คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : บทที่ 2: บทเรียนของซิกมา (7/11)
เรย์ ลีออนเป็นพวกสายสมดุล ความเร็ว พละกำลัง ไหวพริบ สติปัญญา อยู่ในระดับที่ดีนอกจากนี้เขายังมีทักษะของอัศวินมังกรที่สืบทอดมาทางสายเลือดอีก มีเพียงจุดอ่อนเพียงจุดเดียวคือประสบการณ์ที่ยังน้อยและจิตใจที่ไม่มั่นคง หากแก้ปัญหาที่แนวคิดได้เขาจะกลายเป็นยอดนักรบที่โลกนี้สามารถฝากความหวังไว้ได้
ลาโตรนั้นตรงกันข้าม ด้านจิตใจนั้นเขาถือว่ามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ใด เขามั่นใจในพรสวรรค์จนอาจจะเรียกได้ว่าเป็นคนหลงตัวเอง นั่นทำให้เขาเป็นชายที่กล้ากระโดดเข้าสู่สถานการณ์อันตรายได้โดยไม่รีรอ ความทนทานเองก็ถือได้ว่าเป็นจุดเด่นของเขาเช่นกันไม่ว่าจะล้มลงไปกี่ครั้งกี่หนเขาก็จะลุกขึ้นมาสู้ใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า น่าเสียดายที่ลุกขึ้นมากี่ทีก็แพ้อยู่ดี
เวลาสองสัปดาห์นั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาฝึกทั้งเพลงดาบและการต่อสู้จริง ทั้งสองยังเอาชีวิตรอดได้เพราะมีซิกมาคอยอยู่ใกล้ ๆ ส่วนอาหารการกินก็สะดวกเพราะทั้งเรย์และลาโตรได้อาหารแห้งประทังชีวิตไปอย่างหวุดหวิด ในเกาะนี้พืชมีพิษมีอยู่มากเกินกว่าจะเรียนรู้ได้หมด การเลี่ยงที่จะไม่กินพืชเลยดูท่าจะปลอดภัยกว่า
เรย์รู้ดีว่าเมื่อซิกมาจากไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น เขาจึงพยายามอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อพัฒนาฝีมือให้ก้าวหน้าขึ้นจนแข็งแกร่งขึ้นผิดหูผิดตาอย่างน่าประหลาดใจ เขาสามารถจับดาบเข้าไปฟันเจ้าเดวัลระดับทั่วไปโดยไม่รู้สึกกลัวแล้ว แม้จะยังเรียกใช้ลมหายใจแห่งสายฟ้าไม่ได้ แต่เขาก็สามารถปลิดชีพเจ้าเดวัลได้ด้วยมือของเขาเอง ซึ่งการพัฒนานี้มีต้นกำเนิดมาจากความรักตัวกลัวตายของเรย์นั่นเอง
ส่วนด้านลาโตรนั้นแม้ฝีมือจะดีขึ้นก็จริงแต่ซิกมาก็ยังไม่พอใจกับอัตราการพัฒนานี้นัก สิ่งที่ยิ่งพัฒนามากที่สุดของลาโตรกลายเป็นความเชื่อมั่นในตัวเองที่เพิ่มขึ้นอีกระดับ หนุ่มผมดำยังคงโดนซัดอยู่ตลอดสองสัปดาห์ ด้วยความที่ทนมือทนเท้าดีเยี่ยม ทำให้บาดแผลไม่ได้เป็นอุปสรรคหรือทำให้เขาถอดใจแม้แต่น้อย
“เอาล่ะนี่ก็สองสัปดาห์แล้ว ถึงเวลาที่ข้าจะต้องไปสักที ไม่ต้องห่วงนะเมื่อครบอีกสองเดือนครึ่งข้าจะกลับมารับพวกเจ้า อย่ารีบตายซะก่อนล่ะ ฮ่า ๆ ๆ” ซิกมาหัวเราะทิ้งท้ายแต่เรย์ดันขำไม่ออก
“อย่ามาแช่งกันสิลุง” เรย์พูดขึ้น เขายืนมองชายชราเก็บข้าวของเครื่องใช้ลงกระเป๋าและสะพายขึ้นบ่า
“ลุงเองดื่มให้มันน้อย ๆ หน่อย เดี๋ยวจะตายก่อนได้มารับพวกเรา ข้าไม่อยากติดเกาะร้างนา” ลาโตรแซวบ้างและโบกมือลาชายชราที่กำลังหันหลังเดินจากไป
“เออ ข้าไม่รีบตายหรอก พวกเจ้าก็รีบ ๆ เก่งขึ้นก็แล้วกัน แล้วเจอกัน” ซิกมากล่าวทิ้งท้ายและส่งยิ้มมาให้
หลังล่ำลากันพอเป็นพิธีซิกมาก็เดินจากไป ทางที่ถางเอาไว้ทำให้เขาเดินได้สะดวกขึ้นทั้งยังหมดห่วงเจ้าลูกศิษย์ตัวแสบทั้งสองแล้ว ทำให้ชายชราไม่ต้องเดินอย่างระวังภัยอีกต่อไป เขาเร่งเความเร็วให้กับฝีเท้าและหายไปในป่าที่มืดทึบอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่นักรบเฒ่าออกจากบริเวณที่พัก รังสีอำมหิตที่เคยมีก็จางหายไปด้วย พวกเรย์และลาโตรถึงกับเบิกตากว้างและลอบมองกันอย่างเข้าใจ ความรู้สึกหนักอึ้งที่ถาโถมเข้ามาทำให้ทั้งสองเหงื่อตก เสียงขู่คำรามเหมือนจะดังก้องอยู่ในโสตประสาท แรงกดดันจากสิ่งรอบกายทำให้ทั้งสองรับรู้ถึงสถานะของตนเองทันที
“นี่สินะที่ลุงเคยบอก... ” เรย์มองไปรอบ ๆ อย่างหวาดระแวง เขารู้สึกเหมือถูกจ้องเป็นเป้าหมายจากดวงตาที่มองไม่เห็นอยู่ตลอดเวลา
“อืม... น่าหงุดหงิดแฮะ มันเหมือนพวกเดวัลแถวนี้จะดูถูกพวกเราเต็ม ๆ เลย”
“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วลองสำรวจเกาะกันสักหน่อยไหม อยู่มาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้เห็นทั่วเกาะเลย” เรย์เสนอ
“น่าสนุกนะ แต่นึกไม่ถึงนะว่าพวกรักสงบแบบนายชวนไปผจญภัย” ลาโตรพยักหน้าเห็นด้วย ชายหนุ่มชักดาบจากเอวข้างกายมาถือไว้พลางมองมาที่เรย์อย่างไม่น่าเชื่อ
“ไม่ใช่ผจญภัยเฟ้ย ข้าอยากจะดูทางหนีทีไล่เผื่อไว้ แล้วก็เสบียงที่เตรียมมาของเราก็ร่อยหรอแล้วถ้าไม่หาอะไรเพิ่มได้อดตายกันก่อนครบสามเดือนแน่” เรย์กล่าว เขาสำรวจในกระเป๋าแล้ว พบว่าอาหารแห้งที่เตรียมมาจากอัลกราดนั้นมีไม่พอ เผลอ ๆ อาจจะไม่พ้นอาทิตย์ที่สามด้วยซ้ำไป
“จะไปกลัวทำไมเรื่องอดตาย เดวัลมีออกถมถืด แค่กินมันก่อนที่จะโดนกินเท่านั้นแหละ” ลาโตรพูดขึ้นพลางเดินนำหน้าเพื่อนชายเข้าไปในป่า
“ก็นั่นแหละปัญหา... ” เรย์ถอนหายใจและเดินตามลาโตรออกจากที่พักไป
เรย์และลาโตรใช้เวลาหลายวันทีเดียวกว่าจะสำรวจพื้นที่เกาะนีมอสได้ทั้งหมด ทั้งสองแบ่งอาณาเขตเป็นลำดับชั้น ชั้นแรกจะเป็นหาดทรายที่พวกเขาจอดเรือและลงกันที่นั่น ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่ของต้นไม้สูงใหญ่และพืชพิษที่เห็นได้ทั่วไปซึ่งกินบริเวณส่วนใหญ่ของเกาะไปแทบหมด จะมีพื้นที่โล่งที่พวกเขาตั้งกระโจมอยู่เท่านั้นที่จะดูปลอดภัยและน่าไว้วางใจที่จะหลับได้ พอพ้นจากบริเวณนั้นเข้าไปลึกเสียหน่อยจะเป็นป่าดำที่พวกเขาไม่เคยเข้าไปสำรวจ
เหล่าเดวัลและสัตว์ทั้งหลายในเกาะนี้ล้วนเข้มแข็งอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าพวกเรย์จะพยายามฝึกปรือฝีมือจนเอาชนะเดวัลที่แข็งแกร่งกว่าแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายเขาก็จะพบว่ายังมีเดวัลที่เขาไม่สามารถต่อกรได้อีกมากมาย โดยเฉพาะพวกที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้ ๆ ป่าดำ พวกเขาคาดว่าในป่านั่นคงมีเดวัลที่แข็งแกร่งกว่านี้อีกหลายเท่า
เรย์และลาโตรเดินลึกเข้าไปในป่าซึ่งห่างจากที่พักมาก ด้วยความโชคดีทั้งสองจึงพบกับเดวัลที่กำลังเดินหากินอยู่บริเวณนั้น เรย์ยังทำใจกินเนื้อสด ๆ ไม่ลง ทำให้ทุกครั้งที่ไปล่าหรือกำจัดเดวัลตามบริเวณต่าง ๆ เขาจึงไม่ได้ชำแหละเนื้อเหล่านั้นมากินอย่างที่ตั้งใจ แต่เสบียงที่หมดลงไวอย่างน่าใจหายทำให้การล่าในครั้งนี้พวกเขาจะต้องนำเนื้อของมันกลับไปประทังชีวิตด้วย
“ตกลงพวกเราเก่งขึ้นจริงรึเปล่าเนี่ย” เรย์ใช้ดาบของตนฟันเข้าที่เจ้าเดวัลงูหัวสิงโต มันใช้ฟันอันแหลมคมของสิงโตโจมตีเรย์อย่างไม่ลดละพลางขู่คำราม หางที่เป็นเกล็ดช่วยในการทรงตัวทำให้การเคลื่อนตัวของมันเร็วกว่าสิงโตธรรมดาหลายเท่า
ชายหนุ่มพยายามสร้างบาดแผลให้มันมากที่สุดในขณะที่ต้องกระโดดหลบการโจมตีจากคมเขี้ยวของมัน ทุกครั้งเรย์และลาโตรจะผสานงานกันอย่างดีเยี่ยม แต่ทว่า...
“ตอนนี้เราสามารถเอาชนะเดวัลบนเกาะได้เจ็ดถึงแปดส่วนของสายพันธุ์ทั้งหมดแล้วก็ต้องถือว่าเก่งขึ้นแหละ” ลาโตรเองก็กำลังพัลวันกับเดวัลรูปร่างคล้ายกระต่ายแต่มีเขาแบบกวางอยู่
ตาของมันเรืองแสงเป็นสีแดงตลอดเวลา เมื่อทั้งคู่เผลอไปจ้องตามันเข้าก็ถูกเล่นงานด้วยคาถาลวงตา สองหนุ่มจึงเข้าใจผิดว่าตนเองยืนอยู่ท่ามกลางกระต่ายนับร้อยตัว ทั้ง ๆ ที่เบื้องหน้ามีกระต่ายป่าเขากวางเพียงตัวเดียว
“อาหารแห้งหมดแล้ว วันนี้ยังไงก็ต้องกินเดวัลสินะ” เรย์รำพึงพลางกำชับดาบในมือแน่น เขาไม่ได้หวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว สัญชาตญาณของมนุษย์ที่อยากรอดตายมันเดือดพล่านไปตามร่างกายของเขา เรย์พุ่งเข้าโจมตีเดวัลงูอีกครั้ง
“อื้อ... เจ้ามื้อเย็น อย่าหนีนะ!!” ลาโตรกระโดดตะครุบเดวัลกระต่ายอย่างมั่นใจ แต่อนิจจา... เขาพลาดท่าหน้าทิ่มพื้นไปอีกจนได้
ยามที่ตะวันค่อย ๆ เคลื่อนตัวลับขอบฟ้าไป แสงจากดวงอาทิตย์ก็สะท้อนกับน้ำทะเลจนเป็นสีส้มอมแดง แดดจ้าในตอนกลางวันหายไปแล้ว จะมีก็แต่ความเย็นที่ค่อย ๆ เข้ามาปกคลุมเกาะแห่งนี้อย่างเชื่องช้า เดวัลที่ออกหากินกลางวันต่างกลับเข้าถิ่นของตนเอง ในทางกลับกัน เดวัลที่ออกล่ายามราตรีก็เริ่มออกมาตระเวนไปตามป่า ส่งเสียงคำรามเป็นระยะให้คู่ต่อสู่เกรงกลัวและไม่กล้าเข้าใกล้อาณาเขตของตน
เรย์และลาโตรกลับออกมาจากป่าตอนเย็นมากแล้วแต่ก็ยังไม่มืดเกินไปที่จะคลำทางกลับมายังที่พักในลานกว้าง ทั้งสองมีสภาพสะบักสะบอมไม่ต่างกัน ในขณะที่สาวเท้าที่หนักอึ้งเข้ามาบริเวณที่พัก ในมือของทั้งสองก็มีกระต่ายป่าเขากวางและหางของงูเป็นมื้อค่ำในคืนนี้
เรย์ทรุดตัวลงหน้ากองไฟที่มอดไปแล้วอย่างอ่อนล้า เขาโยนซากงูลงข้างกายก่อนจะปัดใบไม้ออกจากศีรษะและเช็ดเหงื่อที่หน้าผากพลางถอนหายใจ ลาโตรวางกระต่ายใกล้ ๆ กัน ชายหนุ่มจัดการจุดไฟด้วยตนเองจากนั้นจึงขอไปล้างคราบเลือดก่อน ปล่อยให้เรย์นั่งเตรียมอาหารอยู่หน้ากองไฟเพียงผู้เดียว ถึงลาโตรจะไม่ได้แสดงท่าทีอ่อนล้าเท่าเรย์ แต่ชายหนุ่มก็คงเหนื่อยไม่แพ้กัน
เรย์หยิบสมุนไพรออกจากกระเป๋ากางเกงของเขา ตำราที่เขาซื้อมานั้นพอมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่ด้วยความที่พืชที่นี่ไม่เป็นที่รู้จักเท่าไรนัก เขาจึงเลือกสมุนไพรด้วยข้อมูลที่หาได้จากตำรา เพื่อความปลอดภัยเรย์จึงเก็บเฉพาะสมุนไพรที่รู้จักหรือแน่ใจเท่านั้น ทำให้การทำอาหารในครั้งนี้ถูกจำกัดด้วยวัตถุดิบที่มีอยู่น้อยนิด
ความคิดเห็น