งานสังคมว้อย ให้มิ้งเพียงผู้เดียว
มิ้งจ๋า มิ้งก๊อปเลยนะจ๊ะ
ผู้เข้าชมรวม
623
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
พัฒนาการทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสมัยอยุธยา | |||
-ความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรอยุธยากับรัฐที่อยู่ใกล้เคียง |
ลักษณะความสัมพันธ์ |
เหตุการณ์สำคัญ |
ผลที่จะได้รับจากมีความสัมพันธ์ |
-ความสัมพันธ์กับอาณาจักรสุโขทัย |
ลักษณะความสัมพันธ์กันสุโขทัยนั้นอยุธยามีนโยบายทั้งทางด้านการประสานประโยชน์ การเผชิญหน้าทางด้านการทหารและการใช้นโยบายสร้างความสัมพันธ์ฉันเครือญาติผสมผสานกันไป |
สมเด็จพระรามาธิบดีที่1 พระองค์ทรงยกทัพไปยึดเมืองพิษณุโลกของอาณาจักรสุโขทัยเอาไว้ได้ พระมหาธรรมราชาที่1ต้องจัดส่งเครื่องราชบรรณาการไปถวายสมเด็จพระราชาธิบดีที่1เพื่อทรงขอเมืองพิษณุโลกกลับคืน ซึ่งสมเด็จพระรามาธิบดีที่1ก็ทรงคืนเมืองให้กันอาณาจักรสุโขทัย |
ความสัมพันธ์ของอยุธยากับสุโขทัยได้สิ้นสุดลงในพ.ศ.2006 ผลจากการดำเนินนโยบายของอยุธยาในครั้งนี้มีผลทำให้มีผลทำให้อาณาเขตของอยุธยาออกไปอย่างกว้างขวาง และมีความเข้มแข็งมากขึ้น |
-ความสัมพันธ์กันอาณาจักรล้านนา |
ลักษณะความสัมพันธ์ของอยุธยากับล้านนาส่วนใหญ่มักจะเป็นการทำศึกสงครามเพื่อป้องกันมิให้ล้านนาเข้ามาคุกคามหัวเมืองฝ่ายเหนือของอยุธยาซึ่งตั้งอยู่ในดินแดนสุโขทัย และขณะเดียวกันก็อาศัยล้านนาเป็นด่านหน้าป้องกันการคุกคามจากพม่าทางฝ่ายเหนือ |
สมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่1 ทรงนำทัพจากอยุธยาไปตีเมืองลำปาง เพื่อช่วยท่าวมหาพรหมเชียงรายชิงราชสมบัติจากพระยาแสนเมืองมาจากเจ้าเมืองเชียงใหม่เมื่อพ.ศ.1929 |
ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับล้านาสิ้นสุดลงในปี พ.ศ.2306 เมื่อกองทัพพม่าได้ไปตีเชียงใหม่ และยึดเอาล้านนามาเป็นประเทศราช โดยอยุธยาไม่สามารถจะช่วยป้องกันได้อีก และอีก4ปีต่อมากรุงศรีอยุธยาก็เสียให้แกพม่าในพ.ศ.2310 |
-ความสัมพันธ์กับพม่า |
มีความสัมพันธ์ในลักษณะของการทำศึกสงคราม ซึ่งส่วนใหญ่พม่าจะเป็นฝ่ายรุกรานก่อน และในบางสมัยอยุธยาก็ดำเนินความสัมพันธ์แบบประนีประนอม เพื่อรักษาความมั่นคงของอาณาจักร รวมทั้งชีวิตและทรัพย์สินของคนไทย |
ในสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราช เมื่อพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ได้ส่งกองทัพไปตีเมืองเชียงกรานของมอญซึ่งขณะนั้นขึ้นอยู่กับอยุธยา เมื่ออยุธยาส่งกองทัพเข้ามาส่งกองทัพไปช่วยเมืองเชียงกรานจึงเกิดการสู้รบกับพม่าเป็นครั้งแรกใน พ.ศ.2081 จากนั้นพม่าก็มีนโยบายป้องกันความปลอดภัยของพม่าก็มีนโยบายป้องกันความปลอดภัยของพม่าทางด้านตะวันออกด้วยการขยายอำนาจเข้าครอบงำเหนืออยุธยา |
หลังแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราชไปแล้ว อยุธยาว่างเว้นสงครามกับพม่าไปนาน และภายในพม่าเกิดการแตกแยกกันเอง จนพม่าได้ความเป็นปึกแผ่นมั่นคงได้อีกจึงยกทัพมาตีดินแดนไทย พม่าได้ยกทัพเข้ามาโจมตีกรุงศรีอยุธยาและสามารถยึดครองกรุงศรีอยุธยาได้ |
-ความสัมพันธ์กับหัวเมืองมอญ |
ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับมอญ มีลักษณะความสัมพันธ์ทางด้านการค้าการผูกสัมพันธไมตรีด้วยการให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และมีความสัมพันธ์ทางด้านการเมืองในลักษณะที่ราชธานีมีต่อประเทศราช |
อยุธยาพยายามแผ่อิทธิพลเข้าไปยังหัวเมืองมอญเพื่อให้มาเป็นหัวเมืองประเทศราช ด้วยการใช้กำลังไพร่พลขยายอิทธิพลให้มอญเข้ามาสวามิภักดิ์ และให้ความเป็นมิตรคอยช่วยเหลือเกื้อกูลในยามที่มอญมีศึกกับพม่า |
กามเป็นมิตรกับมอญ มีความสำคัญต่อความมั่นคงของอยุธยามาก เพราะหัวเมืองมอญจะเป็นเสมือนเมืองด่านหน้าในการสกัดกั้นทัพพม่า รวมทั้งเป็นการสอดแนมเพื่อรายงานความเคลื่อนไหวของพม่าส่งมาให้อยุธยาได้ทราบล่วงหน้าด้วย |
-ความสัมพันธ์กับเขมร |
ลักษณะความสัมพันธ์ที่อยุธยามีต่อเขมรส่วนใหญ่จะเป็นความสัมพันธ์ทางด้านวัฒนธรรม ด้านการทำศึกสงคราม และด้านการเมืองในฐานะที่เขมรเป็นเมืองประเทศราชของอยุธยา |
สมัยพระรามาธิบดีที่2พระองค์ทรงยกทัพไปรบกับเขมรจนได้เมืองนครธม แต่ช่วงเวลาไม่นานเขมรได้ย้ายเมืองหลวงจากนครธมไปอยู่ที่เมืองบาลาญ และเมืองพนมเปญ เพื่อหนีการโจมตีจากอยุธยา |
ความสัมพันธ์กับเขมรสิ้นสุดลงเมื่อพ.ศ.2310เมื่ออยุธยาเสียอิสรภาพให้กับพม่า |
-ความสัมพันธ์กับล้านช้าง |
ความสัมพันธ์ที่มีต่อล้านช้าง ส่วนใหญ่เป็นลักษณะของการผูกมิตรเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีให้แน่นแฟ้น |
สมัยพระเจ้ารามาธิบดีที่1กับพระเจ้าฟ้างุ้มกษัตริย์ของล้านช้างเป็นครั้งแรก และต่อมาได้มีความใกล้ชิดกันมากขึ้นในสมัยสมเด็จพระจักรพรรดิเมื่อพระไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์ของล้านช้างได้แต่ตั้งทูตอันเชิญพระราชสาสน์พร้อมเครื่องบรรณาการมาถวายและกราบทูลขอพระเทพกษัตรี พระราชธิดาของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิไปเป็นพระอัครมเหสี |
อยุธยายังคงรักษาสัมพันธไมตรีอันดีกับล้านช้างไว้ จนกระทั่งกรุงศรีอยุธยาเสียแกพม่าครั้งที่1 ในพ.ศ.2112 ความสัมพันธ์ของอยุธยาต่อล้านช้างก็ลดน้อยลง และไม่ปรากฏเรื่องราวความเกี่ยวข้องให้ทราบมากนักจะสิ้นสมัยอยุธยา |
-ความสัมพันธ์กับญวน |
ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากันญวนส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย โดยลักษณะความสัมพันธ์จะเกี่ยวข้องกับการทำสงครามเพื่อแย่งชิงความเป็นเหนือเขมร |
สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ เมื่อราชวงศ์เขมรซึ่งตั้งราชธานีอยู่ที่เมืองละแวกเกิดการแตกแยกกันเองระหว่างพระธรรมราชากันนักแก้วฟ้าจอกจนทำสงครามกัน ทางอยุธยาให้การสนับสนุนพระธรรมราชา ขณะที่ญวนหนุนหลังนักแก้วฟ้า ความขัดแย้งในเขมรจึงชักนำให้ไทยกับญวนต้องทำสงครามสู้รบกันในดินแดนเขมรผลัดกันแพ้ชนะหลายครั้ง |
อยุธยาได้เขมรเข้ามาอยู่ใต้อำนาจในระยะเวลาสั้นๆ หลังจากนั้นญวนก็เข้าไปมีอิทธิพลเหนือเขมรอีก อยุธยาจึงต้องส่งกองทัพไปตีเขมรกลับคืนมา สถานการณ์ในเขมรจะดำเนินไปในลักษะณะเช่นนี้โดยตลอด กระทั่งสิ้นสุดสมัยอยุธยา |
-ความสัมพันธ์กับหัวเมืองมลายู |
ความสัมพันธ์ที่อยุธยาดำเนินกันหัวเมืองเหล่านี้ เป็นความสัมพันธ์ทางด้านการค้า การทำสงคราม การผูกสัมพันธไมตรีให้แน่นแฟ้น |
อยุธยาได้ส่งกองทัพบุกตีเมืองมะละกา ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าสำคัญบริเวณคาบสมุทรมลายูหลายครั้งคือ ในพ.ศ.1962สมันสมเด็จพระอินทราชาและพ.ศ.1974ในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่2 และพ.ศ.1998ในสมัยสมเด็จพระไตรโลกนาถ การส่งกองทัพอยุธยาไปตีเมืองมะละกา นอกจากจะได้มะละกามาเป็นเมืองขึ้นแล้ว หัวเมืองรายทางที่กองทัพอยุธยาเคลื่อนทัพผ่านไปก็ได้เข้ามาอ่อนน้อมต่อกรุงศรีอยุธยาด้วย |
การได้หัวเมืองมลายูเป็นเมืองประเทศราชนี้ นอกจากอยุธยาจะได้ผลประโยชน์จากเครื่องบรรณาการแล้วยังได้ผลประโยชน์ด้านการค้าอีกด้วย เพราะหัวเมืองมลายูเป็นเมืองท่าในการติดต่อค้าขายกับชาวต่างประเทศให้กับอยุธยา |
ลักษณะความสัมพันธ์ระหว่าอยุธยากับรัฐอื่นๆที่อยู่ห่างไกลทวีปเอเซีย |
ลักษณะความสัมพันธ์ |
เหตุการณ์สำคัญ |
ผลที่จะได้รับจากมีความสัมพันธ์ |
-ความสัมพันธ์กับจีน |
อยุธยาดำเนินความสัมพันธ์กันจีนในลักษณะรัฐบรรณาการซึ่งมีความเกี่ยวข้องกันทางการเมืองและการค้า |
สมัยสมเด็จพระบรมราชาธิบดีที่1ในสมันอยุธยามีพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ที่เสด็จขึ้นครองราชย์ ซึ่งแต่ละพระองค์ก็ได้แต่งตั้งคณะทูตนำเครื่องบรรณาการไปยังเมืองจีนตามธรรมเนียมปฏิบัติที่กระทำสืบต่อกันมา |
การติดต่อทำการค้ากับจีนได้มีผลต่อทำให้ชาวจีนเข้ามารับราชการในอยุธยาด้วย |
-ความสัมพันธ์กับญี่ปุ่น |
ลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการค้าเป็นหลัก |
ชาวญี่ปุ่นได้เข้ามาตั้งบ้านเรือนแถบกรุงศรีอยุธาในสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราชเป็นต้นมา |
สมัยพระเจ้าปราสาททองได้มีเหตุการณ์ที่กระทบต่อความสัมพันธ์ของอยุธยากับญี่ปุ่นครั้งใหญ่ทำให้ชาวญี่ปุ่นอพยพลี้ภัยออกจากกรุงศรีอยุธยา |
-ความสัมพันธ์กับเปอร์เซีย |
ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับเปอร์เซียจะเป็นความสัมพันธ์ด้านการค้า |
กษัตริย์เปอร์เซียได้ส่งทูตมาเดินทางเข้าเฝ้าพระนาราย์ณมหาราช อันเป็นผลทำให้เปอร์เซียและอยุธยามีสัมพันธไมตรีต่อกัน |
ชาวเปอร์เซียส่งผลดีต่อการค้าของอยุธยา รวมทั้งเปิดโอกาศให้ชาวเปอร์เซียเข้ามารับราชการในอยุธยา หลังจากพระนารายณ์มหาราชไปแล้ว ไม่ปรากฏหลักฐานถึงการเดินทางไปเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างอยุธยากันเปอร์เซียอีก |
ลักษณะความสัมพันธ์กับตะวันตก |
ลักษณะความสัมพันธ์ |
เหตุการณ์สำคัญ |
ผลที่จะได้รับจากมีความสัมพันธ์ |
-ความสัมพันธ์กับโปรตุเกส |
โปรตุเกสเป็นชาติแรกที่อยุธยาดำเนินความสัมพันธ์ด้วย โดยมีความสัมพันธ์ทางด้านการค้า รวมทั้งยังมีความสัมพันธ์ทางด้านการเมือง และทางด้านวัฒนธรรม |
ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับโปรตุเกสเริ่มขึ้นเมื่อพ.ศ.2045ซึ่งตรงกับสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่2 เมื่อกองเรือโปรตุเกสเข้าโจมตีเมืองมะละกาและยึดเอาไว้ได้ แต่ภายหลังทราบว่าเมืองมะละกาเป็นเมืองประเทศราชของอยุธยา อยุธยาจะช่วยอำนวยความสะดวกและให้สิทธิพิเศษทางการค้า และอนุญาตให้ชาวโปรตุเกสเข้ามาตั้งถิ่นฐานที่เมืองมะละกา |
อยุธยามีความสัมพันธ์กับโปรตุเกสทางด้านการทหารและวัฒนธรรม อยุธยาได้ซื้อปืนจากโปรตุเกสมาใช้และจ้างทหารโปรตุเกสมาเป็นทหารอาสาอยู่ในกองทัพอยุธยา ส่วนด้านวัฒนธรรมบาทหลวงโปรตุเกสเข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์นิกายโรมันในกรุงศรีอยุธยา และอยุธยาได้รับวัฒนธรรมการทำขนมหวานจากโปรตุเกส อันเป็นที่มาของขนมไทย |
-ความสัมพันธ์กับฮอลันดา |
ลักษณะความสัมพันธ์ระหว่าอยุธยากับฮอลันดามักจะเป็นความสัมพันธ์ทางด้านการค้าและการเมือง |
ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อฮอลันดาได้ส่งคณะทูตเดินทางมาเจรจาสร้างสัมพันธไมตรีและขอตั้งสถานีการค้าที่ปัตตานีอย่างเป็นทางการในปีพ.ศ.2147 |
ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับฮอลันดา ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและปลอดภัยของอยุธยาที่เกิดขึ้นจากการกระทำของฮอลันดา ทำให้สมเด็จพระนารายณ์มหาราชต้องทรงดำเนินนโยบายหันไปกระชับความสัมพันธ์ให้ฝรั่งเศสมากขึ้น เพื่อดึงเอาฝรั่งเศสมาถ่วงดุลอำนาจ ทำให้ฮอลันดาค่อยๆลดปริมาณลง |
-ความสัมพันธ์กับอังกฤษ |
ความสัมพันธ์ที่อยุธยามีต่ออังกฤษเป็นลักษณะความสัมพันธ์ทางการค้า และในบางช่วงก็มีความสัมพันธ์ทางด้านกมาเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย |
สมัยสมเด็จพระทรงธรรม เมื่อโธมัส เอสซิงตัน ได้นำพระสาสนจากพระเจ้าเจมส์ที่1มาถวายสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมเพื่อขอเจริญทางพระราชไมตรีด้วย |
เรือสินค้าของอังกฤษโดนโจรสลัดปล้มสะดม อังกฤษเชื่อว่าขุนนางไทยมีส่วนรู้เห็นจึงขอให้อยุธยาชดใช้ค่าเสียหายแต่อยุธยาไม่ยอมจึงเกิดการสู้รบที่เมืองมะริด สมเด็จพระนาราณย์ทรงไม่พอพระทัย การกระทำของอังกฤษจึงตัดความสัมพันธไมตรีด้วย |
-ความสัมพันธ์กับฝรั่งเศส |
อยุธยาเริ่มมีความสัมพันธ์กับฝรั่งเศสด้วยเรื่องที่เกี่ยวข้องกันศาสนาก่อน จากนั้นก็ขยายไปถึงความสัมพันธ์ทางด้านการค้าและการเมือง |
ช่วงพ.ศ.2223-2230อยุธยากับฝรั่งเศสได้ส่งราชทูตเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างกันหลายคณะ โดยในพ.ศ.2223อยุธยาส่งออกญาพิพัฒนราชไมตรีเป็นราชทูตไปเยือนฝรั่งเศส แต่ไปไม่ถึงเนื่องจากเรือเกิดอัปปางขณะระหว่างทาง |
การมีความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับฝรั่งเศส ได้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและปลอดภัยของอยุธยาให้สามารถขจัดอิทธิพลของฮอลันดาที่จะคุกคามอยุธยาลงได้ แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ฝรั่งเศสมีอิทธิพลทางการเมืองและการทหารในไทย จะต้องขับไล่ชาวฝรั่งเศสออกไปตอนสิ้นแผ่นดินสมเด็จพระนาราณย์มหาราช |
-ความสัมพันธ์กับสเปน |
อยุธยามีความสัมพันธ์กับสเปนค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับชาติตะวันตกอื่น ลักษณะความสัมพันธ์มักจะเป็นเรื่องการติดต่อค้าขายเป็นหลัก |
อยุธยามีความสัมพันธ์ทางด้านการค้ากับสเปนมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยทางราชสำนักอยุธยาได้ช่วยอำนวยความสะดวกให้เป็นอย่างดี แต่ความสัมพันธ์ทางการค้าไม่เจริญเท่าใดนัก กลับค่อยๆลดน้อยลง และขาดการติดต่อกันไปหลายปี |
ผลจากการที่อยุธยาดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ถูกต้อง เหมาะสมกับสถานการณ์ช่วยให้อยุธยาเป็นอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรือง มีความมั่งคั่ง และรักษาอำนาจมาได้อย่างยาวนาน |
ผลงานอื่นๆ ของ \\[J]*oO*[N]+zaa~~ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ \\[J]*oO*[N]+zaa~~
ความคิดเห็น