คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #38 : ตอนที่ 23 : นกในกรง 1
ตอนที่23
นกในกรง 1
ทำไมนกน้อยถึงยังคอยเจ้านายมันในกรงที่พังแล้ว?..ก็เพราะมันจำได้แต่เพียงว่าต้องรออยู่ในนั้นเท่านั้น...เฝ้ารอที่จะเห็นเจ้านายของมันทักว่า “อรุณสวัสนกน้อย”
.........................
นับจากวันนั้น เรื่องราวระหว่างทั้งสองก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ แม้แต่ชิคังก็ยังฉงนสนเท่กับพฤติกรรมที่นาราคุแสดงออก รวมทั้งเซ็ตโชมารุด้วยเช่นกัน
..ไม่มีการพูดคุย ไม่มีการมองหน้า ความเย็นชาที่ถูกขว้างปาใส่กัน...
ดวงตาสีอำพันแทบไม่ได้มองหน้านาราคุเลยตั้งแต่กลับมา ใบหน้างดงามอันเฉยชาจนน่ากลัว ยามที่เดินผ่านผู้คนต่างหลีกทางอย่างหวั่นเกรง ทางด้านนาราคุเอง แม้จะมองตามร่างบางด้วยสีหน้าอาวรณ์หนัก แต่กลับไม่แสดงปฏิกิริยาทางสีหน้าทั้งสิ้น เพราะความดื้อแพ่งและใจแข็งของครึ่งอสูรหนุ่ม
ระยะเวลาเกือบเดือนที่ไร้การพูดจา..ระยะเวลาที่ครึ่งหนุ่มรู้สึกเจ็บปวดจับใจ..แต่กลับไม่ยอมพูดอะไรเลย ไม่ยอม..สิ่งที่นาราคุทำกับเรา มันยากที่จะให้อภัย..ความคิดแห่งความเศร้าและโทสะแทบจะปริออกนอกอก ระยะห่างดั่งคมมีดกรีดดันทั้งสองให้ออกจากกันเรื่อยๆ..หากใบมีดนี้ไม่จางหายไป..สิ่งที่เรียกว่าความรักอาจจะสายเกินไป
..............
“ เจ้าแน่ใจนะเกี่ยวกับเรื่องนี้” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้น ดวงตาสีเทามองแผ่นหลังบางที่กำลังง่วนอยู่กับการรัดโอบิ ดวงตาสีทองเรียบเฉยหากสวยงามเบนมองก่อนจะพูดเสียงเรียบ
“ เจ้าหมายถึงอะไร?” ชิคังส่ายหัวไปมา ก่อนเดินเข้าไปใกล้ร่างบางที่ยืนนิ่งอยู่
“ ข้าไม่ได้โง่นะเซ็ตโชมารุ ข้าดูออกหรกว่าระหว่างเจ้ากับนาราคุมันอภัยให้กันได้ยาก แต่เจ้าทำแบบนี้ข้า..” ชิคังเอ่ย หากไม่ทันจบ เสียงนุ่มก็เอ่ยแทรกขึ้นทันที
“ ข้าไม่มีอะไรจะต้องให้อภัย..” ชายหนุ่มตัดบท “คนอย่างนั้นไม่สำคัญอะไรต่อข้าทั้งสิ้น”
ดวงตาสีเทาขุ่นจ้องมองเซ็ตโชมารุดั่งจับผิด ร่างเล็กเบือนหน้าหนีแต่กลับถูกมือหนาช้อนคางขึ้นสบตา จ้องมองเข้าเพื่อล้วงลึกความรู้สึกแท้จริงจนใจเริ่มสั่นสะท้าน
“ โกหก..ถ้าไม่สำคัญทำไมเจ้าถึงตาแดงแบบนี้ล่ะ?” ใต้ตามีรอยช้ำจากการร้องไห้หนักอย่างชัดเจน ร่างสูงประคองใบหน้าไว้ในอุ้งมืออย่างอ่อนโยน
“ บางครั้งความรักก็อภัยกันได้ง่ายกว่าที่คิดนะ..ทำไมเจ้าต้องทำตัวให้เจ็บปวดแบบนี้เล่า” คำพูดของชายหนุ่มร่างแบ่งภาคเรียกสายตาดุดันจากอสูรหนุ่ม
“ ข้าไม่ได้รักเขา!! อย่ามาซี้ซั้ว!” ชิคังหรี่ดวงตาลง
‘..โกหก..’
ไม่รู้ว่าร่างบางเบื้องหน้าจะรู้มั้ยว่าตอนนี้ตนเองแสดงสีหน้ารวดร้าวเจ็บปวดอย่างไร..ถึงปากบอกไม่รักแต่สิ่งที่ออกมาจากการกระทำราวกู่ร้องว่ารักหมดใจ..จนคนที่ไม่ได้ถูกรักเจ็บในอกเหมือนคำตัดรอนนั้นกำลังพูดอยู่กับตน
เซ็ตโชมารุดันตัวหนีจากอีกฝ่าย และเดินๆจ้ำๆออกไปนอกระบียงเสมือนไม่อยากเอ่ยวาจาอันใดกับเขา ร่างสูงมองท่าทางแบบนั้นอย่างเศร้าใจ ช่วงหลายวันมานี้เขาพยายามพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้หลายครั้ง..แต่ผลที่ได้รับกลับถูกร่างบางแสดงท่าทางเหม็นขี้หน้าเขามากขึ้น
...ทำเพื่ออะไรเล่า?!..ทั้งๆที่คนที่ควรมาตามและปรับความเข้าใจควรจะเป็นเจ้านาราคุแท้!! ขากลับต้องมาวิ่งเต้นช่วยเหลือคนที่รัก......และคนที่แย่งคนที่รักไป...พอคิดมาถึงตรงนี้ ชายหนุ่มแค่นยิ้มออกมา
‘..เราลวพอที่จะใช้โอกาสแบบนี้ครอบครองเซ็ตโชมารุ..เราทำไม่ได้..ทำไม่ได้ที่จะขืนใจคนที่เรารัก..และทำไม่ได้ยิ่งกว่าคือการนั่งมองเซ็ตโชมารุเจ็บปวดแบบนี้..’
ดวงตาสีเทาขุ่นมัวหมองและปวดร้าว ‘ เรามันก็คนโง่คนหนึ่ง’...
“ ถ้าต้องการอะไร..ข้ารออยู่ข้างล่างนะ” ชิคังเอ่ยเป็นครั้งสุดท้ายแต่ก็ไร้คำตอบรับ ชายหนุ่มจึงจำใจดินออกไปจากห้องนั้นอย่างเงียบเชียบ
“ เดี๊ยว!!” เสียงเรียกดังขึ้นจากร่างบาง “อยู่เป็นเพื่อนข้าหน่อยได้ไหม?” เสียงที่เอื้นเอ่ยฟังแผ่วเบา ชิคังหยุดนิ่งและเดินมายืนเคียงข้างอสูรหนุ่ม จ้องมองเข้าไปในดวงตาสีทองซึ่งเบนหลบ
สายลมบนระเบียงพัดพากลิ่นต้นหญ้าแห้งและกลิ่นดินชื้นจากฝนให้ลอยเตะจมูก เกือบเดือนที่ฝนตกหนักอย่างเป็นปริศนาทั้งๆที่ไม่ใช่ฤดูฝนเสียด้วยซ้ำ ดวงหน้าคมสวยอันเรียบเฉยเหม่อมองท้องฟ้าที่เริ่มตกเคาจะตกอีกครั้ง ภาพวันที่ฝนตกครั้งนั้นหวนเข้ามาในความทรงจำจนต้องสะบัดหัวไล่เป็นระวิง
“ เรื่องพรรนั้นน่ะ..ลืมๆมันไปได้แล้ว” ร่างบางกระซิบเสียงเบาเหมือนพูดกับตนเอง แพขนตาหนาปรือปิดและเปิดช้าๆดเพื่อระงับบางอย่างในอก ชายหนุ่มกายสูงโปร่งได้ยินมันชัดเจนถึงจะเบาก็ตามที การตัดเสียใจเพียงชั่วครู่ชักพาให้วงแขนใหญ่โอบไหล่ร่างบางให้มาซบอกช้าๆ
“ ข้าไม่ว่าเจ้าหรอก..ไม่เคยว่าเลย” เสียงของชิคังช่างอ่อนโยน แผ่นอกอบอุ่นเรียกแพขนตาปรือปิด
“ นี่มิซาเนะ!! เจ้าจะพาข้าไปไหน ฝนจะตกแล้วนะ” เสียงทุ้มนุ่มและแข็งกร้าวที่ฟังคุ้นเคยดังมาจากชั้นล่าง เซ็ตโชมารุก้มลงมองโดยทันทีแต่พบเห็นก็นึกอยากโทษสายตาตัวเองที่ดันมองไม่รู้งาน
ชายร่างสูงเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรกำลังถูกกึ่งดึกกึ่งลากขากหญิงสาวร่างบางอ้อนแอ้นงดงาม ดวงตาของนาราคุเจือแววขุ่นมัวแต่เซ็ตโชมารุไม่มีวันเห็นมัน มิซาเนะยิ้มอ่อนหวานและโผเข้ากอดนาราคุแน่น
“ ข้าอยากหาที่ส่วนตัวให้เราไง..เจ้าไม่อยากเหรอ?” ริมฝีปากสีสอขยับยิ้มยั่วเย้า นาราคุมองหญิงสาวด้วยสายตายากจะคาดเดา ก่อนดวงตาคู้นั้นจะเหลือบไปมองเบื้องบน
ดงตาสีทองและทับทิมเข้มสบกันครั้งแรกในรอบเดือน เซ็ตโชมารุสดุ้งเฮือกอย่างไม่ตั้งตัวและเบือนหนีทันที สร้างความขุ่นมัวในดวงตาสีเลือดอย่างเด่นชัด และเมื่อเห็นว่าแขนของบริวารกำลังโอบกอดร่างบางอันหวงแหนไว้ในอ้อมกอดซึ่งเจ้าตัวก็มิบ่ายเบี่ยงเรียกความโกรธพุ่งสูงเหมือนภูเขาไฟ
“ มิซาเนะ..ข้าอยากจูบเจ้า” คำพูดนั้นดังชัดเจนไม่ว่าใครก็ได้ยิน แม้แต่ร่างสองร่างบนชั้นที่สูงยิ่งได้ยินชัด มิซาเนะยิ้มอ่อนหวานแม้จะดูแปลกใจ แต่ก็ยอมโน้มตัวจุมพิตดูดดื่มอย่างโดยดี
ภาพเบื้องล่างแม้แต่ชิคังยังตกใจ ชายหนุ่มรีบหันมองร่างข้างกายที่ยืนนิ่ง
“ เซ็ตโชมารุ..”
“ เกลียด...”
“ ??...” ไม่ทันจะถามความฉงน ร่างบางก็ดันตัวออกจากชิคังและเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องอีกครั้ง อารมณ์ชมวิวหายไปสิ้นเหลือเพียงความน้อยใจและโกรธเคือง ร่างบางผลุนผลันออกนอกห้องโดยทิ้งชิคังให้ยืนอยู่ภายในห้องนั้น
เซ็ตโชมารุก้าวเดินด้วยโทสะไปตามทางเดินเรื่อยอย่างไร้จุดหมาย ความโกรธและเศ้ราอัดแน่นอยู่ในอกจนอยากจะปลดปล่อยออกมา แต่จะทำยังไงได้ล่ะ?..ข้าจะทำอย่างไรกับมันดี... ยิ่งก้าวเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งเหนื่อย อสูรหนุ่มจึงชะลอฝีเท้าและหยุดลง เขาเข้ามาในเขตเมืองโดยไม่รู้ตัว ประชากรอุ่นหนาฝาคั่งเต็มไปหมดและเดินผ่านเขาไปราวกับเห็นเขาเป็นเพียงตุ๊กตา..ใช้สิ! ข้ามันก็แค่ตุ๊กตาไว้เล่นสำหรับเจ้า!!
ร่างบางทรุดตัวนั่งลงบนชิงช้าในสวนสาธารณะ แต่น่าแปลกว่าที่นี่ช่างโดดเดียวและว่างเปล่านัก เหลือเพียงเสียงลมและท้องฟ้าครืนครานที่พอบอกถึงการมีชีวิตอยู่ เซ็ตโชมารุกอดเกี่ยวร่างตัวเองไวในอ้อมกดของตน สิ่งที่ยิ่งกว่าความหนาวเหน็บคลืบคลานเข้ามาในใจอีกครั้ง และครั้งแล้วครั้งเล่า
รู้ดีว่าแค่เอื้อม..ก็สามารถหนีไปจากที่นี่ได้..เมืองอัยชิไม่ใช่แดนปริศนาอย่างไรไม่..ก็แค่เมืองๆหนึ่งที่เชื่อมโยงกับอิสรภาพภายนอก..หากทำไมกัน..ทั้งที่ครั้งแรกคิดหาทางนี้เกือบทุกนาทีเสียด้วยซ้ำ..แต่ยิ่งนับวันในความคิดนั้นกลับเต็มไปด้วยใบหน้าคมสันที่แฝงความอ่อนโยนและแข็งกระด้าง เพิ่มพูนใจจนลืมไปแล้วว่าควรหนี...และเวลานี้ก็ยังไม่ทำ..ยังไม่ยอมหลุดออกจากกรงนกที่เปิดออก..ไม่ยอมโผบินสูท้องฟ้ากว้างทั้งๆที่ทำได้..เพราะในใจส่วนลึกยังคงเฝ้าคอย ถึงคนๆหนึ่งที่จะเดินมาหาเจ้านกในกรงนั้นและพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยนอีกครั้ง
‘..เจ้านี่มันหัวรั้นจริงๆ..’ ริมฝีปากเม้มแน่นจนสั่นระริก ใบหน้างดงามและคมคายมองขึ้นไปบนท้องฟ้านั้นและพูดเบาๆ
“ ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมมาปิดประตูกรงของข้าเสียที..” รางบางปรือดวงตารัดแขนตัวเองให้กระชับแน่นขึ้นอีก
“ถ้าไม่ปิด ข้าจะหนีเจ้าไปจริงๆนะ..” เสียงหวานเอ่ยอย่างหงอยเหงา
“ได้โปรดปิดประตูกรงและขังข้าซะที....”
“ ปิดซะทีเถอะ..ข้าไม่อยากไปจากเจ้า..”
.......................................
อะเฮ้อๆๆๆๆๆๆๆ ^[ ]^ (หัวเราะไม) ก็มีเวลามาแต่งแล้วอ่ะดิ่ คิๆๆ
โฮก การบ้านเยอะมากกกกกกกก ไมมันเยอะงี้อ่ะ TT ชีวิตมันเส็งเคร็ง แต่งวายกันดีก่ <<~ ไม่เกี่ยวแล้วเอ็ง
ขอบคุณทุกท่านที่น่ารักทุกท่านนะคะ ถึงจะอัพช้าไปเยอะก็ขอโทษจริงๆค่า แต่เพราะเซออนเปิดเทอมแล้วเลยไม่ค่อยว่าง เลยอาศัยช่วงแม่ไปต่างจังหวัดอัพมันซะหน่อย แต่สั้นไปหน่อยขอโทษนะค้า
แต่รู้สึกมันจะเศร้านะเนี่ย งงป่ะคะ งงบอกนะจะได้แก้ให้ค่า ^O^ โฮๆๆๆ ท่านเซ็ตช่างหัวน่ารี่มันแล้ว ม่ามะ ^3^ มาสู้อ้อมอกข้าน้อยมา(แอ๊กกก!!:เซ// ลูกถีบนารี่ !! : นาราคุ =[ ]=’’// ไอ้รี่ ตูหักข้าตัว!!!)
ปล.รักคนอ่านนนนนน
ความคิดเห็น