ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ต้องรอดให้ได้มากกว่าสามตอน (จบแล้ว)

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ ๑.๔ ไม่ให้พัก (รีไรท์ 2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.12K
      1.1K
      19 เม.ย. 64

    สระบัวหลังจวนตระกูลซูเต็มไปด้วยดอกบัวนับร้อยพันอันกำลังบานสะพรั่ง อันเนื่องฮูหยินรองชอบเป็นอย่างมาก ผู้นำตระกูลซูหลงเสน่ห์นางอย่างไร้การขัด ชี้ไม้เป็นไม้ชี้นกเป็นนก เมื่อต้องการสิ่งใดก็จะยินดีหามาให้ไม่เกี่ยงงอน สระบัวนี้จึงดูแลอย่างดีให้บ่าวไพร่พลัดเวรสำหรับบงกช เมื่อมองดูจะพบถึงสีสะท้อนตกลงสู่ลายน้ำ ลมอ่อนโชยเป็นระลอกพัดผ่านกายรับรู้ความเย็นเมื่อเยือนสู่ผิว อี้จิ้งอารมณ์สบายเมื่อเห็นสิ่งงามทั้งหลายขนานแท้สู่ดวงตา

    “สวยจัง เหตุใดพี่ชายถึงรู้ที่เช่นนี้ได้”คุณหนูซูซ่งเงยหน้าถามบุรุษผ้าแพรไหมผู้มีศักดิ์เป็นคุณชายหยางฉือจิ้ง นางดีใจอย่างที่สุด ไม่นึกไม่ฝันว่าจวนตระกูลซูจะมีที่แห่งนี้

    “มีที่ใดบ้างที่ข้าไม่รู้”เขาปั้นหน้าเก๊กขรึม หากตอบว่าอ่านเจอในนิยาย คงไม่แคล้วถูกระบบลงโทษ ฉะนั้นจงยืดอกไว้และแถต่อไป! อี้จิ้งพูดเองเออเองในใจเสร็จสรรพ

    “ดีจังเลยเจ้าค่ะ ท่านพาข้ามาบ่อย ๆ นะเจ้าคะ ข้าอยากจะชมสิ่งแบบนี้ฉะนั้นถ้าพี่ชายไม่เอ่ยชวนข้าอีก ข้าจะโกรธท่านเจ้าค่ะ”ไม่พูดเปล่านางใช้สายตาไม่พอใจวูบหนึ่งมองมาพร้อมอมลมในแก้มพองน่าเอ็นดูมิใช่น้อย

    อี้จิ้งนึกถึงตอนที่ตนเองมักจะเอาของเล่นซื้อมาไว้บริจาคเด็กตามโรงเรียนต่างด้วยจิตกุศล พอเด็กน้อยเห็นหน้าเขาก็จะจำได้และโผเข้ากอดด้วยความรัก เขาจึงค่อนข้างที่จะใจอ่อนอยู่หลายโขเมื่อเห็นซานเหวินถูกทารุณแม้ว่าจะรู้ดีที่ถึงคุณสมบัติของตัวเองว่าทำอย่างไรก็ไม่มีวันบุบสลายเพราะคุณสมบัตินั้นเป็นเฉพาะของพระเอก กระนั้นก็อดไม่ได้ที่ท่องในใจวันละสามหนเพื่อขอขมาในห้วงใต้สำนึก

     “ได้สิ ข้าย่อมรับปาก”คุณชายหยางฉือจิ้งเผยสายตาจ้องเด็กหญิง 

    แต่ในความคิดแล้วนั้น...บ้าจริง ถ้าพามาบ่อย ๆ จะจำได้เหรอ! คราวนี้มีเจียอินเลยรอดตัวไป!

    “ข้าขอไปดูใกล้กว่านี้ได้หรือไม่เจ้าคะ?”นางกลับไปมองสัตตบงกชตาไม่กระพริบ ริมฝีปากงามแย้มยิ้มกว้างจนเห็นซี่ฟันขาวเรียงตัว นางไม่วางตาจากการดูเลยสักเสี้ยววินาที คล้ายจะเก็บภาพตรงนี้ไว้ไม่หาย

    “ได้ แต่ระวังด้วย”อี้จิ้งลอบถอนหายใจเมื่ออนุญาตนาง คุณหนูซูซ่งเดินไปตามทางที่รายล้อมด้วยบัวกลีบงาม ก้มประคองไว้ในมือ พินิจอย่างสนใจแล้วเห็นสิ่งมีชีวิตตัวน้อย

    “พี่ชาย ดอกนี้มีผึ้งด้วยเจ้าค่ะ!”นางเรียกพี่ชายคนละสายเลือด ทำให้คุณชายหยางฉือจิ้งเดินไปหาเด็กหญิงที่อมยิ้มอย่างเป็นสุข เขาย่อตัวลงให้เท่านาง แล้วดูตาม มีผึ้งตัวเล็กดูดกินน้ำหวานจากเกสรอย่างเป็นวัฏจักรธรรมชาติ

    “เจ้าระวังให้ดีล่ะ เพราะอาจจะโดยมันทำร้ายได้”อี้จิ้งเตือนนางด้วยความหวังดี เพราะเขาไม่ค่อยชอบแมลงชนิดนี้นัก มีเพื่อนคนหนึ่งในสมัยมัธยมถูกต่อยด้วยผึ้งที่บริเวณใกล้กับตา มันบวมเป่งอยู่หลายวันเชียวกว่ากลับเป็นปกติ ซ้ำยังโอดโอยกล่าวว่าเจ็บปวดอย่างยิ่ง จึงเป็นเหตุที่เขามันระวังตัวกับเรื่องพวกนี้

    “มันมีพิษหรือเจ้าคะ?”คิ้วงามโค้งมนขมวดอยากรู้ อันเนื่องการเลี้ยงดูของคุณหนูตระกูลมั่งคั่งมักจะดูแลอย่างดี ไม่ว่าจะการพิถีพิถันตั้งแต่หัวจรดเท้า ชุดเสื้อผ้า อาหารการกิน ตลอดจนปัจจัยอื่นทั้งหลาย

    “ใช่แล้ว”

    “ถ้าเช่นนั้นข้าไม่ดูมันแล้วเจ้าค่ะ”นางถอยหลังห่าง ด้วยความกลัวเท้าของคุณหนูซูซ่งก้าวไกลเกินพื้นที่จากนั้นก็เกิดเสียงบางอย่างกระทบกับน้ำ อี้จิ้งรู้สึกว่ามีน้ำบางส่วนกระเด็นมาโดน

    ตูม!

                    ร่างเด็กหญิงชุ่มด้วยน้ำ ซ้ำยังไม่ทันตั้งตัวจึงกลืนน้ำในสระลงไปหลายอึก นางตะเกียกตะกายเพื่อจะขึ้นบกไม่ให้จมสู่ก้นสระตมข้างใต้  ส่วนบุรุษหยางฉือจิ้งทำตัวไม่ถูก จ้องภาพนั้นอย่างตกตะลึง สติเขาได้เลือนหายไปเสียแล้วพลันหัวใจเย็นเฉียบแทบไม่รู้สึกถึงอัตราการเต้น กระนั้นเสียงระบบดังขึ้นดึงความตื่นตัว

    [คำเตือน ห้ามทำอันตรายแก่ตัวละครอื่นนอกเหนือจากบท มิฉะนั้นจะถูกลงโทษสถานหนัก] เสียงในหัวกระตุ้นเขาให้รีบทำอะไรบางอย่าง!

    ซูซ่งกำลังอยู่ในสถานะย่ำแย่ นางใช้มือทั้งสองดันตัวเองขึ้นจากสระแต่มันก็ไร้ผล นางกำลังจะหมดแรงอยู่รอมร่อ

    “คุณหนู!”เจียอินที่อยู่ในเหตุการณ์ตะโกนดังตกตะลึงกับเหตุการณ์ร้ายแรง จนเป็นจุดสนใจของเหล่าบ่าวรับใช้ที่ได้ยินรีบมามุงดู 

    “เกิดอันใดขึ้น!”

    “โอ้! คุณหนู”เหล่าหญิงรับใช้ได้เห็นจึงหวีดร้องด้วยความตกใจปนความกังวล บางคนก็เร่งฝีเท้าให้ผู้มาช่วยเหลือ

    ตูม

    เสียงน้ำระลอกหนึ่งดังขึ้นพร้อมร่างคุณชายหยางอี้จิ้งกระโดดลงไป เขาใช้มือคว้าแขนของคุณหนูซูซ่ง แม้จะมาอย่างทุลักทุเลดูไม่ได้เพราะยื้อฉุดกันขึ้น นางต้องการอากาศจึงได้ผลักอี้จิ้งลงแล้วเอาตัวเองขึ้นคล้ายการต่อสู้กลาย ๆ จนในที่สุดเขาส่งแรงเฮือกหนึ่งเพื่อส่งร่างของเด็กหญิงไว้บนฝั่งได้ จนหมดแรงเกินต้าน 

    น้ำหลากเข้าสู่ลำคออย่างไม่ลดละ เขากลืนอย่างไม่ลังเล มันไหลสู่ท้องเต็มจนจุก จมูกแสบ น้ำยังคงทะลักต่อเนื่อง ตอนนี้เขาไม่ไหวแล้ว... เขาภาวนาจะมีผู้ช่วยรั้งตัวเขาขึ้นบกไป ทว่าทุกอย่างกลับเงียบเชียบไร้การคาดหวัง ความคิดสุดท้ายก่อเกิดในหัว 

    หรือชะตากำหนดให้เขาอยู่รอดไม่ถึงสามตอนอย่างที่ตัวละครที่อยู่ในเนื้อเรื่องเดิม เขายังอยากอยู่เพื่อพบกับซูซ่งก่อน หากเขาตายไปเช่นนี้จะได้พบกับนางหรือ...

     

                    ฝันในรอบครั้งแรกเมื่อทะลุมิติมาในนิยาย คือความมืดสุดลูกหูลูกตาด้านบนเป็นฟ้าครึ้มราวฝนจะตกลง ก่อเกิดรู้สึกเดียวดายอย่างยิ่ง แต่บนพื้นอี้จิ้งสัมผัสได้ว่ามันคือน้ำเหนียวหนืด เมื่อเพ่งเล็งชัดเจนจะรู้สึกแทบอาเจียน มันคือโลหิตข้นไหลบรรจบมาที่เท้า มันไม่ใช่เลือดเขาแต่เป็นเลือดของอีกคน ร่างที่นอนอยู่บนพื้นหายใจรวยรินเจ็บช้ำแล้วเอ่ยกับเขาบางอย่าง ซึ่งมิอาจจับใจความกระทั่งเขาได้นั่งลงดูจึงพบว่าใบหน้านั้นมันคือใบหน้าเดียวกับหยางฉือจิ้งตัวละครที่เขามาอยู่นั่นเอง!

    เปลือกตาหนักอึ้งลืมขึ้นฉับพลันก่อเกิดภาพพร่ามัวขนานหนึ่งจึงกระพริบตาถี่ เหงื่อเม็ดผุดขึ้นเต็มไรผมจนรู้สึกได้ กลิ่นฉุนสมุนไพรอบอวลบริเวณจมูก อี้จิ้งปวดศีรษะจนต้องนอนนิ่งให้คลายเจ็บก่อน

    “เมื่อไหร่ลูกชายข้าจะฟื้นซะที นี่ครบวันที่สามวันแล้ว เจ้าเป็นหมอมากฝีมือจริงแน่รึ!” เสียงฮูหยินรองแผดดังจนหมอผู้นั้นคอหดเล็กแต่ก็ต้องสำรวมด้วยศักดิ์ศรีค้ำตนอยู่

    “ข้าใช้หัวตัวเองเป็นประกัน วันนี้คุณชายจะต้องรู้สึกตัวแล้ว โปรดใจเย็นลงเถิด”

    “เฮอะ! หากลูกชายข้ายังไม่รู้สึกตัว...”

    “ข้อนั้นข้าย่อมรู้ดี”ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อเป็นหมอกล่าวขัดมิให้ฮูหยินรองพูดคำโหดร้าย

    “พี่ใหญ่!”เจียอินสังเกตใบหน้าซีดเซียวของคุณชายหยางฉือจิ้งลืมตานอนบนเตียงนิ่ง ริมฝีปากไร้สีแห้งเปล่งเสียง

    “น...น้ำ” อี้จิ้งได้ยินเสียงแผ่วของตนราวกับไม่ใช่เสียงเขา 

    “น้ำขอรับพี่ใหญ่”เจียอินประคองทรงตัว แล้วป้อนน้ำเทใส่จอกให้ดื่ม พอลำคอได้รับความชุ่มช้ำเพียงพอ สีหน้าของคุณชายหยางฉือจิ้งจึงเริ่มมีเลือดฝาด เช่นเดียวกับหมอผู้นั้นผ่อนลมหายใจโล่ง

    “ฮูหยินรอง ยานี้ต้มให้คุณชายดื่ม เช้าและเย็นติดต่อกันจนยาห่อนี้หมด อาการจะดีขึ้นเอง”

    “ได้ ขอบใจท่านมาก ถือว่าเป็นค่าตอบแทนอันเล็กน้อย”มืองามมอบถุงกำมะหยี่แดงหย่อนลงมือของอีกฝ่าย หมอโค้งลา ออกไป จากจวนตระกูลซูนางผู้เป็นแม่จึงรุดมาดูผู้ป่วย

    “หยางฉือจิ้งฟื้นก็ดีแล้ว เจ้านอนพักเสียหน่อยดีกว่าอีกประเดี๋ยวฮูหยินใหญ่จะมาเยี่ยมเจ้า”มารดากุมมือเขาไว้พร้อมแจงสิ่งที่จะเกิดข้างหน้า 

                    ฮูหยินใหญ่ตระกูลซูตามที่อ่านในนิยายเป็นบุคคลที่ใจดีไร้เล่ห์ ซ้ำยังชอบทำบุญบำเพ็ญเพียร สร้างคุณประโยชน์หลายประการขนาดผู้นำตระกูลแต่งฮูหยินรองนางยังไม่ทุกข์ร้อนใด ๆ หากเป็นโลกปกติของเขาเกรงว่าเรื่องนี้จะยืดยาวไม่จบสิ้น ประเด็นทางคดีความส่วนมากมักจะเป็นปัญหาของคนสามคน จึงรู้ค่านิยมที่มีต่อในนิยายกับโลกของเขาไม่เคยเห็นค่าของความรักเดียวซึ่งเป็นสิ่งที่อี้จิ้งสลดใจอย่างที่สุด แถมเนื้อเรื่องนี้ยังเป็นความรักแบบทั่วถึงด้วยวัฒนธรรมยอดฮิตของการสร้างฮาเร็มของเพระเอก

    “แล้ว คุณหนูซูซ่งเล่า?”เขากลืนน้ำหลายเหนียวหนืดลงอย่างยากลำบาก 

    “นางรอดอยู่แล้วเพราะช่วยไว้ทัน แต่เจ้าก็จมน้ำเพราะว่ายน้ำไม่เป็นยังกระโดดไปช่วยอีก ข้าเองก็พูดไม่ออกจริง ๆ ” ฮูหยินรองเอือมระอาเมื่อย้อนความกับการเสี่ยงชีวิตอันมีค่าของลูกชายไม่เอาไหน เกือบที่นางจะต้องเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้ใช้ปรโลกแล้ว

    “หากข้าไม่ทำเช่นนั้น ข้าคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่”เพราะถ้าเขาฆ่าตัวละครในนิยายตาย รับรองแน่ว่าเส้นทางการอยู่รอดให้ได้มากกว่าสามตอนหรือแม้แต่จะเก็บแต้มสักคะแนนก็จะจะไม่มีวันสำเร็จ เพราะนางเป็นถึงหนึ่งในฮาเร็มพระเอกเชียวนะ

    “แต่มิควรเอาชีวิตตนไปเสี่ยง”ผู้มีศักดิ์เป็นแม่ปั้นหน้าดุ ถึงแม้จะเป็นบุตรชายที่ก่อเรื่องไม่หยุดหย่อนแต่นางไม่เคยชิงชัง

    “ขอรับ คราวหลังข้าจะไม่วู่วามต้องขออภัยด้วย”

    “เอาเถิดเรื่องมันแล้วไปแล้ว ข้าจะให้แม่ครัวทำซี่โครงหมูต้มตังกุยบำรุงเจ้า”นางลุกขึ้น “ข้าเองก็ไม่รบกวนแล้ว หากมีอันใดก็บอกบ่าวที่อยู่ด้านนอก”ฮูหยินรองก็กำลังจะกลับเรือนตนแล้วเช่นกัน จึงเอ่ยกับอี้จิ้งก่อนจะสั่งเดินไปกับบ่าวรับใช้หญิงสองคนไปแจ้งห้องครัวด้วยตัวเองจนเหลือเพียงเจียอิน

    “พี่ใหญ่ ๆ ”เจียอินที่อยู่ไม่ห่างกระซิบเขาท่าทางเป็นความลับ“คุณหนูซูซ่งรู้สึกผิดต่อพี่ใหญ่มาก บางทีท่านควรจะใช้โอกาสนี้...”ลูกน้องหมายเลขหนึ่งเสนอแนวทาง 

    “ไว้ข้าหายดีแล้ว ถึงตอนนั้นก็ยังไม่สาย”อี้จิ้งเลี่ยงประเด็นกับการเสี่ยงคุกเพื่อพิชิตใจเด็กหญิงจึงได้บ่ายเบี่ยง

    “พี่ใหญ่ ท่านช่างหลักแหลมยิ่ง”ใบหน้าเลื่อมใสยิ้มแย้ม

    เอ่อ แค่เขาไม่อยากสนใจกับเด็กน้อยตัวเล็ก แม้ว่านางจะมีใบหน้างดงามปานนางฟ้าตัวน้อย แต่จิตใต้สำนึกอันมีคุณธรรมยังเหนือกว่ามาก

    “เจ้ามีอันใดทำก็ไปจัดการเสีย ข้าจะพักสักหน่อย”อี้จิ้งกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า เจียอินเห็นได้อย่างนั้นจึงประคองให้คุณชายนอนลง 

    “ขอรับ”

                    อี้จิ้งปิดเปลือกตาลง ฟังเสียงฝีเท้าที่ไกลออกไป เมื่อไม่มีคนอยู่แล้ว เขาจึงลืมตามาอีกหนพร้อมมือก่ายที่หน้าผากอย่างปลงตก หวังว่าท้ายที่สุดเขาจะสามารถช่วยให้อิ่งผิงรอดจุบจบนั้นทั้งเขาก็อยู่ให้ได้มากกว่าสามตอน แม้สถานการณ์จะสวนทางกันมากก็ตาม แต่จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด! 

    ทางด้านซานเหวินปีนต้นไม้ตรงข้างเรือนคุณชายหยางฉือจิ้ง เนื่องจากตอนอยู่กับตายายเขาได้ปีนขึ้นเก็บผลไม้ป่าจากต้นสูง ๆ มาขายในท้องตลาด เพื่อประทังสามปากสามท้องให้อิ่ม สายตาเด็กชายมองเข้าไปในหน้าต่างที่เปิดออก ส่องดูผู้อยู่ข้างใน ร่างนั้นสวมชุดเพียงด้านในขาวสะอาด ใบหน้าซีด หากแตกต่างกว่าวันก่อน เขาได้ยินบ่าวรับใช้คุยกัน คุณชายหยางฉือจิ้งฟื้นแล้ว จึงรีบปีนมาดู พบเป็นจริงดังว่า หากกอริยาบถผู้นั้นดูกังวล มือพาดคาดหัวราวกับใช้ความคิด

    [ขอต้อนรับการกลับมาของคุณ เราจึงมีภารกิจมอบให้]ให้ตายสิ! ให้พักหายใจบ้างไม่ได้หรือ ไอ้ระบบ! อี้จิ้งก่นด่าในใจเมื่อได้ยินเสียงในหัว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×