คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : บทที่ ๓.๑ ไม่ฟังกันบ้าง(รีไรท์ 2)
อี้จิ้งนำร่างเด็กหญิงนั้นวางลงบนเตียงอย่างเบามือ แล้วจึงรีบบอกให้เจียอินตามคนรับใช้ส่วนตัวของนางมารับ ซึ่งเห็นสภาพซูซ่งสลบไม่ได้สติก็เกิดความเป็นห่วง เนื่องด้วยตลอดที่ผ่านมานางมักมาคุยเล่นด้วยที่จวนอยู่บ่อยครั้ง จึงสนิทดั่งพี่น้องแท้ ๆ อยู่หลายส่วน
มือเขาสัมผัสถึงความเย็นเฉียบคุณหนูแล้ว จึงอาสานำผ้าห่มให้หวังคลายหนาว หากเสื้อผ้านางชื้นเปียก แล้วรอบ ๆ จวนเขาก็ไม่มีบ่าวรับใช้ที่เหลืออยู่เลย จึงชั่งใจสักครู่หนึ่ง แต่หากไม่กระทำตอนนี้มิหวังเด็กคนนี้อาจจะปอดบวมได้...
“ขอโทษด้วยนะ”เขากล่าวเบาหวิวกับนางจึงค่อยเอื้อมมือปลดปมผูกชุด ทว่าแผ่นหลังของเขาก็ได้รับรู้บางสิ่งที่มองอยู่ เมื่อหันกลับไปดู พบว่าผู้นำตระกูลซูยืนอยู่หน้าประตู พร้อมกับฮูหยินใหญ่ โดยมีซานเหวินยืนก้มหน้าอยู่ขนาบข้าง
“หยางฉือจิ้ง บังอาจนัก!”สุรเสียงทรงอำนาจแฝงเจือด้วยโทสะเป็นผลให้นางที่นอนอยู่บนเตียงเขาตื่นขึ้นมา
“กรี๊ด!”คุณหนูซูซ่งถอยร่น นำผ้ามาคลุมตัวอย่างตระหนกตกใจ
“จับตัวคุณชายหยางฉือจิ้งไปที่แท่นโบยเดี๋ยวนี้!”คำต่อมาของผู้นำตระกูลทำเอาอี้จิ้งขนลุกทั่วร่าง เขารู้สึกงุนงงเป็นอย่างมากจึงถูกรวบตัวโดยมิได้ขัดขืน
มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ เขามั่นใจได้ ว่ามันไม่ควรทำให้เขาตกที่นั่งลำบากเช่นนี้ ตามเนื้อเรื่องเดิมอาจจะใช่ที่ลงเอยแบบเดิม แต่เขาอยู่ในร่างหยางฉือจิ้งอยู่ยังไม่ได้คิดจะลวนลามคุณหนูหรือกระทำอันป่าเถื่อนดั่งในนิยาย หรือว่ามันอาจเป็นพล็อตฉากที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้กัน อี้จิ้งนึกวิเคราะห์ในใจเสร็จสรรพ
“นำมันไปโบยให้ครบห้าสิบครั้ง จนกว่าจะครบ”ผู้นำตระกูลซูกล่าวบอกผู้ทำการลงโทษคุณชายหยางฉือจิ้ง
เดี๋ยวนะ!ห้าสิบไม้เชียวรึ มันมากกว่าที่นิยายบ่งบอกไว้นี่ อี้จิ้งจิตนาการถึงบาดแผลที่โผล่จากบั้นท้าย ครานี้จะต้องช้ำจนไม่สามารถเดินเหินปกติอีกหลายวันแน่
“แต่ว่าห้าสิบหนมันไม่มากเกินไปหรือขอรับ”บ่าวรับใช้ฉกรรจ์อาจหาญถามแย้งขึ้น
“หรือเจ้าจะยอมโดนโบยแทน?”ผู้นำตระกูลซู่เค้นทีละคำ บ่าวรับใช้ผู้นั้นจึงรีบก้มตัวน้อมรับคำสั่งไปยังแท่นโบยโดยไม่ถามอันใดเพิ่ม อี้จิ้งจึงลองร้องขอความเมตตาจากอีกฝ่าย
“ท่านพ่อข้าไม่เคยคิดล่วงเกินน้องสาวนะขอรับ ได้โปรดฟังข้าด้วยขอรับ”ร่างคุณชายหยางฉือจิ้งคลุกพื้นดินจนหม่นหมองราศี
“เจ้าอย่าแก้ตัวอีกเลย สิ่งที่เห็นล้วนฉาวโฉ่จะต้องอธิบายเพิ่มเติมอีกหรือ...”สายตาเกรี้ยวกราดนั้นเพ่งเล็งจนเขารู้สึกหวาดกลัว เป็นครั้งแรกที่โดนสายตาผู้นำตระกูลซูเฉยชาต่อคำร้องขอ
“พี่ใหญ่!”ลูกน้องหมายเลขหนึ่งวิ่งมาถึงก็ตกตะลึง เพียงแค่ห่างไม่ถึงครึ่งก้านธูปก็มีเรื่องใหญ่ปรากฏโดยไม่ตั้งตัว เจียอินรีบคุกเข่าต่อหน้าผู้นำตระกูลซู
“ได้โปรดอย่าลงโทษคุณชายเลยขอรับ”เจียอินใช้ตัวเองกั้นทางปิดไม่ให้ผู้มีอำนาจได้ไปไหน น้ำตาไหลนองหน้าเกลี้ยงเกลาอย่างหมดสภาพ
“หลีกซะ”เสียงเย็นเฉียบยากที่จะประโลมเอ่ยแฝงด้วยอำนาจอันล้นพ้น
“ไม่ขอรับ จนกว่าท่านจะไม่ลงโทษคุณชาย”แม้เจียอินจะกลัวเต็มอกแต่เขาก็ไม่ยอมถอย คุณชายของหยางฉือจิ้งจะต้องปลอดภัย
“นำเขาออกไป”บ่าวรับใช้ที่อยู่ใกล้เคียงรีบนำเจียอินพ้นทางผู้นำตระกูลซูที่อารมณ์ร้อนยิ่งกว่าไฟพาลากเขาพ้นสายตา
“ได้โปรดเถอะขอรับ! อย่าลงโทษคุณชายเลย!”กระนั้นลูกน้องหมายเลขหนึ่งยังตะโกนย้ำ หากก็ไร้ประโยชน์ไปเสียแล้ว
ตอนแรกนั้นซานเหวินเพียงแค่เห็นใครสักคนทำทีลับ ๆ ล่อ ๆ ตรงเรือนคุณชาย เมื่อมองมาแล้ว กลับไม่รู้เลยว่าหายไปที่ใด เขาจึงแอบหลบตรงพุ่มไม้รกตรงนั้น ไม่นานร่างคุณชายหยางฉือจิ้งพร้อมกับเจียอินก็มาถึงและนำร่างหนึ่งขึ้นด้วยแผ่นหลังสง่านั่น หากจำไม่ผิดคือคุณหนูซูซ่งหมดสติอยู่
เด็กชายไม่เข้าใจเหตุการณ์ตรงหน้ามาก ทว่าไม่ถึงหนึ่งก้านธูปกลับมีคนมากมายมุ่งหน้ามายังเรือนคุณชายและตอนนี้ซานเหวินทำได้เพียงจ้องร่างผู้ถูกโบยเท่านั้น เขาไม่สามารถที่จะอธิบายได้ว่าเกิดอันใดขึ้น ยามปกติคุณชายผู้นี้จะไม่เคยถูกลงโทษหนักหนาแต่ครั้งนี้มันจะหนักสาหัสยิ่ง
กลิ่นสนิมลอยขึ้นสู่จมูก อี้จิ้งกัดฟันกรอดเพื่อบรรเทาความเจ็บครานี้มันยาวนานกว่าครั้งใด เขาสติเลือนไม่รู้ว่ามันสิ้นสุดการลงโทษตรงไหน เหตุใดจึงถูกลงโทษด้วย ผู้นำตระกูลซูไม่ฟังเหตุผลเขาเลยด้วยซ้ำ คุณหนูซูซ่งอยู่ในอาการตกใจจนไม่สามารถฟังคำจากปากของเขา
เจียอินร้องให้สะอึกสะอื้นเนื่องด้วยไม่อาจช่วยเหลือเขา
นี้มันบ้าไปแล้ว
อี้จิ้งรู้สึกทรมานเมื่อบริเวณที่โดนโบยปริแตกจนซึมชุ่มเลือดแดงฉาน จึงหันหน้าไปอีกทาง พบเจ้าเด็กน้อยซานเหวินจับตาดูอยู่ ขนทั้งร่างลุกเกรียวเพราะพระเอกคงจะเหมือนในนิยายซึ่งตอนนี้กำลังพอใจกลิ่นเลือดและเสียงโหยหวนเจ็บแน่ ๆ อี้จิ้งทนความเจ็บได้ไม่นานก็สลบไป
จนกระทั่งเป็นเช้าของอีกวัน อี้จิ้งลืมตาอย่างยากลำบาก แต่กระนั้นสำเร็จจนได้ ข้างตัวเขาคือเจียอินกรูเข้ามาถามดูอาการด้วยใบหน้าอิดโรย คงจะจับตาเฝ้าทั้งคืนไม่ห่างแน่ ท่าทางคงจะไม่ไหวตาทั้งสองดูจะปิดอีกครั้ง
“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”หน้าตาของอีกฝ่ายดูเป็นห่วงอย่างที่สุด คราบน้ำตาแห้งกรังติดร่องรอยบนหน้า
“เจ็บ”มันคือสิ่งแรกที่ปรากฏในความคิดเชียว ไม่อาจฝืนทนกลั้น
“เดี๋ยวข้าทายาให้ขอรับ”ลูกน้องหมายเลขหนึ่งนำตลับยามาให้เตรียมจะทา เขารีบคว้าข้อมือของเจียอินแน่น
“ไม่ต้อง ข้าทาเอง”คุณชายหยางฉือจิ้งกระตุกคิ้วเล็กน้อยก่อนเอื้อมมือหยิบตลับยามาไว้กับตัว เจียอินเห็นดังนั้นจึงคิดว่าคุณชายคงไม่ชอบให้แตะต้องตัว คอหดเล็กลงทันที
“เช่นนั้นข้าจะนำยาต้มมาให้ขอรับ”
“อืม” อี้จิ้งเหนื่อยล้าเกินกว่าจะพูดประโยคยาวเขาขอนอนนิ่งเฉยสักระยะเสียดีกว่า
ณ เรือนฮูหยินรอง คนรับใช้ผู้สนิทเอ่ยความสำเร็จของแผนการทั้งหมด นึกไม่ถึงว่าสตรีที่กล้าสั่งสอนบุตรชายตนเองมีจิตใจอำมหิตเยี่ยงนี้ นางหัวเราะหนัก ๆ อย่างสะใจ เพราะลูกชายตัวดีทำให้เสียหน้าและพลาดขุมสมบัติไป เพียงแค่ตบแต่งกับสตรีที่มีเพียงแค่หนวดเฟื้อยยาวเท่านั้นเอง แต่ลูกชายก็ไม่เอาไหนวิ่งหนีราวกับเจอตัวประหลาด จึงได้คิดเหตุการณ์นี้มาวางกับดักลูกชายตน เพราะมักจะเอ่ยถึงบุตรีของบ้านด้วยความเสน่ห์หาเกินเลยมากกว่าน้องพี่
“ที่นี้แหละ ลูกชายข้าจะได้หลาบจำ”นางหัวเราะในลำคออย่างเป็นผู้เหนือกว่า
หลังจากนั้นผ่านไปประมาณเกือบหนึ่งสัปดาห์เต็ม ที่เรือนคุณชายหยางฉือจิ้งดูงียบเหงามากกว่าครั้งใดเพราะ อนึ่งคุณหนูซูซ่งไม่กล้ามาเรือนนี้แล้ว อีกทั้งท่านผู้นำตระกูลโกรธคุณชายถึงขีดสุดและฮูหยินรองก็ไม่มาเยี่ยมลูกชายหัวแก้วหัวแหวนสักหน
อี้จิ้งใช้เวลาทั้งหมดอ่านตำราและฝึกพลังปราณให้ดี เผื่อเขาจะสู้กับพระเอกในอนาคตได้!
“พี่ใหญ่ ทานยาสักหน่อยเถิด”เจียอินนำถ้วยยาอันขมคอส่งให้
“...”สาเหตุที่ไม่อยากอาหารอาจจะเป็นรสชาติยาพวกนี้แน่ ยิ่งรสขมติดปลายลิ้นทั้งวันก็รู้สึกไม่เจริญอาหาร
“ท่านเอาแต่อ่านตำราพวกนี้ทั้งหมดเลยหรือขอรับ?”เจียอินมองอย่างไม่เชื่อสายตาตน
“ใช่แล้ว”อี้จิ้งจึงปิดหน้ากระดาษก่อนจะยกถ้วยกระดกลงรวดเร็วเพื่อไม่ให้ลิ้นรับรส
“พี่ใหญ่ช่างขยันดีจริง ๆ ”
“...”เพราะเขาไม่อยากจะจบชีวิตต่างหากล่ะ ใช้เวลานี้รีบฝึกรีบเก่งเขาจะได้มีชีวิตรอด แม้ว่าตำราพวกนี้จะอ่านดูเรื่องราวเหนือเกินจริงของเหล่าผู้ขี้โม้โอ้อวดในยุทธภพก็เถอะ
“พี่ใหญ่ขอรับ มีคนบอกว่าเจ้าซานเหวินเป็นคนไปฟ้องผู้นำตระกูลซู ข้าเลยให้พวกเขาสั่งสอนสักหน่อย มันคงเข็ดไปอีกนาน ท่านว่าดีหรือไม่ขอรับ?” ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่ทำมันไร้ประโยชน์ไปเสียแล้ว อี้จิ้งคาดว่าอนาคตของเขามันหมดหนทางไร้แสงสว่างหมดสิ้น
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?”
“ข้าให้พวกเขาสั่งสอนเจ้าซานเหวินอย่างไรล่ะขอรับ”อี้จิ้งหน้าซีดไร้สีไปเรียบร้อยแล้ว
ซานเหวินถูกเตะ ทุบ และตบอย่างไร้ความปราณี ความเจ็บแทรกทุกอณูรู้สึก เขาจ้องมองทุกคนที่กระหนำทำร้ายเขา มือนั้นจึงกำแน่น วันใดวันหนึ่งพวกมันจะต้องเจ็บมากกว่านี้ เจ็บจนต้องร้องขอชีวิตจากเขา เพียงแค่นึกถึงกลิ่นเลือดโชยแตะจมูก ซานเหวินพลันยกยิ้มมุมปากพอใจใต้ผมเผ้ารุงรังของเขา
“หยุดเดี๋ยวนี้!”เสียงเล็ก ๆ ของคุณหนูซูซ่งเป็นเหตุให้พวกที่ทำร้ายซานเหวินหยุดและรีบวิ่งหนีไป
“คุณหนูมาแล้ว เร็ว ๆ รีบหนี!” เมื่อคนพวกนั้นวิ่งหายพ้นสายตาแล้ว ร่างเด็กผู้หญิงขึงเดินเข้าหาซานเหวิน ปากชมพูจิ้มลิ้มนี้ขยับปลอบเด็กชายผู้นั้น นางนั่งลงข้างตัวโดยมิสนความสกปรกตรงพื้นดิน
“เจ้าเจ็บที่ใดอีกหรือไม่?”
“ข้าไม่ได้เป็นอันใดนักคุณหนูลุกขึ้นเถิด ที่แบบนี้มันไม่คู่ควรกับท่าน”ซานเหวินกล่าวบอกแก่นาง ซึ่งนางก็ดื้อรั้น
“ที่แบบไหนที่คู่ควร ข้าไม่เข้าใจ”นางขมวดคิ้วงาม เอาแต่บอกว่ามิควรทุกหนไป
“คุณหนูอยู่ในตระกูลสูงศักดิ์ ไม่ควรมาเกลือกกลั้วกับข้านะขอรับ”ซานเหวินถ่อมตัว
“ช่างเถิด ข้ามิได้สนใจใยดีเรื่องเช่นนี้เสียหน่อย”นางดันลมเข้าแก้มสองข้างพองไม่พอใจ “ซานเหวิน คืนนี้ยามซวี[1]มาหาข้าที่สระบัว ข้าจะนำบางสิ่งให้ ห้ามให้ใครเห็นด้วยล่ะ ข้าจะรอเจ้าหวังว่าคงไม่ผิดนัดกับข้า”นางฉายสายตามุ่งมั่นบางสิ่ง ในหัวของนางนั้นเห็นสภาพของอีกฝ่ายแล้วทนไม่ได้
นางจึงนำของมีค่าของตนทั้งหลาบทยอยขายแล้วได้เงินจำนวนหนึ่ง มันมากพอที่จะให้ซานเหวินเป็นอิสระพ้นจากขุมนรกบนดิน
“ขอรับ”ซานเหวินรับปาก
“ดีมาก เอานี้ไปกินซะสิ”นางนำขนมมาจากถุงผ้ายื่นส่งให้เด็กชาย
“ขอบคุณขอรับ คุณหนู” ซานเหวินรับมา กลิ่นหอมหวานทำให้เขาลืมความเจ็บไปชั่วขณะจึงรีบกินเร่ง ซูซ่งยิ้มบางเมื่อเห็นท่าทางหิวโซนั้นถูกบรรเทาด้วยอาหารที่นางนำมา
“ค่อย ๆ กินก็ได้ ไม่มีผู้ใดแย่งหรอก”
อี้จิ้งลอบมองเห็นว่าพระเอกถูกช่วยเหลือด้วยหนึ่งในฮาเร็มก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย ซูซ่งหายหน้าไปจากเรือน นางดูมีชีวิตชีวาขึ้น แต่เด็กชายเต็มไปด้วยร่องรอยแผล
อ่า...บาดแผลพวกนั้นเยอะจนไม่อาจคาดคะเนความเจ็บได้หมด แย่แล้วแน่ เกรงว่าอาการสาหัสจะไม่ได้มีเพียงแค่ซานเหวิน แต่มันสาหัสทั้งเด็กน้อยและชะตาเขานั่นเอง
[1] 19.00 น. – 20.59 น.
ความคิดเห็น