คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 1 : เหนือมังกรเพลิง ใต้ปีกสีเงิน (8/11)
“เจ้าหมอนั่น” รีสเลย์คำรามลอดไรฟัน ร่างกายสั่นอย่างเดือดจัด
เพียงเสี้ยววินาทีนั่น เขาเห็นศรเงินที่ดีดตัวออกทันทีที่จีดัสปล่อยมือ มันกลืนหายไปในท้องฟ้า แต่อีกเสี้ยววินาทีต่อมากลับพุ่งแทงทะลุเกราะอกลิสเกอร์โดยที่เขาแทบมองตามไม่ทัน ทั้งระยะห่างที่คนทั่วไปไม่มีทางยิงถึงโดยที่อีกฝ่ายยังควบอยู่บนม้า คน ๆ นี้ทำได้ยังไงกัน
บรรยากาศที่แผ่ออกมาทำเอาคนโดยรอบต่างถอยกรูดไม่เว้นแม้แต่คนสนิทอย่างอลิเวียหรือเลปัส ใบหน้าทุกคนซีดเผือด
“...” อลิเวียเองอยากบอกรีสเลย์ให้ใจเย็นลงหน่อย แต่ก็กลัวถูกตวาดกลับจึงยืนนิ่งเงียบต่อไป
“ข้าคิดว่าทางนั้นมีเจตนาแค่ถ่วงเวลาเราเท่านั้น จำนวนเพียงแค่นั้นพวกมันทำอะไรเราไม่ได้หรอก คราวนี้ขอให้ข้าได้เป็นทัพหน้าด้วยเถอะ” เลปัสผู้กล้าหาญพูดขึ้น อลิเวียแทบจะอยากเข้าไปคารวะงาม ๆ เสียหนึ่งที
“ไม่ต้อง ข้าจะนำทัพหน้าด้วยตัวเอง ส่วนพวกท่านทุกคนคอยสนับสนุนก็แล้วกัน เตรียมทัพมังกรให้พร้อมไว้ด้วย”
“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่”
มาดาฟถามขึ้น เพราะหลังจากจีดัสยั่วโมโหรีสเลย์แล้วเขาก็ไม่ได้เตรียมการอะไรอีกจนมาดาฟเริ่มหนักใจ นอกจากจะไม่ยอมบอกอะไรแล้วเพื่อนสนิทผู้นี้ยังทำทุกวิถีทางที่จะไล่ให้เขาไปอยู่ในแนวหลังเพื่อเพิ่มโอกาสรอดในสงครามครั้งนี้แม้เพียงสักเล็กน้อยก็ยังดี
“พักนี้เจ้าถามคำถามนี้กับข้าบ่อยเหลือเกินนะ” จีดัสประชดก่อนจะย้อนถามกลับ “แล้วตัวเจ้าเองล่ะ หน้าที่ของเจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่ไม่ใช่รึ”
“ข้าเป็นทหาร หน้าที่ของข้าอยู่ที่นี่ ท่านต่างหากควรอยู่ให้ห่างจากสนามรบ” มาดาฟตอบเสียงขุ่น
“ข้าน่ะเป็นคนตัวเปล่า ลูกเมีย ญาติ พ่อแม่พี่น้องก็ไม่มี แต่เจ้าไม่ใช่”
“แล้วทหารเหล่านี้เล่า” มาดาฟกวาดมือไปรอบค่ายเผยให้เห็นทหารโดนาเมสในชุดเกราะเต็มตัวยืนอย่างเป็นระเบียบและขึงขัง “พวกเขาไม่มีลูกเมียญาติพี่น้องหรืออย่างไร เหมือนกับที่ท่านปล่อยให้ข้าตายที่นี่ไม่ได้ ข้าก็ปล่อยให้พวกเขาตายที่นี่ไม่ได้”
ทั้งคู่มองหน้ากัน จีดัสถอนหายใจเผลอใช้นิ้วดุนแว่นอย่างลืมตัว เขาไม่อยากทะเลาะต่อจึงไม่ได้พูดอะไร พรุ่งนี้หรือวันต่อไปอาจจะมีใครคนใดจากไปก่อนเพราะพิษสงครามก็เป็นได้ พวกเขาไม่ควรจะมาทะเลาะกันในช่วงที่เวลาเหลือจำกัดเพียงเท่านี้
รุ่งเช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นเมื่อแสงอาทิตย์สาดแสงผ่านหมู่ม่านหมอกออกมา สงครามถูกเปิดฉากโดยรีสเลย์ที่ใช้รูปแบบการโจมตีประชิดอย่างฉับพลันโหมเข้าตะลุมบอนในแบบที่เขาถนัด มันเป็นวิธีรบที่ไม่ค่อยพลิกแพลงซับซ้อนนักแต่เหมาะกับทัพที่เต็มไปด้วยทหารหาญอย่างเชสนา
ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างดุเดือด รีสเลย์ควบม้าเข้ากลางวงศัตรูโดยไม่มีความหวั่นเกรงแม้แต่น้อย สองมือตวัดควงทวนในมือฟาดฟันศัตรูอย่างคล่องแคล่วพลางพลางพุ่งทะยานไปข้างหน้า จนทหารโดนาเมสที่อยู่ในรัศมีตั้งรับไม่ทันถูกฟันกระเด็นกระดอนออกไป
ทันใดนั้นเขาสัมผัสได้ถึงกระแสลมที่ผิดปกติ รีสเลย์เอี้ยวตัวหลบตามสัญชาตญาณในวินาทีเดียวกับวัตถุความเร็วสูงพุ่งเฉียดใบหน้าเขาไป เมื่อหันไปดูก็พบว่ามันคือลูกศรสีเงิน ไม่ทันที่เขาจะหันหาที่มาของมัน การโจมตีระลอกต่อไปก็พุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่องหลายสิบดอก เขาจำต้องกระโดดออกจากหลังม้าหมุนตัวกลางอากาศก่อนจะกลิ้งตัวหลบพลางใช้อาวุธคู่กายปัดป้องเป็นพัลวัน
ในขณะที่เขาตั้งสมาธิอยู่กับการหลบหลีกนั้นก็พยายามมองหาเจ้าของลูกธนูเหล่านี้ด้วย ซึ่งหาตัวได้ไม่ยากเลย ชายหนุ่มผมเงินซึ่งเด่นเป็นสง่าท่ามกลางความโกลาหลของสงครามยังคงยิงธนูใส่เขาไม่หยุดคราละสามดอกด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ
ชายหนุ่มผมเงินยาวยืนจ้องมองกษัตริย์หนุ่มโดยปราศจากแว่นตาอย่างเคย นัยน์ตาสีเดียวกันนั่นแฝงแววท้าทายอยู่ในที เขาคือปีกสีเงินแห่งโดนาเมส จีดัส คอร์นีลัส
กษัตริย์หนุ่มจ้องตอบกลับไปยังเสนาธิการใหญ่โดนาเมสอย่างไม่ลดละเช่นกัน นัยน์ตาสีแดงกร้าวแข็ง เขาคือ รีสเลย์ ลีออน
ในที่สุดสองวีรบุรุษแห่งกิงคารอนก็ได้เผชิญหน้ากัน!
“สวัสดีครับ” จีดัสเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มราวกับเป็นสหายกันก็มิปาน
รีสเลย์ขมวดคิ้วไม่ตอบกลับ เขาแปลกใจที่คนตรงหน้าดูไม่เดือดร้อนเลยที่เขาหาตัวพบ ทั้งที่อาวุธระยะไกลอย่างธนูจะเสียเปรียบในการต่อสู้ประชิดตัวกับอาวุธระยะกลางหรือระยะใกล้อยู่แล้ว นอกจากจะไม่มีความกังวลแล้วยังดูพอใจอีกด้วยที่รีสเลย์สามารถไล่ตามมาทัน
“จะไม่ทักทายกันจริง ๆ หรือ ฉันรอที่จะพบคนแบบนายมานานแล้ว คนที่มีสายเลือดเทพเช่นเดียวกัน”
“พล่ามอะไรของแก" รีสเลย์หงุดหงิดเต็มทน เขาตวาดใส่อย่างหัวเสียพลางยกหอกฟาดลงเต็มแรง คลื่นพลังพุ่งเป็นแนวตั้งด้วยความเร็วมีเป้าหมายคือร่างของศัตรูตรงหน้า แต่ไม่น่าเชื่อว่าจีดัสกลับยกธนูรับการโจมตีของเขาได้
“นายนี่ใจร้อนจังนะ ระวังชีวิตจะไม่ยืด” จีดัสระงับอาการมือสั่นจากการที่เขารับการโจมตีนั้นเอาไว้ภายใต้ท่าทางสบาย ๆ ก่อนจะเอ่ยยั่ว “แต่ก็คงไม่ยืดจริง ๆ นั่นแหละ เพราะฉันจะต้องกำจัดนายตรงนี้ซะ”
“เฮอะ! ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดู” รีสเลย์ตะโกนท้าด้วยหัวใจปราศจากความกลัว
เขาไม่เปิดโอกาสให้ศัตรูตั้งคันศรด้วยซ้ำ กษัตริย์หนุ่มพุ่งเข้าประชิดอย่างรวดเร็วพร้อมยกหอกแทงเสยไปข้างหน้า จีดัสยกธนูขึ้นรับก่อนจะบิดข้อมือเบี่ยงคมอาวุธออกด้านข้าง แต่รีสเลย์คล่องแคล่วพอที่จะหมุนร่างกายตามแรงเหวี่ยงนั้น
รีสเลย์หมุนตัวอีกครั้งพร้อมเหวี่ยงอาวุธในมือไปด้วยจนดูราวกับพายุหมุน รัศมีการโจมตีบังเกิดเป็นคลื่นรอบทิศทางกินบริเวณกว้างผลักเอาทั้งจีดัสและทหารโดนาเมสอีกหลายสิบรายที่อยู่ใกล้ปลิวไป
จีดัสถูกแรงอัดดีดตัวลอยขึ้นไปในอากาศแต่เขาก็ตีลังกาถอยหลังไปตั้งหลักได้สำเร็จพร้อมกับสองมือง้างคันศรสุดแขนเตรียมโต้กลับ มังกรหนุ่มคิดว่าตนจะถูกยิงจึงยกอาวุธขึ้นเตรียมปัดป้อง แต่ปรากฏว่าหนุ่มผมเงินกลับเล็งยิงขึ้นฟ้าแทน ลูกศรที่พุ่งขึ้นไประเบิดตัวเป็นประกายสีแดงสว่างวาบบนท้องฟ้าในเสี้ยววินาทีต่อมา
รีสเลย์รู้ได้ทันทีว่านั่นต้องเป็นสัญญาณอะไรบางอย่างแน่ เขาเพิ่งสังเกตว่าตนเองปล่อยให้กองทัพของศัตรูแยกออกเป็นสองส่วนตีขนาบทัพของเขาโดยไม่รู้ตัว เมื่อได้สัญญาณทหารโดนาเมสก็ระดมยิงธนูไฟจากทุกทิศทาง บางส่วนตกลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยเศษฟางแห้งที่ถูกเตรียมไว้อันเป็นเชื้อไฟอย่างดี เพลิงร้อนลุกพรึบและลามเลียบริเวณโดยรอบอย่างรวดเร็วราวกับจะย่างสดทหารเชสนาซึ่งถูกขนาบติดอยู่กลางกองเพลิง
“ขอเอาคืนเรื่องไฟที่นาเลียนะ” จีดัสพูดยิ้ม ๆ ทิ้งท้ายก่อนจะวิ่งผลุบหายไปในทหารฝ่ายตัวเอง
“ลืมอะไรรึเปล่า ข้ายังมีทัพมังกรอยู่นะ” รีสเลย์ยิงพลุสัญญาณขึ้นฟ้าเพื่อเรียกทหารมังกรบินซึ่งเป็นหน่วยรบสุดแสนภาคภูมิใจของเชสนาออกมา
หน่วยรบมังกรทั้งหลายเมื่อเห็นสัญญาณก็บินโฉบเข้าร่วมสงครามทันที พวกเขาช่วยโจมตีเพื่อเปิดทางให้ทหารเชสนาฝ่าวงล้อมของไฟและทหารโดนาเมสที่ล้อมกรอบอยู่
ความคิดเห็น