คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 1 : เหนือมังกรเพลิง ใต้ปีกสีเงิน (7/11)
...ใครบางคนพยายามจัดฉากเรื่องนี้ จะปล่อยให้โดนาเมสกับเชสนาทำสงครามกันไม่ได้อย่างเด็ดขาด...
ถึงจีดัสจะคิดได้เช่นนี้ แต่การที่เชสนาเริ่มทำสงครามข่มเหงโดยไม่มีการแจ้งเตือนก่อนนั้นเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ถึงแม้จะเกิดจากความเข้าใจผิดก็ตาม ด้วยสาเหตุนี้ทำให้เขากลุ้มใจนัก หากพระเจ้าซาร์ททรงมีความห่วงใยประชาชนของพระองค์มากกว่าทิฐิของกษัตริย์ที่จะรั้นทำสงครามแตกหักต่อไปล่ะก็เรื่องก็อาจจะคลี่คลายได้ง่ายกว่านี้
“เรารีบกลับไปกันเถอะ”
พวกจีดัสปลดเชือกจากคอม้าก่อนจะควบกลับโดนาเมสโดยด่วนด้วยความร้อนใจ พวกเขาอยากมุ่งสู่จุดหมายให้เร็วที่สุดแต่การเลาะอ้อมแนวป่าไปอีกทั้งต้องคอยหลบเลี่ยงกองทัพของรีสเลย์ตามเส้นทางนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าจะกลับถึงเมืองหลวงได้ก็สายไปเสียแล้ว เมื่อม้าเร็วแจ้งข่าวมาว่า นาเลีย เมืองสำคัญแห่งโดนาเมสถูกตีแตกเสียแล้ว
ความหวังของจีดัสพลันทลายลง เขามิอาจห้ามไม่ให้พระเจ้าซาร์ทยกเลิกการส่งพลทหารเข้าสู้รบในครั้งนี้ได้อีกต่อไป ไม่มีแม้แต่เวลาอธิบายสิ่งที่ตนได้รู้มาด้วยซ้ำ เนื่องจากนาเลียเป็นป้อมปราการสำคัญของโดนาเมส ทั้งทหารและประชาชนต่างภูมิใจและมั่นใจในความมั่นคงของเมืองนี้มาก และในเมื่อมันถูกตีแตกได้เพียงชั่วข้ามคืนความเชื่อมั่นทั้งหลายนั้นก็แตกสลายตามด้วยเช่นกัน ประกอบกับเริ่มมีเมืองเล็ก ๆ บางเมืองยอมสวามิภักดิ์แก่กองทัพรีสเลย์ตั้งแต่ยังไม่ได้จับอาวุธขึ้นสู้เสียด้วยซ้ำ การเสียหน้าในครั้งนี้คงทำให้พระเจ้าซาร์ทไม่อาจนิ่งทนรอได้อีกต่อไป
“ฝ่าบาท...”
“เจ้าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น จีดัส ข้าไม่ต้องการฟังข้อคัดค้านของเจ้าอีกต่อไป ในระหว่างที่เจ้าไปตามสืบการลอบทำร้ายไร้ประโยชน์นั่น ศัตรูก็มาเหยียบถึงหน้าบ้านเสียแล้ว” กษัตริย์โดนาเมสตวาดกร้าว เขาได้แต่ก้มหน้ารับข้อผิดพลาดนี้แต่โดยดี
“ขอประทานอภัย ข้าพระองค์จะนำชัยชนะมาสู่โดนาเมสให้ได้แทนข้อแก้ตัวพะยะค่ะ”
“ดี! ไอ้เด็กอวดดีรีสเลย์นั่น ถ้าข้าไม่ได้บั่นคอมันให้ขาดด้วยตัวเองล่ะก็ ชาตินี้ข้าคงไม่มีวันนอนตายตาหลับแน่” พระองค์ทรงคำรามเสียงต่ำในลำคออย่างเคียดแค้นชิงชังก่อนจะตะโกนสั่ง “จีดัส เจ้าจงไปเตรียมตัว ข้าจะให้เจ้านำทัพหน้า หวังว่าจะนำชัยชนะมาให้ข้าได้ตามที่พูดไว้นะ”
ท้ายประโยคเชิงข่มขู่ ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาอย่างเขาได้แต่ก้มหน้ารับคำสั่งโดยไม่ปริปากอะไร เพราะเขาเตรียมใจไว้แล้วว่าหากยุติสงครามไม่ได้ อย่างน้อยเขาก็ต้องปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนแห่งนี้ไว้จงได้
ในที่สุดวันที่กองทัพเชสนายาตรามาถึงหน้าเมืองหลวงโดนาเมสก็มาถึง
ภายในห้องพักส่วนตัวของผู้มีตำแหน่งเสนาธิการควบตำแหน่งแม่ทัพใหญ่อย่างจีดัส ชายหนุ่มผมยาวลูบไล้คันศรประจำกายของเขาอย่างเบามือ คันศรที่มีรูปร่างดั่งปีกสีเงินตามนามวิหกสีเงินที่ถูกเรียกขาน วันนี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาจะใช้เจ้าธนูคันนี้สังหารคนจริง ๆ หลังจากถูกสั่งให้อยู่แต่ในหอสมุดซึ่งก็ได้แต่ฝึกยิงเพียงแค่เป้านิ่งเท่านั้น
เขาถอดแว่นวางลงแทนที่คันศรซึ่งถูกหยิบขึ้นมา หลังจากนั้นก็หันกายออกจากห้องมุ่งสู่แนวหน้าของสนามรบ
เหล่าแม่ทัพของรีสเลย์เมื่อเห็นการจัดตั้งทัพสุดแสนพิสดารของโดนาเมสก็อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ ทัพหน้าที่นำโดยวิหกเงินยอดเสนาธิการแห่งยุค ผู้ที่ได้ชื่อว่ามีปัญญาล้ำเลิศที่สุด แต่กลับตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าโดยหันหลังให้กับแม่น้ำสายใหญ่อย่างผิดวิสัยการวางทัพ
“การวางทัพแบบนั้นมันอะไรกัน น่าขำสิ้นดี” ลิสเกอร์พูดจาเย้ยหยัน
“นั่นสิ ใครนะเป็นคนจัดการ ช่างด้อยประสบการณ์เสียจริง ๆ” อลิเวียกล่าวทับถมเข้าไปอีก
“จีดัส ปีกสีเงินแห่งโดนาเมส” รีสเลย์พึมพำขึ้นหลังจากใช้กล้องส่องทางไกลมองดู เขาเห็นชายหนุ่มผมเงินยาวกำลังตะโกนสั่งการบางอย่างอยู่
“จีดัส? เสนาธิการผู้ปราดเปรื่องที่ล่ำลือกันสินะ ถ้าเช่นนั้นนี่อาจจะเป็นกับดักก็ได้” ลิสเกอร์กลับคำทันทีที่รู้ว่าใครเป็นผู้จัดวางกระบวนทัพฝ่ายศัตรู
เพราะการตั้งทัพใกล้แม่น้ำมักจะเป็นข้อห้ามข้อแรก ๆ ที่เหล่าขุนศึกทั้งหลายถูกสอนสั่งให้ระมัดระวัง เพราะนอกจากจะต้องเสี่ยงกับภัยธรรมชาติแล้ว อาจถูกศัตรูใช้ประโยชน์จากน้ำในการลอบโจมตี ไม่เพียงเท่านั้น ในคืนที่อากาศเย็นยะเยือกเช่นนี้ยังก่อให้เกิดหมอกหนาทึบบดบังทัศนวิสัย ทำให้ง่ายต่อการถูกลอบโจมตีมากขึ้นไปอีก
รีสเลย์รู้สึกสนใจในพฤติกรรมตรงหน้าไม่น้อย ถึงจะรู้ว่าข้างหน้าเป็นกับดักแต่เขาก็เป็นคนประเภทที่ไม่ยอมกลับมือเปล่าหรือยอมถอยง่าย ๆ กระนั้นเขาก็ยังฉลาดพอที่จะไม่ส่งกองทัพมังกรอันมีค่าไปเสี่ยงในภาวะล่อแหลมเช่นนี้
“ข้าจะลองส่งทหารสักหน่วยไปลองเชิงดูหน่อย” รีสเลย์เปรยขึ้น
“ข้าเอง” ได้ยินดังนั้นอลิเวียรีบเสนอตัวแต่ก็ถูกปฏิเสธแทบจะในทันทีเช่นกัน
“ไม่ เจ้ามีหน้าที่อื่นต้องทำ ข้ายอมให้เจ้ามาไม่ใช่จะให้ออกไปเป็นแนวหน้านำทัพนะ”
อลิเวียตีหน้ายุ่งใส่เมื่อถูกดุแต่ก็ไม่ได้ตอแยอะไร
“ถ้าเช่นนั้น ได้โปรดให้ข้าพระองค์ได้แสดงฝีมือด้วยเถอะ” ลิสเกอร์ แม่ทัพผู้กล้าหาญก้าวเท้าออกมาเบื้องหน้าและเสนอตัวขอเป็นผู้เปิดฉากในศึกครั้งนี้
“ฝากเจ้าด้วยแล้วกัน ระวังตัวให้ดี อย่าประมาทเจ้าจีดัสนั่นล่ะ” รีสเลย์ว่าพลางตบบ่าให้กำลังใจ
“ข้าพระองค์จะระวัง” ชายหนุ่มตอบรับอย่างหนักแน่น
ลิสเกอร์ไม่รอช้าควบม้านำทัพส่วนหนึ่งออกไปทันที เพราะนี่เป็นโอกาสที่จะได้แสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทุกคน
“ข้ารู้สึกใจคอไม่ดียังไงก็ไม่รู้” อลิเวียพึมพำ สายตาจับจ้องไปยังหัวขบวนแน่วแน่ และสังหรณ์ของเธอก็เป็นจริงเมื่อสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบนสนามรบ
รีสเลย์รีบหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นดูอีกครั้ง ไกลออกไปเขาเห็นร่างสูงผมเงินอันเป็นเอกลักษณ์นั่นค่อยๆ เดินแยกออกมาจากกองทัพมุ่งตรงมายังทิศของพวกเขาตามลำพังก่อนจะยืนนิ่งประทับคันธนูโดยไม่ไหวติง
“เจ้านั่นคิดจะทำอะไรของมันน่ะ” รีสเลย์สงสัย
ระยะห่างจากร่างปีกสีเงินผู้นั้นกับเขาห่างกันขนาดเดินเท้ายังต้องเดินหลายชั่วโมง เป้าหมายที่ใกล้ที่สุดอย่างลิสเกอร์ยังห่างร่วมหนึ่งพันก้าว
“ลิสเกอร์?! อย่าบอกนะว่า!!”
ไม่ทันขาดคำ เจ้าของชื่อผู้กำลังควบม้าอยู่ได้กระเด็นออกจากหลังม้า กลิ้งอยู่หลายตลบกระทั่งแน่นิ่งไป ม้าที่เขาควบมายังวิ่งต่อไปโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ที่ขี่มันอยู่ได้หายไปแล้ว ทหารบริเวณนั้นต่างตกตะลึงที่จู่ ๆ แม่ทัพตนปลิวจากหลังม้าราวกับถูกค้อนปอนด์ซัดใส่ เมื่อทหารนายหนึ่งลงไปพลิกตรวจดูพบว่ามีศรสีเงินดอกหนึ่งปักทะลุเกราะเข้าที่อกของเขาอยู่ เขาตายโดยไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ ตายโดยไม่ได้หลั่งเลือดสักหยด ทหารนายนั้นช่วยลูบปิดเปลือกตาที่ยังเบิกค้างนั่นเสีย
ความคิดเห็น