ช่วยไม่ได้ - ช่วยไม่ได้ นิยาย ช่วยไม่ได้ : Dek-D.com - Writer

    ช่วยไม่ได้

    ขอบคุณทุกคนมากนะคับที่เข้ามาอ่านเรื่อนี้ สำหรับคนที่ยังไม่เคยอ่านก็ลองมาอ่านหน่อยนะคับมันจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของเศรษฐีแต่ว่าเขาอาจจะดูไม่ธรรมดาซักหน่อย ลองมาดูเอาหน่อยนะคับ

    ผู้เข้าชมรวม

    792

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    792

    ความคิดเห็น


    24

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 มิ.ย. 49 / 21:39 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ชายหนุ่มผมสีดำสนิทนั่งอยู่บนโซฟายาวภายในคฤหาสน์ราคากว่า 120ล้าน ตั้งอยู่ในหมู่บ้านมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งย่านชานเมืองกรุงเทพฯ ชื่อของเขาคือ ศุภชัย ลูกชายอภิมหาเศรษฐี เจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังชั้นหนึ่งของเมืองไทยที่ได้จากโลกไปตั้งแต่เขาเกิดพร้อมทั้งภรรยาหรือผู้เป็นมารดาของศุภชัยนั้นเอง ตอนนี้เขาเป็นผู้รับมรดกทั้งหมดของผู้เป็นบิดาเอาไว้ทั้งห้างสรรพสินค้า ทั้งโชว์รูมรถ แต่ใครจะรู้ว่าเขาตอนนี้ก็หมดความสามารถที่จะบริหารธุรกิจได้อย่างเต็มประสิทธิภาพซะแล้ว ผู้บริหารในบริษัทพากันน้ำลายสอเป็นแถวเตรียมตัวที่จะลุ้นขึ้นรับหน้าที่ประธานบริษัทแทนเขา

          เขาอยู่ในเสื้อคอปกสีแดง กางเกงสีน้ำเงินดูแล้วตัดกันชวนให้แสบตาแก่ผู้พบเห็น คนใช้ในชุดยาวสีขาวดำเดินตรงมาพร้อมกับถือแก้วน้ำชาสีขุ่นๆลายมังกรคงราคาไม่ต่ำกว่าใบละหมื่นพร้อมยื่นมาให้เขา " นี่คะคุณผู้ชาย น้ำชา" เขายืนมือออกไปรับถ้วยน้ำชาจากสาวใช้แล้วจึงยกขึ้นมาจิบ แล้ววางมันลงที่โต๊ะด้านหน้า ไอความร้อนพร้อมกลิ่นไอของน้ำชาที่กระทบเข้ากับจมูกของเขา มันช่างเย้ายวนให้เขาหยิบขึ้นมาจิบอีกสักครั้งหนึ่ง...

          ศุภชัยกำลังนั่งคิดถึงอะไรบางอย่าง สีหน้าที่ออกจะดูเคร่งเครียดแต่คงจะไม่ใช่เรื่องที่ทำงานเป็นแน่ เพราะเขาไม่ได้เข้าไปทำงานมากว่าเดือนแล้วเขาก็ไม่ค่อยจะสนใจบริษัทสักเท่าไรเขาคงจะอยู่ได้ตลอดชีวิตโดยไม่ต้องทำงาน แต่ความคิดที่ฟุ้งซ่านอยู่ในหัวของเขามันหนักมากกว่าการแบกภูเขาหิมาลัยเป็นเหมือนน้ำที่อยู่เต็มลูกโปงเตรียมพร้อมที่แตกออกมาได้ทุกเมื่อ

          ภาพของตัวเมืองกรุงเทพฯ สายฝนทีโหมกระหน่ำเข้ามาทำให้ท้องถนนเริ่มเต็มไปด้วยน้ำขัง รถยนต์ที่จอดนิ่งไม่ขยับเขยื่อนกันมากว่าครึ่งชั่วโมง ทำให้บางคนถึงกับทิ้งรถแล้วออกไปเดินให้เปียกฝนเล่น รถเบนซ์สีดำป้ายแดงก็จอดนิ่งอยู่ในขบวนรถเช่นเดียวกัน

          "พี่.. พี่ชอบนางนักร้องนั้นใช่ไหม?" หญิงสาวในชุดราตรียาวสีขาว ที่นั่งอยู่ในรถเบนซ์พูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ แต่ใครจะรู้ว่าประโยคที่พูดโดยไม่ได้คิดจะก็ให้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาได้

          "ป...เปล่านะ นักร้องคนนั้นเป็นใครพี่ยังไม่รู้เรื่องเลย" ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆตอบกลับทันควัน เขาคือศุภชัยนั้นเอง ศุภชัยอยู่ในชุดสูทสีดำ

          "ก็คนที่พี่ชอบไปให้ดอกไม้ในคลับไง คิดว่าฉันจะไม่รู้เหรอ" หญิงสาวเริ่มพูดอย่างโกรธเกรี้ยว......

          "อะ...เอ่อ พี่ขอโทษนะคือ..." เขาเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่คำนั้นยังคงติดอยู่ในลำคอ

          "หึแล้วแต่พี่เถอะนะฉันทนไม่ไหวแล้วละ"หญิงสาวพูดก่อนที่จะเปิดประตูรถแล้วปิดมันกลับดัง ปั้ง! ศุภชัยนั่งอึ้งก่อนที่เขาจะตัดสินใจเปิดประตูรถแล้ววิ่งตามหล่อนไป สายฝนที่ยังคงตกกระหน่ำลงมาที่ใจกลางกรุงเทพฯ หนุ่มสาวในชุดสูทกับชุดราตรีที่วิ่งตามกันกลางสายฝนทำให้ชาวบ้าน แม่ค้าแล้วคนที่เดินผ่านไปผ่านมาบริเวณนั้นมองกันตาไม่กระพริบ ใครจะไปนึกว่าคนรวยๆจะเอาชุดเป็นหมื่นๆลงมาวิ่งให้เปียกฝนเล่น

                       "มาถ่ายหนังเหรอหนู?" ป้าขายของคนหนึ่งถามกับศุภชัยขณะที่เขาวิ่งเลาะไปตามทางเท้า ศุภชัยเงียบไม่ตอบอะไร แต่ยังคงหันกลับไปมองป้าคนนั้นอย่างงงๆ ก่อนที่จะกันหน้ากลับแล้ววิ่งตามหญิงสาวไป ไม่นานทุกคนรวมทั้งศุภชัยที่หยุดนิ่งด้วยความตกใจก็ยกมือขึ้นมาปิดปาก รถมอเตอร์ไซค์แทรกผ่านระหว่างรถที่ติดขัดเข้ามาอย่างรวดเร็วกำลังตรงมาที่หญิงสาว คนขับรถดวงตาปิดสนิทเหมือนกำลังหลับใน หล่อนหันไปมองตัวแข็งถือขยับไม่ได้เหมือนกับว่าขาถูกหล่อซีเมนต์ติดกับพื้นถนน รถมอเตอร์ไซค์ตรงมาใกล้เธอเรื่อยๆ ทุกวินาทีที่รถขยับเข้ามาเหมือนกับจะกลายเป็นภาพช้า หญิงสาวหลับตาแน่นเตรียมใจกับหายนะที่กำลังจะเกิด ก่อนที่ชายหนุ่มจะกระโจนพุ่งตัวเข้าหาเธอ ทั้งคู่หลบได้อย่างฉิวเฉียด คนขับรถมอเตอร์ไซค์กลับมาได้สติอีกครั้งแล้วหักรถหลบจนไปชนรถคันข้างๆ

          ไม่นานการจราจรเริ่มเคลื่อนตัวได้ รถพยาบาลเข้ามาถึงทีเกิดเหตุก่อนที่จะรู้ว่า คนบาดเจ็บทังหมดได้ไปที่โรงพยาบาลที่เดินเลยไปไม่ถึง 100เมตรแล้ว ศุภชัยยังคงจำภาพเหล่านั้นได้อยู่ เขาคงจะไม่มีวันลืมมันได้ลงแม้ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้น แฟนสาวของเขาก็ไม่เคยติดต่อมาหาเขาอีกเลย เขาได้แต่นั่งคิดนอนคิดว่าเป็นเพราะอะไร จนวันนี้เขาตัดสินที่จะไปหาเธอที่บ้านเพื่อให้หายสงสัย

          "คุณผู้ชายค่ะ รถมาแล้วค่ะ" เสียงของสาวใช้ที่ดังมาจากข้างหลังของเขา เขาค่อยๆใช้มือทั้งสองดันตัวเองให้ยืนขึ้น แล้วค่อยๆเดินตรงไปที่ประตูหน้าบ้าน  เสียงของเครื่องยนต์รถดังรอเขาอยู่แล้ว เขาเดินลงบันไดหินอ่อนสีขาวที่ละขั้น  กริ๊ง!!  เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของเขาดังขึ้น ปากของเขาเริ่มมีรอยยิ้ม "เธอ... เธอโทรมาแล้ว" เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอย่างเร่งรีบ แล้วยกโทรศัพท์ขึ้น กดปุ่มรับสายสีเขียวรูปโทรศัพท์ แล้วเอาขึ้นมาแนบไว้ที่หู
          
      "ฮัลโหล.. สวัดดีครับ" เสียงของเขาดูสั่นๆเหมือนตื่นเต้น เสียงอู้อี้ในโทรศัพท์ดังยาวติดต่อกัน ไม่ต่างอะไรกับเนื้อเพลงแรป เขาฟังอยางอึ้งๆ ตัวแข็งทื่อ ไม่พูดอะไร สีหน้าของเขาจากที่เคยยิ้มดีใจตอนที่รับโทรศัพท์เริ่มเปลี่ยนไป เขากดปุ่มสีแดงวางหูโทรศัพท์แล้วเก็บมันกลับไว้ในกระเป๋ากางเกงอย่างเดิม แล้วค่อยๆหันหลังกลับไป แล้วเดินเข้าไปในบ้านอย่างสิ้นหวัง

          "ไปเอาชุดมาให้ฉันเปลี่ยนซิ เอาชุดออกงานนะ" เขาพูดกับคนรับใช้ คนรับใช้รับคำก่อนที่จะเดินเข้าไปเอาชุดสูทสีดำที่ดูไม่ค่อยต่างอะไรกับชุดสูทตัวอื่นๆที่มีอยู่เป็นโหลในห้องเก็บเสื้อผ้า

      เขารับเสื้อแล้วจัดแจงเข้าไปเปลี่ยนชุด เสร็จแล้วจึงเดินออกมาเพื่อเตรียมตัวไปขึ้นรถ คนรับใช้วิ่งตามหลังเขามา เสียงเรียกชื่อของเขาทำให้หันหลังกลับไป

                          "คุณผู้ชาย นี่ค่ะซอง" คนรับใช้พูดพลางยื่นซองส่งให้ศุภชัย เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าหยิบกระดาษเช็คสีขาวขึ้นมา กระดาษสีขาวถูกเขียนตัวเลขพร้อมทั้งกรอกข้อมูลต่างไว้อย่างเรียบร้อย สาวใช้ยื่นหน้าไปดูตัวเลขอย่างสนใจ 1,000,000 เธอถึงกับอึ้ง เนื้อตัวสั่นอย่างดีใจ พลางคิดว่าเจ้านายคงจะให้เป็นโบนัสพิเศษ หรือไม่เขาก็คงจะให้เป็นเดือนสุดท้าย สาวใช้หุบยิ้มอย่างรวดเร็ว

                        "อ่ะนี่ เอาใส่ซอง" เขาพูดพลางยื่นใบเช็คให้คนใช้ หล่อนรับไว้แล้วจัดการนำใส่ซองอย่างประณีต

                         "ให้ หนูเหรอค่ะ" คนรับใช้พูดอย่างสงสัย ศุภชัยยักคิ้วอย่างตกใจ

                        "ใครจะให้แก เอามานี่" เขาตวาดใส่สาวใช้ เธอยื่นซองส่งกลับมาให้ศุภชัยแล้วเดินกลับเข้าไปเงียบๆ

                       ศุภชัยเดินไปขึ้นรถคนขับรถค่อยๆเปิดประตูให้เขา เบาะหนังนุ่มๆกลิ่นของน้ำยาขัดโชยอยู่เต็มรถชวนให้คลื่นไส้  ความมันวาวของเบาะแทบจะรู้ได้โดยไม่ต้องมองเห็นเลยทีเดียว คนขับรถขึ้นมานั่ง ค่อยๆเปลี่ยนเกียร์ช้าๆ เหมือนรถคันนี้เป็นของที่เขารักที่สุดในชีวิต เขาค่อยๆเหยียบคันเร่ง รถเริ่มขยับตัวผ่านออกไปจากรั่วบ้าน

                        ไม่นานรถก็มาจอดที่แห่งหนึ่ง คนขับรถรีบวิ่งลงมาเปิดประตูรถให้ศุภชัย ไอร้อนจากด้านนอกเข้ามาแทนที่อากาศเย็นภายใน ศุภชัยค่อยๆก้าวลงจากรถ

                        หญิงสาววัยชราคนหนึ่งเดินตรงอย่างทุลักทุเลมาหาเขา "ศุภชัย ทางนี้" เสียงนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่ยังดูเศร้าๆ "คุณป้า" เขาตอบกลับ เสียงนั้นคือแม่ของแฟนสาวของเขา หล่อนพาศุภชัยไปนั่งที่เก้าอี้พลางชวนพูดคุยสนทนาไปกับแขกคนอื่นๆ
      เสียงระฆังดังขึ้น แม่ของแฟนสาวชวนศุภชัยให้เดินตามหล่อนไป  เขาไม่มีทางเลือกค่อยๆลุกขึ้นจากเก้าอี้ หล่อนดึงตัวเขาไป เสียงร้องไห้จากคนรอบๆข้างเขาทำให้เขาแทบจะร้องไห้ไปด้วย หล่อยพาเขาเดินขึ้นบันไดมาเรื่อยๆ จนหยุดลง เสียงของวัตถุหนักๆน่าจะทำจากหินที่ถูกเลื่อนดังก้องกังวานอยู่ในหัวของเขา เสียงสะอื้นของคนรอบๆข้างเริ่มดังขึ้น เขาแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

                      หญิงสาวคนหนึ่งนอนอยู่ในโรงแคบๆ  หน้าตาถูกแต่งด้วยแป้งที่หนาเกือบๆเหรียญบาท ใต้ที่รองโรงศพเต็มไปด้วยดอกไม้จันทน์สีขาวพร้อมถุกผูกไว้กับเทียนสีเหลือง

                     "เมย์ ลาก่อน" ศุภชัยพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูสั่นเครือ วันนั้นหากเขาช่วยหล่อนได้มากกว่านี้ก็คงไม่ต้องเป็นเช่นนี้ เขาช่วยหล่อนไว้ไม่ได้ มันเหมือนหนีเสือปะจระเข้ แฟนเขาหัวกระแทกเข้ากับกันชนรถระหว่างที่ล้มลงไป เธอนอนเป็นเจ้าหญิงนิทรามากว่าเดือนก่อนที่ร่างกายจะทนไม่ไหว แล้ววิญญาณก็ล่องลอยออกจากร่างหายไปสู่ที่ซึ่งดีกว่า

                     หลังจากงานพิธีจบลง ผู้เป็นมารดาของแฟนสาวศุภชัยก็วิ่งเข้ามารียกเขาไว้ก่อนที่จะขึ้นรถ "นี่จ๊ะ เซ็นนี่" เธอพูดพลางยืนปากกาและกระดาษบางอย่างมาให้เขา เขาถึงกับอึ้งไม่ว่าใครก็ต้องรู้ว่ามันคืออะไร ถ้าหากคนที่เป็นแบบเขาแล้วมีคนนำใบแบบนี้มาให้ก็คงต้องเป็นอะไรที่ดีหรือไม่เขาก็อาจจะโดนหลอกให้เซ็นใบมอบอำนาจ แต่ใบบริจาคอวัยวะอยู่ข้างหน้าเขา เขามั่นใจคงไม่เป็นสิ่งอื่นอย่างแน่แท้ มือของเขากำลังสั่นระริก แต่ยังคงกำปากกาไว้แน่น เขากำลังทำการตัดสินใจครั้งใหญ่ เขาจะเป็นพระเอกหรือเขาจะเป็นคนเห็นแก่ตัวก็ตามที แต่มนุษย์ก็ยังกลัวความมืดไม่แพ้กัน บางครั้งความมืดอาจจะน่ากลัวกว่าความตายด้วยซ้ำใครจะรู้ เขาตัดสินใจเซ็นชื่อของตนลงไปที่ช่องว่างด้านล่าง ถึงแม้ว่าลายเส้นอาจจะดูสั่นๆเล็กน้อยแต่เขาก็ตั้งใจเซ็นอย่างประณีตเหมือนกับว่านี่เป็นการแข่งขัน

                    วันที่เขาจะกลับมาเป็นอย่างปกติ ได้เป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่อย่างเต็มที่อีกครั้งก็มาถึง เตียงที่ถูกเคลื่อนไปตามทางเดินจนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องแห่งหนึ่ง เขานอนนิ่งอยู่บนเตียง ถ้าเขาไม่อยู่ต่อหน้าพยาบาลและหมอเขาคงกระโดดโลดเต้นพร้อมตะโกนอย่างดีใจสุดขีด พยาบาลค่อยๆเลื่อนเตียงของเขาผ่านประตูที่จะนำเขาไม่สู่แสงสว่างอีกครั้ง ใครจะรู้ว่านอกจากการสูญเสียแฟนสาวแล้วเขายังสูญเสียดวงตาอันเป็นส่วนที่แทบจะสำคัญที่สุดของมนุษย์ไป การผ่าตัดครั้งยิ่งใหญ่ที่ใครๆก็ไม่อยากจะประสบกำลังจะผ่านเข้ามาในชีวิตของเขา การผ่าตัดที่ไม่มีความแน่นอน อาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ไม่มีใครรู้ ครั้งสุดท้ายที่เขาจำได้ก็เพียงว่ากลิ่นหอมๆของอะไรบางอย่างเข้ามาพร้อมๆกับลมหายใจของเขา ความคิดที่ว่าคนเราจะได้กลับไปมองเห็นอีกครั้งคงจะเป็นอะไรที่วิเศษ คงจะเป็นอะไรที่คนตาบอดทุกๆคนคงจะหวังเอาไว้ ชายตาบอดคนหนึ่งกำลังจะกลับไปมองเห็นในเวลาไม่ถึง 2เดือน หรือใครจะรู้ว่าเขาจะต้องจมอยู่ในความมืดมิดตลอดไป.....

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×