" ศุกร์ 13 " วันแห่งความโชคร้าย? - " ศุกร์ 13 " วันแห่งความโชคร้าย? นิยาย " ศุกร์ 13 " วันแห่งความโชคร้าย? : Dek-D.com - Writer

    " ศุกร์ 13 " วันแห่งความโชคร้าย?

    วันศุกร์ที่ 13...!?

    ผู้เข้าชมรวม

    657

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    657

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  31 ต.ค. 49 / 21:13 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ไม่มีใครรู้ว่าต้นกำเนิดความเชื่อเรื่องศุกร์อาถรรพ์ “ศุกร์ 13” นั้นมาจากไหน ไม่ว่าจะด้วยอิทธิพลทางศาสนา หรือการประชาสัมพันธ์ของฮอลลีวูด แต่ทุกวันนี้หลายคนในโลกตะวันตกเลือกที่จะลาหยุดงานในวันศุกร์ที่ 13 ไม่ออกจากบ้านไปไหน และที่แน่ ๆ คือ ไม่คิดจัดงานแต่งงานในวันนี้

      การศึกษาชิ้นหนึ่ง ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ บริติช เมดิคัล เจอร์นัล ปี 1993 ตั้งหัวข้อไว้ว่า "ศุกร์ 13 เป็นอันตรายต่อสุขภาพคุณหรือไม่?" นักวิจัยพยายามหาความสัมพันธ์ระหว่างสุขภาพ พฤติกรรม และความเชื่อเกี่ยวกับวันศุกร์ที่ 13 ในอังกฤษ โดยเปรียบเทียบสัดส่วนความคับคั่งของการจราจรต่อจำนวนอุบัติเหตุ ในวันศุกร์สองศุกร์ คือศุกร์ที่ 6 และศุกร์ที่ 13 ตลอดช่วงหนึ่งปี

      น่าประหลาดที่การศึกษาพบว่า ในวันศุกร์อาถรรพ์ที่ 13 นั้น คนอังกฤษขับรถออกนอกบ้านกันน้อยกว่าวันศุกร์ปกติ แต่กลับกลายเป็นว่าจำนวนคนที่ต้องเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากประสบอุบัติเหตุนั้น มีมากกว่าวันศุกร์ทั่วๆ ไปเสียอีก ผู้ทำการวิจัยเลยสรุปว่า "วันศุกร์ที่ 13 นั้นเป็นวันโชคร้ายสำหรับบางคน ความเสี่ยงที่ต้องเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุท้องถนนนั้นเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 52% ฉะนั้นขอแนะนำให้อยู่บ้านดีกว่า"

      โลกตะวันตกมีความเชื่อเรื่องโชคร้ายในวันศุกร์ที่ 13 มานาน บางคนไม่ไปทำงานในวันศุกร์ที่ 13 บางคนไม่ไปกินอาหารนอกบ้าน ที่แน่ ๆ หลายคนไม่คิดจะจัดงานแต่งงานวันนี้ ดร.โดนัลด์ ดอสซีย์ นักจิตศาสตร์ที่ชำนาญด้านการรักษาอาการกลัวบอกว่า เฉพาะในสหรัฐฯ ประเทศเดียวมีคนเป็นโรคผวาศุกร์ที่ 13 มากถึง 21 ล้านคน

      แม้จะไม่มีใครบอกได้ว่าต้นกำเนิดของความเชื่อนี้มาจากไหน แต่ก็ยืนยันได้ว่าความสำคัญของวันศุกร์ และเลข 13 นั้นย้อนหลังไปได้ไกลมาก

      วันศุกร์
      ทำไมวันศุกร์ถึงกลายเป็นวันโชคร้ายไปได้ ใคร ๆ ก็เฝ้ารอให้ถึงวันศุกร์ วันสิ้นสุดการทำงานกันทั้งนั้น

      ภาพลักษณ์เลวร้ายของวันศุกร์ น่าจะเริ่มจากความเชื่อที่ว่า มันเป็นวันที่อีฟยั่วให้อดัมกินผลไม้ต้องห้ามในสวนอีเดน คัมภีร์ไบเบิลระบุว่าวันศุกร์เป็นวันแรกที่เกิดน้ำท่วมโลกและที่สำคัญวันศุกร์เป็นวันที่พระเยซูคริสต์ถูกตรึงกางเขน นอกจากนี้วันศุกร์ยังเป็นวันประหารนักโทษ ตั้งแต่สมัยโรมันโบราณ

      ความเชื่อยุคนี้บอกว่า วันศุกร์เป็นวันที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับการออกเรือ ย้ายบ้าน เริ่มงานใหม่ เขียนจดหมาย ถักนิตติ้ง หรือตัดเล็บ แต่เชื่อหรือไม่ ในยุคโบราณนั้นชาวนอร์เวย์ถือว่าวันศุกร์ (Friday) เป็นวันโชคดีที่สุดในสัปดาห์ เพราะตั้งชื่อวันตามเฟรยา (Freya) เทพธิดาแห่งความอุดมสมบูรณ์ คนยุคนั้นจึงนิยมแต่งงานกันในวันศุกร์ ขณะเดียวกันชาวเรือก็งดออกเรือในวันศุกร์ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อเฟรยา ซึ่งเป็นเทพแห่งท้องทะเลด้วย

      เมื่อคริสต์ศาสนาเริ่มเข้ามามีอิทธิพล ภาพลักษณ์ของเทพธิดาวันศุกร์ถูกเปลี่ยน กลายเป็นแม่มดผู้ชั่วร้าย วันศุกร์จึงกลายเป็นวันแห่งความชั่วร้ายไปในที่สุด

      เลข 13
      ความเชื่อเรื่องเลข 13 นั้นรุนแรงมากในหลายพื้นที่ เมืองหลายเมืองไม่มีถนนสาย 13 ตึกหลายหลังไม่มีชั้น 13 นอกจากนี้ที่ฝรั่งเศสยังมีบริษัทตั้งเฉพาะ สำหรับจัดหาแขกเพิ่มให้กับงานเลี้ยงที่บังเอิญมีแขกมาร่วม 13 คนพอดี เนื่องจากเชื่อกันว่าหากคนนั่งร่วมโต๊ะกัน 13 คนแล้ว คนแรกที่ลุกจากโต๊ะจะเสียชีวิตภายในปีเดียว

      แต่ใช่ว่าทุกคนจะเห็นเลข 13 เป็นเลขร้ายไปเสียหมด สำหรับชาวอียิปต์โบราณ เลข 13 เป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิตหลังความตายอันเป็นอมตะ เป็นความรุ่งโรจน์ ความเปลี่ยนแปลงอันพึงประสงค์ แต่ความหมายดังกล่าวถูกนำมาเชื่อมโยง กับความหวาดกลัวความตายในยุคหลัง

      เลข 13 เป็นสัญลักษณ์ของเพศหญิง และเคยถูกยกย่องในวัฒนธรรมการบูชาเทพธิดาในยุคก่อนประวัติศาสตร์ เพราะเมื่อดูปฏิทินตามจันทรคติแล้ว มันตรงกับรอบของดวงจันทร์ และการมีระดูของผู้หญิงในหนึ่งปี (13x28 = 364 วัน) แต่เมื่อปฏิทินตามระบบสุริยะ ถูกนำมาใช้แทนดวงจันทร์ ตามวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ เลข 12 ถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์ ขณะที่เลข 13 กลายเป็นความโชคร้าย

      ทุกวันนี้ยังไม่มีใครรู้แน่ชัด ว่าทัศนคติอันเลวร้ายต่อวันศุกร์ที่ 13 นั้น เป็นการผสมผสานความโชคร้ายของวันศุกร์ และเลข 13 ไว้ด้วยกันหรือไม่ และเหตุใดความหมายของวันศุกร์ และเลข 13 ที่เคยเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีกลับแปรเปลี่ยน

      อย่างไรก็ตามความเชื่อนี้กำลังแพร่หลาย จากสังคมตะวันตกไปทั่วโลก แม้แต่ในประเทศจีนเอง ซึ่งสมัยก่อนนั้นถือว่าเลข 4 เป็นเลขแห่งความโชคร้ายมากที่สุด เดี๋ยวนี้ก็จัดให้เลข 13 เข้ากลุ่มเลขโชคร้ายไปด้วย และแทบไม่มีอาคารสมัยใหม่อาคารไหนที่มีชั้น 13 ขณะเดียวกันโรงแรมส่วนใหญ่ก็หลีกเลี่ยงที่จะทำห้องพักหมายเลข 13 ด้วย

      เครดิต :: http://www.energyfantasia.com/ef2/viewboard.php?Id=5251

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×