เหตุเกิดที่กรุงโซล - เหตุเกิดที่กรุงโซล นิยาย เหตุเกิดที่กรุงโซล : Dek-D.com - Writer

    เหตุเกิดที่กรุงโซล

    ธนนท์มีปัญหากับแม่...เขาเดินออกจากแม่ไปโดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง เขาจะไปไหน ทำอะไร มาเอาใจช่วยกัน มาม๊า ๆ

    ผู้เข้าชมรวม

    160

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    160

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  หักมุม
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 ม.ค. 50 / 22:43 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      "ผม  จะไปตามทางของผม  เลิกยุ่งกับผมสักที ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น คุณนอกใจพ่อผม ผู้ชายคนนี้ไม่ดีหรอก เชื่อผมสิแม่ " เสียงชายหนุ่มอายุราวๆ 20 ปี พูดตะคอกใส่หน้าแม่ผู้บังเกิดก้าวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เมื่อรู้ว่าแม่ของตนจะแต่งงานใหม่กับหนุ่มชาวเกาหลี  ก่อนจะเดินให้หลังไป โดยไม่เหลียวมามองสักนิดว่าแม่ผู้อยู่เบื้องหลังได้มีน้ำตาเจ่อนองไปทั่วทั้งใบหน้ารูปงาม ที่มีผมหยิกเป็นหลอนขนาบข้างแกม และผิวที่ขาวนวลราวกับหยวกกล้วย พลางตะโกนร้องเรียกลูกชายของตนที่เพิ่งบินมาจากเมืองไทย "ธนนท์  ….ธนนท์  อย่าไปนะลูก ฟังแม่อธิบายก่อน  ธนนท์ …."

      "อย่าไปรั้งเลยที่รัก"   " ไม่ค่ะคิมซัง   ลูกฉันเพิ่งมาที่นี้ครั้งแรกนะค่ะ  แกไม่รู้จักใครเลย"  สรญาเอ่ยบอกชายร่างสูง ค่อนข้างมีอายุ ตาตี่ จมูกโด่ง ที่ยืนโอบกอดปลอบเธอ  "มันไม่มีประโยชน์หรอกครับ พายุกำลังแรง" คิมซังพูดกล่าวเป็นเชิง เพื่อให้ภรรยาของเธอสงบใจลงบ้าง

      สรญา ยังคงจมอยู่กับอาการซึมเศร้า ในใจของเธอได้แต่ร่ำหาลูกชายสุดที่รัก เธอรู้ว่าเธอผิด ที่เธอจะแต่งงานใหม่กับคิมซัง เธอรู้ว่าลูกของเธอรัก "ธนา" แค่ไหน ! ถึง ธนาจะจากไปร่วมสิบปีแล้วก็ตาม  เธอพรึมพร่ำอยู่กับตัวเองตลอดทั้งวัน  "ทานข้าวเถอะครับที่รัก  วันนี้ผมทำราเมง ของโปรดคุณนะ" คิมซัง ชายต่างภาษากล่าวเชิญชวนว่าที่ภรรยา  พลางง่วนอยู่กับการจัดโต๊ะอาหาร  สรญายังคงนั่งกดโทรศัพท์หาลูกชายของเธอ ทุกๆ สองนาที เพื่อหวังว่าลูกของเธอจะเปิดเครื่องรับสายเธอบ้าง "หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้" เสียงคู่สายยังคงเป็นเสียงเดิมซ้ำๆซากๆ นับตั้งแต่ที่ลูกเธอเดินจากไป….

      "บ้าเอ๊ย!..ฉันจะทำไงต่อว่ะนี่ ทางเทิงก็ไม่รู้จัก อ่านภาษาก็ไม่ค่อยจะออก" ธนนท์นั่งสบถกับตัวเอง อยู่ริมทางเดิน  ที่ผู้คนผ่านไปผ่านมาต่างจ้องมอง เพราะรู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นต่างชาติ แต่ก็ไม่มีใครที่จะยื่นมือมาช่วยเขาเลย   ก่อนที่จะพาร่างผอมสูง และกระเป๋าเป้เดินทางไปยังแมนชั่นแห่งหนึ่งในกรุงโซล แล้วเขาก็ไปนั่งที่หน้าห้อง 124 เพื่อรอความหวัง  ก่อนหน้านี้เขาได้เดินมาทั่วกรุงโซล จนพบแมนชั่นเป้าหมาย  ธนนท์นั่งอยู่หน้าห้อง -124 เขาเคลิ้มหลับไป ด้วยความเหนื่อยและล้า…..

      เป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง นี้ก็เกือบสามโมงเย็นแล้ว  หญิงสาวผิวเหลือง  ผมดำดัดเป็นลอน ในชุดเสื้อคลุมยีนส์แขนยาวและทับในด้วยเสื้อยืดธรรมดา กับ  กางเกงยีนส์ทันสมัย ผมของเจ้าหลอนรวบไว้ดูเข้ากับใบหน้ารูปไข่ ร่างไม่สูงมากแต่ดูกระฉับกระเฉงอ้อนแอ้น ปรากฏกายขึ้นเมื่อลิฟส์เปิดออก  เจ้าหล่อนเดินมาตามทางเดินของแมนชั่นบนชั้นที่ 12  แล้วเธอก็ต้องหยุดชะงักหน้าห้อง4 เมื่อพบกับร่างชายหนุ่มที่หน้าปิดด้วยหมวกแก๊ป  นั่งหลับขวางอยู่หน้าประตูทางเข้าห้องพักของหล่อน ดูทีท่าแล้วชายหนุ่มคนนี้คงเป็นคนต่างชาติเป็นแน่ หล่อนเดาจากลักษณะที่หล่อนเห็นจากรูปร่าง "ดูดีเหมือนกันนะเนี๊ยะ  นี้แค่เห็นแค่รูปร่างกับการแต่งกาย ยังไม่เห็นหน้าชัดๆเลย" หล่อนคิดในใจ  แล้วหล่อนก็ตัดสินใจนั่งลงข้างๆชายหนุ่มและสะกิดแขนชายหนุ่มเพื่อเป็นการปลุกเขาให้ตื่น  หลังจากรับรู้ว่าชายหนุ่มได้ตื่นแล้ว หล่อนจึงกล่าวถามชายที่นั่งงัวเงียขวางประตูอยู่  " Can I help you ? " ชายหนุ่มเงยหน้ามองที่มาของเสียงอย่างช้าๆ เขา มองหน้าหญิงสาวลอดผ่านหมวกแก๊ป เมื่อแน่ใจแล้วว่าเป็นความหวังของเขาจริงๆ เขาเลยตอบหลอน ด้วยน้ำเสียงล้อเล่น  "Yes,I love you."  หญิงสาวหยุดชะงัก แล้วทำหน้างึนงงแอบเขินเล็กน้อยธนนท์อดกลั้นเสียงหัวเราะไม่ไหวจนระเบิดออกมาอย่างแรง ฮ่าๆๆๆๆ " ยายบื้อ  แกเขินอะไรฮ่ะ  บ้าเปล่าแกอ่ะ  แค่คนที่ไม่เห็นหน้าบอกรักก็เชื่อแล้วเหรอ ยัยนมข้นเอ๊ย ?? "  นมข้นหยุดชะงักแล้วชักสีหน้าโกรธขึ้นมาทันทีเมื่อรับรู้ว่าเจ้าของเสียงที่ว่าหล่อนเมื่อตะกี้คือใคร  "ไอธนนท์  มาได้ไงว่ะนาย "   นมข้นพูดพลางดึงหมวกแก๊ปออกจากหน้าชายเมื่อครู่เพื่อดูให้แน่ใจว่าใช่คนที่หล่อนคิดรึเปล่า?  เมื่อหน้าของชายเมื่อครู่ปรากฏขึ้นไขข้อข้องใจแล้ว หล่อนก็ขว้างหมวกใส่หน้าชายคนนั้นด้วยความงอนปนเขินก่อนที่จะไขประตูห้องแล้วเดินเข้าไปเงียบๆ  

      หล่อนปลดเสื้อคลุมออกวางพลาดไว้บนเก้าอี้นวมสีดำที่ตั้งอยู่หน้าเจ้าจอแบนสี่เหลี่ยม เผยให้เห็นต้นแขนเล็กของเจ้าหลอนภายใต้เสื้อยืดแขนกุดสีขาว ก่อนที่หล่อนจะโผล่หน้าออกไปที่หน้าประตูห้องของหล่อนอีกครั้ง "นี่ ตาทึ่ม นายจะยืนเซ่ออะไรอยู่เล่า?? เข้ามาสิ  หญิงสาวกล่าวเชิญแขกผู้มาเยือนโดยมิได้นัดหมาย

      "หึ  คิดว่าจะไม่เชิญสะอีก ยัยบื้อ  นี่ช่วยถือให้หน่อยสิ "  ธนนท์ ส่งกระเป๋าเดินทางให้นมข้น "ใช่เรื่อง  แค่นี้ถือเองสิ ผู้ชายส่ะเปล่า?"  นมข้นพูดกวนประสาทชายหนุ่มก่อนจะเดินนำเข้าไปในห้องพักของตนพร้อมกับที่ชายหนุ่มถือกระเป๋าเดินทางเดินตามมาในห้องอย่างเหนื่อยอ่อน  "พรั่บ!" เสียงวางกระเป๋ากระทบกับพื้นหน้าโซฟาในห้องรับแขก เพราะอากัปกริยาที่เหนื่อยล้าของผู้ถือ  ก่อนที่ผู้ถือจะกระโจนลงบนโซฟา และเคลิ้มหลับไป ส่วน นมข้นเจ้าของห้องพัก ก็ได้เข้าครัวเพื่อจัดแจงทำอาหารสำหรับ สองที ของหล่อนและแขกผู้มาเยือน

                      สรญา ยังนั่งกดเบอร์โทรศัพท์อยู่ไม่ขาดสาย  ก่อนที่จะนึกได้ว่าจะมีเพียงหนึ่งคนที่ลูกชายของตนจะไปหาได้ในขณะนี้  รอยยิ้มได้เผยบนใบหน้าเศร้าๆของเธออีกครั้ง แต่แล้วก็พลันหายไป  เพราะตอนนี้สรญาไม่รู้ข้อมูลและที่อยู่ของผู้ที่เธอคิดถึงได้เลย นอกเสียจากเบอร์ที่เมืองไทย เธอจึงตัดสินใจโทรกลับไปยังเมืองไทยด้วยความร้อนรุ่มเกาะกินไปทั่วทั้งหัวใจ

      กริ้ง  กริ้ง ! เสียงโทรศัพท์ในห้องพักดังขึ้น  สร้างความประหลาดใจยิ่งนัก เพราะตลอดเวลา 3-4ปีมานี้ มีแต่คนคุ้นคยเท่านั้นที่โทรมาหาหล่อน  แต่ก็จะโทรเข้ามาทางมือถือเสียมากกว่า  นมข้นเดินพ้นจากขอบเขตของครัว มุ่งหน้าไปยังที่วางใกล้ๆ โทรศัพท์ ข้างโซฟาที่มีร่างของชายหนุ่มนอนหลับแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว  หล่อนยกโทรศัพท์ มารับ  และพบกับน้ำเสียงงัวเงียของผู้ชายที่โทรมา  "สวัสดีดาร์ลิงค์ คิดถึงคุณจัง  วันนี้มาหาผมนะ ผมรักคุณ ไม่เคยมีใครเซ็กซี่เท่าคุณแล้ว ผมให้คุณ สามแสนวอน มานะ อย่าช้าหล่ะ " นมข้นได้แต่ยืนงงกับเสียงที่ได้ยิน ก่อนจะพูดตัดบท "ขอโทษคะ คุณต่อผิดแล้วหล่ะ ที่นี้ไม่ใช่เอ่อยังว่านะค่ะ"  "เขินเหรอ ! น่ารักจัง ไม่ต้องอายหรอก ผมเลือกคุณแล้ว มาเร็วๆ อย่าเล่นตัวนักเลย ผมไม่เคยเสนอให้ใครขนาดนี้นะ มาม๊ะ" ชายหนุ่มยังคงพรึมพร่ำไม่เลิก "ผมให้คุณห้าแสนวอนแหละกัน นี่ขึ้นราคาแล้วนะ" "คุณต่อผิดจริงๆนะค่ะ แค่นี้นะค่ะ คุณลองโทรไปถามเบอร์ที่สถานีตำรวจดูแหละกันนะค่ะ"  นมข้นตัดบทสนทนาแล้วว่าสายลง ด้วยอารมณ์แปรปรวน "จะบ้ารึไง คิดว่าเบอร์นี้เป็นเบอร์ยังว่าหรือว่ะเนี๊ยะ! อารมณ์เสีย" หล่อนสบถกับตัวเอง พลางเดินไปทำสิ่งที่ค้างคาอยู่เมื่อครู่  กริ้ง ! กริ้ง! กริ้ง! โทรศัพท์ดังข้นอีกครั้ง หล่อนวิ่งออกมารับด้วยท่าทีเอาเรื่อง "นี่ บอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ไง คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงยังว่ารึไง ตาบ้า โรคจิต ถ้าโทรมาอีกฉันจะโทรไปแจ้งตำรวจฟ้องร้องค่าเสียงหายนะ" หล่อนใส่ไม่ยั้งโดยไม่รับฟังเสียจากครู่สายเลยด้วยซ้ำ "อ่าอื้ม ขอโทษจะหนู ฟังฉันก่อนสิจ๊ะ" เสียงจากปลายสายดังขึ้นเมื่อเห็นหล่อนเงียบไปชั่วครู่ "อ๋อ นี่ ให้ผู้หญิงโทรมา คิดว่าฉันจะไปรึไง ? ไอบ้า ไอโรคจิต" หล่อนเริ่มทวีความโกขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของชายที่นอนอยู่บนโซฟา สะดุ้งตื่นเพราะเสียงของเจ้าหล่อน ชายหนุ่มได้แต่นั่งมองหล่อนหัวเสียกับกรสนทนาทางโทรศัพท์ โครม! เสียงหล่อนกระแทรกโทรศัพท์ลงไปกับตัวรับอย่างแรง ก่อนจะเดินเข้าไปในครัว ชายหนุ่มที่กำลังงัวเงียได้แต่งงในท่าทีของหล่อนก่อนจะลุกเดินตามไปยังครัว "นี่ นมข้นบูดรึไง เสียงดังเป็นบ้า คนจะหลับจะนอน" ชายหนุ่มเริ่มก่อกวนหล่อนด้วยวาจา "หุบปากไปเลยนะนาย  อารมณ์ยิ่งไม่ดีอยู่

      วันนี้มันวันซวยอะไรของฉันว่ะ ไปไกลๆเลย" หล่อนขู่ชายหนุ่มเมื่อครู่ ก่อนจะหันกลับมาบ่นกับตัวเอง "ซวย เซย อะไรของแก  ฉันมาหานี้มันซวยนักใช่ไหม ??"  ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ  ก่อนจะหันหลังเดินไปด้วยสายตาที่แฝงเต็มไปด้วยความเศร้ากับทุกๆเรื่องที่พบมา แต่หวังแค่เพียงจะให้หล่อนปลอบใจเท่านั้น แต่หล่อนกลับไล่ตะเพิ้ด  "นี่ เป็นบ้าไรอีกหล่ะนาย แค่นี้งอน ผู้ชายส่ะเปล่า? ขี้งอนไปได้  ไอทึ่มเอ๊ย! มากินข้าวส่ะสิ ทำไว้ให้แล้ว" หล่อนเรียกชายหนุ่มที่จะกำลังหันหลังพลางกระชากแขวนไว้ด้วยสีหน้าเป็นกังวลว่าจะโดนโกรธ

        ธนนท์เก็บความเศร้าทั้งหมดแล้วหันกลับมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม  ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นภายในใจด้วยนี้เลย"ฮ่าๆๆๆ " ธนนท์หัวเราะ กับท่าทางของหล่อนที่ดูเป็นกังวลจนเกินเหตุ "ไม่เปลี่ยนเลยนะแก ยังไงก็ยังงั้น ปากอย่างใจอย่าง ชอบประชดส่ะจริงๆ"  ธนนท์หันกลับมาว่านมข้น "ก็ฉันกำลังหงุดหงิดนิแก ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ นายอย่าถือเลยนะ ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ ไปกินข้าวเถอะ" นมข้นชี้แจงเป็นวรรคเป็นเวร แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร

       "ว๊าว! แกงส้มไข่ชะอม ของโปรดฉัน ยอดเลย ไม่ได้กินนานแล้วรู้ไหม??" ธนนท์ พูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น ตื้นตัน ที่จะได้ลิ้มรส ของอาหารจานโปรด ที่ไม่ได้กินเสียนาน "เอ่อ ! ของโปรดก็กินๆไปส่ะ กินให้หมดแล้วกัน" นมข้นพูดแล้วยิ้มกระหยิมในท่าทางการกินแบบกระหายของ ธนนท์  "ยิ้มอะไร ฮ่ะ! เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยว"  ธนนท์เหลือบมองเห็นยิ้มที่ยียวนของนมข้น "เปล่า! ก็คนบางคน ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง" เหอะๆๆ

      1 สาวกับ 1 หนุ่ม นั่งต่อล้อต่อเถียงกันไปมา ในอาหารมื้อเย็น อย่างมีความสุข

       กริ้ง! กริ้ง! กริ้ง! เสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะอีกครั้ง นมข้นชักสีหน้าอารมณ์เสียขึ้นมาทันที เมื่อนึกถึงโทรศัพท์เมื่อก่อนหน้านี้ เป็นจังหวะเดียวกับที่ธนนท์ มองเห็นสีหน้าของหล่อน จึงลุกพรวดไปรับสายเอง "นายจะไปไหนเนี๊ยะ" นมข้นกล่าวถามด้วยทีท่าฉงน"ไปรับโทรศัพท์เด่ะ หนวกหูจะตายอยู่แล้ว คนจะกินข้าว"  ธนนท์ขานตอบแล้วมุ่งไปนี้ยังโทรศัพท์ "เอ่อ ถ้าไอโรคจิตเมื่อกี๊ ด่ามันไปเลยนะ"นมข้นตะโกนบอกไล่หลัง   

      "สวัสดีครับ ต้องการเรียนสายใครครับ?" ธนนท์กล่าวทักทายด้วยเสียงสุภาพ

       "ธนนท์ ธนนท์ ใช่ไหมลูก  ? แม่ขอโทษฟังแม่อธิบายก่อนนะลูก " เสียงหญิงสาวดังเล็ดรอดออกมาจากคู่สาย "ไม่ครับ ไม่มีประโยชน์ แค่นี้นะครับ แล้วไม่ต้องโทรมาอีก" ธนนท์ตัดบทสนทนาด้วยน้ำเสียงเย็นชาปนปวดร้าวสุดๆ  น้ำตาไหลรินลงมาอย่างที่เขาไม่สามารถเก็บกักมันไว้ได้   และ สมองที่ตื้อและปวดแทบจะระเบิด  ธนนท์นั่งทรุดลงกองกับพื้นด้วยใจที่อัดแน่น เหมือนมีอะไรมาบีบรัด  "ธนนท์นายเป็นอะไร" นมข้นเอ่ยถามด้วยท่าทีตกใจ เมื่อเห็นเพื่อนชายของตนนั่งหันหลังมือคุมขมับกองอยู่กับพื้น

       ธนนท์ได้แต่นั่งเงียบไม่ตอบโต้ใดๆสักคำ  มีเพียงเสียงสะอึกสะอื้นกับแผ่นหลังที่แฝงด้วยความเจ็บปวดและโศกเศร้าเท่านั้นเป็นคำตอบที่ประจักษ์แก่สายตาของหล่อน   หล่อนได้แต่นั่งเงียบๆอยู่ด้านหลังของธนนท์ หลอนทำได้เพียงเฝ้าดูความเจ็บปวดของเพื่อน หล่อนเอื้อมมือไปแตะบ่าของเพื่อนชายด้วยความหวังว่า มือซ้ายข้างนี้จะระบายความโศกเศร้าและทุเลาความปวดร้าวของชายผู้นั่งหันหลังอยู่เบื้องหน้าลงได้บ้าง "นมข้น …." ชายหนุ่มหันมาโอบกอดหลอนพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นออดอ้อน "ฉันเจ็บ..ฉันหนัก ..ฉันปวด ..ฉันไม่รู้ทำยังไง" หล่อนได้แต่ฟังเสียงโอดควรญด้วยความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานของเพื่อน "ใจเย็นนะแก แกมีไรจะระบายก็ได้นะเว้ย  แกเป็นอะไรแกบอกฉันได้นะเว้ย  ฉันยินดี ถ้าไม่อยากให้ฉันฟัง ฉันจะอุดหู  ถ้าไม่อยากให้ฉันเห็นฉันจะปิดตา ขอให้แกทำสิ่งที่แกสบายใจและดีขึ้น ฉันพร้อมจะอยู่ข้างๆแกนะ" หล่อนทำได้แค่ปลอบใจไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้านและน้ำตาที่ไหลรินด้วยความสงสารชายหนุ่มเบื้องหน้า ร่างของชายหนุ่มไร้น้ำหนักพร้อมกับ เสียงลมหายใจที่เงียบไปในเวลานั้น  สร้างความตกใจแก่นมข้นอย่ามาก "ธนนท์ ….ธนนท์ นายอย่างนิ่งสิ  นายอย่าแกล้งกันนะ นายฉันไม่ตลกด้วยนะ  นาย ไอบ้า ไอทึ่ม ลุกมาเดี๋ยวนี้นะ คุยกับฉันสิ …"

      นมข้นร้องเรียกทั้งน้ำตาที่แฝงไปด้วยความหวาดกลัวต่างๆนานา หลอนคว้ามือถือของหลอนโทรเรียกรถพยาบาล

                      วี้ ว่อ วี้ ว่อ วี้ ว่อ!!….เสียงรถพยาบาลดั่งสนั่นทั่วทั้งย่านที่ตั้งแมนชั่น  "ไม่เป็นไรนะ นายต้องไม่เป็นไร ธนนท์ ธนนท์ " เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของนมข้นดังอยู่ไม่ขาดสาย "เชิญญาติผู้ป่วยรอด้านหน้านะครับ!"

      เสียงคุณหมอสั่งปรามนมข้น  นมข้นนั่งรออยู่ด้านหน้าด้วยใจรุ่มร้อนไม่เป็นสุข พลางหยิบโทรศัพท์ เพื่อแจ้งข่าวให้ธนนท์ทราบ  " รับสิ !! รับเร็วๆหน่อย!" นมข้นเร่งเร้าให้ปลายสายรับโทรศัพท์  "ฮัลโหล สวัสดีครับ! ต้องการเรียนสายใครครับ" เสียงตอบรับจากคู่สายสนทนาดังขึ้น "ขอเรียนสายคุณแม่สรญาค่ะ" นมข้นรีบตอบไปโดยไม่แคลงใจในน้ำเสียงของผู้รับสาย "ที่นี้ไม่มีคนชื่อสรญา ขอโทษด้วย" เสียงกระแทรกโทรศัพท์ดังเข้ามาในสายสนทนา "แล้วฉันจะทำยังไงดีเนี๊ยะ" หล่อนบ่นไปพร่างชะเง้อดูความเคลื่อนไหวของด้านในห้องฉุกเฉิน

      คุณหมอเดินออกมาบอกนมข้นด้วยใบหน้ากังวลนิดหน่อย  "คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ แต่…"

      "แต่ไรค่ะ.หมอ"  นมข้นรีบตัดบทอ่ำอึ้งของหมอแล้วถามด้วยความกังวล  "คือ คนไข้ได้รับเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจมาหรือเปล่าครับ??  ผมต้องการข้อมูลเพื่อประกอบการรักษาครับ เชิญทางนี้ดีกว่า" หมอเชื้อเชิญให้นมข้นเดินตามไปยังห้องของตน

                      เป็นเวลา 2 ทุ่มกว่าๆ ขณะนั้นนมข้นที่นั่งอยู่โซฟาในห้องถึงกับตื่นตนก ในเสียงกรีดร้องอย่างคุ้มคลั่งของต้นเสียง "แม่แม่มาทำไม ออกไป ผมบอกแล้วว่าไม่ต้องมายุ่งกับผม ผมไม่อยากฟัง ผมเกลียดแม่ ไปให้พ้น!  ผมบอกให้ไปไง ไป ไปให้พ้น "   ซ่าส์ ซ่าส์  เสียงทีวีในห้องพักคนป่วยที่ธนนท์พักอยู่ดังขึ้นรูปหญิงสาวปรากฏขึ้นหน้าจอกายอาบไปด้วยเลือด ร้องขอความช่วยเหลือ "ช่วยแม่ด้วย แม่ขอโทษ แม่ผิดไปแล้ว ช่วยด้วยช่วยด้วย"   "ไม่ ไม่จริง" เสียงสะอึกสะอื้นดังอย่างต่อเนื่องตามด้วย เสียงตะโกนหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัวดังขึ้นสนั่นไปทั่วโรงพยาบาล ….หล่อนรีบวิ่งเข้ามาที่เตียงผู้ป่วยด้วยอาการเป็นห่วงอย่างสุดขีด"ธนนท์นายเป็นอะไร  ธนนท์" นมข้นกล่าวถามชายที่เพิ่งสะดุ้งขึ้นมาจากฝันร้ายด้วยความเป็นห่วง "แม่แม่ฮือๆๆแม่ถูกมันฆ่า  ฮือๆๆ" "ไม่นะนายพูดอะไร นอนเถอะนะ  พักผ่อนส่ะ" หล่อนเข้าไปโอบกอดและลูบศีรษะชายที่นอนจมกองน้ำตาและความหวาดกลัวอยู่บนเตียงผู้ป่วย "แค่ฝันร้ายนะ!! โอ๋!!!ขวัญเอ๋ย ขวัญมา" หล่อนได้แต่ปลอบใจและคิดว่ามันเป็นแค่ฝันร้ายจริงๆ

                      หมอเข้าเวรคนใหม่เดินเข้ามาดูอาการของธนนท์และหันไปบอกกับนมข้นที่ได้แต่ยืนร้องไห้สงสารธนนท์ที่ปวดร้าวและแสนเศร้า  "ผมว่าเขาต้องได้รับการบำบัดอย่างด่วน"

                      หมอได้พาธนนท์เข้าไปยังห้องผ่าตัด เพื่อทำการผ่าตัดรักษาโรคของธนนท์ เวลาผ่านไปเนิ่นนานเกือบ 3 ชั่วโมง นมข้นได้แต่ภาวนาขอให้เพื่อนของหล่อนปลอดภัย

                      ข่าวด่วน! ข่าวด่วน! เสียงทีวีที่หน้าห้องผ่าตัดดังขึ้นปลุกให้นมข้นออกจากความพะว้าพะวง

       หญิงไทยวัย 38 ปี  ถูกฆาตกรรมที่แมนชั่นแห่งหนึ่ง  เมื่อเวลา 2 ทุ่มตรงวันนี้ คาดว่าสามีของเธอเป็นคนฆ่าเพื่อสมบัติของสามีเก่าของหญิงสาว

                      ฟุ๊บ! กรี๊ด  !  กรี๊ด!! เสียงโทรศัพท์ของนมข้นหล่นลงพื้นเมื่อรูปใบหน้าของหญิงสาวที่ตายปรากฏขึ้น   หล่อนรีบวิ่งไปยังห้องผ่าตัดทันที

                      "ไม่ ….ไม่จริง กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!" หล่อนวิ่งพล่านไปทั่วโรงพยาบาล อย่างคนไร้สติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×