ดวงดาว
ผู้เข้าชมรวม
61
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
นี้เดียวสิไอ้การประทับตรามันคืออะไรหรือทิวา”ศิลาร้องถามขณะที่โดนเด็กสาวลากไปตามทางเดิน“การประทับตราคือการนำเอาความรู้ความสามารถของบุคคลหนึ่งถ่ายทอดให้กับบุคคลหนึ่งโดยมีสื่อกลางเป็นตราประทับเดี๋ยวท่านต้องได้รับการประทับตราสามดวง”ทิวากล่าวต่อก่อนจะออกแรงลากศิลาเขาไปในห้องที่มีประตูบานใหญ่บนขอบประตูเขียนภาษาที่เขาไม่อาจแปลได้เอาไว้ไม่นานหลังจากที่ศิลาเข้าไปภายในก็มีเสียงร้องดังมาจากภายในเมื่อเสียงนั้นหยุดลงทิวาก็ลากร่างอันไร้สติของศิลาออกมา
โอยใครจะไปคิดกันนะว่าแค่ประทับตรามันจะเจ็บแบบลงนรกเลยนะนี้ศิลาคิดขณะกำลังเดินชมภาพรวมของสถานที่ที่ทิวาเรียกว่าหมู่บ้านที่อยู่ศูนย์กลางของดินแดน‘ฟรอนเทียร์’โดยหลังจากที่โดนประทับตราแล้วศิลาก็สามารถไปไหนมาไหนได้ราวกับว่าเคยอยู่ที่นี้มาก่อน แต่ตอนนี้เขาต้องการหาที่สงบที่ที่เขาสามารถใช้ความคิดเกี่ยวกับเรื่องที่ท่านผู้เฒ่าพึ่งจะมาบอกเขาเมื่อไม่นานมานี้เอง “อะไรนะครับจะให้ผมเป็นคนปกป้องหมู่บ้านนี้หรือครับ คงไม่ไหวหลอกครับ” “แต่ท่านคือท่านไลท์กลับชาติมาเกิดท่านต้องทำได้แน่”ชายชรากล่าว โอยยิ่งคิดยิ่งฟุ้งซ่านจะทำยังไงดีละที่นี้ศิลาคิดขณะนอนอยู่บนทุ่งหญ้าหลังบ้านของท่านผู้เฒ่า “มีเรื่องไม่สบายใจหรือคะท่านศิลา”เลียงของทิวาดังขึ้นเด็กลาวเดินเข้ามาหาศิลา“ถ้าไม่สบายใจเดียวฉันพาเดินดูรอบหมู่บ้านดีกว่าจะได้สดชื่น”ทิวาตอบออกมาพร้อมรอยยิ้ม มันช่างเป็นรอยยิ้มที่สวยงามเหลือเกินศิลาคิด ทันใดนี้เองเกิดเสียงระเบิดขึ้นที่ด้านหนึ่งของหมู่บ้าน เมื่อทั้งคู่วิ่งมาถึงสถานที่ดังกล่าวก็ได้พบกับปีศาจโคลนจำนวนมากกำลังบุกเข้ามาในหมู่บ้าน “ท่านศิลาพาคนอื่นๆไปหลบในที่ปลอดภัยก่อน เดียวข้าจะจัดการพวกมันเอง” ทิวากล่าวก่อนจะพุ่งออกไปพร้อมกับนวมเหล็กคู่หนึ่งในมือ ศิลารีบพาผู้คนไปหยั่งที่ปลอดภัยแล้วจังรับวิ่งไปดูทิวาด้วยความเป็นห่วง แต่สิ่งที่เขาได้เห็นคือเด็กสาวสามารถต่อกรกับกองทับปีศาจโคลนได้อย่างไม่ยากเย็นรอบบริเวณดังกล่าวมีแต่ซากโคลนเละๆเต็มไปหมด จนในที่สุดก็มาถึงปิศาจตัวสุดท้าย เจ้าตัวนี้ดูใหญ่กว่าตัวที่ผ่านๆมาคงเป็นหัวหน้าสินะทิวาคิดก่อนที่จะกระโจนเข้าใส่ ทันใดนั้นเองซากโคลนโดยรอบก็เข้ามารวมกันที่หัวหน้าปิศาจโคลนทำให้ร่างของมันมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมกว่าจะรู้ตัวทิวาก็โดนจับตัวได้เสียแล้ว เมื่อศิลาเห็นดังนั้นเขารีบฉวยไม้จากพื้นแล้ววิ่งเข้าหาเจ้าปีศาจอย่างไม่เกรงกลัว “อย่าเข้ามาคะท่านศิลา”ทิวาตะโกนร้อง แต่หาศิลาหาได้หยุดไม่เขายังคงวิ่งเข้าใส่อย่างแน่วแน่ เมื่อเจ้าปีศาจเห็นศิลามันก็ตวัดแขนใส่ ศิลาแบ่งตัวหลบแต่ไม่พ้นทำให้ร่างของเขากระเด็นออกไปชนกับต้นไม้แล้วหมดสติไป “ท่านศิลา ท่านศิลา ท่านศิลาลืมตาขึ้นสิ ทานจะมาตายที่นี้ไม่ได้นะ”ทิวากรีดร้อง “ท่านศิลา”
ที่นี้อีกแล้วหรือเรามาที่นี้ทำไมกันแล้วทิวาหละจะเป็นอย่าไรบ้างแล้วใครจะกำจัดปีศาจนั้นหละเรานี้มันคนไร้ค่าเสียจริงๆขนาดมาอยู่โลกคู่ขนานแล้วยังจะเป็นอย่างนี้อีก ศิลาคิดขณะภาพความทรงจำที่มีเด็กผู้ชายนั่งอยู่ในห้องเรียนเพียงคนเดียว ในขณะที่คนอื่นๆจับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนาน เด็กชายคนนั้นเพียงแค่ชายตามองกลุ่มเด็กๆรอบข้างก่อนจะเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ศิลายังคงนั่งอยู่อย่างนั้นโดยมิได้ขยับไปไหน “ตัวเรานี้มัน...ไร้ค่าเสียจริงๆ”ศิลาพูดด้วยเสียงอนเบา ทันใดนั้นเองก็ปรากฏร่างในชุดเกาะที่ดูคุ้นตาขึ้น ‘เจ้ามิได้ไร้ค่าเพียงแต่เจ้าขาดความกล้าเท่านั้นและข้าได้เห็นมันแล้วในตอนที่เจ้าพยายามที่จะช่วยทิวา เจ้าไม่ได้อยู่เพียงลำพังจงเชื่อในตัวของดวงดาวมันจะนำทางเจ้าเอง และสุดท้ายนี้ข้าขอมอบพลังของข้าให้เจ้าโปรดช่วยปกป้องสิ่งที่ข้ารักด้วย ฝากท่านสานต่อเจตนารมณ์ของข้าด้วย’เมื่อไลท์พูดจบร่างของเขาก็ค่อยๆสลายเป็นละอองแสงไปพร้อมกับความมืดที่อยู่ล้อมรอบก็ค่อยๆปริแตกออกราวกับเศษแก้ว กลับมาโลกคู่ขนานเจ้าปีศาจยังคงอาละวาดอย่างบ้าคลั่งหลังจากนักเวทประจำหมู่บ้านพยามใช้เวทอาณากักบริเวณเจ้าปีศาจ ทันใดนั้นเองร่างของศิลาก็เปล่งแสงขึ้นแสงสว่างเจิดจาดทำให้ทุกคนต้องยกมือขึ้นบดบังและในขณะนั้นเองศิลาก็ลืมตาขึ้น เขาค่อยๆชันตัวลุกขึ้นพร้อมกับตวัดมือพลันแสงสว่างก็ดับลง ทิวาและทุกคนในหมู่บ้านมองศิลาเป็นตาเดียวก่อนที่ทิวาจะพูดขึ้นด้วยเสียงอันเบาว่า “ในที่สุดก็กลับมาช่วยจนได้นะมายสตาร์”
ศิลาค่อยๆเดินเข้าหาเจ้าปีศาจ เจ้าปีศาจเมื่อเห็นศิลามันกลับพุ่งเขาใส่อย่างบาดคลั่ง และแล้วศิลาก็หยุดยืนปล่อยให้เจ้าปีศาจพุ่งเข้าใส่โดยที่ยังไม่ทันถึงตัวร่างของมันก็แตกสลายออกจากกันปล่อยให้ร่างของทิวาหล่นลงสู่พื้น แต่แล้วก็มีร่างร่างหนึ่งเข้ามารับทิวาไว้ทิวามองหน้าของบุคคลดังกล่าวก่อนจะผล็อยหลับไป ‘ท่านกลับมาจนได้...’
‘ข้าก็เป็นแค่ทาสคนหนึ่งเท่านั้นที่ต้องต่อสู้เพื่อแลกกับอิสรภาพที่ข้าต้องการ’เด็กสาวกล่าวกับชายหนุ่มหน้าลูกกรงขัง ‘เจ้าทำให้ข้านึกถึงคนสำคัญของข้าแต่เธอเสียไปนานเสียแล้ว’ชายหนุ่มกล่าว ‘คนคนนั้นเป็นคนรักท่านหรือ ท่านนี้ชอบกินเด็กนะเนี้ย’เด็กสาวพูดหยอกล้อ‘ไม่ใช่เธอเป็นน้องสาวข้า’เด็กสาวชะงักทันที แต่ทันใดนั้นก็มีชายฉกรรจ์เดินเข้ามาบอกว่า ‘หมายเลข 038ได้เวลาแล้ว’ แล้วชายคนนั้นก็เดินออกไป ‘ข้าต้องไปแล้ว ถ้าจะให้ดีช่วยวางเดิมพันข้างข้าด้วยนะ’ เด็กสาวเดินไปหยั่งกำแพงหลังห้องขังก่อนที่มันจะเปิดออกและเด็กสาวเดินเข้าไปข้างใน แต่ก่อนที่กำแพงจะปิดลงเด็กสาวก็หันมายิ้มให้กับชายหนุ่มช่างเป็นรอยยิ้มที่แสนงดงานนัก บนอัถจันทร์เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากตรงกลางมีพื้นที่เปิดโล่งเพื่อให้เหล่าทาสได้ต่อสู่กันใครสามารถเอาชนะทาสคนอื่นได้หนึ่งร้อยคนจะเป็นอิสระเป็นสิ่งตอบแทน
‘ถ้าเอาชนะครั้งนี้ได้เราก็จะเป็นอิสระแล้ว’เด็กสาวคิดขณะประตูฝั่งตรงข้ามจะเปิดออกเผยให้เห็นคู่ต่อสู้ที่เป็นทาสชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ในมือถือกระบองอันใหญ่เดินออกมา เสียงแตรที่เป็นสัญญาณเริ่มการต่อสู้ได้ดังขึ้นพร้อมกับร่างทั้งสองที่พุ่งเข้าใส่อย่างเอาเป็นเอาตาย เวลาผ่านไปสองชั่วโมงก็ดูเหมือว่าจะได้ผลแพ้ชนะแล้วโดยร่างที่ยังคงยืนหอบหายใจอยู่คือทาสชายฉกรรจ์ร่างใหญ่โดยที่เหยียบศีรษะของเด็กสาวเอาไว้ แต่ในขณะนี้เอาก็มีร่างๆหนึ่งปรากฏขึ้นที่อีกฟากของสนามเด็กสาวพยายามเพ่งมองแต่เพราะได้รับปาดเจ็บจากการต่อสู้จึงทำให้เห็นได้ไม่ชัดนัก‘รังแก่เด็กแบบนี้ไม่ดีนะครับ’ชายหนุ่มผู้มาใหม่พูดขึ้น
ู้ชมด้านบนส่งเสียงฮือฮากับการปรากฏตัวของชายหนุ่มครั้นเจ้าของสนามจึงหันไปออกประกาศไปว่า ‘เจ้าหนุ่มเจ้าต้องการอะไร’ชายหนุ่มชี้ไปหยั่งร่างของเด็กสาวและพูดว่า ‘ข้ามารับน้องข้ากลับ’ ‘เจ้าเป็นญาติของทาสคนนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นก็จงเอาชนะทาสที่อยู่ตรงหน้าเจ้าให้ได้เสียก่อน ถ้าเจ้าแพ้ต้องมาเป็นทาสให้กับข้า’ ชายหนุ่มหันไปประเมินชายตรงหน้าอย่างพิจารณาก่อนจะพูดว่า ‘ข้าไม่อยากฆ่าใคร’ ‘ถ้างั้นเจ้าก็มาเป็นทาสข้าสิ’เสียงนั้นยังคงไม่หยุด ‘สงสัยไม่มีทางเลือกแฮะ’ชายหนุ่มคิด เขากระโจนออกไปด้วยความเร็วที่หน้าตกใจก่อนจะเตะเข้าที่ปลายคางของทาสชายคนนั้นจนล้มหงายหน้าไปและดูเหมือนว่าจะไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย ‘แค่นี้ใช่ไหมครับ’ชายหนุ่มกล่าว ทุกคนถึงกับนิ่งเงียบกับการต่อสู้ในครั้งนี้และแล้วคุณเจ้าของสนามก็ได้สติก่อนจะรีบกล่าวด้วยเสียงอันสั่นเท่าว่า ‘ท่านจะเอาอะไรไปก็เชิญ แล้วรีบไปให้ไกลซะ’ชายหนุ่มยิ้มให้เขาก่อนจะอุ้มร่างของเด็กสาวจากไป
ทิวาค่อยๆลืมตาขึ้นเธอเริ่มมองสำรวจโดยรอบก่อนที่สายตาจะสะดุดเข้ากับร่างที่ฟุบอยู่ข้างเตียง เด็กสาวจำได้ทันที่ว่าเป็นใคร อาจเป็นเพราะเขาอยู่ใกล้เธอก็เป็นได้ที่ทำให้เธอนึกถึงความทรงจำเก่าที่เธอได้พบกับไลท์เป็นครั้งแรก เมื่อแสงแดดแยกตาร่างร่างนั้นค่อยๆลืมตาขึ้นก็จะจ้องมองคนที่พึ่งตื่นด้วยสายตาที่อ่อนโยน แสงแดดยามสายมาเยือนพร้อมกับสายลมอ่อนที่พัดยอหญ้าให้ไหวลู่ลมช่างเป็นบรรยากาศที่ดูแล้วสบายใจอย่างบอกไม่ถูกศิลาซึ่งในขณะนี้พลังในตัวเขาได้ตื่นขึ้นมาแล้วได้กำลังเดินทางไปหยั่งเขตแดนของอาณาจักรเอสทาน่าเพื่อทำการขับไล่ปีศาจที่สิงสู่อยู่ในร่างขององค์ราชาโรเนล โดยเรื่องราวทั้งหมดศิลาได้รับรู้มาจากท่านผู้เฒ่าที่หมู่บ้านและเขาตกลงที่จะไปโดยดี โดยเรื่องราวทั้งหมดเริ่มตนเมื่อองค์ราชาโรเนลสั่งให้นักเวทประจำราชสำนักทำการทดลองเกี่ยวกับเวทมนต์โบราณที่ทรงพบอยู่ในหนังสือเล่มหนึ่งภายในหอสมุด แต่แล้วก็เกิดความผิดพลาดขึ้นเมื่อหนึ่งในหมู่นักเวทเกิดร่ายคาถาผิดจนทำให้เกิดการบิดเบือนของพลังเวทนำไปสู่การเปิดผนึกปีศาจที่ถูกคุมขังมาเป็นเวลากว่าหมื่นปี เมื่อเจ้าปีศาจปรากฏตัวกลางวงเวทมันก็จัดการเข้าสิ่งร่างขององค์ราชาทันทีแล้วหลังจากนั้นจึงเริ่มกวาดล่างเหล่านักเวทที่มีส่วนร่วมพิธีกรรมครั้งนี้ แล้วจึงแจ้งข้าราชบริพานว่าเหล่านักเวททำการร่ายเวทผิดพลาดทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นและองค์ราชาที่ถูกสิงก็เริ่มเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทำสงครามลุกลานอาณาจักรอื่นๆทั่วทำให้ในตอนนี้แผ่นดิน ฟรอนเทียร์ลุกเป็นไฟประชาชนเดือดร้อนไปทั่ว ศิลาเดินแบกสัมภาระตามหลังทิวาอย่างอ่อนล้าก่อนที่ทิวาจะพูดว่า“วันนี้เราพักกันแค่นี้ดีกว่าตอนนี้ก็ใกล้มืดแล้วด้วย” ‘ในที่สุดพระเจ้าก็เมตรตา’คำพูดดังกล่าวศิลาอย่าที่จะตะโกนออกไปให้หายเหนื่อยแต่ด้วยความเกรงใจในสถานที่ที่เป็นป่าเขาจึงได้แต่เก็บอาการเอาไว้เท่านั้น “เดียวข้าจะออกไปหาฟืน ท่านพักไปก่อนก็แล้วกัน”ทิวาพูดก่อนจะวิ่งเข้าป่าไป ด้วยความเหนื่อยล้าทำให้ศิลาผล็อยหลับไปและเริ่มต้อนความฟันอันแสนประหลาด ‘ในที่สุดข้าก็ได้พบท่าน’ “นั้นเสียงใครกัน” ศิลาร้างถามก่อนจะหันมองไปรอบด้านก็พบเพียงความมืดมีด ‘ข้าไม่ทีตัวตน’เสียงนั้นกล่าว ‘ข้าเป็นเพียงจิตรวิญญาณก็เท่านั้นเอง’ “แล้วต้องการอะไรจากผม”ศิลาถามกลับไป ‘ข้าเพียงแค่มาบอกท่าเท่านั้นว่า ยามท่านต้องการความช่วยเหลือจงตะโกนว่า สปีริตออฟไลท์ ’ แล้วเสียงปริศนาก็เงียบไปพร้อมกับทุกสิงทุกอย่างที่ค่อยๆสลายไป ศิลาตื่นขึ้นก่อนจะเห็นว่าทิวากำลังทำอาหารอยู่ที่กองไฟ “ตื่นแล้วหรือคะท่านศิลา”เด็กสาวร้องทัก “อาหารใกล้จะเสร็จแล้วหละคะเชิญท่านมานั่งรอได้เลย” ศิลาค่อยๆลงขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาทิวา“คงแค่เหนื่อยมาไปเท่านั้นละมั่ง”
ทางไปหยั่งอาณาจักรเอสทาน่าไม่ได้ยาวไกลนักประกอบกับทิวาชำนาญเส้นทางจึงทำให้ทั้งคู่มาถึงที่หมายภายในระยะเวลาเพียงสี่วัน โดยตลอดเส้นทางที่เข้าใกล้อาณาจักรดังกล่าวทิวาก็คอยแต่จะถามศิลาว่ารู้สึกอย่างไรบ้างจนทำให้คนถูกถามเริ่มหมดความอดทำจึงพูดด้วยเสียงอัดแฝงไปด้วยความโกรธว่า“เธอเป็นอะไรนักหนาถึงฉันจะเคยตายที่นี้มาแล้วก็เถอะ” “ก็ข้าเป็นห่วงท่านนี้”เด็กสาวกล่าว “แต่ฉันไม่มีอะไรต้องให้เป็นห่วงนี้”ชายหนุ่มกล่าว เมื่อทั้งคู่เข้าเมืองมาไดศิลาจึงได้เห็นสภาพของเมืองที่ดูไปแล้วชวนหดหู่ใจยิ่งนักชาวเมืองซึงส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง,เด็กและคนชรามีร่างกายที่ผอมแห้งส่วนพวกผู้ชวยทิวาบอกว่าถูกองค์ราชากวาดต้อนไปเป็นทหารจนหมด ที่ลานกลางกองศพคนตายสูงเกือบเท่าภูเขาลูกหนึ่ง อาคารบ้านเรือนอยู่ในสภาพทรุดโทรมไม่ต่างอะไรกับเมืองร้างนัก ทิวาเดินนำศิลามาจนถึงมาถึงบ้าร้างหลังหนึ่งไม่ไกลจากกำแพงวังนักโดยเธออธิบายว่าเป็นที่หลบซ่อนเก่าตอนที่มาเมืองนี้กับท่านไลท์ ตกดึกทิวากับศิลากำลังวาแผนวิธีการบุกเข้าไปภายในตัวปราสาท โดยเธอบอกว่าองค์ราชาตอนนี้มักจะประทับอยู่ส่วนบนของหอคอยตรงกลางปราสาทโดยบริเวณโดยรอบจะมีทหารคุ้มกันอย่างแน่นหนา “ข้าจะเป็นคนล่อทหารพวกนั้นเองส่วนท่านก็รับขึ้นไปจัดการกับองค์ราชาซะ”ทิวากล่าว “แล้วเธอจะไหวหรือ”ศิลาแย้งขึ้นทันทีเมื่อเด็กสาวกล่าวจบ “ยังไงเสียพวกเขาก็เป็นคนแค่ถูกมนต์นั้น”ทิวากล่าว “พวกนั้นทำอะไรข้าไม่ได้หรอก” “ส่วนกำหนดการบุกจะเป็นในอีกสามวันข้าหน้า”ทิวากล่าว“ส่วนในเวลาที่เหลืออยู่ให้ท่านซึกซ้อมฝีมือไปเสียก่อน” เมื่อทำการตกลงกันเรียบร้อยแล้วต่างฝ่ายต่างแยกไปนอนในที่ของตน ‘แล้วทำไมฉันถึงได้นอนพื้นละ’ศิลาคิดขณะมองไปหยั่งทิวาผู้ซึ่งกำลังหลับสบายอยู่บนเตียงเก่าๆ
และแล้วก็ถึงวันที่กำหนดเอาไว้เมื่อความมืดโรยตัวเข้าคลอบคลุมทั่วอาณาจักรทิวาพาศิลากระโดดข้ามกำแพงเข้ามาแล้วทั้งคู่จึงมุ่งหนาไปหยั่งหอคอยกางอย่างรวดเร็ว สภาพโดยรอบของหอคอยเต็มไปด้วยเหล่าทหารจำนวนมาก เมื่อถึงตอนนี้ทิวาก็กระโจนออกไปแล้วใช้กำปั้นอ่อนๆกระแทกปรายคางทหารคนหนึ่งก่อนที่ทหารทั้งหมดจะวิ่งไล่ตามเธอไปในทิศทางอื่นเพื่อเป็นการเปิดทางให้กับศิลา ศิลารีบวิ่งเขาไปในหอคอยอย่างรวดเร็วโดยมิได้สังเกตเห็นเงาร่างหนึ่งลอยตามทิวาไป ทางด้านทิวาเมื่อล่อทหารออกมาได้ก็รีบพาเหล่าทหารไปหยั่งบริเวณที่ตนได้ทำกับดักเอาไว้ เมื่อเหล่าทหารตามมาก็ติดกับของทิวาเขาอย่าจังโดยทหารทุกคนร่วงหล่นลงไนหลุมที่มีความลึกกว่าสิบเมตร ทอวามองดูผลงานของตนเองอย่างพอใจก่อนจะวิ่งไปสมทบกับศิลาก็ปรากฏเงาดำขึ้นตรงหน้า เด็กสาวกระโดดถอยหลังพรอมกับสถบออกมาว่า “รู้ตัวแล้วหรือนี้”เด็กสาวเรียกอาวุธประจำกายออกมาก่อนที่หนึ่งคนกับอีกหนึ่งเงาจะพุงเขาหากันอย่างดุเดือด ณ ที่ยอดหอคอยที่ดูเก่าแก่ในตอนนี้กลับกลายเป็นที่สนทนากันระหว่างหนึ่งบุคคลที่ถูกปีศากเข้าสิงกบอีกหนึ่งบุรุษในฐานะผู้ปลดปล่อย “เจ้าต้องเสียใจที่กลับมาที่นี่อีกครั้ง”เจ้าปีศาจกล่าวก่อนจะกล่าวเรียกอาวุธเป็นดาบเพลิงเล่มใหญ่ที่ใบมีดมีเปลวไฟลุกท่วมอยู่ ทางด้านศิลาเมื่อเห็นศัตรูเรียกอาวุธออกมาจึงรวบรวมพลังไว้ที่แขนขวาแล้จึงปรากฏดาบออร่าสีขาวยื่นออกว่าจากฝามือ และแล้วทั้งสองก็กระโจนเข้าหากัน เจ้าปีศาจตวัดดาบโจมตีอย่างว่องไว ศิลาได้แต่เบี่ยงหลบพร้อมกับใช้ดาบในมือปัดป้องการโมตีจากฝายตรงกันข้าม เมื่อได้จังหวะศิลาก็สวนด้วยการซัดลูกบอลพลังเข้าใส่ร่างตรงหน้าอย่างจัง เจ้าปีศาจเบี่ยงตัวหลบแต่มิได้สังเกตคมดาบที่พุงเขามาทำให้แขนข้างซ้ายเกิดรอยแผลยาวจนถึงขอศอกเลือดสีดำไหลทะลักออกมาจากปากแผลราวกับเขื่อนแตกแต่เจ้าปิศาจมิได้ทุกข์ร้อนแต่อย่างใด เมื่อมันสะบัดแขนบาดแผลก็เป็นหายไปราวกับว่าไม่เคยมีบาดแผลใดๆเคยเกิดขึ้นมาก่อน เจ้าปีศาจเสยะยิ้มออกมาก่อนที่จะเริ่มรายคาถา ฉับพลับบริเวณโดยรอบก็เหลือแต่เปลวเพลิง เหมือนในความฝันของศิลา “เจ้าก็เป็นไดแค่มนุษย์คนหนึ่งที่ไร้ค่า” เจ้าปีศาจพูด “เจ้ามันก็แค่ลูกนกตัวหนึ่งที่อยู่ในกำมือของข้า” ร่างกายของศิลาเริ่มสั้นเทา “เจ้าจำได้ไหมว่าข้าเคยฆ่าเจ้าภายในเขตอาคมแห่งนี้ ก็เพราะเจ้ามันอ่อนแอคิดแต่จะปกป้องคนอื่น”เจาปีศาจพูดต่อ ร่างกายของศิลาเริ่มสั่นมากขึ้นน้ำตาเริ่มไหลออกมา “คนไร้ค่าไม่มีใครเขาอยากขอเข้าใกล้หรอกมีแต่จะหลอกใช้เสียมากกว่าหรือ....”ยังไม่ทันที่เจ้าปีศาจจะพูดจบก็มีเสียงหนึ่งขัดขึ้นมาว่า “ไม่จริงท่านศิลาไม่ใช่คนไร้ค่า” ทิวายืนอยู่ที่หน้าประตูสภาพสะบักสบอมจากการต่อสู้ “ไม่นึกว่าเจอจะสามารถเอาชนะโคลนได้ แล้วยังสามารถเข้าเขตอาคมได้ฝีมือพัฒนาขึ้นมากเลยนะ” เจ้าปีศาจกล่าว “ท่านศิลาเป็นคนที่มีค่าสำหรับข้ามาก”คำพูดดังกล่าวทำให้ศิลาเงยหน้าขึ้นมามอง เขาเห็นเด็กสาวกำลังร้องตะโกนอยู่โดยที่น้ำตาไหลไม่หยุด “เธอคิดอย่างนั้นจริงๆหรือ”ศิลากล่าว “นั้นเป็นความจริงอยู่แล้วคะ” ในขณะนั้นเองเจ้าปีศาจก็กระโจนเข้าใส่ทิวา “คงต้องพอแค่นี้ก่อนนะแล้วเดียวพวกแก่ค่อยไปคุยกันในนรกให้สมใจอยากไปเลย”เจ้าปีศาจร้องตะโกนก่อนจะพุ่งคมดาบเข้าใส่ทิวา เธอเบี่ยงตัวหลบไปติดผนังก่อนที่จ้าปีศาจจะเดินย่างสามขุมเข้ามาใกล้ “ลาก่อนนะ”เจ้าปีศาจกระซิบ “พอแค่นั้นแหละ”ศิลาตะโกนก้องก่อนจะค่อนๆลุกขึ้น แล้วแสงสว่างก็สาดส่องไปทั่ว แสงสว่างจนทุกคนต้องเอามือขึ้นมาก้อง ทิวาได้ยินเสียงขานว่า สปีริตออฟไลท์ ทันใดนั้นเองมิติก็เกิดการปั่นป่วนแล้วดาบสีขาวเล่มใหญ่ก็ปรากฏขึ้น ศิลาตวัดมือพลันแสงสว่างก็จางลงพร้อมกับร่างของเจ้าปีศาจที่โดนดาบเล่มใหญ่แทงทะลุอกอันเป็นการสิ้นสุดการต่อสู้ ศิลาเดินเข้าไปอุ้มทิวาแล้วเดินจากไป
หลายวันผ่านมาจนกระทั่งศิลารักษาบาดแผลจนหายสนิธอยู่หมู่บ้านศิลาได้รับทราบข่าวที่องค์ราชาโรเนลได้สติกลับคืนมาและเริ่มกลับมาบริหารอาณาจักรอย่างเป็นธรรมเหมือนเดิมที่แรกศิลาคิดว่าเขาไดฆ่าองค์ราชาเนลไปเสียแล้วแต่ท่านผู้เฒ่าได้บอกเขาว่าดาบสปีริตออฟไลท์นั้นจะทำลายเฉพาะสิ่งชั่วร้ายเท่านั้นถ้าแทงโดนมนุษย์หรือสิ่งบริสุทธ์จะไม่เป็นอันตรายใด นั้นเป็นเหตุให้ราชาโรเนลไม่ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากพระองค์โดนสิงร่าง
และแล้วเวลาแห่งการจากลาก็มาถึงทิวานำศิลาข้ามมิติมาหยั่งโลกปัจจุบัน ทั้งคู่สวนกอดกันอยู่นานต่างฝ่ายต่างล่ำลาอีกฝายในตอนนี้บ่อน้ำตาเจ้ากรรมของทังคู่ก็พลันแตกปล่อยให้น้ำตาไหลชโลมแก้ม ก่อนกาจกันทิวาได้บอกศิลาว่า “ถ้าข้าคิดถึงท่านข้าจะมาหาท่านได้หรือไม่” “ได้สิทิวาฉันยินดีต้อนรับเสมอ” “ขอบคุณท่านมากแล้วอย่าลืมมองท้องฟ้าละ” ทิวาจะโดดขึ้นก่อนจะย้ายมิติกลับไปโลกของตน หลงเหลอไว้เพียงดาวดวงหนึ่งส่องประกายอยู่แทนที่ ศิลาจ้องมองมันอยู่นานและเขาก็ตัดสินใจไดแล้วว่าเขาได้พบมันแล้ว
......ตอนนี้ฉันพบแล้วดวงดาวของฉันแล้ว.....
ผลงานอื่นๆ ของ red_glasses ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ red_glasses
ความคิดเห็น