[SF-B2ST] What The Luck! (DooSeob)
...ถ้าคน ๆ นึงจะดวงจู๋ได้ขนาดนี้... การพบกันของยูนดูจุนและยังโยซอบที่ไม่อาจระบุได้ว่าเป็นเพราะความดวงจู๋หรือความจงใจ
ผู้เข้าชมรวม
1,008
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
What the luck!
สองล้อของมอร์เตอร์ไซด์ออโตเมติกสีดำชะลอลงก่อนจะเลี้ยวเข้าที่จอดรถบริเวณหน้าอาคารอสังหาริมทรัพย์สูง 4 ชั้น ที่ถูกแบ่งย่อยเป็นห้องๆ เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย แต่เพราะข้าวของพะรุงพะรังที่ตั้งอยู่ตรงที่วางเท้าและที่แขวนอยู่ที่แฮนด์ด้านซ้ายทำให้ท่าทางในการเลี้ยวดูสะบัดไปมาอย่างไรชอบกล แสงสว่างจากไฟหน้าดวงกลมโตดับวูบลงเนื่องจากเจ้าของรถได้ถอนกุญแจออกเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่อพาร์ทเมนต์แห่งนี้
“ของเยอะเชียวนะโยซอบ”
เสียงทักทายดังมาจากอีกทางหนึ่ง เจ้าของชื่อหันหัวหลมโตที่สวมหมวกนิรภัยอยู่ไปตามเสียงเรียกของเพื่อนหนุ่มหน้าตาดีที่กำลังจะออกรถไปจากลานจอดรถเดียวกัน
“ก็ของจำเป็นน่ะ”
พูดพลางก็ถอดหมวกออก เผยให้เห็นเรือนผมสีน้ำตาลเป็นประกายที่ถูกสะบัดเบาเพื่อจัดทรงให้เข้าที่ อุปกรณ์คุ้มครองกระหม่อมถูกวางครอบกระจกหน้ารถเอาไว้ ก่อนที่เจ้าของรถจะพยายามยกของจำเป็นทั้งหลายที่เพิ่งซื้อมาจนเต็มมือทั้งซ้ายและขวา
“ไหวมั้ย เดี๋ยวฉันช่วย”
ผู้ที่กำลังจะออกไปเห็นสภาพนั้นก็ตัดสินใจจอดรถไว้ แล้วพาร่างเพรียวของตัวเองมายังโยซอบเพื่อช่วยเหลือในการขนของเหล่านั้น
โยซอบมองไปยังเพื่อนหนุ่มที่มีภาพลักษณ์ราวกับถอดแบบมาจากหนังสือการ์ตูนสำหรับเด็กผู้หญิงคนนี้อย่างเกรงใจ เขาทราบดีว่าเพื่อนคนนี้กำลังจะออกไปทำอะไรที่ไหน ซึ่งนั่นทำให้เขาไม่อยากจะรบกวนให้เพื่อนต้องเสียเวลา
“ไม่เป็นไรหรอกฮยอนซึง ฉันไหวนะ”
โยซอบแย่งของที่ฮยอนซึงช่วยนำไปถือไว้กลับมาไว้กับตัว “นายไปธุระของนายเถอะ เดี๋ยวจุนฮยองจะคอยนานนะ” พลางออกปากไล่ให้เพื่อนไปหาคนที่นัดไว้
“โอ้ย...ช่างปะไรล่ะ ปล่อยให้ยืนปากห้อยอยู่แบบนั้นไปก่อนน่ะแหละ”
ฮยอนซึงทำหน้าเซ็งใส่ที่โดนโยซอบออกปากไล่ ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างไม่ใยดีเกี่ยวกับคนที่เขาต้องไปหา
“ฮะๆ อย่าเลยนะ ฉันยังไม่อยากตายน่ะ”
โยซอบหัวเราะแห้งๆ เมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อนหน้ามน สำหรับฮยอนซึงมันก็คงไม่เป็นอะไรมาก แต่สำหรับเขาแล้ว ขืนปล่อยให้จุนฮยองยืนปากห้อยจนแห้งแล้วล่ะก็ มีหวังจะโดนปากนั้นงับหัวเอาน่ะสิ
ฮยอนซึงและจุนฮยองเป็นทั้งคู่ปรับและเพื่อนสนิทที่มักจะไปมาหาสู่กันเสมอ ความผูกพันธ์ของทั้งคู่ดูแน่นแฟ้นจนใครๆ ต่างอิจฉาและรู้ดีว่าทั้งคู่คงจะพัฒนาสถานภาพไปเป็นอย่างอื่นในอนาคต โยซอบรู้ดีว่าถ้าหากฮยอนซึงเกิดไปไม่ตรงตามเวลานัดละก็ มันจะเกิดสงครามน้ำลายขึ้นระหว่างทั้งคู่ทันที แน่นอนว่าทุกครั้งฮยอนซึงจะต้อง เขาจึงไม่จำเป็นต้องรู้สึกหวั่นเกรงอะไร แต่ฮยอนซึงจะรู้อะไรหรือไม่ว่า...จุนฮยองไม่เคยละเว้นคนที่ทำให้ฮยอนซึงผิดนัดกับเขาเลยแม้แต่คนเดียว ก่อนหน้านี้ฮยอนซึงเคยไปช่วยงานเพื่อนทำเวรหลังเลิกเรียน เป็นผลให้ข้าวเย็นระหว่างจุนฮยองและฮยอนซึงต้องเลื่อนเวลาออกไป หลังจากนั้นตลอดสองอาทิตย์ เพื่อนคนนั้นก็ถูกรังควานจากจุนฮยองด้วยสารพัดวิธี เริ่มจากการมองหน้าอย่างคาดโทษ การดักขา การเลื่อนเก้าอี้ โยนรังมดแดงใส่ ขังไว้ในห้องน้ำ และอีกนานับประการ เรื่องราวนี้โยซอบรับรู้และเห็นเหตุการณ์ด้วยตาของตัวเอง เพราะเพื่อนคนที่ว่าก็คือ อีกีกวัง เพื่อนสนิทของโยซอบเอง
“ฉันพูดจริงๆ นะ เรื่องที่ยังไม่อยากตายน่ะ”
โยซอบนึกเหตุการณ์แล้วก็ไม่อยากให้มันต้องมาเกิดขึ้นกับตัวเอง รู้ว่าฮยอนซึงอาจจะขัดใจอยู่บ้าง แต่เขาไม่กล้าต่อกรกับจุนฮยองจอมโหดจริงๆ
“ก็ได้ อยากตกบันไดตายก็ตามใจนะโยซอบ ของเยอะขนาดนี้”
จริงดังคาด ฮยอนซึงรู้สึกไม่พอใจนักที่ใครๆ ต่างก็กลัวจุนฮยองกันไปซะหมด ร่างบางมองโยซอบอย่างขัดใจก่อนจะหันหลังกลับไปยังรถของตัวเอง
“ไปนะโยซอบ ระวังๆ ละ นายน่ะ ยิ่งไม่เหมือนชาวบ้านเขาอยู่ด้วย”
ฮยอนซึงหันมาย้ำอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงเพื่อน
“เอาน่า...บางวันมันก็ไม่เป็นนะ”
โยซอบตอบกลับให้เพื่อนได้สบายใจ
ที่ว่าไม่เหมือนใครอื่นนั้น เพราะเพื่อนร่วมห้องทุกคนต่างก็รู้ดีถึงนิสัยซุ่มซ่ามของโยซอบที่มักจะมีให้เห็นกันได้ทุกวัน บางครั้งรุนแรงถึงขั้นทำให้โยซอบเองต้องเลือดตกยางออกเลยทีเดียว นั่นเองทำให้เพื่อนๆ ต่างก็ห่วงใยโยซอบมากเป็นพิเศษ
โยซอบถอนหายใจเฮือกใหญ่เพื่อทำใจสู้กับการขนของทั้งหลายไปยังชั้นสามของอพาร์ทเมนต์ที่เขาเพิ่งขอให้พ่อและแม่มาเช่าไว้ให้ เขาทำการขนของที่ตัวเองตะบี้ตะบันซื้อมา แล้วเดินไปที่ประตูกระจกหน้าอาคารที่มีระบบความปลอดภัยด้วยการสแกนคีย์การ์ดเข้าออก ทั้งแบกทั้งลากของขึ้นบันไดไปทีละขั้นอย่างทุลัทุเล ของจำเป็นที่ซื้อมาใหม่นี้ ก็เพื่อการดำเนินชีวิตภายใต้อาคารแห่งนี้
ถัดไปอีกไม่กี่กิโลเมตรก็เป็นที่ตั้งของสถานศึกษาของนักเรียนมัธยมปลาย ทำให้อพาร์ทเมนต์แห่งนี้กลายเป็นที่พักของบรรดานักเรียนของที่นั่นเป็นส่วนใหญ่ โยซอบเป็นนักเรียนของที่นั่นเช่นกัน ที่จริงแล้วระยะทางจากบ้านของเขามาถึงโรงเรียนนี่ก็ไม่ได้ไกลอะไร แต่เพราะโยซอบเป็นคนไม่ชอบการเดินทาง แต่ที่เขาขออนุญาติพ่อแม่มาอยู่ที่นี่ก็เพราะเขาไม่อยากสูญเสียประสิทธิภาพในการทำงานของก้อนหยักบนหัวก่อนการเข้าเรียน เพราะเขาพบว่าแม้เพียงช่วงครึ่งชั่วโมงที่ต้องนั่งมาในรถก็มีผลทำให้สมองของเขาอ่อนล้าได้ง่ายๆ
“อ๊ะ..”
แค่ของเต็มไม้เต็มมือก็จะให้คนตัวเล็กๆ อย่างโยซอบกลิ้งตกบันไดไปได้ง่ายๆ แล้ว แต่นี่เขากลับต้องเซร่างไปอีกเมื่อมีหนุ่มรูปร่างแน่นหนาวิ่งฉิวสวนลงมากชั้นบน
“ขอโทษทีนะ”
เจ้าตัวรีบหันมาขอโทษแล้วหันกลับไปตั้งหน้าตั้งตาวิ่งลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว ท่าทางจะรีบมาก ไม่รู้ว่าญาติฝ่ายบิดาติดอยู่ในกองไฟหรือยังไงถึงได้รีบซะขนาดนั้น แต่ใบหน้าคมเข้ม ดวงตาเรียว และปากที่ได้รูปที่เห็นเพียงแค่แว่บเดียวของคนที่สวนไปกลับทำให้โยซอบมองตามไปอย่างสนใจได้
เหมือนเคยเห็นที่ไหน
น่าแปลกใจที่โยซอบเกิดคุ้นตากับร่างหนาที่วิ่งสวนไป แต่เพราะเสียงตกกระทบของถุงในหนึ่งที่ตอนนี้มันร่วงไปกองกับพื้นแล้วทำให้โยซอบต้องละความสนใจนั้นกลับมาที่การลากสัมภาระทั้งหลายขึ้นไปให้ถึงห้องแทน
ฟึ่บ
ในที่สุดของทุกสิ่งทุกอย่างก็กองลงหน้าห้อง 317 อย่างไม่น่าเชื่อ โยซอบมองไปยังของที่เยอะอย่างเหลือเชื่อแล้วนึกภูมิใจในตัวเองซะเหลือเกินที่สามารถพาขึ้นมาได้หมดด้วยตัวเอง มือเล็กล้วงลงในกระเป๋าเสื้อแจ๊กก็ตเพื่อควานหาวัตถุสำคัญ
“เอ๊ะ...”
คนตัวเล็กร้องขึ้นอย่างตกใจล้วงลงไปแล้วไม่พบสิ่งที่ต้องการหา
มือทั้งสองข้างตะปบไปมาเพื่อหาสิ่งนั้นทั่วๆ ตัว แต่ก็ไม่พบอยู่ดี ดวงตาบ๊องแบ๊วเบิกกว้างทันทีเมื่อนึกย้อนกลับไปถึงคำเตือนของเจ้าของอพาร์ทเมนต์ที่กล่าวไว้ในวันที่เขามาที่นี่วันแรก
“ระวังหน่อยนะครับ ห้องนี้ยังไม่มีกุญแจสำรองเลย เพราะรอผู้เช่ารายเก่าเอามาคืนครับ”
กุญแจหายและไม่มีกุญแจสำรอง! เขารู้สึกแทบจะอยากร้องไห้ในความซุ่มซ่ามของตัวเองที่ก่อเรื่องอีกแล้ว กระเป๋าเสื้อตัวนี้แถบจะไม่มีความลึกเท่าไหร่เลย คิดว่าคงจะทำมาเพื่อเป็นแฟชั่นเท่านั้น ไม่รู้โยซอบคิดยังไงถึงได้ยัดกุญแจสำคัญใส่เอาไว้ แล้วนี่จะหล่นลงไปตอนไหนก็ไม่รู้ ยิ่งวันนี้เขานั่งขับรถไปมาตลอดทั้งวันด้วยแล้ว ถ้าหล่นไประหว่างทางที่วิ่งรถบนถนน มีหวังชาติหน้าก็หาไม่เจอแน่
โยซอบมองไปตามทางยาวที่เขาเพิ่งเดินผ่านมา พยายามก้มหน้าก้มตาเดินย้อนกลับไปหวังว่าจะเจอกุญแจที่ว่า แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเขาเอาเสียเลย ใบหน้าใสเริ่มแดงก่ำอย่างใจหาย ดวงตากลมใสเริ่มจะมีน้ำคลอขึ้นมา เพราะสีท้องฟ้าที่เริ่มเทาลงแสดงให้เห็นว่าตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้ว แถมพรุ่งนี้เขาก็มีสอบเสียด้วย เขาจะเข้าห้องยังไง เขาจะนอนที่ไหน เขาจะเตรียมตัวสอบได้อย่างไร ความตกอกตกใจทำให้หัวสมองของโยซอบถูกใช้งานหนักและเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงจนไม่สามารถหาทางออกได้
โอ๊ะ
เพราะมัวแต่ก้มหน้าหากุญแจ ทำให้โยซอบชนเข้าที่อกของคนที่เดินสวนมาอย่างไม่ตั้งใจ เขาถอยออกไปนิดหนึ่งก่อนจะเงยหน้าและเอ่ยขอโทษด้วยในหน้าปริ่มว่าจะร้องไห้ ทำให้คนที่ถูกชนต้องกระพริบตามองอย่างตกใจ
“นายเป็นอะไรหรือเปล่า”
เจ้าของเสียงไม่คิดว่าหน้าอกแกร่งของเขาจะทำให้คนข้างหน้าเจ็บตัวจนร้องไห้แบบนี้
“เอ่อ...เปล่าฮะ คือกุญแจห้องผมหายฮะ”
โยซอบปฏิเสธ เพราะเกรงว่าจะเกิดการเข้าใจผิด เขาสังเกตุเห็นอีกคนทำท่าทางเหมือนจะพูดอะไรต่อ หวังว่าคงไม่เวทนาเขาที่ขี้แยเพราะเรื่องแค่นี้หรอกนะ
“พอดีมันไม่มีกุญแจสำรองนะฮะ พอมันหาย ผมเลยตกใจมากฮะ พรุ่งนี้ต้องสอบด้วย เข้าห้องไม่ได้ผมตายแน่”
โยซอบอธิบายต่อ เพราะไม่อยากให้ใครมองว่าตัวเองอ่อนแอด้วยเรื่องขี้ผง โยซอบจึงบอกออกไปว่าปัญหานี้มันใหญ่แค่ไหนสำหรับเขา เขาเหลือบมองและเพิ่งสังเกตุเห็นว่าชายคนนี้คือคนเดียวกับที่รีบวิ่งลงไปจนเกือบจะทำให้เขาตกบันได้ตายไม่เมื้อกี้
“ของเยอะนะนั่น”
คนที่ถูกมองเริ่มจะรู้สึกแปลกกับสายตาของโยซอบ จึงคุยเรื่องของระเกะระกะที่วางอยู่ที่ทางเดินหน้าห้อง เขาเดินไปยังหน้าห้องของโยซอบแล้วหยุดมอง โยซอบที่มองตามอยู่ก็เดินตามไปด้วยอย่างอัตโนมัติด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย เขาขอระบายความทุกข์กับคนนี้หน่อยแล้วไง เพราะตามทางเดินไม่มีใครอยู่เลย จะให้นั่งกลุ้มใจอยู่คนเดียวก็จะดูรันทดมากไป แถมเพื่อนคนเดียวที่โยซอบรู้จักในอพ์ทเมนต์นี่ก็คือฮยอนซึงที่กำลังบึ่งไปหาจุนฮยองเสียแล้ว ส่วนกีกวังเพื่อนสนิทน่ะเหรอ โน่นเลย อยู่ไกลจากนี่ไปหลายสิบกิโลเมตร
“ล็อคประตูระเบียงไว้หรือเปล่า”
คู่กรณีที่ประสานงากันเมื่อครู่สำรวจดูบานประตูหน้แล้วหันมาถามโยซอบอีกครั้งด้วยแววตาปกติ เหมือนจะไม่ได้เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรนัก
“เอ่อ เปล่าฮะ ที่จริงมันล็อคไม่ได้อยู่แล้วล่ะ”
โยซอบบอก บางทีก็นึกเหมือนกันว่าอพาร์ทเมนต์นี้มันจะอะไรนักหนากับเขา กุญแจสำรองไม่มี ห้องก็ล็อคประตูระเบียงไม่ได้ แต่เพราะว่ามันอยู่ 3 เขาจึงไม่อิดออดอะไรมาก แล้วตัดสินใจเช่าไว้
“คงต้องปีนเอาน่ะ ปีนจากห้องนี้”
พูดต่ออีกด้วยเสียงปกติ แล้วชี้นิ้วไปที่บานประตูห้องติดกัน
ห้อง 316
“แต่มันชั้น 3 นะครับ ไหวเหรอ”
โยซอบเองก็รู้อยู่ว่าระเบียงห้องของที่นี่จะอยู่ติดกันเป็นคู่ และห้อง 316 ก็มีระเบียงติดกับห้อง 317 แต่นี่มันชั้น 3 เขาแถบไม่อยากคิดไปถึงความรู้สึกโหวงท้องตอนที่ปีนข้ามระเบียงนั่นเลย อีกอย่างไฟในห้องข้างๆ ก็ดับอยู่ ไม่เจ้าของห้องนอนหลับไปแล้วก็คงยังไม่กลับมา แล้วเขาจะเข้าไปได้อย่างไร
“เขาไม่อยู่หรือเปล่า ผมคงต้องรอให้เจ้าของห้องกลับมาก่อน”
โยซอบคอตกอย่างสงสารตัวเอง นี่เขาต้องปีนระเบียงจริงๆ เหรอเนี่ย
คนที่ฟังอยู่เลิกคิ้วขึ้นแล้วก้มลงมองคนที่เตี้ยกว่า ใบหน้าหงอยนั้นมันก็น่าเอ็นดูดีเหมือนกัน เขากระตุกยิ้มจนโชว์ให้เห็นฟันซี่ใหญ่ก่อนจะพูดอะไรออกมา
“ฉันนี่แหละ อยู่ห้องข้างๆ นาย”
“อ้าว!”
โยซอบเงยหน้าขวับขึ้นมาทันที จนคนตัวโตที่ก้มลงมาเกือบจะชักหน้าขึ้นกลับไม่ทัน นี่ถ้าคนตัวโตไม่หลบล่ะก็มีหวังหน้าได้เบียดกันแน่ๆ
เจ้าของห้องหมายเลข 316 ยิ้มบางให้โยซอบก่อนจะไขกุญแจเข้าไปยังห้องของตัวเอง บอกกล่าวให้โยซอบรออยู่ที่หน้าประตูห้องตัวเอง โยซอบเงี่ยหูฟังเสียงกุกกักจากในห้อง พลางจินตนาการไปเองว่าตอนนี้คนๆ นั้นคงกำลังพยายามปีนข้ามระเบียงไปยังห้องของเขา อยากจะเข้าไปดูเหตุการณ์ข้างใน แต่เพราะเจ้าของห้องไม่ได้เอ่ยชวน เขาจึงได้แต่ยืนรออยู่ด้านนอก ไม่นานนักประตูห้อง 317 ก็ถูกเปิดออก โดยผู้มีประคุณที่ยืนเท้าเปล่าต้อนรับอยู่ข้างใน
โยซอบรีบยกข้าวของเข้าไปในห้องของตัวเองแล้วโยนกองเอาไว้ที่มุมหนึ่ง กวาดตามองความรกรุงรังขอห้องอย่างนึกอายแล้วหันมายิ้มแหยให้กับหนุ่มร่างหนาที่ยืนรออยู่
“แฮ่...ขอบคุณมากครับ...พี่...อ่า...”
อยากจะพูดชื่อแต่ก็เพิ่งนึกออกว่าไม่รู้จัก แต่ดูจากหน้าตาแล้วหน้าจะเป็นรุ่นพี่ล่ะนะ
“ดูจุน...ยูนดูจุน”
คนตัวโตกล่าวออกมา
“ครับ...พี่ดูจุน ผมชื่อโยซอบครับ...ยังโยซอบ”
“ไม่เป็นไร”
ฮีโร่ผู้ช่วยชีวิตกล่าวขึ้นอย่างอบอุ่น แล้วก็เดินกลับเข้าไปในห้องถัดไปอย่างเงียบ จนโยซอบที่อยากจะขอบคุณซ้ำอีกเอ่ยปากขึ้นไม่ทัน
โยซอบยื่นหน้าออกมาจากห้องมองไปยังห้องด้านข้างด้วยหัวใจที่เต้นรัว ภาพแผ่นหลังของพี่ดูจุนที่เดินลับเข้าไปทำให้เขาประทับในความมาดเท่ห์ คงต้องขอบคุณความซุ่มซ่ามของตัวเองที่ทำให้กุญแจห้องนั้นหายไปและทำให้เขาได้พบกับพี่ดูจุนที่อยู่ห้องข้างๆ
.
.
.
.
.
กึก
ยูนดูจุนเอามือทาบหน้าอกของตัวเองเมื่อปิดประตูและลงกลอนในห้องของตัวเอง มือหนาอีกข้างล้วงลงไปในกระเป๋าก่อนจะดึงเอาพวงกุญแจรูปรถไฟคุณโทมัสที่มีดอกกุญแจอยู่หนึ่งดอก บนหัวกุญแจสลักเลขให้เห็นได้ชัดเจนว่า 317
กุญแจห้องของโยซอบ
ตาเรียวเพ่งมองลูกกุญแจแล้วเผยอมยิ้มขึ้น เขาเคยเห็นเด็กห้องข้างๆ ที่เพิ่งย้ายมาได้ไม่กี่วันคนนี้บ้างแล้วยามที่เดินสวนกันที่บันได รอยยิ้มสดใสบนใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นทำให้เขาตะลึงงันตั้งแต่แรกเห็น เขาเองอยากเข้าไปทักทายก็ตั้งหลายครั้ง หากแต่ใจก็ไม่กล้าพอ อาจเพราะว่าโยซอบเพิ่งย้ายมาและไม่รู้จักใครทำให้โยซอบเอาแต่เก็บตัวเงียบ ทำให้เขาไม่มีโอกาสที่จะเข้าไปพูดคุยมากนัก ทั้งๆ ที่ห้องก็อยู่ใกล้กันแค่นี้
“เจ้ากุญแจ...ขอบใจนะที่หล่นออกมาน่ะ”
วันนี้ดูจุนยืนดื่มโกโก้ร้อนอยู่ที่ระเบียงห้อง ดวงตาก็มองดูวิวภายนอกไปเรื่อยๆ จนสายตาเหลือบไปเห็นเด็กข้างห้องขับรถขนของอะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมดเข้ามา ตัวเขาเองสนุกที่จะมองตามความน่ารักของโยซอบอยู่แล้ว จึงกะไว้ว่าจะพิงระเบียงแล้วมองให้เพลินตา ตั้งแต่ความพยายามจะเอารถไปจอดที่ดูจะไม่ทะมัดทะแมงนัก จนกระทั่งที่พูดคุยกับหนุ่มร่างบางอีกคน
ตอนที่เพื่อนของโยซอบออกรถไปโดยที่ไม่ได้ช่วยขนของคนตัวเล็กเข้ามาในอพาร์ทเมนต์ ดูจุนเองก็นึกอยากจะวิ่งลงไปช่วยถือ แต่พลันสายตากลับมองไปเห็นวัตถุหนึ่งที่หล่นออกมาจากตัวคนที่เขาสนใจ เขาหรี่ตามองอย่างตั้งใจ ถึงจะอยู่ชั้น 3 แต่ก็มองออกได้ไม่อยากว่าสิ่งที่ตกลงมานั้งคือพวงกุญแจไม่ผิดแน่ แต่จะเป็นกุญแจอะไรนั้น ดูจุนเองก็ไม่แน่ใจ รู้ว่าเป็นกุญแจห้องก็ตอนที่วิ่งลงมาเก็บนั่นล่ะ
“ชนกันด้วยนะเนี่ย”
ดูจุนยกมือขึ้นลูบไหล่ขวาที่ชนเข้ากับโยซอบตอนที่วิ่งลงไป แต่เพราะเขาตั้งใจว่าจะมาแนะนำตัวกับเด็กคนนั้นอีกทีพร้อมพวงกุญแจ เขาก็เลยไม่ได้หยุดคุยด้วย ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าต้องชนกันอีกครั้งและพบโยซอบที่ยืนน้ำตาปริ่มอยู่แบบนั้น จากที่จะนำกุญแจมาคืน เขากลับเก็บมันเอาไว้ไม่ยอมบอกคนตัวเล็กที่ใจแป้วอยู่ ดูจุนก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่บอกไป ทั้งที่คืนไปซะ เขาก็ไม่ต้องลำบากปีนป่ายระเบียงทให้ตัวเองต้องระทึกใจแบบนี้
“ห้องรกซะไม่มีชิ้นดีล่ะ ไอ้ตัวเล็ก”
พอนึกถึงสภาพห้องที่เพิ่งเข้าไปก็เกิดนึกขำขึ้นมา ดูจุนรู้สึกได้เช่นกันว่าเจ้าของห้องก็คงเขินอายอยู่ลึกๆ เป็นแน่ที่คนแปลกหน้าอย่างเขาเข้าไปเห็นความเป็นส่วนตัวของตัวเอง
“ทีนี้...เราคงได้เจอกันบ่อยขึ้นนะ...ยังโยซอบ”
ดูจุนยิ้มแล้วพูดกับพวงกุญแจคุณโทมัสที่ยิ้มแป้นกลับมาให้เขาเช่นเดียวกัน
ก๊อกๆ
ยูนดูจุนเลิกคิ้วอย่างสงสัย ผละสายตาออกจากพวงกุญแจที่ไม่ใช่ของตัวเองมามองผ่านตาแมวที่ประตูห้อง ภาพที่มองเห็นเป็นใบหน้านูนๆ ของเด็กห้องข้างที่ยืนหน้าเสียอยู่เหมือนกับคุณโทมัสไม่มีผิด ต่างกันตรงปราศจากรอยยิ้มเท่านั้นเอง
“มีอะไรเหรอ”
ดูจุนเก็บพวงกุญแจลงในกระเป๋ากางเกงแล้วแง้มประตูออกถาม
“เอ่อ...”
โยซอบก้มหน้างุดๆ ด้วยความเกรงใจ ดวงตาใสฉายแววละห้อยเหมือนเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
“ว่าไง”
ลูกตาที่กรอกไปมาแถมไม่ยอมมองหน้าเขาอีกทำให้ดูจุนเข้าใจได้ว่าโยซอบคงเกรงใจที่จะพูดอะไรกับเขา
“ขอโทษด้วยครับ ผมเผลอไปล็อกห้องอีกแล้ว!!!”
คนตัวเล็กกว่าหลับตาปี๋แล้วพูดรัวออกมา มือไม้ชี้ตรงแหน่วไปที่ลูกบิดประตูให้ดูจุนมองตามไปว่าเขาได้ล็อคประตูไปอีกแล้ว
“คือ...คือผมออกมาทิ้งขยะน่ะครับ แล้วก็เผลอล็อคไป”
เพราะห้องที่ดูรกและทำให้เขารู้สึกอาย โยซอบเลยจัดการจัดเก็บเสียใหม่ ของไม่จำเป็นถูกนำออกมาทิ้งที่ถังขยะที่ตั้งอยู่กลางชั้น และด้วยความระมัดระวังกลัวของในห้องจะหาย เขาจึงทำการล็อคห้องซะเลย ล็อคทั้งๆ ลืมไปแล้วว่าตัวเองไม่มีกุญแจจะไขเข้าไป
ดูจุนมองร่างเล็กอย่างอึ้งๆ ในใจคิดอะไรบางอย่างพร้อมๆ กับล้วงมือลงไปกุมพวงกุญแจเจ้ากรรมเอาไว้ แต่แล้วเขาก็ปล่อยมันออก แล้วเดินออกไปที่ระเบียงอีกครั้ง
ดูจุนมองลงไปเบื้องล่างแล้วถอนหายใจ เอื้อมมือออกไปจับราวระเบียงแน่นแล้วเหวี่ยงขาออกไปยืนบนเหล็กระเบียงด้านนอก ดวงตาพยายามมองตรงไปที่ระเบียงห้องข้างๆ แล้วยื่นขาข้างหนึ่งไปเกี่ยวไว้ จากนั้นปล่อยมือหนึ่งจากระเบียงตัวเองไปจับระเบียงห้องโยซอบแล้วใช้แรงดึงตัวเองไปยังห้องเป้าหมาย ในที่สุดเท้าทั้งสองข้างก็จรดลงบนพื้นระเบียงที่ห้องของโยซอบอีกครั้ง เขาถอนหายใจเฮือกด้วยความระทึก แล้วเลื่อนประตูระเบียงเดินออกไปเปิดประตูให้เจ้าของห้องเข้ามา
“เฮ้อ...หมดแรง”
พอโยซอบเดินเข้ามาได้ ดูจุนก็แสร้งทำเป็นทรุดตัวลงนอนราบกับพื้น ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้เหนื่อยเท่าไหร่นัก
“ขอโทษจริงๆ ครับ”
โยซอบคุกเข่าลงข้างๆ แล้วก้มหน้าขอโทษอย่างจริงใจ
“ทานน้ำหวานก่อนนะครับ...ถือเป็นการขอบคุณอีกครั้ง”
คนตัวเล็กเห็นดูจุนนอนเหนื่อยอยู่แบบนั้นก็นึกอยากทำให้หายเหนื่อย จึงรีบกุลีกุจอไปยังตู้เย็นแล้วเทน้ำหวานสีส้มลงในแก้ว
ดูจุนยันตัวขึ้นนั่งมองภาพโยซอบรินน้ำอย่างตั้งใจด้วยในใจที่แอบขำ คนตัวเล็กรีบเก็บขวดน้ำหวานใส่ตู้แล้ววิ่งมาทางเขาอย่างรีบร้อนทั้งที่เขาก็อยู่ใกล้นิดเดียว แต่ถุงพลาสติกเจ้าปัญหาปลิวเข้ามาให้โยซอบได้เหยียบจากทางไหนก็ไม่รู้ เป็นผลทำให้คนที่วิ่งถือแก้วน้ำส้มอยู่ลื่นหงายหลังไปชนตู้เสื้อผ้าที่อยู่ด้านข้าง แล้วด้วยความพยายามที่จะรักษาน้ำในแก้วไว้โยซอบจึงเด้งตัวกลับมาด้านหน้าแล้วเซตรงไปยังเตียงนอน
เฉาะ
เพล้ง!
“เฮ้ย”
ดูจุนที่นั่งมองอยู่เห็นภาพน้ำหวานกระเฉาะละเลงเตียงนอนสีขาวเต็มไปหมด แถมแก้วน้ำยังร่วงตกลงมาแตกกระจายอีกด้วย
ผลั๊ก
“โอ้ย”
ยังไม่ทันจะได้หายใจหายคอ ประตูตู้เสื้อผ้าที่หลุดออกเพราะโดนชนก็ล้มลงมาทับโยซอบที่ลุกพรวดห่างออกมาจากเตียงล้มลงไปกองบนพื้นทันที โดยที่ดูจุนก็ไม่อาจจะช่วยไว้ได้ทัน ถ้าไม่เห็นด้วยตาดูจุนคงไม่เชื่อแน่นอนว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
ดูจุนรีบลุกไปยกเอาบานประตูต้ออกมาพิงไว้ที่กำแพง วางจนแน่ใจว่ามันจะไม่ล้มลงมาอีกแล้วหันดูสภาพของโยซอบ เจ้าตัวลุกขึ้นปัดเศษฝุ่นเบาๆ พลางลูบเนื้อตัวบริเวณที่รู้สึกเจ็บอย่างยี่หร่ะอะไร ราวกับว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นบ่อยมาก
“นี่นายคงจะเป็นประเภทพวกดวงจู๋สินะ”
ดูจุนยืนกอดอกมองโยซอบอย่างเคร่งเครียด
“แห่ะ...ทำนองนั้นล่ะครับ ดวงผมอ่ะ...มีแค่นี้”
โยซอบทำท่าเอานิ้วโป้งแตะนิ้วก้อยให้ดูจุนเห็นว่าตัวเองนั้นเป็นคนที่ดวงซวยมากแค่ไหน
ดูจุนอ้าปากหวอในความดวงจู๋อภิมหาจู๋ของโยซอบ ตอนนี้เขาเองก็ก็พอจะเริ่มเข้าใจแล้วว่าเพราะแบบนี้นี่เองที่ทำให้เขามีโอกาสได้เข้ามาในห้องนี้ เพราะโยซอบดวงซวยจนทำกุญแจห้องหายนี่เอง
“แล้วนี่จะนอนยังไงล่ะ เบาะเปียกหมดแล้ว”
ดูจุนส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะหันไปสนใจสภาพเตียงนอนที่มันเลอะเทอะไปหมด
“คงต้องพื้นล่ะครับ”
โยซอบมองพื้นอย่างทำใจ
“จะบ้าเหรอ จะกวาดเศษแก้วหมดหรือเปล่าก็ไม่รู้”
เพราะแก้วที่แตกกระจายเต็มพื้นห้องไปหมดทำให้ดูจุนไม่ค่อยไว้ใจนักว่าจะสามารถเก็บกวาดได้สะอาดพอ อีกทั้งดูรอบๆ แล้วก็เห็นว่าในห้องนี้ไม่มีอุปกรณ์เหลือสำหรับรองนอนเลยด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้ไอ้เด็กดวงจู๋จะนอนได้ยังไงกัน
“ไปนอนห้องฉันมั้ย”
.
.
.
.
.
โยซอบมองกราดไปทั่วห้องของดูจุนแล้วนึกละอายใจในความเป็นระเบียบเรียบร้อย ยูนดูจุนเรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยไม่ไกลจากนี่ เพราะกลิ่นอายของความเป็นรุ่นพี่และอาจเป็นนักกีฬาเสียด้วยทำให้ชายหนุ่มยิ่งดูมาดแมนมากยิ่งขึ้นสำหรับโยซอบ ดูจุนจัดที่นอนให้โยซอบนอนด้านข้างเขาซึ่งในทีแรกเด็กหนุ่มไม่สะดวกใจนัก แต่เพราะโดยสายตาดุของเจ้าของห้องเลยจำต้องทำตาม แต่ตอนนี้คนตัวเล็กคงต้องทบทวนหนังสือเตรียมสอบสำหรับพรุ่งนี้ก่อนที่จะไปนอน
“ผมทำให้พี่นอนไม่หลับจริงๆ ด้วย”
โยซอบที่นั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่มองไปยังดูจุนที่ยังคงนอนมองเขาอยู่บนเตียง
“เปล่าหรอก...ฉันแค่...ไม่อยากหลับน่ะ”
ดูจุนตอบมายิ้มๆ นั่นทำให้โยซอบรู้สึกหัวใจสั่นไหวไม่น้อย กับคนๆ นี้ยิ่งอยู่ด้วยก็ยิ่งอบอุ่น เขาก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อไปอย่างใจที่ไม่ค่อยมีสมาธินัก สายตามักเหลือบมองไปทางเตียงที่ดูจุนนอนอยู่เป็นระยะ และก็บ่อยครั้งที่ทั้งคู่ประสานสายตากัน
“นอนได้รึยัง...นอนดึกเดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสายนะ”
ดูจุนพูดพลางตบเบาะด้านข้างให้โยซอบขึ้นมานอนเคียง ที่คนตัวโตเอ่ยก็มีเหตุผล ดังนั้นโยซอบจึงปิดตำราแล้วเดินไปยังเตียงนอน
อ๊ะ
คราวนี้ไม่ใช่เพราะถุงพลาสติก แต่เป็นขาของโยซอบเอง คนดวงจู๋สะดุดขาตัวจนล้มลงไปที่กลางเตียง และแก้มใสก็ฟาดลงที่อกแกร่งของดูจุนพอดิบพอดี โยซอบเงยหน้าขึ้นมองดูจุนที่ก้มหน้าลงมองเช่นกัน ความใกล้ชิดที่มากเกินไปนี้ทำให้เกิดความเงียบปกคลุมไปทั่ว ที่ได้ยินถนัดที่สุดก็เห็นจะเป็นเสียงหัวใจตึกตักทั้งสองดวงที่แข่งกันเต้นเร็วขึ้น
หึ
ดูจุนผุดยิ้มขึ้นมา เอามือหนาวางทาบบนหัวน้อยของเด็กข้างห้องแล้วลูบเบาเป็นการกล่อม เขาหลับตาลงทั้งๆ ที่มือยังลูบอยู่ โยซอบที่มองอยู่อย่างตะลึงรู้สึกหัวใจทำงานหนักมากขึ้น ถึงจะพยายามยกหัวออกแต่ก็ถูกกดกลับไปอีกด้วยมือของร่างหนาอีกอยู่ดี สุดท้ายเด็กมัธยมปลายก็แนบแก้มลงนอนหนุนอกของเจ้าของห้องเงียบๆ
หลับแล้วเหรอ
ดูจุนค่อยๆ เปิดตาข้างหนึ่งขึ้นมองหน้าใสที่หลับตาพริ้มอยู่บนอกตัวเอง ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วโยซอบไปทำอะไรมา ชาตินี้ถึงได้ดวงสั้นกุดขนาดนั้น แต่เอาเถอะ เพราะว่าโยซอบดวงจู๋นี่แหละ ที่ทำให้เขาดวงดีได้นอนกอดเด็กหน้าที่ตัวเองคอยลอบมองอยู่แบบนี้ ทั้งสองคนหลับไปทั้งๆ ที่ก่ายกันอย่างนั้น โดยที่ดูจุนก็ไม่กล้าลุกขึ้นมาปิดไฟด้วยซ้ำ เพราะเกรงว่าร่างเล็กจะมีโอกาสผละออกจากอกอุ่นของตัวเองไป
เราคงเป็นเพื่อนข้างห้องกันอีกไม่นานหรอกนะ...ยังโยซอบ
.
.
.
.
.
พิเศษเล็กๆ สำหรับจุนซึง
“ฮยอนซึง...นายมาสาย”
ร่างโปร่งบ่นอย่างหัวเสียทันทีเมื่อต้องรอคนที่เพิ่งมาถึงอยู่นานกว่า 15 นาที ฮยอนซึงที่ยังจอดรถไม่สนิทดีด้วยซ้ำเงยหน้ามองเพื่อนสนิทที่ตัวเองนัดไว้ที่นี่เป็นประจำทุกวัน
“ตอนแรกว่าจะช่วยโยซอบขนของน่ะ...เลยมาสายนิดนึง”
ฮยอนซึงตอบกลับไปอย่างเฉยเมย ไม่ได้รู้สึกผิดอะไร เพราะคิดตัวเองมาช้าไปแค่ไม่เท่าไหร่
“อะไรนะ...ไอ้เตี้ยโยซอบทำให้นายมาสายเหรอ”
จุนฮยองทวนคำพูดของฮยอนซึงขึ้นมาทันทีถึงเหตุผลที่ทำให้เขาต้องรอนานเกินจำเป็น ถึงจะแค่ 15 นาทีก็เถอะนะ ร่างโปร่งเข่นเขี้ยวในใจถึงชื่อของคนที่เขาต้องจัดการ
ยัง-โย-ซอบ
ความซวยยังไม่สิ้นสุดหรอกนะสำหรับชีวิตอันน่าสะพรึงกลัวของยังโยซอบในวันพรุ่งนี้
++++++++++
TALK
ขอบคุณที่แวะมาอ่านกันนะจ๊า
ผลงานอื่นๆ ของ a4dite ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ a4dite
ความคิดเห็น