[Fic SNSD] : Love Generation : A Night at Maldives (Yuri) - [Fic SNSD] : Love Generation : A Night at Maldives (Yuri) นิยาย [Fic SNSD] : Love Generation : A Night at Maldives (Yuri) : Dek-D.com - Writer

    [Fic SNSD] : Love Generation : A Night at Maldives (Yuri)

    * New Update : 23/07/2011 (100%) ช่วงเวลาอันแสนโรแมนติกของทิฟฟานี่และแทยอนที่กำลังมีความสุขอยู่ท่ามกลางท้องทะเลสีครามหาดทรายสีขาว และท้องฟ้าอันแสนสดใส... ที่กำลังรอทุกท่านอยู่

    ผู้เข้าชมรวม

    5,531

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    16

    ผู้เข้าชมรวม


    5.53K

    ความคิดเห็น


    50

    คนติดตาม


    30
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 มิ.ย. 55 / 23:13 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    + + Love Generation [Extra] : A Night at Maldives [Tiffany + Taeyeon] (Yuri) + +
    แวะอ่านกันสักนิด
    - เนื้อหาในตอนนี้จะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของทิฟฟานี่และแทยอน ท่ามกลางบรรยากาศอันสุดแสนจะโรแมนติกของหาดทรายสีขาว ท้องทะเลสีคราม และท้องฟ้าอันแสนสดใส ณ. หมู่เกาะมัลดีฟ

    ช่วงเวลาที่ยูริและเจสสิก้ากำลังมีความสุขอยุ่ด้วยกันที่กรุงเกียวโตประเทศญี่ปุ่น... พวกเธอเองก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าคู่ของยูริเลย จะหวานซึ้ง หรือ ร้อนแรง ขนาดไหน...
    โปรดรอติดตาม...

     
    [We're waiting for you ^^]

    at

    Here... In Maldives
     
       

    - และก็อีกเช่นเคย หากใครที่ยังไม่ได้อ่านตั้งแต่ภาคแรกๆ ก็เลือกจิ้มไล่ลงไปได้เลย ^^

    V
    V
    V

    Part 1 : Yuri & Jessica
    http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=609639

    Part 2 : Tiffany & Taeyeon
    http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=620277

    Part 3 : Sooyoung & Sunny
    http://writer.dek-d.com/Zeritherlyn/story/view.php?id=625876

    Part 4 : Seohyun & Yoona
    http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=665935

    Extra Part 1 : Hyoyeon & Songeun
    http://writer.dek-d.com/Zeritherlyn/writer/view.php?id=641091

    Extra Part 2 : Yuri & Jessica (A Love To Kill)
    http://writer.dek-d.com/Zeritherlyn/story/view.php?id=649294

    Extra Part 3 : Yuri & Jessica (Dream)
    http://writer.dek-d.com/Zeritherlyn/story/view.php?id=695159


    Extra Part 4 : Sunny & SooYoung (How to Become an Actress)
    http://writer.dek-d.com/Zeritherlyn/story/view.php?id=706773

    Extra Part 5 : Sunny & SooYoung (My Love My Princess)
    http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=709462


    MusicPlaylist
    Music Playlist at MixPod.com
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Love Generation [Extra : Tiftae] : A Night at Maldives

       

      ซ่าซ่าาาา
      เสียงของเกลียวคลื่นที่สาดซัดเข้าหาฝั่งยังคงดังคลอไปเบาๆ ท่ามกลางบรรยากาศอันสุดแสนจะสดใส ของท้องทะเลยามเช้า หาดทรายสีขาวสะอาดทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา ซึ่งรายล้อมไปด้วยท้องทะเลสวยใสที่มองเห็นปะการังและฝูงปลาที่แหวกว่ายอยู่ไกลๆ เสียงของสายลมที่ดังหวีดหวิวพัดผ่านร่างกายไปมาให้ความรู้สึกผ่อนคลาย กลิ่นอายของท้องทะเลทำให้สองสาวที่ยืนอยู่ในส่วนของที่พักต้องรู้สึกตกตะลึงกับหาดส่วนตัวอันแสนสวยเบื้องหน้า
      ทิฟฟานี่เดินจูงมือแทยอนคนรักของเธอให้ตามลงบันไดหินเล็กๆ ลงมาสู่หาดเบื้องล่าง ทั้งสองพากันถอดรองเท้าและวางแอบไว้ใกล้ๆ กัน สัมผัสของเม็ดทรายละเอียดช่างนุ่มสบายเท้าเสียเหลือเกิน มันช่างต่างจากทะเลที่เธอรู้จักยิ่งนัก แทยอนก้มลงไปใช้มือสัมผัสกับเม็ดทรายและกำขึ้นมา
      สายลมที่พัดผ่านมาพัดพาเม็ดทรายนั้นให้ปลิวไปเรื่อยๆ
      สวยจัง…”
      ทิฟฟานี่เอ่ยขึ้นเบาๆ กับวิวทิวทัศน์ของท้องทะเลเบื้อหน้าก่อนที่แทยอนจะค่อยๆ เดินเข้ามาและหยุดยืนอยู่ข้างๆ ทิฟฟานี่และกุมมือของเธอเอาไว้เบาๆ
      นั่นสิคิดถูกจริงๆ นะที่มามัลดีฟ
      แทยอนตอบกลับและยิ้มให้กับหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ รอยยิ้มที่ส่งกลับมาทำให้หัวใจของแทยอนแทบจะละลายหายไปกับความน่ารักของทิฟฟานี่ โดยเฉพาะกับดวงตาคู่สวยที่ส่งยิ้มให้กับเธอ
      .
      .
      .
      เธอจะน่ารักไปถึงไหนกันนะฟานี่อา

      ---------------------

      ดวงตะวันค่อยๆ ลอยสูงขึ้นทีละน้อย แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าสาดส่องไล่ไปตามผืนหาด สัมผัสอุ่นๆ สบายเท้าของเม็ดทรายช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายจากรองเท้าที่สวมใส่มาได้เป็นอย่างดี ทิฟฟานี่เดินจูงมือแทยอนเดินต่อไปเรื่อยๆ ตามหาด จนมาหยุดอยู่ที่คลื่นน้ำที่สาดซัดเข้ามา
      ซ่าซ่าาา
      คลื่นน้ำที่สาดซัดเข้ามาให้ความรู้สึกเย็นสบายยามที่ได้สัมผัสไหลกลับลงไปสู่ท้องทะเลอีกครั้ง ก่อนที่คลื่นละรอกใหม่จะสาดซัดเข้ามาแทน สายลมยังคงพัดผ่านไปมาเอื่อยๆ อย่างไม่ขาดสาย เช่นเดียวกับทิฟฟานี่ที่เดินจูงมือแทยอนเดินเลียบหาดมาเรื่อยๆ
      หากได้ลองมองย้อนกลับไปก็จะเห็นรอยเท้าที่เดินเคียงคู่กันมาอยู่เบื้องหลัง หากไม่นับว่าเกลียวคลื่นนั้นกำลังสาดซัดเข้ามาทำให้มันเลือนหายไปก็ตาม...
      ทิฟฟานี่หันกลับมามองดูแทยอนคนรักพร้อมกับดึงร่างของเธอเข้ามาเพื่อจะกอด แต่เพราะพื้นทรายที่ยุบลงไปเพราะถูกน้ำกัดเซาะทำให้เธอเสียหลักและล้มลงจนเปียกชุ่ม ส่วนแทยอนนั้นยังคงยืนอยู่ ณ. จุดเดิมและหัวเราะออกมาเบาๆ แต่จังหวะที่เธอกำลังจะส่งมือไปดึงทิฟฟานี่ให้ลุกขึ้นมา ความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัว
      เรื่องอะไรจะยอมเปียกอยู่คนเดียวกันล่ะ...
      รอยยิ้มอันชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทิฟฟานี่ แต่กว่าที่แทยอนจะรู้ตัว เธอก็ถูกฉุดให้ลงมานั่งคร่อมอยู่บนตัวของทิฟฟานี่เสียแล้ว
      ซู่มมมม !!!
      เสียงน้ำแตกกระจายพร้อมๆ กับรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของทิฟฟานี่
      เรื่องอะไรจะยอมเปียกอยู่คนเดียวกันล่ะคะ... ที่รัก ฮะๆ
      พร้อมกับยิ้มและหัวเราะออกมาอย่างชอบอกชอบใจ
      ฟานี่บ้า !”
      สาวร่างเล็กเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงค้อนๆ ก่อนที่จะใช้มือนั้นวักน้ำขึ้นมาและสาดใส่ทิฟฟานี่คนรักเพื่อเป็นการเอาคืน
      นี่แน่ะ ! ชอบแกล้งเค้าดีนัก !!”
      รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทั้งคู่ที่กำลังสนุกสนานอยู่กับการเล่นน้ำ กระทั่งคลื่นสูงลูกหนึ่งจะสาดซัดเข้ามาโดยที่พวกเธอไม่ทันได้ระวัง ความสูงที่เลยหัวทำเอาทิฟฟานี่และแทยอนที่นั่งเล่นน้ำกันอยู่กลิ้งกลับเข้ามาตามเกลียวคลื่น ร่างทั้งสองถูกพากลับมานอนแผ่หงายอยู่ไม่ไกลจากจุดเดิมเท่าไรนัก พร้อมกับเหลือบหันมามองกันสักพัก
      ฮะๆ สุดท้ายก็เปียกด้วยกันทั้งคู่อยู่ดี...
      ทิฟฟานี่พูดขึ้นพร้อมกับใช้แขนดันตัวให้ลุกขึ้นนั่งและหันกลับไปมองดูแทยอนที่ยังคงนอนหงายมองท้องฟ้าอยู่อย่างนั้น สายตาเบนกลับมามองทิฟฟานี่พร้อมกับยิ้มออกมาบางๆ เช่นเดียวกับทิฟฟานี่ แทยอนเองก็ค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้นอย่างช้าๆ กระแสน้ำยังคงสาดซัดเข้ามา
      ทิฟฟานี่ที่ลุกขึ้นยืนก่อนเอื้อมมือส่งมาให้กับแทยอนคนรักและฉุดเธอให้ลุกขึ้นยืน สายตาจ้องประสานกันสักพัก ก่อนที่จะยิ้มให้กันและกัน โชคยังดีที่ตอนนี้พวกเธอไม่ได้พกของมีค่าอะไรติดตัวไว้ ไม่เช่นนั้นกระเป๋าสตางค์รวมไปถึงโทรศัพท์มือถือคงได้เละไปตามๆ กันแน่ๆ
      กระทั่งทิฟฟานี่ยื่นมือมาทางแทยอนพร้อมกับรอยยิ้มอันแสนสดใส แทยอนจึงค่อยๆ เอื้อมมือไปกุมมือของคนรักเอาไว้อีกครั้ง ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินเล่นต่อไปท่ามกลางชายหาดที่แสนจะสวยงามดังกล่าวอย่างมีความสุข
      .
      .
      .

      --------------------------

      ฟานี่อาเราไปหาอะไรกินกันเถอะ แทหิวแล้วอะ…”
      สาวร่างเล็กที่เดินกุมมืออยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อน เพียงแค่นั้นยังไม่พอยังกระพริบตาปริบๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าซันนี่มาสอนให้หรือยังไง ทำไมมันถึงได้ดูเหมือนกันเสียขนาดนี้ ทิฟฟานี่ได้แต่คิดในใจ แต่ถึงจะเป็นซันนี่สอนให้ ถ้าทำออกมาแล้วมันทำให้แทยอนดูน่ารักขึ้นนั่นก็อีกเรื่อง
      เธอยิ้มออกมาบางๆ ก่อนที่จะถามกลับเบาๆ
      แล้วแทอยากจะกินอะไรล่ะคะ ?”
      แทยอนหันมองดูทิฟฟานี่คนรักที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสบายๆ สีขาวที่ยังคงเปียกชื้นอยู่ สายตาที่จับจ้องอยู่นั้นทำให้ทิฟฟานี่ใช้นิ้วดันที่หน้าผากของแทยอนเบาๆ พร้อมกับแซวขึ้น
      รู้นะว่าคิดอะไรอยู่ แท้งกูจอมลามก !”
      และเอามือยกขึ้นปิดเรือนร่างของตนก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบอกชอบใจ ขณะที่สาวร่างเล็กยังคงพยายามปฏิเสธในสิ่งที่ทิฟฟานี่กำลังพูดอย่างเอาเป็นเอาตาย
      แทไม่ได้ลามกนะ ! ก็แค่คิดว่าเราควรจะไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนต่างหากล่ะ !”
      ด้วยน้ำเสียงค้อนๆ กับท่าทางง้องอน ก่อนที่จะพูดขึ้นอีกรอบ
      เค้าไม่ได้ลามกสักหน่อย !”
      รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทิฟฟานี่อีกครั้ง เธอเอื้อมมือไปหยิกที่แก้มของแทยอนเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
      ฟานี่ก็แค่พูดเล่นเฉยๆ เองนะคะแท้งกูอย่าโกรธกันสิคะที่รัก
      และหอมแก้มเธอไปฟอดหนึ่ง ทำให้สาวร่างเล็กถึงกับหน้าแดงขึ้นมาเพราะความอาย ทิฟฟานี่ยังคงยิ้มไม่หุบขณะที่ดึงร่างของแทยอนเข้ามาโอบกอดเอาไว้ด้วยความรัก พร้อมกับกระซิปเบาๆ ที่ข้างหู
      ดีกันนะแท้งกู...
      “…”
      ร่างบางไม่ได้ตอบอะไร เธอเพียงแต่เอื้อมมือกลับไปโอบเอวของทิฟฟานี่เอาไว้ แต่เพราะมือที่เลื่อนต่ำลงจนสัมผัสกับสะโพกกลมของเธอทำให้ทิฟฟานี่ยิ้มออกมาอีกครั้งพร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ
      ไหนว่าไม่ลามกไงคะ... ที่รัก ?”
      แทยอนหันกลับมาพร้อมกับเลื่อนใบหน้าเข้าหาทิฟฟานี่คนรักอย่างช้าๆ ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ มีเพียงแต่ริมฝีปากที่สัมผัสกันอย่างแผ่วเบาเท่านั้น ท่ามกลางแสงแดดยามสายที่สาดส่องลงมา... ท่ามกลางสายลมที่พัดผ่านไปมา... ท่ามกลางท้องทะเลสีครามอันสวยงามที่มองเห็นฝูงปลาที่แหวกว่ายอยู่ไกลๆ... ท่ามกลางบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติก ที่เป็นพยานรักให้กับพวกเธอ...
      .
      .
      .
       
      ย้อนกลับไปยังพิธีแต่งงานเมื่อ 2 วันก่อน...
      ท้องฟ้าอันแสนสดใสไร้ซึ่งเมฆหมอกปกคลุม สายลมเอื่อยๆ ยังคงพัดผ่านไปมาช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี ทิฟฟานี่ที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดกำลังยืนมองเหม่ออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งข้างโบสถ์ในย่านมยองดง นกน้อยที่เกาะอยู่ที่กิ่งไม้เบื้องบนส่งเสียงจิ๊บๆ เคล้าคลอไปกับสายลมเบาๆ
      มายืนรออะไรอยู่ตรงนี้ล่ะ ฟานี่ ?”
      เสียงของซันนี่เพื่อนสาวดังขึ้นตามมาติดๆ ด้วยซูยองที่อยู่ในชุดสูทสั้นสไตร์เสื้อกั๊กสีเทาอ่อนแถบคาดสีเข้มตัดกับเสื้อแขนยาวสีขาวที่สวมอยู่ด้านใน ไทสีเทาเข้ากับชุดถูกผูกเอาไว้อย่างเรียบร้อยผมสั้นซอยกับหน้าตาคมเข้ม เป็นครั้งแรกที่ทิฟฟานี่รู้สึกว่าซูยองช่างเหมือนกับผู้ชายจริงๆ หากไม่นับเรื่องที่เธอมีหน้าอก
      ก็มายืนดูอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะแหล่ะ...
      มายืนรอแทยอนมากกว่าละมั๊ง ฮะๆ
      ซูยองพูดแซวด้วยใบหน้ายิ้มๆ ก่อนที่จะเดินไปนั่งลงที่ม้านั่งข้างๆ แทน ซันนี่หันมองคนรักสักพักก่อนที่จะเดินตามไปนั่งลงข้างๆ กระทั่งเสียงเครื่องยนต์ของรถ BMW สุดหรูคันหนึ่งจะดังขึ้นและขับเข้ามาจอดลงตรงหน้าพวกเธอ กระจกถูกเลื่อนลงพร้อมๆ กับที่เจสสิก้าจะพูดขึ้น
      มานั่งรออะไรกันตรงนี้ล่ะ... มันจะได้เวลาแล้วไม่ใช่รึไง ?”
      นั่นจึงทำให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ต่างก็เดินกลับเข้าไปในโบสถ์อีกครั้งเพื่อเตรียมตัว ทิฟฟานี่ยังคงนั่งอยู่ในห้องขณะที่บรรดาช่างแต่งหน้าและช่างคนอื่นๆ จะจัดแจงเรื่องการแต่งกายของเธอให้เรียบร้อย ประตูห้องถูกเปิดขึ้นอีกครั้งพร้อมๆ กับที่ยูริเพื่อนสาวจะเดินเข้ามา
      ความรู้สึกตอนนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ ?”
      ยูริที่อยู่ในชุดสูทสีขาวครีมไม่ต่างอะไรกับซูยองกล่าวขึ้นเบาๆ สูทแขนสั้นแบบเดียวกับซูยองดูกลมกลืนกันเป็นอย่างดีกับชุดสีขาวแขนยาวด้านใน กระดุมเม็ดบนถูกปลดออกเผยให้เห็นซอกคอขาวและเนินอกนิดๆ ดูช่างเย้ายวนใจ ส่วนโค้งเว้าของเอวบางช่างเข้ากันได้ดีกับเสื้อที่สวมอยู่ยิ่งนัก เพราะมันทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่ายูรินั้นหุ่นดีแค่ไหน
      ขาเรียวยาวที่ถูกปกคลุมอยู่ด้วยกางเกงสีขาวก้าวเดินใกล้เข้ามาจนกระทั่งนั่งลงและไขว่ห้างอยู่ข้างๆ
      ตื่นเต้นชะมัด...
      ทิฟฟานี่พูดขึ้นเบาๆ ขณะที่ตอนนี้ทั้งห้องเหลือเพียงแค่เธอสองคน
      ตอนที่เธอแต่งงานเธอเป็นแบบนี้รึเปล่ายูริ ?”
      เธอถามต่อ
      ก็ยังงี้น่ะแหล่ะ... แต่เชื่อเถอะพอเธอได้เห็นแทยอนนะ รับรองว่าไออาการที่เธอเป็นอยู่ในตอนนี้น่ะ จะหายไปทันทีเลยล่ะ...เธอพูดยิ้มๆ
      ประตูห้องถูกเปิดขึ้นอีกครั้งพร้อมๆ กับที่ซอฮยอนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอันสดใส
      เตรียมตัวไปถึงไหนละคะ คุณแม่ !”
      เด็กสาวที่อยู่ในชุดเดรสสีขาวบริสุทธิ์ไม่ต่างอะไรกับนางฟ้าตัวน้อยๆ ในสายตาของทิฟฟานี่เลย ซอฮยอนเดินตรงเข้ามาและกอดแม่หมีของเธอเอาไว้คล้ายกับเด็กที่กำลังอ้อนผู้เป็นแม่ ทิฟฟานี่ยิ้มออกมาบางๆ พร้อมกับลูบศีรษะของลูกสาวเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
      แล้วแม่แท้งเตรียมตัวไปถึงไหนแล้วรึ ?”
      ทิฟฟานี่ถามขึ้นด้วยความตื่นเต้นก่อนที่จะหอมแก้มลูกสาวเธอไปฟอดหนึ่งด้วยความรัก
      รับรองว่าแม่จะต้องตะลึงแน่ๆ ล่ะค่ะ...
      เธอพูดยิ้มๆ ก่อนที่เวลาที่ทุกคนรอคอยจะมาถึง... ยูริเดินกลับเข้ามาในโถงกว้างพร้อมกับทิฟฟานี่ที่เดินอยู่ข้างๆ ในฐานะเพื่อนของเจ้าสาว เธอเหลือบหันมองดูเจสสิก้าคนรักที่นั่งอยู่และยิ้มให้บางๆ จนทิฟฟานี่มาหยุดยืนอยู่ที่แท่นพิธีตรงกลาง
      เสียงบรรเลงเปียโนดังขึ้นทันทีที่เจ้าสาวอีกคนหนึ่งจะเดินเข้ามา ทิฟฟานี่หันกลับไปมองหญิงสาวร่างเล็กที่อยู่ในชุดเดรสเกาะอกสีขาวบริสุทธิ์ ข้างๆ นั้นมีซอฮยอนลูกสาวของพวกเธอเดินเคียงข้างมาด้วย เพราะความสวยของแทยอนจึงทำให้เธอเผลอจ้องมองอยู่นาน จนแทยอนที่เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างๆ จะใช้ศอกกระทุ้งเบาๆ ด้วยความขวยเขิน
      มัวแต่จ้องกันอยู่นั่นแหล่ะ… !”
      ชั้นก็เขินเป็นนะ…”
      เธอพูดต่อใบหน้าแดงขึ้นจนเห็นได้ชัด
      อื้อ !”
      เธอกระแอมเบาๆ และส่งแขนไปให้กับแทยอนคนรัก ทั้งคู่เดินกุมมือมาด้วยกันเรื่อยๆ จนในที่สุดพวกเธอก็มาหยุดอยู่หน้าบริเวณแท่นพิธี เพื่อนๆ ที่มาร่วมงานต่างก็รู้สึกมีความสุขร่วมไปกับพวกเธอ ไม่เพียงแต่เพื่อนๆ เท่านั้น แม้แต่พ่อกับแม่ของพวกเธอก็ยังมาร่วมงานด้วยเลย
      ไม่ว่าใครก็รู้สึกมีความสุขทั้งนั้นที่ได้เห็นลูกสาวของตนอยู่ในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ช่างเหมือนกับเหล่านางฟ้าที่โบยบินอยู่บนสรวงสวรรค์เสียนี่กระไร แทยอนหันกลับไปส่งสายตายิ้มๆ ให้กับผู้เป็นพ่อและแม่ของเธอเช่นเดียวกับทิฟฟานี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ
      กระทั่งพิธีที่ทุกคนต่างก็รอคอยจะได้เริ่มต้นขึ้นซิสเตอร์ท่านหนึ่งที่รับหน้าที่เป็นบาทหลวงให้จะกระแอมเบาๆ หนึ่งครั้ง และเหลือบมองดูคู่รักทั้งสองอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้น
      คุณทิฟฟานี่ ฮวัง และคุณคิม แทยอน ท่านทั้งสองมาที่นี่โดยไม่ถูกบังคับ แต่มาด้วยความสมัครใจอย่างแท้จริงเพื่อเข้าพิธีสมรสใช่หรือไม่ ?”
      สองสาวหันมาสบตากันและยิ้มให้กันสักพัก ก่อนที่จะตอบกลับพร้อมๆ กัน
      ค่ะ…”
      เมื่อเข้าสู่ชีวิตสมรสเช่นนี้แล้ว ท่านทั้งสองพร้อมที่จะรักและยกย่องให้เกียรติกันและกันจวบจวนตลอดชีพหรือไม่ ?” บาทหลวงเอ่ยถามต่อ
      ค่ะ…”
      น้ำเสียงยังคงหนักแน่นเช่นเดิมไม่เปลี่ยน แสดงออกให้เห็นว่าพวกเธอต่างก็รักกันและกันเป็นอย่างมาก
      ท่านทั้งสองมีเจตจำนงที่จะสมรสกัน ขอให้จับมือขวาของกันและกัน พร้อมทั้งแสดงความสมัครใจต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้าและพระศาสนจักรของพระองค์
      พูดจบฝ่ายทิฟฟานี่ก็พูดขึ้นก่อน ด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่นเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
      ดิฉัน ทิฟฟานี่ ฮวัง ขอรับ คิม แทยอน เป็นภรรยาและขอสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อคิม แทยอน ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสุขสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่
      รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า เธอรู้สึกมีความสุขยิ่งนัก ไม่ต่างอะไรกับแทยอนเลยแม้แต่น้อย
      ดิฉัน คิม แทยอน ขอรับ ทิฟฟานี่ ฮวัง เป็นสามีและขอสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อทิฟฟานี่ ฮวัง ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสุขสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่
      เมื่อได้ยินดังนั้น น้ำตาแห่งความปิติก็พาลจะรินไหลออกมา โดยเฉพาะกับเหล่าพ่อแม่และเพื่อพ้องที่มาร่วมงาน ทุกคนต่างก็รู้สึกมีความสุขร่วมไปกับเพื่อนสาวทั้งสองด้วย กระทั่งบาทหลวงที่ยืนอยู่ระหว่างกลางจะพูดขึ้นอีกครั้ง เมื่อรับรู้ถึงคำสัตย์สาบานของทั้งสอง
      ความสมัครใจของท่านทั้งสองที่ได้แสดงต่อหน้าพระศาสนจักร ขอพระเจ้าทรงเมตตา ทำนุบำรุงให้เข้มแข็ง และประมานพระพรแก่ท่านทั้งสองด้วยเทอญ สิ่งที่พระเจ้าได้รวมไว้ให้ชิดสนิทกันมนุษย์อย่างพวกท่าน อย่าได้แยกจากกันเลย
      อาเมน…”
      .
      .
      .
      จนกระทั่งพิธีดำเนินมาถึงช่วงที่ทั้งสองคนต้องสวมแหวนให้กันและกัน
      ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า โปรดเสกแหวนทั้งสองนี้ที่ข้าพระเจ้าเสกในนามของพระองค์ เพื่อให้ผู้สวมนั้นซื่อสัตย์ต่อกัน ดำรงอยู่ในสันติสุขและความโปรดปรานของพระองค์ จะได้เจริญอยู่ในความรักต่อกันตลอดไปทั้งนี้อาศัยพระบารมีพระคริสตเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย
      อาเมน…”
      ทิฟฟานี่ขานรับก่อนที่จะหยิบเอาแหวนเพชรวงหนึ่งที่เตรียมไว้ออกมาและบรรจงสวมมันที่นิ้วนางข้างซ้ายของแทยอนอย่างนุ่มนวล พร้อมกับกล่าวขึ้น
      คิม แทยอนขอให้รับแหวนวงนี้เป็นเครื่องหมายแสดงความรักและความสัตย์ซื่อของฉัน…”
      และเมื่อถึงคราวของแทยอน เธอก็จัดการบรรจงสวมแหวนแต่งงานที่ได้เตรียมเอาไว้ลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของทิฟฟานี่คนรัก ความรู้สึกในตอนนี้เหมือนกับหัวใจของเธอกำลังจะกระโดดออกมาเต้นอยู่ภายนอกเลยทีเดียว เธอยิ้มให้กับคนรักพร้อมกับกล่าวขึ้นด้วยประโยคเดียวกัน
      คุณ ทิฟฟานี่ ฮวังขอให้รับแหวนวงนี้เป็นเครื่องหมายแสดงความรักและความสัตย์ซื่อของตัวฉัน…”
      และทันทีที่ทั้งคู่แลกแหวนแต่งงานกันเสร็จพิธีสมรสที่แสนยาวนานก็ได้สิ้นสุดลง
      ในตอนนี้ทิฟฟานี่ ฮวัง และคิม แทยอน ได้กลายเป็นคู่สามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
      .
      .
      .
      และก็มาถึงช่วงที่ทุกคนรอคอย เพราะตามความเชื่อแล้วผู้ที่ได้รับช่อดอกไม้ต่อจากเจ้าสาว หญิงสาวคนนั้นจะได้แต่งงานเป็นคนต่อไป นั่นจึงทำให้หลายต่อหลายคนต่างก็รอคอยช่วงเวลานี้กัน ทิฟฟานี่และแทยอนที่ยังคงยืนอยู่ที่แท่นพิธีต่างก็หันและและยิ้มให้กันสักพัก ก่อนที่จะทำการเหวี่ยงช่อดอกกุหลาบสีแดงที่ถืออยู่ข้ามหัวไป
      ฟิ้วววว
      และหญิงสาวผู้โชคดีที่ไม่ได้สนใจแม้แต่จะรับช่อดอกไม้นั้นอย่างซูยองที่ยังคงนั่งมองเหม่ออยู่ที่เก้าอี้จะบังเอิญรับได้ เธอมองดูช่อดอกไม้ที่อยู่ๆ ก็มาตกลงที่ตักของเธออย่างงงๆ ก่อนที่ซันนี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ จะเป็นฝ่ายยิ้มออกมาและพูดขึ้น
      .
      งี้เราก็ได้แต่งงานเป็นคู่ต่อไปงั้นสิ…”

      --------------------------------

      *Bonus Picture (Thanks for; Kngchi)
       

      ------------------------------------

      กลับมาที่ช่วงเวลาปัจจุบัน ณ. ร้านอาหารริมทะเลแห่งหนึ่งของเกาะมัลดีฟ
      สายลมและแสงแดดยังคงสดใสมิเคยเปลี่ยน บรรยากาศสบายๆ อันชวนให้เพ้อฝันของเกาะมัลดีฟเป็นอะไรที่ทั้งแทยอนและทิฟฟานี่นั้นไม่มีวันลืมเลยตลอดชีวิต ทิฟฟานี่เดินจูงมือแทยอนมายังระเบียงของร้านอาหารทางด้านนอกที่ยื่นออกไปในทะเล เสียงเกลียวคลื่นที่เซาะเข้ามาฟังดูช่างไพเราะเสียเหลือเกิน เหล่านกนางนวลที่บินถลาเล่นลมไปมาดูช่างสง่างามยิ่งนัก
      นั่งตรงนี้แล้วกันนะ…”
      พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ก่อนที่ทิฟฟานี่จะขยับเก้าอี้ออกและนั่งลงที่โต๊ะติดกับขอบระเบียงโดยมีแทยอนคนรักนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนที่จะเบนสายตามองไปยังวิวของท้องทะเลอันสวยงามอีกครั้ง
      ไม่ทราบว่าจะรับอะไรดีครับคุณผู้หญิง ?”
      บริกรชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับหยิบยื่นรายการอาหารให้ รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าดูอบอุ่นและเป็นมิตรอย่างน่าประหลาด แทยอนเหลือบมองเขาอยู่สักครู่ก่อนที่จะสบตากับทิฟฟานี่อีกครั้งด้วยท่าทางขวยเขินเล็กน้อยเพราะอะไรอย่างนั้นน่ะหรือ ?
      ก็เพราะแทยอนนั้นพูดภาษาอังกฤษไม่เก่งน่ะสิ
      ทิฟฟานี่ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนที่จะเอ่ยถามขึ้น
      แล้วเธออยากจะกินอะไรล่ะ ?”
      อะไรก็ได้อะแต่ไม่เอากุ้ง
      เธอตอบกลับทันที
      อะไรก็ได้ไม่เอากุ้งงั้นเอาเป็นพวกปลาย่างก็แล้วกัน
      คิดได้ดังนั้นทิฟฟานี่จึงจัดการสั่งไปทันทีเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งในบางคำที่ทิฟฟานี่พูดออกไป เธอเองก็ยังไม่เข้าใจเสียเลยด้วยซ้ำ แทยอนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งพร้อมกับเหลือบมองไปยังท้องทะเลสีครามที่สะท้อนกับแสงแดดเป็นประกายดูสวยงาม
      หมั่บบบ
      กระทั่งเธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือที่กุมมือเธอเอาไว้ แทยอนจึงได้หันกลับมาทางคนรักที่นั่งอยู่ตรงข้ามและเลือกที่จะยิ้มออกมา ทิฟฟานี่ใช้นิ้วหัวแม่มือของเธอลูบที่แหวนแต่งงานบนนิ้วนางของแทยอนอย่างเอ็นดู ประกายของเพชรที่สะท้อนกับแสงแดดดูแวววาวสวยงามจนยากที่จะละสายตาไปจากมันได้เลย
      แทยอนเอื้อมมือกลับไปกุมฝ่ามือของทิฟฟานี่คนรักเอาไว้บ้างพร้อมกับยิ้มออกมา
      ในตอนนี้เธอช่างรู้สึกมีความสุขเสียเหลือเกิน ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ที่ดูแล้วเหมือนจะมีเพียงแค่เธอสอง สายลมพัดผ่านไปเป็นระลอกๆ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี
      แทยอนค่อยๆ หลับตาลงและสูดหายใจเข้าไปลึกๆ เอากลิ่นอายของธรรมชาติเข้าไปจนเต็มปอดก่อนที่จะผ่อนมันออกมาเบาๆ
      อยากอยู่แบบนี้นานๆ จัง…”
      ทิฟฟานี่เอ่ยแทรกขึ้นขณะที่สายตานั้นมองเหม่อออกไป
      นั่นสิอยากจะอยู่แบบนี้ต่อไปอีกนานๆ จัง…”
      .
      .
      .
       
      การรับประทานอาหารของทั้งสองยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ต่างฝ่ายก็ต่างป้อนอาหารให้กันและกัน ดูแล้วบรรยากาศในตอนนี้ช่างดูโรแมนติกยิ่งนัก
      แล้วช่วงบ่ายเราจะไปทำอะไรกันต่อดีล่ะ ?”
      แทยอนเอ่ยถามขึ้นเบาๆ
      อืมมม...
      ทิฟฟานี่รวบช้อนเข้าหากันและใช้ความคิดสักครู่
      แล้วแท้งกูอยากจะทำอะไรล่ะ ?”
      ก็ไม่รู้สิ... ตอนนี้อยากกลับไปนอนพักมากกว่า แล้วช่วงตอนเย็นก็ค่อยมาว่ากันอีกที
      เอางั้นก็ดีเหมือนกัน... แต่น่าเสียดายนะที่ซอจูไม่ได้มาด้วย...
      ทิฟฟานี่อุทานออกมาเบาๆ และถอนหายใจออกมาอย่างเสียดาย
      ลูกของเราก็มีครอบครัวไปแล้วนะ... ให้เวลาเธอได้อยู่กับยูนอามั่งเถอะ
      นั่นสินะ...
      ไปๆ มาๆ ชั้นรู้สึกว่าเธอจะเป็นห่วงซอจูมากกว่าชั้นอีกนะ ฟานี่...
      แทยอนเอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะคิกคักชอบใจ
      ก็พอๆ กันแหล่ะน่า เธอเองก็คงนึกเสียดายอยู่เหมือนกันใช่มั๊ยล่ะแท้งกู ?”
      ก็คงงั้นแหล่ะ...
      แทยอนตอบกลับและถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะเบนสายตาออกไปทางด้านขวา ไปยังวิวของท้องทะเลอันแสนกว้างใหญ่แทน ทิฟฟานี่มองดูคนรักอย่างเข้าใจ เพราะเธอเองก็ไม่ต่างจากแทยอนเท่าไรนัก กระทั่งพวกเธอนั้นทานอาหารจนหมดและจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ทิฟฟานี่จึงเดินจูงมือแทยอนคนรักกลับมายังที่พักของตน
      RRRR… RRRRRR…
      เสียงโทรศัพท์ที่ดังแว่วมาตั้งแต่ไกลทำให้ทิฟฟานี่ต้องรีบแจ้นเข้าไปทันที แทยอนเดินตามคนรักเข้าไปพร้อมกับเอากระเป๋าสตางค์ที่กลับมาเอาก่อนไปทานอาหารวางกลับลงไปที่เดิม เธอสัมผัสตามเสื้อและส่วนอื่นๆ ถึงแม้ว่ามันจะเริ่มแห้งแล้ว แต่เธอก็ต้องอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่อยู่ดี
      รู้งี้เปลี่ยนเสื้อผ้าไรไปให้มันเสร็จตั้งแต่ก่อนจะออกไปกินอะไรเลยดีกว่า... เฮ้อ
      แทยอนนึกถอนหายใจพร้อมกับหยิบเอาผ้าเช็ดตัวที่ทางที่พักนั้นได้จัดเตรียมเอาไว้ให้ออกมาจากตู้กระจกหน้าห้องน้ำและเห็นทิฟฟานี่เดินเข้ามาพอดี
      ใครโทรมาเหรอฟานี่ ?”
      ก็ลูกสาวของเราน่ะสิ... อะ ซอจูอยากจะคุยกับเธอแน่ะ
      พร้อมกับที่แทยอนจะรับเอาโทรศัพท์นั้นมาจากมือของทิฟฟานี่
      /เป็นยังไงบ้างคะคุณแม่ ?/
      จะเป็นยังไงล่ะซอจู รู้ไหมว่าแม่แท้งน่ะเพ้อหาเราตั้งเท่าไร !”
      ทิฟฟานี่เอ่ยแซวทำเอาแทยอนหน้าแดงขึ้นมาทันทีแขนจะเอื้อมไปตีแต่ทิฟฟานี่กลับหลบและหัวเราะคิกคักอย่างชอบอกชอบใจ
      /จริงเหรอคะแม่ ?/
      ก็บอกลูกไปสิว่าจริง...
      ทิฟฟานี่ตอบกลับพร้อมกับโอบเอวของแทยอนเอาไว้ด้วยความรัก
      อือ...
      แทยอนตอบกลับไปในโทรศัพท์
      แม่เองก็คิดถึงเรานะ... ซอจู
      /หนูเองก็คิดถึงแม่ค่ะ.../
      .
      .
      .
      บทสนทนาของทั้งคู่ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งฝ่ายแทยอนจะกดวางสายและเก็บมันไปไว้ที่เดิมก่อนที่จะเดินมาหยิบผ้าเช็ดตัวที่วางเอาไว้เดินหายเข้าห้องน้ำไป ซึ่งวันนี้ทั้งแทยอนและทิฟฟานี่ต่างก็รู้สึกสนุก และมีความสุขเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับแทยอนที่ยังคงยิ้มหน้าบานปล่อยให้สายน้ำนั้นไหลผ่านลำตัวไป
      แท้งกู…”
      เสียงเพรียกของคนรักดังขึ้นจากหน้าประตูห้องน้ำทำเอาแทยอนสะดุ้งน้อยๆ ก่อนที่จะเอื้อมมือไปปิดน้ำเสีย
      มีอะไรเหรอฟานี่ ?”
      เมื่อกี้ชั้นไปคุยกับพนักงานมา ลองถามดูแล้วนะว่ามันมีที่ไหนให้เราเที่ยวได้บ้าง…”
      แล้ว ?”
      เค้าก็บอกมาว่า ทางใต้ห่างออกไปไม่ไกลเท่าไร มันจะมีให้เราไปนั่งเรือเล่น แล้วที่น่าสนใจก็คือ มันมีไปดำน้ำดูปะการังด้วย เธอสนใจไหมล่ะ ?”
      ก็เอาสิ !”
      แทยอนตอบกลับด้วยความตื่นเต้น
      อือก็เอาเป็นวันพรุ่งนี้แล้วกัน วันนี้เราก็นั่งๆ นอนๆ พักผ่อนกันไปก่อน
      อือ…”
      แทยอนตอบกลับก่อนที่เสียงฝีเท้าของทิฟฟานี่จะค่อยๆ ไกลออกไปจนหายไปจากบริเวณ
      ดำน้ำงั้นเหรอมันจะเป็นยังไงกันนะ ชักอยากจะให้ถึงวันพรุ่งนี้เร็วๆ ซะแล้วสิ

      ---------------------------------------

      รุ่งเช้าอันแสนสดใสของวันใหม่ แสงแดดอ่อนๆ เริ่มสาดส่องเข้ามาภายในห้องตรงมายังเตียงที่แทยอนยังคงนอนหลับอยู่ตามลำพังบนเตียงนั้น ส่วนทิฟฟานี่นั้นตื่นขึ้นมาได้สักพักใหญ่ๆ และกำลังนั่งดื่มกาแฟร้อนๆ อันหอมกรุ่นชมบรรยากาศอันแสนสวยงามของท้องทะเลยามเช้าอยู่อย่างสบายๆ
      วิ้วววว~ วิ้วววววววว~~
      เสียงแผ่วๆ ของสายลมที่พัดผ่านร่างไปหอบเอากลิ่นอายของทะเลจางๆ เข้ามาด้วย เธอเหลือบมองไปยังต้นมะพร้าวที่โน้มลงมาคล้ายกับเป็นเป็นที่นั่งพักตามธรรมชาติซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก
      เธอเดินถือแก้วกาแฟในมือและเดินย่ำผืนทรายละเอียดสีขาวไปยังตันมะพร้าวนั้นก่อนที่จะค่อยๆ ปีนขึ้นไปนั่งอย่างสบายๆ ร่มเงาที่บดบังแสงแดดที่สาดส่องลงมาช่างเป็นอะไรที่แสนวิเศษยิ่งนัก เธอสูดหายใจเอาอากาศยามเข้าที่แสนบริสุทธิ์เข้าปอดไปอย่างชื่นฉ่ำใจและยิ้มอย่างผ่อนคลาย
      .
      .
      .
      อืมมมมมม…”
      กระทั่งสาวร่างเล็กที่นอนอยู่ในห้องจะเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา
      แทยอนค่อยๆ ปรือตาขึ้นและมองไปยังรอบๆ ตัว แม้ว่าสายตาจะยังคงเบลอแต่เธอก็รู้ว่าคนรักของเธอไม่ได้อยู่ในห้อง แทยอนยกมือขึ้นมาขยี้ตาสักพักและบิดขี้เกียจหนึ่งทีก่อนจะมองดูดีๆ อีกครั้ง
      แต่ไม่ว่าจะมองไปมุมไหนๆ ก็ไม่เห็นมีวี่แววของทิฟฟานี่คนรักของเธออยู่เลย แทยอนค่อยๆ ดันร่างของตัวเองลุกขึ้นจากเตียงอย่างเนือยๆ พร้อมกับอ้าปากหาวราวกับยังไม่ค่อยอยากจะลุกสักเท่าไร
      จนสุดท้ายเธอก็เลือกที่จะลุกขึ้นมาจากเตียงและนั่งมองหาคนรักของเธออยู่สักพักหนึ่ง
      อยู่ไหนกันนะ… ?
      เธอคิดเงียบๆ และชะเง้อมองไปเรื่อย กระทั่งเห็นทิฟฟานี่คนรักนั่งห้อยขาอยู่บนต้นมะพร้าวที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่เธออยู่เท่าไรนัก แทยอนจึงรีบหยิบเอารองเท้าแตะมาสวมไว้และเดินไปหาคนรักอย่างเงียบๆ ความสูงของต้นมะพร้าวที่โน้มเอียงลงมาสูงจากพื้นไม่มากเท่าไรนัก นั่นจึงพอทำให้แทยอนพอที่จะเอื้อมมือขึ้นไปปิดตาของทิฟฟานี่ได้
      นั่นคือสิ่งที่เธอกำลังพยายามจะทำในตอนนี้...
      แทยอนพยายามเขย่งตัวให้สูงขึ้นและเอื้อมมือไปพยายามจะปิดตาของทิฟฟานี่จากทางด้านหลัง ทิฟฟานี่นั่นเหลือบมาเห็นจากทางหางตาจึงได้แต่อมยิ้มและตั้งตารอเมื่อไรกันนะที่แทยอนจะลงมือทำสักที... ลองย้อนมาดูมุมของแทยอนที่กำลังพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะเขย่งตัวขึ้นไป เพราะพื้นทรายที่ทรุดยวบลงไปจึงทำให้ตัวของเธอต่ำลงมาอีก มือของเธอจึงไปไม่ถึงที่หมายสักที
      ฮึ่ยย !!”
      จนสุดท้ายแทยอนก็เลิกล้มความตั้งใจและเดินเข้าไปหาคนรักของเธอเสีย
      สรุปไม่ทำแล้วเหรอ ? ไอเรารึก็นั่งลุ้นตั้งนาน…”
      พูดพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ และตบลงที่ว่างข้างตัวเบาๆ เป็นการเชิญชวนให้อีกฝ่ายนั้นขึ้นมานั่งข้างๆ สาวร่างเล็กจึงค่อยๆ ปีนขึ้นมาและย่อตัวนั่งห้อยขาลงข้างๆ ทิฟฟานี่
      สวยดีนะแถมบรรยากาศก็ดีมากๆ เลยด้วย…”
      นั่นสิหากอยู่ที่โซลเราจะได้มีโอกาสมาเที่ยวทำอะไรแบบนี้รึเปล่านะ ?”
      แทยอนพูดอย่างเพ้อๆ ใบหน้าแหงนขึ้นมองท้องฟ้าที่ถูกร่มไม้ปกคลุมก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
      นั่นสิ…”
      ทิฟฟานี่กล่าวต่อก่อนที่จะเอื้อมมือไปจับที่ศีรษะให้เอนเอียงมาที่ไหล่ของตนเบาๆ
      เหล่านกน้อยที่โบยบินอยู่บนฟากฟ้าที่แสนสวยงาม ดูมันเหล่านั้นเหมือนกำลังมีความสุขที่ได้โบยบินออกไป ไม่ต่างอะไรกับสองสาวที่นั่งซบไหล่กันอยู่ตรงนี้เลย ทิฟฟานี่เหลือบหันกลับมามองดูแทยอนที่ยังคงนั่งหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ ตัวสักพักและยิ้มออกมาบางๆ
      ชั้นรักเธอนะคิม แทยอน
      .
      .
      .
      ชั้นรักเธอ
      และบรรจงจุมพิตที่หน้าผากเบาๆ หนึ่งทีด้วยความรัก
       
      กระทั่งเวลาที่ทั้งสองต่างรอคอยก็ได้มาถึงยามสายเวลา 10 โมงที่แสงแดดยังคงไม่แรงมากนัก ทิฟฟานี่เดินจูงมือแทยอนมาเรื่อยๆ จนถึงบริเวณท่าเรือหลังจากที่ได้นั่งรถมาแล้วหลายนาที สายตามองตรงไปยังอาคารหลังหนึ่งที่ดูสบายๆ การประดับตกแต่งต้องบอกว่าสมแล้วที่เป็นถึงชาวเกาะ
      เพราะมันไม่ได้หาดูง่ายๆ เลย
      สบายๆ แต่กลับรู้สึกได้ถึงความมีระดับ
      เอ่อขอโทษนะคะ คือที่นี่มีบริการที่จะพาไปดำน้ำชมปะการังใต้ทะเลมั๊ยคะ เอ่อคือ ใช่ที่นี่หรือเปล่า ?”
      ทิฟฟานี่เอ่ยถามขึ้นด้วยภาษาอังกฤษที่เธอถนัด
      ที่นี่แหล่ะครับ…”
      คือฉันทิฟฟานี่ น่ะค่ะ ทิฟฟานี่ ฮวัง ที่โทรมานัดเอาไว้…”
      เธอพยายามอธิบายต่อ
      อ๋อครับ ! เชิญทางนี้เลยครับ…”
      ชายคนนั้นพูดขึ้นและเดินนำพวกเธอเข้าไปทางด้านใน กระทั่งมาหยุดอยู่ที่สระว่ายน้ำที่ค่อนข้างกว้างและลึกพอสมควรซึ่งต้องเดินลอดตัวอาคารออกมายังอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่ง ณ. จุดๆ นี้ พวกเธอสามารถมองเห็นวิวอันสวยงามของท้องทะเลที่อยู่เบื้องหน้าได้ทันที
      ไม่ทราบว่าพวกคุณเคยมีประสบการณ์กันมาก่อนรึเปล่าครับ ?”
      ยังค่ะ…”
      ทิฟฟานี่ตอบกลับ ก่อนที่ชายคนนั้นจะยิ้มให้และเดินจากไปปล่อยให้พวกเธอนั่งรอที่ม้านั่งข้างสระน้ำนั้น และไม่นานนักหญิงสาวอีกคนที่อยู่ในชุดดำน้ำก็จะเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
      สวัสดีค่ะคุณฮวังฉันรีเบคก้าค่ะ รีเบคก้า เทิร์นเนล จะมารับผิดชอบเป็นผู้ฝึกสอนคุณก่อนที่จะได้ไปลงดำน้ำจริงๆ ค่ะเธอกล่าวขึ้นอีกครั้งและยิ้มออกมา
      .
      .
      .
       
      ใช่ๆ แบบนั้นล่ะค่ะ…”
      รีเบคก้ากล่าวขึ้นอย่างชื่นชมหลังจากที่ได้จบการฝึกสอนก่อนการไปลงสถานที่จริง ทิฟฟานี่และแทยอนจึงค่อยๆ เกาะขอบสระและปีนขึ้นมาอย่างหมดแรง
      นึกว่ามันจะง่ายๆ ซะอีก…”
      ร่างเล็กอุทานออกมาเบาๆ ก่อนที่สาวคนรักที่อยู่ข้างๆ จะยิ้มให้อีกครั้งพร้อมกับพูดขึ้น
      เอาล่ะเราไปกันเถอะแท้งกู
      .
      .
      .
      การเดินทางของทั้งคู่จึงได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เสียงเครื่องยนต์ของเรือดังขึ้นก่อนที่จะค่อยๆ แล่นออกไป แทยอนที่นั่งอยู่หันไปมองทางด้านซ้ายของเธอ ภาพของท่าเรือที่ค่อยๆ ห่างออกไปทีละน้อยๆ มันช่างทำให้เธอรู้สึกกลัวและตื่นเต้นเสียเหลือเกิน เพราะนี่จะเป็นครั้งแรกที่เธอได้มีโอกาสมาทำอะไรแบบนี้
      ตื่นเต้นเหรอ ?”
      ทิฟฟานี่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยถามขึ้นเบาๆและยิ้มออกมา
      ไม่ต้องกลัวไปหรอกเพราะยังไง ชั้นก็อยู่กับเธอเสมอแหล่ะ แท้งกู…”
      เธอกล่าวขึ้นและยิ้มให้กับคนรักอีกครั้ง รอยยิ้มของทิฟฟานี่นั้นทำให้รู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น เช่นเดียวกับที่ทิฟฟานี่รู้สึกถึงรอยยิ้มที่ตอบกลับมาของแทยอน
      เกลียวคลื่นยังคงซัดสาดไปมา แทยอนหันมองออกไปยังจุดที่เรือนั้นเพิ่งจะจอดลง ตัวเรือที่โคลงเคลงเล็กน้อยจึงทำให้ยืนได้ไม่สะดวกเท่าไรนัก ก่อนที่คลื่นนั้นจะพัดผ่านไปและเรือจะกลับมานิ่งสงบดังเดิมอีกครั้ง แทยอนและทิฟฟานี่เดินมาหยุดอยู่ที่ส่วนของท้ายเรือใช้มือจับขอบราวเอาไว้และมองลงไปยังผืนทะเลเบื้องล่าง
      สวยจัง…”
      แม้ว่าภาพที่ปรากฏในสายตานั้นจะเป็นเพียงแค่ภาพอันเลือนรางของเหล่าฝูงปลาหลากชนิดที่แหวกว่ายผ่านไปมาอย่างชื่นชม เพราะหากว่าเป็นทะเลที่บ้านเธอที่ประเทศเกาหลีแล้ว เธอจะไม่มีโอกาสได้เห็นอะไรที่มันสวยงามแบบนี้เลย ทิฟฟานี่เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ ก่อนที่จะโอบเอวของคนรักไว้ชั่วครู่
      เอาล่ะค่ะ... หวังว่าคุณทั้งสองคงจะพร้อมสำหรับการดำน้ำนะคะ
      รีเบคก้ากล่าวขึ้นยิ้มๆ และบรรจงสวมอุปกรณ์ที่ได้เตรียมมาให้กับทิฟฟานี่และแทยอน เมื่อทุกอย่างพร้อม การดำน้ำจริงๆ จึงได้เริ่มต้นขึ้น
      ชู่มมม !!
      .
      .
      .
      ซู่มมม !!
      ทิฟฟานี่ทิ้งตัวแนวดิ่งตามรีเบคก้าลงมาและลอยอยู่ในน้ำรอให้คนรักของเธอตามลงมา แม้ว่ามันจะทำให้แทยอนรู้สึกกลัว แต่อีกใจหนึ่งเธอก็อยากจะลอง เพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิตของเธอที่ได้มาดำน้ำดูปะการัง ณ. สถานที่จริงแบบนี้
      เธอเดินมาหยุดอยู่ที่ท้ายเรือก่อนที่จะค่อยๆ ทิ้งตัวลงมา
      ซู่มมมมม !!!
       
      สัมผัสอันเย็นสบายของน้ำทะเลช่างต่างจากความรู้สึกยามที่ได้ยืนอยู่ข้างบนอย่างสิ้นเชิง โลกใต้น้ำในสายตาของแทยอนนั้นมันสวยงามเหลือเกิน... จนเธอเองก็ไม่รู้จะสรรหาคำใดๆ มาเปรียบเปรย ทิฟฟานี่ว่ายดำลงมาและสะกิดที่ตัวแทยอนเบาๆ เพื่อให้ตามเธอและรีเบคก้าลงไป
      บุ๋มมๆ
      ฟองอากาศเล็กๆ ผุดขึ้นไปยังผิวน้ำเบื้องบนเป็นระยะๆ สายตามองดูฝูงปลาหลากหลายชนิดที่แหวกว่ายผ่านตัวเธอไปมา แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเธอได้ดีที่สุดก็คงไม่พ้นเจ้าปลาการ์ตูนสีส้มลายดำตัวเล็กๆ ที่ว่ายแอบอยู่ในกลุ่มปะการังและสาหร่ายทะเลสีเขียวใสนั้น แทยอนว่ายต่ำลงมาและหยุดมองเจ้าปลาสองตัวนั้นที่กำลังใช้สาหร่ายเป็นที่กำบังราวกับกำลังแอบพวกเธออยู่
      ทิฟฟานี่ที่อยู่ข้างๆ ก็ชี้ให้แทยอนได้เห็นปลาอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งมันไม่ได้หาดูได้ง่ายๆ เลย
      น่าเสียดายจังที่ไม่ได้ติดกล้องมาด้วย...
      ต่างคนต่างก็คิดเงียบๆ ในใจอย่างเสียดาย
      เหล่าปะกะรังหลากสีสันที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางธรรมชาติอันแสนสวยงามนั้นไม่สามารถหาสิ่งใดมาเปรียบได้ถึงความสวยงามของมันเลย อีกทั้งเหล่าปลาหลากสีสันที่ว่ายผ่านไปมารอบๆ ตัวด้วยความอยากรู้อยากเห็น ดูเหมือนกับมันจะไม่ได้นึกระแวงแทยอนและทิฟฟานี่เลย มันกลับว่ายเข้ามาใกล้จนถึงกับตอดกระจกแว่นดำน้ำ จนแทยอนยังอดที่จะยิ้มออกมาเสียมิได้
      ความรู้สึกในตอนนี้คงไม่ต่างอะไรกับเจ้าหญิงลีน่าจากเรื่อง Little mermaid เลย...
      แทยอนค่อยๆ ยกมือขึ้นมาคล้ายกับพยายามจะรองน้ำเวลาที่เธออยู่บนบกโดยที่มีปลาตัวเล็กๆ อยู่บนมือของเธอด้วย น่าแปลกที่มันกลับว่ายวนไปมาราวกับรู้ว่าแทยอนนั้นไม่ได้คิดร้ายอะไรกับมัน ปลาตัวอื่นๆ ต่างก็เริ่มเข้ามารุมล้อมทั้งแทยอนและทิฟฟานี่มากยิ่งขึ้น ทำให้พวกเธอต่างก็สนุกและมีความสุขมากขึ้นเช่นเดียวกัน
      ถึงแม้ว่าใบหน้าส่วนล่างจะถูกปิดเอาไว้ แต่ด้วยแววตาของทิฟฟานี่ที่โค้งสวยก็ทำให้รู้ได้ว่าเธอนั้นกำลังยิ้ม
      ตั้งแต่ที่รีเบคก้าได้ทำหน้าที่เป็นคนฝึกสอนดำน้ำและเป็นไกด์ใต้ทะเลมา นี่ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่เธอได้เห็นฝูงปลาที่ปกติมักจะหวาดกลัวผู้คนกลับดูเป็นมิตรกับทิฟฟานี่และแทยอนมากถึงขนาดนี้ ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าทำให้เธอนึกย้อนกลับไปถึงการ์ตูนเรื่องเล่าสมัยที่เธอยังเด็กเกี่ยวกับเจ้าหญิงเงือกน้อยที่อาศัยอยู่ใต้ท้องทะเลนี้ขึ้นมา
      .
      .
      .
      การดำน้ำยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เปลี่ยนจากจุดนั้นไปจุดนี้... สิ่งที่เธอได้เห็น ได้สัมผัส และได้รู้ในวันนี้จะเป็นอะไรที่ทั้งทิฟฟานี่และแทยอนจะไม่มีวันลืมไปเลยตลอดชีวิต แสงแดดเบื้องบนที่ส่องลงมาสะท้อนกับพื้นเบื้องล่างดูงามตา จนแทยอนพลิกตัวนอนหงายและหันหน้ากลับขึ้นไปมองแสงแดดที่สะท้อนกับผิวน้ำเบื้องบน
      เพียงแค่นั้นก็ทำให้เธอรู้สึกเคลิ้มและเพลิดเพลินราวกับกำลังท่องอยู่ในโลกแห่งความฝันเลยทีเดียว
      จึ๊กๆ
      ปลายนิ้วสะกิดเข้าที่เอวของแทยอนเบาๆ ทำให้เธอหันมามองทิฟฟานี่คนรักที่อยู่ข้างๆ ตัว ปลายนิ้วของเธอชี้ตรงไปยังสิ่งๆ หนึ่งที่ถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าแห่งท้องทะเล ซึ่งสิ่งนั้นก็คือไข่มุกที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในหอยที่กำลังอ้าอยู่ไม่ใกลจากเธอเท่าไรนัก
      พวกเธอจึงว่ายเข้าไปใกล้ๆ พอเว้นระยะห่างเล็กน้อย
      แสงแดดที่สาดส่องลงมาสะท้อนกับผิวของไข่มุกดูแวววาว มูลค่าของมันคงจะสูงมากเลยทีเดียว แต่พวกเธอก็ไม่ได้คิดจะเอามันไปไหน พวกเธอเพียงแค่หยุดและชื่นชมในความสวยงามของมันอยู่อย่างนั้นเท่านั้น
      รีเบคก้าที่ตามเข้ามาสะกิดที่ไหล่ของทิฟฟานี่เบาๆ และชี้ขึ้นไปยังด้านบนเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าถึงเวลาที่พวกเธอควรจะขึ้นสู่ผิวน้ำกันได้แล้ว สองสาวจึงพากันถอยกลับมาและเริ่มว่ายขึ้นไปสู่ผิวน้ำเบื้องบน แทยอนหันกลับมามองดูแนวปะการังแสนสวยที่อยู่เบื้องล่างของพวกเธอที่ค่อยๆ ห่างออกมาเรื่อยๆ อีกครั้ง ราวกับเป็นการเก็บความทรงจำเหล่านี้เอาไว้ครั้งสุดท้าย...
      ก่อนที่พวกเธอจะขึ้นมาเหนือผิวน้ำในที่สุด...
      สนุกดีนะ...
      ทิฟฟานี่กล่าวขึ้นและยิ้มให้กับแทยอนคนรักที่พยักหน้าตอบพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่เรือนั้นจะแล่นออกมาจากจุดนั้นกลับเข้าสู่ฝั่งในที่สุด...

       
      -----------------------------

      เวลาเริ่มคล้อยเข้าสู่ช่วงบ่ายของวัน แสงแดดที่สาดส่องลงมาช่างร้อนแรงยิ่งนัก แต่อย่างน้อยมันก็ยังพอจะมีสายลมที่พัดผ่านไปมาช่วยบรรเทาได้บ้าง ทั้งสองพากันกลับมาทิ้งตัวลงนั่งอยู่ที่ม้านั่งใต้ร่มไม้ใหญ่พร้อมกับสูดอากาศเข้าไปเฮือกหนึ่งและถอนหายใจออกมา
      บรรยากาศใต้ท้องทะเลนั้นช่างแตกต่างจากบนบกราวฟ้ากับเหว
      ทำไมนะโลกของเราถึงไม่เย็นสบายแบบใต้น้ำบ้าง
      คิดอะไรอยู่เหรอ ?”
      ทิฟฟานี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยถามขึ้นเบาๆ
      เปล่าหรอกก็แค่คิดว่าทำไมโลกเรามันถึงไม่เย็นเหมือนกับใต้น้ำบ้าง…”
      สาวร่างเล็กตอบกลับเบาๆ สายตาเหม่อมองออกไปยังท้องทะเลที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่เธออยู่เท่าไรนัก
      นั่นสิ…”
      เธอตอบกลับเบาๆ และมองตามสายตาของแทยอนคนรักไป
      .
      .
      .
      ทุกอย่างยังคงเคลื่อนไปตามเวลาของมัน เช่นเดียวกับดวงตะวันที่เริ่มจะคล้อยลงต่ำเข้าสู่ช่วงอาทิตย์ยามอัสดง แสงตะวันสีส้มสะท้อนกับผืนน้ำเป็นประกายวิบวับสวยงาม สายลมอ่อนๆ เริ่มพัดโชยไปมาอีกครั้ง แทยอนลุกเดินย่ำผืนทรายสีขาวละเอียดที่ถูกแสงแดดสีส้มย้อมจนกลายเป็นสีเหลืองอ่อนอย่างสบายๆ
      ซ่าาซ่าาาา
      เสียงของเกลียวคลื่นที่ซัดสาดเข้าหาฝั่งยังคงดังคลอไปไม่ต่างอะไรกับเสียงบรรเลงของเครื่องดนตรีโดยธรรมชาติเลย รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าก่อนที่จะกางแขนและยืดอกออกอย่างสบายๆ ราวกับกำลังรับสัมผัสของสายลม
      ทิฟฟานี่มองดูคนรักของเธอและอดที่จะยิ้มออกมาเสียมิได้
      หากท้องทะเลในยามนี้เปรียบเหมือนกับสรวงสวรรค์แล้วแทยอนก็คงไม่ต่างอะไรกับเทพีแห่งความงาม อโฟรไดท์ หรือวีนัสเลย ผิวกายขาวที่สะท้อนกับแสงแดดยามเย็นทำให้ดูน่าหลงใหลได้อย่างน่าประหลาด จังหวะที่เธอกำลังหมุนตัว คล้ายกับกำลังเต้นรำอยู่กลางฟลอร์เลยก็ไม่ปาน
      ทำไมเธอถึงได้ดูสวยอย่างนี้นะแทยอน
      มาสิ !”
      เสียงของคนรักดังแว่วขึ้นช่วยปลุกทิฟฟานี่ให้ตื่นขึ้นมาจากภวังค์
      มานี่สิฟานี่ !”
      พร้อมกับโบกไม้โบกมือเรียกอย่างร่าเริง
      ทิฟฟานี่ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนที่จะตัดสินใจลุกขึ้นและเดินเข้าไปหาคนรักของเธออีกครั้ง
       
      สองสาวเดินเรียบมาตามหาดด้วยกันเรื่อยๆ ด้านขวามือมีดวงอาทิตย์ที่เพิ่งจะลับขอบฟ้าไปประดับอยู่เป็นพื้นหลัง ท้องฟ้าเบื้องบนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีดำทำให้แสงดาวนั้นเริ่มวาววับขึ้นมา ดวงจันทร์ที่เคยไร้แสงกลับมีสีเหลืองนวลและคอยให้แสงสว่างในยามค่ำคืนอีกครั้ง
      พวกเธอเดินมาหยุดอยู่ที่โขดหินริมทะเลก่อนที่จะค่อยๆ ปีนขึ้นไปนั่งกอดกันอยู่บนนั้น
      ทิฟฟานี่โอบกอดร่างเล็กของแทยอนเอาไว้โดยที่พวกเธอต่างก็หันหน้ามองออกไปยังท้องทะเลยามค่ำคืนนี้ ทิฟฟานี่ค่อยๆ วางคางของเธอลงบนไหล่เล็กของแทยอนและดึงร่างของเธอเข้ามากอดให้กระชับยิ่งขึ้น สายลมที่พัดผ่านไปมาไม่ต่างอะไรกับเครื่องปรับอากาศที่สร้างโดยธรรมชาติเลย
      มันเย็นสบายและช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเมื่อยล้าตอนกลางวันได้เป็นอย่างดี
      ชั้นขอถามอะไรหน่อยสิแท้งกู...
      อยู่ๆ ทิฟฟานี่ก็เอ่ยถามขึ้นเบาๆ
      อะไรเหรอ ?”
      ทำไมเธอถึงชอบทำตัวแมนๆ นักล่ะ...
      ยังไงอะ ?”
      ก็แบบว่า... ชอบทำอะไรเหมือนกับที่พวกผู้ชายทำ... จากที่ชั้นสังเกตนะแทยอน ไม่ว่าจะเป็นแนวการแต่งตัว การทำผม อะไรหลายๆ อย่าง... เธอชอบแนวแบบนี้เหรอ ?”
      จะว่าชอบก็ไม่เชิงหรอก...
      แทยอนตอบกลับเบาๆ สายตาเหม่อมองออกไปยังท้องทะเลยามค่ำคืนอีกครั้ง คำตอบที่หลุดออกมาจากปากของแทยอนสร้างความสนใจให้กับทิฟฟานี่ไม่น้อยเลยทีเดียว
      แล้ว ?”
      แต่พอทำเข้าทุกวันๆ... ทำมาตลอดหลาย 10 ปี... กลายเป็นว่ามันเป็นแนวของชั้นไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ น่าตลกไหมล่ะ ฮะๆสาวร่างเล็กพูดและหัวเราะออกมาน้อยๆ หากแต่น้ำเสียงของเธอฟังดูเศร้าลงจนแม้แต่ทิฟฟานี่เองก็ยังรู้สึกได้
      มันเหมือนกับเธอกำลังปกปิดความอ่อนแอของตัวเอง... ด้วยการแสร้งทำให้ดูว่าชั้นเป็นคนเข้มแข็ง
      ทิฟฟานี่พูดแทรกขึ้น
      ...
      แทยอนเงียบไปสักพัก ก่อนที่จะตอบกลับอีกครั้ง
      ใช่... เธอพูดถูกแล้วล่ะฟานี่ เพราะชั้นมันอ่อนแอ บางเรื่อง ไม่สิ... บ่อยครั้งไปที่ชั้นเก็บเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคิด แล้วก็เครียดอยู่คนเดียวพยายามไม่ให้เธอหรือคนอื่นๆ รู้ เพราะว่าชั้นไม่อยากจะทำให้พวกเธอต้องมาเป็นห่วง ที่ชั้นต้องแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง แสร้งทำเป็นร่าเริง...
      ก็เพราะชั้นไม่อยากจะทำให้คนอื่นๆ ต้องพลอยเครียดไปด้วยนั่นแหล่ะ...
      ชั้นก็เข้าใจเธอนะ... แต่ตอนนี้เธออย่าลืมสิ ว่าเธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว...
      ทิฟฟานี่พูดยิ้มๆ และโอบเอวของแทยอนให้แนบแน่นขึ้น พยายามส่งผ่านความรู้สึกอบอุ่นไปให้
      เธอยังมีชั้น... มีลูกของเราซอจู แล้วก็เพื่อนๆ คนอื่นๆ รอบตัว มีครอบครัวมีใครต่อใคร... เธอไม่ได้อยู่ตามลำพังนี่นาแทยอน ชั้นว่านะ... ถึงเวลาที่เธอควรจะปล่อยวางเรื่องแบบนี้ได้แล้วล่ะ เพราะว่าชั้นจะเป็นคนคอยดูแลเธอเอง...
      “…”
      เป็นตัวของตัวเองนั่นแหล่ะแทยอน... เพราะชั้นจะคอยดูแลเธอเอง
      ทิฟฟานี่เอ่ยย้ำขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะบรรจงจุมพิตที่หน้าผากของแทยอนอย่างแผ่วเบาด้วยความรัก
      .
      .
      .
      ค่ำคืนที่แสนเงียบสงบไร้ซึ่งเสียงใดๆ เว้นเสียแต่เสียงของเกลียวคลื่นที่ซัดสาดเข้ามาหาฝั่ง ดวงดาราที่สะท้อนอยู่บนผืนทะเลนั้นไม่ต่างอะไรกับห้วงอวกาศเลย ราวกับเธอกำลังนั่งอยู่ที่ไหนสักแห่งบนอวกาศ อาจจะเป็นเพราะจุดที่เธออยู่นั้นห่างไกลจากแสงไฟ จึงทำให้สามารถเห็นดวงดาวได้ชัดถึงขนาดนี้
      ไม่เพียงแต่เสียงของเกลียวคลื่นเท่านั้นรอบกายของเธอยังคงมีเสียงหวีดหวิวเบาๆ ของกระแสลมที่พัดผ่านไปมาราวกับกำลังกระซิปกระซาบอยู่ข้างหู
      ทิฟฟานี่ซบใบหน้าเอนเข้ากับไหล่เล็กของแทยอนเบาๆ พร้อมกับหลับตาลง จนสามารถสัมผัสได้ถึงแรงบีบเบาๆ จากฝ่ามือของคนรักที่กุมมือของเธอเอาไว้ แสงสีเหลืองนวลของดวงจันทร์ที่ฉายลงมาทำให้บรรยากาศในตอนนี้สุดแสนจะโรแมนติกเกินบรรยาย
      เราเองก็กลับไปนอนกันเถอะ
      แทยอนเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบที่ปกคลุมอยู่รอบกายพร้อมกับหันกลับมามองทิฟฟานี่ที่ยังคงโอบกอดเธอเอาไว้
      ก็ดีเหมือนกันนะ…”
      เธอตอบกลับและพากันเดินลงมาจากโขดหินบริเวณนั้นกลับขึ้นมายังหาดทรายสีขาวอมเหลืองเพราะแสงจันทร์ ด้วยความที่ไม่ทันได้ระวังจึงทำให้ขาของแทยอนไปสะดุดเข้ากับขาของทิฟฟานี่จนพากันล้มกลิ้งลงไปนอนอยู่บนผ้าปู ที่ใครก็ไม่รู้ปูทิ้งเอาไว้อย่างพอดิบพอดี
      โอยยยย…”
      ด้วยระยะของใบหน้าที่อยู่ห่างกันเพียงไม่เท่าไรจึงทำให้พวกเธอสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของกันและกัน สายตาทั้งสองจ้องประสานกันอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ร่างเล็กจะหน้าแดงและเบือนสายตาหนีอย่างขวยเขิน ทิฟฟานี่ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนที่จะเลื่อนใบหน้าเข้าไปหาและจุมพิตที่ริมฝีปากของแทยอนเบาๆ
      รสสัมผัสอันแสนนุ่มนวลยังคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย ลิ้นร้อนค่อยๆ สอดเข้าไปอย่างช้าๆ และแตะเข้ากับปลายลิ้นของแทยอนก่อให้เกิดเสียงครางเบาๆ ในลำคอ
      อืมมมม…”
      และแม้ว่ากิจกรรมในช่วงกลางวันของพวกเธอนั้นจะจบลงไปแล้ว
      .
      .
      .
      แต่กิจกรรมยามค่ำคืนของพวกเธอมันเพิ่งจะเริ่มเท่านั้น

      ----------------------------------

      ขอขอบคุณที่ตามอ่านกันมาสำหรับภาคนี้ ^^ อย่าลืมไปต่อในส่วนที่ 2

      A Night at Maldives 2 ของ ทิฟแทล่ะ

      ปล. ทิ้งท้ายไว้ให้เก็บเอาไปคิดว่าควรจะมี NC รึเปล่า หุหุ หรือว่าใครอยากให้มี ?

      เอ... ยังไงดีนะ ^^

      [คิดเห็นยังไงก็ลงคอมเมนท์ไว้นะ ^^]

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×