'ซงมินโฮ' รักการถ่ายรูป
...
เขารักแสงและสีที่ปรากฏในภาพถ่าย
รักบรรยากาศซึ่งสามารถเก็บรักษาเอาไว้ได้บนกระดาษมันๆ แผ่นเล็ก
รักกล้องถ่ายรูปตัวช่วยในการบันทึกความทรงจำให้เดินทางข้ามห้วงเวลาจากอดีตสู่ปัจจุบัน
รักภาพสวยๆ แม้จะถูกบันทึกลงคอมพิวเตอร์แต่นั้นคือสิ่งบันทึกเรื่องราวว่าในครั้งหนึ่งเคยได้เห็นสิ่งสวยงามกับตาตัวเองแล้ว
แต่สิ่งที่เขารักมากที่สุด ...
คงไม่พ้น 'รอยยิ้ม'
ของคนตรงหน้าเลนส์กล้อง
โดยเฉพาะรอยยิ้มของชายหนุ่มหน้าตี๋ ผิวขาวใส
หน่วยตาเล็กคู่นั้นปกปิดด้วยแว่นสายตากลมๆ
แต่เมื่อยกยิ้มกว้างโหนกแก้มจะยกตัวจนตานั้นจะชิดเข้าหากันจนแทบปิด
เรียวปากบางยังคงระบายรอยยิ้มเมื่อสายลมอ่อนๆ
โชยกระทบกับร่างกายจนรู้สึกเย็นสบายและสดชื่น
ร่างกายผอมบางและสูงโปร่งถูกสวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีอ่อนตัดกับเนคไทสีเข้ม
กางเกงผ้าสีดำสนิทยิ่งทำให้ขายาวนั้นเล็กลงไปอีก
ชายคนนั้นงดงามยิ่งกว่าต้นดอกหญ้าพริ้วไหวตามลมเอื่อย
งดงามกว่าสายน้ำเพื่อมไหวเมื่อกระทบกับแสงตะวันยามเย็นจนสะท้อนเป็นสีทองระยิบระยับ
งดงามกว่าฝูงนกโผบินฝูงใหญ่กำลังเตรียมกลับรังเพื่อพักผ่อน
และงดงามยิ่งกว่าแสงอาทิตย์ยามอัสดงพลอยทำให้รู้สึกอบอุ่นและอ่อนไหว
ชายร่างผอมนั้นดูดีเป็นบ้าจนเขาต้องรีบยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาบันทึกเอารอยยิ้มนั้นมาเก็บรักษาเอาไว้
...
แต่เสียงชัตเตอร์คงจะดังเกินไปจนทำให้คนคนนั้นรีบหันมาตามต้นเสียง
สีหน้าเปลี่ยนเป็นสงสัยแทบจะทันทีเมื่อสบเข้ากับตาเรียวเมื่อเลื่อนกล้องถ่ายรูปลง
"เอ่อ ...
ขอโทษที่ต้องถือวิสาสะถ่ายรูปคุณนะครับ"
น้ำเสียงทุ้มเอ่ยคำขอโทษขอโพยก่อนศีรษะจะก้มโค้งให้โดยอัตโนมัติ
แต่เมื่อมินโฮเงยหน้าขึ้นกลับต้องแปลกใจเมื่อเห็นใบหน้าขาวนั้นส่งยิ้มให้เขา
อยู่ดีๆ
หัวใจก็เต้นเร็วและถี่รัวมากขึ้น ดวงหน้าคมของเขาร้อนฉ่าบวกชาไปวูบใหญ่เมื่อชายร่างบางคนนั้นก้าวเข้ามาใกล้เขาในระยะห่างเพียงหนึ่งไม้บรรทัดเท่านั้น
"ขอดูรูปหน่อยได้ไหม ?"
มือขวายื่นเข้ามาตรงหน้ามินโฮ
ตาเล็กภายใต้กรอบแว่นเหล็กกลมยังคงเป็นประกายและปากเรียวบางยังคงแย้มยิ้ม
ยิ่งใกล้กันแบบนี้ ชายคนนี้ยิ่งดูดีมากยิ่งขึ้นจนมินโฮเผลอเงอะงะทำอะไรไม่ถูกกันเลยทีเดียว
เอาจริงๆ นะ ...
ชายคนตรงหน้าช่างเหมือนพระเอกการ์ตูนญี่ปุ่นที่ชอบอ่านเป็นประจำ
แลดูอบอุ่นแต่ก็ซ่อนความร้อนแรงเอาไว้ภายใน
แลดูสุขุมนุ่มลึกแต่ก็แอบเซ็กซี่
แลดูน่าทะนุถนอมแต่ก็น่าจับฟัดสักทีจนอยากขย้ำแล้วกลืนกินลงท้อง
นี่ซงมินโฮกำลังคิดอะไรอยู่ ?
"อ่า ... ครับๆ"
ความประหม่าพลอยทำให้มือหนาสั่นไปเสียหมด
กล้องถ่ายรูปถูกยื่นไปวางบนมืออีกคนอย่างทุลักทุเลจนเกือบหลุดมือเสียหายจนชายหน้าตี๋หลุดขำออกมาเล็กๆ
ก่อนประคองตัวกล้องขึ้นมาเลื่อนดูรูปภายใน ยิ้มบางๆ นั้นกว้างขึ้นก่อนหันให้ผู้เป็นตากล้องดูบ้าง
"รูปนี้สวยนะ"
"ครับ ... สวย"
"ผมชอบนะ แสง สี บรรยากาศ
ทุกอย่างเข้ากันหมดไปหมดเลย คุณถ่ายรูปสวยจริงๆ"
"ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ
เดี๋ยวผมต้องไปปรับแต่งภาพอีกทีน่ะ"
"คุณเป็นช่างภาพมืออาชีพหรอ ?"
"อ่า ... เปล่าหรอกครับ
ผมชอบถ่ายรูปเป็นงานอดิเรกน่ะ จริงๆ แล้วผมยังเป็นนักศึกษาอยู่"
"เอ๋ ? จริงหรอครับ
? คุณนี่เก่งจัง"
"ไม่หรอกครับ"
มือหนาถูกยกขึ้นเกาท้ายทอยตัวเองแก้อาการเขิน
มินโฮเป็นคนที่เก่งเฉพาะสิ่งที่ตัวเองสนใจเท่านั้น อย่างการถ่ายรูป
มินโฮต้องใช้เวลาฝึกหัดค่อนข้างนานกว่าจะเนรมิตภาพสวยๆ ออกมาได้ และยังเป็นหนึ่งในสมาชิกชมรมถ่ายภาพของมหาวิทยาลัย
"จริงสิครับ คุณชื่ออะไรหรอครับ ?"
"อ่า ... ลืมแนะนำตัวไปเลย ผมชื่อ 'อีซึงฮุน' ครับ เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย"
"อาจารย์หรอครับ ?"
"ใช่ ... มหาวิทยาลัยตรงนั้นไง"
เรียวนิ้วชี้มุ่งไปตึกอาคารสีขาวตั้งอยู่ไกลๆ
แต่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเพราะสถานที่นั้นอยู่ตรงที่ลาดเชิงเขาสูงพอดี
มินโฮมองตามนิ้วนั้นไปก่อนจะตกใจเล็กน้อยออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ
"นั้นมหาวิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่นี่ครับ
ทำไมเราไม่เคยเจอกันเลยล่ะ ?"
"อ่า ...
อาจเพราะผมเพิ่งมาเข้าไปสอนได้เพียงสามวันล่ะมั้งครับ" คราวนี้เป็นผู้มีอายุมากกว่าเป็นฝ่ายเขินบ้าง
ซึงฮุนยกมือทั้งสองข้างปิดแก้มเนียนที่เริ่มแดงเรื่อ เป็นกริยาน่ารักๆ
เชื้อเชิญให้มินโฮอยากยกกล้องขึ้นถ่าย แต่เมื่อย้อนคิดดู มันคงจะเสียมารยาทเกินไป
"ผมสอนภาควิชาอักษรศาสตร์น่ะครับ"
"อ่า ... น่าเสียดายนะครับ ผมเรียนภาควิชาศิลปกรรมศาสตร์"
สีหน้าผิดหวังของมินโฮฉายชัด ในใจของเขาอยากเจออาจารย์ซึงฮุนทุกวัน
หากแต่ทั้งสองคณะนั้นอยู่ไกลกันคนละฟากของมหาวิทยาลัย
"ให้ผมเลี้ยงกาแฟเป็นการขอโทษที่แอบถ่ายรูปอาจารย์เมื่อครู่ได้ไหมครับ ?"
"เอ๋ ? อย่าดีกว่าครับ
..." สองมือของร่างบางโบกไหวๆ เป็นเชิงปฏิเสธ การกระทำน่ารักๆ
นั้นกระตุ้นให้หัวใจของคู่สนทนาเต้นรัวขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ชวนให้สงสัยจนคิ้วเข้มๆ
เลื่อนมาผูกกันให้เป็นปมตรงกลางหน้าผากกว้าง "คือ ...
ผมอายุมากกว่าแถมเป็นอาจารย์อีก ให้ผมเป็นฝ่ายเลี้ยงคุณดีกว่า
แลกกับรูปถ่ายของผมรูปนั้นแล้วกัน"
คอมพิวเตอร์แลปทอปถูกเปิดขึ้นหลังจากที่โดนพับเก็บไว้อยู่เป็นเวลานาน
แสงสว่างบนหน้าจอแอลอีดีบางวูบไหวไม่แพ้ประกายในสายตาของมินโฮ
สายยูเอสบีเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างกล้องถ่ายรูปตัวโปรดและคอมพิวเตอร์
ภาพถ่ายทั้งหมดค่อยๆ ทยอยถูกถ่ายโอนข้อมูลจนมาปรากฏบนหน้าจอกว้าง
ความละเอียดของรูปถ่ายนั้นมีมากจนเห็นสีสันของภาพได้ชัดเจนขึ้น
ปากหยักได้รูปของชายหนุ่มร่างหนายกยิ้มเขินอายเมื่อรูปของชายหนุ่มอีกคนปรากฏบนหน้าจอ
ความละเอียดสูงดึงให้รอยยิ้มยิ่งสวยงาม
บวกกับหน่วยตาเล็กที่ปิดลงรับอากาศภายใต้แว่นสายตานั้นทำให้รู้สึกสดชื่นและสดใสตามไปด้วย
แก้วอเมริกาโน่ซึ่งเป็นพลาสติกใสยังคงถูกวางไว้ข้างตัวแม้ไร้ของเหลวสีเข้มหรือก้อนน้ำแข็ง
เป็นแก้วเปล่าๆ ที่มินโฮพร้อมจะเก็บรักษาเอาไว้ว่าครั้งหนึ่งคนที่เขา 'รัก' ตั้งแต่แรกเห็นนั้นซื้อเลี้ยงเขา
แลกกับรูปถ่ายเพียงรูปเดียว
...
ไอดีผู้ใช้ของแอปพลิเคชันแชทชื่อดังถูกแลกเปลี่ยนกันระหว่างนั่งดื่มกาแฟที่คาเฟ่เล็กๆ
ไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่เขาเจออาจารย์หนุ่มเจ้าของรอยยิ้มสดใสราวอรุณรุ่งของเช้าวันใหม่
การได้นั่งพูดคุยกันอย่างใกล้ชิดยิ่งทำให้มินโฮรู้จักอาจารย์หนุ่มคนนี้มากขึ้น
ซึงฮุนเป็นผู้ชายไหล่กว้างแต่รูปร่างบอบบางราวกับพระเอกการ์ตูนญี่ปุ่น
เอสเพรสโซร้อนและน้ำอัดลมคือเครื่องดื่มสุดโปรด
ไม่ชอบดูละครแต่กลับชอบรายการวาไรตี้
สายตาสั้นเพราะชอบอ่านหนังสือและเล่นคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ
และหลากหลายเรื่องราวสารพัดที่มินโฮยกมาพูดคุยเพื่อทำความรู้จักคนคนนี้ให้มากขึ้น
มือหนาคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก่อนนิ้วหัวแม่มือจะเลื่อนเปิดแอปพลิเคชันแชท
รูปโปรไฟล์ของอาจารย์ซึงฮุนนั้นยังคงสดใสจนเรียกให้ใบหน้าคมร้อนผ่าวๆ
รูปปากแดงจู๋ห่อเข้าหากันช่างน่าจับมาฟัดสักที
ตาเล็กๆ ภายใต้กรอบแว่นนั้นทำให้อาจารย์คนดีดูน่ารักมากขึ้น ดวงหน้าขาวใสผลัดให้ดูมีเสน่ห์ดึงดูด
ผมสีดำสนิทถูกปล่อยให้ปอยผมหน้าม้าปรกปิดหน้าผากแทนที่จะถูกจัดทรงให้เปิดขึ้นเหมือนที่เห็นเมื่อตอนเย็นทำให้ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้นไปอีก
คงปฏิเสธอะไรไม่ได้แล้วว่ามินโฮน่ะ ...
ชอบอาจารย์ซึงฮุนเข้าให้แล้ว
หน้าจอโทรศัพท์ถูกเปลี่ยนเป็นหน้าห้องแชท
นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างเคลื่อนไหวไปมาเพื่อพิมพ์ข้อความ
'ผมกำลังแต่งรูปนะครับ อีกสักพักผมจะส่งให้'
หัวใจของเด็กหนุ่มยังคงเต้นรัวไม่เป็นจังหวะแม้จะวางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างๆ
คอมพิวเตอร์ พยายามรวบรวมสมาธิทั้งหมดแม้สมองจะประมวลความคิดถึงไปหาคนที่เพิ่งรู้จักกัน
รีบจัดการปรับแต่งภาพให้สวยงามที่สุด เพื่อเป็นของขวัญให้แก่ 'รักแรกพบ' ของเขา
ยิ่งตกแต่งภาพ
ความงดงามของชายร่างสูงก็ยิ่งเปล่งประกาย
ราวๆ
ครึ่งชั่วโมงรูปถ่ายพร้อมการปรับแต่งก็ถูกส่งไปหาเจ้าของรอยยิ้มสวย
ก้อนเนื้อหัวใจของมินโฮแทบระเบิดหลังจากมีข้อความตอบกลับมา
'ขอบใจมากนะ
นอกจากถ่ายรูปสวยแล้วยังแต่งสวยด้วย ผมชอบมันมากจริงๆ'
อ่า ... ผมก็ชอบนะ
หมายถึงชอบอาจารย์น่ะ
นับวัน
ความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์และลูกศิษย์ยิ่งแน่นแฟ้นมากขึ้น
มินโฮไม่อาจทึกทักเอาเองว่าสิ่งที่อาจารย์คนดีกำลังทำอยู่นี่เป็นความรักหรือไม่
หรือเพียงเห็นเขาเป็นนักศึกษาธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
แต่ความขี้ขลาดและความกลัวมีมากกว่าจะอ้าปากถามไปว่าจริงๆ
แล้วข้างในใจของซึงฮุนกำลังคิดอะไรอยู่
มินโฮกลัวว่าหากถามอะไรทำนองนั้นออกไป
ซึงฮุนจะหายไปจากชีวิตของเขา
ทุกวันนี้จึงทำได้เพียงเก็บงำทั้งความรู้สึกและคำถามเอาไว้
แม้หลายครั้งมันมากมายเกินกว่าจะปิดบัง
พยายามบังคับปากเอาไว้ไม่ให้พลั้งเผลอพูดคำๆ นั้นออกไป ทั้งๆ
ที่มันยากเย็นเหลือเกิน
และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่มินโฮแวะเวียนมาหาซึงฮุนที่คณะเพื่อชวนไปถ่ายรูปเหมือนทุกๆ
วัน แต่ไม่ว่าจะเดินหรือมองไปทางไหนก็ไร้เงาของอาจารย์ร่างสูง
จนเจ้าตัวนึกแปลกใจว่าวันนี้อาจารย์คนเก่งนั้นลาป่วยหรือติดงานนอกสถานที่หรือเปล่า
?
"เอ่อ ... ขอโทษนะครับ"
เสียงทุ้มกดถามกลุ่มนักศึกษาที่คาดว่าจะเป็นรุ่นน้องนั่งทานขนมอย่างเอร็ดอร่อยอยู่หน้าตึกคณะ
เด็กๆ
เหล่านั้นสบมองมินโฮเป็นสายตาเดียวก่อนเลิกคิ้วทำหน้าตาสงสัยเนื่องจากไม่เคยเห็นมินโฮในคณะมาก่อนเลย
"วันนี้อาจารย์อีซึงฮุนไม่มาหรอครับ ?"
"อาจารย์เพิ่งลาออกไปเมื่อวานนี้เองครับ"
อาการใจหายแล่นไปทั่วทั้งแผ่นอก
ความรู้สึกหนักหน่วงกดทับตามลาดไหล่จนอยากจะทรุดลงคุกเข่า
ร่างกายหนาชาวูบไปทั้งตัว มือประคองกล้องถ่ายรูปอยู่นั้นอ่อนแรงไปเสียหมด
ในห้วงความคิดเอาแต่ย้ำคิดว่าเพราะอะไรอาจารย์คนดีถึงไม่บอกกันก่อนว่าจะลาออก
ทั้งๆ ที่เข้ามาสอนได้เพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น
"ขะ ... ขอบใจมากนะ"
สองขายาวเริ่มออกวิ่งแม้ไม่รู้จุดหมายปลายทาง
ในสมองไม่สามารถคิดอะไรได้อีกแล้วนอกจากย้ำคำถามเดิมๆ ซ้ำๆ
ว่าทำไมซึงฮุนถึงต้องลาออก และเพราะอะไรถึงไม่ยอมบอกเขาตรงๆ ทั้งๆ
ที่เมื่อวานยังคุยกันเป็นปกติ ทั้งต่อหน้าและในแอปพลิเคชันแชท
โทรศัพท์มือถือถูกดึงออกจากกระเป๋ากางเกงแม้จะยังวิ่งอยู่
นิ้วหัวแม่มือพิมพ์ข้อความสั้นๆ แม้จะพิมพ์ผิดพิมพ์ถูก โดยหวังให้อีกคนตอบกลับมา
อย่างน้อยให้มินโฮรู้ได้ไหมว่าอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ ?
สองเท้าที่สืบวิ่งหยุดชะงักพร้อมลมหายใจเหนื่อยหอบถูกระบายเข้าออกรวดเร็วและถี่รัว
ก้อนเนื้อหัวใจฝังในบริเวณอกข้างซ้ายเร่งจังหวะการเต้นเพื่อสูบฉีดโลหิตหลังจากร่างกายใช้พลังงานอย่างมากโขในการออกแรงวิ่ง
โทรศัพท์มือถือที่เจ้าตัวกำเอาไว้แน่นนั้นสั่นเบาๆ ให้รู้ว่ามีข้อความตอบกลับ
ไม่รอช้าเจ้าของเครื่องรีบเปิดมันอ่านทันที
'ผมอยู่ริมแม่น้ำ ที่ที่เราเจอกันครั้งแรก'
มินโฮเผลอแย้มยิ้มบางๆ กับข้อความสั้นๆ
แต่เพราะเหนื่อยเกินกว่าจะวิ่งออกอีกครั้ง
สองขาเดินทอดน่องก้าวไปตามทางลาดเรียบฉาบด้วยซีเมนต์สีเทาหม่นเรื่อยๆ
เพราะอีกไม่กี่เมตรก็ถึงจุดหมายแล้ว
ดวงอาทิตย์ยามเย็นอ่อนกำลังลงแล้ว
ลูกไฟสีส้มอบอุ่นดวงใหญ่คล้อยต่ำลงปิดซ่อนตัวเองหลังตึกสูงตั้งเรียงรายเย้ยฟ้าเบื้องบน
แสงสีทองตกสะท้อนกับผิวน้ำและเปล่งรังสีออกไปทั่วบริเวณผืนฟ้า บรรยากาศอบอุ่นของเวลาเย็นย่ำกำลังดึงดูดให้ชายร่างสูงผอมเชิดหน้ามองวิวสวยงามเบื้องหน้าเหมือนครั้งแรกที่มินโฮเจออีกครั้ง
กล้องถ่ายรูปถูกยกขึ้นก่อนนิ้วชี้ของดขาจะออกแรงกดเพื่อบันทึกภาพสวยงามเอาไว้
กว่าซึงฮุนจะรู้ทันว่าโดนแอบถ่าย มินโฮก็มีรูปในกล้องถ่ายรูปเพิ่มเข้ามาอีกห้ารูป
"ซงมินโฮ"
"อาจารย์จะปิดบังเรื่องลาออกกับผมไปถึงเมื่อไรครับ
?"
สีหน้าจริงจังและเจ็บปวดฉายชัดผ่านใบหน้าขาว
คำขอโทษถูกประกายออกมาจากดวงตาจนมันทะลุออกมานอกแว่นสายตาใส
สัมผัสได้ว่ามือไม้เกะกะจนต้องเลื่อนมากอดประสานกันตรงหน้าอก
ท่าทีอ้ำอึ้งนั้นมันทำให้มินโฮรู้สึกขัดใจอยู่ไม่น้อย
แต่ก็พยายามข่มใจให้เย็นไว้เพื่อรอฟังเหตุผลจากคนตรงหน้า
ริมฝีปากบางขบเน้นนั้นคลายออกก่อนซึงฮุนจะเริ่มขยับเพื่ออธิบาย
"คือ ... ผมกำลังทำทุกอย่างเพื่อความถูกต้อง"
"ความถูกต้อง ?"
"เพราะผมเป็นอาจารย์
ส่วนคุณเป็นลูกศิษย์
ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปเราก็จะยิ่งเหมือนถลำลึกก้าวเท้าข้ามเส้นความถูกต้องไปนะ
..."
"คุณกำลังจะหมายความถึงอะไรกันแน่ ?"
มินโฮก้าวเท้าเนิบๆ
ขยับเข้าไปใกล้ผู้เป็นหัวใจของเขา ผู้ที่ได้หัวใจของเขาไปตั้งแต่วันแรกของการรู้จักกัน
แต่ดูเหมือนยิ่งรักมากขึ้นเท่าไรก็ยิ่งเจ็บปวดหัวใจมากขึ้นเท่านั้น
มือหนาเอื้อมไปประคองแก้มฟูๆ
ของผู้อายุมากกว่าอย่างเผลอลืมตัว แต่ทำไมกันนะ ? ทำไมคว้าตัวผู้ชายคนนี้ได้กลับช่างรู้สึกห่างไกลจนก้อนน้ำตาที่ตนกลั้นเอาไว้หลอมละลายจนหยาดน้ำอุ่นๆ
เริ่มเรื่อตามขอบตาเรียว
เป็นเพราะที่ผ่านมา เขาทำผิดอย่างนั้นหรอ ?
เขาทำผิดเพียงแค่ตัวเขาเป็นลูกศิษย์
และซึงฮุนเป็นอาจารย์อย่างนั้นหรอ ?
"ผมกำลังทำทุกอย่างให้ถูกต้องนะ"
"ถ้าความถูกต้องทำให้ผมไม่ได้เจอกับอาจารย์อีก
ผมยินดีจะทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่านะครับ"
คราวนี้ของเหลวร้อนกลับยิ่งไหลออกมามากขึ้นจนดวงหน้าคมเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาใส
คนอายุน้อยกว่าสะอื้นออกมาอย่างน่าอายก่อนจะชักมือข้างที่ลูบไล้แก้มนิ่มของคนตัวบางมาเช็ดน้ำตาออกลวกๆ
ในความคิดของมินโฮเวลานี้ เขาพร้อมจะทำทุกอย่างให้ได้เจอกับคนตรงหน้าทุกวันอย่างที่เคยทำตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านพ้นไป
"ขอโทษนะครับอาจารย์ แต่ผมหักห้ามใจไม่ได้จริงๆ"
"มินโฮ ..."
"ผมชอบอาจารย์ครับ"
แม้จะยังหลงเหลือคราบน้ำตาเปรอะตามแก้มแต่มินโฮกลับยิ้มกว้างออกมาเมื่อสุดท้ายเขาก็มีความกล้าหาญบอกความในใจออกมาหลังจากเก็บงำไว้เป็นเวลานานนับเดือน
"ผมชอบรอยยิ้มสดใสของอาจารย์ ผมชอบแววตาผ่านแว่นของอาจารย์
ผมชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นอาจารย์ครับ"
อารมณ์แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็วจนเจ้าตัวเองก็ตั้งรับไม่ทัน
ผิวสีเข้มบนใบหน้าเจือสีแดงเรื่อลามไปถึงใบหู
ความเขินกระตุกให้มินโฮรีบก้มหน้าหลบซ่อนความร้อนผ่าวๆ
สองมือประคองกล้องถ่ายรูปนั้นทำอะไรไม่ถูกกลับกลายเป็นขัดถูไปมาราวกับกำลังถูตะเกียงวิเศษ
โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำดังกล่าวทำให้ผู้เป็นพี่นั้นเอ็นดูจนยกยิ้ม
ใบหน้าขาวเปื้อนสีเลือดจนแดงลามไปถึงใบหูเช่นกัน
วินาทีนี้เรียกได้ว่าต่างคนต่างเขินก็ว่าได้ ...
"เด็กโง่เอ้ย"
มือบางวางลงบนศีรษะของคนตัวหนาก่อนลูบเบาๆ
การกระทำอ่อนโยนเฉกเช่นปุยนุ่นเรียกให้มินโฮเงยหน้าขึ้นมาสบตาคู่สนทนาไม่รู้ว่ายื่นหน้าเข้ามาใกล้เพียงหนึ่งเซนติเมตรตอนไหน
แต่สายตาและรอยยิ้มนั้นกลับเร่งจังหวะการเต้นของหัวใจให้รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมอีกร้อยเท่าจนเขาเองเกิดคำถามในใจว่าก้อนเนื้อเล็กๆ
ที่เรียกว่าหัวใจจะวายตายก่อนวัยอันควรหรือเปล่า
"พี่ก็ชอบนายเหมือนกันนะ"
สรรพนามแทนตัวเองนั้นเปลี่ยนไป
แถมพ่วงด้วยคำบอกชอบนั้นหวานราวน้ำผึ้ง
ไม่มีอาจารย์ซึงฮุนและลูกศิษย์คนสนิทอีกต่อไป ต่อไปนี้จะมีเพียงพี่ซึงฮุนและน้องมินโฮ
ผู้เป็นรอยยิ้มสวยงามของกันและกันโดยไม่ต้องกดชัตเตอร์บันทึกเอาไว้หลังเลนส์กล้องถ่ายรูป
ผู้เป็นวิวงดงาม เป็นความอบอุ่นโดยไม่ต้องรอแสงตะวันคล้อยต่ำยามเย็นย่ำ
มีกันและกันในแต่ละวันมันวิเศษยิ่งกว่าการถ่ายรูปเก็บเอาไว้
ใช่แล้ว ... ซงมินโฮรักการถ่ายรูป
แต่ตอนนี้เขามีสิ่งที่รักเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง
นั้นก็คือ
อีซึงฮุนยังไงล่ะ ...
ขอกรีดร้องให้กับความบ้า
ดี เดือดของตัวเองค่ะ กรี๊ดดดดดดดดด
!! หนังสือไม่อ่าน
แต่พล็อตฟิคนี่มาได้เรื่อยๆ จริงๆ ค่ะ 555555555 สำหรับฟิครูปถ่าย
ไซเรนท์คิดพล็อตได้ปุ๊บก็จัดการแต่งปั๊บเลยค่ะ จะเรียกว่าเป็นฟิคชั่ววูบก็ได้ค่ะ เหตุเกิดจากนั่งรถจากต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพเพื่อไปสอบ
และนั่งรถจากกรุงเทพกลับต่างจังหวัด ไซเรนท์ไม่มีอะไรทำเลยนั่งเขียนฟิคค่ะ
เขียนไปเขียนมาราวๆ หนึ่งสัปดาห์ อ้าว ... จบเฉย 5555555 ขอสารภาพเลยค่ะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เขียนให้คุณพรี่ฮุนเป็นเคะ
ซึ่งเขียนยากมาก และดูๆ แล้วคุณพรี่ฮุนไม่ได้เคะสักเท่าไร
แต่ไซเรนท์พยายามสุดความสามารถแล้วจริงๆ ค่ะ T T เรื่องนี้ไม่ได้เน้นการสัมผัสทางกายมากนัก
เพราะพยายามเขียนบรรยายให้ตัวเองเขินจนแก้มแตกกับคำว่ารักแรกแทนค่ะ แต่ไม่รู้ว่ารีดเดอร์จะเขินเหมือนกันหรือเปล่า
?
ฮือ ~~ แต่ไซเรนท์เขินนะ
คึคึ ขอบคุณทุกๆ
คนนะคะที่ให้กำลังใจไซเรนท์กับการแต่งฟิคสั้นคู่มินฮุน (เอ๊ะ !! หรือฮุนมิน ?) เสมอมา ไซเรนท์สัญญาค่ะว่าจะมีฟิคใหม่ๆ มาให้ทุกคนอ่านกัน
สามารถมาเม้ามอยกับไซเรนท์ได้ที่ทวิตเตอร์ @zilent_ ได้ตลอดเวลาเลยนะคะ
(คุยกับไซเรนท์ได้ทุกเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องฟิคนะคะ
ให้คิดซะว่าไซเรนท์เป็นอนนี่คนหนึ่งก็ได้ค่ะ อีกอย่าง
ไม่ต้องเรียกไซเรนท์ว่าไรท์ก็ได้นะคะ อยากให้เรียก 'เรนท์'
หรือ 'ไซเรนท์' มากกว่าค่ะ
./////.) สุดท้าย
ขอบคุณน้อง @MNongnoy ที่พูดคุยกับไซเรนท์ตลอดตั้งแต่ไซเรนท์ปล่อยฟิคเหตุผล
ซึ่งเป็นฟิคเรื่องแรกของไซเรนท์เลย รักมาก ขอบคุณมากนะคะ รวมถึงน้องๆ
หลายคนนะคะที่เข้ามาพูดคุยกับไซเรนท์ แม้จะไม่ได้ยกเอาชื่อมาออกสื่อ
แต่ทุกคนคือหนึ่งกำลังใจเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ของไซเรนท์ค่ะ ด้วยรักและขอบคุณมากๆ
ค่ะ ^^