คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : - ( a d m i s s i o n 2 0 1 3 ) - ไ ม่ เ ห มื อ น เ ดิ ม
Title : Admission at Heart
Auther : AdenLee
เขาคือมึง
นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย ผมหูฝาดไปใช่ไหม...
“มึงอย่ามาล้อกูเล่นแบบนี้ดิ ถึงมึงจะโกรธอะไรกู มึงก็ไม่น่าแกล้งกูแบบนี้นะ”
ผมเอามือฟาดแขนเซฮุนไปเต็มแรง ด้วยความโมโห เซฮุนก็เลยลุกขึ้นมานั่งจ้องหน้าผม
แม่งเล่นอะไรไม่เข้าท่าเลย =__=
“มึงเอาขาหน้ามาฟาดกูทำไม”
“แขนบ้างเหอะ!”
เซฮุนยักไหล่เหมือนกับบอกว่า มันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ
“มึงอะ จริงจังสักทีเถอะ เป็นอะไรก็พูดมาซักที ให้กูเซ้าซี้อยู่ได้”
“...” เซฮุนเงียบ
“กูจะไม่คุยกับมึงจริงๆ แล้วนะ”
ผมลุกเดินกับไปทิ้งตัวนอนคลุมโปรงที่เตียงของตัวเอง ไม่อยากจะสนใจแล้ว มาแกล้งกันแบบนี้ได้ยังไง เกือบเชื่อแล้วไหมล่ะ ถ้าผมเชื่อต้องโดนมันล้อลูกบวชแน่
“ที่กูพูดไป...กูพูดจริง...”
“...”
“กูไม่ได้พูดเล่น”
“...”
“กูรู้ว่ากูพูดไปแล้วมันทำให้มึงไม่สบายใจ”
“...”
“กูขอโทษ ขอโทษที่กูดันคิดกับมึงมากกว่าเพื่อน”
ผมลุกขึ้นมานั่งและจ้องหน้ามันอีกครั้ง
“มึงจะไม่เลิกเล่นแบบนี้ใช่ป้ะ”
“แบคฮยอน... มึงรู้จักกูมานานแค่ไหน มึงก็น่าจะรู้นะว่ากูเป็น คนยังไง”
ใช่... ผมคิดว่าผมรู้ แต่ผมก็ยังอดคิดไม่ได้ว่ามันแกล้ง
“กูชอบมึง ชอบมาตั้งนานแล้ว”
“...”
ผมหลุบตาลงและได้แต่นั่งเงียบ นี่มันเซฮุนโหมดไหนเนี่ย
เอาเซฮุนเพื่อนที่กวนตีนๆ ของผมคืนมานะ T_T
“เอาเถอะ คนโง่ๆ อย่างมึงมันเข้าใจอะไรยาก มึงลืมเรื่องนี้ไปเถอะ กูเองก็จะลืมเหมือนกันว่ากูพูดอะไรออกไป”
“มึงอย่าทำแบบนี้ดิเซฮุน มึงอย่าเล่นแบบนี้ กูยอมแล้วก็ได้ กูจะไม่เซ้าซี้มึงแล้ว Y_Y”
“ปัญญาอ่อน”
“ด่ากูอีก มึงมันใจร้าย Y_Y”
“มึงต่างหากที่ใจร้าย”
ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยผมด้วย...
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย คบมาเกือบสิบปีอยู่ดีๆ มาบอกว่าชอบ แทบไม่อยากเชื่อ จนตอนนี้ผมยังคิดว่าผมต้องประสาทหลอน แน่ๆ ใครก็ได้เอายาระงับประสาทให้ผมที พลีสสสสสส!
“แล้วมึงจะให้กูทำยังไงอะ”
“มึงไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่ทำตัวให้เหมือนเดิม”
เหมือนเดิมหรอ... แค่มองหน้ามึงตอนนี้กูยังไม่กล้าเลย…
“ละ... แล้วมึงจะยังเป็นเพื่อนกูอยู่ใช่ไหม”
ผมถามเสียงอ่อย ผมรู้ว่ามันฟังดูเห็นแก่ตัว แต่ถ้าความเป็นเพื่อนของเราต้องมาจบลงเพราะเรื่องนี้ ผมรับไม่ได้จริงๆ T_T
“กูไม่ทิ้งมึงหรอก กูจะทิ้งเพื่อนโง่ๆ อย่างมึงได้ยังไง”
ถึงแม้มันจะเป็นคำด่า แต่พอได้ฟังแบบนั้นผมกลับรู้สึกสบายใจ
อย่างน้อยผมก็ยังมีคนๆ นี้เป็นเพื่อน
“วันนี้พักไว้แค่นี้ก่อน นักศึกษาที่อยู่หลังห้องปิดแอร์ให้ครูด้วย สคริปต์โปรเจคส่งคาบหน้านะคะ See you next class”
ในที่สุดผมก็ได้รับอิสระสักที วันนี้เรียนตั้งแต่แปดโมงเช้าจนห้าโมงเย็น ไม่ได้หยุดได้หย่อน วิชาสุดท้ายเป็นวิชาภาษาอังกฤษโคตรน่าเบื่อเลย นั่นเพราะคะแนนสอบเข้าภาษาอังกฤษผมได้น้อยเลยต้องมาเรียนอยู่เลเวล 1 เรียนตั้งแต่เอแอนด์เดอะ อิสแอมอา ง่วงมากเบื่อมาก
“จงอิน มึงจะไปไหนต่ออะ”
“กลับหอว่ะ ไม่รู้จะไปไหนดี”
จงอินคือเพื่อนร่วมเซคเรียนภาษาอังกฤษของผมครับ คุยไปคุยมาเขาเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกับผมตอนม.ปลายซะงั้น แต่ว่าอยู่คนละห้องกัน เขาบอกว่าเขารู้จักผม เขาจำผมได้ แต่ผมไม่รู้จักเขา รู้สึกผิด สุดๆ Orz
“หอมึงอยู่ไหนอะ”
“ข้างมอ แล้วหอมึงล่ะ”
“หน้ามออะ หาคนเดินกลับเป็นเพื่อนอยู่”
“กูว่าจะไปหาของกินหน้ามอพอดี มึงหิวป่ะ ไปกินข้าวกัน”
“เอาดิๆ หิวเหมือนกัน ตอนเที่ยงก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย”
โชคดีจัง มีเพื่อนเดินกลับละ
จงอินเรียนวิศวะเหมือนกันครับ แต่เป็นวิศวะเครื่องกล ภาคเดียวกับเซฮุนมัน พูดถึงเซฮุน ช่วงนี้มันไม่ค่อยกลับห้องเลยครับ บางทีก็กลับมาตอนดึกๆ
เหมือนมันกำลังหลบหน้าผมเลย
ไหนบอกเป็นเหมือนเดิมไง T_T
“มึงเป็นเมทกับใครวะ หรือว่าอยู่คนเดียว” ระหว่างทาง จงอินก็ถามขึ้นมา
“อยู่กับเมทๆ กูเป็นเมทกับเซฮุนอะ”
“ภาคกูอะนะ”
“อือ นั่นแหละ มึงรู้จักมันป้ะ”
“รู้จักๆ ช่วงนี้มันก็มาค้างที่หอกูบ่อยๆ”
หือ?
“มันไปค้างหอมึงหรอ”
ผมหันไปมองหน้าจงอินเลยครับ ที่เซฮุนมันหายๆ ไปนี่ไปค้างอยู่หอจงอินเองหรอกหรอ
“อืม ก็มานั่งเล่นเกมอะ แบบนี้ตอนมันมาอยู่กับกู มึงก็อยู่คนเดียวอะดิ”
ใช่เลย
มันทิ้งผมไว้คนเดียวแล้วหนีไปอยู่กับเพื่อนใหม่สินะ
เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง
เสียใจอะ...
“ก็นิดนึงอะ แล้วมันพูดอะไรถึงกูบ้างป้ะ”
ผมถามจงอิน อยากรู้จังเลยครับว่าตอนนี้เซฮุนมันกำลังคิดอะไรอยู่ มันกำลังพยายามหลบหน้าผมหรืออะไร หรือว่ามันจะไม่อยากเป็นเพื่อนกับผมแล้ว Orz
“ไม่เห็นพูดอะไร กูก็เพิ่งรู้เนี่ยแหละว่าพวกมึงเป็นเมทกัน”
Rrrrrrrrrrrrrrr
เสียงมือถือจงอินดังผมเลยก็เลยเงียบให้มันคุยก่อน ทั้งๆ ที่อยากถามใจจะขาดว่า เซฮุนมันเป็นยังไงบ้างตอนนี้
แบบเหมือนมันกำลังคิดอะไรอยู่รึเปล่า หรือดูสบายๆ ไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่เหมือนที่ผมเป็น ที่มานั่งคิดมากเรื่องมันทุกวัน
“เออเจอกัน”
จงอินวางสายก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงยีนที่มันใส่มาเรียน จริงๆ มหาวิทยาลัยเราไม่อนุญาตให้ใส่กางเกงยีนส์มาเรียนนะครับ มันผิดระเบียบ แต่ผมก็เห็นส่วนน้อยเหลือเกินที่จะใส่ถูกระเบียบ เพราะผมเองก็ไม่เคยถูกระเบียบเหมือนกัน แม้จะเพิ่งเป็นนักศึกษาปีหนึ่งก็เถอะ
“มึง เดี๋ยวเมทกูมากินข้าวด้วย ไอ้เซฮุนก็มา พวกมันอยู่ด้วยกัน”
“เมทมึงใครวะ”
“ลู่หาน”
เอ๊ะ... ชื่อนี้คุ้นๆ นะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหน
“อยู่วิศวะป้ะวะ ชื่อคุ้นๆ เหมือนกูรู้จัก”
“อือ ภาคเครื่อง มึงอาจจะรู้จักมั้ง”
อาจจะ? หมายความว่ายังไงวะครับ?
แต่ก็เอาเถอะ เจอกันก็อาจจะจำได้ก็ได้มั้ง แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือเซฮุนมันไม่โทรมาหาผมครับ เดี๋ยวนี้ข้าวเขิ้วอะไรก็ไม่เคยชวนไปกิน
สะเทือนใจว่ะครับ T_T
ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในร้านอาหารตามสั่งทั่วไปกับเหล่าผองเพื่อนภาคเครื่องครับ มีผมคนเดียวที่เรียนโยธา นอกนั้นเรียนเครื่องกล หมดเลย
“กูเพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามึงเป็นเมทกับแบคฮยอน มึงไม่เห็นบอกกู เลยวะ”
“ก็มึงไม่ได้ถาม”
ผมคงไม่ต้องบอกหรอกนะครับว่าใครเป็นคนตอบ คนขวางโลกบนโต๊ะนี้ก็มีแค่มันคนเดียวนั่นแหละ ไอ้รูมเมทของผม
“มึงหายไปเลยนะ”
ผมพูดกับเซฮุนเบาๆ แบบ... แอบน้อยใจนิดๆ
“...”
มันไม่ตอบผมครับ มันเงียบก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น
ผมโดนเมินอะ T_____________________T
“มึงนี่เมทกู ลู่หาน”
ผมลืมสนใจเพื่อนใหม่ไปเลยครับ มัวแต่สนใจไอ้บ้าเซฮุนที่มันหายหัวไปจากห้องจากหับ
“หวัดดีๆ”
ผมทักทายอีกคน อีกฝ่ายยิ้มให้ผมน้อยๆ ผมก็เลยยิ้มให้กลับ
ลู่หานเป็นคนหน้าหวานมาก ตอนยิ้มนี่อือหือ... หวานเป็นน้ำตาลปี๊บ...
บรรยากาศการกินข้าวดูเหมือนจะดี แต่เซฮุนมันไม่พูดไม่คุยเลยครับ นั่งกินข้าวเงียบๆ ของมันคนเดียว มีแต่ผมกับเพื่อนใหม่อีกสองคนที่คุยกันเม้าแตกเหมือนแม่บ้านนั่งเม้าหลังเลิกงาน
แล้วสายตาผมก็เหลือบไปเห็น...
แฟนผมกำลังเดินเข้ามาในร้านอาหารพร้อมกับ...
สาวสวยคนหนึ่ง...
ตามองตาสายตาก็จ้องมองกัน..อยู่ดีๆ เพลงนี้ก็แว้บเข้ามาในหัวผม
พี่ชานยอลเองก็เหมือนจะมองเห็นผมแล้วเหมือนกัน เพราะร่างสูงกำลังเดินตรงมาทางโต๊ะที่ผมนั่งอยู่
“แบคฮยอน”
ชีวิตผมจะดราม่าไปไหนครับ อะไรคือการที่แฟนกับเพื่อนสนิทที่พึ่งบอกชอบผมต้องมาเจอกันตอนผมกำลังนั่งกินข้าวด้วย
สาวสวยคนนั้นมองหน้าผมกับพี่ชานยอลสลับกันไปมา โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยกล้ามองหน้าเธอเท่าไหร่ เพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน
“ครับพี่ มากินข้าวหรอครับ”
“ใช่ วันนี้พี่โทรไปทำไมไม่รับสายเลย”
หือ? โทรมาหรอ
อ่า... ผมลืมเปิดเสียงโทรศัพท์ ปิดไว้ตั้งแต่คาบเรียนเมื่อเช้า...
“ผมลืมเปิดเสียงอะ”
“ก็คิดไว้ว่าน่าจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน แล้วนี่มากินข้าวกับเพื่อนเหรอ”
“ครับ นี่จงอินแล้วก็ลู่หาน ภาคเครื่องทั้งสองคนเลยครับ”
ผมแนะนำให้พี่ชานยอลรู้จักกับเพื่อนใหม่ของผม จงอินกับ ลู่หานโค้งหัวให้นิดนึงอย่างเคารพ
“พี่ก็ว่าจะโทรชวนเราออกมากินข้าวเหมือนกัน วันนี้ญาติพี่มาหา เป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่เอง ชื่อเจสสิก้า เพิ่งกลับมาจากโตเกียว”
“สวัสดีจ้ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันนะครับ”
ผมทักทายอย่างเป็นมารยาท พี่สาวคนนี้สวยมากๆ เลยครับ สวยหยาดเยิ้มสุด
“พี่ขอนั่งด้วยคนได้ไหม”
พี่ชานยอลถาม ซึ่งคำนี้ทำเอาผมสะอึก...
ผมควรจะตอบว่าอะไรดีล่ะเนี่ย เซฮุนก็นั่งอยู่ตรงนี้ ถึงแม้ว่ามันจะดูไม่ค่อยสนใจอะไรสักเท่าไหร่
แต่... ผมก็ยังอดแคร์ความรู้สึกมันไม่ได้อยู่ดี
แต่ก่อนที่ผมจะได้ตัดสินใจอะไร เซฮุนก็ลุกขึ้นและเดินออกไปจากร้านแล้ว
“มึงไปไหนวะ”
จงอินร้องถามก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร แต่ก็ไม่ทัน เพราะเซฮุน มันเดินออกไปแล้ว
เรื่องมันชักจะวุ่นวายไปกันใหญ่แล้ว นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย โอ้ยปวดหัวครับ คนนึงก็แฟนคนนึงก็เพื่อนสนิท
ผมเข้าใจแล้วครับ กับคำถามที่เคยได้ยินว่าเพื่อนกับแฟนจะเลือกอะไร ผมบอกตรงๆ เลยครับ ว่าผมเลือกไม่ได้ มันยิ่งกว่าคำว่าลำบากใจ
“เซฮุนมันไปไหนวะ เดี๋ยวกูไปตามละกัน”
จงอินบอกผม แต่ผมรั้งแขนมันไว้ก่อนที่มันจะลุก
“เดี๋ยวกูไปเอง”
ผมลุกขึ้นวิ่งตามมันออกไปโดยไม่ฟังเสียงร้องถามของพี่ชานยอลเลยสักนิด ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะไม่สนใจ เพราะไม่ว่ายังไงพี่เขาก็คือคนที่ผมรัก
แต่ตอนนี้ผมควรจะแคร์เซฮุนมากกว่าก็เท่านั้นเอง เพราะมันคือเพื่อนที่ผมคบมานาน นานจนผมไม่สามารถทนได้ถ้าต้องเสียมันไป
“เซฮุน มึงจะไปไหน”
ผมวิ่งตามมันมาจนทันแล้วก็รั้งแขนมันเอาไว้
“...”
เซฮุนเงียบไม่ตอบไม่พูดอะไรสักอย่าง นั่นยิ่งทำให้บรรยากาศของเราสองคนมันอึดอัดมากขึ้น
“ไหนมึงบอกว่าจะเป็นเหมือนเดิม”
“...”
“ไหนมึงบอกว่าจะไม่ทิ้งกู”
“...”
“แต่ที่มึงทำมันสวนทางกับคำพูดนะ”
“...”
“...”
เซฮุนเงียบผมเงียบ ต่างคนต่างกำลังคิดไปต่างๆ นานา ตอนนี้ผมหมดคำพูดแล้วครับ ผมไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว ไม่รู้จะพูดว่าอะไรเลยจริงๆ อึดอัด... ตันไปหมด...
“กูกำลังพยายาม”
“...”
“กูพยายามที่จะทำให้มันเป็นเหมือนเดิม แต่ตอนนี้กูทำไม่ได้”
เซฮุนพูดออกมา มันดูลำบากใจมากเลยทีเดียว ผมสัมผัสได้จากน้ำเสียงในแต่ละคำที่มันพูดออกมา
“ทำไมมันเป็นแบบนี้วะ”
ตอนนี้ผมรู้สึกอยากร้องไห้จังเลยครับ นี่ผมกำลังจะเสียเพื่อนคนนี้ไปงั้นหรอ
“กูจะเป็นเหมือนเดิม กูแค่ขอเวลา... กูสัญญาว่ากูจะเป็นเหมือนเดิม”
TBC.
ความคิดเห็น