ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Phonucorn ตอน มนต์ถันฑิล [ KaiSoo , KaiDO : EXO ]

    ลำดับตอนที่ #29 : The Phonucorn ฟีนูคอน : ตรวนกาฬวาต – บทที่ ๖

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 576
      4
      7 ธ.ค. 57

     

    Title : The Phonucorn ตรวนกาฬวาต – บทที่ ๖

    Author : พระจันทร์สีทอง

    Genre : Fantasy Romantic Drama

    Warnings : Yaoi – PG 18

    Pairing :  Sehun x Luhan

     

     

    บทที่ ๖

    The Phonucorn ฟีนูคอน : ตรวนกาฬวาต

     

     

     

     

     

    “อี้ชิง!...อี้ชิง!!...จาง อี้ชิง!!!

     

    “เห้ย!!!...ตกใจหมดเลยลู่ฮาน”

     

    “ขอโทษ ก็ฉันเรียกนายตั้งนานแล้ว แต่นายนั่นแหละใจลอยอยู่ได้ คิดอะไรอยู่อย่างนั้นเหรอ?”

     

    “ปะ...เปล่า ฉันก็แค่เหนื่อยๆน่ะ อาจารย์โซราบอกว่าต้องหาแร่นักรบอันใหม่ให้ได้ก่อนพรุ่งนี้ ไม่อย่างนั้นฉันอาจลำบากในประเพณีคัดสรรค์”

     

    ลู่ฮานพยักหน้ารับรู้ปัญหาโลกแตกของอี้ชิง แน่นอนว่าเขาเชื่อสนิทใจว่าไม่มีเรื่องไหนแอบแฝง หากเป็นเขาเองก็คงจะเครียดไปเลยเหมือนกัน ที่อยู่ๆก็มาโดนประกาศต่อหน้าทุกคนว่าผูกพันธะไม่ได้

     

    ...เป็นเรื่องที่น่าอับอาบที่สุดสำหรับผู้วิเศษ...

     

    “เอาน่ะ เซฮุนวุ่นหาให้นายอยู่ เย็นนี้ทุกอย่างต้องเรียบร้อย”

     

    “ก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”

     

    “ไม่ต้องห่วงหรอกนะ นายไม่ตายคนแรกในสนามประลองแน่”

     

    ร่างบางเอ่ยปลอบใจออกไปแบบทีเล่นทีจริง เขาถูกมอบหมายให้มาอยู่เป็นเพื่อนอี้ชิง จนกว่าเซฮุนที่ลงทุนไปถึงสุสานด้านหลังมหาวิทยาลัยจะกลับมา ชาวฟีนูคอนต่างรู้ดีว่าหากอยากได้แร่นักรบแบบเร่งด่วนต้องไปที่ไหน ส่วนคุณภาพของมันน่ะเหรอ ก็คงต้องแล้วแต่บุญกรรมที่ทำมาเสียแล้วล่ะ

     

    ...หวังว่าอี้ชิงจะทำบุญมามากพอก็แล้วกัน...

     

    “ฉันไม่อยากตายภายในชั่วโมงแรก”

     

    ใบหน้าสวยเริ่มนิ่งไปหลังจากได้ยินเช่นนั้น มันไม่ง่ายเลยที่คนที่ไม่มีความรู้เรื่องแร่นักรบเลย จะอยู่รอบพ้นหนึ่งชั่วโมงแรกของ ประเพณีคัดสรรค์ มันคือเกมการจัดระดับความสามารถของนักศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยฟีนูคอน โดยการเอานักศึกษาทุกคนจากทุกชั้นปี มาฆ่ากันเองภายในอาณาเขตของมหาวิทยาลัย ภายในหนึ่งวันหากนักศึกษาคนใดรอดชีวิตก็จะถือเป็นนักศึกษาชั้นพิเศษ ที่จะได้รับการยกเว้นนับชั่วโมงเข้าศึกษา นั่นหมายถึงคนที่อยู่รอดจะสามารถโดดชั้นเรียนได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่แน่นอนว่าหากใครตายตั้งแต่ชั่วโมงแรก ก็จะถือว่าเป็นนักเรียนห่วยๆที่ต้องเข้าศึกษาทุกคาบอย่างไม่มีข้อยกเว้นสำหรับกิจธุระ

     

    “นายคงไม่ซวยขนาดนั้น”

     

    “กับฟิสสิเพรสที่ขี่รถอยู่เฉยๆก็ตาย นายคิดว่าฉันดวงดีสักแค่ไหนกันเชียว”

     

    เรื่องดวงซวยๆของอี้ชิงดูจะเป็นเรื่องที่เพื่อนในลุ่มต่างรู้ดี แต่ก็พยายามไม่พูดถึงชีวิตเก่าๆให้เพื่อนต้องอาลัย นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ลู่ฮานได้แต่พ่นคำพูดไม่แน่ใจออกไป หวังเพียงให้อี้ชิงสบายใจขึ้นมาสักนิด แต่มันก็ดูไม่ช่วยอะไรเลยมากกว่า สุดท้ายก็เลือกจะพูดความจริงที่เขาก็กลัวอยู่เหมือนกัน

     

    “มันไม่ใช่เหตุผลนะ รู้มั้ยว่าคนที่ตายภายในชั่วโมงแรกมักเป็นพวกหมายหัว พวกอวดเก่งของมหาวิทยาลัยทั้งนั้นแหละ เกมนี้เขาเอาไว้แกล้งคนที่เกลียดกัน และ ยินดีด้วยที่นายยังไม่มีคนเกลียด”

     

    “ใครว่าไม่มีกันล่ะ ลู่ฮาน”

     

    ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยกับคำพูดของเพื่อน ลู่ฮานเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอี้ชิงก็มีคู่อริอยู่เหมือนกัน ส่วนมากถ้ารู้ว่าอาจถูกอีกฝ่ายฆ่า คนเราก็มักจะเลือกฆ่าเขาชิงตัดหน้าเสียก่อน แต่ในกรณีของอี้ชิงนั้น ลู่ฮานอยากแนะนำให้หนีมากกว่า

     

    “นายหมายถึงพี่คริสเหรอ?”

     

    “จะมีใครอีก เขาบอกว่าฉันจะต้องเจอดีนะอย่าลืมสิ”

     

    “แต่มันไม่น่าจะโหดร้ายขนาดนั้น”

     

    “มันอาจจะธรรมดามากเลยนะ ถ้าเทียบกับที่ฉันเป็นต้นเหตุให้เขาต้องโดนโทษในสุสานมาสามวันน่ะ”

     

    ...นั่นสิ...

     

    ลู่ฮานเงียบไปเพราะเห็นด้วยกับที่อี้ชิงกำลังพูด ไม่มีนักศึกษาคนไหนอยากเข้าไปในสุสาน เพราะรู้ดีถึงเสียงโหยหวนที่มักแว่วมาให้ได้ยิน มันเป็นดินแดนที่เหมาะแก่พวกนักล่าแห่งโบโลนีเท่านั้น แล้วคริสที่เหมือนถูกบังคับให้เข้าไปเผชิญกับเรื่องเหล่านั้นจะอาฆาตคนที่เป็นหนึ่งในต้นเหตุสักแค่ไหน

     

    ...ซวยแล้วจริงๆด้วยอี้ชิง...

     

    <<< The Phonucorn…ตรวนกาฬวาต >>>

     

    ณ หอพักเขตเย็น

     

    “หาแร่นักรบของอเนโมสมาได้นิดหน่อย คนขายบอกว่ามันเป็นอันพื้นฐานเท่านั้น มันเข้ากับนายได้ทุกอันแน่นอน แต่ก็อาจช่วยอะไรนายไม่ได้เลย”

     

    เซฮุนพูดด้วยสีหน้ากังวล เขามีเวลาไม่มากนักที่จะหาแร่นักรบอันใหม่ให้อี้ชิง เขาไม่มีเวลามากพอที่จะไปร้านค้าในเมืองลม เลยต้องหาซื้อจากพวกผู้ล่าที่ชอบเอาแร่นักรบที่เจ้าของสิ้นชีพแล้วมาขาย แต่แร่นักรบพวกนี้มักไร้ประสิทธิภาพมากแล้ว บางชิ้นเรียกว่าเป็นแค่ของโบราณที่เอาไว้ประดับร่างกายได้เลย

     

    “ยังไงก็ต้องขอบคุณที่นายช่วย”

     

    “พ่อนายจ่ายไว้เยอะ ฉันทิ้งนายไม่ได้หรอก”

     

    “จะไม่เห็นแก่เงินสักเรื่องได้มั้ยนายเนี่ย?”

     

    ลู่ฮานบ่นขึ้นอย่างเหลืออด หลังจากกลับมาจากคืนจันทร์จรัส พวกเขาก็เหมือนลืมเรื่องทุกอย่างที่เคยบาดหมางไปเสียสนิท กลับมาพูดดีและอยู่ร่วมกันอย่างสันติมากขึ้น แต่นั่นก็ทำให้เขาเรียนรู้นิสัยหน้าเลือดของร่างสูงมาเต็มๆ เมื่อหลายวันก่อนทั้งสองทะเลาะกันแทบหอพัง เพราะเขาอยากได้ของบางอย่างที่เซฮุนมี แต่เจ้าตัวร้ายกลับบอกขายในราคาที่เรียกว่าขูดเลือดขูดเนื้อคนอื่นกินชัดๆ

     

    ...โอ เซฮุน ไอ้ผู้วิเศษตัวร้าย!...

     

    “ฉันเป็นพ่อค้านะ”

     

    “แต่นี่มันเพื่อนนายนะเว่ย!

     

    “เอ้า?! อย่างนี้ฉันก็ไม่ต้องคิดเงินใครแล้วมั้ง”

     

    เซฮุนถามกลับด้วยคำพูดยียวน ตามคัมภีร์แห่งการถือกำเนิดระบุชัดว่าทุกคนที่ถือกำเนิดคือพวกพ้อง และ พี่น้องสายเลือดเดียวกัน ดังเช่นเทพเจ้าทั้งหกธาตุที่เกิดจากบิดา และ มารดาคนเดียวกันทั้งสิ้น แต่ร่างสูงไม่สนใจเรื่องนั้นแม้สักนิด แถมยังชอบพูดบ่อยๆด้วยซ้ำ

     

    ขนาดเทพเจ้าที่เป็นพี่น้องกันแท้ๆยังฆ่ากันเองเพื่ออำนาจ แล้วฉันเป็นอิลคอลลี่ธรรมดา จะมาหวังให้เห็นแก่คนทั้งโลกรึไง?

     

    เพราะแบบนี้หลังๆลู่ฮานเลยระอาแล้วหยุดพูดไปเอง เถียงกับคนแบบเซฮุนมีแต่เสียกับเสีย อย่างไรเซฮุนก็ไม่เปลี่ยนใจจะมาเป็นคนดีอยู่แล้ว

     

    “นายนี่มัน!

     

    “เอาน่ะลู่ฮาน ยังไงเซฮุนก็หามันมาให้ฉันจนได้ล่ะนะ”

     

    “ใช่มั้ยละ! แต่นายก็ต้องลองผูกพันธะสัญญากับพวกมันดูนะ”

     

    “มันจะไม่เยอะไปหรอเซฮุน เกือบสิบชิ้นเลยนะ ฉันว่าอี้ชิงเอาพวกมันไปทั้งหมดไม่ได้หรอก”

     

    แบคฮยอนที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้นด้วยความกังวล จริงอยู่ที่ว่าผู้ถือกำเนิดหนึ่งคนอาจมีแร่นักรบหลายชิ้นได้ แต่ถ้าให้ผูกพันธะสัญญากับพวกมันทั้งหมด มีหวังดวงจิตคงถูกนักรบเก่าแก่ตามติดเป็นสิบแน่ๆ แถมยังอาจเกิดผลเสียเช่นไม่มีแร่นักรบอันไหนกล้าแสดงกายช่วยเหลือ เพราะ กลัวจะไม่สามารถคุ้มกันได้ตามพันธะสัญญาอีกด้วย

     

    “ฉันก็ไม่ได้หมายถึงมันทั้งหมด ฉันแค่เอามาให้เลือกน่ะ”

     

    “เลือก?”

     

    แร่ทุกชิ้นคือทาสรับใช้ที่ซื่อสัตย์ พวกมันมีชีวิตและพร้อมดูแลเจ้านายของมันอย่างไม่มีข้อแม้ มีชีวิตเพื่อคุ้มครองชีวิตผู้เลือกไปจนสิ้นชีวิต จนกว่าจะได้กำเนิดอีกครั้งกับนายคนใหม่เมื่อผู้ถือกำเนิดคนเก่าจากลา ดวงจิตของเจ้านายเก่าจะไม่แหลกสลายไปจนกว่าเจ้านายใหม่จะน้อมรับ

     

    “ฉันว่าฉันคงเลือกไม่ได้”

     

    “ทำไมล่ะ? พวกมันเป็นของที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว รู้งานดีแต่สภาพมันฉันว่าก็คงไม่แย่เท่าไร”

     

    “ฉันไม่ได้ห่วงเรื่องที่มันเป็นของมือสอง ฉันแค่คิดว่ามันอาจต้องการฉัน ต้องการที่จะถูกเลือกมาใช้ทั้งนั้น”

     

    “ไม่มีชีวิตไหนอยากสูญสิ้น แต่แร่นักรบพวกนี้มันต่างกันน่ะ พวกมันยังคงอาลัยต่อนายเก่าของมันอยู่ นายเลยอาจเห็นพวกมันดูยั่วยวนให้นายเลือกมันไปเสียหมด ไม่มีใครอยากอยู่กับความทุกข์หรอก ใช่มั้ยล่ะ?”

     

    อี้ชิงพยักหน้ารับคำพูดของเซฮุน ทุกชีวิตไม่อยากเป็นทุกข์ และ หากเขาเลือกจะช่วยพวกมันทุกชิ้น เขาเองอาจจะต้องเป็นคนที่ทุกข์ก็ได้ มือบางเลื่อนลงไปตรงหน้าแล้วแต่ก็ยังลังเลไม่กล้าหยิบ

     

    “ฉันเชื่อว่าอี้ชิงจะเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเอง”

     

    คำพูดของแบคฮยอนเรียกสายตาคมให้หันไปมองได้ทันที นี่เป็นครั้งที่เท่าไรกันแล้วนะที่แบคฮยอนมักจะพูดอะไรแปลกๆ และ ปล่อยไว้เพียงความเงียบที่ตอบรับทุกคน เซฮุนก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงคลางแคลงใจกับคำพูดอวยพรแสนธรรมดาเช่นนี้ แต่ทุกครั้งที่เพื่อนตัวเล็กพูดออกมา มันเหมือนมีมนต์ตรึงใจให้คล้อยตามไปเสมอ

     

    “ขอบใจนะแบคฮยอน”

     

    “ยินดี”

     

    ใบหน้าสวยหันไปสบตากับร่างสูงนิ่ง เหมือนพวกเขากำลังคิดในสิ่งเดียวกันไม่ผิดเพี้ยน แม้พวกเขาจะไม่ได้เป็นรูมเมทที่ญาติดีต่อกันนัก แต่ก็พอจะดูมันออกว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่รูมเมทร่วมเดือนจะมีต่อกัน

     

    ...มิตรภาพที่เต็มไปด้วยความศรัทธา...

     

    เซฮุนและลู่ฮานอาจไม่รู้เรื่องของฟิสสิเพรสมากนัก ไม่รู้ว่านี่คือรูปแบบของพวกฟิสสิเพรสที่มีต่อกันรึเปล่า แต่สำหรับเหล่าอิลคอลลี่และอฟาไตรแล้ว มิตรภาพนั้นคือความเชื่อใจ ไม่ใช่ความศรัทธา ความศรัทธาเดียวที่ผู้วิเศษจะมอบให้คือเหล่าเทพเจ้าเท่านั้น กว่าจะรู้ตัวอีกทีอี้ชิงก็ลงมือเลือกแร่นักรบเรียบร้อยแล้ว มือบางดันที่เหลือกลับคืนสู่ร่างสูงที่ไปหามา และ มันเหลือเยอะจนเซฮุนอดสงสัยไม่ได้

     

    “เอาสองชิ้น?”

     

    “อือ แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ”

     

    “เอาจริงเหรอ นายอาจจะต้องเตรียมรับมือกับพี่คริสนะ รายนั้นไม่เคยตายในงานประเพณีตัดสรรค์สักปี”

     

    “อือ”

     

    เซฮุนมองหน้าของอี้ชิงด้วยความกังวล เขารู้จักคริสดีจากงานประลองแร่นักรบที่จัดขึ้นทุกปี คริสไม่เคยพลาดสักครั้งตั้งแต่อยู่มัธยมมาแล้ว เขามีชื่อเสียงในวงการนี้มาก

     

    ...แน่ล่ะ! จะมีใครไม่รู้จักแชมป์แร่นักรบที่อายุน้อยที่สุดของฟีนูคอนล่ะ...

     

    “ว่าแต่สีสวยจังเลยอี้ชิง”

     

    ลู่ฮานที่นั่งอยู่ข้างๆหยิบแร่นักรบทั้งสองที่อี้ชิงเลือกไปดู ก้อนหนึ่งเป็นสีใสอมเทาแต่ไม่ขุ่นดูแสนธรรมดา แต่อีกก้อนนั้นเหมือนมีกากเพชรประกายเมื่อต้องแสง ดูเหมือนดวงดาวที่ทอแสงตอนกลางคืนไม่มีผิด แสงของแร่นักรบชิ้นนี้แวววาวและให้ความรู้สึกปลอดภัย หากเป็นเขาเองก็คงจะเลือกมันเช่นกัน

     

    ...ดูเป็นแร่นักรบที่ดีจริงๆ...

     

    “มีของแบบนี้อยู่ในของที่ฉันเอามาด้วยเหรอเนี่ย?”

     

    เสียงทุ้มแสร้งเอ่ยขึ้นมาทั้งที่ลอบยกยิ้มก่อนหน้านี้ เซฮุนเหมือนรู้อยู่แล้วว่ามันต้องถูกเลือก แร่นักรบชิ้นนี้มันดูชื่นชอบชาวอเนโมสมากเป็นพิเศษ เหมือนในวันแรกที่มันตอบรับเขา มันคือแร่นักรบชิ้นเดียวกับที่เซฮุนเก็บซ่อนมานานแสนนาน ในกล่องใบเล็กตรงลิ้นชักหัวเตียงธรรมดา แต่ร่ายเวทบังตาไว้อย่างของล้ำค่าตลอดหลายปี

     

    ...ในที่สุดเขาก็หาที่ๆเหมาะกับมันได้...

     

    “นายมันตาถั่ว จะไปเห็นของล้ำค่าแบบนี้ได้ไง”

     

    “พูดมากว่ะ ไหนอี้ชิงลองผูกพันธะสัญญาให้ดูหน่อยสิ อยากรู้ว่าจะสวยแต่รูปจูบไม่หอม เหมือนใครบางคนแถวนี้มั้ย?!

     

    ร่างสูงทำเป็นพูดด้วยความสนใจแต่ก็แบบแขวะไปที่ลู่ฮานเล็กน้อย ไม่ให้ผิดสังเกตคนในห้องที่มองดูพวกเขาอยู่ ทั้งที่นี่คือช่วงเวลาที่เขารอคอยมาตลอด วันที่เจ้าแร่นักรบน้อยที่เขาเฝ้าดูแล ได้ออกมาปรากฏกายในฐานะอาวุธของใครสักคนที่คู่ควรมากกว่าเขา ทั้งที่ตัวเขาอยากจะเป็นคนนั้นเสียเหลือเกิน แต่มันคงเป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าอาจเอื้อม

     

    ...กลัวว่ามันจะเป็นอย่างที่คิดมาตลอด...

     

    แต่สำหรับอี้ชิงที่ไม่เคยรู้จักตำนานใดในฟีนูคอน หรือ แม้แต่หน้าตาของคัมภีร์แห่งการถือกำเนิดเป็นเช่นไรก็ไม่รู้นั้น  ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องง่ายดายเสียเหลือเกิน ที่จะเอ่ยผูกพันธะ กับ แร่นักรบที่เรืองแสงรองต้องจันทร์ยามราตรีเช่นนี้ ความมั่นใจแบบที่เซฮุนไม่เคยมีมาตลอดหลายปี

     

    “ข้าแต่เทพอเนโมสผู้ศักดิ์สิทธิ์ ร่างกายนี้ข้าขอมอบเพื่อป้องปักษ์ ขอแร่นักรบจงโปรดคุ้มครองกายข้าราวกับเป็นดวงจิตของมัน ข้าขอสาบานจะผูกพันธะสัญญากับเจ้าชั่วนิรันดร์”

     

    แร่นักรบแปรเปลี่ยนสลายกลายเป็นอากาศ ผูกจิตประสานใจกับร่างผู้เป็นนาย อี้ชิงไม่ตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างที่ร่างสูงคิด ใครๆต่างก็เชื่อว่าอี้ชิงนั้นยังไม่เคยผูกพันธะสัญญากับแร่นักรบชิ้นไหน และมันทำให้สิ่งที่กำลังปรากฏตรงหน้าแตกต่างจากที่เคยจินตนาการไว้เหลือเกิน

     

    ...ทำไมถึงร้องไห้?...

     

    น้ำตาหยดสวยประกายเพชรเอ่อขึ้นที่ขอบตาเรียว ลู่ฮานที่มองดูการผูกพันธะครั้งนี้อย่างตั้งใจ ได้แต่หันไปมองหน้ากับเซฮุนพร้อมคำถาม ใครๆก็รู้ว่าการผูกพันธะเป็นเรื่องสนุก พวกมันมักจะตอบรับเราอย่างมีความสุข สอดประสานกับเลือดเนื้อของเราด้วยความรักเสมอ

     

    ...หรือจะเป็นเพราะมันเป็นของมือสอง?...

     

    น้ำใสรินออกมาในที่สุด อี้ชิงทรุดลงไปนั่งกับพื้นของห้องนอนท่ามกลางความตกใจของเพื่อน แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เพราะการผูกพันธะยังไม่เสร็จสิ้น

     

    “ฮึก!

     

    และเหมือนครั้งก่อน เมื่อแร่นักรบสำรวจไปทุกซอกมุมของร่างกาย ก็คืนกลับสู่เส้นทางที่เดินทางเข้ามา ก่อร่างกลายเป็นไม้เท้าแก้วด้ามยาวบนมือขวาของอี้ชิง แสงของมันเปล่งประกายจนไม่อาจมองได้ด้วยตาเปล่า แต่สุดท้ายก็ดับแสง และ เป็นเพียงแค่ไม้เท้าธรรมดา แม้ตาคมจะเห็นมันไม่ได้ชัดจากแสงที่ส่องประกาย แต่ความแน่ใจก็ตีตื้นจนร่างกายนั้นชาไปหมด

     

    ...เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ทั้งหมด...

     

    ไม่มีทางที่ชาวอเนโมสจะไม่รู้จักมัน ไม่มีทางที่ลูกผู้จงรักภักดีจะลืมรูปโฉมที่แสนสง่าของมัน แต่เซฮุนคงทำได้แค่เงียบไว้ แล้วแสร้งทำเป็นเหมือนว่าผิดหวังกับมันเสียเหลือเกิน ยิ่งลู่ฮานกับแบคฮยอนแสดงท่าทีราวกับว่าผิดหวังที่มันเป็นเพียงไม้เท้าธรรมดา มันยิ่งช่วยกลบความตื่นตะลึงของร่างสูงได้มิดยิ่งขึ้น

     

    “ไม้เท้าเนี่ยนะ?”

     

    “เออ แค่นี้เองเหรอ?”

     

    “เหอะ!?”

     

    อี้ชิงแอบลอบลูบมือเข้าไปในศีรษะ ซึ่งยิ่งตอกย้ำถึงความศักดิ์สิทธิ์ของไม้เท้าในมือนั้น สิ่งที่สะท้อนแสงไฟให้เขาได้เห็นเพียงเล็กน้อย คงเป็นรัดเกล้าของพระมารดาแห่งฟีนูคอนไม่ผิดแน่ อยากจะเอื้อมมือไปแตะสัมผัส หากแต่ก็รู้ว่าสิ่งนี้สูงส่งเกินเอื้อม และ เขาได้เลือกที่จะปล่อยให้มันเป็นของอี้ชิงแล้ว

     

    “ไปลองอันต่อไปเถอะ ถ้านายเอาแค่ไอ้ไม้เท้าที่ร่วมประเพณี รับรองนายได้เป็นไอ้ห่วยสมใจแน่”

     

    “นั่นสิ”

     

    เพราะไม่อยากมองดูของสิ่งนี้ด้วยความริษยา เซฮุนจึงเลี่ยงการจ้องมองมันด้วยการเบี่ยงประเด็นไปที่แร่นักรบอีกชิ้นที่อี้ชิงเลือกไว้ ร่างเล็กไม่มีท่าทีอิดออดต่อการผูกพันธะครั้งใหม่ ดาบหินสีเทาเก่าแก่ดูแข็งแรงคือสิ่งที่ออกมาจากแร่นักรบอีกอัน  และ มันดูไม่เข้ากับอี้ชิงเอาเสียเลยในสายตาเพื่อนคนอื่น แต่สำหรับเซฮุนแล้วเขากลับมองว่ามันเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ

     

    ...จะมีอะไรซ่อนสิ่งของล้ำค่า ได้ดีกว่าของไร้ค่า...

     

    ยิ่งอี้ชิงมีของที่ดูไม่น่าสนใจเท่าไรอยู่กับตัว คนรอบข้างก็จะยิ่งมองข้ามไปทั้งหมด เขาไม่ต้องการให้ไม้เท้าของอี้ชิงเป็นที่สนใจ อยากจะปกป้องมันไว้ให้อยู่กับอี้ชิง เป็นความลับแบบนี้ตลอดไป

     

    “นายมันอ่อนแอเองรึเปล่า?”

     

    “ฉันว่ามันแข็งแรงพอนะ นายน่าจะเก็บมันไว้ในการร่วมประเพณี”

     

    “ฉันยกมันแทบไม่ขึ้น”

     

    “แต่มันเกิดมาเพื่อนายนะอี้ชิง”

     

    เป็นอีกครั้งที่แบคฮยอนพูดบางอย่างที่ไม่มีใครเข้าใจออกมา เซฮุนอยากจะถามเหลือเกินว่าแบคฮยอนรู้อะไรมาเหมือนเขารึเปล่า แต่ก็กลัวว่าหากทักออกไปเช่นนั้นก็จะเป็นการเพิ่มภัยให้กับมัน สุดท้ายเลยต้องปล่อยให้อี้ชิงมีเพียงไม้เท้าโง่ๆในสายตาคนอื่น และ ดาบหินที่เจ้าตัวคิดว่าไม่เข้าท่าในการร่วมประเพณี

     

    “ถ้านายรอด นี่มันเรื่องมหัศจรรย์”

     

    “อี้ชิงต้องรอดอยู่แล้ว”

     

    เสียงทุ้มเอ่ยออกไปอย่างแสนจะมั่นใจ เขาเชื่อว่าไม่มีอาวุธใดจะแข็งแกร่งกว่าไม้เท้านั่น ต่อให้คนที่อี้ชิงกำลังต้องเผชิญจะเป็นถึงแชมป์หลายสมัย ที่เข้าใจการทำงานของแร่นักรบเป็นอย่างดีก็ตาม แต่ไม่เคยมีบทไหนกล่าวถึงไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์นั่นนิ

     

    ...หวังว่าพี่คริสคงไม่ฉลาดขนาดนั้นนะ...

     

    “นายไปได้มันมาได้ยังไง”

     

    ทันทีที่ก้าวพ้นจากประตูห้องของอี้ชิงและแบคฮยอน ลู่ฮานที่เดินอยู่ข้างกันก็ถามมันขึ้นมาเสียดื้อๆ จนเซฮุนถึงกับชะงักค้างด้วยความตกใจ หันไปมองเสี้ยวหน้าสวยอยากจะเขย่าร่างของอีกคนแรงๆ แล้วถามรู้อะไรมากน้อยแค่ไหน

     

    “นะ...นาย...”

     

    “มันสวยดีนะ ไปได้มาจากผู้ล่าคนไหนเหรอ?”

     

    เสียงหวานยังคงเอ่ยถามออกมานิ่งๆเหมือนไม่ได้ติดใจอะไร ก็แค่สงสัยว่าไปเอาแร่นักรบที่สวยขนาดนั้นมาจากไหน ทั้งที่ในใจมันไม่ใช่เลยสักนิด ลู่ฮานเห็นทุกอย่างการกระทำของทุกคน เห็นแสงสะท้อนของโลหะในกลุ่มผมของอี้ชิงนั่นด้วย แต่เพราะทุกคนเลือกที่จะไม่ให้ความสนใจ ลู่ฮานจึงต้องแสร้งทำเป็นคนโง่ไปด้วยเท่านั้น แม้จริงๆก็อาจกล่าวได้ว่าเขามันโง่ เพราะไม่มีความรู้เรื่องแร่นักรบเลยสักนิด เขาไม่รู้จักมันจริงๆนั่นแหละ แต่ก็รู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่แค่อาวุธธรรมดา

     

    “ว่าไงล่ะ...”

     

    “ฉันไม่รู้จักชื่อของเขาหรอก ไม่รู้ด้วยว่าหน้าตาเป็นยังไง”

     

    ทั้งที่ลู่ฮานพูดออกไปขนาดนี้ แต่เซฮุนก็ยังโกหกออกมาได้อย่างแนบเนียน เขารู้ว่าไม่เคยมีใครเห็นใบหน้าของผู้ล่า แต่เมื่อได้ยินเสียงก็น่าจะพอบอกอะไรเขาได้บ้างสิ

     

    ...นอกเสียจากเซฮุนไม่อยากบอกเขาเอง...

     

    “งั้นเหรอ?”

     

    ร่างบางรับคำนั้นเสียงนิ่ง แล้วเลือกจะเดินไปพร้อมกันอย่างเงียบกว่าเดิม มีเรื่องมากมายในหัวให้ต้องคิด และ ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่เซฮุนกำลังทำอยู่ทั้งนั้น

     

    ...นี่สินะ ผลของคำทำนายมันกำลังเกิดขึ้นแล้ว...

     

    <<< The Phonucorn…ตรวนกาฬวาต >>>

     

    “นักศึกษาทุกท่าน ขอต้อนรับเข้าสู่ประเพณีคัดสรรค์ ประเพณีที่จะแบ่งทุกคนว่าเป็นอัจฉริยภาพแห่งฟีนูคอน หรือ เป็นแค่ไอ้ห่วยของมหาวิทยาลัย มันไม่น่าตลกเลยใช่มั้ยล่ะนักศึกษา แต่ไม่ต้องห่วงสวัสดิภาพของทุกคน นักศึกษาทุกคนที่อยู่ภายในมหาวิทยาลัยจะได้รับการยกเว้นบทลงโทษจากเวทชุบชีวิต หากเธอหมดลมหายใจภายในภายในเที่ยงคืนนี้ เธอจะถูกชุบชีวิตด้วยคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้เป็นที่สุด คุณหมอคยูฮยอน!

     

    คำพูดที่เหมือนเป็นการหลอกล่อให้นักศึกษาทุกคนสบายใจ แต่มันกลับไม่ช่วยให้สบายจิตใจของนักศึกษาปีหนึ่งที่เข้าร่วมพิธีนี้เป็นครั้งแรกสบายใจได้เลย นี่พวกเขากำลังจะถูกฆ่ากันไม่ใช่เหรอไง ทำไมถึงพูดเหมือนมันเป็นเรื่องที่ไม่ต้องห่วงไปได้

     

    หลังคำกล่าวของอาจารย์อีกหลายท่านจบลง ประตูรั้วที่กั้นทางเข้าออกเขตติดต่ออย่างอฟาคอลเพรสก็ปิดลง รวมถึงพื้นที่เดินทางอื่นๆของมหาวิทยาลัยด้วย เรียกได้ว่าปิดตายกันเด็กออกนอกพื้นที่อย่างสิ้นเชิง

     

    ...นอกจากจะมีใครบินได้น่ะนะ...

     

    “...และขอย้ำอีกครั้ง ทุกพื้นดิน ทุกแห่งหนในมหาวิทยาลัยฟีนูคอนแห่งนี้คือที่ซ่อน คนที่รอดเท่านั้นที่มีสิทธิ์เลือกชีวิตต่อไปของเขา หวังว่าจะเห็นทุกคนในสภาพยังหายใจ ดิฉันในนามของท่านอธิการบดีคนที่หนึ่งร้อยแปดสิบแปด ขอกล่าวเปิดประเพณีคัดสรรค์ ณ บัดนี้ค่ะ!

     

    ปัง!!!

     

    เสียงเหมือนพุแตกดังสนั่น ก่อนที่นักศึกษาที่ยืนเรียงกันอยู่จะวิ่งออกไปคนละทิศ ร่างบางอยากจะวิ่งไปที่ด้านหลังตึกเรียนที่เขาไปดูที่ซ่อนไว้ แต่ก็ถูกกระชากให้วิ่งตามไปในช่วงชุลมุนเสียก่อน เขาเห็นแค่ผู้คนที่วิ่งกันผ่านเขาไปมา เสียงอาวุธลงคมกับร่างกายของเหล่าผู้ถูกหมายหัว ไม่รู้ว่าตัวเองฝ่าดงนั้นมาได้อย่างยังหายใจได้อย่างไร แต่ที่แน่ๆตอนนี้เขาปลอดภัยพร้อมกับร่างสูง ที่ยังไม่หันมามองเขาเลยตั้งแต่พาเขาวิ่งออกมา

     

    “เกือบตายเลยมั้ยล่ะอี้ชิง...เห้ย!...นี่มันลู่ฮานนิ”

     

    “ก็ฉันน่ะสิ?”

     

    ทุกอย่างกระจ่างแล้ว เซฮุนแค่อยากช่วยอี้ชิงที่ไม่รู้ภาษา แต่ดันคว้าผิดคนเพราะลู่ฮานกับอี้ชิงอยู่ข้างกัน ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเขาปล่อยให้ตัวทำเงินตกอยู่ในอันตราย ในขณะที่ตอนนี้มีมนุษย์บ้องแบ๊วมายืนทำหน้างงใส่เขาแทน

     

    “ตายแน่ๆ จาง อี้ชิง เฮ้อ~”

     

                         <<< The Phonucorn…ตรวนกาฬวาต >>>

     

    The Phonucorn – Chapter 2.6

    สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคน

    มาช้าไปหนึ่งวันขออภัยค่ะ พอดีเมื่อวานวุ่นๆกับการแก้โปรเจครอบแรกอ่ะ (ซึ่งวันนี้ก็ยังไม่จบ TT^TT) แต่อยากอัพค่ะจะได้ไม่ลืมกัน เพราะอาทิตย์หน้าไปคอนแล้วต้องกลับมาอ่านหนังสือสอบต่อ จึงคิดว่าอาจจะไม่ได้อัพ ยังไงก็อย่าเพิ่งลืมแอมนะคะ เดี๋ยวสอบโปรเจควันที่ 25 เสร็จจะมาทุ่มให้ฟิคเซ็ทนี้เสร็จภายในหนึ่งเดือนให้ได้เลยค่ะ รับรองว่าทันรอบเปิดเดือนมกราแน่นอนค่ะ มีคนถามเข้ามาเยอะเรื่องหนังสือที่เหลืองานฟิค ตอนนี้หมดแล้วต้องขออภัยเป็นอย่างสูงเลยค่ะTT แล้วเจอกันในอีกสองอาทิตย์นะคะ^^

     

     

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×