโยคที่ฟังดูเหมือนถามเล่นๆ แต่สายตาของแจฮวานที่มองมากลับแฝงแววจริงจัง ดวงตาเรียวรีสบตอบกลับ... ก่อนที่คนเปิดประเด็นจะทำท่าขนลุกเสียเอง
    โอย.. พอเถอะมินฮยอนหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางอีกฝ่าย
    นายเริ่มก่อนเองนะ
    หยุดหัวเราะแล้วส่งกิมจิมาให้ฉันได้แล้ว



    ************************************


    ถ้าเราอยู่ด้วยกันจนแก่ตัวไปจะเป็นยังไง


    หลังจากวันนั้น คำถามที่ติดจะล้อเล่นของแจฮวานมักแว่บเข้ามาในหัวเสมอเวลาสมองโล่งๆ แม้ตอนที่โดนถามทีแรกจะไม่ทันคิดอะไร แต่ในขณะนี้ที่ตัวเขาไม่มีอะไรทำ ได้แต่นั่งดูทีวีฆ่าเวลาเพลินๆ รออีกฝ่ายกลับมากินข้าวเย็นด้วยก็อดคิดไม่ได้


    มินฮยอนยอมรับ.... ว่าเขาก็เคยคิดเรื่องนี้ขึ้นมาบ่อยๆ


    อยู่ด้วยกันมาแต่เล็กแต่น้อย ใช้ชีวิตโดยมีอีกฝ่ายอยู่ข้างๆ ต่างฝ่ายต่างรู้จักอีกคนเหมือนเป็นเงาของกันและกัน ข้อดีข้อเสียทุกอย่างต่างรับรู้และอยู่กันมาได้ตลอด

    มินฮยอนนึกไม่ออกเลยว่านอกเหนือจากแจฮวานจะมีใครอยู่กับเขาได้บ้าง

     

    บางทีมันอาจจะถึงเวลาที่เขาต้องยอมรับความจริงสักที

    ความจริง... ที่ว่าแจฮวานคือคนสำคัญในชีวิตของเขา สำคัญมากกว่าจะเป็นแค่เพื่อนที่รู้จักกันมาแต่เด็ก
    ความจริง... ที่เขารู้ตัวมาตั้งแต่โดนแฟนบอกเลิกเป็นคนที่สาม เพราะมินฮยอนเห็นแจฮวานสำคัญมากกว่าพวกเธอ

    ความจริง... ที่เป็นเหตุผลที่แท้จริงที่เขาชวนแจฮวานมาเช่าหออยู่ด้วยกัน ทั้งที่เขาไม่มีความคิดจะออกจากบ้านแม้แต่น้อย แต่เพียงแค่คิดว่าแจฮวานจะไปอยู่ในที่ๆ เขามองไม่เห็น มันก็ทนไม่ได้
    ความจริง... ที่เขาพยายามไม่คิดถึงมัน แม้จะมีอยู่หลายครั้ง ที่อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าแจฮวานก็คิดเหมือนกันก็ตาม

    ร่างสูงยกมือขยี้กลุ่มผมดำด้วยความว้าวุ่นใจ ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มาโทรหาคนที่อยู่ในความนึกคิด จะสองทุ่มแล้วแต่แจฮวานยังไม่กลับ สิ่งที่ได้ยินจากปลายสายมีเพียงแค่เสียงฝากข้อความ ในใจมินฮยอนเริ่มร้อนรน จะเกิดอะไรขึ้นกับอีกฝ่ายหรือเปล่า หลงทางอยู่แถวไหน มีใครพาไปไหนหรือเปล่า
    ยิ่งคิดยิ่งตอกย้ำความสำคัญของแจฮวานในใจเขามากขึ้นเรื่อยๆ ความอัดอั้นในอกเมื่อตระหนักถึงความรู้สึกของตัวเองส่งผลให้ตัวเขาทนไม่ไหว มินฮยอนผุดลุกจากโซฟา คว้าเสื้อโค้ตแล้วออกไปจากห้อง


    เขาเจอแจฮวานที่หน้าประตูพอดี

     

    จะออกไปไหนน่ะคนตัวเล็กถามตาใส
    สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบ
    เฮ้! ถามก็ตอบสิแจฮวานเลิกคิ้ว นี่อย่าบอกนะว่านายยังไม่ได้ทานข้าว ฉันบอกเมื่อวานแล้วไงว่ามีประชุมกลับ...

    คำพูดทั้งหมดถูกกลืนหายไป เมื่อร่างที่สูงกว่าหกเซ็นติเมตรโถมเข้ามากอดเขาแนบแน่น  แม้จะยังไม่เข้าใจ แต่แจฮวานก็ยกแขนกอดกลับอีกฝ่าย 

    ทั้งสองร่างยืนกอดกันฟังเสียงหัวใจของอีกคนเงียบๆ ก่อนที่มินฮยอนจะเป็นฝ่ายคลายวงแขนออก ยกสองมือประคองหน้าของแจฮวานไว้ นิ้วอุ่นๆ ของมินฮยอนเกลี่ยแก้มที่เย็นจากอากาศหนาวด้านนอก

    แจฮวานเงยหน้ามองสบตา แววตาของมินฮยอนที่มองมาพาลให้ใจเต้นแรงจนแทบควบคุมไม่ได้ แววตาที่มีแต่เงาสะท้อนของเขาอยู่ในนั้น ก่อนที่แจฮวานจะทันได้ถามอะไร มินฮยอนก็ประทับริมฝีปากลงมา

    เพียงชั่วครู่เท่านั้นที่ริมฝีปากอุ่นนุ่มสัมผัสกับริมฝีปากที่เย็นเฉียบ แล้วคนเริ่มก็กลับเป็นฝ่ายผละออกมาก่อน 

    สายตาประสานกันอีกครั้ง แจฮวานจับได้ถึงความรู้สึกไม่มั่นใจในตาเรียวรีคู่นั้น



    คนตัวเล็กกว่าถอนหายใจ ก่อนจะรั้งต้นคออีกฝ่ายให้มาจูบกับตนอีกครั้ง




    ************************************


    ตอนเป็นวัยรุ่น มินฮยอนเคยจินตนาการว่าเซ็กส์กับคนรักจะเป็นยังไง จะเป็นเหมือนในหนังโป๊ที่เขาแอบดูกับเพื่อนหรือเปล่า จะเร่าร้อนรุนแรงขนาดไหน
    แต่ครั้งแรกกับแจฮวาน หลังจากที่ไปดื่มฉลองกันมาเพราะมินฮยอนได้เลื่อนตำแหน่ง ก็ไม่รู้ว่าต่างฝ่ายต่างช่วยกันลากอีกคนกลับหอมาได้อย่างไร แต่พอรู้ตัวอีกที ทั้งสองคนก็ล้มลงบนเตียงของใครสักคน มือ ปาก สัมผัสกันราวกับโหยหาอีกฝ่ายมานาน แต่เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งทุกอย่างกลับช้าลงดั่งหวังจะให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ดำเนินไปแบบไม่มีวันพบเจอกับจุดสิ้นสุด ในหูได้ยินเสียงครางเครือ เสียงเรียกชื่อของตัวเองที่เป็นเสียงของอีกฝ่าย และคำบอกรักดังวนไปเวียนมา

    อาจไม่ตรงกับที่จินตนาการเท่าไหร่นัก
    แต่ความรู้สึกหลังจากนั้นมันเกินกว่าที่จินตนาการไว้มากมาย

     

     

     

    ************************************

     

     

    แสงแดดหน้าร้อนส่องผ่านหน้าต่างแยงตาให้ตื่นขึ้น แจฮวานบ่นพึมพำให้มินฮยอนปิดม่านก่อนจะคว้าหมอนมาปิดหน้าทั้งที่ยังไม่ลืมตา ร่างสูงกดจูบลงบนต้นคอขาวของคนร่วมเตียงด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะยอมลุกไปปิดม่านให้ตามที่อีกฝ่ายต้องการ วันนี้วันหยุด พวกเขาไม่ต้องรีบตื่นไปไหน นอนต่ออีกสักพักก็คงไม่เป็นไร

    หน้าร้อนมาเยือนแล้วเหรอแจฮวานบ่นงึมงำ ปล่อยให้มินฮยอนที่หลับต่อไม่ลงเกลี่ยผมตัวเองเล่น
    อืม
    อา... คิดถึงช่วงปิดเทอมสมัยเรียนชะมัดมินฮยอนหัวเราะกับคำบ่นของอีกฝ่าย บ่นเป็นคนแก่เลยนะ
    ก็แก่กันแล้วไม่ใช่เหรอไงแจฮวานพลิกตัวมานอนตะแคงมองหน้า
    มินฮยอนกดจูบลงบนหน้าผากคนรัก ก่อนจะขยี้หัวกลมๆ นั่นแล้วรีบผละจากเตียงหลบหมอนที่กำลังฟาดลงมา
     

    "ลุกมากินข้าวเช้ากันเถอะ ฉันหิวแล้ว"

     

     

    .

    .

     

     

    ถ้าเราอยู่ด้วยกันจนแก่ตัวไปจะเป็นยังไง

     

    บางครั้งคำถามนี้ก็วนเวียนกลับเข้ามาในหัวของมินฮยอนอีกครั้ง

     

    แต่ในตอนที่เขามองเงาสะท้อนของแจฮวานที่ฉีกยิ้มกว้างให้ขณะยืนแปรงฟันอยู่ข้างกันหน้ากระจกในห้องน้ำ 

     

    ในตอนที่พวกเขาโกรธกัน เรื่องแจฮวานดื่มเหล้าจนเมาหนักในงานปาร์ตี้ของบริษัท จนเดือดร้อนเพื่อนร่วมงานต้องพามาส่ง หรือเรื่องที่มินฮยอนทิ้งเศษกระดาษจดเมลลูกค้าของแจฮวานไปโดยคิดว่าเป็นขยะ แต่สุดท้ายทุกอย่างก็คลี่คลายเมื่อฝ่ายผิดกล่าวขอโทษและนั่งคุยกัน

     

    ในตอนที่เขาได้แต่นั่งซึมตรงโต๊ะกินข้าวมองแผ่นหลังของคนที่วิ่งวุ่นในครัวพยายามจะต้มโจ๊กให้คนป่วยทาน

     

    หรือในตอนที่เขาอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ก่อนจะรู้สึกตัวว่าแจฮวานที่นอนอยู่ข้างๆ พลิกตัวเอาแขนมาพาด มินฮยอนยิ้ม วางหนังสือลง ปิดโคมไฟที่หัวเตียง แล้วขยับร่างลงไปนอนให้อีกฝ่ายกอดได้ถนัด

     

     

    ในช่วงเวลาเหล่านั้น

    มินฮยอนคิดว่า... เขาอาจจะหาคำตอบของคำถามนี้เจอแล้วก็ได้

     

     

     

    End.

     

     

     

    ชื่อเรื่องขอยืมมาจากไดอะล็อกของพี่โอ๊ตในฟิค #ฟบนฟ นะคะ

    รักชอบหรืออยากแสดงความเห็นอะไร เมนท์ได้ที่นี่หรือใน #AdiQFic ได้เลยค่ะ

    ความจริงตั้งใจจะลงเป็นฟิคคริสต์มาส แต่ช่วงสัปดาห์นั้นน่าจะยุ่งเลยลงก่อนดีกว่า

    ใครที่รู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันคุ้นๆ ก็เหยียบไว้นะคะ 5555555 แปลงมาจากงานเก่าๆ ของเราเองค่ะ (แต่ก็เปลี่ยนอะไรไปเยอะเหมือนกัน)

    หวังว่าอ่านแล้วจะช่วยเพิ่มความอุ่นในหน้าหนาวนี้นะคะ


    แล้วเจอกันในเรื่องหน้าค่ะ (ถ้ามีพล็อตนะ แฮร่...)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×