ลำดับตอนที่ #59
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #59 : ตอนที่ 50 : หลอก
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ตอนที่ 50 : หลอก
“ดาบคร่าวิญญาณ!!!”
ตูม!
คลื่นดาบรูปจันทร์เสี้ยวสีฟ้าสว่างพุ่งเข้าใส่ราเอลอย่างแรง
“ยังมีไม้ตายก้นหีบอีกเหรอเนี่ย!”ราเอลทำหน้าเหวอ
วิ้ง!
โซ่สีทองโผล่จากในมือของราเอล พร้อมกับที่เจ้าตัวซัดสายโซ่เข้าไปรัดพันธนาการคลื่นดาบเอาไว้ แต่...
แคร้ง!
“ข...ขาดเลย!”ราเอลอ้าปากค้าง เมื่อโซ่สีทองของตนขาดสะบั้นในเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที
“ตายซะเถอะ!”
“แย่แล้ว”ราเอลหน้าซีด แต่คำพูดต่อมากลับ...
“...ซะเมื่อไหร่กันล่ะ! บลัดดี้วิงส์!!!”
ราเอลสะบัดมือซ้ายที่โชกเลือดของตน เลือดของราเอลกระจายไปเป็นหยดๆ ก่อนจะกระจายออกอย่างรวดเร็วเป็นผ้าแพรใสๆสีโลหิต จากนั้น ราเอลก็สะบัดข้อมืออย่างรวดเร็ว ผ้าแพรผืนยาวก็คลุมคลื่นดาบไว้จนสิ้น
“ผ้าแพรทำจากเลือดงั้นรึ”บาโรคาดไม่ถึงว่าราเอลจะใจกล้าบ้าบิ่นขนาดเอาเลือดตัวเองมาเป็นอาวุธแบบคราวก่อนอีก แต่ก็ต้องคาดผิดเพราะราเอลใจกล้าบ้าบิ่นขนาดนั้นเข้าจริงๆ
“น่าจะรู้นะ ว่าอาวุธที่ทำจากเลือดของเจ้าของจะแข็งแกร่งมาก ผ้าแพรนี่ก็เช่นกัน”ราเอลฉีกยิ้ม
“เสียเลือดขนาดนี้ยังไม่ล้มพับลงไป น่านับถือจริงๆ”บาโรเองยังยอมรับในพลังของราเอลจริงๆ
“เหอะๆ แต่ถ้านานกว่านี้ก็ไม่แน่ล่ะ”ราเอลยังคงยิ้ม ทั้งๆที่สีเลือดบนใบหน้าค่อยๆจางหายไปทีละน้อย ด้วยเลือดที่ยังคงไหลไม่หยุด
“ท่านราเอล!!!”
“พวกนาย...มาได้ยังไง!”ราเอลเบิกตากว้าง
“หุบปากไปเลยไอ้เจ้าชายบ้า เดี๋ยวเราค่อยมาคิดบัญชีกัน!!!”ไมออสตวาด “ดาบเพลิงมังกร!”
เคร้ง!!!
ไมออสเข้าปะทะกับคิงบาโรในทันที
“แกทำร้ายท่านราเอลอภัยให้ไม่ได้!”เลนเน่ร้อง “เกลียวโซ่มายา!”
อาวุธของเลนเน่ หนึ่งในสิบสองขุนพลเทพเป็นโซ่สีเทาขุ่นที่รัดตรึงอยู่กับแขนทั้งสองข้างของเด็กสาว โดยปลายโซ่ทั้งสองข้างเป็นลูกตุ้มรูปหยดน้ำทำจากโลหะเนื้อดี
แคร้ง แคร้ง
โซ่ของเลนเน่พุ่งออกจากแขนของเจ้าของอย่างรวดเร็ว ขึงเป็นเส้นโลหะไปทั่วห้องทั้งแนวตรง แนวทแยง แนวเฉียง [หากคิดภาพไม่ออก ลองคิดถึงเลเซอร์รักษาความปลอดภัยน่ะครับ แต่เปลี่ยนเป็นโซ่แทน]
“ท่านราเอล ปลอดภัยมั๊ยคะ!”เพิร์ลรีบตรงเข้ามาหาราเอลก่อน พร้อมกับเริ่มการรักษา
“มีคนมาเพิ่มรึ”บาโรเอ่ย
......ถึงเด็กสองคนนี้จะรุมเรา แต่เทียบกันแล้ว สู้กับเจ้าเด็กราเอลนั่นคนเดียวตึงมือกว่าเยอะ......
“ดาบปราบมาร”บาโรสั่งการเบาๆ
วิ้ง...
ดาบปราบมารเปล่งแสงสีฟ้าอ่อนออกมาอีกครั้ง ราเอลที่เพิ่งจากสู้กับเพลงดาบของบาโรมาก็รู้เลยว่าไมออสและเลนเน่กำลังจะเจอกับอะไร
“โฟร์เลส! เอาทั้งสองคนออกมาเร็ว!!!”
ถึงจะงงกับคำสั่งของราเอล แต่โฟร์เลสก็รีบลากเลนเน่ที่อยู่ใกลมือกว่าออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ไมออสกลับอยู่ประชิดตัวบาโรมากเกินไป
“ดาบคร่าวิญญาณ!!!!!”
“ว...เหวอ!”ไมออสหลับตาปี๋
“ไมออส!!!”เลนเน่เบิกตากว้าง
วิ้ง...
ไมออสค่อยๆลืมตาขึ้นมองเพราะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด
“...ม...ม่านอาคม...”ไมออสคราง
กรุ๊งกริ๊ง...กรุ๊งกริ๊ง
เสียงกระทบกันของโลหะ ทำให้บาโรเลื่อนสายตาไปยังคนเจ็บหนักที่ด้านหลัง
เจ้าชายราเอล ในสภาพปลดปล่อยเต็มขั้น กำไลทองส่งเสียงยามกระทบกันดังกรุ๊งกริ๊ง ตราสัญลักษณ์แห่งเฮฟเว่นที่มือซ้ายกระจ่างชัดจนน่ากลัว แววตาว่างเปล่าเย็นชาของปรินซ์แห่งเฮฟเว่นทำเอาผู้มองหนาวสันหลัง
“เล่นงานข้า ข้าไม่ว่า แต่เล่นงานเพื่อนข้า...เจ้าตาย!!!”ราเอลเอ่ยเสียงเย็น
วู้ม...
แสงสว่างสีขาววาบขึ้นในมือของราเอล เจ้าชายแห่งเฮฟเว่นแสยะยิ้มชวนสยองให้คนรอบข้างเห็นเพียงชั่วแวบ ก่อนที่เสาลำแสงจากเวทย์ของราเอลจะถูกสร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์
“ไลท์...”
“...สแควร์!!!”
ตูม!!!!!
“เกิดอะไรขึ้นที่ห้องท่านบาโรน่ะ!!!”ทหารยามทั้งหลายต่างโหวกเหวกโวยวาย เมื่อจู่ๆเสาลำแสงขนาดยักษ์ก็พุ่งทะลุขึ้นจากห้องของบาโร ทำลายห้องต่างๆที่อยู่เหนือกว่าจนสิ้น และยังทำลายเพดานเสียโหว่อีกต่างหาก
“ไปดูเร็วเข้า!!!”
ครึ่ก...ครึ่ก...
“อา...ท่าทางห้องนี้คงใช้ไม่ได้อีกแล้วสินะ”ราเอลยิ้มอย่างเลือดเย็น บาดแผลที่แขนซ้ายสลายไปสิ้นราวกับเรื่องโกหก
“ห้องนี้จะถล่มแล้ว ทุกคน ถอยไป”เพิร์ลออกคำสั่ง
“แต่...เพิร์ล”เลนเน่คราง
“ไปสิ ชั้นจะอยู่ดูแลท่านราเอลเอง”เพิร์ลตอบ
“อืม ฝากทางนี้ด้วยนะเพิร์ล”โฟร์เลสที่ดูจะเข้าใจถึงเหตุผลของเพิร์ล รีบลากคอเสื้อของเลนเน่และไมออสจากไป
“ไปต่อกันบนหลังคาดีมั๊ย คิงบาโร”ราเอลถาม และไม่รอคำตอบ ร่างของเจ้าชายแห่งโลกวิญญาณเฮฟเว่นก็ถลาออกทางรูกว้างที่ตนเจาะเอาไว้ กระโดดขึ้นสู่ยอดหอคอย
“อย่าหวังจะหนีซะให้ยาก”บาโรเองก็ตามขึ้นไปด้วยความเร็วไม่แพ้กัน
ตุบ ตุบ
ร่างของทั้งสอง ต่างยืนแยกกันคนละมุม ราเอลยืนอยู่บนหอคอยตะวันออกของปราสาท ส่วนบาโรยืนอยู่ตรงหอคอยตะวันตก ลานต่อสู้ของทั้งสอง...ก็คือหลังคาและระเบียงทั้งหมดของปราสาทคาโนวาล!!!
“...”
“......”
กริ้ง!
ราเอลถอดกำไลทองของตนออกมาเส้นหนึ่ง ก่อนจะโยนมันขึ้นไปบนฟ้า
ฟิ้ว...
กำไลทองค่อยๆร่วงลงมาตามแรงโน้มถ่วง และทันทีที่มันสัมผัสถึงพื้น...
แกร๊ก!
ตูม!!!
......สัญญาณการต่อสู้ที่แท้จริงก็เริ่มต้นขึ้น......
- ณ ห้องนั่งเล่นป้อมอัศวิน -
ตอนนี้ ห้องนั่งเล่นในยามตีสอคงไม่น่าจะมีคนอยู่ แต่ปัจจุบันกลับมีร่างของรีเนลที่ลูคัสพามานอนอยู่บนโซฟา ส่วนลูคัสและคาโลคอยเฝ้าระวังอยู่ใกล้ๆ
“ท...ท่านพี่”รีเนลครางออกมาเบาๆ แต่ก็ไม่พ้นหูของคนที่นั่งเฝ้าอยู่ใกล้ๆได้เลย
“ท่านพี่?”ลูคัสยักคิ้วอย่างงงๆ
“ข้อนี้ผมเองก็ไม่ทราบนะครับ”คาโลยักไหล่เมื่อลูคัสส่งสายตาเป็นเชิงถาม
“แหม...คาลี่นี่ก็มีเรื่องที่ไม่รู้ด้วยวุ๊ย คิดว่ารู้ไปหมดซะอีก”ลูคัสยิ้ม
“ผมเป็นคนธรรมดานะครับ พี่ลูคัส”คาโลถอนหายใจ
“ท่านพี่...ท่านพี่!!!”
พรวด!!!
ร่างของหัวขโมยสาวลุกพรวดขึ้นจากโซฟาด้วยสภาพเหงื่อโทรม
“เป็นอะไรไปเหรอรีนี่?”ลูคัสถาม
เฮือก!
รีเนลสะดุ้งเมื่อเห็นลูคัสนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ ร่างบางกระเถิบถอยหนีโดยสัญชาติญาณ
“เป็นอะไรไปรีนี่?”ลูคัสยังคงทำเป็นไม่รู้เรื่อง ราวกับว่าเรื่องการต่อสู้เมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น
“พี่...พี่”รีเนลตะกุกตะกัก
“เธอหมดสติแถวๆระเบียทางเดินของเอดินเบิร์กเพราะอาการเครียดสะสม กับการนอนไม่พอ พอดีว่าพี่ลูคัสเขาเจอเธอนอนสลบอยู่พอดี ก็เลยพากลับมาที่ป้อม”คาโลอธิบายเป็นฉากๆ
“คาโล”รีเนลหันไปมองคาโล ก่อนจะรีบสำรวจร่างกายของตัวเอง
......ไม่มี......
......ไม่มีแม้แต่รอยช้ำซักแผล...ทั้งๆที่ตอนนี้เราน่าจะโดนควันของพี่ลูคัสรัดจนช้ำไปทั้งตัวแท้ๆ......
......นี่กลับไม่มีแผลซักนิด...ขนาดเสื้อผ้ายังไม่ยับด้วยซ้ำ......
“ทำไมทำหน้าสงสัยแบบนั้นล่ะรีนี่?”ลูคัสยังคงเล่นละครได้อย่างแนบเนียน
“เป็นอะไรไป? เห็นเธอครางเหมือนฝันร้ายเสียด้วยสิ”คาโลเอ่ย
......ฝัน......
......ทั้งหมดมันเป็นแค่ฝันไปอย่างงั้นเหรอ......
......แต่ทำไมมันเหมือนจริงแบบนั้นล่ะ......
“พี่...พี่ลูคัสคะ”รีเนลถามช้าๆ
“หือ? มีอะไรเหรอรีนี่?”ลูคัสยิ้ม
“หนู...หนูสลบไปตอนไหนกันคะ”รีเนลถาม
“อ๋อ ก็ตอนนั้นพี่เห็นรีนี่เดินดุ่มๆอยู่ที่ระเบียง แถมยังดูลอยๆเหมือนพูดอะไรอยู่กับตัวเอง พี่คิดว่าเธอคงมีเรื่องให้คิดมากก็เลยไม่ได้สนใจ แต่เห็นว่าดึกแล้ว พอจะเข้าไปทักเธอก็วูบลงมาพอดีเลย”ลูคัสแหลสด
......เราวูบไป?......
......หลังจากที่พวกเพิร์ลไปน่ะเหรอ......
รีเนลดูท่าจะไม่เชื่อ แต่ร่างกายที่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ทำให้เด็กสาวไม่อาจปฏิเสธได้
“ขอบคุณนะคะพี่ลูคัส ขอบใจนะคาโล”รีเนลตอบเบาๆ
“อื้ม ไม่เป็นไรหรอก”ลูคัสยิ้มตอบ
“ไปนอนได้แล้ว ดึกป่านนี้ยังไม่นอนเดี๋ยวพรุ่งนี้เฟรินถามหาจะให้ชั้นตอบยังไง”คาโลเอ่ยเป็นเชิงไล่
“อื้ม ราตรีสวัสดิ์”รีเนลเดินออกไปจากห้อง
“...”
“......”
“...เชื่อสนิทเลยนะ เด็กคนนั้น...”ลูคัสยิ้มเหี้ยม ทันทีที่มั่นใจแล้วว่ารีเนลกลับห้องไปแล้ว
“ใจจริงก็คงไม่เชื่อหรอกครับ”คาโลตอบ “แต่เฮฟเว่นตัวจริงก็น่าจะรู้ว่าบาดแผลของตัวเองหายยากขนาดไหน รีเนลเองก็คงคิดว่าพี่คงไม่เสียเวลารักษาเธอเพื่อโกหกแบบนั้นหรอก”
“แหม....พี่นะคิดจะกำจัดทิ้งเลยด้วยซ้ำ ใครจะไปรู้ว่าพลังของคาลี่จะพัฒนาไปขนาดนี้”
ใช่ ขนาดลูคัสยังต้องยอมรับว่าพลังของคาโลนั้นสูงมากกว่าเดิมไปโข เพราะตอนนี้คาโลสามารถรักษาบาดแผลของวิญญาณที่ว่าหายยากนักยากหนาได้สนิท โดยที่ไม่มีอาการเหนื่อยหอบอีกแล้ว เรียกได้ว่าความสามารถในการรักษาของคาโลนั้นเหนือชั้นกว่าผู้ใหญ่หลายๆคนเสียอีก
“ไม่หรอกครับ เพราะมันเป็นแค่แผลฟกช้ำด้วยครับถึงได้รักษาง่าย หากเป็นแผลเปิดจะยากกว่านี้อีกหลายเท่า และถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆผมคงจนปัญญาจะรักษา”คาโลปฎิเสธ
“แต่ว่า...ที่นายบอกว่าไม่มีพลังเวทย์น่ะ มันหมายความว่ายังไง”ลูคัสเข้าเรื่อง
“ครับ จากการตรวจสอบพลังเวทย์ของเธอ พลังของรีเนลเป็น 0 นั่นหมายความว่าเธอไม่สามารถใช้เวทย์มนต์ได้ครับ หากฝืนใช้พลังเวทย์ จะเป็นการดูดกลืนพลังชีวิตของตนเองแล้วกลายเป็นมนตราแทน ซึ่งคงไม่มีใครคิดจะทำ ถึงจะเป็นเฮฟเว่นก็ตาม”คาโลตอบ
“แต่ถ้าไม่มีพลังเวทย์ แล้วแบบนั้นมันจะเป็นเฮฟเว่นไปได้ยังไง?”ลูคัสไม่เข้าใจเลย เพราะเฮฟเว่นจะไม่มี “วิญญาณปรกติ” แบบที่เฮลมี ดววิญญาณที่อยู่ใต้อาณัติของเฮฟเว่นทุกดวจะต้องกลายไปเป็นทหารทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าไม่ว่ายังไงเฮฟเว่นก็คงหาทางจะให้ทหารของตัวเองมีพลังเวทย์แน่ๆ
ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างจากเฮล เฮลจะมีแบ่งแยกเป็น “วิญญาณปรกติ” หรือวิญญาณมนุษย์ที่รอการเกิดใหม่ กับ “ยมฑูต” หรือก็คือทหารวิญญาณ แต่การเป็นยมฑูตก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแต่ละคนด้วย
“นั่นแหละครับคือสิ่งที่ผมสงสัย”คาโลถอนหายใจ “รีเนลไม่มีไอเวทย์ ไม่สามารถใช้เวทย์ได้ แต่กลับเป็นเฮฟเว่น เป็นเรื่องที่ผมเองก็ไม่เข้าใจจริงๆ”
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น