ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานแห่งซีน: ลำนำผู้กล้ามังกร (Chronicle of Ziene: Dragon Knight)

    ลำดับตอนที่ #14 : บทที่ 2: บทเรียนของซิกมา (6/11)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 102
      15
      10 ต.ค. 60

     “เฮ้ย แพ้เร็วไปหน่อยไหม เรย์ตะโกนถามเพื่อนที่หายไปในเงาป่า แต่เรย์ไม่มีเวลาแม้แต่จะมาคอยห่วงลาโตรเพราะตอนนี้เป้าหมายของเดวัลตัวนั้นเหลือเพียงแค่เขาเท่านั้น ขณะนี้เขากลายเป็นเหยื่อที่อ่อนแอที่สุดไปเสียแล้ว เดวัลหมีวิ่งสี่เท้ามาหาตัวเขาอย่างรวดเร็ว เรย์ที่กำดาบไว้ในมือเลือกที่จะหันหลังหนีมากกว่าจะไปปะทะซึ่ง ๆ หน้ากับมัน


    ซิกมายืนมองเรย์วิ่งตาลีตาเหลือกหนีไปรอบ ๆ หาดทรายโดยไม่ยื่นดาบเข้าไปช่วยแต่อย่างใด การฝึกได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว นับจากนี้ไปอีกหลายเดือน พวกเขาจะต้องอยู่ที่นี่ด้วยตนเองให้ได้

    สู้ซะ ถ้าไม่สู้เจ้าก็ต้องตายซิกมาบอกกับเรย์ที่ยังซอยเท้าหนีสุดชีวิต ชายหนุ่มที่วิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายได้แต่ตะโกนกลับไป

    เดี๋ยวซี่ลุง !!! ท่านยังไม่ได้สอนอะไรข้าเลยนะ !!!ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าอีกเป็นเท่าตัวเมื่อหันหลังไปเจอเดวัลหมีผู้โกรธเกรี้ยว มันพยายามใช้อุ้งมือด้านหน้าของมันเกี่ยวตัวเรย์ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็เอี้ยวตัวหลบซ้ายทีขวาทีอย่างน่าสงสาร

    ก็นี่ยังไงที่ข้ากำลังสอนอยู่ สู้สิ ใช้ลมหายใจมังกรที่เจ้าเคยใช้ก็ได้

    ไอ้นั่นข้าไม่รู้ตัวตอนใช้นี่ !!! ช่วยข้าก่อนเถอะเรย์ตะโกนโหยหวน ชายชราส่ายหน้าอย่างระอาพลางมองเจ้าหมีเกล็ดงูวิ่งไล่ตะปบชายถือดาบผู้เคยช่วยเขาจากการต่อสู้ในเมืองอัลกราด นี่หรือ... คือผู้ที่มีสายเลือดเอเลนนอสคนนั้น ใช่คนที่ไม่สามารถแม้แต่จะหันหน้าเผชิญกับเดวัลระดับนี้ได้เนี่ยนะ

    ถ้าใช้ไม่เป็น นี่ก็เป็นโอกาสที่จะใช้ให้เป็นได้แล้ว เร็วเข้า!!! ถ้าไม่สู้ ตายไปไม่รู้ด้วยนะ ชายชราป้องปากตะโกนบอกเรย์ แต่ดูเหมือนลมที่ผ่านหูเรย์ไปอย่างรวดเร็วจะกลบเสียงของซิกมาจนหมด ชายหนุ่มวิ่งลัดเลาะเข้าไปในป่า ชายชราไม่เห็นร่างของเขาอีกแล้ว แต่ก็แน่ใจว่าชายหนุ่มยังปลอดภัยเพราะเสียงของเรย์ที่ดังก้องเป็นระยะ

    ช่วยด้วยยย !!!” เรย์ร้องเสียงหลงลั่นป่า


    ชายชราจะออกเดินนำหน้าทั้งสองและใช้ดาบยาวของเขาฟันเหล่ากิ่งไม้และเถาวัลย์ให้พ้นทาง ป่าทึบที่ดกหนาและเขียวขจีถูกเบิกทางจนเป็นแนวยาวลึกเข้าไปยังใจกลางเกาะ เมื่อพ้นพื้นที่ชายหาดมาแล้วก็จะเป็นดินร่วนที่ชื้นและอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเจริญเติบโตของพืชธรรมดาและมีพิษได้เป็นอย่างดี ที่พื้นนั้นมีหญ้าปกคลุมจนถึงหัวเข่าจึงใช้เวลาในการเดินเท้าเป็นชั่วโมงทีเดียว

    เสียงนกหรือสัตว์อะไรก็ตามยังคงส่งเสียงตลอดเวลาที่ทั้งสามเดินเท้าลึกเข้าไป ยิ่งเข้าใกล้ใจกลางเกาะเท่าไร ภาพชายหาดและทะเลสีครามก็ยิ่งไกลออกไปลับตา แสงจากดวงอาทิตย์ส่องทะลุแมกไม้เข้ามาทำให้อากาศออกจะร้อนชื้นอยู่สักหน่อย แต่นักเดินทางก็ไม่หวาดหวั่น ยังคงก้มหน้าก้มตาเดินตามอาจารย์อย่างไม่ลดละฝีเท้า


    เรย์ดูท่าจะใจเสาะที่สุด เขาสะดุ้งกับอะไรก็ตามที่ขยับตัวอยู่ในพุ่มไม้ ชายหนุ่มมักจะกำดาบเขี้ยวหมาป่าไว้แน่นอยู่เสมอแต่ด้วยความที่ไม่เคยฟันอะไรสักครั้ง ทำให้ดูท่าจะไม่เป็นประโยชน์เท่าที่ควร อันจะใช้ลมหายใจแห่งสายฟ้าเหมือนคราวก่อน ๆ เจ้าตัวก็ยังไม่รู้วิธีใช้อยู่ดี ทำให้เขาได้แต่เดินตาม จะมีพยายามช่วยลาโตรอยู่เป็นครั้งคราว แต่บทสรุปกลับกลายเป็นโดนซัดจนหมอบไปทั้งคู่

    ส่วนลาโตรก็เป็นพวกปากดี แม้จะเสียท่าในทีแรก ๆ แต่เจ้าตัวดูจะมีฝีมือมากกว่าเรย์หลายเท่า เขาใช้ดาบได้อย่างคล่องแคล่วอย่างที่ควรจะเป็น ทำให้แม้จะถูกตบจนกระเด็นกระดอนไปหลายครั้ง แต่ศัตรูเองก็ไม่มีโอกาสได้โจมตีเขาเป็นครั้งที่สองเพราะรังสีอำมหิตของซิกมามักจะทำให้พวกมันหนีกระเจิงไปเสียทุกที


    ยิ่งเดินลึกเข้าไปในป่าทิวทัศน์รอบข้างก็เปลี่ยนไปด้วย บริเวณชายหาดจะเป็นต้นมะพร้าวและเฟิร์นพิษที่ขึ้นเป็นกอซะส่วนใหญ่ เมื่อเข้าใกล้ใจกลางเกาะตามที่ซิกมาบอก พวกเขาก็เจอพื้นที่โล่งและต้นไม้ใหญ่ซึ่งคล้ายกับป่าของโซดาเรียแต่รูปร่างจะแปลกตากว่า ส่วนเดวัลก็จะเปลี่ยนไปตามเขตที่อยู่ ซึ่งพวกเรย์และลาโตรไม่ได้จดจำหน้าตาของมันเท่าไรนัก ทั้งสองอยากจะไปให้ถึงกลางเกาะและหยุดพักเสียที

    ใจกลางเกาะนีมอสเป็นพื้นที่ที่ไม่โล่งและรกเกินไป ต้นไม้ขึ้นกันกระจัดกระจายแต่ก็เว้นพื้นที่ว่างอยู่บ้าง ทำให้บริเวณนี้เหมาะแก่การตั้งกระโจมและก่อกองไฟรวมถึงพักอาศัย ลึกเข้าไปอีกจะเป็นป่าที่ทึบกว่าและดูอันตรายกว่าทั้งยังมืดครึ้ม ต้นไม้ที่มองเห็นได้จากไกล ๆ จะเป็นสีดำ ทำให้ทั้งสามเลือกบริเวณที่ใกล้ต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในเกาะเป็นฐานในการเอาชีวิตรอดในอีกหลายเดือนข้างหน้า


    ซิกมาหยุดอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ ชายชราลูบลำต้นของมันแผ่วเบาและพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เขาสำรวจบริเวณนั้นอีกเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเหมาะสม ซิกมาจึงพยักหน้าเป็นสัญญาณให้นั่งพักได้ ชายทั้งสองทรุดตัวลงกับพื้นดินอย่างหมดแรงพลางหอบหายใจ เรย์และลาโตรถอดกระเป๋าสะพายหนังออกจากบ่าและวางมันข้างตัว เมื่อซิกมาเห็นอาการทั้งสองก็ถึงกับส่ายหน้าเบา ๆ

    เรย์นั้นมีแผลถลอกจากการที่ร่างกายครูดไปกับหินและพื้นดินหรือหนามที่เลื้อยอยู่ทั่วบริเวณ ส่วนใบหน้าก็ฟกช้ำและมีรอยขีดข่วนบ้าง ลาโตรเองก็ไม่ต่างกันเท่าไรนัก เจ้าตัวหน้าบวมไปแถบหนึ่งเพราะโดนเดวัลหมีซัดไปกระแทกกับพื้นเต็ม ๆ ส่วนบริเวณอื่น ๆ แม้จะมีเลือดไหลและรอยจากการโจมตีของเดวัลตัวแล้วตัวเล่าแต่ซิกมาก็ไม่หวั่นใจเท่าใดนัก เพราะลาโตรเป็นพวกทนมือทนเท้าแม้จะเจ็บกว่าเรย์แต่ดูท่าน่าจะไปต่อได้อีกไกล


    ที่เขาว่าเดวัลแถวนี้ร้ายกาจท่าจะจริงแฮะลาโตรพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นทั้ง ๆ ที่เขาและเรย์อยู่ในสภาพหน้าตาปูดบวมและมีรอยฟกช้ำเต็มไปทั้งตัว เรย์กำลังตอกหลักของกระโจมหนังสัตว์ลงกับพื้นด้วยหินขนาดพอดีมือ ส่วนซิกมาก็ยืนอยู่ข้าง ๆ ฟังลาโตรพูดอย่างเพลิดเพลินในขณะที่ขึงหนังเพื่อเป็นที่พักแรม

    จะบอกอะไรให้นะ ไอ้ตัวที่พวกเจ้าสู้ ๆ ไปนั่นน่ะมันพวกอยู่ระดับล่าง ๆ ของห่วงโซ่อาหารที่นี่รู้ไว้ด้วยซิกมาหัวเราะเสียงดังพลางกอดอก ลาโตรพยักหน้าอย่างรับรู้และจัดการกับที่พักจนเสร็จ เรย์เองที่ได้ยินก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เขาทิ้งก้อนหินไปนั่งหดหู่อยู่ข้างกระโจมที่กางเรียบร้อยแล้ว


    แล้วเราจะเริ่มฝึกรึยังลุงลาโตรคึกเต็มที่ เขาเสยผมสีเทาเข้มจนเกือบดำที่เปียกไปด้วยเหงื่อและหยิบดาบมากวัดแกว่งเล่น

    เริ่มไปแล้วแหละ การฝึกของพวกเจ้าคือการเอาตัวรอดในป่านี้ให้ได้ ในสองสัปดาห์แรกข้าจะช่วยฝึกพื้นฐานการต่อสู้ประชิดตัวให้ และหลังจากนั้นพวกเจ้าต้องอยู่ที่นี่ให้ได้อย่างน้อยสามเดือน ชายชรากล่าวพลางชูนิ้วสาวนิ้วมาที่ทั้งสอง ลาโตรยิ้มแย้มและบิดร่างกายดังกรุบกรับอย่างเตรียมพร้อม ผิดกับเรย์ที่นั่งกอดเข่าเอาดาบสั้นในมื่อเขี่ยดินพลางบ่นอุบอิบ

    ชิ พูดอย่างกับว่าลุงอยู่แล้วจะช่วยอะไรได้ พอเดวัลโผล่มาก็เอาแต่ยืนดู

    ชายชราได้ยินดังนั้นก็หัวเราะอย่างถูกอกถูกใจพลางกล่าว ข้าเคยบอกแล้วไงว่า เดวัลมันก็มีหลายแบบ ไอ้พวกที่ฉลาดพอจะรู้ว่าควรสู้หรือหนีมันก็มี ขอบอกไว้ก่อนว่าถ้าข้าไม่อยู่แล้วจำนวนเดวัลที่จะเข้ามาเล่นงานพวกเจ้าจะเพิ่มขึ้นอีกมหาศาลเลยล่ะเตรียมตัวไว้ให้ดี

    เรย์รู้ว่านั่นไม่ใช่แค่คำขู่ แค่ตัวที่ถือว่าอ่อนแอไม่กี่ตัวที่พวกเขาเจอในวันนี้ยังแทบจะเอาชีวิตไม่รอด ขืนทั้งจำนวนและระดับความอันตรายเพิ่มมากกว่านี้มีหวังเขาและลาโตรคงได้ลาโลกนี้ไปแน่ ๆ

    เขาเตือนตัวเองว่าตอนนี้มันไม่เกี่ยวกับอยากหรือไม่อยากเก่งแล้ว ถ้าเขาไม่พยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดมีหวังหมดสิทธิ์เป็นพ่อครัวตลอดกาลเพราะว่าต้องมากลายเป็นผีเฝ้าป่านี้อย่างแน่นอน


    ซิกมามักจะออกตัวอยู่เสมอว่าตนนั้นไม่เคยสอนใครมาก่อน แต่เขาก็เป็นอาจารย์ที่ดีเยี่ยม อัศวินเฒ่าใช้ลานกว้างที่ช่วยกันเคลียร์พื้นที่มาเป็นลานฝึกการต่อสู้ประชิดตัว หลังจากนอนพักเอาแรงกันแล้วเขาก็เริ่มสอนทันที

    เรย์และลาโตรได้เรียนตั้งแต่การเริ่มจับดาบและท่วงท่าพื้นฐานที่ตามสำนักดาบคงสอนให้ผู้เริ่มต้นทุก ๆ คน ซิกมาสอนตามตำราได้อย่างดี แต่การสอนตามสัญชาตญาณนักดาบของเขานั้นดียิ่งกว่า ลาโตรที่พอมีฝีมืออยู่ก็เข้าใจมากขึ้น ส่วนเรย์ที่ไม่เคยแม้แต่จะจับดาบก็ดูท่าจะพัฒนาไปในทางที่ดี


    หลังจากลองผลัดกันฝึกกับซิกมาตัวต่อตัว และคอยฝึกกับเดวัลที่พลัดหลงมาตามที่พักเป็นครั้งคราวแล้ว ซิกมาที่มากฝีมือก็สามารถมองท่วงท่าและวิเคราะห์ความสามารถของทั้งสองได้อย่างดี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×