[SF,,SHINee] นาทีเดียวในตอนสุดท้าย *JonghyunXTaemin - [SF,,SHINee] นาทีเดียวในตอนสุดท้าย *JonghyunXTaemin นิยาย [SF,,SHINee] นาทีเดียวในตอนสุดท้าย *JonghyunXTaemin : Dek-D.com - Writer

    [SF,,SHINee] นาทีเดียวในตอนสุดท้าย *JonghyunXTaemin

    ต่อให้ชั้นต้องรอเธออีกนานกี่ลมหายใจ แต่ว่าชั้นก็รู้สึก ที่ไหนซักที่หนึ่ง.. เราต้องได้เจอกัน ต่อให้เป็นนาทีเดียวในตอนสุดท้ายก็ตาม เพื่อได้มาเจอคนที่รัก.. ก็คุ้มที่จะรอ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,295

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    1.29K

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    3
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 พ.ย. 51 / 19:04 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      Title : [SF]นาทีเดียวในตอนสุดท้าย
      Author : linwenya
      Paring : JongHyunXTaemin
      Rate : PG-13
      Warning : หาเพลง นาทีเดียวในตอนสุดท้าย ของโจป๊อปมาลองฟังตามนะจ๊ะ^^
       
       
       
       
       
       
       
       
      มือบางที่เคยจับมือของผมไว้ตลอด ตอนนี้กลับค่อยๆเลื่อนหลุดออกจากมือผมอย่างช้าๆ คีย์มองหน้าผมนิ่ง ริมฝีปากบางเอื้อนเอ่ยคำพูดบางประโยคที่ทำร้ายหัวใจผมทีละน้อย
       
      “จงฮยอน.. เราเลิกกันเถอะนะ”
       
      .
      .
      .
       
      สนามหญ้าที่เคยมีสีเขียวแค่เพียงหย่อมๆบัดนี้กลับกลายเป็นสีเขียวขจีไปทั่วสนามเนื่องจากไม่มีใครไปเหยียบย่ำ ช่วงปิดเทอมแบบนี้มหาวิทยาลัยศิลปะคองจูจะดูเงียบไปถนัดตา แต่ทางมหาลัยก็ยังเปิดให้นักศึกษาได้เข้าไปทำงาน หรือใช้ห้องซ้อมต่างๆ
       
      ร่างสูงจมอยู่กับแกรนด์เปียโนสีขาวหลังนี้บนตึกดนตรีมาได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว มือเรียวไล้ไปตามคีย์เปียโนที่คุ้นเคย แต่จิตใจกลับล่องลอยไปในความคิด...
       
      เขาจำคำพูดคำสุดท้ายของคีย์ได้ดี
       
      “จงฮยอน.. แล้วซักวันนึง นายจะเจอคนที่ใช่สำหรับนาย”
       
      คิมจงฮยอนยิ้มบางๆ...
       
      ชั้นรู้.. คีย์ ชั้นรู้ดี..
       
      เหมือนคนๆนั้นจะอยู่ใกล้ๆชั้น.. แต่มันก็ดูไกลเกินจะไขว่ขว้าเมื่อชั้นพยายามตามหา
       
      ชั้นเหนื่อยมามากกับความรัก.. แต่พอคิดว่าซักวันนึงชั้นจะได้เจอเขา  ชั้นจึงมีกำลังใจที่จะรอต่อไป
       
      ชั้นน่ะ.. รอเขามาทั้งชีวิตรู้มั้ย
       
      เพราะฉะนั้น.. จะให้รอต่อไปอีกซักหน่อยมันก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับชั้นหรอก
       
      ตราบใดที่รอแล้วจะได้เจอ.. ชั้นก็จะรอ
       
       
      ร่างสูงยิ้มกว้าง.. ก่อนจะเริ่มต้นพรมนิ้วลงบนคีย์เปียโนจนกลายเป็นบทเพลง
       
      “ต่อให้ชั้นต้องรอเธออีกนานกี่ลมหายใจ
       
      แต่ว่าชั้นก็รู้สึก ที่ไหนซักที่หนึ่ง.. เราต้องได้เจอกัน
       
      ต่อให้เป็นนาทีเดียวในตอนสุดท้ายก็ตาม
       
      เพื่อได้มาเจอคนที่รัก.. ก็คุ้มที่จะรอ
       
      .
      .
      .
      .
       
      คิมจงฮยอนมาที่ห้องเปียโนห้องนี้บ่อยซะจนเหมือนว่ามันจะกลายเป็นห้องของเขาไปซะแล้ว ร่างสูงบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยหลังจากนั่งอยู่หน้าเปียโนมาได้เกือบสามชั่วโมง กระดาษโน้ตเพลงที่เคยว่างเปล่าในวันแรก ตอนนี้กลับเหลืออีกไม่กี่บรรทัดเพลงก็จะจบ   
       
      เสียดายที่วันนี้เขาต้องรีบไปก่อนเวลา อีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอมแล้ว เขายังไม่ได้ซื้อหนังสือเลย...
       
      ร่างสูงเก็บของใส่กระเป๋าอย่างลวกๆ ก่อนจะเดินไปเปิดประตู
       
      “โอ้ย..” เสียงใครบางคนดังขึ้นทำให้จงฮยอนต้องก้มลงไปมอง
       
      ดวงตากลมแป๋วของใครซักคนที่เขาไม่รู้จักเงยหน้าขึ้นมองกลับมา มือเล็กถือดินสอและยางลบไว้คนละข้าง ร่างเล็กจ้องมองเขาอยู่นานก่อนจะสะดุ้งเฮือกเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ลุกขึ้นออกตัววิ่งไปทันทีโดยไม่หันหลังกลับมามองอีกเลย
       
      คิมจงฮยอนมองร่างเล็กที่วิ่งไปจนลับตาอย่างงุนงง ก่อนจะหันกลับมามองที่สิ่งที่ขวางประตูอยู่ กระดานอาร์ตบอร์ดถูกปล่อยทิ้งไว้อย่างไร้เจ้าของ มีกระดาษร้อยปอนด์ที่กำลังวาดค้างไว้ถูกเสียบอยู่ ร่างสูงหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมามอง
       
      ในนั้นเป็นรูปเขากำลังเล่นเปียโน...
       
      ~*~*~*~*~
       
       
      ลีแทมินกำลังจะมาเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปะคองจูในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เขาดีใจแทบตายหลังจากที่รู้ว่าสอบติดคณะสถาปัตยกรรมที่มหาลัยนี้ ก็ที่นี่เป็นมหาลัยในฝันของเขานี่นา...
       
      ร่างเล็กมาสำรวจมหาลัยก่อนเปิดเทอมอย่างคนเห่อของใหม่ บรรยากาศร่มรื่นสบายๆดูจะเหมาะกับมหาลัยนี้เป็นอย่างดี แทมินวิ่งเข้าวิ่งออกตึกนู้นตึกนี้ราวกับเด็กๆ ก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าตึกดนตรี 
       
      ญาติห่างๆของเขาที่อยู่มหาลัยนี้เคยเล่าให้ฟังว่ามหาวิทยาลัยคองจูเป็นที่รวมอัจฉริยะทางด้านดนตรี เขาก็ไม่รู้หรอกว่าเล่นดนตรีเก่งขนาดไหนถึงจะเรียกว่าอัจฉริยะทางด้านดนตรี แต่ก็ฟังดูน่าสนใจดี ร่างเล็กจึงเดินขึ้นบันไดไป
       
      ชั้นแรกมีห้องกระจกหลายสิบห้องเรียงกันไปตามสองข้างทางเดิน ลีแทมินเดินชะโงกหน้ามองไปเรื่อยๆ แต่กลับไม่เห็นมีห้องไหนมีใครซักคน สงสัยจะไม่มีคนมาซ้อมล่ะมั้ง...
       
      ว่าแล้วก็เดินขึ้นชั้นสองไปเผื่อจะเจออะไรน่าตื่นเต้น แต่ก็ต้องหยุดฝีเท้าลงเมื่อได้ยินเสียงเปียโน
       
      ร่างสูงของใครบางคนกำลังเล่นเปียโนอยู่ ท่วงท่าสง่างาม คิ้วเรียวเข้มที่ขมวดอ่อนๆอย่างจริงจัง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววเศร้าลึกๆแต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขในเวลาเดียวกัน สันจมูกโด่ง และริมฝีปากสีอ่อนที่กำลังเปล่งเสียงทุ้มนุ่มออกมา
       
      ลีแทมินกำลังมองชายคนนั้นราวกับถูกมนต์สะกด ดวงตากลมโตใสแป๋วจ้องมองไปที่ร่างสูงอย่างละสายตาไม่ได้
       
      ผู้ชายคนนั้น... ราวกับภาพวาดเจ้าชายในเทพนิยาย
       
      ทั้งสวยงามและสง่างามในเวลาเดียวกัน...
       
      .
      .
      .
      .
       
      ลีแทมินยังคงมาที่มหาลัยทุกวัน ในใจลึกๆก็แอบคาดหวังว่าผู้ชายคนนั้นจะมาซ้อมเปียโน เขาถือกระดานอาร์ตบอร์ดไว้ข้างตัวก่อนจะเดินขึ้นตึกดนตรีไปชั้นสอง
       
      มาซ้อมจริงๆด้วย...
       
      ร่างเล็กคลี่ริมฝีปากบางยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อมองลอดประตูกระจกไปก็ยังคงเห็นชายคนเดิมนั่งอยู่หน้าแกรนด์เปียโนหลังสีขาว มือเรียวจดอะไรขยุกขยิกลงบนกระดาษ พร้อมๆกับลีแทมินที่นั่งลงบนพื้นหน้าห้อง หันหน้ามองร่างสูงก่อนจะเริ่มสเก็ตภาพลงบนกระดาษ
       
      เหมือนกับเราต่างคนยังเดินหลงทาง
       
      เหมือนกับหนังที่ยังขาดตอนที่สำคัญ
       
      ชั้นกับเธอจึงยังไม่ได้พบกัน
       
      แล้วเธอ.. เธออยู่ไหน เธอคือใคร ใครคือเธอ
       
      ลีแทมินฟังเสียงเพลงที่ดังลอดออกมานอกห้องอย่างมีความสุข เสียงทุ้มนุ่มมีเสน่ห์ที่ฟังแล้วสามารถดิ่งลึกเข้าไปในความรู้สึกทำเอาร่างบางประทับใจเล็กๆกับความสามารถของชายหนุ่ม มือบางขยับไปมาเพื่อร่างภาพ ปากก็แอบฮัมตามเพลงที่ได้ยินมาหลายสิบรอบอย่างสุนทรีย์ 
       
      ไม่นานภาพร่างส่วนที่เป็นแกรนด์เปียโนก็เสร็จ ร่างเล็กมองนาฬิกาก่อนจะตัดสินใจเดินจากมา..
       
      ก่อนหน้าคนในห้องเพียงไม่กี่นาที...
       
      .
      .
      .
      .
       
      แทมินยังคงนั่นอยู่หน้าห้องซ้อมเปียโนเช่นเคย วันนี้คงจะเป็นวันสุดท้ายแล้วที่เขามานั่งอยู่ที่นี่ เหลือเพียงเก็บรายละเอียดนิดเดียวรูปนี้ก็จะเสร็จสมบูรณ์   
       
      ร่างเล็กก้มหน้าก้มตาวาดภาพด้วยรอยยิ้ม ถ้ารูปนี้เสร็จแล้วเขาจะเอากลับไปลงสีน้ำ มันคงจะสวยไม่น้อยเมื่อมีต้นแบบดีๆแบบนี้
       
      โอ้ย.. ลีแทมินรู้สึกถึงแรงกระแทกตรงต้นขาอย่างจัง เงยหน้าขึ้นมองใครบางคนที่เปิดประตูมาชนเขา
       
      ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่เขาเคยเห็นแต่ในระยะสองสามเมตร พอมาเห็นในระยะประชิดขนาดนี้ถึงรู้ว่าดวงตาคมคู่นี้มีเสน่ห์ขนาดไหน ร่างเล็กมองคนในรูปวาดของเขาไม่วางตาก็พาลจะหายใจไม่ค่อยออกขึ้นมาซะดื้อๆ
       
      คนในรูปวาด...
       
      ทันทีที่สมองประมวลผลได้ว่าคนตรงหน้าคือคนที่เขาแอบเอามาเป็นแบบรูปวาดตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ขาเรียวก็ถูกสั่งการให้วิ่งออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วทั้งๆที่ในมือยังคงถือดินสอและยางลบค้างไว้อยู่ ลีแทมินวิ่งลงมาจนถึงชั้นล่างสุดของตึก ก่อนจะจับราวบันไดยึดเอาไว้ก่อนจะหอบหายใจอย่างหนัก
       
      ลีแทมิน.. ถูกจับได้ซะแล้ว
       
      ยังไม่ทันทีจะได้คิดประมวลผลว่าเขาจะผิดหนักขนาดไหนที่ไปแอบมองคนซ้อมเปียโนเป็นอาทิตย์ ไม่พอยังแอบเอาคนๆนั้นมาเป็นแบบในการวาดรูปโดยไม่ขออนุญาตอีก ร่างบางถึงกับครางออกมาเบาๆเมื่อนึกถึงรูปภาพ
       
      เขาลืมรูป... ไว้ที่หน้าห้องนั้น
       
      ~*~*~*~*~
       
       
      คิมจงฮยอนหยิบกระดาษอาร์ตบอร์ดติดกลับบ้านไปด้วย คงจะไม่ดีถ้าจะปล่อยรูปสวยๆรูปนั้นไว้หน้าห้องแบบนี้ และบางที.. เขาอาจจะได้เจอเด็กคนนั้นอีกทีก็ได้
       
      ร่างสูงมองไปที่ภาพวาดภาพนั้น.. ภาพผู้ชายคนนึงกำลังนั่งเล่นแกรนด์เปียโน ใบหน้าไม่ได้มีรายละเอียดอะไรชัดเจนนัก เพราะเน้นไปที่ความสง่างามในการเล่นเปียโนมากกว่า แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าผู้ชายในภาพจะต้องเป็นเขา
       
      แล้วเด็กคนนั้นจะวาดรูปเขาไปทำไมกันนะ...
       
      วางกระดานอาร์ตบอร์ดคว่ำลงเมื่อนึกอะไรไม่ออก จะว่าไปเขาก็จำหน้าเด็กคนนั้นไม่ค่อยได้แล้ว ภาพที่ติดตามีแค่เพียงภาพดวงตาใสแป๋วที่มองมาที่เขาราวกับเด็กอนุบาล 
       
      และความรู้สึกที่ใจกระตุกวูบทันทีที่ได้เห็นดวงตาคู่นั้น...
       
      นี่เขาเป็นอะไรไปนะ..
       
      วางกระดาษอาร์ตบอร์ดลงบนโต๊ะก่อนจะเดินออกไป แต่ก็ต้องหยุดชะงักลงซะก่อนเมื่อเห็นลายมือเล็กๆเขียนชื่อตนเองไว้ที่มุมล่างของกระดาษอาร์ตบอร์ด
       
      ...ลีแทมิน...
       
      .
      .
      .
      .
      .
       
       
      เสียงพูดคุยจอแจดังไปทั่วมหาลัย เช้านี้ข่าวที่คิมจงฮยอนเดือนคณะเลิกกับแฟนแล้วแพร่สะพัดไปทั่ว หญิงสาวหลายๆคนถึงกับกรี๊ดกร๊าดดีใจไปตามๆกันเมื่อคิมจงฮยอนของพวกเธอกลับมาโสดอีกรอบนึงแล้ว
       
      ร่างสูงไม่ได้ใส่ใจกับเสียงซุบซิบนินทาและสายตาเป็นประกายหวานฉ่ำหลายๆคู่ที่มองมายังเขา เพราะนั่นเป็นเรื่องปกติ  แต่ที่ไม่ปกติน่ะ.. เพื่อนสนิทของเขา
       
      เมิงสนใจป่าว... ญาติกูคนนี้น่ารักมากเลยนะเว่ย เดี๋ยวแนะนำให้ ชเวมินโฮยังคงพูดแนะนำคุณสมบัติญาติของมันอยู่โดยที่ข้าวตรงหน้าไม่พร่องลงเลยแม้แต่น้อย
       
      วันนี้มินโฮมันเป็นไรวะ.. พูดมากผิดปกติ = =
       
      กินๆข้าวไปเหอะน่า..
       
      โหยยยย.. ไรว้า~!! กูก็หวังดีอุตส่าห์แนะนำเหอะ เห็นเมิงหงอยๆลงไปเยอะ แทนที่จะเห็นความดีกูน่ะไอ้เวร..
       
      ไอ้เวร.. ความผิดกูป๊ะล่ะ ก็กูไม่ค่อยอยากมีแฟนแล้วนี่นา...
       
      ป๊าดดดดดดดด~!! พูดเป็นเล่น คนอย่างเมิงเนี่ยนะไม่อยากมีแฟน... ใครเชื่อก็โง่ละเหอะ
       
      เมิงจะกินข้าวได้รึยัง =________=”  
       
      ญาติกูน่ารักจริงๆนะเว่ย..มินโฮยังคงไม่หยุดเรื่องญาติของเขา
       
      ชเวมินโฮ = =”
       
      เออๆๆ กูกินเสร็จแล้ว.. รีบอะไรนักหนาวะเนี่ย” บ่นไปอย่างงั้นแหละ มือก็ตักข้าวเข้าปากสามคำหมดจาน
       
      แมร่ง..จงฮยอนมองเพื่อนตัวเองยิ้มๆ ใครใช้ให้เมิงเกิดมาเป็นเพื่อนกูวะ..”
       
      ใครจะรู้วะ.. ฮ่าๆๆๆ” พูดจบก็ตบบ่าเพื่อนซี้ ก่อนจะเดินกอดคอกันเข้าเรียนอกหักไม่เป็นไร.. ยังไงเมิงก็ยังมีกูนะเว่ยจงฮยอน
       
      เออ.. กูรู้แล้ว เพื่อนอย่างเมิงกูจับปล่อยเกาะเมิงก็ต้องหาทางกลับมาหากูได้อยู่แล้วใช่มะ
       
      ถูกกกกกกก... แต่เมิงอย่าทำอย่างงั้นจริงๆนะเว่ย.. กูว่ายน้ำไม่เป็น ฮ่าๆๆๆ
       
      ถึงผมจะอกหักซักกี่ร้อยรอบ... ร้องไห้ซักกี่ร้อยหน..
       
      ยังไงเพื่อนของผมคนนี้.. ชเวมินโฮ ก็จะคอยอยู่เคียงข้างผมเสมอ
       
      ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้มาก.. แต่มันก็ทำให้ผมยิ้มได้เสมอ
       
      รักเมิงชิบหายเลยว่ะ.. มินโฮ
       
      ~*~*~*~*~
       
       
      คิมจงฮยอนวิ่งกระหืดกระหอบผ่านโรงอาหารไปทันทีที่ได้รับโทรศัพท์จากลีจินกิ พี่จินกิบอกว่าจะเอาเด็กใหม่ย้ายมาอยู่ห้องเขา จะบ้ารึไง.. เขาอยู่คนเดียวโดยไม่มีรูมเมทมาตั้งแต่เข้ามหาลัยนี้ แล้วอีกอย่าง...
       
      ผลัก~!!
       
      “ขอโทษครับ..” ร่างสูงชนกับใครอีกคนเข้าอย่างจัง แต่ด้วยความเร่งรีบจึงได้เพียงแต่กล่าวขอโทษแล้วรีบวิ่งผ่านไป
       
      คนถูกชนได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น 
       
      ถึงแม้จะเห็นหน้าไม่ชัด แต่แค่เสียง.. ลีแทมินก็จำได้แม่นยำว่าคนที่ชนเขานั้นคือใคร
       
      คนๆนั้น.. คนในภาพวาดของเขา
       
      .
      .
      .
      .
       
      “พี่ครับ.. ผมไม่อยากได้รูมเมท!” ร่างสูงวิ่งเข้ามาในห้องคณะกรรมการ ก่อนจะบอกจุดประสงค์ของตนเองให้ลูกพี่ลูกน้องของเขารับรู้
       
      “ใจเย็นๆน่าจงฮยอน.. ก็ปีนี้มันไม่เหลือห้องจริงๆนี่นา ขนาดพี่ยังต้องมีเด็กปีหนึ่งย้ายมานอนด้วยเลย” ลีจินกิบอกอย่างใจเย็น ท่าทางนุ่มนวลใจดีแต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขามทำให้รุ่นพี่ปีสี่คนนี้มีแต่คนให้ความเคารพ
       
      “แค่พี่ครับ.. พี่ก็รู้ว่าห้องผมมีเปียโนไฟฟ้า ถ้าเด็กคนนั้นเอาไปฟ้องผมก็ได้ถูกไล่ออกจากหอน่ะสิครับ” หนึ่งในกฎของหอพักนักศึกษาคือห้ามมีเครื่องดนตรีในห้อง เพราะจะรบกวนห้องข้างๆได้ แต่แน่ล่ะ.. คิมจงฮยอนแหกกฎนี้มาได้ปีนี้ก็ขึ้นปีที่สาม
       
      “พี่กำชับเด็กคนนั้นไว้แล้วล่ะน่า.. ไม่เป็นไรหรอก เด็กคนนั้นออกจะเชื่อฟัง แล้วอีกอย่าง.. พี่ฟิกรายชื่อเด็กไว้เรียบร้อยแล้ว เปลี่ยนไม่ได้หรอกนะ..”
       
      “แต่พี่ครับ...” จงฮยอนท้วง
       
      “เถอะน่า.. ไปกินข้าวกลางวันดีกว่า ทานข้าวไม่ตรงเวลาจะเป็นโรคกระเพาะนะ.. คุณน้าน่ะชอบเตือนบ่อยๆไม่ใช่หรอ”
       
      “ครับ...”
       
      ไม่ว่าจะยังไง.. ตั้งแต่เด็กจนโตเขาก็ไม่เคยจะค้านพี่จินกิได้ซักครั้งล่ะน่า
       
      .
      .
      .
      .
       
      ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีโรงอาหารก็มีแต่อาหารเดิมๆ คิมจงฮยอนก็กินแต่อาหารเดิมๆเช่นกัน นั่นก็คือข้าวแกงกระหรี่ไก่...
       
      มันไม่ได้อร่อยอะไรนักหนาหรอก แต่เขาไม่รู้จะกินอะไรดีมากกว่า
       
      “จงฮยอน.. เด็กคนตะกี้ที่นั่งข้างหลังนายไง คนนั้นแหละรูมเมทนาย” ลีจินกิที่เพิ่งจะซื้อข้าวเสร็จบอกก่อนจะนั่งลง ร่างสูงหันหลังกลับไปมองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นรูมเมทของตน แต่คนๆนั้นได้อันตรธานหายไปซะแล้ว
       
      “หรือว่าเราแค่เดินเฉียดกันทุกวัน
       
      เธอกันชั้นแอบนั่งห่างกันแค่นิดเดียว
       
      เหมือนไม่มีอะไรให้เราข้องเกี่ยว
       
      หวังเพียงเสี้ยวนาที ที่บังเอิญ.. ได้สบตา
       
      “ไม่เป็นไรๆๆ.. เดี๋ยวเย็นนี้เขาก็จะย้ายเข้าห้องนายแล้วแหละ รับรองได้เห็นแน่”
       
      “ห๊ะ.. เย็นนี้เลยหรอพี่”
       
      .
      .
      .
      .
       
      ร่างสูงเดินกลับเข้าหอกับมินโฮ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกอยากกลับให้ถึงห้องเร็วๆ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่ารูปวาดนั้นยังคงถูกวางไว้ที่โต๊ะ ไม่ได้เอาไปเก็บให้เรียบร้อย
       
      ไม่รู้ว่าเพราะอะไร.. แต่เขาก็ไม่ค่อยอยากจะให้ใครเห็นรูปนั้นนักหรอก
       
      อาจจะเป็นเพราะ.. หวง ล่ะมั้ง?
       
      คิมจงฮยอนเดินมาจนถึงหน้าห้องของตนเอง รูปภาพมากมายถูกวางระเกะระกะไว้หน้าห้อง ร่างเล็กที่เป็นรูมเมทของเขากำลังขนมันเข้าห้อง เขาเดินเขาไปใกล้ๆ
       
      รู้สึกคุ้นกับคนๆนี้อย่างประหลาด...
       
      “พี่ช่วยนะ..” บอกร่างเล็กที่กำลังก้มหน้าก้มตนหยิบรูปภาพอย่างทะนุถนอม คนๆนั้นเงยหน้าขึ้นมายิ้ม ดวงตากลมโตมองมาที่เขาอย่างตกใจ คิมจงฮยอนก็ตกใจเช่นกัน
       
      เด็กคนนั้น... คนที่วาดรูปเขา
       
      “ชั้นมองเห็นเธอในความเหงา
       
      ทุกลมหนาวยังเฝ้ามองหา
       
      ชั้นก็ยังเก็บคำว่ารักให้เธอ
       
      “อ้าว... แทมิน!!” ชเวมินโฮตะโกนอย่างตกใจ เมื่อญาติห่างๆของเขาคนนี้ดันมาเป็นรูมเมทของไอ้เพื่อนซี้จนได้
       
      “จงฮยอน.. คนนี้ให้ที่กูบอกว่าจะแนะนำให้เมิง”
       
      คิมจงฮยอนมองร่างเล็กที่มีดวงตากลมโตเป็นเอกลักษณ์ไม่วางตา ก่อนจะยิ้มบางๆกับตัวเอง โชคชะตาเล่นตลกเหลือเกินที่ทำให้แทมินกับเขามาเป็นรูมเมทกัน
       
      “พี่มินโฮหวัดดีครับ.. สวัสดีครับ.. เอ่อ.. พี่..”
       
      “พี่ชื่อจงฮยอน.. ยินดีที่ได้รู้จักนะ ลีแทมิน” ร่างสูงพูดจบก็เดินไปหยิบกระดานอาร์ตบอร์ดที่วางอยู่บนโต๊ะออกมายื่นให้ร่างบาง
       
      “ของนายใช่มั้ย..” ถามยิ้มๆ ลีแทมินพยักหน้ารับ หัวใจพองโตแปลกๆเมื่อถูกคนตรงหน้ายิ้มให้
       
      “วาดให้เสร็จนะ.. พี่ชอบรูปนี้มากๆเลย” ร่างสูงวางมือลงบนหัวของลีแทมิน ก่อนจะลูบเบาๆ
       
      ความรู้สึกแบบนี้.. กลับมาอีกแล้วสินะ
       
      ความรัก...
       
      .
      .
      .
       
      “ต่อให้ชั้นต้องรอเธออีกนานกี่ลมหายใจ
       
      แต่ว่าชั้นก็รู้สึก ที่ไหนซักที่หนึ่ง.. เราต้องได้เจอกัน
       
      ต่อให้เป็นนาทีเดียวในตอนสุดท้ายก็ตาม
       
      เพื่อได้มาเจอคนที่รัก.. ก็คุ้มที่จะรอ
       
      .
      .
      .
       
      The End
       
       
      TalK : ฟิคชายนี่เรื่องแรกในชีวิต >///< อิหลินใช้เวลาปั่นครึ่งวันเสร็จ(เป็นอะไรที่เหลือเชื่อมาก 555+) ปกติแต่งแต่ฟิคเศร้า(มากๆ) กับรั่ว(เป็นพิเศษ = =) เรื่องนี้คาดหวังมากให้มันหวาน แต่อาจจะไม่หวานยังไงก็ขออภัยเน้อ แต่งชายนี่เรื่องแรกอ่ะ ตื่นเต้นๆๆ มีอะไรติชมได้เลยนะคะ ^^

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×