พี่เลี้ยงคะมาเป็นปะป๋าให้พวกเราเถอะ[Yaoi] - นิยาย พี่เลี้ยงคะมาเป็นปะป๋าให้พวกเราเถอะ[Yaoi] : Dek-D.com - Writer
×

    พี่เลี้ยงคะมาเป็นปะป๋าให้พวกเราเถอะ[Yaoi]

    ผู้เข้าชมรวม

    319

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    319

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    16
    หมวด :  นิยายวาย
    จำนวนตอน :  4 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  2 พ.ย. 64 / 07:57 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ตอนที่1 

    เรื่องราวในอดีต


    เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วที่เมฆาจากพิรุณมาแม้จะรู้สึกปวดใจแค่ไหนอย่างน้อยเขาก็ต้องยอมรับความจริง ที่ว่าคนที่เขารักมีคนรักอยู่แล้วแถมยังมีพยานรักตัวน้อยๆ ด้วยกันถึงหนึ่งคน แม้จะเป็นเวลาเพียงไม่นานแต่เมฆาก็รู้มีความสุข ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้ดูแลได้กอดได้สัมผัสเท่านั้นก็เพียงพอที่จะเก็บมันไว้เป็นความทรงจำดีๆ เมฆาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างของรถหรูที่กำลังแล่นอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าไปยังเซฟเฮาส์ของตระกูลที่ตั้งอยู่ในย่านชานเมืองของประเทศฮ่องกงพลางในหัวก็นึกย้อนไปถึงเรื่องราวในอดีตว่าเขาทำอะไรผิดพลาดไปถึงได้สูญเสียคนที่ตนเองรักไปให้คนอื่นอย่างง่ายดาย

    ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนสมัยที่ยังเรียนอยู่มัธยม

    เมื่อก่อนผมเคยใช้ชีวิตเหมือนกับเด็กนักเรียนปกติทั่วไปตื่นเช้าไปโรงเรียนเจอเพื่อนๆ ในทุกๆ วันผมมักจะตื่นเต้นกับการไปโรงเรียนเสมอ ถ้าหากว่าคุณเคยแอบชอบใครสักคนคุณก็จะรู้เหตุผลเองว่าทำไมผมถึงตื่นเต้นในทุกๆ เช้า นั่นแหละเหตุผลเดียวกัน

    “วันนี้ฉันก็ชนะอีกแล้ว นายมาช้า แบร่”

    เสียงสดใสดังขึ้นทันทีที่ผมก้าวลงรถเขาคนนี้แหละคือสาเหตุที่ทำให้ผมตื่นเต้นในทุกๆ วัน

    “พิรุณ นายบ้านใกล้กว่าฉันมั้ย โถ่อยากให้เลี้ยงขนมก็ไม่บอก”

    ผมเอื้อมมือเข้าไปขยี้ผมของคนตัวเล็กตรงหน้าจนฟู ทุกๆ วันผมไม่เคยรู้สึกมีความสุขเลยเวลาที่อยู่ที่บ้านเพราะผมต้องทำทุกอย่างตามใจพ่อและคุณแม่ตลอดสั่งให้นั่งก็ต้องนั่งสั่งให้นอนก็ต้องนอนราวกับว่าเป็นหุ่นเชิดตัวหนึ่ง แต่ที่นี่ผมมีอิสระและคนที่ทำให้ผมรู้สึกสนุกในทุกๆ วันก็คงไม่พ้นคนตรงหน้า

    “ช่าย วันนี้นายก็ต้องเลี้ยงเพราะนายแพ้ไง ฮ่าๆ ” พิรุณวิ่งเข้าไปในโรงเรียนอย่างร่าเริงไม่รู้ว่าไปกินอะไรมาถึงได้ห้าวได้ทุกวัน คิดแล้วก็ขำ เมื่อเขาเห็นผมไม่ได้เดินตามไปเขาจึงหยุดแล้วหันมาตะโกนเรียกจนนักเรียนที่อยู่แถวนั้นหันมามอง

    “เอ้า เร็วสิครับรอใครตัดริบบิ้นอยู่ เดี๋ยวออดดังโดนอาจารย์วารุณีกินหัวนะครับ เร็วๆ ” ผมส่ายหัวไปมาก่อนจะเดินตามคำเรียกของเขาเข้าไปในโรงเรียน

    ผมเคยเป็นคนที่ไม่สนใจอะไรมาก่อนไม่ว่าจะเพื่อนในห้องหรือครูประจำชั้นทุกคนต่างก็เข้าหาผมเพราะฐานะของผมทุกคนที่ผ่านมาล้วนแต่สวมหน้ากากเข้าหาผมทุกคนไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัว มันทำให้ผมรู้สึกเบื่อ และเหนื่อย เหนื่อยที่ต้องยิ้มออกมาทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้สึกดี เบื่อที่ต้องถูกบงการทุกการกระทำ

    แค่เพียงทำผิดเล็กน้อยก็อาจโดนลงโทษได้ จนในที่สุดเขาก็เข้ามาในชีวิตเด็กจากต่างจังหวัดที่พึ่งย้ายเข้ามาแถมยังได้มานั่งข้างๆ กันเพราะไม่มีใครกล้านั่ง แรกๆ ผมก็รู้สึกรำคาญ คนอะไรพูดได้พูดดีขนาดผมเมินไม่สนใจยังมาสะกิดอยู่นั่น ไม่ว่าผมจะเดินไปไหนก็เดินตามต้อยๆ อย่างกับลูกเจี๊ยบ

    ผมคิดว่าเขาพยายามที่จะเข้าหาผมเพราะเงินผมถึงไม่ได้เปิดใจมองการกระทำที่จริงใจของเขา จนกระทั่งวันหนึ่งวันที่ผมถูกรุ่นพี่หมายหัวเพราะหมั่นไส้ แต่ใครจะไปรู้ว่าไอ้คนที่ตัวเล็กเหมือนลูกหมามันจะใจกล้าเข้ามาขวาง และรับหมัดแทนผม จริงๆ เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวผมบ่อยครั้งแต่ทุกครั้งก็ไม่ได้มีใครสนใจหรือเข้ามาช่วยสักคน แต่สุดท้ายทุกครั้งมันจะจบด้วยการที่หมายศาลส่งไปถึงพ่อแม่ของวกมัน หลังจากวันนั้นผมก็มองเขาเปลี่ยนไป จะมีใครสักกี่คนที่เข้าหาผมอย่างบริสุทธิ์ใจเหมือนกับเขา คนที่คอยแต่เดินตามต้อยๆ คนที่ชวนคุยตลอดเวลาทั้งๆ ที่ไม่ได้คำตอบใดๆ ทั้งสิ้น ก็ไม่ได้ทำให้เขาย่อท้อเลย นั่นคือสาเหตุที่ผมค่อยๆ เปิดใจ กว่าจะรู้ตัวอีกทีสายตาของผมก็มีแต่พิรุณซะแล้ว

    “นี่ เมฆาเป็นอะไรอ่ะ ไม่สบายเหรอเหม่อนานแล้วนะ” เสียงใสทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์แต่แล้วดวงตาของผมก็เบิกโพลงขึ้นแม่ภาพตรงหน้าคือพิรุณเอาหน้าผากของเขามาทาบกับผมมันใกล้จนลมหายใจอุ่นร้อนของเขาเป่ารดลงมาที่จมูกของผม

    “ฮะเฮ้ย เอาหน้าไปไกลๆ เลย” ผมตกใจเอามือผลกหน้าเขาออก คนอะไรไม่ระวังตัวเอาเสียเลย

    “นายเอามือปิดหน้าทำไม แล้วทำไมหน้าแดง ไม่สบายเปล่าไปห้องพยาบาลมั้ย”

    พิรุณยังยิงคำถามมาไม่หยุดนี่สรุปว่าโง่หรือโง่จริงๆ วะเนี่ย ก็เล่นมาเอาหน้าเข้าใกล้แบบนั้นทำเอาจิตใจไม่ค่อยดีเลย บ้าเอ้ย-//-

    “ฉันไม่ได้ป่วยฉันแค่ตกใจจนไข้ขึ้นรู้สึกอยากนอนขอตัวไปนอนที่ห้องพยาบาลก่อนนะ ห้ามตามมาล่ะ”

    ผมพรวดพราดลุกขึ้นเดินหนีเขาอย่างรวดเร็ว ให้ตายเถอะ! ผมต้องไประงับจิตใจก่อนที่จะทนไม่ไหว มันอันตรายจริงๆ เพราะตั้งแต่ผมเริ่มสนใจเขาไอ้น้องชายของผมมันก็เหมือนจะต้องการอะไรบางอย่างซึ่งตอนนี้เองก็เช่นกัน ใครรู้เข้าคงหาว่าผมโรคจิตแน่ๆ ที่ชอบผู้ชายด้วยกัน

    และแล้วกว่าจะผ่านพ้นวันนั้นไปได้ผมก็ทำได้เพียงนอนเฉยๆ เอาแขนก่ายหน้าผากด้วยความหน่ายใจกับไอ้น้องชายที่มันไม่ยอมหดสักที

    นั่นแหละครับทุกวันของผมยังคงดำเนินเช่นนั้นต่อไปในทุกๆ วัน จันทร์ถึงศุกร์เราก็มาเจอกันที่โรงเรียนส่วนเสาร์อาทิตย์ผมก็จะไปนั่งเฝ้าเขาที่บ้านเห็นร่าเริงสดใสแบบนี้แต่พอเข้าสู่โหมดนักเขียนฝึกหัดล่ะอย่างกับคนละคนเลยทีเดียว พิรุณเป็นคนละเอียดอ่อนทั้งชอบอ่านและชอบเขียนผมหวังว่าสักวันเขาคงจะประสบความสำเร็จในสิ่งที่เขาชอบและวันนั้นผมก็จะประสบความสำเร็จแล้วมายืนเคียงข้างเขาอย่างมีความสุข

    ทว่านั่นมันก็แค่ความฝันลมๆ แล้งๆ ของเด็กที่ไม่ได้คิดเรื่องอนาคตอันใกล้แต่ดันก้าวข้ามไปในตอนจบที่มันไม่มีอยู่จริง เมื่อเย็นวันนั้นอาการป่วยของท่านปู่ได้ทรุดหนักลงอย่างกะทันหัน ทุกคนในครอบครัวจึงถูกเรียกให้ไปรวมตัวกันอย่างกะทันหัน และ เพราะเหตุการณ์นั้นเองที่เปลี่ยนตอนจบของผมไปตลอดกาล

    “เมฆาวันนี้ลูกต้องเตรียมตัวไปเรียนที่ฮ่องกงนะจ๊ะ เพื่อเตรียมตัวขึ้นสืบทอดตำแหน่งในอีกสิบปีข้างหน้า”

    คำพูดที่เอ่ยมาจากปากของแม่ทำให้ผมอึ้งทันที ที่รู้ว่าท่านปู่ยกตำแหน่งประธานบริษัทABC ให้กับผม

    “แต่ว่าแม่ครับ นั่นมันอีกตั้งสิบปีทำไมถึงต้องไปพรุ่งนี้”

    นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมเอ่ยคำทักท้วงออกไปจนทำให้คนเป็นแม่ตกใจเล็กน้อย

    “เพราะนี่คือหน้าที่ของลูกยังไงล่ะ ตั้งแต่เกิดมาตำแหน่งนั้นมันก็เป็นของลูกอยู่แล้ว และเพื่อที่จะอยู่บนที่สูงเหนือผู้อื่นลูกจำเป็นจะต้องไร้ที่ติ ไม่มีจุดอ่อนดังนั้นแม่จะส่งลูกไปยังโรงเรียนที่ท่านประธานคนก่อนๆ เคยเข้ารับการอบรมกัน ลูกเข้าใจแม่ใช่มั้ย”

    แม้จะเหมือนว่ากำลังหวังดีแต่รอยยิ้มและสายตากลับไม่ใช่แม่มักจะทำเหมือนหวังดีกับผมทุกครั้งแต่จริงๆ มันคือการบังคับต่างหาก

    “งั้นช่วยให้คุณลุงขับรถไปส่งผมที่บ้านพิรุณก่อนได้มั้ยผมจะต้องบอกเขาก่อนจะไปไม่งั้นเขาคงเสียใจมากแน่ๆ ”

    ผมกำหมัดแน่นรวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อเอ่ยออกไป

    “แม่รู้นะว่าลูกคิดอะไรกับเด็กนั่น และแม่ก็รู้ว่าลูกต้องการอะไร แต่ แม่ ไม่ อณุญาต”

    แม่พูดด้วยน้ำเสียงเน้นย้ำเพื่อจะสื่ออะไรบางอย่าง

    “แต่แม่ครับผมยอมให้แม่และพ่อบงการชีวิตผมมาโดยตลอดแต่ผมขอแค่ไปลาเพื่อนคนสำคัญของผมไม่ได้เหรอครับ!!”

    “เมื่อกี้ลูกพูดว่าอะไรนะ”

    มือของแม่เริ่มสั่นระริกเพราะความโกรธ ทำให้ผมเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที เพราะผมรู้ดีว่าจะเจออะไร บ้านหลังนี้ไม่เคยมีใครต่อต้านผู้หญิงคนนี้ได้เลยไม่เว้นแม้แต่พ่อของผมหรือคนอื่นๆ คนในครอบครัวก็พยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่ปะทะกับแม่ และท่านปู่คงคิดว่าผมจะเหมือนกับเธอถึงยอมยกตำแหน่องให้อย่างง่ายดายแต่ไม่ว่ายังไงผม ก็จะ ไม่เป็น เหมือนผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด!!!

    “แม่ว่าลูกคงจะต้องการพักผ่อนแล้วล่ะ เจอกันพรุ่งนี้ที่สนามบินนะจ๊ะ”

    แม่ยิ้มหยันออกมาจนน่าขนลุกก่อนที่ผมจะรับรู้ถึงสันมือที่กระแทกลงบนท้ายทอยอย่างแรง

    “เอาตัวคุณชายเข้าไปขังไว้ในห้องแล้วเตรียมของซะ”

    นั่นคือคำพูดและน้ำเสียงโหดเหี้ยมที่ผมได้ยินในที่สุดสติของผมก็ค่อยมืดดับลง และนั่นเป็นเหตุที่ทำให้ผมต้องจากลาพิรุณโดยไม่มีโอกาสได้บอกกล่าวสักคำแม้จะเจ็บปวดแค่ไหนยามที่ต้องจากแต่ผมก็เป็นเพียงหุ่นเชิดที่ไม่สามารถโต้เถียงอะไรใครได้เลยไม่มีสิทธิ์ที่จะรักหรือได้รับความรักจากใครเลยด้วยซ้ำ หลังจากวันที่ไปถึงฮ่องกงผมก็ตั้งใจเอาเลยว่าผมจะแข็งแกร่งและกลับมาอยู่เคียงข้างเขาให้ได้

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น