ดวงใจปาฏิหาริย์ - ดวงใจปาฏิหาริย์ นิยาย ดวงใจปาฏิหาริย์ : Dek-D.com - Writer

    ดวงใจปาฏิหาริย์

    ดวงใจปาฏิหาริย์ สิ่งที่จะช่วยให้ผู้ครอบครองพ้นจากความวิบัติ จะทำอย่างไรเมื่อเธอ เอลเลเลีย หญิงสาวธรรมดา เป็นผู้ถือครองมัน

    ผู้เข้าชมรวม

    969

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    969

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  แฟนตาซี
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 ส.ค. 49 / 22:51 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                        ดวงใจปาฏิหาริย์

                เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงน้ำสาดกระเซ็น ร่างบางร่างหนึ่งกำลังวิ่งเข้าไปในตรอกเล็กๆอันมืดมิด นัยน์ตาสีมรกตคู่สวยทอดมองไปยังท้องฟ้าที่มืดครึ้ม สายฝนยังเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด สายลมแรงพัดกรรโชกเยี่ยงพายุที่โหมกระหน่ำ หญิงสาวกระชับผ้าคลุมสีน้ำตาลเก่าๆให้แน่นขึ้น เรือนผมยาวสีน้ำตาลอ่อนเปียกโชกตกลงมาปรกหน้า ทว่า หญิงสาวไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย บัดนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอสนใจ นั่นก็คือ การวิ่ง วิ่งๆๆๆๆ วิ่งไปให้ไกลที่สุด วิ่งไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หยาดน้ำใสๆไหลรินออกมาจากนัยน์ตาที่บวมช้ำ ก่อนจะกลืนไปกับสายฝนที่ยังคงตกกระหน่ำ


               
      แม่ ทำไมท่านถึงทำกับลูกเยี่ยงนี้


               
      เสียงในใจร่ำร้องก่อนจะหวนคิดไปถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่ชั่วโมงก่อน


               
      ภาพของสตรีผู้หนึ่งกำลังรับเงินจำนวนมากกับชายแปลกหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนชายแปลกหน้าจะเข้ามาฉุดแขนของเธอขึ้นรถม้า เธอทั้งดิ้น ทั้งขืนตัว และตะโกนร้องให้ผู้เป็นมารดาช่วย หากแต่หญิงวัยกลางคนก็ยืนนิ่งด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวถูกลากขึ้นรถม้า ก่อนภาพทั้งหมดจะค่อยๆเคลื่อนออกไป เมื่อรถม้าเริ่มออกวิ่ง


               
      เธอ ถูกแม่ขาย แม่ขายเธอให้กับคนแปลกหน้า แม่ที่เธอรักยิ่งชีวิต แม่ที่เธอเทิดทูนยิ่งสิ่งใด แล้วเหตุใด แม่จึงทำเช่นนี้


               
      เธอคิดอย่างน้อยใจ ก่อนจะกระโดดลงจากรถม้าที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงและเริ่มออกวิ่ง


               
      เธอจะไปที่ไหนก็ยังไม่รู้ เธอจะทำอย่างไรก็ยังไม่รู้ เธอวิ่งต่อไปเช่นนี้ดีแล้วหรือ


               
      เธอยังไม่รู้ แต่ที่รู้คือ หัวใจสั่งให้เธอวิ่ง วิ่งไปอย่างไร้จุดหมาย


               
      พลั่ก
      !


               
      ขาบางสะดุดก้อนหินก่อนร่างบางจะล้มลง โลหิตสีแดงฉานไหลรินลงมาตามขา หญิงสาวค่อยๆยันตัวขึ้นจากพื้นช้าๆ ความเจ็บปวดวิ่งแปลบเข้ามา เธอกัดฟันทน ก่อนจะเริ่มออกวิ่งต่อไป บาดแผลที่หัวเข่านี้ทำให้เธอวิ่งได้ช้าลง หญิงสาวสบถเบาๆ เสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากที่ดังไล่หลังมาบ่งบอกให้เธอรู้ว่า คนพวกนั้นตามเธอมาทันแล้ว


               
      ทำอย่างไรดี จะทำอย่างไรดี


               
      เธอคิดอย่างสับสน แต่ก่อนจะได้ทำอะไร มือคู่หนึ่งก็ถูกยืนออกมาจากซอกเล็กๆและคว้าเธอเข้าไปข้างในนั้น เธอพยายามดิ้นและส่งเสียงร้อง แต่มือของใครคนนั้นก็ตะครุบปิดปากเธอแน่น ในขณะที่มืออีกข้างกอดรัดตัวเธอไว้เพื่อไม่ให้เธอดิ้นหนีไป


               
      ตึก ตึก ตึก ตึก


               
      เสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากค่อยๆแผ่วเบาลงและหายไป พร้อมกับที่ตัวเธอซึ่งรู้สึกถึงอิสระ ใครคนนั้นคลายมือจากปากและตัวของเธอแล้ว  นัยน์ตาสีเขียวเหลือบไปมองอย่างสงสัย  แต่ทว่า เธอก็เห็นเพียงเงาตะคุ่มๆของใครบางคนเท่านั้น


               
      " ทางนี้ " เขากระซิบเสียงแผ่วเบา ก่อนจะฉุดเธอให้เดินตามเขาไปในซอกเล็กๆนั้น


               
      เธอเดินตามไปอย่างไม่มีทางเลือก ความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยนจากมือคู่นั้นแผ่ซ่านมาถึงมือเธอ


               
      ทำไมกัน ทั้งๆที่เป็นคนแปลกหน้า แต่ทำไม เธอถึงรู้สึกคุ้นเคยกับเขาอย่างนี้นะ


               
      เขาพาเธอเข้าไปในบ้านเก่าๆหลังหนึ่ง แสงไฟสีส้มอ่อนๆส่องสว่างบ่งบอกให้รู้ว่ามีคนอาศัยอยู่ เธอเหลือบไปมองหน้าของคนที่ช่วยเธอไว้ ก่อนจะอุทานออกมาเบาๆ


               
      " ไรโด "


               
      " เอลเลเลีย " เขาเรียกชื่อเธอกลับ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของเขาดูตกใจระคนแปลกใจ


               
      " เธอ/นายยังไม่ตาย " ทั้งสองเอ่ยประสานกันขึ้น


               
      รอยยิ้มน้อยๆผุดขึ้นที่ริมฝีปากของหญิงสาว ก่อนเธอจะโผเข้ากอดชายหนุ่มตรงหน้า


               
      เขาดูไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลย ดวงหน้าของเขายังคงอบอุ่นอ่อนโยนและดูดี เรือนผมสีน้ำตาลเข้มยาวระคอเหมือนเช่นครั้งแรกที่พบกัน นัยน์ตาสีเดียวกันยังคงอ่อนโยนเช่นเก่า หญิงสาวคลายอ้อมกอดก่อนจะถอยหลังออกมาเล็กน้อย และเอ่ยถาม


               
      " ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ "  


               
      ใช่ เธอไม่ได้พบกับเขาอีกเลย ตั้งแต่สงครามแย่งชิงดวงใจปาฏิหาริย์ที่หมู่บ้านครั้งนั้น สงครามที่เกิดขึ้นเพราะคำทำนายบ้าๆนั่น


               
      "...หายนะแห่งความตายจะปรากฏ


               
      จันทร์ทรงกลดจะฉายแสงสีแดงฉาน


               
      ทั่วพิภพจะมีแต่มวลหมู่มาร


               
      ตามตำนานบทพิพากษาแห่งความตาย


               
      มีทางเดียวที่จะแก้แปรเปลี่ยนผัน


               
      ให้ดวงจันทร์กลับมากระจ่างใส


               
      ให้โลกนี้เปี่ยมสุขตลอดไป


               
      ใช้ดวงใจปาฏิหาริย์ล้างแผ่นดิน


               
      หากแต่ปาฏิหาริย์มิอาจช่วยมวลหมู่เหล่า


               
      คนโง่เขลาจะต้องวอดวายสิ้น


               
      เหลือเพียงหนึ่งจะคงอยู่ชั่วอาจิณ


               
      ทั้งแผ่นดินผู้ครอบครองจะรอดตาย...
      "


               
      ทันทีที่ข่าวเรื่องการทำนายนี้ได้แพร่กระจายออกไป เหล่าคนผู้โง่เขลาได้เริ่ม
      ออกตามหาดวงใจปาฏิหาริย์นั่น จนข่าวลือเรื่องดวงใจปาฏิหาริย์อยู่ที่หมู่บ้านจันทร์เสี้ยวของเธอแพร่ออกไป ฝูงชนจำนวนมากต่างก็แห่กันมาออกตามหา ณ ที่หมูบ้านของเธอ ทั้งๆที่ไม่รู้เลยแท้ๆ ว่า ดวงใจปาฏิหาริย์มันคืออะไร


               
      ทันทีที่ได้พบกับสิ่งที่คิดว่าใช่ ทุกๆคนต่างก็แย่งชิงดวงใจปาฏิหาริย์กัน ผู้คนต่างเข่นฆ่ากันเองจนตายกันไปเป็นจำนวนมาก หลังจากสงครามนั้นจบสิ้นลง ไม่มีผู้ใดที่เข้าไปพัวพันกับการแย่งชิงดวงใจปาฏิหาริย์นั้นแล้วรอดตายเลยสักคนเดียว ดวงใจปาฏิหาริย์หายสาบสูญไป เปลวเพลิงแห่งความชั่วร้ายได้แผดเผาหมู่บ้านจันทร์เสี้ยวจนวอดวาย เธอที่หนีออกมาพร้อมกับแม่ได้จึงรอดชีวิต


               
      หลังจากนั้น ข่าวเรื่องดวงใจปาฏิหาริย์จึงถูกคิดว่าเป็นเรื่องที่กุขึ้น ไม่มีอยู่จริง ใช่
      ! นับตั้งแต่สงครามครั้งนั้น สงครามที่พรากเธอกับเขาไปจากกัน


               
      " หลังจากตอนนั้น ฉันก็หนีมาได้ เลยมาอยู่ที่นี่ " เขาเอ่ยตอบด้วยเสียงเศร้าๆ ก่อนจะถามหญิงสาวบ้าง


               
      " แล้วเธอล่ะ ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่"


               
      "ฉะฉัน..." หญิงสาวเงียบเสียงลงไปเล็กน้อยราวกับทำใจ ก่อนจะตอบแบบเลี่ยงๆ


               
      "หนีออกจากบ้านมา"


               
      "ทำไม..."


               
      "อย่าเพิ่งถามฉันตอนนี้..."หญิงสาวเอ่ยขัด นัยน์ตาสีมรกตส่งสายตาเศร้าสร้อยให้ชายหนุ่ม ดวงหน้าสวยใสดูหม่นหมอง "ขอร้อง"


               
      ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจก่อนจะดันหลังของหญิงสาวให้เดินเข้าไปในบ้าน


               
      " กลับมาแล้วรึ ไรโด" เสียงแหบๆดังขึ้นก่อนร่างของหญิงชราคนหนึ่งจะปรากฏขึ้นที่หลังบานประตู


               
      "ครับ คุณยายเซเล"ชายหนุ่มขานรับพร้อมกับก้าวนำหน้าหญิงสาวไป


               
      "อ้าว พาใครมาด้วยล่ะเนี่ย"นัยน์ตาสีเทาอ่อนของหญิงชราดูแปลกใจเล็กน้อย


               
      "จำไม่ได้หรอครับ คุณยายเซเล นี่ เอลเลเลียไงครับ"ชายหนุ่มกล่าว


               
      หญิงชราเลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะแย้มรอยยิ้มน้อยๆแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


               
      "เอลเลเลียเองรึ โตขึ้นเยอะเลยนะ"


               
      "ค่ะ คุณยายเซเล"เธอขานรับ คุณยายเซเลก็ไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลย เรือนผมสีเทาอ่อนแซมขาวถูกเกล้าเป็นมวยที่กลางศีรษะ นัยน์ตาสีเดียวกันฉายประกายกล้า หญิงชราผู้นี้นั่นเอง คือ คนที่ทำนายเรื่องดวงใจปาฏิหาริย์


               
      นัยน์ตาสีเขียวมรกตจ้องมองหญิงชราด้วยความรู้สึกเรียบเฉยๆ


               
      เธอไม่เคยโกรธหรือเกลียดหญิงชราผู้นี้เลย หากแต่ก็ไม่เคยชอบด้วยเช่นกัน เพราะอะไรเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เอลเลเลียคลี่ยิ้มบางๆด้วยความไม่เข้าใจตนเองดวงตาสีมรกตฉายแววเศร้าสลดเมื่อนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา


               
      แม่ คนที่สำคัญที่สุดของเธอกลับทำให้เธอต้องเป็นเช่นนี้


                
       เมื่อเธอยิ่งคิดก็ยิ่งสมเพชตนเองยิ่งขึ้นขอบตาเริ่มร้อนผ่าวอย่างไม่เคยเป็น ร่าบางของหญิงสาวเริ่มสั่นน้อยๆ


               
      ไรโดเห็นเช่นนั้นจึงได้วางมือลงบนไหล่เล็กๆของเอลเลเลียเพื่อให้กำลังใจ เขาเองก็ไม่อาจรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงได้ทำให้เธอผู้ร่าเริงเศร้าสร้อยได้ถึงขนาดนี้


               
      "เอาล่ะๆ ตากฝนมาจนเปียกขนาดนี้ไปอาบน้ำเช็ดตัวให้แห้งก่อนไป ทั้งสองคนเลย เดี๋ยวจะไม่สบายเอา"หญิงชราพูดอย่างใจดี ก่อนจะผลักหลังไรโดให้เดินไปข้างหน้าและจูงมือเอลเลเลียให้เดินตามหล่อนไปในห้องที่อยู่ใกล้ๆ


               
      หญิงชราหยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าชุดใหม่ในตู้และยื่นให้เอลลีเลีย ซึ่งเจ้าตัวก็รับมาก่อนจะเดินตามหญิงชราไปที่หน้าห้องน้ำและเดินเข้าห้องน้ำไป


               
      หญิงสาวเจ้าของดวงหน้าเนียนใสในชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนเรียบๆเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมสีน้ำตาลอ่อนเปียกหมาดทิ้งตัวสวยไปถึงกลางหลัง นัยน์ตาสีมรกตแวววาวดูเศร้าสร้อย มันเป็นภาพที่งดงามจนชายหนุ่มไม่อาจละสายตาไปได้ ทันทีที่เธอเห็นเขา  ก็รีบเปลี่ยนท่าทีไป


               
      "อ้าว ไรโด มีอะไรหรอ"


               
      "คุณยายให้มานำทางไปที่ห้องน่ะ"ชายหนุ่มตอบอย่างอ่อนโยน


               
      "ห้อง!?"หญิงสาวทวนคำอย่างงงๆ


               
      "ใช่ ห้องของเธอไง ตอนนี้เธอไม่มีที่อยู่ไม่ใช่หรอ"


               
      หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ ก็จะยิ้มน้อยๆ


               
      "ขอบคุณมากนะ"


               
      "อืม เอาล่ะ ไปกันเถอะ"เขาว่าพลางจูงมือหญิงสาวและเดินนำไปที่ห้องซึ่งอยู่ลึกเข้าไปข้างใน


               
      "ห้องนี้ล่ะ"ไรโดเอ่ยพร้อมกับเปิดประตูเข้าไป

               
      ภายในห้องแคบๆนั้นมีเตียงไม้เล็กๆตั้งอยู่ติดกับหน้าต่างที่เปิดอ้ารับลม ฝั่งตรงข้ามมีตู้เสื้อผ้าไม้ใบเก่าๆวางไว้อย่างโดเดี่ยว หญิงสาวเดินเข้าไปช้าๆ นัยน์ตาสีมรกตดูหมองเศร้าลงทันที


               
      แม่ อยู่บ้านคนเดียวจะเป็นอะไรมั้ยนะ ห้องของแม่คงเงียบเหงามากเลยสินะ


               
      แม้ว่าบุพการีที่รักยิ่งจะทำเยี่ยงนั้นกับเธอ แต่เธอก็อดห่วงๆไม่ได้ ก็ตั้งแต่เกิดมา เธอก็มีแต่แม่เท่านั้น พ่อ คนๆนี้เธอไม่รู้จักเลยแม้แต่น้อย แม่บอกกับเธอว่า พ่อตายจากไปนานแล้ว ชีวิตของเธอจึงมีแต่แม่ แต่ทำไม ทำไมแม่ถึงขายเธอให้กับคนพวกนั้น
      !


               
      ดวงหน้าเนียนดูเศร้าสลดลงยิ่งกว่าเดิม หญิงสาวกัดริมฝีปากตนเองอย่างข่มอารมณ์ไว้ มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น ไม่ใช่ความโกรธ แต่เป็นความเหยียดหยันตนเอง


               
      "วันนี้เหนื่อยมากมายแล้ว เธอไปนอนพักก่อนเถอะ"ไขโดเอ่ยขึ้น นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววเป็นห่วง


               
      "อืม"หญิงสาวครางตอบเบาๆ


               
      ชายหนุ่มทำท่าลังเลเล็กน้อยก่อนเอ่ย "เอลเลเลีย"


               
      "หืม"


               
      "ถ้าเธอพร้อมเมื่อไหร่ก็เล่าให้ฉันฟังได้เสมอนะ ราตรีสวัสดิ์"


               
      คำกล่าวสุดท้ายก่อนชายหนุ่มจะเดินออกจากห้องไป


               
      "ขอบคุณนะ ไรโด"หญิงสาวพึมพำเบาๆ ก่อนจะเดินไปดึงม่านมาปิดและล้มตัวลงนอนบนเตียงเล็กๆนั้น หยาดใสใสที่พยายามข่มไว้ตลอดเวลาไหลรินออกมาจากนัยน์ตาคู่สวย เอลเลเลียหลับตาลง ก่อนจะปล่อยสติให้จมลึกลงไปสู่ห้วงนิทรา คราบน้ำตายังคงติดอยู่ที่ดวงหน้าเนียน


               
      เอลเลเลียมาอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้เกือบสามเดือนได้แล้ว คุณยายเซเลใจดีและอบอุ่นเสมอ เธอมักจะเดินตามหญิงชราผู้นี้เพื่อช่วยทำงานต่างๆอย่างเต็มใจ บ่อยครั้งที่คุณยายเซเลหันมาเอ็ดเธอให้อยู่เฉยๆเพราะเธอช่วยทำงานมากเกินพอแล้ว แต่เอลเลเลียไม่เคยฟังและยังคงเสนอตัวเพื่อช่วยงานแทบจะตลอดเวลา


               
      สำหรับไรโด เขามักจะไม่อยู่บ้านในช่วงบ่ายๆเพราะเขาจะออกไปทำงานที่ร้านตีดาบเพื่อหาเงินมาเลี้ยงทุกคนในบ้านหลังนี้ เวลาที่เขากลับมาถึงบ้าน เอลเลเลียมักจะเดินออกไปต้อนรับด้วยรอยยิ้มเสมอ เขาช่างใจดีและอบอุ่นอ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อน ไม่สิ มากกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ  จนบางครั้งเธออดใจเต้นเวลาสบตากับเขาไม่ได้ 


               
      เขาจะรู้สึกแบบเดียวกันรึเปล่านะ


               
      เธอคิดด้วยดวงหน้าที่แดงก่ำ พร้อมกันเหลือบไปมองชายหนุ่มที่กำลังง่วนกับการขัดดาบให้ขึ้นเงา  โชคชะตาเล่นตลกรึเปล่านะ ที่เขาบังเอิญหันมาสบตาเธอพอดี เธอรีบสะบัดหน้ากลับมาด้วยความเขินอาย หารู้ไม่ว่าชายหนุ่มก็มีอาการไม่ต่างจากเธอเลย ยายเฒ่าเซเลที่เดินมาเห็นเหตุการณ์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และหัวเราะเบาๆ


               
      ในบางครั้งที่เธอท้อแท้และสิ้นหวัง หรือคิดถึงมารดาขึ้นมา เขาจะมาอยู่เคียงข้างและคอยให้กำลังใจเสมอ ความรู้สึกแปลกๆบังเกิดขึ้นในใจ แต่เธอพยายามกลบเกลื่อนและทำเป็นไม่สนใจมัน  ด้วยเหตุผลที่ว่า อีกไม่นานเธอก็จะต้องไปจากเขา


               
      ดวงจันทร์ส่องสว่างเฉิดฉายโดดเด่นกลางท้องนภายามราตรี ราตรีสีดำที่ไร้ซึ่งดวงดารามาแต่งแต้ม มีเพียงจันทราที่ค่อยๆถูกเมฆก้อนโตกลืนกินเข้าไป สายลมอ่อนๆโชยเอื่อย สตรีในชุดวันพีชสีขาวค่อยๆเดินไปตามผืนดินอันว่างเปล่าด้วยเท้าเปลือยเปล่า


               
      ที่นี่มัน ที่ไหนกัน


               
      นัยน์ตาสีมรกตกวาดสายตามองสถานที่ประหลาดนี้ด้วยความงงงวย ก่อนความมืดจะเข้ามาบดบังทุกสรรพสิ่ง


               
      อะไรเนี่ย เกิดอไรขึ้น


               
      เอลเลเลียเริ่มออกวิ่งไปตามพื้นดินสีน้ำตาลที่เย็นเฉียบ สายลมหนาวโต้กระทบบาดลึกถึงผิวเนื้อ นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างขึ้นเมื่อพบกับอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอต้องหยุดชะงัก


               
      แสงสีแดงส่องเจิดจ้าเบื้องหลังเมฆก้อนโตที่ค่อยๆเคลื่อนผ่านไป จันทร์ทรงกลดฉายแสงสีแดงฉานราวโลหิตที่ย้อมรัตติกาล


               
      คำทำนายนั่น มันกำลังจะเป็นจริงแล้ว


               
      ไม่ ไม่นะ อย่านะ


               
      ทันทีที่เมฆก้อนโตเคลื่อนผ่านดวงจันทร์สีเลือดไปทั้งหมด แสงสีแดงก็ส่องสว่างเจิดจ้ายิ่งกว่าสิ่งใด ผืนดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น ก่อนร่างของอสูรกายปีศาจจะผุดขึ้นมาจากผืนดินนั้น กลิ่นเหม็นเน่าเยียงซากศพลอยคละคลุ้งไปทั่ว


               
      "...หายนะแห่งความตายจะปรากฏ


               
      จันทร์ทรงกลดจะฉายแสงสีแดงฉาน


               
      ทั่วพิภพจะมีแต่มวลหมู่มาร


               
      ตามตำนานบทพิพากษาแห่งความตาย
      …"


       
               คำทำนายดังก้องขึ้นในใจ ก่อนหญิงสาวจะเริ่มออกวิ่งอีกครั้ง


               
      "...มีทางเดียวที่จะแก้แปรเปลี่ยนผัน


               
      ให้ดวงจันทร์กลับมากระจ่างใส


               
      ให้โลกนี้เปี่ยมสุขตลอดไป


               
      ใช้ดวงใจปาฏิหาริย์ล้างแผ่นดิน
      …"


               
      ดวงใจปาฏิหาริย์ ต้องตามหามัน ตามหาดวงใจปาฏิหาริย์
      !


               
      นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างขึ้นเมื่ออะไรบางอย่างสาดมาโดนหน้า กลิ่นเหม็นคาวลอยมาเตะจมูก หญิงสาวใช้มือปาดมันออกมาดู


               
      เลือด
      !


               
      ของเหลวสีแดงไหลย้อยลงมาจากมือบางที่แบออก


               
      มันเกิดขึ้นแล้ว หายนะเกิดขึ้นแล้ว
      !


               
      หญิงสาวยังคงวิ่งไปข้างหน้าต่อไปอย่างสับสน และแล้วอะไรบางอย่างก็ปรากฏขึ้น


               
      วาบ!


               
      แสงสีขาวบาดตาปรากฏขึ้นเบื้องหน้าจนต้องหยีตาลง


               
      "เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว ภัยพิบัติครั้งใหญ่จะมาเยือนโลกนี้ ทางเดียวที่จะช่วยได้มีเพียงดวงใจปาฏิหาริย์เท่านั้น"เสียงๆหนึ่งดังก้องขึ้นมาจากแสงสว่างนั้น ก่อนแสงสว่างจะค่อยๆดับวูบลง


               
      "เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป ดวงใจปาฏิหาริย์หายสาบสูญไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้มันอยู่ที่ไหนกัน ต้องไปหาที่ไหน"หญิงสาวตะโกนถาม


               
      "มันอยู่......เจ้า....ค้นหาเอาเอง"เสียงที่ตอบกลับมาแผ่วเบาและขาดหายเป็นช่วงๆ ก่อนจะเงียบหายไปเมื่อแสงสว่างดับวูบลง


               
      "เดี๋ยวสิ ฉันยังไม่รู้เรื่องเลย เดี๋ยวก่อน..." นัยน์ตาสีมรกตเปิดขึ้นเผยให้เห็นห้องเล็กๆแคบๆห้องเดิมที่เธอเคยนอนอยู่ หญิงสาวยันตัวขึ้นมานั่งช้าๆ


               
      "ฝันหรอ นี่เป็นความฝันหรอ"เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนเสียงเคาะประตูจะดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงของชายหนุ่ม


               
      "เอลเลเลีย คุณยายเซเลให้มาเรียกไปหา"


               
      "อืม เดี๋ยวตามไปนะ นายไปก่อนเลย ไรโด"หญิงสาวขานรับ ก่อนจะลุกขึ้นมาจากเตียง นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างขึ้น


               
      ตึกตัก
      !  ตึกตัก!


               
      หัวใจเต้นระรัวขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ


               
      อะไรนะ เกิดอะไรขึ้น เราเป็นอะไรไป


               
      ตึกตัก  ตึกตัก ตึกตัก


               
      หัวใจยังคงเต้นระรัวอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หญิงสาวยกมือขึ้นมากุมหน้าอกไว้ ก่อนจะค่อยๆพาร่างไปที่หน้าต่างและกระตุกม่านเปิดออก ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าสร้างความตื่นตระหนกให้หญิงสาวมากขึ้นกว่าเดิม


              
      ความฝันนั่น คำทำนายนั่น มันกำลังจะเป็นจริงแล้ว


               
      ร่างบางเปิดประตูและถลาตัวออกไปนอกห้องก่อนจะวิ่งพร้อมกับตะโกนเสียงดังลั่น


               
      "คุณยายเซเลคะ แย่แล้วค่ะ คำทำนายนั่น คำทำนายนั่นเป็นจริงแล้วค่ะ"


               
      "เอลเลเลีย เกิดอะไรขึ้น"ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับวิ่งมาขนาบข้าง


               
      "ไรโด คำทำนายนั่น คำทำนายของคุณยายเซเล มันเป็นจริงแล้ว"หญิงสาวว่าด้วยความตื่นตระหนก


               
      "หา ว่าไงนะ"


               
      "เมื่อกี้ฉันเห็น พระจันทร์เป็นสีแดงเหมือนเลือดเลย แถมเมื่อคืน ฉันยังฝันอีก ฝันว่า ปีศาจโผล่ขึ้นมาจากดินแล้วเริ่มออกอาละวาดไปทั่ว น่ากลัว มันน่ากลัวมากๆเลย"เสียงสั่นเครือดังออกมาจากปากของหญิงสาว พร้อมกับร่างที่เริ่มสั่นเทา

                นัยน์ตาของชายหนุ่มเบิกกว้างขณะที่เร่งฝีเท้าไปที่หน้าต่างบานหนึ่ง เขากระแทกมันอย่างไม่นึกเสียดาย บานหน้าต่างถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว แสงสีแดงฉานดั่งโลหิตสาดเข้ามาในตัวบ้าน ชายหนุ่มสบถขึ้น ก่อนจะก้าวถอยหลังและหมุนตัวกลับ


               
      "คุณยายเซเล"ชายหนุ่มเอ่ยเรียกเมื่อหญิงชราเดินมาหาพวกเขา


               
      "เป็นไปตามคำทำนายแล้วสินะ"หญิงชราเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย


               
      "แล้วจะทำยังไงดีล่ะคะ"เอลเลเลียเอ่ยอย่างตื่นตระหนก


               
      "ดวงใจปาฏิหาริย์คือหนทางเดียวที่จะช่วยได้"ยายเฒ่าเซเลกล่าว นัยน์ตาสีเทาอ่อนกร้านโลกฉายแววประหลาด


               
      "แต่ว่า ดวงใจปาฏิหาริย์หายสาบสูญไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอคะ อีกอย่าง ดวงใจปาฏิหาริย์ช่วยได้เพียงแค่คนที่ครอบครองมันเท่านั้นด้วย"เอลเลเลียเอ่ยเถียง


               
      "นั่นสินะ แต่ข้าว่า อย่างไรเจ้าก็ควรจะตามหามันก่อน บางที มันอาจจะช่วยทุกชีวิตได้เลยก็ได้ เพราะว่า คำทำนาย ไม่จำเป็นต้องเป็นจริงเสมอไป"รอยยิ้มน้อยๆผุดขึ้นที่มุมปากของหญิงชรา


               
      "แต่ว่า คำทำนายของคุณยายเซเลเป็นจริงทุกครั้งนี่คะ"หญิงสาวเอ่ยเถียง


               
      "มันก็อยู่ที่..."นัยน์ตาคู่ชราทอดมองออกไปที่หน้าต่างราวกับเหม่อลอยอยู่ครู่ใหญ่ "...ฟ้าลิขิต แต่ที่สำคัญคือตัวเอง"


               
      "ใช่ครับ คุณยายเซเล"ชายหนุ่มพยักหน้าให้หญิงชราก่อนจะหันมาเอ่ยกับเอลเลเลีย


               
      " ฉันว่า ไม่มีอะไรกำหนดอนาคตได้ นอกจากตัวเราเอง ถ้าเธอไม่ปล่อยให้คำทำนายนั่นมาครอบงำตัวเธอ เธอก็จะก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นใจ แต่ว่า ถ้าเธอละเลยคำทำนายไปหมด เธอก็อาจพบจุดจบที่ไม่อาจคาดคิดได้ ทางที่ดี ฉันว่า เชื่อในสิ่งที่เชื่อแล้วสบายใจดีกว่า" ชายหนุ่มตบไหล่หญิงสาวเบาๆอย่างให้กำลังใจ


               
      "อืม"


               
      "เอาล่ะ ข้าจะลองทำนายดูว่า ดวงใจปาฏิหาริย์ มันอยู่ที่ใดกัน"


               
      หญิงชราหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะพึมพำอะไรบางอย่างครู่ใหญ่ และเบิกตาขึ้นอย่างตื่นตระหนก


               
      "ไม่น่าเชื่อ ดวงใจปาฏิหาริย์ ดวงใจปาฏิหาริย์มัน..."


               
      "เป็นอะไรไปคะ คุณยายเซเล เป็นอะไรไป"


               
      "ดวงใจปาฏิหาริย์อยู่ใกล้ๆ"หญิงชราเริ่มเอ่ยอย่างคนเสียสติ  ร่างชราภาพสั่นน้อยๆ


               
      "ที่ไหนคะ มันอยู่ที่ไหน"


               
      "อยู่ที่...ตัวของเจ้า"มือเหี่ยวย่นชี้มันมาที่หัวใจของเอลเลเลีย


               
      คำกล่าวของหญิงชราทำให้นัยน์ตาของผู้รับฟังทั้งสองเบิกกว้าง


               
      ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก


               
      หัวใจ...ของเรา


               
      เสียงหัวใจที่เต้นระรัวดังขึ้นจนเอลเลเลียได้ยินอย่างชัดเจน


               
      "ตอนแรกก็คิดจะใช้เจ้าตามหาดวงใจปาฏิหาริย์เสียหน่อย แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะมาอยู่ที่ตัวของเจ้าเอง"หญิงชราเอ่ย รอยยิ้มเย็นยะเยือกที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนฉายชัดบนใบหน้า


               
      "หมายความว่ายังไง"หญิงสาวเอ่ยถามคิ้วบางขมวดเข้าหากันเป็นปม


               
      "คำทำนายทั้งหมด ข้าเป็นผู้สร้างขึ้นมาเอง ทุกสิ่งจะเป็นไปตามที่ข้าบงการ แต่ทว่า ทุกอย่างมันกำลังจบสิ้นลง ถ้าไม่มีดวงใจปาฏิหาริย์ ข้าต้องการดวงใจปาฏิหาริย์ เอาล่ะ เอลเลเลียส่งมันมาซะ"ดวงหน้าอ่อนโยนของหญิงชราหายไปเหลือไว้แต่ความเย็นชา ก่อนจะค่อยๆสาวเท้าเข้ามาใกล้


               
      "ไม่!"เอลเลเลียร้องลั่น ก่อนจะเริ่มออกวิ่ง


               
      นี่มันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้น เรื่องบ้าๆแบบนี้มัน บ้าที่สุด


               
      "เอลเลเลีย เดี๋ยวสิ เอลเลเลีย"ชายหนุ่มวิ่งตามมาพร้อมกับคว้าข้อมือของเธอไว้


               
      "ปล่อยนะ คนทรยศ"หญิงสาวเอ่ยเสียงสั่นพร้อมกับสะบัดข้อมือที่ชายหนุ่มจับไว้ ทว่า เขากลับจับมันให้แน่นขึ้น


               
      "เอลเลเลีย ฟังก่อนสิ ฉันไม่รู้เรื่องเลยนะ เอลเลเลีย เอลเลเลีย"


               
      "เอาล่ะ เอลเลเลียส่งดวงใจปาฏิหาริย์มาเสียดีๆ"หญิงชราเอ่ยด้วยสายตากระหาย


               
      "ไม่"เอลเลเลียค้านพร้อมกับเปิดประตูและวิ่งออกไป แต่ปัญหาก็คือ ไรโดยังคงจับข้อมือของเธอไว้มั่น


               
      "ไรโด ปล่อย!"เธอเอ่ยสั่ง


               
      "ไม่"เขาค้านพร้อมกับนำเธอวิ่งออกไป เพื่อหนีให้พ้นจากยายเฒ่าเซเล


               
      "ไรโด ทำไม"


               
      "ฉันจะปกป้องเธอเอง! จำไว้นะเอลเลเลีย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป"คำกล่าวที่ทำให้หญิงสาวผงะด้วยความตะลึง ก่อนจะโดนชายหนุ่มกระชากแขนให้วิ่งต่อไป


               
      "ตามไปเลย สมุนของข้า"ยายเฒ่าออกคำสั่ง และแล้ว เหล่าปีศาจนับร้อยๆตัวก็ผุดขึ้นมาจากผืนดิน


               
      ชายหนุ่มปล่อยมือจากแขนของหญิงสาว ก่อนจะเรียกดาบมาไว้ในมือและวิ่งเข้าไปเผชิญหน้ากับมันที่บุกเข้ามาทีละหลายๆตัว


               
      "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด"


               
      "อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก"


               
      "ว๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย"


               
      "อย่านะ อย่าฆ่าฉัน"


               
      "ได้โปรด ไว้ชีวิตลูกชายฉันเถอะ"


               
      "อย่าเข้ามาน้า กรี๊ดดดดดดดดดด"


               
      "ช่วยด้วย ช่วยฉันที"


               
      "ปะปีศาจนี่นา ปีศาจ"


               
      เสียงโหยหวน เสียงกรีดร้อง และเสียงร้องขอชีวิตดังระงมไปทั่ว ภาพของผู้คนมากมายที่ต้องสูญเสียชีวิตไปกับความโลภมากและความอยากได้ทุกสิ่งทุกอย่างมาครอบครองไว้เพียงผู้เดียวของใครบางคน โลหิตสีแดงฉานสาดกระเซ็นจากร่างของผู้ถูกสังหารจำนวนมาก ย้อมแผ่นดินจนกลายเป็นสีแดงฉาน เปลวเพลิงแห่งความชั่วร้ายลุกไหม้เผาทุกสิ่งให้วอดวายสิ้น


               
      ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าควรทำอย่างไร วิธีใช้ดวงใจปาฏิหาริย์ดังก้องขึ้นในหัว


       
               ดวงใจปาฏิหาริย์ โปรดจงส่องนำทางความฝันและความหวังมาให้แก่ทุกๆคนด้วย


               
      เสียงภาวนาดังขึ้นในใจของหญิงสาว


               
      อย่านะ ถ้าทำอย่างนั้น ลูกจะต้องตายนะ


               
      เสียงที่แสนคุ้นเคยดังขึ้น


               
      แม่
      !?


               
      ใช่ แม่เอง แม่ขอโทษที่ไม่ได้บอกลูกตั้งแต่แรก แม่ตั้งใจจะให้ลูกไปอยู่กับคู่หมั้น เพื่อปกป้องลูกจากคนที่คิดแย่งชิงดวงใจปาฏิหาริย์ แต่แม่กลับทำให้ลูกเข้าใจผิดว่าแม่ขายลูก แม่ขอโทษ


               
      แม่คะ แล้วทำไมตอนนั้นแม่ถึงรับเงินมาจากคนพวกนั้น


               
      เงินนั่นไม่ใช่ค่าตัวลูก แต่เป็นเงินที่เขาให้ไว้ช่วยเหลือแม่ ยายเฒ่าเซเลจำไอแห่งชีวิตของแม่ได้ ถ้าแม่ไปกับลูก หล่อนต้องตามลูกไปถูกแน่ๆ  แม่จึงตัดสินใจให้ลูกไปโดยลำพัง แต่ไม่คิดเลยว่ายายเฒ่าเซเลจะใช้แผนนี้


               
      แล้วตอนนี้แม่อยู่ที่ไหนคะ


               
      แม่ อยู่กับลูกเสมอจ้ะ


               
      หรือว่า...


               
      ใช่ ดวงใจปาฏิหาริย์ที่ลูกมีคือดวงแก้วที่เต็มไปด้วยพลังแห่งเทพรวมถึงวิญญาณและพลังของแม่ด้วยจ้ะ


               
      งั้นแม่คะ หนูตัดสินใจแล้วค่ะหนูจะใช้ดวงใจปาฏิหาริย์ปกป้องโลกใบนี้เอง แม่อย่าว่าหนูนะคะ อีกไม่นาน หนูก็จะได้ไปอยู่กับแม่แล้วค่ะ


               
      ไม่นะลูก อย่าทำอย่างนั้น
      !


               
      ขอร้องล่ะค่ะแม่ หนูขอทำในสิ่งที่หนูทำได้ ถ้าหนูไม่ทำ ทุกๆคนจะต้องตายหมดนะคะ


               
      จ้ะ ตามใจลูก อย่าลืมนะลูก แม่รักลูกเสมอนะ


               
      นัยน์ตาสีมรกตฉายประกายมุ่งมั่น ปากบางแย้มรอยยิ้ม หัวใจดวงน้อยกำลังสร้อยเศร้า


               
      ขอโทษนะ ไรโด ฉันยังไม่ได้บอกเธอเลย...


               
      เอาล่ะ ดวงใจปาฏิหาริย์ โปรดจงส่องนำทางเพื่อช่วยโลกนี้ด้วย


               
      หญิงสาวหยิบมีดขึ้นมาและแทงไปที่หัวใจ โลหิตสีแดงฉานไหลรินออกมาทางบาดแผล หยาดน้ำใสๆไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวย


               
      แสงสว่างสีขาวบาดตาพุ่งออกมาจากร่างของหญิงสาวก่อนจะแผ่ขยายออกไปทั่วทุกสารทิศ ขับไล่พลังสีดำแห่งความมืดที่ปกคลุมโลกใบนี้ ดับเปลวเพลิงที่แผดเผาหมู่บ้านนับแสน
       เหล่าปีศาจและสัตว์ร้ายต่างกรีดเสียงร้องและล้มตายไปหมด ร่างของหญิงชราเซเลกรีดร้องลั่นก่อนจะค่อยๆสลายกลายเป็นผุยผงและปลิวไปกับสายลม


               
      แสงสว่างสุดท้ายจางหายไป พร้อมกับร่างของเอลเลเลียที่ล้มลงไปนอนกับพื้นและหายใจอย่างแผ่วเบา ไรดดรีบวิ่งไปประคองหญิงสาวให้มาอยู่ในอ้อมกอดพร้อมกับเขย่าเรียกชื่อสตรีอันเป็นที่รักยิ่ง


               
      "เอลเลเลีย เอลเลเลีย"


               
      "ไรโด"หญิงสาวเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า พร้อมกับกระอักออกมาเป็นเลือด มีดเล่มบางยังคงปักค้างอยู่ที่กลางหัวใจ มันไม่เพียงทำให้หัวใจของหญิงสาวเจ็บปวดเท่านั้น หากแต่ยังทำให้หัวใจของชายหนุ่มเจ็บปวดไปด้วย


               
      หญิงสาวแย้มรอยยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบายิ่งกว่าเสียงกระซิบ


               
      "...ฉะฉันรักเธอนะ ไรโด"


               
      เปลือกตาบางปิดลง พร้อมกับร่างของหญิงสาวที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ


               
      แม้แต่วาระสุดท้ายเธอก็ยังคงยิ้ม...


               
      ไรโดลูบใบหน้าที่เย็นเฉียบของเอลเลเลียเบาๆ หยาดน้ำตาที่ไม่เคยคิดจะหลั่ง ไหลรินออกมาเป็นสาย


               
      หัวใจของเขาจากไปแล้ว


               
      จากไปอย่างไม่มีวันกลับ


               
      พร้อมกับเธอที่เขารักยิ่ง


               
      ฉันยังไม่ได้บอกเธอเลยนะ เอลเลเลีย


               
      "...ฉันรักเธอ"คำกล่าวสุดท้ายพร้อมกับร่างของชายหนุ่มที่โน้มตัวลงไปประทับริมฝีปาก ความรู้สึกที่ส่งผ่านมามีเพียงแค่ความว่างเปล่าและเย็นเฉียบ จนหนาวสั่นสะท้านไปสุดขั้วของหัวใจ มือหนาดึงมีดที่ปักค้างอยู่กลางหัวใจของหญิงสาวขึ้นมา และแทงลงที่ตำแหน่งเดียวกัน


               
      รอก่อนนะ เอลเลเลีย ฉันกำลังจะตามเธอไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป


               
      ดวงใจปาฏิหาริย์ของฉัน...

               

       ง่า ก็จบไปแล้วสำหรับเรื่องสั้นสำหรับวันแม่นะคะ

      แม่เป็นบุคคลที่รักลูกเป็นที่สุด ในบางครั้งท่านก็หวังดีกับเรา แต่เราไม่เข้าใจและไม่ยอมทำความเข้าใจในความหวังดีของท่าน ทั้งๆที่ท่านหวังดีกับเรามากขนาดนี้

      แม่หวังดีโดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน ท่านเพียงอยากให้ลูกรักมีความสุข

      หากแม่จะมีสิ่งที่หวังแล้วล่ะก็ คงจะเป็นการที่ลูกรักประสบความสำเร็จในชีวิต

      ...น้ำแก้วเล็กๆที่ลูกยื่นให้ตอนแม่มีชีวิตอยู่ มีค่ามากกว่ากับข้าวอย่างดีที่วางไว้ข้างโลงศพ...

      ...ดอกไม้ดอกเล็กเพียงดอกเดียวที่ลูกมอบให้ตอนแม่ยังมีชีวิตอยู่ มีค่ามากกว่า พวงหรีดนับพันที่ให้แม่ตอนไร้ลมหายใจ...

      ...คำบอกรักสั้นๆที่ลูกเอ่ยตอนแม่มีชีวิตอยู่ มีค่ามากกว่า เสียงคร่ำครวญของลูกตอนแม่จากไป...

      สำหรับแม่แล้วลูกคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ดังนั้น นับจากวันนี้ไปอย่าทำให้แม่เสียใจนะคะ

      แม่ยอมทุ่มเทได้ทุกอย่างเพื่อทำให้ลูกมีความสุข

      แม้ความสุขของลูกนั้นจะแลกมาด้วยหยาดเหงื่อและน้ำตาของแม่ก็ตาม

      เนื่องในวันแม่นี้ทุกๆคนทำอะไรเพื่อแม่รึยังคะ ถ้ายัง ก็ทำซะนะคะ

      บอกรักแม่ ก่อนจะไม่มีแม่ให้บอกรัก...  

            

      ด้วยความปรารถนาดีจาก อาโอกะ...

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×