ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ต้องรอดให้ได้มากกว่าสามตอน (จบแล้ว)

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ ๑.๕ เลือกได้เหรอ (รีไรท์ 1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.91K
      1.04K
      20 เม.ย. 64

    กลิ่นฉุนยาสมุนไพรหลากชนิดผสมบดรวมจนเป็นถ้วยตรงหน้า คุณชายหยางฉือจิ้งเอื้อมหยิบขึ้นมาและกลืนลงไร้การลังเล รสขมฝาดฝืดลงคออย่างยากลำบาก หากท้ายสุดก็ลงท้องอย่างสวัสดิภาพ อี้จิ้งขยาดจนพาลไม่อยากอาหาร แม้ร่างกายเข้าสู่ภาวะดีขึ้นแทบเป็นปรกติ แต่เขาต้องทานยาให้ครบตามหมอสั่ง ด้วยร่างกายจะต้องแข็งแรงดีเขาจึงกลั้นใจกินรวดเดียวไม่อิดออด เพื่อสุขภาพแล้วเรื่องพวกนี้แค่เพียงสิ่งเล็กน้อย

    “พี่ใหญ่ ท่านหายดีเร็ววันเช่นนี้ นับเป็นเรื่องยินดี”เจียอินรับถ้วยจากคุณชาย

    “อืม พรุ่งนี้ข้าถึงจะได้ฝึกกระบี่กับท่านอาจารย์คนใหม่แล้ว เจ้านำกระบี่ข้ามาเช็ดให้ด้วยล่ะ” เขาบอกแก่ลูกน้องหมายเลขหนึ่ง

    “ขอรับ ข้าจะเช็ดจนมันวาวส่องแทนกระจกเชียว”เจียอินอารมณ์ดียิ่งก่อนจะนำกระบี่บนแท่นวางมาเช็ดถูละเมียดละไมอย่างดี เห็นได้ชัดว่าผู้คนในตระกูลตามใจคุณชายหยางฉือจิ้งมากเพียงใด

    “หลายวันมานี่ เจ้าซานเหวินทำอันใดบ้าง”อี้จิ้งทำหน้าเรียบยามถามถึงพระเอกในช่วงเวลาที่เขาไม่ได้สตินอนเป็นผักถึงสามวัน หวังว่าสามวันนี้พระเอกจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่สำหรับเด็กน้อย

    “เนื่องจากพี่ใหญ่ไม่ใช้น้ำในอ่างนั้นชำระกาย จึงไม่มีสิ่งใดที่ท่านสั่งแก่เด็กนั่น แต่พวกข้าได้จัดการแทนคุณชายแล้ว”อี้จิ้งขนลุกเกรียวเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย ยิ่งตากระตุกข้างขวาถี่ยิบบ่งบอกลางร้าย

    “เจ้าให้เขาทำอันใด?”อี้จิ้งพยายามปรับเสียงให้นิ่งไม่แสดงอากาศวิตกถึงแม้ในใจจะมีคำอุทานนับพัน

    “ข้าให้เขาทำงานทั่ว ๆ ไปที่มีและผ่าฟืน”เจียอินยิ้มส่งให้อย่างประจบ

    “ผ่าฟืน...”เขาเอ่ยอย่างเลื่อนลอย เวรแล้ว...เจ้ากล้าให้พระเอกผ่าฟืนรึ! เด็กแค่เพียงสิบปี แต่ใช้ขวานและที่สำคัญคงอ้างชื่อร่างเขาให้เด็กคนนั้นทำตามสินะ ไม่แปลกใจสักนิดในเรื่องจะตายในสามตอน... เพราะลิ่วล้อตัวดีกำลังยิ้มแฉ่งต่อหน้าไงล่ะ!

    “ใช่ขอรับ ผ่าจนไม่มีฟืนให้ผ่าแล้ว”ยิ่งฟังประโยคถัดมาเหมือนลมจะจับ ขาดแล้ว...ชะตาขาดแล้ว ปานนี้คงมิใช่สาปแช่งเขาหรอกหรือ

     

    ฉับ ขวานอันหนักผ่าตรงไม้อย่างพอดี ซานเหวินเช็ดเหงื่อตามไรผมที่หยดย้อยลง งานพวกนี้เขาเคยช่วยท่านตาทำอยู่บ้าง จึงทำให้เขาไม่ลำบากในการออกแรงเท่าไหร่ มือเด็กชายกลับมีรอยแผลแตกซึมยามขยับ ทำให้เจ็บแสบ ไม่น่าเชื่อว่าบุรุษผู้มอบยาทาให้วันนั้น จะสามารถสร้างความขุนมัวในอกมากขนาดนี้ แม้ว่างานที่สั่งมิได้เอ่ยด้วยเจ้าตัวโดยตรงก็ตาม

    เด็กชายเองแม้จะไม่ค่อยพูดจาหรือแสดงความขัดขืนแต่เขาก็คือเด็กน้อยเท่านั้นเอง เหตุใดจึงถูกกลั่นแกล้งไม่มีหยุดหย่อน “ซานเหวิน เจ้าทำอันใดหรือ”เจ้าของเสียงเล็กเอ่ยขึ้น พร้อมกับการปรากฏตรงหน้า

    “คุณหนู…”ซานเหวินเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นร่างอายุวัยเดียวกัน นางสวมชุดสีสว่างขับผิวเน้นเทียบกับสีอาภรณ์

    “ตายจริง! ผู้ใดสั่งเจ้าผ่าฟืนพวกนี้!” นางรู้สึกโมโหยิ่ง เมื่อเห็นว่าซานเหวินผ่าฟืน งานหนักที่ขนาดผู้ใหญ่ยังไม่อยากทำกลับให้เด็กน้อยวัยเดียวเป็นผู้กระทำ ร่างผอมแห้งกินอด ๆ อยาก ๆ กำลังทำอยู่ มันโหดร้าย 

    นางรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องอย่างที่สุด พี่ชายรับปากว่าจะดูแลให้ดี... แต่บัดนี้มันกระจ่างแก่สายตาแล้ว ที่เรือนนี้ทารุณอีกฝ่ายอย่างป่าเถื่อน หากกระทำต่อไปเช่นนี้เกรงว่า คนตรงหน้าจะไม่ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ นางต้องหาทางอย่างใดบ้างแล้วล่ะ เด็กหญิงคิดในใจ อย่างเงียบเชียบกับแผนตน นางอยากจะช่วยให้ได้เพราะรู้สึกถูกชะตาผสมกับความน่าสงสารนั้น

    “มันไม่ลำบากนักหรอก”ซานเหวิน ปฏิเสธบ่ายเบี่ยง

    “ได้อย่างไรล่ะ ข้าจะช่วยเจ้าเอง”คุณหนูซูซ่งเลิกแขนเสื้อสีสดขึ้นเหนือศอกแย่งไม้จากเด็กอีกคน จนเกิดสิ่งที่เรียกว่า กิริยาไม่เหมาะควรเกิดขึ้น 

    “ทำอันใดหรือคุณหนู?”ฝ่ายเด็กชายก็ไม่ยอม ยื้อแย่งกันไปมา ทุกเหตุการณ์ผ่ายสายตาคุณชายหยางฉือจิ้งแล้วเรียบร้อย เห็นท่าทางสนิทสนมของทั้งคู่ คิ้วเรียวงามพลันขมวดยับ ริมฝีปากบุรุษชุดแพรไหมเม้มเฉียบครุ่นคิด 

    อี้จิ้งยืนเป็นหัวตอเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ทำไมเขาต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก! ซ้ำยังต้องทำภารกิจ เขาอยากจะทึ้งหัวตัวเองให้รู้แล้วรู้รอดไปเสีย!

    “พี่ใหญ่ท่านจะทำเช่นไรดี?” เจียอินถามความคิดเห็นเขา ซึ่งในอกตอบไปว่า ไม่รู้เหมือนกัน ข้าควรจะกลับไปนอน แต่ด้วยความที่ไม่สามารถที่จะเอ่ยเช่นนั้นไปโดยตรงได้จึงทำเพียงปั้นหน้าเย็นชาครู่หนึ่งแทน

    “ไม่มีสิ่งใดต้องทำ”จบคำอี้จิ้งเดินเข้าหาเด็กน้อยทั้งสองพร้อมแสดงยิ้มหวานราวไม่มีเรื่องอะไรเดือดร้อน

    “น้องพี่ ลมอันใดหอบมาที่เรือนข้าได้” คุณชายหยางฉือจิ้งเอ่ยทักแต่คุณหนูซูซ่งกลับทำหน้าบูดบึ้งไม่ยิ้มรับและไม่โค้งคำนับ เด็กหญิงมีอารมณ์ขุ่นเคืองแสดงออกชัดเจน

    “ลมโกรธเจ้าค่ะ”ซูซ่งยืนประจันหน้าบุรุษผู้ขึ้นชื่อ คุณชายจอมเอาแต่ใจ แม้นางจะไม่เคยเห็นพี่ชายแสนดีทำสิ่งย่ำแย่ปรากฏแก่สายตาสักหนแต่ย่อมได้ยินผ่านหูอยู่บ้าง บัดนี้นางได้เคลือบแคลงใจแล้ว

    “ใครผู้ใดทำกัน?”คุณชายหยางฉือจิ้งเลิกคิ้วแสแสร้ง 

    “ท่านอย่างไรล่ะเจ้าค่ะ รับปากกับข้าแล้วว่าจะดูแลเขาเป็นอย่างดี แล้ววันนี้กลับให้เขาผ่าฟืน งานหนักเพียงนี้ ท่านกล้าสั่งได้อย่างไร?”ปากแดงสีระเรื่อของนางเต็มไปด้วยอารมณ์ร่วมอยู่หลายส่วน

     “ข้ามิได้สั่งให้เขาทำ”คุณชายหยางอี้จิ้งกล่าวนิ่งเรียบ ท่าทางไม่มีสิ่งกระทำชั่วร้ายราวเป็นผู้บริสุทธิ์

    “เช่นนั้นหากไม่มีใครสั่ง เขาจะทำงานพวกนี้ได้อย่างไรหรือเจ้าคะ?”เด็กหญิงแย้งถึงนางจะยังเด็กกว่าแต่ความเฉลียวฉลาดทันคนเป็นอาวุธชั้นดีของคุณหนู นางจะไม่ตกหลุมพรางพี่ชายต่างสายเลือดโดยง่าย

    “เขาเต็มใจทำเอง ข้ามิได้บังคับ”บุรุษชุดแพรไหมสูงราคาปรายตามองทางเด็กชาย บ่งบอกว่าตนไม่ได้สั่งการ

    อี้จิ้งแทบจะกัดลิ้นตนเมื่อต้องมาปั้นหน้าเป็นคนแสร้ง เสียงในหัวเตือนอีกครั้งว่าห้ามทำนอกกรอบหรือการ OOC จึงต้องทำไป แม้ว่าตนจะยังไม่รู้บทลงโทษเมื่อ OOC ก็ตาม

    “จริงหรือซานเหวิน?”นางหันไปถามเพื่อให้กระจ่างต่อคำตอบ

    “ขอรับ ข้าเต็มใจ” ซานเหวินต้องยอมรับคำตอบไว้ก่อนมิฉะนั้นอนาคตคงต้องโดนมากกว่านี้ควรเลี่ยงปะทะคือวิถีดีที่สุดในความคิดเห็นของเด็กชาย กระนั้นก็ลอบมองใบหน้าคุณชาย แม้ว่าจะดูซีดเซียวลงเล็กน้อยแต่วันนี้ก็ดูมีน้ำมีนวลขึ้น คาดว่าคงจะใกล้หายดีเป็นแน่แท้ เพียงเท่านี้ก็รู้สึกอ่อนนุ่มในใจโดยอธิบายไม่ถูก

    “ถ้าเช่นนั้น ข้าขออภัยแก่ท่านด้วยเมื่อครู่ข้าวู่วาม”คุณหนูซูซ่งโค้งตัวขอโทษพร้อมใช้มือดึงชายเสื้อลงตามเดิม นางเริ่มระบายยิ้มหวานออดอ้อนดังเช่นเดิม พลอยทำให้ใบหน้าคุณชายหยางอี้จิ้งอ่อนโยนถึงสามส่วน ซานเหวินมีความขุ่นมัวเล็กน้อย แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใดจึงเลือกที่จะก้มหน้ามองพื้นดินสกปรกแทน

    “เรื่องเข้าใจผิด มีหรือที่ข้าจะใส่ใจ”คุณชายยิ้มบางไม่ถือส่งเสริมให้ดูเป็นบุคคลใจกว้าง อัธยาศัยดีเป็นที่หนึ่ง

    “ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็พักเถอะพี่ชายข้าไม่ได้บังคับ”เสียงนางบอกซานเหวินวัยเดียวกันให้หยุดการผ่าฟืนพวกนี้

    “ใช่แล้วเจ้าเหนื่อยมากเกินไปฉะนั้นควรไปพักเถิด”อี้จิ้งใช้โอกาสเมตตาหวังว่าพระเอกจะเข้าใจ และยอมอภัยในสิ่งที่เขาไม่ได้ตั้งใจก่อด้วยการใช้มือของตนกุมไหล่บอบบางของเด็กน้อยเบา ๆ เผื่อว่าความอบอุ่นจากมือเขาจะทำให้อีกฝ่ายไม่อยากฆ่าเขาทิ้งภายในอนาคตอันใกล้นี้

    “ขอรับข้าขอตัว”ซานเหวินพาตนออกห่าง มืออันด้านชามีเลือดซึมเขาซ่อนบาดแผลนั้นไว้ไม่ถูกสังเกต

    “ว่าแต่คุณหนูมาที่นี่เพราะเหตุใดกันล่ะ?”อี้จิ้งถามเหตุ เมื่อร่างของพระเอกเดินไปไกลได้ระยะห่างแล้ว

    “ข้าจะมาขอบคุณพี่ชายที่ช่วยชีวิตข้าเจ้าค่ะ”คุณหนูยิ้มสดใสราวกับหยกสะท้อนแสงจนเกิดประกายงาม ช่างเป็นรอยยิ้มที่งดงาม อี้จิ้งวิเคราะห์ได้จากการเห็นมุมปากของเด็กหญิงยกขึ้นอันเนื่องมองดูมาหลายคราว ซ้ำในนิยายยังกล่าวพรรณนาถึงเอกลักษณ์ของนาง

    “เรื่องเล็กน้อย”อี้จิ้งตอบรับนางแล้วใช้สายตาสำรวจกองฟืนถูกผ่าขนาดใหญ่อดคิดมิได้ว่าหากมันสับร่างของคนคงไม่มีชิ้นดีเหลือเล็ดรอด เพียงเท่านี้ขนแขนขนขาต่างก็ลุกขึ้นพรึบโดยไม่ได้นัดหมาย

    “พี่ชายเจ้าคะ ข้ามาที่นี้ทุกวันได้หรือไม่?” เด็กหญิงวางแผนสอดแนมการกระทำของคุณชายหยางฉือจิ้งที่จะกระทำซานเหวิน จึงเอ่ยขอร้อง

    “เรือนบุรุษนี้ หากมาทุกวันจะดูมิงาม”เขาปฏิเสธคำขอ หนึ่งคือไม่เหมาะควรนัก สองด้วยเรือนนี้เป็นพื้นที่ของเขาแต่ก็ไม่อยากให้มาทุกวัน อันเนื่องนางเองก็เป็นสตรี

    “ข้าอยากมาที่นี่เจ้าค่ะ หวังว่าพี่ชายจะไม่ว่า”ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมอง เพียงเท่านี้จิตใจอันบอบบางของเขาก็คลายพังทลายลง

    “ข้าจะว่าอันใดให้เจ้าได้ล่ะ”คุณชายหยางฉือจิ้งถอนหายใจปลงตก ส่งเสริมบุคลิกนั้นดูเป็นผู้มีจิตใจกว้างใหญ่ดุจแม่น้ำกว้างที่ไม่รู้วันข้ามฝั่ง

    “เช่นนั้นก็ดี ข้าขอตัวไปเล่นกับซานเหวินก่อนนะเจ้าค่ะ”จบคำนางวิ่งเร่งตามไปทันที โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้กล่าวใดอื่น 

    เฮ้อ...เด็กน้อยหนอก็ยังคงเป็นเด็กเท่านั้น อี้จิ้งกล่าวเองในใจ ตอนนี้ก็เหลือเพียงเขากับลูกน้องหมายเลขหนึ่งเช่นเดิม

    “พี่ใหญ่ ข้ามีสิ่งสำคัญให้ดูบางทีท่านน่าจะจัดการเจ้านั่นได้”เจียอินมองดูสิ่งที่เกิดตรงหน้า รอยยิ้มนั้นก็คล้ายจะน่ากลัวอยู่หลายส่วนอีก ตาของเขากระตุกถี่แรงหนักลางร้ายก่อขึ้นอีกหน

    “อันใดหรือ?”อี้จิ้งขมวดคิ้วแววสงสัย

    “นี่ขอรับ ข้าแอบขโมยมาตอนที่เขาไม่อยู่”เจียอินนำสิ่งหนึ่งมาสายตาของคุณชายหยางฉือจิ้งโตขึ้นตะลึง มารดามันเถอะ! 

    “นี่คือ...”อย่าบอกว่าเป็นสิ่งที่เขากำลังคิด หากใช่ก็บังเกิดความฉิบหายได้แล้ว

    “ผ้าเก่าผืนหนึ่งของมัน ที่ดูแล้วน่าจะหวงมาก ข้าดูแล้วก็เป็นผ่าผืนเก่าเอง บางทีมันอาจจะมีประโยชน์ต่อเรา”ยิ่งฟังเจียอินพูด เขาก็พลันรู้สึกอยากจะเป็นลม จึงอุทานขึ้นมาในใจเสียงดัง

    ฉิบหาย! ผ้าผืนนั้นตามเนื้อเรื่องคือ ผ้าของพระเอกที่ตากับยายบอกเล่าว่าเป็นผ้าที่ห่อหุ้มเขาตอนเป็นเด็กทารกลอยตามกระแสน้ำในบนเรือไม้เก่าอันนี้ โดยมีชื่อปักให้เขียนไว้ว่า ซานเหวิน จึงเป็นที่มาของชื่อ แล้วให้พระเอกเก็บไว้เผื่อตามหาพ่อกับแม่ที่แท้จริงของเขาต่อไป มันคือเบาะแสชั้นดีนั่นเอง

    ทว่ามันก็ต้องแหลกสลายกลายเป็นเถ้า เมื่อคุณชายหยางฉือจิ้งนำมันมาและเผาต่อหน้าตาต่อตา ซานเหวินเจ็บใจที่ไม่สามารถปกป้องผ้าผืนนั้น ความแค้นจึงเริ่มเพิ่มขึ้นทวีคูณ ไม่แปลกถึงโศกนาฏกรรมของร่างที่อยู่ ขนาดเขาอ่านยังร้องให้ซึมตามสงสารจับใจ ตอนนั้นเขาพิมพ์ด่ารัวแป้นอย่างระอุไปถึงเกือบสองหน้ากระดาษ เพื่อสรรหาคำมาด่าเจ้าสารเลวหยางฉือจิ้ง 

    กรรมที่เป็นนักเลงคีย์บอร์ดนั้นจะตอบสนองมาในรูปแบบเข้ามาอยู่ในร่างตัวละครนี้ สมควรอย่างยิ่ง เพราะภารกิจถัดไปของเขาก็คือ การเผาผ้าของพระเอกเพื่อรับแต้มด้วย...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×