ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [#MINHOON #WINNER] :: DAY & NIGHT ::

    ลำดับตอนที่ #7 : CHAPTER 6 :: BEAUTIFUL SKY ::

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ค. 62


    [#MINHOON #WINNER] :: DAY & NIGHT ::

     

    CHAPTER 6 :: BEAUTIFUL SKY ::

     

    ซุปใสมันฝรั่งร้อนกรุ่นส่งควันขาวฟุ้งขึ้นเหนือปากชามก่อนจางหายไปกับชั้นอากาศนั้นส่งกลิ่นหอมยั่วยวนให้รีบคว้าช้อนขึ้นตักชิมสักคำ แต่คนไม่สบายอย่างมินโฮไม่ได้มีความอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย เขานั่งมองอาหารฝีมือของซึงฮุนด้วยสีหน้าพะอืดพะอมเต็มทน แต่ถ้าวิ่งไปเข้าห้องน้ำแล้วอาเจียนออกมาจนหมดไส้คงเป็นอะไรที่เสียมารยาทไม่น้อย เขาจึงเลือกฝืนตัวเองหยิบช้อนสแตนเลสอันยาวขึ้นตักน้ำซุปเข้าปาก รสชาติของซุปคงอร่อยไม่น้อยหากแต่สัมผัสรับรสของเขาเฝื่อนไป เขาคงทานมันเข้าไปจนหมดชาม

     

    "ทนๆ กินเข้าไปหน่อยแล้วกัน พอให้มีอะไรอยู่ในท้องบ้าง ยาจะได้ไม่กัดกระเพาะ" แผงยาแก้ปวดที่ถูกฉีกไปแล้วหนึ่งเม็ดถูกเลื่อนมาตามพื้นโต๊ะไม้สีเบสก่อนอีกคนจะนั่งทานซุปเงียบๆ บ้าง ซึงฮุนคงหิวไม่แพ้กันเมื่อเจ้าตัวเอาแต่ตักชิ้นมันฝรั่งนุ่มนั้นเข้าปากเคี้ยวจนแก้มตุ่ย ภาพการกระทำของชายหนุ่มตรงหน้าเรียกรอยยิ้มของมินโฮให้คลี่ออกบางๆ แต่ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตแก้มฟูจะตาไวกว่า รีบหยุดเคี้ยวอาหารก่อนขยับปากถามเสียงเรียบ "ยิ้มอะไรของนาย ?"

     

    "เปล่า ..."

     

    "นี่ ! ถ้าไม่กินจะเอาไปเททิ้งแล้วนะ"

     

    ซึงฮุนแย้งขึ้นเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มซึ่งนั่งตรงกันข้ามกันกับเขานั้นเอาแต่เขี่ยช้อนไปมาจนน้ำซุปใสที่เขาอุตส่าห์ตั้งใจทำอย่างสุดฝีมือเริ่มจะเย็นชืด แต่ชามนั้นกลับถูกมือใหญ่ป้องไว้ก่อนออกแรงลากผลักให้ชามใบโตนั้นเข้าหาตัวราวกับหวงแหนนักหนา คนป่วยจนหน้าซีดเซียวเริ่มตักชิ้นมันฝรั่งเล็กเข้าปากบ้างหวังเอาใจเจ้าของบ้านคนดีที่ยอมลงทุนทำอาหารเช้าให้เขาทาน

     

    "ขอบใจนะ"

     

    "จะขอบใจอะไรนักหนา ? กินข้าวกินยาเสร็จก็กลับบ้านไปซะ"

     

    ชายหนุ่มเจ้าบ้านออกปากไล่ราวกับไม่อยากรับแขกแล้วใดๆ ทั้งสิ้นพลางก้มหน้าก้มตาจัดการตักอาหารตรงหน้าเข้าปากไม่หยุดโดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกหนึ่งสิ่งมีชีวิตคอยมองอยู่อย่างไม่ละสายตา แก้มขาวนุ่มฟูขยับเพื่อมไหวไปตามการบดเคี้ยวอาหารจนมินโฮมองว่านั้นคือการกระทำน่ารักๆ แก้มนิ่มนั้นมันช่างน่าฝังปลายจมูกโด่งลงไปสูดดมกลิ่นหอมละมุนราวมาร์ชเมลโล่เสียสักฟอด

     

    ซงมินโฮ นายกำลังคิดบ้าอะไรอยู่น่ะ ?

     

    ช้อนสแตนเลสถูกวางลงข้างชามซุปซึ่งถูกทานไปได้เพียงสองคำก่อนเลื่อนไปหยิบแผงยาสีขาวมาแกะ มินโฮงส่งเม็ดยาแก้ปวดเข้าปากพลางดื่มน้ำตามเงียบๆ กายหนายืดตัวขึ้นยืนก่อนก้าวเท้าเพียงสามก้าวไปทิ้งตัวนอนบนโซฟากำมะหยี่สีครีมสว่างดูไม่หมองลงตามกาลเวลาอาจเพราะเจ้าของห้องดูแลเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเป็นอย่างดี

     

    สมกับเป็นห้องของผู้ป่วยกลัวความมืดอย่างรุนแรง เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นล้วนเป็นโทนสีขาว ไม่ก็สีครีมหรือสีสว่าง รวมถึงผนังห้อง กรอบวงกบประตูหน้าต่าง ผ้าม่านเนื้อบาง กรอบรูปแขวนภาพวาดธรรมชาติ รวมถึงพื้นหินแกรนิตและผืนพรมเองนั้นก็สีอ่อนไปเสียหมด

     

    ต่างกับห้องของเขาอย่างลิบลับ ถ้าห้องของซึงฮุนนั้นเป็นสวรรค์ ห้องของมินโฮคงเป็นนรก ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ข้าวของโทนสีดำหรือแดงไปเสียทุกอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าไม่เว้นผนังปูนเปลือยเปล่าสีเทาหม่น

     

    หนังตาเริ่มหนักอีกครั้งเมื่อหัวของเขาสัมผัสกับหมอนอิงที่วางแน่นิ่งอยู่นาน มินโฮทิ้งให้เปลือกตาทั้งสองข้างปิดประกบเข้าหากันแม้เสียงแหลมสูงของใครอีกคนจะร้องท้วงออกมาเสียดังลั่น

     

    "ย๊า ! ซงมินโฮ กลับไปนอนบ้านตัวเองสิ !"

     


     

    ตารีเล็กยังคงจดจ้องอยู่กับเบอร์โทรศัพท์มือถือที่เขาเคยต่อสายไปหาใครบางคนเมื่อคืนด้วยหัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ เรียวนิ้วหัวแม่มือกดน้ำหนักลงตรงปุ่มสีเขียวเพื่อทำการต่อสายไม่รู้กี่สิบครั้ง แต่สุดท้ายก็ไวกว่าความคิดเมื่อเขาตัดสินใจกดลงปุ่มตัดสายก่อนเครื่องมือสื่อสารจะส่งสัญญาณการเชื่อมต่อดังตู๊ดๆ ให้ได้ยิน

     

    ลมหายใจถูกถอดถอนจากริมฝีปากอิ่มสีเชอร์รี่ เจ้าเด็กตัวสูงโปร่งเงยหน้าขึ้นมองม่านฟ้าสีสดแม้จะมีมวลเมฆขาวคอยสร้างเรื่องราวเป็นรูปร่างต่างๆ ให้เห็นจนน่าแปลกตา ความทรงจำในช่วงวัยเด็กเริ่มทยอยกลับเข้ามาในห้วงความคิดราวพลิกกลับด้านนาฬิกาทราย ภาพของเด็กชายตัวน้อยกำลังชี้หมู่ปุยเมฆพลางแต่งนิทานกับพี่ชายคนสนิทของเขาที่แม้จะไม่ใช่พี่ชายจากท้องเดียวกัน แต่ซึงยุนนั้นรักพี่ซึงฮุนยิ่งกว่าใดๆ ในโลกใบนี้

     

    อาจเพราะซึงยุนเป็นลูกคนเดียว และแม่ของเขารับซึงฮุนมาเป็นลูกบุญธรรมนั้นก็เหมือนสร้างฐานครอบครัวให้อบอุ่นขึ้นไปอีก ซึงยุนไม่มีพ่อ เจ้าเด็กแก้มป่องจึงทั้งรักและหวงแหนซึงฮุนในฐานะพี่ชาย รวมถึงเคารพราวกับพ่อแท้ๆ

     

    หากแต่โรคร้ายทางจิตติดตัว ทำให้ซึงยุนยิ่งเป็นห่วงพี่ชายคนนี้มากเป็นสองเท่า

     

    'หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ ...'

     

    "ไปไหนของเขานะ ?"

     

    คำสบถที่แม้จะอยากให้ปลายสายอยากได้ยินเพียงใดก็อาจส่งไปถึง ความกังวลเริ่มตีตื้นขึ้นจนซึงยุนอยู่ไม่เป็นสุข แม้จะอยู่บนที่สูงอย่างปูซานทาวเวอร์มองเห็นวิวทั่วทั้งเมืองรวมถึงท้องทะเลสีคราม แต่ไม่อาจทำให้จิตใจอันร้อนรุ่มของเด็กร่างสูงโปร่งเย็นลงได้เลย

     

    แม้จะเกิดความรู้สึกห่วงใยพี่ชายหน้าตี๋ไม่น้อย แต่ภาพลางๆ ของพี่ชายหน้าหวานอีกคนกลับวิ่งวนมาซ้อนทับ

     

    เป็นพี่ชายที่หัวใจไม่อาจเรียกพี่ได้อย่างเต็มปาก

     

    ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตกหลุมไปชอบเจ้าของใบหน้าสวยนั้นตั้งแต่เมื่อไร รู้เพียงว่าตลอดเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงในช่วงสองถึงสามวันนั้น หัวใจเจ้ากรรมก็เอาแต่หวั่นไหว มันเต้นถี่รัวเสมอเมื่อปรายตามองเสี้ยวหน้าสัดส่วนทองคำ สัมผัสจากร่างกายของพี่จินอูนั้นแทบดึงให้สติกระเจิดกระเจิง ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้รู้สึกอยากปกป้อง อยากดูแลเจ้าของเรือนกายเล็กหอมละมุนด้วยครีมอาบน้ำกลิ่นน้ำนมแม้จะอุดมไปด้วยกล้ามเนื้อตามสไตล์ของคนทำงานหนักแต่ซึงยุนกลับรู้สึกว่านุ่มนิ่มไปเสียทุกส่วน ไม่ว่าจะท่อนแขนที่คอยพยุงเขาให้ลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคงเมื่อเขาหกล้ม มือขาวบางแม้ไม่ได้จับลาดไหล่ของเขาโดยตรงแต่ซึงยุนสัมผัสได้ว่านิ่มราวกับทาแฮนด์ครีมมาแล้วทั้งหลอด ซึงยุนอยากให้ตากลมๆ คู่นั้นมองเขาแค่คนเดียว ฟังดูอาจจะเห็นแก่ตัวไปบ้าง แต่เพื่อแลกกับการได้รัก ได้อยู่ข้างๆ หรือแม้แต่ได้เอาใจใส่พี่จินอูคนดี ซึงยุนพร้อมยอมแลกกับคำครหาว่าเอารัดเอาเปรียบหรือเห็นแก่ตัว

     

    หรือนี่จะเป็นรักแรกพบอย่างใครเขาพูดกัน ?

     

    เด็กแก้มป่องส่ายศีรษะสลัดไล่ความคิดก่อนเงยหน้าขึ้นส่งสายตาไล่มองแพรฟ้าสีครามสวย แม้จะมีไอแดดลอดผ่านกระจกเข้ามาแต่เพราะอุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศภายในทาวเวอร์นั้นกลับถูกปรับให้เย็นท้าสู้กับฤทธิ์อำนาจของดวงสุริยัน

     

    ผืนฟ้าที่ปูซานก็เป็นผืนฟ้าเดียวกันกับโซล

     

    ลูกไฟดวงกลมโตส่องแสงแสบตาตรงนี้ คงเป็นดวงอาทิตย์ลูกเดียวกันกับที่กำลังแผ่รังสีความร้อนอยู่ในเมืองหลวง

     

    แล้วเมื่อไรกันนะพี่จินอู เมื่อไรเราสองคนจะได้พบกันอีก ?

     

    เมื่อไรกันนะ ที่ผมจะได้มีโอกาสอยู่ข้างพี่เหมือนมวลเมฆเคียงข้างตะวัน หรือแม้แต่หมู่ดาวใกล้ชิดจันทรา ...

     


     

    แม้เครื่องปรับอากาศภายในห้องพักจะเปิดให้เย็นตรงกันข้ามกับอากาศภายนอกแล้วก็ตามนั้นแต่เหงื่อกาฬอุ่นยังคงผุดออกตามรูขุมขนจนแผ่นหลังชื้นแฉะ มินโฮรู้สึกตัวจากการนอนหลับใหลตลอดช่วงบ่ายจนเวลาเดินล่วงเลยมาถึงค่ำ เปลือกตาค่อยๆ เปิดออกพลางหยีเข้าหากันเนื่องจากแสงไฟสะท้อนกับผนังสีขาวสะอาดนั้นทวีให้ยิ่งส่องสว่างจนแสบตาไปหมด อากาศปวดกล้ามเนื้อและศีรษะจากไข้หวัดหายไปแล้ว ความรู้สึกหนาวสั่นนั้นเปลี่ยนเป็นร้อนจนผลาญให้เม็ดเหงื่อไหลซึมตามผิวหนัง เขาขยับตัวเล็กน้อยจึงรู้ว่านอกจากจะมีเสื้อผ้าตัวหนาแล้วนั้นยังมีผ้าห่มสีครีมผืนโตคลุมร่างเขาอยู่ นี่คงทำให้เขารู้สึกร้อนกาย แต่กลับอบอุ่นในหัวใจอย่างแปลกประหลาด

     

    ซึงฮุนคงเอามาห่มให้เขา

     

    ปากหยักยกยิ้มก่อนเลิกชายผ้าห่มออก เท้าของเขาสัมผัสกับผืนพรมอ่อนนุ่มไม่ได้ทำให้รู้สึกเย็นเยือกขึ้นตามร่างกาย มินโฮค่อยๆ ย่องเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังจนรบกวนเจ้าของบ้านที่คาดว่าเวลานี้คงอยู่ในห้องนอนส่วนตัว ประตูขาวซึ่งอยู่ลึกเข้าไปถูกเปิดเอาไว้แง้มๆ เป็นช่องเล็กๆ พอให้ส่องเข้าไปมองภายในได้ แต่เขากลับถือวิสาสะผลักมันเข้าไปจนกว้างก่อนยื่นหน้าเข้าไปสำรวจภายใน เพลงคลาสสิคบรรเลงแผ่วเบาฟังแล้วสบายหูต่างกับเสียงเพลงปลุกเร้าอารมณ์จนบีทหนักสั่นเสทือนไปตามช่องท้อง แผ่นหลังติดจะหนาภายใต้เสื้อยืดสีครีมนั้นสะกดให้มินโฮเข้าไปหาอย่างไร้การควบคุม ซึงฮุนฟุบหลับอยู่กับโต๊ะทำงานซึ่งมีเอกสารมากมายกองพะเนินจนไม่เหลือพื้นที่ว่างบนโต๊ะ ตาเรียวส่งมองผู้เข้าห้วงนิทราอย่างอารมณ์ดี เปลือกตาขาวนั้นปิดสนิทไม่มีแววเคลื่อนไหว ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอฟ้องว่าอีกคนคงเหน็ดเหนื่อยจนหลับสนิท แก้มนิ่มนั้นแนบกับโต๊ะพื้นเรียบแลดูน่าขัน แต่มินโฮกลับมองว่าน่ารักจนอยากฟัดสักที

     

    ทุกสัดส่วนบนใบหน้าขาวเรียกให้เจ้าของกายหนาโน้นตัวลงไปมองใกล้ๆ ปีกว่าๆ แล้วที่เขาไม่ได้ใกล้ชิดใครมากไปกว่านี้ แม้แต่พี่จินอู พี่จียง มินโฮก็ไม่เคยได้สบมองใกล้ในระยะหนึ่งช่วงลมหายใจเช่นนี้

     

    อยู่ดีๆ อาการปวดหัวใจจนร่างกายกระตุกก็รีบผลักให้มินโฮขยับเท้าถอยห่างจากร่างของชายคนดีที่นอนหลับลึกไม่ได้รู้เรื่องใดๆ มือหนายกขึ้นกุมหัวใจพลางทำหน้าเหยเก อาการคล้ายคนเป็นโรคหัวใจแต่มันไม่ได้เจ็บปวดจนต้องเข้ารับการรักษา หากแต่มันปวดหนึบๆ ลึกๆ หน่วงๆ อยู่ภายใน เป็นความรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่อาจอธิบายได้ว่าเจ็บปวดแบบใด

     

    'ต้องถอยห่างอีกแล้วหรอ ? ทั้งๆ ที่ถูกใจมากแล้วแท้ๆ'

     

    ห้วงความคิดของมินโฮดังขึ้นจนได้ยินอย่างชัดเจน อาการกลัวความรักกำเริบขึ้นมาอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน แม้จะอยากฝืนตัวเองอดทนกับความเจ็บปวดดูสักครั้ง แต่สุดท้ายก็จมปลักสู่ห้วงความคิดเดิมๆ คือการสะกดให้จิตใจนั้นห่างออกจากคนที่เขารู้สึกดีด้วย

     

    ทำได้เพียงแค่กวาดตาสำรวจใบหน้าตี๋ที่กำลังหลับตาพริ้มเข้าสู่ห้วงความฝัน มินโฮอยากปลุกเรียกให้ซึงฮุนไปนอนเหยียดกายดีๆ บนเตียงกว้าง แต่ดูเป็นการขัดขวางช่วงเวลาฝันหวาน เขาจึงเลือกเดินไปประชิดเตียงก่อนดึงผ้าห่มหนาสีขาวบริสุทธิ์มาคลุมกายเจ้าของบ้านเอาไว้

     

    โทรศัพท์มือถือหน้าจอแตกร้าวนอนแน่นิ่งอยู่ข้างๆ เจ้าของอาจเพราะตัวเครื่องคงได้รับแรงกระแทกอย่างแรง มินโฮเกือบลืมไปแล้วว่าต้นเหตุที่ทำให้ข้าวของของคนอื่นเสียหายนั้นคือเขา เขาจึงเลือกเดินออกมาจากห้องนอนซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวพลางปิดประตูเสียงเบา ก่อนคว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาแทนแม้จะยังเดินทอดน่องอ้อยอิ่งเพื่อจะรับผิดชอบกับสิ่งที่ตนได้ทำเอาไว้

     

    "ป๊า ! ให้ใครก็ได้เอาโทรศัพท์มือถือที่ดีที่สุดมาส่งให้ย่านยงซานหน่อย ตอนนี้เลย !"

     

    [เดี๋ยวนะลูกชาย ... แกเพิ่งได้รุ่นใหม่ล่าสุดไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่ ? จะเอาเครื่องใหม่ไปทำอะไรอีก ?]

     

    ปลายสายกดเสียงทุ้มต่ำถามเสียงเรียบไม่มีท่าทีว่าจะตกใจเสียอย่างไรเมื่อถูกลูกชายบุญธรรมเรียกร้องขอข้าวของราคาแพง ซ้ำยังกำชับว่าต้องตอนนี้เวลานี้ 'ชเวซึงฮยอน' ลอบถอนหายใจผ่านสายโทรศัพท์ก่อนเข้าตำรายอมอ่อนให้กับลูกชายบุญธรรมที่เขารักนักรักหนายอมทุกอย่างจนเติบโตขึ้นเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้

     

    "ผมทำโทรศัพท์คนอื่นพังน่ะป๊า เลยจะชดใช้ ..."

     

    [ห๊า ! ป๊าไม่ได้หูฝาดใช่ไหม ? มินโฮ !] ความตกใจปนในน้ำเสียงทุ้มของพ่อเลี้ยงดังลอดออกมาจากโทรศัพท์จนมินโฮเกือบขว้างเครื่องมือสื่อสารทิ้ง [เห้ย ! ไอ้ลูกชายมีความรับผิดชอบผิดกับนิสัยจริง นี่ใช่ลูกชายป๊าจริงไหมเนี้ย ?]

     

    "ป๊า ! ผมไม่มีเวลามาล้อเล่นนะ" ตาเรียวเหลือบมองนาฬิกาเรือนใหญ่บนผนังทับด้วยวอลล์เปเปอร์ลายขนนกสีขาวบอกเวลาใกล้สองทุ่ม "ผมให้เวลาป๊า 20 นาที ให้ลูกน้องหรือใครก็ได้เอาโทรศัพท์มาให้ผม ผมจะรอที่ร้านสะดวกซื้อหน้าตึก เดี๋ยวผมแชร์โลเคชั่นไปให้ แค่นี้นะป๊า !"

     

    เป็นลูกชายบุญธรรมที่จัดได้ว่าเป็นดั่งหัวแก้วหัวแหวนตัดสายผู้เป็นพ่อ มินโฮเอี้ยวศีรษะหันไปมองบานประตูสีขาวปิดอย่างสนิท เพลงคลาสสิคยังคงดังลอดออกมาตามรอยแยกระหว่างประตูและพื้นห้อง เขามีความรู้สึกเป็นห่วงใครอีกคนขึ้นมาจนเริ่มรำคาญใจ ก้อนเนื้อด้านซ้ายซึ่งฝั่งลึกเข้าไปในอกเต้นกระตุกเป็นจังหวะแปลกๆ ที่แม้แต่เขาเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเพราะอะไรถึงได้เป็นเช่นนี้ สองขาค่อยๆ ก้าวอย่างมั่นคงตรงไปหาประตูใหญ่ รองเท้าผ้าใบถูกสวมใส่ด้วยการเหยียบทับส้นด้านหลังก่อนเขาจะตัดสินใจเปิดดึงประตูเพื่อออกจากบ้านของพ่อตะวันคนดีที่แม้เขาจะเคยหยาบคายใส่เพียงใดก็ใจดีช่วยเหลือเขาในยามยากลำบาก

     

    แม้จะไม่เต็มใจช่วยก็ตาม

     

    ฟ้าภายนอกมืดมิดแล้วแต่มินโฮกลับรู้สึกว่ามันสวยงามกว่าทุกวัน ฟากฟ้าสีดำดูเยือกเย็น สงบและอันตราย เวลานี้กลับรู้สึกสวยงาม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพ่อดวงตะวันหรือเปล่าเข้ามาเปลี่ยนคู่ดวงตาของเขาให้มองภาพโลกใบนี้เปลี่ยนไป พราวดาวระยับที่เขาเคยรู้สึกหงุดหงิดเนื่องจากบดบังทัศนียภาพผืนฟ้าเบื้องบนนั้น เมื่อก่อนมินโฮชอบท้องฟ้ายามกลางคืนโล่งๆ ไร้แสงสีเงินของดาวแม้สักดวง แต่บัดนี้ทำไมไม่รู้ความคิดก็เปลี่ยนไปกลับพบว่าสวยงามจนอยากจะมองนานๆ

     


     

    ซึงฮุนลืมตาตื่นขึ้นหลังจากเผลอหลับระหว่างการทำงานกองโตที่เขาขนกลับมาทำก่อนเกิดเรื่องร้ายๆ จนต้องเข้าโรงพยาบาล อาการปวดหลังแล่นขึ้นสู่สมองจนเขายืดตัวลำบาก เรียวปากบางส่งเสียงซี๊ดเมื่อพยายามยืดบังคับให้ตัวเองนั่งหลังตรง ผืนผ้านวมใหญ่ที่เคยคลุมกายร่วงลงไปกองกับพื้นห้องเย็นเฉียบจนเจ้าของกายบางอดสงสัยไม่ได้ว่ามันมาอยู่บนตัวเขาได้อย่างไร แต่สุดท้ายก็ถึงบางอ้อเมื่อคิดได้ว่าเคยพาคน (เคย) แปลกหน้าเข้ามาพักอาศัยในห้อง

     

    ขายาวรีบพาร่างสูงโปร่งเดินออกไปนอกห้องนอน พบเพียงห้องนั่งเล่นว่างเปล่า มีเพียงผ้าห่มที่เขาเคยนำออกมาคลุมกายของชายหนุ่มร่างหนาวางกองไว้บนโซฟาเท่านั้น ทุกอย่างในห้องยังคงเหมือนเดิม ไร้เงาของซงมินโฮ มนุษย์กายหมีที่เขาขึ้นบัญชีดำเอาไว้ ซึงฮุนทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา พลางเอื้อมมือลูบไล้ผ้าผืนโต หมอนอิง รวมถึงโซฟาที่ยังคงมีกลิ่นของมินโฮทิ้งไว้ก่อนกระตุกยิ้มอย่างเผลอไผล

     

    ห้องของเขาไม่เคยมีใครสามารถเหยียบย่างเข้ามาได้ นอกจากแม่ ซึงยุนและอาหมอจีวอนที่นานๆ ครั้งจะมาเยี่ยมเยียนดูอาการป่วยทางใจ มินโฮก็เป็นอีกหนึ่งคนซึ่งได้รับสิทธิพิเศษนี้ แม้จะเป็นการให้พึ่งพิงเพียงแค่ชั่วคราวไม่กี่ชั่วโมง แต่ก็สามารถเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวได้แม้เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันก็ตาม

     

    ซึงฮุนคงต้องพิจารณาตัวของมินโฮใหม่แล้วจริงๆ อย่างที่อาหมอว่า มินโฮมีมุมอ่อนไหวและอบอุ่นอยู่ลึกๆ ภายนอกแม้จะดูเกเร เป็นเพลย์บอย แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจปิดซ่อนความเป็นสุภาพบุรุษซึ่งแอบหลับไหลอยู่ภายใน

     

    ฉันยอมเลื่อนระดับความเป็นมนุษย์ให้นายแล้วนะ ซงมินโฮ ...

     


     

    เครื่องดื่มสีเหลืองทองสดใสคอยเพรียกให้ชายหนุ่มกายหนาผู้มีสีผมคล้ายคลึงกันนั้นเลื่อนมือยกแก้วใบโตขึ้นดื่มอย่างละเมียด เวลาเพียงสี่ทุ่มกว่าๆ นั้นลูกค้ายังคงบางตาบวกกับวันนี้ยังไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์ บรรยากาศภายในคลับยังสบายๆ เพลงที่กระทบเข้าโสตประสาทยังคงเป็นเพลงจังหวะสบายๆ ที่แม้จะดังเกินขีดจำกัดเนื่องจากภายในตัวอาคารเป็นห้องลักษณะปิด มีประตูเข้าออกสำหรับลูกค้าเพียงทางเดียวเท่านั้น แต่มินโฮกลับไม่ได้ยินสิ่งใดนอกจากเสียงของหัวใจตัวเอง รวมถึงเสียงฟ้องร้องในสมองเรียกแต่ชื่อของอีซึงฮุนเสมอจนแทบหงุดหงิด

     

    มือหนายกแก้วเบียร์ใบโตขึ้นดื่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฟองขาวเปรอะเปื้อนตามขอบริมฝีปากปาก เรียวลิ้นเลียไปรอบเพื่อเช็ดคราบฟองนั้น การกระทำแสนเซ็กซี่โดยไม่รู้ตัวแทบทำให้เหล่านักเที่ยวสาวๆ อยากจะพลีกายถวายตัวเป็นเครื่องสังเวยพร้อมแผดเผาให้แก่ชายหนุ่มผมสีสว่างผู้มีเสน่ห์จนเกินหักห้ามใจซึ่งนั่งตรงหน้าเคาน์เตอร์บาร์เสียเหลือเกิน

     

    แต่ถ้าเป็นลูกค้าประจำของคลับ จะรู้เลยว่าชายหนุ่มผิวเข้มผู้มีใบหน้าคมคายและมักจะนั่งดื่มตรงเคาน์เตอร์เพียงลำพังไม่เคยคิดสนใจใครหน้าไหนอยู่แล้ว ยิ่งเป็นสาวสวยรูปร่างเซ็กซี่จนพร้อมจะขย้ำให้แหลกคามือพึงรู้ตัวไว้เลยว่าไม่ได้อยู่ในสายตาของผู้ชายชื่อ 'ซงมินโฮ' อย่างแน่นอน

     

    "ไม่เมาไม่เลิก ..." บาร์เทนเดอร์หนุ่มหน้าหวานจนชายนักท่องโลกยามราตรีหลายคนเข้าใจผิดคิดต่างว่าจินอูเป็นผู้หญิงตรงมาวางแก้วบรรจุเบียร์สีสวยตรงหน้ามินโฮหลังจากเห็นว่าภาชนะใสใบเดิมนั้นถูกดื่มน้ำเมาเข้าไปจนเกือบ มุมปากของมินโฮยกยิ้มอย่างพึงพอใจพลางดื่มเบียร์รสนุ่มจนหมดแก้ว "วันนี้มีเรื่องอะไรมาอีกล่ะ ? มาถึงไม่พูดไม่จากระดกแต่เบียร์ ถามจริงเถอะ ภายในมึงประกอบด้วยเหล็กหรอวะ ? กินเหล้ากินเบียร์เหมือนซดน้ำ กินเข้าไปเท่าไรก็เหมือนจะไม่เป็นอะไรเลยเนี้ย"

     

    "ขี้บ่นเหมือนพี่จียงเลยหว่ะ"

     

    "กูจะเอาเบียร์ไปเก็บ ..."

     

    "เห้ย ! แซวเล่นแค่นี้ทำเป็นจริงจังไป ช่วงนี้นอนน้อยหรือไง ?"

     

    "เก็บคำถามนี้ไว้ถามตัวเองดีกว่านะมินโฮ" จินอูชี้ไล่ไปตามขอบตาคล้ำของผู้เป็นน้องชาย มนุษย์ซงมินโฮคือชายหนุ่มใช้ชีวิตในเวลาราตรีกาลมาโดยตลอด แค่ขอบตาเริ่มดำคล้ำก็รู้ได้ทันทีเลยว่าพักหลังๆ เจ้าคนหยาบนอนน้อยลง คงมีเรื่องอะไรให้ทำในช่วงเวลากลางวันด้วยอย่างแน่นอน "ไปตามใครเขาอยู่ล่ะ ? เห็นขอบตาดำๆ เป็นหมีแพนด้าก็รู้แล้วแหละว่าแทบไม่ได้นอน"

     

    "อืม ..." แม้จะโดนคำถามง่ายๆ แต่มินโฮกลับเลี่ยงไม่ตอบตามตรง เขายกแก้วเบียร์ขึ้นจิบอีกครั้ง "พี่จินอู พี่คิดว่าไอ้โรคกลัวความรักบ้าบอของผมนี่ มันจะหายง่ายๆ ไหมวะ ?"

     

    "ถามแบบนี้แสดงว่าไปชอบใครเข้าแล้วล่ะสิ ?"

     

    "เห้ย ! บ้า ! ชอบอะไร ? แค่ ... ถูกใจเท่านั้นเอง"

     

    ท่าทีส่อพิรุธซ้ำยังพูดกุกกักเลี่ยงไปเลี่ยงมาของน้องชายคนสนิททำเอาจินอูลอบอมยิ้ม อย่างน้อยก็มีความเป็นไปได้สูงว่ามินโฮกำลังสร้างความพยายามในการก้าวขาออกจากกรอบที่ตีล้อมเขาอยู่ มือบางวางอุปกรณ์ทุกอย่างลงก่อนสบเข้าคู่เรียวตาคมสีดำสนิท แม้บรรยากาศรอบข้างจะมืดเพียงใด แต่แสงไฟสลัวจากเลเซอร์เธคสาดไปส่องมานั้นก็กระทบพอให้เห็นแววตาสั่นไหวที่แม้จะพยายามซ่อนไว้แต่ก็ไม่อาจหลบหลีกจากคิมจินอูคนนี้ได้

     

    "ซงมินโฮ ... ลองถามใจตัวเองดูอีกทีนะว่าจริงๆ แล้วนายน่ะ เป็นโรคกลัวความรักหรือกลัวความผิดหวังจากความรักกันแน่ อย่าสร้างความเจ็บปวดจากความรักครั้งเก่ามาทำลายหัวใจของตัวเอง จริงอยู่ที่แชรินทิ้งนายไป นายเจ็บปวด นายทรมาน อย่าดึงอดีตมาทำให้นายเจ็บปวดจนถึงปัจจุบันรวมถึงอนาคตอีกเลย ลองเปิดใจให้สิ่งใหม่ๆ คนใหม่ๆ ไม่แน่นะ คนที่นายชอบอยู่ตอนนี้อาจจะดีกว่า อาจมีความรักดีๆ หยิบยื่นให้นายจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตก็ได้นะ"

     


     

    รู้สึกมาตรฐานการเขียนของไซเรนท์ด้อยลงมากเลยค่ะ อาจเขียนแล้วอ่านไม่ลื่นไหล ตัดบทเยอะ ยังไงไซเรนท์ก็ขอโทษทุกคนด้วยนะคะถ้าอ่านตอนนี้แล้วมีงงๆ ไปบ้าง แต่ไซเรนท์พยายามเขียนไม่ให้ออกทะเลค่ะ ตอนนี้เลยออกมาด้วยประการฉะนี้แล

     

    มาเอาใจช่วยให้พ่อดวงตะวันคนดีกับคุณหมีซงกันด้วยนะคะว่ารักครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ฉันควรต้องทำใจหรือเปล่า ? 5555555

     

    ส่วนคู่คนไกลนั้น ... น้องคังเขามาอธิบายความรู้สึกที่มีต่อพี่คิมแล้วนะคะ แล้วความรู้สึกของพี่คิมล่ะ ? จะตรงกันไหมนะ ? ต้องมาคอยเอาใจช่วยคังคิมของเราด้วยนะคะ

     

    ช่วยติดตามต่อด้วยนะคะ

     

    #DAYNIGHTSTORY

     

    เนื่องจากวันนี้เป็นวันพิเศษของไซเรนท์ วันที่ไซเรนท์อายุครบ 27 ขวบ

     

    (หรือนับตามเกาหลีคือ 28 ปีบริบูรณ์ อายุเท่าพี่จ๋าแล้วนะ)

     

    ไซเรนท์เลยปล่อยตอนนี้ออกมา ไม่ให้รีดเดอร์ที่น่ารักรอนานค่ะ ^^

     

    เพื่อตอบแทนทุกคนที่อยู่ให้กำลังใจไซเรนท์มาเสมอ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ

     

    HBD 2 ME

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×