คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : บทที่ ๓.๒ ไถ่ตัว(รีไรท์ 2)
ยามซวีนั้นมีร่างเด็กชายมอมแมมหลีกเลี่ยงผู้คน จนมาถึงสระบัวแม้จะมืดดึกดื่นแล้วก็ตามแต่สายตาของซานเหวินยังคงมองเห็นได้ชัดเจน มีแสงเล็กถูกจุดขึ้นอยู่ตรงมุมสระบัว หากไม่สังเกตดีพอจะไม่รู้ว่ามีคนอยู่รอ ร่างนั้นเป็นใครมิได้นอกจากคุณหนูตัวเล็ก นางมีสมองที่ชาญฉลาดจึงสามารถลักลอบออกมาเช่นกัน
“ซานเหวินมานี่เร็ว”ซูซ่งกวักมือเรียกเด็กชายวัยไล่เลี่ยกัน
“ข้ามาแล้วขอรับ”เขากึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าใกล้ร่างเด็กหญิง
“พรุ่งนี้จะมีคนไถ่ตัวเจ้า ฉะนั้นเจ้ารีบมุ่งหน้าไปสำนักชางฝูหยวนและฝากตัวเป็นศิษย์ซะ”
ชางฝูหยวนคือสำนักฝึกตนอันเลื่องชื่อ อันเนื่องด้วยการปราบพรรคมารให้สิ้นสูญเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วนี้เองซ่านเหวินได้ยินมาบ้าง เหตุใดคุณหนูจึงกล่าวบอกแก่เขาเช่นนั้นเล่า เด็กชายไม่เข้าใจมากนักแต่ก็ผงกศีรษะรับ
“เท่ากับว่าข้าเป็นอิสระเช่นนั้นหรือขอรับ แล้วเงินตั้งมากมายคุณหนูหามาจากที่ใดกัน?”
“ใช่แล้ว พรุ่งนี้เจ้าจะเป็นอิสระ ส่วนเรื่องค่าไถ่...ข้านำเครื่องประดับของข้าไปขายและนำมาเป็นค่าไถ่ให้เจ้า เพราะหากอยู่ต่อไป เจ้าอาจจะโดนคนของพี่หยางฉือจิ้งทำร้ายจน... เอ่อ เจ้าจงไปฝากตัวที่สำนักฝึกตนเสียดีกว่า อย่างน้อยพี่ชายข้าจะไม่สามารถตามรังแกเจ้าได้”นางร่ายยาวพร้อมความรู้สึกอันจริงจากใจ ซูซ่งกลัวเหลือเกินที่อีกฝ่ายอาจจะโดนทำร้ายอีก นางไม่อยากให้คนดีอย่างซานเหวินต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายที่เกินกว่าเด็กวัยเดียวกันจะต้องเผชิญ
“เงินตั้งมากมายขนาดนั้น เกรงว่าทั้งชีวิตข้าจะหาคืนคุณหนูไม่ได้”ซานเหวินไม่อยากให้ซูซ่งทำเพื่อเขานัก เงินทองของมีค่า คงจะรับไว้ไม่ได้
“ครั้งหน้ายังมีโอกาสทดแทน ข้าอยากให้เจ้าปลอดภัยเมื่อถึงตอนนั้น ข้าจะทวงบุญคุณเจ้าเอง”นางแน่วแน่ในคำตอบ
“ข้า...”เด็กชายยังอ้าปากพูดไม่ทบจบคำซูซ่งก็พูดแทรก
“อย่าปฏิเสธเลย อย่างน้อยชีวิตของเจ้าก็ควรใช้แบบเด็กทั่วไป มิใช่การถูกกลั่นแกล้งเช่นนี้”นางทนเห็นซานเหวินถูกรังแกฝ่ายเดียวไม่ได้แน่
“คุณหนู...”เด็กชายกล่าวไม่ออก นางช่างดีกับเขายิ่งนักราวกับความคับแค้นไฟร้อนถูกบรรเทาด้วยน้ำเหยือกใหญ่ มันชโลมเย็นบ้างแม้ไฟจะโหมรุนแรง
“ข้าให้”นางหยิบห่อผ้าบางอย่างดีส่งให้ซานเหวิน เมื่อเปิดดูออกคือปิ่นปักผมไม้เนื้อดีคล้ายกับตอนที่คุณชายหยางฉือจิ้งมอบให้
“สิ่งนี้…”
“ปิ่นปักผมข้า มอบให้เจ้า”นางส่งสายตาอันจริงใจ ซานเหวินจึงรับไว้นำมันเก็บไว้ใต้สาบเสื้อตน “อย่าลืมที่ข้าบอกล่ะ หลังจากไถ่ตัวแล้ว รีบมุ่งหน้าไปสำนักชางฝูหยวน นี้คือแผนที่ ข้าแอบเอามาจากห้องท่านพ่อ”นางพูดต่อ วางกระดาษแผ่นหนึ่งที่มีลวดลายเส้นตวัดอยู่
“คุณหนู ข้าดูมันไม่ออกหรอกขอรับ”ซานเหวินไม่รู้หนังสือ จึงยากนักที่จะเดินตามเส้นทางอันถูกต้อง
“ข้าจะสอนเอง ดูเส้นนี้นะ”มือเล็ก ๆ ของเด็กหญิงกางแผนที่ปลายนิ้วกดลงตามเส้นปะ“เส้นนี้เป็นทางที่เดินไปยังสำนัก เจ้าต้องสังเกตป้าย หรือสัญลักษณ์ที่ระบุในแผ่นนี้...” ซานเหวินตั้งใจฟังพร้อมจดจำทุกอย่างในหัว
“เข้าใจแล้วขอรับคุณหนู”เด็กชายกระจ่างใจแล้วรีบนำแผนที่เก็บมิดชิด
“ดึกเช่นนี้ ข้าต้องรีบกลับ หวังว่าเจ้าจะไม่ลืมข้า”ประโยคสุดท้ายซูซ่งมีใบหน้าแดงฉ่า ก่อนจะวิ่งกลับด้วยอาการเขินอาย ทิ้งให้เด็กชายมึนงงอยู่ชั่วครู่
ซานเหวินหยิบปิ่นนั้นมาพินิจดูอีก แม้จะผ่านมือผู้อื่นบ้างแล้วแต่อย่างไรของชิ้นนี้เป็นสิ่งของคุณชายมาก่อน
หึ...
ประกายตาเด็กชายแพรวพราวสะท้อนกับปิ่นไม้ โดยมิรู้เลยว่าจิตใจของเขากำลังคิดอันใดอยู่
คุณหนูซูซ่งนำถุงเงินจำนวนหนึ่งให้ คนรับใช้ผู้สนิทเดินไปที่เปลี่ยวในแถบตลาดร้านค้า พบกับยายชรายืนรอ นางส่งถุงผ้าหนักเงินตราให้เป็นค่าจ้างวาน
“อย่าให้ผู้ใดเห็นล่ะ”
“เข้าใจแล้ว ทำงานง่ายดายเพียงนี้เอง หากคุณหนูต้องการใช้อีก ก็เรียกข้าได้ตลอดเลย”รอยยิ้มตามฉบับนักต้มตุ๋นยิ้มหวานหยดย้อย นางกระทำการหลอกผู้คนมามากแต่ครั้งนี้คุณหนูตระกูลใหญ่ว่าจ้างให้แสดงละครฉากหนึ่งโดยง่าย เพียงแค่ทำทีไถ่ตัวของเด็กชายท่าทางไร้เดียงสาเท่านั้นก็ได้หลายตำลึงทอง
“ได้ รีบออกจากเมืองนี้ไปซะ”นางหันซ้ายหันขวาระวังผู้คน
“เจ้าค่ะ ข้าจะรีบออกไปแล้ว ส่วนเจ้าเด็กผู้นั้นเล่าเดินทางไปอย่างไร?”หญิงชราหมายถึงซ่านเหวิน หลังจากแยกตัวกันแล้วก็ไร้วี่แววทันที
“เขาคงเดินทางไปสักแห่ง เจ้าก็รีบไปเถอะ”
“เช่นนั้นข้าขอลา”นางยิ้มอารมณ์ดี อันเนื่องได้รับค่าจ้างมากมาย เพียงทำงานที่ไม่เปลืองแรงเลยสักเสี้ยว นางจึงค่อนข้างพอใจ หากมีงานเช่นนี้บ่อยครั้งก็คงดียิ่ง
เงาตรงกำแพงเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบเขารู้เหตุทั้งหมดแล้ว เรื่องนี้จะต้องถึงหูคุณชาย... ร่างนั้นเร่งฝีเท้ารายงานผู้เป็นนายด้วยความรีบ
หิมะโปรยปรายเม็ดเล็กหล่นลงพื้นดินสกปรก ความเย็นชื้นแผ่กระจายมาโดยรอบแทรกซึมสู่เส้นเลือดจนรู้สึกชาวาบไปทั้งร่าง แม้เตาไฟอันเล็กจะสร้างความอบอุ่นแก่เขาเพียงใด แต่อาการหนาวเหน็บนั้นไม่เคยจาง อาจเป็นเพราะฤดูเหมันต์มาเยือนเต็มบรรยากาศ หรืออี้จิ้งรู้ตัวแล้วว่าเรื่องดำเนินมายังบทที่สามเป็นที่เรียบร้อย... เพียงนึกก็คล้ายหายใจไม่ทั่วปอด เขาระลึกพึงไว้แก่ชะตาในนิยาย
“พี่ใหญ่ท่านสวมชุดคลุมเถิดขอรับ อากาศเช่นนี้ไม่ควรออกห้อง” เจียอินพึ่งกลับมาไรผมมีหิมะเกาะจนขาวเป็นจุด ๆ มือของเขาสั่นงกงัน รีบพาตัวมายังเตาไฟ
“เจ้าออกไปที่ไหนมา”คุณชายหยางฉือจิ้งเอ่ยถามขึ้น
“ข้าไปดูข่าวภายนอกจวนขอรับ ได้ยินมาว่ามียายแก่ผู้หนึ่งขอไถ่ตัวซานเหวิน”อี้จิ้งได้ยินดังนั้น เขาก็รู้สึกถึงขนแขนขนขาชัน เท่ากับว่าจุดจบของร่างนี้กำลังดำเนินมาถึงแล้วสิ!
“เช่นนั้นหรือ”
“ใช่ขอรับ ดูเหมือนว่ายายผู้นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับซานเหวินเลย?”ลูกน้องหมายเลขหนึ่งขมวดคิ้วเป็นปม ยิ่งคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่เป็นจริง
“ช่างเถิด คงไม่มีอันใดนักหรอก” อี้จิ้งไม่ควรเอาตัวไปถามหาเหตุใดอื่นแก่พระเอก เพราะมันจะนำภัยมาสู่เขาฉะนั้นจึงควรปล่อยว่างนิ่งเฉยและอยู่ที่นี้แบบเรียบง่ายเสียดีกว่า
“พี่ใหญ่ ข้ามีความคิดอันดีออกแล้วขอรับ”เจียอินยิ้มกว้าง
“คือ…”คิ้วข้างอี้จิ้งกระตุกลางไม่ดี
“ไหน ๆ เจ้านั้นจะห่างจากจวนตระกูลซูแล้ว ข้าคิดว่าควรสั่งสอนบทเรียนอันน่าจดจำที่สุดขอรับ” อี้จิ้งรู้สึกว่าความตายอยู่ใกล้เพียงปลายจมูก เมื่อเห็นเจ้าลูกน้องหมายเลขหนึ่งพูดขึ้น
“ข้าว่าเราควรพะ...”อี้จิ้งกล่าวยังไม่จบประโยค ฝ่ายนั้นรีบแทรกพูดอย่างอารมณ์ดี
“ข้าจะพาท่านไปรังแกเจ้าเด็กน้อยซานเหวินสักหน่อยก่อนขอรับ” รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏพร้อมด้วยเสียงของระบบ
[ภารกิจบังคับ ระบบขอมอบภารกิจที่ส่งผลต่อเนื้อเรื่อง โดยจำเป็นต้องรับภารกิจนี้ หากท่านไม่ยอมทำภารกิจ ระบบจะริบเก็บคะแนนทั้งหมดที่ท่านสะสมมาให้อยู่ในสถานะ ไม่สามารถใช้งาน ท่านจึงจำเป็นต้องดำเนินภารกิจนี้ด้วยการด่าว่าซานเหวิน พร้อมนำของมีค่าอย่างหนึ่งของซานเหวินไปทิ้งต่อหน้า ระยะเวลาที่กำหนด 12 ชั่งโมง แต้มที่จะได้รับ 500 แต้ม แต้มโบนัสเพิ่มอีก 20% ]
อี้จิ้งใบหน้าซีดเซียวไร้สีเมื่อได้ยินเสียงระบบมอบภารกิจบังคับ
ซานเหวินเดินด้วยเท้าเปล่าท่ามกลางบรรยากาศที่เลวร้ายที่สุด หิมะได้กัดเท้าเขาจนแดงเถือก มือเล็กกระชับผ้าคลุมแน่นกัดฟันเดินต่อไป ลมหนาวพัดระลอกขึ้นมันเย็นชานักแทบจะพรากชีวิตทุกเมื่อ หวนนึกถึงเรื่องที่คุณตากับคุณยายผู้มีพระคุณเล่าว่าเห็นเขาอยู่ในลำเรือไม้เก่านั้นก็เป็นฤดูเหมันต์เช่นกัน แม้ว่าจะหนาวแทบเป็นหนึ่งเดียวกับก้อนน้ำแข็งกระนั้นก็ยังรอดพ้นมาได้ ฟ้าคงอยากให้เด็กชายได้เติบใหญ่กว่านี้เป็นแน่
เขามองเห็นโพลงถ้ำเล็กที่อยู่ไม่ไกลนัก จึงเร่งฝีเท้าเข้าไปพักเสียหน่อย อย่างน้อยก็หลบลมได้ด้วยทักษะเด็กน้อยที่คอยเดินป่าตามติดตาเข้าไปบ่อยจึงสามารถดำรงชีวิตรอดปลอดภัยดี เขานำกิ่งไม้ต่าง ๆ ที่แห้งดีแล้วมาทำฟืนก่อไฟ สร้างความอบอุ่นและร่างกาย
ขณะเดียวกันกับคุณชายหยางฉือจิ้ง ผู้นั่งขบคิดวิตกอยู่อยู่จวนร่างสง่าของเด็กหนุ่มตระกูลสูงศักดิ์ กำลังนั่งพิงหัวไว้กับเสาเรือนอย่างเหนื่อยล้า หากเขาจะต้องทำภารกิจก็ต้องต่อหน้าพระเอก ฉะนั้นหมายความว่าจะต้องเดินทางตามซานเหวิน...
เอาแล้วสามตอนที่ว่ากำลังเคลื่อนมาใกล้ด้วยความจริงอย่างเลือดเย็น เขาเก็บแต้มไว้จำนวนหนึ่งประมาณเกือบครบแล้วได้แต่ถูกหักลบเหลือประมาณสองพันห้า หากได้อีกห้าร้อยแต้มน่าจะเก็บถึงหนึ่งหมื่นที่ว่า ตราบใดที่ยังสามารถเก็บแต้มได้เรื่อย ๆ ให้อิ่งผิงนางในดวงใจรอดพ้นชะตานั้น
ภารกิจนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซ้ำยังมีเวลากำหนดถอยหลังทุกวินาที อี้จิ้งถอนผ่อนลมหายใจ หากเป็นแบบเดียวกับของครั้งที่โดนลงโทษโบยนั้น แม้ว่าเขาจะเลี่ยงแต่ท้ายสุดจุบจบคงเป็นดั่งเช่นเดิม เพราะถูกกำหนดจากพล็อตเรื่องหลักไม่อาจพ้นหรือยกเลิก ถึงเขาจะยอมโดนลงโทษแหกกฎOOCก็ตาม หลังจากใช้เวลาหาหนทาง ผ่านการวิเคราะห์คิดมันกลายเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้
ครั้งหนึ่งมีภารกิจให้เขากลั่นแกล้งพระเอก ในตอนนั้นเขาได้แหกกฎทำการOOCผลลัพธ์มันน่ากลัวกว่าเก่า ความเจ็บเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งเท่าและทำการหักคะแนนอีกครั้ง หลังจากนั้นภารกิจก็โผล่มาเช่นเดิมเขาจึงต้องทำโดยไม่สามารถขัดขืน
ระบบยังย้ำอีกว่าหากยังOOCอีกครั้งระบบจะจัดการขั้นเด็ดขาด อี้จิ้งจึงไม่เคยขัดภารกิจหลักเลยสักหน นั่นเป็นเพราะว่าระบบได้บอกว่าเหลือเพียงแค่การOOCครั้งเดียว จากนั้นจะพบบทลงโทษสูงสุด ช่างเป็นระบบเผด็จการโดยสมบูรณ์แบบ ฉะนั้นเขาจึงเปลี่ยนมาจดจ่อกับแต้มแทนเพื่อให้สบายใจต่อระยะเวลาในเรื่อง
“พี่ใหญ่ ท่านกำลังคิดอันใดอยู่?” เจียอินเดินเข้าห้องพัดพาลมหนาวมา ในมือถือกาน้ำชามาวางให้ตรงโต๊ะ
“ไม่ได้อันใดนี่”อี้จิ้งตอบเสียงเรียบ
“อ่า เช่นนั้นหรอกหรือ คุณชายขอรับข้ามีเรื่องบางสิ่งจะบอกท่าน” เจียอินโน้มตัวลงมาจะกล่าวบางสิ่ง
“เรื่องอันใด?”
“ตอนที่ข้าไปตลาด ข้าเห็นหญิงรับใช้คุณหนูไปพบกับยายผู้นั้นในที่ลับตาคนได้ใจความว่า นางเป็นถูกจ้างมาให้ไถ่ตัวเจ้าซานเหวินด้วยแผนการของคุณหนูซูซ่งทั้งหมด”ลูกน้องหมายเลขหนึ่งเล่าเหตุการณ์
“ฝีมือของคุณหนูสินะ”อี้จิ้งประหลาดใจเพราะถึงจะรู้ว่าตัวละครอย่างคุณหนูซูซ่งเป็นเด็กที่มีแววฉลาดตั้งแต่อายุยังน้อย หากนึกไม่ถึงว่าพอมาเจอจริง จึงอดตะลึงไม่ได้
“ใช่แล้วขอรับ ข้าว่าคุณหนูคือคนไถ่ค่าตัวเจ้าซานเหวิน คุณหนูคงชอบพอเจ้าเด็กสกปรกผู้นั้นเป็นแน่” เจียอินรังเกียจซ่านเหวินนัก จึงไม่แปลกที่เขาจะพูดจาเช่นนี้
“…”อี้จิ้งกำลังใช้ความคิดอย่างมาก
“พี่ใหญ่ พรุ่งนี้ข้าจะเตรียมม้าไว้ แล้วตามหาซ่านเหวินดีหรือไม่ขอรับ?”
“ดี” แม้ว่าอี้จิ้งยังไม่ได้ขี่มาเลยในช่วงเข้าอยู่ในร่างนี้ก็ตาม ไปหน้างานคงได้ลองครั้งแรก แต่เราจะรู้ได้เช่นไรว่าพระเอกไปที่แห่งใด
“เราจะเดินทางไปเช้ามืด เพื่อแอบไม่ให้คุณหนูรู้ นางจะได้ไม่ระแคะระคายเรา”
“เช่นนั้นเราจะรู้ได้เช่นใดว่าซานเหวินไปที่ไหน?” คิ้วเรียงทระนงของคุณชายขมวดยุ่ง พลางคิดถึงหนทางการทำภารกิจของระบบที่มอบให้ หากไม่ทำอนาคตเขาจะไม่มีแต้มเก็บในการช่วยเหลืออิ่งผิงได้ อย่างไรก็จะต้องทำเช่นเดิม
“เพียงแค่ถามยายผู้ถูกจ้างจากคุณหนู เราก็จะรู้เองขอรับ”
ความคิดเห็น