Title : [SF]นาทีเดียวในตอนสุดท้าย
Author : linwenya
Paring : JongHyunXTaemin
Rate : PG-13
Warning : หาเพลง นาทีเดียวในตอนสุดท้าย ของโจป๊อปมาลองฟังตามนะจ๊ะ^^
มือบางที่เคยจับมือของผมไว้ตลอด ตอนนี้กลับค่อยๆเลื่อนหลุดออกจากมือผมอย่างช้าๆ คีย์มองหน้าผมนิ่ง ริมฝีปากบางเอื้อนเอ่ยคำพูดบางประโยคที่ทำร้ายหัวใจผมทีละน้อย
“จงฮยอน.. เราเลิกกันเถอะนะ”
.
.
.
สนามหญ้าที่เคยมีสีเขียวแค่เพียงหย่อมๆบัดนี้กลับกลายเป็นสีเขียวขจีไปทั่วสนามเนื่องจากไม่มีใครไปเหยียบย่ำ ช่วงปิดเทอมแบบนี้มหาวิทยาลัยศิลปะคองจูจะดูเงียบไปถนัดตา แต่ทางมหาลัยก็ยังเปิดให้นักศึกษาได้เข้าไปทำงาน หรือใช้ห้องซ้อมต่างๆ
ร่างสูงจมอยู่กับแกรนด์เปียโนสีขาวหลังนี้บนตึกดนตรีมาได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว มือเรียวไล้ไปตามคีย์เปียโนที่คุ้นเคย แต่จิตใจกลับล่องลอยไปในความคิด...
เขาจำคำพูดคำสุดท้ายของคีย์ได้ดี
“จงฮยอน.. แล้วซักวันนึง นายจะเจอคนที่ใช่สำหรับนาย”
คิมจงฮยอนยิ้มบางๆ...
ชั้นรู้.. คีย์ ชั้นรู้ดี..
เหมือนคนๆนั้นจะอยู่ใกล้ๆชั้น.. แต่มันก็ดูไกลเกินจะไขว่ขว้าเมื่อชั้นพยายามตามหา
ชั้นเหนื่อยมามากกับความรัก.. แต่พอคิดว่าซักวันนึงชั้นจะได้เจอเขา ชั้นจึงมีกำลังใจที่จะรอต่อไป
ชั้นน่ะ.. รอเขามาทั้งชีวิตรู้มั้ย
เพราะฉะนั้น.. จะให้รอต่อไปอีกซักหน่อยมันก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับชั้นหรอก
ตราบใดที่รอแล้วจะได้เจอ.. ชั้นก็จะรอ
ร่างสูงยิ้มกว้าง.. ก่อนจะเริ่มต้นพรมนิ้วลงบนคีย์เปียโนจนกลายเป็นบทเพลง
“ต่อให้ชั้นต้องรอเธออีกนานกี่ลมหายใจ
แต่ว่าชั้นก็รู้สึก ที่ไหนซักที่หนึ่ง.. เราต้องได้เจอกัน
ต่อให้เป็นนาทีเดียวในตอนสุดท้ายก็ตาม
เพื่อได้มาเจอคนที่รัก.. ก็คุ้มที่จะรอ”
.
.
.
.
คิมจงฮยอนมาที่ห้องเปียโนห้องนี้บ่อยซะจนเหมือนว่ามันจะกลายเป็นห้องของเขาไปซะแล้ว ร่างสูงบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยหลังจากนั่งอยู่หน้าเปียโนมาได้เกือบสามชั่วโมง กระดาษโน้ตเพลงที่เคยว่างเปล่าในวันแรก ตอนนี้กลับเหลืออีกไม่กี่บรรทัดเพลงก็จะจบ
เสียดายที่วันนี้เขาต้องรีบไปก่อนเวลา อีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอมแล้ว เขายังไม่ได้ซื้อหนังสือเลย...
ร่างสูงเก็บของใส่กระเป๋าอย่างลวกๆ ก่อนจะเดินไปเปิดประตู
“โอ้ย..” เสียงใครบางคนดังขึ้นทำให้จงฮยอนต้องก้มลงไปมอง
ดวงตากลมแป๋วของใครซักคนที่เขาไม่รู้จักเงยหน้าขึ้นมองกลับมา มือเล็กถือดินสอและยางลบไว้คนละข้าง ร่างเล็กจ้องมองเขาอยู่นานก่อนจะสะดุ้งเฮือกเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ลุกขึ้นออกตัววิ่งไปทันทีโดยไม่หันหลังกลับมามองอีกเลย
คิมจงฮยอนมองร่างเล็กที่วิ่งไปจนลับตาอย่างงุนงง ก่อนจะหันกลับมามองที่สิ่งที่ขวางประตูอยู่ กระดานอาร์ตบอร์ดถูกปล่อยทิ้งไว้อย่างไร้เจ้าของ มีกระดาษร้อยปอนด์ที่กำลังวาดค้างไว้ถูกเสียบอยู่ ร่างสูงหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมามอง
ในนั้นเป็นรูปเขากำลังเล่นเปียโน...
~*~*~*~*~
ลีแทมินกำลังจะมาเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปะคองจูในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เขาดีใจแทบตายหลังจากที่รู้ว่าสอบติดคณะสถาปัตยกรรมที่มหาลัยนี้ ก็ที่นี่เป็นมหาลัยในฝันของเขานี่นา...
ร่างเล็กมาสำรวจมหาลัยก่อนเปิดเทอมอย่างคนเห่อของใหม่ บรรยากาศร่มรื่นสบายๆดูจะเหมาะกับมหาลัยนี้เป็นอย่างดี แทมินวิ่งเข้าวิ่งออกตึกนู้นตึกนี้ราวกับเด็กๆ ก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าตึกดนตรี
ญาติห่างๆของเขาที่อยู่มหาลัยนี้เคยเล่าให้ฟังว่ามหาวิทยาลัยคองจูเป็นที่รวมอัจฉริยะทางด้านดนตรี เขาก็ไม่รู้หรอกว่าเล่นดนตรีเก่งขนาดไหนถึงจะเรียกว่าอัจฉริยะทางด้านดนตรี แต่ก็ฟังดูน่าสนใจดี ร่างเล็กจึงเดินขึ้นบันไดไป
ชั้นแรกมีห้องกระจกหลายสิบห้องเรียงกันไปตามสองข้างทางเดิน ลีแทมินเดินชะโงกหน้ามองไปเรื่อยๆ แต่กลับไม่เห็นมีห้องไหนมีใครซักคน สงสัยจะไม่มีคนมาซ้อมล่ะมั้ง...
ว่าแล้วก็เดินขึ้นชั้นสองไปเผื่อจะเจออะไรน่าตื่นเต้น แต่ก็ต้องหยุดฝีเท้าลงเมื่อได้ยินเสียงเปียโน
ร่างสูงของใครบางคนกำลังเล่นเปียโนอยู่ ท่วงท่าสง่างาม คิ้วเรียวเข้มที่ขมวดอ่อนๆอย่างจริงจัง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววเศร้าลึกๆแต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขในเวลาเดียวกัน สันจมูกโด่ง และริมฝีปากสีอ่อนที่กำลังเปล่งเสียงทุ้มนุ่มออกมา
ลีแทมินกำลังมองชายคนนั้นราวกับถูกมนต์สะกด ดวงตากลมโตใสแป๋วจ้องมองไปที่ร่างสูงอย่างละสายตาไม่ได้
ผู้ชายคนนั้น... ราวกับภาพวาดเจ้าชายในเทพนิยาย
ทั้งสวยงามและสง่างามในเวลาเดียวกัน...
.
.
.
.
ลีแทมินยังคงมาที่มหาลัยทุกวัน ในใจลึกๆก็แอบคาดหวังว่าผู้ชายคนนั้นจะมาซ้อมเปียโน เขาถือกระดานอาร์ตบอร์ดไว้ข้างตัวก่อนจะเดินขึ้นตึกดนตรีไปชั้นสอง
มาซ้อมจริงๆด้วย...
ร่างเล็กคลี่ริมฝีปากบางยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อมองลอดประตูกระจกไปก็ยังคงเห็นชายคนเดิมนั่งอยู่หน้าแกรนด์เปียโนหลังสีขาว มือเรียวจดอะไรขยุกขยิกลงบนกระดาษ พร้อมๆกับลีแทมินที่นั่งลงบนพื้นหน้าห้อง หันหน้ามองร่างสูงก่อนจะเริ่มสเก็ตภาพลงบนกระดาษ
“เหมือนกับเราต่างคนยังเดินหลงทาง
เหมือนกับหนังที่ยังขาดตอนที่สำคัญ
ชั้นกับเธอจึงยังไม่ได้พบกัน
แล้วเธอ.. เธออยู่ไหน เธอคือใคร ใครคือเธอ”
ลีแทมินฟังเสียงเพลงที่ดังลอดออกมานอกห้องอย่างมีความสุข เสียงทุ้มนุ่มมีเสน่ห์ที่ฟังแล้วสามารถดิ่งลึกเข้าไปในความรู้สึกทำเอาร่างบางประทับใจเล็กๆกับความสามารถของชายหนุ่ม มือบางขยับไปมาเพื่อร่างภาพ ปากก็แอบฮัมตามเพลงที่ได้ยินมาหลายสิบรอบอย่างสุนทรีย์
ไม่นานภาพร่างส่วนที่เป็นแกรนด์เปียโนก็เสร็จ ร่างเล็กมองนาฬิกาก่อนจะตัดสินใจเดินจากมา..
ก่อนหน้าคนในห้องเพียงไม่กี่นาที...
.
.
.
.
แทมินยังคงนั่นอยู่หน้าห้องซ้อมเปียโนเช่นเคย วันนี้คงจะเป็นวันสุดท้ายแล้วที่เขามานั่งอยู่ที่นี่ เหลือเพียงเก็บรายละเอียดนิดเดียวรูปนี้ก็จะเสร็จสมบูรณ์
ร่างเล็กก้มหน้าก้มตาวาดภาพด้วยรอยยิ้ม ถ้ารูปนี้เสร็จแล้วเขาจะเอากลับไปลงสีน้ำ มันคงจะสวยไม่น้อยเมื่อมีต้นแบบดีๆแบบนี้
“โอ้ย..” ลีแทมินรู้สึกถึงแรงกระแทกตรงต้นขาอย่างจัง เงยหน้าขึ้นมองใครบางคนที่เปิดประตูมาชนเขา
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่เขาเคยเห็นแต่ในระยะสองสามเมตร พอมาเห็นในระยะประชิดขนาดนี้ถึงรู้ว่าดวงตาคมคู่นี้มีเสน่ห์ขนาดไหน ร่างเล็กมองคนในรูปวาดของเขาไม่วางตาก็พาลจะหายใจไม่ค่อยออกขึ้นมาซะดื้อๆ
คนในรูปวาด...
ทันทีที่สมองประมวลผลได้ว่าคนตรงหน้าคือคนที่เขาแอบเอามาเป็นแบบรูปวาดตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ขาเรียวก็ถูกสั่งการให้วิ่งออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วทั้งๆที่ในมือยังคงถือดินสอและยางลบค้างไว้อยู่ ลีแทมินวิ่งลงมาจนถึงชั้นล่างสุดของตึก ก่อนจะจับราวบันไดยึดเอาไว้ก่อนจะหอบหายใจอย่างหนัก
ลีแทมิน.. ถูกจับได้ซะแล้ว
ยังไม่ทันทีจะได้คิดประมวลผลว่าเขาจะผิดหนักขนาดไหนที่ไปแอบมองคนซ้อมเปียโนเป็นอาทิตย์ ไม่พอยังแอบเอาคนๆนั้นมาเป็นแบบในการวาดรูปโดยไม่ขออนุญาตอีก ร่างบางถึงกับครางออกมาเบาๆเมื่อนึกถึงรูปภาพ
เขาลืมรูป... ไว้ที่หน้าห้องนั้น
~*~*~*~*~
คิมจงฮยอนหยิบกระดาษอาร์ตบอร์ดติดกลับบ้านไปด้วย คงจะไม่ดีถ้าจะปล่อยรูปสวยๆรูปนั้นไว้หน้าห้องแบบนี้ และบางที.. เขาอาจจะได้เจอเด็กคนนั้นอีกทีก็ได้
ร่างสูงมองไปที่ภาพวาดภาพนั้น.. ภาพผู้ชายคนนึงกำลังนั่งเล่นแกรนด์เปียโน ใบหน้าไม่ได้มีรายละเอียดอะไรชัดเจนนัก เพราะเน้นไปที่ความสง่างามในการเล่นเปียโนมากกว่า แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าผู้ชายในภาพจะต้องเป็นเขา
แล้วเด็กคนนั้นจะวาดรูปเขาไปทำไมกันนะ...
วางกระดานอาร์ตบอร์ดคว่ำลงเมื่อนึกอะไรไม่ออก จะว่าไปเขาก็จำหน้าเด็กคนนั้นไม่ค่อยได้แล้ว ภาพที่ติดตามีแค่เพียงภาพดวงตาใสแป๋วที่มองมาที่เขาราวกับเด็กอนุบาล
และความรู้สึกที่ใจกระตุกวูบทันทีที่ได้เห็นดวงตาคู่นั้น...
นี่เขาเป็นอะไรไปนะ..
วางกระดาษอาร์ตบอร์ดลงบนโต๊ะก่อนจะเดินออกไป แต่ก็ต้องหยุดชะงักลงซะก่อนเมื่อเห็นลายมือเล็กๆเขียนชื่อตนเองไว้ที่มุมล่างของกระดาษอาร์ตบอร์ด
...ลีแทมิน...
.
.
.
.
.
เสียงพูดคุยจอแจดังไปทั่วมหาลัย เช้านี้ข่าวที่คิมจงฮยอนเดือนคณะเลิกกับแฟนแล้วแพร่สะพัดไปทั่ว หญิงสาวหลายๆคนถึงกับกรี๊ดกร๊าดดีใจไปตามๆกันเมื่อคิมจงฮยอนของพวกเธอกลับมาโสดอีกรอบนึงแล้ว
ร่างสูงไม่ได้ใส่ใจกับเสียงซุบซิบนินทาและสายตาเป็นประกายหวานฉ่ำหลายๆคู่ที่มองมายังเขา เพราะนั่นเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกติน่ะ.. เพื่อนสนิทของเขา
“เมิงสนใจป่าว... ญาติกูคนนี้น่ารักมากเลยนะเว่ย เดี๋ยวแนะนำให้” ชเวมินโฮยังคงพูดแนะนำคุณสมบัติญาติของมันอยู่โดยที่ข้าวตรงหน้าไม่พร่องลงเลยแม้แต่น้อย
วันนี้มินโฮมันเป็นไรวะ.. พูดมากผิดปกติ = =
“กินๆข้าวไปเหอะน่า..”
“โหยยยย.. ไรว้า~!! กูก็หวังดีอุตส่าห์แนะนำเหอะ เห็นเมิงหงอยๆลงไปเยอะ แทนที่จะเห็นความดีกูน่ะไอ้เวร..”
“ไอ้เวร.. ความผิดกูป๊ะล่ะ ก็กูไม่ค่อยอยากมีแฟนแล้วนี่นา...”
“ป๊าดดดดดดดด~!! พูดเป็นเล่น คนอย่างเมิงเนี่ยนะไม่อยากมีแฟน... ใครเชื่อก็โง่ละเหอะ”
“เมิงจะกินข้าวได้รึยัง =________=”
“ญาติกูน่ารักจริงๆนะเว่ย..” มินโฮยังคงไม่หยุดเรื่องญาติของเขา
“ชเวมินโฮ = =”
“เออๆๆ กูกินเสร็จแล้ว.. รีบอะไรนักหนาวะเนี่ย” บ่นไปอย่างงั้นแหละ มือก็ตักข้าวเข้าปากสามคำหมดจาน
“แมร่ง..” จงฮยอนมองเพื่อนตัวเองยิ้มๆ “ใครใช้ให้เมิงเกิดมาเป็นเพื่อนกูวะ..”
“ใครจะรู้วะ.. ฮ่าๆๆๆ” พูดจบก็ตบบ่าเพื่อนซี้ ก่อนจะเดินกอดคอกันเข้าเรียน “อกหักไม่เป็นไร.. ยังไงเมิงก็ยังมีกูนะเว่ยจงฮยอน”
“เออ.. กูรู้แล้ว เพื่อนอย่างเมิงกูจับปล่อยเกาะเมิงก็ต้องหาทางกลับมาหากูได้อยู่แล้วใช่มะ”
“ถูกกกกกกก... แต่เมิงอย่าทำอย่างงั้นจริงๆนะเว่ย.. กูว่ายน้ำไม่เป็น ฮ่าๆๆๆ”
ถึงผมจะอกหักซักกี่ร้อยรอบ... ร้องไห้ซักกี่ร้อยหน..
ยังไงเพื่อนของผมคนนี้.. ชเวมินโฮ ก็จะคอยอยู่เคียงข้างผมเสมอ
ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้มาก.. แต่มันก็ทำให้ผมยิ้มได้เสมอ
รักเมิงชิบหายเลยว่ะ.. มินโฮ
~*~*~*~*~
คิมจงฮยอนวิ่งกระหืดกระหอบผ่านโรงอาหารไปทันทีที่ได้รับโทรศัพท์จากลีจินกิ พี่จินกิบอกว่าจะเอาเด็กใหม่ย้ายมาอยู่ห้องเขา จะบ้ารึไง.. เขาอยู่คนเดียวโดยไม่มีรูมเมทมาตั้งแต่เข้ามหาลัยนี้ แล้วอีกอย่าง...
ผลัก~!!
“ขอโทษครับ..” ร่างสูงชนกับใครอีกคนเข้าอย่างจัง แต่ด้วยความเร่งรีบจึงได้เพียงแต่กล่าวขอโทษแล้วรีบวิ่งผ่านไป
คนถูกชนได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
ถึงแม้จะเห็นหน้าไม่ชัด แต่แค่เสียง.. ลีแทมินก็จำได้แม่นยำว่าคนที่ชนเขานั้นคือใคร
คนๆนั้น.. คนในภาพวาดของเขา
.
.
.
.
“พี่ครับ.. ผมไม่อยากได้รูมเมท!” ร่างสูงวิ่งเข้ามาในห้องคณะกรรมการ ก่อนจะบอกจุดประสงค์ของตนเองให้ลูกพี่ลูกน้องของเขารับรู้
“ใจเย็นๆน่าจงฮยอน.. ก็ปีนี้มันไม่เหลือห้องจริงๆนี่นา ขนาดพี่ยังต้องมีเด็กปีหนึ่งย้ายมานอนด้วยเลย” ลีจินกิบอกอย่างใจเย็น ท่าทางนุ่มนวลใจดีแต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขามทำให้รุ่นพี่ปีสี่คนนี้มีแต่คนให้ความเคารพ
“แค่พี่ครับ.. พี่ก็รู้ว่าห้องผมมีเปียโนไฟฟ้า ถ้าเด็กคนนั้นเอาไปฟ้องผมก็ได้ถูกไล่ออกจากหอน่ะสิครับ” หนึ่งในกฎของหอพักนักศึกษาคือห้ามมีเครื่องดนตรีในห้อง เพราะจะรบกวนห้องข้างๆได้ แต่แน่ล่ะ.. คิมจงฮยอนแหกกฎนี้มาได้ปีนี้ก็ขึ้นปีที่สาม
“พี่กำชับเด็กคนนั้นไว้แล้วล่ะน่า.. ไม่เป็นไรหรอก เด็กคนนั้นออกจะเชื่อฟัง แล้วอีกอย่าง.. พี่ฟิกรายชื่อเด็กไว้เรียบร้อยแล้ว เปลี่ยนไม่ได้หรอกนะ..”
“แต่พี่ครับ...” จงฮยอนท้วง
“เถอะน่า.. ไปกินข้าวกลางวันดีกว่า ทานข้าวไม่ตรงเวลาจะเป็นโรคกระเพาะนะ.. คุณน้าน่ะชอบเตือนบ่อยๆไม่ใช่หรอ”
“ครับ...”
ไม่ว่าจะยังไง.. ตั้งแต่เด็กจนโตเขาก็ไม่เคยจะค้านพี่จินกิได้ซักครั้งล่ะน่า
.
.
.
.
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีโรงอาหารก็มีแต่อาหารเดิมๆ คิมจงฮยอนก็กินแต่อาหารเดิมๆเช่นกัน นั่นก็คือข้าวแกงกระหรี่ไก่...
มันไม่ได้อร่อยอะไรนักหนาหรอก แต่เขาไม่รู้จะกินอะไรดีมากกว่า
“จงฮยอน.. เด็กคนตะกี้ที่นั่งข้างหลังนายไง คนนั้นแหละรูมเมทนาย” ลีจินกิที่เพิ่งจะซื้อข้าวเสร็จบอกก่อนจะนั่งลง ร่างสูงหันหลังกลับไปมองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นรูมเมทของตน แต่คนๆนั้นได้อันตรธานหายไปซะแล้ว
“หรือว่าเราแค่เดินเฉียดกันทุกวัน
เธอกันชั้นแอบนั่งห่างกันแค่นิดเดียว
เหมือนไม่มีอะไรให้เราข้องเกี่ยว
หวังเพียงเสี้ยวนาที ที่บังเอิญ.. ได้สบตา”
“ไม่เป็นไรๆๆ.. เดี๋ยวเย็นนี้เขาก็จะย้ายเข้าห้องนายแล้วแหละ รับรองได้เห็นแน่”
“ห๊ะ.. เย็นนี้เลยหรอพี่”
.
.
.
.
ร่างสูงเดินกลับเข้าหอกับมินโฮ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกอยากกลับให้ถึงห้องเร็วๆ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่ารูปวาดนั้นยังคงถูกวางไว้ที่โต๊ะ ไม่ได้เอาไปเก็บให้เรียบร้อย
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร.. แต่เขาก็ไม่ค่อยอยากจะให้ใครเห็นรูปนั้นนักหรอก
อาจจะเป็นเพราะ.. หวง ล่ะมั้ง?
คิมจงฮยอนเดินมาจนถึงหน้าห้องของตนเอง รูปภาพมากมายถูกวางระเกะระกะไว้หน้าห้อง ร่างเล็กที่เป็นรูมเมทของเขากำลังขนมันเข้าห้อง เขาเดินเขาไปใกล้ๆ
รู้สึกคุ้นกับคนๆนี้อย่างประหลาด...
“พี่ช่วยนะ..” บอกร่างเล็กที่กำลังก้มหน้าก้มตนหยิบรูปภาพอย่างทะนุถนอม คนๆนั้นเงยหน้าขึ้นมายิ้ม ดวงตากลมโตมองมาที่เขาอย่างตกใจ คิมจงฮยอนก็ตกใจเช่นกัน
เด็กคนนั้น... คนที่วาดรูปเขา
“ชั้นมองเห็นเธอในความเหงา
ทุกลมหนาวยังเฝ้ามองหา
ชั้นก็ยังเก็บคำว่ารักให้เธอ”
“อ้าว... แทมิน!!” ชเวมินโฮตะโกนอย่างตกใจ เมื่อญาติห่างๆของเขาคนนี้ดันมาเป็นรูมเมทของไอ้เพื่อนซี้จนได้
“จงฮยอน.. คนนี้ให้ที่กูบอกว่าจะแนะนำให้เมิง”
คิมจงฮยอนมองร่างเล็กที่มีดวงตากลมโตเป็นเอกลักษณ์ไม่วางตา ก่อนจะยิ้มบางๆกับตัวเอง โชคชะตาเล่นตลกเหลือเกินที่ทำให้แทมินกับเขามาเป็นรูมเมทกัน
“พี่มินโฮหวัดดีครับ.. สวัสดีครับ.. เอ่อ.. พี่..”
“พี่ชื่อจงฮยอน.. ยินดีที่ได้รู้จักนะ ลีแทมิน” ร่างสูงพูดจบก็เดินไปหยิบกระดานอาร์ตบอร์ดที่วางอยู่บนโต๊ะออกมายื่นให้ร่างบาง
“ของนายใช่มั้ย..” ถามยิ้มๆ ลีแทมินพยักหน้ารับ หัวใจพองโตแปลกๆเมื่อถูกคนตรงหน้ายิ้มให้
“วาดให้เสร็จนะ.. พี่ชอบรูปนี้มากๆเลย” ร่างสูงวางมือลงบนหัวของลีแทมิน ก่อนจะลูบเบาๆ
ความรู้สึกแบบนี้.. กลับมาอีกแล้วสินะ
ความรัก...
.
.
.
“ต่อให้ชั้นต้องรอเธออีกนานกี่ลมหายใจ
แต่ว่าชั้นก็รู้สึก ที่ไหนซักที่หนึ่ง.. เราต้องได้เจอกัน
ต่อให้เป็นนาทีเดียวในตอนสุดท้ายก็ตาม
เพื่อได้มาเจอคนที่รัก.. ก็คุ้มที่จะรอ”
.
.
.
The End
TalK : ฟิคชายนี่เรื่องแรกในชีวิต >///< อิหลินใช้เวลาปั่นครึ่งวันเสร็จ(เป็นอะไรที่เหลือเชื่อมาก 555+) ปกติแต่งแต่ฟิคเศร้า(มากๆ) กับรั่ว(เป็นพิเศษ = =) เรื่องนี้คาดหวังมากให้มันหวาน แต่อาจจะไม่หวานยังไงก็ขออภัยเน้อ แต่งชายนี่เรื่องแรกอ่ะ ตื่นเต้นๆๆ มีอะไรติชมได้เลยนะคะ ^^
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น