Go WiTh Me? ไปด้วยกันนะ - Go WiTh Me? ไปด้วยกันนะ นิยาย Go WiTh Me? ไปด้วยกันนะ : Dek-D.com - Writer

    Go WiTh Me? ไปด้วยกันนะ

    ความรักไม่ใช่การเดินนำหน้าไปก่อนหรือรออยู่แค่ข้างหลัง แต่ความรักคือการเดินไปด้วยกัน (มั้ง)

    ผู้เข้าชมรวม

    271

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    271

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 มี.ค. 49 / 10:20 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ณ มหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่ต้นไม้ใหญ่ประจำมหาลัยทุกๆกลางวัน คนที่ผ่านไปผ่านมาจะเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง ผิวขาว ผมยาวระบ่า หลับอยู่ใต้ต้นไม้ต้นนั้นความน่ารักของเธออาจจะทำให้คนที่ผ่านไปผ่านมาต้องใจเต้นแน่ๆ ถ้าหญิงสาวคนนี้ไม่ส่งเสียงกรนออกมาเสียก่อน

      " ฝนๆ คุณฝน โธ่ ทำไมมันปลุกยากแบบนี้เนี่ย  ฟ้าๆ เจ้าฟ้า  โว้ยยย  ไอ้ฝนฟ้า"   เสียงเรียกครั้งสุดท้ายดังลั่นพร้อมกับคำนำหน้าที่ไม่ควรเอามาใช้

      เสียงตะโกนเรียกทำให้คนที่หลับอยู่ลืมตาขึ้นมาและก็ต้องตะลึงเพราะภาพที่เห็นคือหญิงสาวตาโต ผิวสีขาวเผือก ผมสีดำยาวเป็นกรอบรายล้อม  กำลังยกเท้าขึ้นเตรียมเหยียบลงมาที่ท้องของเธอทุกเมื่อ

      " เฮ้ย  ไอ้ไม้ แกจะทำอะไรเนี่ย"   ฝนฟ้าโวยวายถามพร้อมกับรีบลุกขึ้น  กลัวแสนกลัวว่าคุณดอกไม้เพื่อนรักจะทำให้เธอต้องอดข้าวเพราะเจ็บท้องที่คุณเธอจะเหยียบลงมา

      " ก็ไม่ทำอะไร  แค่ถ้าคุณฝนฟ้ายังไม่ตื่น   ฉันดอกไม้คนนี้จะกระทืบปลุกเองไง"  พูดจบก็ชักเท้ากลับแล้วยิ้มอย่างสะใจที่ได้แกล้งคนตื่นยาก

      " เออๆ  ขอบใจ ฉันตื่นแล้ว ให้ตายเถอะพูดอะไรไม่เข้ากับหน้าตาเลย"  ฝนฟ้าพูดได้แค่นั้นก็ต้องรีบเผ่นหนีเพราะเท้าที่เพิ่งชักกลับไปได้ยกขึ้นมาเตรียมเหยียบลงมาอีกรอบ

      " ล้อเล่นๆ ว่าแต่แกมีอะไรถึงได้มาปลุกฉัน  ยังไม่ถึงเวลาไม่ใช่หรือไง"  ฝนฟ้าถามพร้อมกับดูนาฬิกา  ยังไม่ใช่เวลาที่เธอจะต้องตื่นเลย  มาปลุกทำไมก็ไม่รู้

      " ใช่ ยังไม่ถึงเวลาหรอก  แต่ฉันมีอะไรให้แกดู  ไปที่หน้าห้องน้ำกัน แล้วฉันจะเอาให้ดู"  ไม้ตอบขณะออกเดินนำหน้าไป

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      " แกจะเอาให้ดูได้ยัง  เดินมาตั้งนานแล้วนะ"  ฝนถามขึ้นมาเพราะเดินมาตั้งนานแล้วแต่เพื่อนเธอก็ยังไม่พูดเรื่องที่จะพูด จนจะถึงหน้าห้องน้ำที่เป็นเป้าหมายอยู่แล้ว ยังไม่พูดอะไรเลย  เสียเวลานอนจริงๆ

      " นี้ไงถึงแล้ว  ไอ้นี้แหละที่ฉันจะให้แกดู"  ไม้พูดเมื่อมาถึงหน้าห้องน้ำแล้วชี้ไปที่โปสเตอร์การแข่งขันเปียโนที่ติดอยู่ที่บอร์ดหน้าห้องน้ำ

      " อ้อ  ไอ้นี่เอง ฉันเห็นแล้ว"  ฝนพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆแต่มันดูแปลกๆไปจากเดิมเล็กน้อยในความรู้สึกของดอกไม้

      " แล้วทำไมแกไม่ไปแข่ง  แกเก่งนี่หว่า  ถ้าแกชนะแกก็จะเข้าไปใกล้คุณภูขึ้นไปอีกนะ  แกมัวแต่เก่งเงียบๆอย่างนี้ไม่มีใครตรัสรู้หรอกนะ"  ไม้พูดด้วยความหงุดหงิด  จะไม่ให้หงุดหงิดได้ยังไงล่ะ ในเมื่อฝนฟ้า เพื่อนเธอคนนี้รักและเก่งเปียโนยิ่งกว่าอะไรและยังมีเป้าหมายที่อยากจะไปให้ถึงอยู่ด้วย

      " ก็ฉันไม่กล้าไปแข่ง กลัวแพ้คนอื่นเค้า  เฮ้อ"  ฝนกล่าวเบาๆพร้อมกับถอนหายใจ  เสียงโทรศัพท์ของฝนดังขึ้นขัดจังหวะการพูดคุย  ฝนฟ้ามองโทรศัพท์แล้วขยับรอยยิ้ม

      "  'จารย์สอนเปียโนของฉันโทรมา  เค้าคงโทรมาบอกว่าหาโน้ตที่ฉันอยากได้เจอแล้วแน่ๆเลย"  ฝนบอกด้วยเสียงที่ร่าเริงแล้วรับโทรศัพท์

      แต่เมื่อคุยไปได้ซักพักใบหน้าที่ยิ้มแย้มกลับซีดลงเรื่อยๆ

      " แย่แล้วๆ ไอ้ไม้ "  ฝนฟ้าพูดขึ้นทันทีที่วางโทรศัพท์

      " อะไร ใครแย่ ฉันแย่หรือแกแย่"  หญิงสาวนามดอกไม้แกล้งย้อน

      " ฉันสิแย่ ไม่ใช่แก  จารย์ โทรมาบอกว่าเค้าลงชื่อฉันไปแล้ว ไอ้การแข่งขันเปียโนอันนี้  ลงไปแล้ว ฉันต้องแข่ง ทำยังไงดีไม้ แพ้แน่ๆเลย แพ้แน่ๆ" ฝนฟ้าโอดครวญพร้อมกับใบหน้าที่ซีดลงเรื่อยๆ

      " แค่แกคิดว่าแพ้มันก็แพ้แล้วไอ้ฝน  ทำใจซะเถอะ  ไปซ้อมมาเยอะๆแล้วชนะมาให้ได้นะ" ไม้พูดพลางตบไหล่ผู้เป็นเพื่อนที่ใบหน้ายังคงซีด แต่ก็ยังกล่าวให้กำลังใจไปอีกว่า "ถ้าแกชนะก็จะเข้าใกล้คุณภูขึ้นไปอีกก้าวนะ"

      ใช่  เรื่องทั้งหมดก็เพราะหมอนั่นคนเดียว นาย ภูผา นักเปียโนชื่อดังที่เป็นทั้งเพื่อนสมัยเด็กและยังเป็นคู่แข่งของเธอ เพราะหมอนั่นชอบรักแล้วก็เก่งเปียโนเลยทำให้เธอสนใจว่าเปียโนมันมีดีอะไร  เธอจึงเริ่มเรียนเปียโนและเธอก็เป็นอีกคนที่ชอบและหลงรักในเสียงของเปียโน  แต่ที่สำคัญเธอต้องเก่งกว่าเจ้าผาให้ได้ เพราะเจ้าผาดูถูกเธอว่าต่อให้เธอรักหรือชอบเปียโนยังไงก็ไม่มีทางเก่งได้หรอก

      " ก็ได้ ฉันจะแข่งและต้องชนะด้วย ต้องชนะ"  เสียงประกาศต้องการชัยชนะดังลั่น  น้ำเสียงที่มั่นใจมากขึ้นของฝนทำให้ไม้รู้สึกสบายใจขึ้น อย่างน้อยฝนฟ้าก็มีใจที่อยากจะชนะ

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      ตลอดเวลาสามเดือน  ฝนฟ้าและดอกไม้เข้าออกห้องซ้อมดนตรีเป็นว่าเล่น ว่างเมื่อไรต้องไปเมื่อนั้น และแล้ววันเวลาที่ฝนฟ้าหวาดกลัวก็มาถึง

      " ขอเปิดการแข่งขันเปียโนรุ่นใหญ่ได้แล้ว ณ บัดนี้" เสียงของพิธีกรประกาศ

      " ทำไงดีๆ ฉันต้องเล่นแล้ว ทำยังไงดี ไอ้ไม้"  น้ำเสียงที่แสดงถึงความตื่นเต้นทำให้ดอกไม้ต้องถอนหายใจ

      " ใจเย็นๆ ไอ้ฝน แกเล่นได้ดีแล้ว  เท่าที่ฉันดูคนอื่นก็ท่าทางไม่ค่อยเท่าไร อีกอย่างนะวันนี้คุณภูมาด้วยไม่ใช่หรือไง นั่นไง เค้าจะพูดแล้วแกตั้งใจฟังสิ"  ไม้ปลอบอย่างใจเย็นแล้วจบประโยคด้วยการให้ฝนฟ้าตั้งใจฟัง

      บุคคลที่ลุกยืนขึ้นตรงหน้าคือ บุรุษร่างสูงผิวขาวหน้าตาหล่อเหลาและมาดนิ่งๆของนักเปียโนชื่อดังนาม ภูผา ทำให้สาวๆหลายๆคนที่นี้ชื่นชมกับความหล่อนิ่งและเท่

      " ผม ภูผา รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมงานในครั้งนี้ ก็อยากจะให้ทุกๆคนเล่นให้เต็มที่และในการแข่งขันครั้งนี้มีคนๆนึงของผมมาแข่งด้วย  ผมเคยบอกเค้าว่าเค้าไม่มีทางเก่งได้หรอก  แต่เค้าก็มาถึงตรงนี้ได้แล้ว เอาล่ะครับก็ขอให้ทุกๆคนโชคดีนะครับ" ภูผาพูดและจบลงด้วยรอยยิ้ม สำหรับหลายๆคนคงเป็นรอยยิ้มที่แสดงถึงการให้กำลังใจ แต่สำหรับฝนมันเหมือนการยิ้มที่ดูถูกเธอดั่งเช่นที่เค้าเคยทำมา

      "ฉันต้องชนะให้ได้แน่ๆ นายผา" ฝนฟ้าให้คำมั่นสัญญากับตัวเอง

      เวลาเดินไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ฝนฟ้าต้องแสดง

      " ต่อไปเป็นการแสดงของหมายเลขเก้า คุณ ฝนฟ้า เพลงที่เธอจะแสดงก็คือเพลง Variations On The Kanon" พิธีกรกล่าวพร้อมเรียกให้ฝนฟ้าขึ้นมาแสดง

      เสียงเปียโนอันอ่อนหวานของเพลง Kanon ดังขึ้น บัดนี้มือที่เคยสั่นกลับเล่นไปด้วยความมั่นคงและมั่นใจ  เหตุผลที่เธอเลือกเพลงนี้ก็เพราะเพลงนี้มีเนื้อเพลงท่อ่อนหวานแต่ก็มีความแข็งแกร่งอยู่ในเพลงด้วย เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่ภูผาเล่นให้เธอฟังแล้วเค้าก็บอกว่า เหมือนเธอ

      "ฉันจะพิสูจน์ให้เห็นว่าฉันก็รักและเก่งเปียโนได้"  ฝนฟ้าคิดพร้อมกับเสียงเปียโนที่เบาลงเรื่อยๆจนจบ เมื่อเสียงเพลงจบลง เสียงปรบมือก็ดีงกึกก้องไปทั่วแสดงถึงความชื่นชม ฝนฟ้าลุกขึ้นยืนแล้วโค้งให้อย่างสวยงาม เธอยิ้มอย่างภูมิใจแล้วก้าวลงเวทีไป

      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      " ขณะนี้ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอย ผู้ชนะในการแข่งขันเปียโนรุ่นใหญ่ครั้งนี้คือ หมายเลขสิบสาม คุณแนน เพลงที่เล่นคือเพลง Moonlight Sonata ของแสดงความยินดีด้วยครับ" สิ้นคำประกาศของพิธีกรฝนฟ้าวิ่งออกไปทันที

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      " ทำไม ทำไมกัน  ทั้งๆที่คิดว่าต้องชนะ แต่แล้วทำไมถึงไม่ชนะ ทำไมกัน"  ฝนฟ้าถามตัวเองเมื่อขาเริ่มเหนื่อยล้าจากการวิ่ง จึงหยุดลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย

      " ฟ้า "   เสียงเรียกที่ทำให้ฝนฟ้าต้องชะงักแล้วรีบเช็ดน้ำตาออกไป จะให้คนๆนี้เห็นไม่ได้แค่คนนี้เท่านั้น ที่จะไม่มีวันให้เห็นน้ำตา

      " มีอะไรค่ะ คุณภูผา"  ฝนฟ้าพูดแล้วหันไปเผญิชหน้ากับคนที่เธอคิดว่าเกลียดที่สุด

      " ไม่ต้องเรียกแบบนั้นก็ได้ ฟ้า เราเป็นเพื่อนกันนะ ว่าแต่ทำไมรู้ว่าเป็นเราล่ะ ฟ้า" ภูผาพูดน้ำเสียงที่อ่อนโยน

      " ก็ไม่ทำไม ที่รู้ว่าเป็นนายก็เพราะมีแค่คนๆเดียวที่เรียกเราว่า ฟ้า แทนที่จะเป็น ฝน เหมือนที่คนอื่นเค้าเรียกกัน" ฝนฟ้าตอบ

      ก็นั่นแหละ ภูผาเป็นคนเดียวที่เรียกเธอว่า ฟ้า ด้วยเหตุผลที่ว่า " ไม่อยากเรียกเหมือนใครๆ"  และก็ด้วยเหตุผลนี้ทำให้เธอก็เรียกเค้าว่า ผา แทนที่จะเป็น ภู เหมือนที่คนอื่นเรียก

      " ว่าแต่นายมีอะไร จะมาหัวเราะเราใช่ไหมว่าเราไม่ชนะ ว่าเราไม่มีทางเก่งได้ ใช่ไหมล่ะ "  ฝนถาม น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเริ่มสั่น น้ำตาที่แห้งไปแล้วทำท่าจะไหลอีกครั้ง

      " เปล่า "  ภูผาพูดได้แค่นี้ เพราะฝนฟ้าสวนขึ้นมาว่า " โกหก  จะมาดูถูกเราอีกใช่ไหมล่ะ " น้ำเสียงของฝนสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

      " จะร้องก็ร้องเถอะฟ้า  เราจะอยู่เป็นเพื่อน"  ภูผาพยายามจะปลอบ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบ

      " ฟ้า  ฟ้าฟังผานะ  คนเรานะมันก็ต้องมีการผิดพลาดบ้าง คนที่ทำผลาดก็คือคนที่ลองทำดูแล้ว แต่คนที่ไม่เคยทำผิดพลาดเลยคือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลยนะ  ฟ้ารู้ไหม ว่าเราดีใจแค่ไหนที่รู้ว่าในที่สุดฟ้าก็ลงแข่ง  ที่เราเคยว่าฟ้าไปก็เพราะว่าฟ้าจะไม่มีทางเก่งได้เลยถ้าฟ้าไม่กล้า ฟ้าไม่กล้าที่จะลงแข่งไม่กล้าที่จะหาประสบการณ์ ก็ให้เก่งแค่ไหนแต่ไม่กล้ามันก็จบ  ผาดีใจที่วันนี้ฟ้าก็กล้าที่จะเริ่มนับหนึ่งซักที"  จบคำพูดนั้น  ความเข้มแข็งที่พยายามสร้างมาตลอดก็ได้ถูกทำลายลง น้ำตามากมายไหลลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      หนึ่งปีต่อมา

      " ทำยังไงดี ตายแน่ๆ ตายแน่ๆ ช่วยฉันด้วยไอ้ไม้"  เสียงโวยวายของหญิงสาวดังขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทำให้ดอกไม้ลุกขึ้นมาแล้วตบหัวเพื่อนของเธอพลางบ่น
      " แกจะตื่นเต้นทำไม วันนี้คุณภูก็มาดู"

      " จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไง นี้มันคอนเสิร์ตครั้งแรกของฉันนะ" ฝนฟ้าเถียงอย่างเหลืออด  นี้มันคอนเสิร์ตครั้งแรกของเธอนะ เพื่อนเธอคนนี้ไม่ตื่นเต้นดีใจเลยหรือไง

      " ซีดีแกก็ออกมาแล้วจะตื่นเต้นอะไรอีก " จะว่าไปแล้วจะตื่นเต้นอะไรอีกในเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมานี้เพื่อนเธอคนนี้เที่ยวไปแข่งเปียโนเป็นว่าเล่น ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นต่อให้เอาช้างมาลากมันก็ไม่ยอมไป พอถามถึงเหตุผลมันก็บอกว่า "เมื่อเริ่มนับหนึ่งแล้วก็ต้องมีการนับสองสามไปเรื่อย หมอนั่นบอกเองว่าจะรอแล้วไปด้วยกัน แต่ก่อนที่จะไปด้วยกันฉันต้องตามให้ทันก่อน"  สรุปแล้วเจ้าฝนกับคุณภูจะเป็นนักเปียโนมืออาชีพด้วยกัน

      " ต่อไปนี้ท่านจะได้พบกับ ฝนฟ้า  นักเปียโนคนหนึ่งของเมืองไทยที่เคียงคู่กับ ภูผา"  เสียงพิธีกรเรียกให้สติของฝนฟ้ากลับมา และเดินออกไปด้วยอาการที่พยายามจะมั่นใจ

      เมื่อฝนฟ้าได้เห็นผู้ชมที่มาชมการแสดงของเธอก็ทำให้เธอมีความมั่นใจมากขึ้น  เสียงเปียโนดังขึ้นตลอดเวลาสามชั่วโมงเรียกเสียงปรบมือดังกึกก้องเมื่อเพลงสุดท้ายจบลง ฝนฟ้าลุกขึ้นยืนแล้วโค้งให้ หญิงสาวรับไมค์มาจากพิธีกรเพื่อกล่าวขอบคุณ

      " ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ คุณพ่อคุณแม่ที่รักของฝน  ขอขอบคุณทุกๆคนที่มาดูการแสดงของฝนในวันนี้ ขอบคุณจริงๆค่ะ  แต่มีอีกคนหนึ่งที่จะขาดไม่ได้ก็คือคนๆหนึ่งที่ทำให้ฝนมีวันนี้ เค้าคนนี้เป็นคนที่คอยให้กำลังใจและเป็นคนที่ทำให้ฝนรักเปียโนคนๆนั้นก็คือ คุณภูผา เพื่อนของฝนเอง ขอบคุณมากนะ ผา" น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงใจทำให้หลายคนอดยิ้มไม่ได้

      ภูผาเดินเข้ามาพร้อมกับดอกทานตะวันช่อโต

      " ในที่สุด ฟ้าก็มาถึงซะที เรานึกว่าจะต้องรอจนแก่" คำกล่าวที่เรียกได้ทั้งเสียงหัวเราะและใบหน้าที่บึ้งตึง

      " ล้อเล่น  แต่ว่าเราเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆหรอ"  คำถามที่ทำให้ใบหน้าคนถูกถามแดงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

      " แต่จริงๆนะฟ้า ในที่สุดฟ้าก็มาถึงซะที.....ฟ้า..เราไปด้วยกันนะ ไปพร้อมๆกัน นะ" คำชวนที่แสนง่ายทำให้ใบหน้าคนถูกชวนที่แดงอยู่แล้วแดงขึ้นอีก

      " อืม ไปด้วยกันนะ" คำรับที่แสนน่ารัก ทำให้ภูผาขยับรอยยิ้มแล้วยื่นดอกทานตะวันให้พร้อมกับพูดว่า " ดอกทานตะวันจะเป็นตะวันส่องแสงนำทางสำหรับการเริ่มต้นนับหนึ่งของเราสองคน"

      " ขอบคุณ" ฝนฟ้ายื่นมือไปรับ แต่พูดได้แค่นั้นเพราะอายเกินกว่าจะพูดอะไรได้อีก จึงขยับรอยยิ้มเป็นการขอบคุณอีกครั้ง

      รอยยิ้มที่ไม่ได้แสดงถึงการดูถูก รอยยิ้มที่ไม่ได้แสดงถึงความเกลียดชัง รอยยิ้มที่ไม่ได้หมายถึงการเดินนำหน้าหรืออยู่ข้างหลังแต่เป็นรอยยิ้มที่แสดงให้เป็นว่า เราจะไปด้วยกันนะ

      ไปด้วยกันนะ

      จบแล้วววววววววว



      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      สวัสดีค่ะ ทุกคน  เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เขียน ภาษาคงยังแย่ๆอยู่  แต่ก็จะพยายามนะค่ะ   ยังไงก็ขอบคุณมากค่ะที่เข้ามาอ่าน   ถ้าอ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงก็บอกด้วยนะค่ะ  ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×