[SF] Heaven's snow =EunHae= - [SF] Heaven's snow =EunHae= นิยาย [SF] Heaven's snow =EunHae= : Dek-D.com - Writer

    [SF] Heaven's snow =EunHae=

    ชะ..ชั้น... ริมฝีปากปากที่ขาวซีดเหมือนหิมะเอื้อนเอ่ยได้เพียงเท่านั้นก็หยุดไป ร่างบางไม่เคลื่อนไหวอีกแล้ว ถูกความหนาวรุมทำร้ายจนหมดลมหายใจ พอๆกับใครอีกคนที่หัวใจถูกทำร้ายจนเจ็บปางตายในวินาทีนั้น ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!! ลีฮยอกแจตื่นข

    ผู้เข้าชมรวม

    4,692

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    4.69K

    ความคิดเห็น


    44

    คนติดตาม


    11
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 ม.ค. 51 / 20:41 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    Title : Heaven's snow

    Couple : EunHae

    Author : linwenya@ZWPH


    แต่งอีนเฮมาให้อ่านบ้างเพราะอาจจะมีหลายคนแอบคิดถึง(ฮ่าๆๆๆ) ก็ฟิคเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากMV First Snow ของ SG Wannabe กับเพลงนี้ที่อยากให้ฟังระหว่างอ่าน จิ้มเรยจ่ะ^^ แต่งไปก็แอบน้ำตาคลอไปด้วย (ฮ่าๆๆๆ) ขอย้ำว่ากรุณาฟังเพลงไปพร้อมๆฟิคนะคะมันจะเข้าถึงอารมณ์มากกก 55+


    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -




    สรวงสวรรค์...

    ดินแดนหลังความตายที่สวยงาม...

    สรรพสิ่งล้วนขาวโพลนและคงไปด้วยความงดงาม...

    ทุกย่างก้าวมีแต่ความสุขและเสียงหัวเราะ...



    แต่ท่ามกลางดอกไม้หลากสีที่กำลังชูช่อหยอกล้อกับเหล่าผีเสื่อนั้น...

    ร่างบางของหัวใจดวงนึงที่แตกสลาย...

    กำลังทอดสายตาแสนเศร้ามองลงไปยังดินแดนเบื้องล่าง...

    โลกมนุษย์... ที่เขาจากมา







    เพราะหัวใจเรียกร้อง...

    ร่างกาย... จึงพาเขามาที่นี่


    ช่องว่างของสวรรค์

    สถานที่เดียวบนนี้ที่จะสามารถนั่งเฝ้ามองดูความเป็นไปของโลกมนุษย์...

    มองดูบ้านที่เขาเคยอยู่...

    มองดูเพื่อนเล่นสมัยเด็ก...

    มองดูโรงเรียนตอนประถม...

    มองดูสนามฟุตบอลที่วิ่งเล่นตอนสมัยมัธยม...

    มองดูสิ่งต่างๆเปลี่ยนไปตามกาลเวลาหลังจากที่เขาจากมา


    และเฝ้ามอง.. ใครอีกคน.. ที่เจ็บปวดที่สุด

    กับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของเขา...

    ฮยอกแจ...

    ชั้นอยากจะกลับไปหานายเหลือเกิน...

    ชั้นอยากจะบอกบางสิ่งบางอย่างกับนาย...

    อะไรบางอย่างที่ชั้นไม่มีโอกาสได้บอก...

    อะไรบางอย่าง.. ที่จะทำให้ชั้นและนายไม่ต้องเสียใจเหมือนที่เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้

    ฮยอกแจ...

    ชั้นอยากจะพบนาย.. อีกซักครั้ง









    ร่างบางในชุดสีขาวนอนคว่ำลงบนพื้นหิมะสีขาวโพลน ใบหน้าที่แนบกับพื้นอันหนาวเย็นขาวซีดไร้เลือด มีหิมะจับตรงขนตาและเส้นผมสีดำสนิท ลมหายใจที่มี.. แผ่วเบาใกล้หมดลมลงไปทุกที

    ร่างสูงวิ่งตรงเข้ามาหาก่อนจะถอดเสื้อตัวนอกห่มร่างบางไว้ แล้วกอดให้ความอบอุ่นกับร่างกายที่เย็นเยียบพอๆกับหิมะที่ยังคงโปรยปรายลงมา

    ชะ..ชั้น... ริมฝีปากปากที่ขาวซีดเหมือนหิมะเอื้อนเอ่ยได้เพียงเท่านั้นก็หยุดไป ร่างบางไม่เคลื่อนไหวอีกแล้ว ถูกความหนาวรุมทำร้ายจนหมดลมหายใจ

    พอๆกับใครอีกคนที่หัวใจถูกทำร้ายจนเจ็บปางตายในวินาทีนั้น


    ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!! ลีฮยอกแจตื่นขึ้นมาพร้อมกับภาพในความฝันที่ยังคงตามมาหลอกหลอน

    .... ภาพที่ร่างบางขาวซีดจนกลืนไปกับหิมะรอบตัว ....


    ฝันร้ายอีกแล้ว....

    ฝันร้ายที่ตามมาหลอกหลอนเขาทุกวันแม้ว่าเวลาจะผ่านไปเกือบปี...

    ความฝันที่ทำให้เขายังคงเจ็บปวดและจมปลักอยู่กับความผิดในอดีต...


    เพราะความจริงข้อหนึ่งที่เขาไม่มีวันลืม

    ความจริงที่ว่า....

    ทงเฮ... คนที่เขารัก...

    ตายเพราะเขา...






    ร่างสูงทิ้งตัวลงบนม้านั่งไม้เก่าๆที่คุ้นเคย มือหนาไล่จับไปตามแขนม้านั่งที่เริ่มซีดผุไปตามกาลเวลา

    ม้านั่งไม้ที่เขาและทงเฮเคยมานั่งเล่นด้วยกันบ่อยๆ

    ม้านั่งที่ครั้งหนึ่ง... เคยเป็น ที่ของเรา

    ไม่ได้มาที่นี่นานแค่ไหนแล้วนะ...

    คงจะตั้งแต่... ตอนที่นายจากไป...



    ลีฮยอกแจจ้องมองพื้นหญ้าสีเขียวสดที่ตอนนี้ถูกปกคลุมหนาไปด้วยหิมะจนไม่เห็นต้นหญ้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองฟ้าเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรขาวๆเย็นๆตกลงมากระทบตัว ปุยหิมะสีขาวสนิทกำลังโปรยปรายลงมา....

    เหมือนกันไม่มีผิด...

    หิมะสีขาวโพลน... อากาศที่หนาวเหน็บกัดกินไปถึงขั้วหัวใจ

    เหมือนกันเลยทงเฮ...

    เหมือนตอนที่นายจากไป....






    ฮยอกแจ... ร่างบางที่กุมมือคนข้างๆเดินไปพร้อมๆกันเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ เรา... เลิกกันเถอะนะ

    ร่างสูงหยุดเดินก่อนจะหันกลับมามองคนข้างๆอย่างแปลกใจ

    พูดอะไรน่ะหืม? วันนี้ไม่ใช่วัน April Fool day ซะหน่อย ลีฮยอกแจเอ่ยยิ้มๆก่อนจะลูบหัวคนข้างๆเบาๆอย่างเอ็นดู

    นายนี่น่ารักจังเลยน้าาาา...

    น่ารักจนชั้นชักจะหลงนายจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วล่ะสิ

    ความผิดนายนะเนี่ย... รับผิดชอบเลยยยยยย

    รักกันแบบนี้ไปตลอดชีวิตเลยโอเคมั้ย >/////<


    ร่างสูงอมยิ้มกับความคิดตัวเองที่ถ้าพูดออกมาให้ทงเฮฟังคงจะโดนทุบจนกระอักเลือดเป็นแน่ ก่อนจะเริ่มหุบยิ้มเมื่อดวงตาดำสนิทของคนตรงหน้าเริ่มมีน้ำตารื้น ฮยอกแจเริ่มมองอย่างตกใจ เป็นอะไรไปน่ะ! ใครทำอะไรนายหรอทงเฮ.. บอกชั้นมาสิ! ชั้นจะไปจัดการมัน!!

    ลีฮยอกแจบอกอย่างโมโหเมื่อคิดว่าคงจะมีใครมาทำร้ายอะไรคนน่ารักของตนเป็นแน่แท้ แต่ยิ่งร่างสูงแสดงอาการแบบนั้น ทงเฮก็ยิ่งร้องไห้ไม่หยุด

    ผิดไหม...

    ถ้าจะทำร้ายคนๆนี้

    คนที่ดีกับเขาตลอดมา...

    คนที่คอยเป็นห่วงเป็นใย...

    คนที่อยู่เคียงข้างเขาเวลาไม่มีใคร...


    ผิดไหมถ้าต้องทำร้ายนาย...

    ขอโทษนะฮยอกแจ...



    ไม่มี..ฮึก ไม่มีอะไร พูดพลางสั่นหัวน้อยๆก่อนจะปาดน้ำตาทิ้ง แล้วแข็งใจพูดประโยคต่อไปออกมา

    ประโยคที่ยิ่งพูดออกไป.. ก็ยิ่งกรีดแทงหัวใจตัวเองไปทีละนิด

    เลิก.. ฮึก เลิกกันเถอะนะ ฮยอกแจ.. ฮึก เราเลิกกันเถอะ พูดจบทำนบน้ำตาที่กลั้นมานานก็ไหลอย่างหยุดไม่อยู่

    เสียใจ...

    ที่ต้องทำร้ายหัวใจคนตรงหน้าด้วยมือของเขาเอง...


    ฮยอกแจดึงร่างบางเข้ามากอดแน่นทันทีที่หยาดน้ำตาใสๆไหลลงมาอาบแก้ม ทงเฮซุกหน้าหวานเข้าที่อกของร่างสูงอย่างโหยหาไออุ่น คำที่แข็งใจพูดหายไปจากสมองทันทีที่ได้รับอ้อมกอด

    ใจอ่อนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้....



    ร่างสูงลูบผมสีดำสนิทเบาๆเป็นเชิงปลอบ แม้จะตกใจและไม่เข้าใจก็ตามว่าทำไมร่างบางถึงขอบอกเลิก อย่าร้องไห้เลยนะฮยอกแจ... ถ้านายอยากเลิกชั้นก็จะเลิก ตามใจนายทุกอย่าง.. ขอแค่พวกเรายังรักกันเหมือนเดิม ไม่จำเป็นต้องคบกันก็ได้ ทงเฮชะงักเมื่อได้ยินคำว่าเลิก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองฮยอกแจ จุดมุ่งหมายของวันนี้โบยบินกลับเข้าสมองอีกครั้ง

    แต่ไม่ได้กลับเข้าหัวใจ....


    เข้มแข็งไว้ลีทงเฮ...

    นายตัดสินใจไปแล้ว.. จะหยุดมันตอนนี้ก็สายเกินแก้

    ทางเดียวที่ทำได้... คือเดินหน้าต่อไป


    ไม่ใช่แค่เลิกกันลีฮยอกแจ... ชั้นขอให้นายเลิกรักชั้น ทงเฮพูดเสียงเรียบด้วยใบหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึก พูดออกไปทั้งๆที่ความจริงแล้วแม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

    .... ว่าตนเองต้องการแบบนั้นจริงๆรึเปล่า.....


    ลีฮยอกแจจ้องมองใบหน้าหวานอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง แต่สีหน้าเรียบเฉยไม่รู้สึกรู้สาอะไรของทงเฮก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดี ว่าคนๆนี้พูดจริง


    ประโยคแรกที่ผุดขึ้นมาในสมองคือ...

    .....ทำไม.....


    และประโยคต่อจากนั้นคือ...

    .....ทำไม่ได้หรอก.....


    ทำไม่ได้หรอกทงเฮ... ชั้นเลิกรักนายไม่ได้หรอก

    ก็ในเมื่อ... รักคนๆนี้มากจนยอมให้ได้ทุกอย่างแบบนี้

    เลิกรักไม่ได้หรอก...

    ข้อเดียวที่ทำให้ไม่ได้... คื อ เ ลิ ก รั ก น า ย



    ต้องได้สิฮยอกแจ... เลิกรักคนๆนี้.. เ ลิ ก รั ก ลี ท ง เ ฮ

    อยากจะรู้ว่าทำไม...

    ทำไมถึงต้องคาดคั้น... ต้องบีบบังคับกันแบบนี้

    แต่ก็ไม่ได้ถาม..

    เพราะเชื่อใจ.. เพราะรู้ว่าลีทงเฮคนนี้คงจะมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ยังไม่สามารถบอกเขาได้ตอนนี้

    รักมากเกินไป... เชื่อใจมากเกินไป..

    จนสุดท้าย...

    ความเชื่อใจที่ให้ไปนั้นก็ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองในภายหลัง....


    ขอโทษนะทงเฮ... แต่ชั้นเลิกรักนายไม่ได้จริงๆ






    วันเวลาผ่านไปอาทิตย์กว่าๆ บทสนทนาเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในหัวสมองของลีฮยอกแจอีกต่อไปแล้ว ร่างสูงลืมมันไปจนหมดสิ้น

    กลับบ้านกันเถอะ ลีฮยอกแจกุมมือคนที่อยู่โต๊ะข้างๆอย่างเบามือ ก่อนจะใช้มืออีกข้างนึงถือกระเป๋าของคนตรงหน้า หลังจากที่นักเรียนในห้องต่างพากันทยอยออกจากห้องเรียนเพื่อกลับบ้าน

    นายกลับไปก่อนเถอะ.. ช่วงนี้ชั้นจะกลับบ้านกับพี่จองซู ร่างบางเสียงเรียบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาสบตา มือก็ดึงกระเป๋าที่อยู่ในมืออีกคนกลับคืนมา

    ทำไมล่ะ? เมื่อกลางวันนายก็ไม่ได้ไปทานข้าวกับชั้น... เกิดอะไรขึ้นหรอทงเฮ

    ไม่มีอะไรหรอก... ไม่อยากจะรบกวนนาย บ้านก็อยู่คนละทางกัน... ชั้นกลับกะพี่จองซูดีกว่ายังไงก็อยู่บ้านใกล้ๆกัน

    ไม่เห็นเป็นอะไรเลย... ชั้นก็ไปส่งนายอยู่ทุกวัน ฮยอกแจบอกยิ้มๆก่อนจะเอื้อมมือหยิบกระเป๋ากลับคืนมาแล้วลากร่างบางไป

    บอกว่าไม่ก็ไม่ไง!!!!! ลีทงเฮสะบัดมือออก่อนจะตวาดเสียงดังลั่น ช่วยเข้าใจอะไรง่ายๆหน่อยได้มั้ยฮยอกแจ! ชั้นไม่ได้รักนายแล้ว... ชั้นเบื่อนายแล้ว เลิกทำเป็นไม่รู้เรื่องแบบนี้ซะทีเถอะ!!! พูดจบก็กระชากกระเป๋ากลับมาแล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมามองร่างสูงอีกเลย


    ถูกอย่างที่ทงเฮพูด...

    ไม่ใช่จำไม่ได้.. แต่พยายามจะไม่สนใจ

    โกหกตัวเอง... ใช้ชีวิตต่อไปเหมือนไม่ได้ยินคำๆนั้น

    ลองใหม่อีกครั้ง.. ทำให้ดีที่สุด...

    เผื่อร่างบางจะเปลี่ยนใจ...

    แต่สุดท้าย...

    ก็ลงเอยด้วยคำว่า เ ลิ ก อยู่ดี

    ชั้น... ยังพยายามไม่พอใช่มั้ยทงเฮ







    พี่จองซู~!!!!!!! ลีทงเฮตะโกนเรียกอย่างออดอ้อน ก่อนจะกระโดดเข้ากอดแล้วซุกหน้าหวานลงตรงไหล่ของพี่ชายข้างบ้าน หรือปาร์คจองซูที่ยืนรอขาแข็งเกือบชั่วโมง

    นี่ๆๆ ไม่ต้องเลย... ให้พี่รอตั้งนานแล้วยังจะมาทำเป็นอ้อนอีกนะ ไม่ยกโทษให้หรอก! จองซูพยายามดันไหล่คนที่กอดตัวเองแน่นออก แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อรู้สึกชื้นๆตรงไหล่ข้างที่คนหน้าหวานซุกอยู่

    เป็นอะไรไปทงเฮ.... ร้องไห้ทำไม!? พี่ชายข้างบ้านถามอย่างตกใจ ก่อนจะดันไหล่คนที่กำลังร้องไห้อยู่ออกมาคุยกันให้รู้เรื่อง ตาและจมูกที่บวมแดงของคนตรงหน้าก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าลีทงเฮคนนี้ผ่านการร้องไห้มาหนักขนาดไหน

    ผม... ฮึก ผมเจ็บจังเลยพี่ซองจู... ทำไม.. ยิ่งผมเห็นสีหน้าของฮยอกแจแบบนั้นผมก็ยิ่งเจ็บ... ทำไม.. ฮึก ทำไมมันถึงยากเย็นแบบนี้... ฮือ.. ผมไม่รู้ว่าผมจะแข็งใจทนไปได้ถึงเมื่อไหร่ พี่ครับ.. ฮึก ผมทรมานจังเลย... ร่างบางโผเข้ากอดอีกรอบก่อนจะระบายความในใจทุกอย่างออกมา

    ระบายความทุกข์ทุกอย่างผ่านทางน้ำตา

    ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่า... ความทุกข์นั้นจะไม่มีวันหมดก็ตาม


    จองซูมองน้องชายอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี เจ็บปวดแทนกับความรักของทงเฮที่จะต้องจบแบบนี้

    แต่ถ้าเป็นเขา... เขาก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไร

    มันมืดบอดไปหมด....


    แล้วไม่มีทางอื่นเลยหรอทงเฮ... หนทางที่จะไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้

    พี่จองซู... ฮึก พี่ก็รู้ว่าผมเป็นอะไร ผมตัดสินใจแล้ว.. ฮือออ มันเป็น.. ฮึก เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับผมกับฮยอกแจ... ปาร์คซองจูพยักหน้ายอมรับกับชะตากรรมที่แสนโหดร้ายของร่างบาง

    โลกนี้มันช่างโหดร้ายนัก...

    เหลือทางออกไว้ให้หนึ่งทาง...

    แต่ทางออกนั้น... กลับเป็นทางที่เจ็บปวดที่สุด


    ทำร้ายหัวใจตัวเอง...

    ทำร้ายหัวใจของคนที่รัก...

    ทำร้ายทุกสิ่งทุกอย่าง... ด้วยน้ำมือของตัวเอง

    โหดร้าย...

    โหดร้ายเกินไปจริงๆ






    ร่างสูงยืนมองดูคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนและพี่ชายข้างบ้านของทงเฮที่ชื่อว่าจองซูด้วยใบหน้าเรียบเฉย แววตาทอดมองไปอย่างคนไร้วิญญาณ


    ไม่มีแม้แต่หยดน้ำตา...

    เพราะหัวใจ...

    มันเจ็บปวดเกินไปจนเริ่มด้านชาไร้ความรู้สึก...


    นี่สินะ... เหตุผลของนาย

    เหตุผลที่ชั้นไม่ได้ถาม... แต่นายก็แสดงออกมาให้ชั้นรู้ด้วยตัวนายเอง

    ว่านายไม่ใช่แค่เบื่อชั้น...

    ไม่ใช่แค่ไม่รักชั้นแล้ว...

    แต่นายมีคนอื่น... นายแค่เปลี่ยนไปรักคนอื่นแล้วเท่านั้นเอง


    เป็นชั้นคนเดียว...

    ชั้นคนเดียวที่โง่มาตลอด...

    ชั้นคนเดียวที่ยังคงหลอกตัวเองซ้ำๆ

    หลอกว่านายยังรักชั้น... หลอกว่าที่นายบอกเลิกไปคงเพราะเหตุผลอะไรบางอย่าง


    ตาสว่างได้แล้ว...

    รู้สึกตัวได้แล้วลีฮยอกแจ


    นายน่ะ... ตาบอดมาตลอดเลยรู้มั้ย







    โต๊ะหลังห้องสองตัวที่ทั้งสองหวงแหนตลอดมา..

    โต๊ะของลีฮยอกแจและลีทงเฮ...

    บัดนี้ถูกแยกออกจากกัน

    ด้วยมือของทั้งสองเอง...


    ไม่มีคนสองคนที่นอนหันหน้าเข้าหากันด้วยรอยยิ้มอีกต่อไป..

    ไม่มีคนสองคนที่แอบจับมือกันใต้โต๊ะ...

    ไม่มีคนสองคนที่พร้อมใจกันนั่งลอกการบ้านเคียงข้างกัน...

    ไม่มีบรรยากาศที่อบอุ่น.. อบอวลไปด้วยความรัก

    ไม่มีอีกแล้ว....



    มีแต่น้ำตา... ที่หยดลงบนโต๊ะไม้ทุกวัน

    มีแต่รอยขีดเขียนบนโต๊ะ... ที่คนทำเหม่อลอยไม่รู้สึกตัว

    มีลีทงเฮ... ที่ตาบวมแดงทุกวัน

    มีแต่ลีฮยอกแจ... ที่ไร้วิญญาณ





    ความสัมพันธ์ของคนสองคน...

    เริ่มต้นแล้วก็สิ้นสุด...

    เป็นไปตามสัจธรรมของโลก...


    แต่ทำไม.. ทำไมเขาถึงรับไม่ได้

    ทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นคนเริ่มเอง...

    ทำไมถึงยังร้องไห้ทุกวัน...

    เห็นหน้านายแบบนั้น...

    เห็นแววตานายแบบนั้น...

    ลีทงเฮคนนี้ก็ยิ่งเจ็บ...

    หัวใจมันทรมาน...

    เจ็บเหมือนถูกบีบรัดจนแทบจะขาดอากาศหายใจ...



    อยากให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม...

    มันช้าไปไหม... ช้าไปรึเปล่าที่เพิ่งจะคิดได้

    นายจะยังยอมรับไหมฮยอกแจ...

    ถ้าชั้นอยากจะบอกว่า...

    อยากให้เรากลับมารักกันอีกครั้ง...


    มันจะเป็นไปได้รึเปล่า...

    เวลาของชั้น.. นับถอยหลังลงไปทุกวัน

    เพิ่งจะรู้ว่าสิ่งต่างๆมีค่า...

    เมื่อตอนที่ชั้นจะไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของมันอีกต่อไปแล้ว

    เพิ่งจะรู้... เอาตอนที่กำลังจะสาย

    กลับใจตอนนี้ทันไหม...

    นายจะให้อภัยชั้นมั้ยลีฮยอกแจ...






    กระดาษสีขาวมีลายมือเล็กๆของคนที่คุ้นเคยถูกสอดเข้าไปในใต้โต๊ะของร่างสูง ลมหนาวพัดโชยจนคนที่สอดมันลงไปต้องกระชับผ้าให้แนบกับตัวอีกครั้ง

    ที่เดิมนะฮยอกแจ...

    ที่ม้านั่งไม้ของเรา...

    ชั้นจะรอนาย...

    ชั้นจะบอกนายทุกอย่างก่อนที่ชั้นจะไม่มีโอกาสได้บอก...

    เพราะชั้นรู้ว่าเวลาของชั้นเหลือน้อยเต็มทน...

    มาให้ได้นะลีฮยอกแจ...

    ชั้ น จ ะ ร อ น า ย . . .







    กระดาษสีขาวใบนั้นถูกอ่านเป็นรอบที่ล้าน ลีฮยอกแจรู้ดีว่านี่เป็นลายมือใคร แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร

    จากกันด้วยดีแล้วไม่ใช่หรอทงเฮ...

    ยังจะนัดชั้นไปเพื่ออะไร....

    หัวใจของชั้น... เจ็บแล้วจำนะทงเฮ

    ชั้นจะไปเพื่อให้นายทำร้ายหัวใจของชั้นอีกครั้งทำไม





    เย็นนั้นลีฮยอกแจเอาแต่ขลุกตัวอยู่ในห้อง หาอะไรทำให้ตัวเองไม่ว่าง ให้จิตใจไม่เหม่อลอยคิดไปถึงใครบางคน

    แต่จะรู้ตัวมั้ยนะว่าตัวเองเหลือบมองนาฬิกาทุกสามสิบวินาที...

    เลยเวลานัดแล้วสินะ...


    เขาไม่ได้รักลีทงเฮแล้ว...

    จะไป.. เพื่ออะไร?


    ร่างสูงนั่งพับนกกระเรียนเล่นไปเรื่อยเปื่อย

    อากาศหนาวแบบนี้...

    ลมแรงแบบนี้....

    คืนนี้หิมะคงจะตกหนักเลยสินะ...


    คิดๆอยู่ไม่ทันไร เงยหน้าขึ้นมองหน้าต่าง ก็พบกับหิมะสีขาวโพลนที่ค่อยๆตกลงมาทีละน้อย ก่อนจะเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

    พายุหิมะหรอเนี่ย...




    คิดไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะหยุดลงเมื่อนึกถึงลีทงเฮคนที่นัดเขา

    ป่านนี้คงจะกลับบ้านไปแล้วล่ะมั้ง...

    เค้าไม่ได้มีค่าอะไรมากมายให้ยืนรอท่ามกลางพายุหิมะหรอก...

    ลีฮยอกแจคนนี้ไม่ได้มีค่ามากมายขนาดนั้น...


    .
    .
    .
    .
    .

    แต่ถ้ายังรออยู่ล่ะ????

    ถ้ายังเป็นลีทงเฮคนเดิม... ร่างบางต้องรออยู่แน่ๆ

    ถ้าเป็นทงเฮคนเดิม...

    ไม่ว่าอากาศจะเป็นอย่างไร...

    ไม่ว่าใครจะบอกว่ายังไง...

    ทงเฮคนนั้น... ก็จะยังคงรออยู่ที่เดิมโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแน่นอน




    สุดท้ายก็แพ้ใจตัวเอง...

    ครั้งสุดท้ายนะทงเฮ.. ชั้นสาบานเลยว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ชั้นจะทำเพื่อนาย

    จะออกไปหานายซักครั้ง..

    หวังว่าจะคอยอยู่ละกัน...





    ลีฮยอกแจเดินฝ่าสภาพอากาศที่ย่ำแย่อย่างทุลักทุเล อากาศหนาวแบบนี้เสื้อโค้ทหนาๆก็เอาไม่อยู่ ถึงแม้หิมะจะเริ่มหยุดแล้วก็ตาม แต่พื้นที่หนาไปด้วยหิมะแบบนี้ก็ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างยากลำบาก

    ร่างสูงเดินมาจนเริ่มเห็นม้านั่งตัวนั้น

    แต่ก็ไม่เห็นทงเฮเลย...


    คิดไปเองคนเดียวอีกแล้วสินะ..

    ก็บอกแล้วไงว่าลีฮยอกแจคนนี้ไม่ได้มีค่าพอถึงขนาดที่จะให้คนอย่างลีทงเฮยืนรอท่ามกลางพายุหิมะหรอก



    ฮยอกแจคงจะเดินกลับไปแล้วถ้าไม่เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างนอนกองอยู่บนพื้น

    ทงเฮ!!!!!!!


    ชาวาบไปทั้งตัวจนเกือบลืมหายใจ ร่างสูงรีบวิ่งตรงเข้าไปหาร่างบางที่นอนไม่ได้สติอยู่กับพื้น ก่อนจะถอดเสื้อโค้ทตัวหนาคลุมทงเฮไว้แล้วกอดทับอีกที

    ร่างบางตัวเย็นเฉียบ ขาวซีดไม่ต่างจากหิมะรอบตัว เกล็ดหิมะที่ยังค้างอยู่ที่ขนตาและเส้นผมสีดำสนิทก็พอจะบ่งบอกได้ว่าคนตรงหน้านี้รอเขาอยู่นานขนาดไหน

    ฮยอกแจกระชับอ้อมกอดแน่น เจ็บแปลบไปถึงขั้วหัวใจ

    ทำไมทงเฮ.. ทำไมนายโง่อย่างนี้ คำพูดต่อว่าพร่างพรูออกมาไม่หยุดพอกับ้ำตา ลีทงเฮได้แต่ยิ้มบางๆก่อนจะเอื้อมมือที่ขาวซีดและเย็นเฉียบค่อยๆปาดน้ำตาคนตรงหน้าเบาๆ

    ขะ.. ขอบ.. ขอบคุณนะ ขอบคุณที่มา ไอเย็นลอยฟ่องออกจากปากของร่างบาง ฮยอกแจยิ้มรับทั้งน้ำตา จดจำคำพูดทุกอย่างของร่างบาง

    เพิ่งจะรู้ตัว... ว่าจริงๆแล้วก็ยังคงรักคนๆนี้อยู่

    ยังรักเหมือนเดิม.. หรืออาจจะมากกว่าแต่เก่า

    เพราะฉะนั้น.. นายต้องอยู่ให้ชั้นรักต่อไปนะทงเฮ

    อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปเลย...


    ชะ.. ชั้น.. ร่างบางกำลังจะพูดต่อแต่ก็หยุดไป ร่างทั้งร่างไม่เคลื่อนไหวอีกแล้ว

    ทงเฮตายแล้ว...

    ตายไปในอ้อมกอดของเขา...


    ไม่จริงใช่มั้ย...

    นี่คือความฝันใช่มั้ย...

    ทงเฮตัวจริงคงไม่โง่ทำอะไรแบบนี้หรอก

    ใครก็ได้บอกเขาทีว่ามันไม่จริง!!

    นี่คือความฝัน..

    ทงเฮตัวจริงกำลังรอเขาอยู่ที่โรงเรียนแล้วพูดว่า

    สายอีกแล้วนะนาย

    ใช่มั้ย?

    บอกเขาทีว่านี่เป็นแค่ความฝัน

    ใครก็ได้ปลุกเขาจากความฝันที่โหดร้ายนี้ที..

    ใครก็ได้..

    พาเขาออกไปจากที่นี่ที...







    ฮยอกแจเหม่อคิดไปถึงเรื่องในอดีต ก่อนจะรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อมีใครอีกคนทิ้งตัวลงข้างๆ

    พี่จองซู? ร่างสูงเอ่ยถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ พี่ชายข้างบ้านคนนี้ของลีทงเฮเปลี่ยนไปมาก อย่างน้อยก็เปลี่ยนไปมากหลังจากที่เจอกันครั้งล่าสุด

    ไปสุสานมาแล้วหรอ.. ครบหนึ่งปีแล้วสินะ ปาร์คจองซูทอดสายตามองไปยังหิมะเบื้องหน้า ใจก็คิดไปถึงใครอีกคนที่มักจะมีรอยยิ้มหวานๆเสมอ

    นายจากไปได้ปีนึงแล้วสินะ...

    ทิ้งความทุกข์ไว้ให้คนเบื้องหลัง...

    ไว้ให้คนทุกคนที่รักนายและยังคงไม่ลืมนาย...

    เหมือนฮยอกแจคนข้างๆพี่ตอนนี้


    ฮยอกแจไม่ได้ตอบ แต่จองซูก็พอจะได้ยินมาบ้างว่าคนๆนี้ไปที่สุสานทุกวัน ยังคงเฝ้ารอให้ทงเฮกลับมา

    ถึงแม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม....



    นายรู้รึเปล่า.. วันนั้นทงเฮอยากจะพูดอะไรกับนาย ประโยคนี้ทำให้ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมอง แววตาเต็มไปด้วนความสงสัย จองซูเห็นดังนั้นจึงพูดต่อ

    ทงเฮบอกกับพี่ว่าวันนั้นเขาจะบอกนายทุกอย่าง... เขาจะบอกว่าทำไมเขาถึงขอนายเลิก

    ก็เขาไปคบกับพี่ไม่ใช่หรอครับ ฮยอกแจแทรกขึ้นกะทันหัน คนข้างๆได้แต่ยิ้มบางๆให้กับความคิดเด็กๆของอีกคน

    ทงเฮน่ะ... เขาเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย หมอบอกว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือน เขาถึงอยากจะให้นายเลิกรักเขา นายจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดมากเกินไปเวลาที่เขาจากไป

    เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางหัวลีฮยอกแจ...

    อะไรนะ??

    เขาได้ยินไม่ผิดใช่ไหม...

    นี่เขา... เข้าใจทงเฮผิดมาตลอดเลยหรอ

    ที่ทงเฮทำไป.. ก็เพื่อเขา

    แล้วทำไม.. ทำไมเขาถึงทำแบบนั้นไป


    ทำไม... ทำไมถึงต้องเมินหน้า

    ทำไม... ถึงต้องทำให้ทงเฮเจ็บปวด

    ทำไม... ทำไมถึงไม่ไปตามนัด

    ทั้งๆที่ถ้าไป... อาจจะทำให้ทงเฮอยู่กับเขานานกว่านี้

    ทำไมฮยอกแจ... ทำไมนายถึงทำแบบนี้

    ทำไมนายโง่แบบนี้.... โง่เหลือเกิน






    ฮยอกแจผุดลุกขึ้น ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงคว้ากระบอกปืนสีดำสนิทออกมา

    เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้นานแล้ว...

    ชั้นจะพิสูจน์ว่า... ความตายไม่สามารถแยกเราสองคนออกจากกันได้


    ชั้น... กำลังจะไปหานายแล้วนะทงเฮ



    ปัง!!!!!!!!!!!




    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Title : Heaven's snow

      Couple : EunHae

      Author : linwenya@ZWPH


      แต่งอีนเฮมาให้อ่านบ้างเพราะอาจจะมีหลายคนแอบคิดถึง(ฮ่าๆๆๆ) ก็ฟิคเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากMV First Snow ของ SG Wannabe กับเพลงนี้ที่อยากให้ฟังระหว่างอ่าน จิ้มเรยจ่ะ^^ แต่งไปก็แอบน้ำตาคลอไปด้วย (ฮ่าๆๆๆ) ขอย้ำว่ากรุณาฟังเพลงไปพร้อมๆฟิคนะคะมันจะเข้าถึงอารมณ์มากกก 55+


      - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -




      สรวงสวรรค์...

      ดินแดนหลังความตายที่สวยงาม...

      สรรพสิ่งล้วนขาวโพลนและคงไปด้วยความงดงาม...

      ทุกย่างก้าวมีแต่ความสุขและเสียงหัวเราะ...



      แต่ท่ามกลางดอกไม้หลากสีที่กำลังชูช่อหยอกล้อกับเหล่าผีเสื่อนั้น...

      ร่างบางของหัวใจดวงนึงที่แตกสลาย...

      กำลังทอดสายตาแสนเศร้ามองลงไปยังดินแดนเบื้องล่าง...

      โลกมนุษย์... ที่เขาจากมา







      เพราะหัวใจเรียกร้อง...

      ร่างกาย... จึงพาเขามาที่นี่


      ‘ช่องว่างของสวรรค์’

      สถานที่เดียวบนนี้ที่จะสามารถนั่งเฝ้ามองดูความเป็นไปของโลกมนุษย์...

      มองดูบ้านที่เขาเคยอยู่...

      มองดูเพื่อนเล่นสมัยเด็ก...

      มองดูโรงเรียนตอนประถม...

      มองดูสนามฟุตบอลที่วิ่งเล่นตอนสมัยมัธยม...

      มองดูสิ่งต่างๆเปลี่ยนไปตามกาลเวลาหลังจากที่เขาจากมา


      และเฝ้ามอง.. ใครอีกคน.. ที่เจ็บปวดที่สุด

      กับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของเขา...

      ฮยอกแจ...

      ชั้นอยากจะกลับไปหานายเหลือเกิน...

      ชั้นอยากจะบอกบางสิ่งบางอย่างกับนาย...

      อะไรบางอย่างที่ชั้นไม่มีโอกาสได้บอก...

      อะไรบางอย่าง.. ที่จะทำให้ชั้นและนายไม่ต้องเสียใจเหมือนที่เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้

      ฮยอกแจ...

      ชั้นอยากจะพบนาย.. อีกซักครั้ง









      ร่างบางในชุดสีขาวนอนคว่ำลงบนพื้นหิมะสีขาวโพลน ใบหน้าที่แนบกับพื้นอันหนาวเย็นขาวซีดไร้เลือด มีหิมะจับตรงขนตาและเส้นผมสีดำสนิท ลมหายใจที่มี.. แผ่วเบาใกล้หมดลมลงไปทุกที

      ร่างสูงวิ่งตรงเข้ามาหาก่อนจะถอดเสื้อตัวนอกห่มร่างบางไว้ แล้วกอดให้ความอบอุ่นกับร่างกายที่เย็นเยียบพอๆกับหิมะที่ยังคงโปรยปรายลงมา

      “ชะ..ชั้น...” ริมฝีปากปากที่ขาวซีดเหมือนหิมะเอื้อนเอ่ยได้เพียงเท่านั้นก็หยุดไป ร่างบางไม่เคลื่อนไหวอีกแล้ว ถูกความหนาวรุมทำร้ายจนหมดลมหายใจ

      พอๆกับใครอีกคนที่หัวใจถูกทำร้ายจนเจ็บปางตายในวินาทีนั้น


      “ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!” ลีฮยอกแจตื่นขึ้นมาพร้อมกับภาพในความฝันที่ยังคงตามมาหลอกหลอน

      .... ภาพที่ร่างบางขาวซีดจนกลืนไปกับหิมะรอบตัว ....


      ฝันร้ายอีกแล้ว....

      ฝันร้ายที่ตามมาหลอกหลอนเขาทุกวันแม้ว่าเวลาจะผ่านไปเกือบปี...

      ความฝันที่ทำให้เขายังคงเจ็บปวดและจมปลักอยู่กับความผิดในอดีต...


      เพราะความจริงข้อหนึ่งที่เขาไม่มีวันลืม

      ความจริงที่ว่า....

      ทงเฮ... คนที่เขารัก...

      ตายเพราะเขา...






      ร่างสูงทิ้งตัวลงบนม้านั่งไม้เก่าๆที่คุ้นเคย มือหนาไล่จับไปตามแขนม้านั่งที่เริ่มซีดผุไปตามกาลเวลา

      ม้านั่งไม้ที่เขาและทงเฮเคยมานั่งเล่นด้วยกันบ่อยๆ

      ม้านั่งที่ครั้งหนึ่ง... เคยเป็น ‘ที่ของเรา’

      ไม่ได้มาที่นี่นานแค่ไหนแล้วนะ...

      คงจะตั้งแต่... ตอนที่นายจากไป...



      ลีฮยอกแจจ้องมองพื้นหญ้าสีเขียวสดที่ตอนนี้ถูกปกคลุมหนาไปด้วยหิมะจนไม่เห็นต้นหญ้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองฟ้าเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรขาวๆเย็นๆตกลงมากระทบตัว ปุยหิมะสีขาวสนิทกำลังโปรยปรายลงมา....

      เหมือนกันไม่มีผิด...

      หิมะสีขาวโพลน... อากาศที่หนาวเหน็บกัดกินไปถึงขั้วหัวใจ

      เหมือนกันเลยทงเฮ...

      เหมือนตอนที่นายจากไป....






      “ฮยอกแจ...” ร่างบางที่กุมมือคนข้างๆเดินไปพร้อมๆกันเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ “เรา... เลิกกันเถอะนะ”

      ร่างสูงหยุดเดินก่อนจะหันกลับมามองคนข้างๆอย่างแปลกใจ

      “พูดอะไรน่ะหืม? วันนี้ไม่ใช่วัน April Fool day ซะหน่อย” ลีฮยอกแจเอ่ยยิ้มๆก่อนจะลูบหัวคนข้างๆเบาๆอย่างเอ็นดู

      นายนี่น่ารักจังเลยน้าาาา...

      น่ารักจนชั้นชักจะหลงนายจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วล่ะสิ

      ความผิดนายนะเนี่ย... รับผิดชอบเลยยยยยย

      รักกันแบบนี้ไปตลอดชีวิตเลยโอเคมั้ย >/////<


      ร่างสูงอมยิ้มกับความคิดตัวเองที่ถ้าพูดออกมาให้ทงเฮฟังคงจะโดนทุบจนกระอักเลือดเป็นแน่ ก่อนจะเริ่มหุบยิ้มเมื่อดวงตาดำสนิทของคนตรงหน้าเริ่มมีน้ำตารื้น ฮยอกแจเริ่มมองอย่างตกใจ “เป็นอะไรไปน่ะ! ใครทำอะไรนายหรอทงเฮ.. บอกชั้นมาสิ! ชั้นจะไปจัดการมัน!!”

      ลีฮยอกแจบอกอย่างโมโหเมื่อคิดว่าคงจะมีใครมาทำร้ายอะไรคนน่ารักของตนเป็นแน่แท้ แต่ยิ่งร่างสูงแสดงอาการแบบนั้น ทงเฮก็ยิ่งร้องไห้ไม่หยุด

      ผิดไหม...

      ถ้าจะทำร้ายคนๆนี้

      คนที่ดีกับเขาตลอดมา...

      คนที่คอยเป็นห่วงเป็นใย...

      คนที่อยู่เคียงข้างเขาเวลาไม่มีใคร...


      ผิดไหมถ้าต้องทำร้ายนาย...

      ขอโทษนะฮยอกแจ...



      “ไม่มี..ฮึก ไม่มีอะไร” พูดพลางสั่นหัวน้อยๆก่อนจะปาดน้ำตาทิ้ง แล้วแข็งใจพูดประโยคต่อไปออกมา

      ประโยคที่ยิ่งพูดออกไป.. ก็ยิ่งกรีดแทงหัวใจตัวเองไปทีละนิด

      “เลิก.. ฮึก เลิกกันเถอะนะ ฮยอกแจ.. ฮึก เราเลิกกันเถอะ” พูดจบทำนบน้ำตาที่กลั้นมานานก็ไหลอย่างหยุดไม่อยู่

      เสียใจ...

      ที่ต้องทำร้ายหัวใจคนตรงหน้าด้วยมือของเขาเอง...


      ฮยอกแจดึงร่างบางเข้ามากอดแน่นทันทีที่หยาดน้ำตาใสๆไหลลงมาอาบแก้ม ทงเฮซุกหน้าหวานเข้าที่อกของร่างสูงอย่างโหยหาไออุ่น คำที่แข็งใจพูดหายไปจากสมองทันทีที่ได้รับอ้อมกอด

      ใจอ่อนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้....



      ร่างสูงลูบผมสีดำสนิทเบาๆเป็นเชิงปลอบ แม้จะตกใจและไม่เข้าใจก็ตามว่าทำไมร่างบางถึงขอบอกเลิก “อย่าร้องไห้เลยนะฮยอกแจ... ถ้านายอยากเลิกชั้นก็จะเลิก ตามใจนายทุกอย่าง.. ขอแค่พวกเรายังรักกันเหมือนเดิม ไม่จำเป็นต้องคบกันก็ได้” ทงเฮชะงักเมื่อได้ยินคำว่าเลิก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองฮยอกแจ จุดมุ่งหมายของวันนี้โบยบินกลับเข้าสมองอีกครั้ง

      แต่ไม่ได้กลับเข้าหัวใจ....


      เข้มแข็งไว้ลีทงเฮ...

      นายตัดสินใจไปแล้ว.. จะหยุดมันตอนนี้ก็สายเกินแก้

      ทางเดียวที่ทำได้... คือเดินหน้าต่อไป


      “ไม่ใช่แค่เลิกกันลีฮยอกแจ... ชั้นขอให้นายเลิกรักชั้น” ทงเฮพูดเสียงเรียบด้วยใบหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึก พูดออกไปทั้งๆที่ความจริงแล้วแม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

      .... ว่าตนเองต้องการแบบนั้นจริงๆรึเปล่า.....


      ลีฮยอกแจจ้องมองใบหน้าหวานอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง แต่สีหน้าเรียบเฉยไม่รู้สึกรู้สาอะไรของทงเฮก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดี ว่าคนๆนี้พูดจริง…


      ประโยคแรกที่ผุดขึ้นมาในสมองคือ...

      .....ทำไม.....


      และประโยคต่อจากนั้นคือ...

      .....ทำไม่ได้หรอก.....


      “ทำไม่ได้หรอกทงเฮ... ชั้นเลิกรักนายไม่ได้หรอก”

      ก็ในเมื่อ... รักคนๆนี้มากจนยอมให้ได้ทุกอย่างแบบนี้

      เลิกรักไม่ได้หรอก...

      ข้อเดียวที่ทำให้ไม่ได้... คื อ เ ลิ ก รั ก น า ย



      “ต้องได้สิฮยอกแจ... เลิกรักคนๆนี้.. เ ลิ ก รั ก ลี ท ง เ ฮ”

      อยากจะรู้ว่าทำไม...

      ทำไมถึงต้องคาดคั้น... ต้องบีบบังคับกันแบบนี้

      แต่ก็ไม่ได้ถาม..

      เพราะเชื่อใจ.. เพราะรู้ว่าลีทงเฮคนนี้คงจะมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ยังไม่สามารถบอกเขาได้ตอนนี้

      รักมากเกินไป... เชื่อใจมากเกินไป..

      จนสุดท้าย...

      ความเชื่อใจที่ให้ไปนั้นก็ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองในภายหลัง....


      “ขอโทษนะทงเฮ... แต่ชั้นเลิกรักนายไม่ได้จริงๆ”






      วันเวลาผ่านไปอาทิตย์กว่าๆ บทสนทนาเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในหัวสมองของลีฮยอกแจอีกต่อไปแล้ว ร่างสูงลืมมันไปจนหมดสิ้น

      “กลับบ้านกันเถอะ” ลีฮยอกแจกุมมือคนที่อยู่โต๊ะข้างๆอย่างเบามือ ก่อนจะใช้มืออีกข้างนึงถือกระเป๋าของคนตรงหน้า หลังจากที่นักเรียนในห้องต่างพากันทยอยออกจากห้องเรียนเพื่อกลับบ้าน

      “นายกลับไปก่อนเถอะ.. ช่วงนี้ชั้นจะกลับบ้านกับพี่จองซู” ร่างบางเสียงเรียบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาสบตา มือก็ดึงกระเป๋าที่อยู่ในมืออีกคนกลับคืนมา

      “ทำไมล่ะ? เมื่อกลางวันนายก็ไม่ได้ไปทานข้าวกับชั้น... เกิดอะไรขึ้นหรอทงเฮ”

      “ไม่มีอะไรหรอก... ไม่อยากจะรบกวนนาย บ้านก็อยู่คนละทางกัน... ชั้นกลับกะพี่จองซูดีกว่ายังไงก็อยู่บ้านใกล้ๆกัน”

      “ไม่เห็นเป็นอะไรเลย... ชั้นก็ไปส่งนายอยู่ทุกวัน” ฮยอกแจบอกยิ้มๆก่อนจะเอื้อมมือหยิบกระเป๋ากลับคืนมาแล้วลากร่างบางไป

      “บอกว่าไม่ก็ไม่ไง!!!!!” ลีทงเฮสะบัดมือออกก่อนจะตวาดเสียงดังลั่น “ช่วยเข้าใจอะไรง่ายๆหน่อยได้มั้ยฮยอกแจ! ชั้นไม่ได้รักนายแล้ว... ชั้นเบื่อนายแล้ว เลิกทำเป็นไม่รู้เรื่องแบบนี้ซะทีเถอะ!!!” พูดจบก็กระชากกระเป๋ากลับมาแล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมามองร่างสูงอีกเลย


      ถูกอย่างที่ทงเฮพูด...

      ไม่ใช่จำไม่ได้.. แต่พยายามจะไม่สนใจ

      โกหกตัวเอง... ใช้ชีวิตต่อไปเหมือนไม่ได้ยินคำๆนั้น

      ลองใหม่อีกครั้ง.. ทำให้ดีที่สุด...

      เผื่อร่างบางจะเปลี่ยนใจ...

      แต่สุดท้าย...

      ก็ลงเอยด้วยคำว่า ‘ เ ลิ ก ’ อยู่ดี

      ชั้น... ยังพยายามไม่พอใช่มั้ยทงเฮ







      “พี่จองซู~!!!!!!!” ลีทงเฮตะโกนเรียกอย่างออดอ้อน ก่อนจะกระโดดเข้ากอดแล้วซุกหน้าหวานลงตรงไหล่ของพี่ชายข้างบ้าน หรือปาร์คจองซูที่ยืนรอขาแข็งเกือบชั่วโมง

      “นี่ๆๆ ไม่ต้องเลย... ให้พี่รอตั้งนานแล้วยังจะมาทำเป็นอ้อนอีกนะ ไม่ยกโทษให้หรอก!” จองซูพยายามดันไหล่คนที่กอดตัวเองแน่นออก แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อรู้สึกชื้นๆตรงไหล่ข้างที่คนหน้าหวานซุกอยู่

      “เป็นอะไรไปทงเฮ.... ร้องไห้ทำไม!?” พี่ชายข้างบ้านถามอย่างตกใจ ก่อนจะดันไหล่คนที่กำลังร้องไห้อยู่ออกมาคุยกันให้รู้เรื่อง ตาและจมูกที่บวมแดงของคนตรงหน้าก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าลีทงเฮคนนี้ผ่านการร้องไห้มาหนักขนาดไหน

      “ผม... ฮึก ผมเจ็บจังเลยพี่ซองจู... ทำไม.. ยิ่งผมเห็นสีหน้าของฮยอกแจแบบนั้นผมก็ยิ่งเจ็บ... ทำไม.. ฮึก ทำไมมันถึงยากเย็นแบบนี้... ฮือ.. ผมไม่รู้ว่าผมจะแข็งใจทนไปได้ถึงเมื่อไหร่ พี่ครับ.. ฮึก ผมทรมานจังเลย...” ร่างบางโผเข้ากอดอีกรอบก่อนจะระบายความในใจทุกอย่างออกมา

      ระบายความทุกข์ทุกอย่างผ่านทางน้ำตา

      ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่า... ความทุกข์นั้นจะไม่มีวันหมดก็ตาม


      จองซูมองน้องชายอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี เจ็บปวดแทนกับความรักของทงเฮที่จะต้องจบแบบนี้

      แต่ถ้าเป็นเขา... เขาก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไร

      มันมืดบอดไปหมด....


      “แล้วไม่มีทางอื่นเลยหรอทงเฮ... หนทางที่จะไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้”

      “พี่จองซู... ฮึก พี่ก็รู้ว่าผมเป็นอะไร ผมตัดสินใจแล้ว.. ฮือออ มันเป็น.. ฮึก เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับผมกับฮยอกแจ...” ปาร์คซองจูพยักหน้ายอมรับกับชะตากรรมที่แสนโหดร้ายของร่างบาง

      โลกนี้มันช่างโหดร้ายนัก...

      เหลือทางออกไว้ให้หนึ่งทาง...

      แต่ทางออกนั้น... กลับเป็นทางที่เจ็บปวดที่สุด


      ทำร้ายหัวใจตัวเอง...

      ทำร้ายหัวใจของคนที่รัก...

      ทำร้ายทุกสิ่งทุกอย่าง... ด้วยน้ำมือของตัวเอง

      โหดร้าย...

      โหดร้ายเกินไปจริงๆ






      ร่างสูงยืนมองดูคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนและพี่ชายข้างบ้านของทงเฮที่ชื่อว่าจองซูด้วยใบหน้าเรียบเฉย แววตาทอดมองไปอย่างคนไร้วิญญาณ


      ไม่มีแม้แต่หยดน้ำตา...

      เพราะหัวใจ...

      มันเจ็บปวดเกินไปจนเริ่มด้านชาไร้ความรู้สึก...


      นี่สินะ... เหตุผลของนาย

      เหตุผลที่ชั้นไม่ได้ถาม... แต่นายก็แสดงออกมาให้ชั้นรู้ด้วยตัวนายเอง

      ว่านายไม่ใช่แค่เบื่อชั้น...

      ไม่ใช่แค่ไม่รักชั้นแล้ว...

      แต่นายมีคนอื่น... นายแค่เปลี่ยนไปรักคนอื่นแล้วเท่านั้นเอง


      เป็นชั้นคนเดียว...

      ชั้นคนเดียวที่โง่มาตลอด...

      ชั้นคนเดียวที่ยังคงหลอกตัวเองซ้ำๆ

      หลอกว่านายยังรักชั้น... หลอกว่าที่นายบอกเลิกไปคงเพราะเหตุผลอะไรบางอย่าง


      ตาสว่างได้แล้ว...

      รู้สึกตัวได้แล้วลีฮยอกแจ…


      นายน่ะ... ตาบอดมาตลอดเลยรู้มั้ย







      โต๊ะหลังห้องสองตัวที่ทั้งสองหวงแหนตลอดมา..

      โต๊ะของลีฮยอกแจและลีทงเฮ...

      บัดนี้ถูกแยกออกจากกัน

      ด้วยมือของทั้งสองเอง...


      ไม่มีคนสองคนที่นอนหันหน้าเข้าหากันด้วยรอยยิ้มอีกต่อไป..

      ไม่มีคนสองคนที่แอบจับมือกันใต้โต๊ะ...

      ไม่มีคนสองคนที่พร้อมใจกันนั่งลอกการบ้านเคียงข้างกัน...

      ไม่มีบรรยากาศที่อบอุ่น.. อบอวลไปด้วยความรัก

      ไม่มีอีกแล้ว....



      มีแต่น้ำตา... ที่หยดลงบนโต๊ะไม้ทุกวัน

      มีแต่รอยขีดเขียนบนโต๊ะ... ที่คนทำเหม่อลอยไม่รู้สึกตัว

      มีลีทงเฮ... ที่ตาบวมแดงทุกวัน

      มีแต่ลีฮยอกแจ... ที่ไร้วิญญาณ





      ความสัมพันธ์ของคนสองคน...

      เริ่มต้นแล้วก็สิ้นสุด...

      เป็นไปตามสัจธรรมของโลก...


      แต่ทำไม.. ทำไมเขาถึงรับไม่ได้

      ทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นคนเริ่มเอง...

      ทำไมถึงยังร้องไห้ทุกวัน...

      เห็นหน้านายแบบนั้น...

      เห็นแววตานายแบบนั้น...

      ลีทงเฮคนนี้ก็ยิ่งเจ็บ...

      หัวใจมันทรมาน...

      เจ็บเหมือนถูกบีบรัดจนแทบจะขาดอากาศหายใจ...



      อยากให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม...

      มันช้าไปไหม... ช้าไปรึเปล่าที่เพิ่งจะคิดได้

      นายจะยังยอมรับไหมฮยอกแจ...

      ถ้าชั้นอยากจะบอกว่า...

      อยากให้เรากลับมารักกันอีกครั้ง...


      มันจะเป็นไปได้รึเปล่า...

      เวลาของชั้น.. นับถอยหลังลงไปทุกวัน

      เพิ่งจะรู้ว่าสิ่งต่างๆมีค่า...

      เมื่อตอนที่ชั้นจะไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของมันอีกต่อไปแล้ว

      เพิ่งจะรู้... เอาตอนที่กำลังจะสาย

      กลับใจตอนนี้ทันไหม...

      นายจะให้อภัยชั้นมั้ยลีฮยอกแจ...






      กระดาษสีขาวมีลายมือเล็กๆของคนที่คุ้นเคยถูกสอดเข้าไปในใต้โต๊ะของร่างสูง ลมหนาวพัดโชยจนคนที่สอดมันลงไปต้องกระชับผ้าให้แนบกับตัวอีกครั้ง

      ที่เดิมนะฮยอกแจ...

      ที่ม้านั่งไม้ของเรา...

      ชั้นจะรอนาย...

      ชั้นจะบอกนายทุกอย่างก่อนที่ชั้นจะไม่มีโอกาสได้บอก...

      เพราะชั้นรู้ว่าเวลาของชั้นเหลือน้อยเต็มทน...

      มาให้ได้นะลีฮยอกแจ...

      ชั้ น จ ะ ร อ น า ย . . .







      กระดาษสีขาวใบนั้นถูกอ่านเป็นรอบที่ล้าน ลีฮยอกแจรู้ดีว่านี่เป็นลายมือใคร แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร

      จากกันด้วยดีแล้วไม่ใช่หรอทงเฮ...

      ยังจะนัดชั้นไปเพื่ออะไร....

      หัวใจของชั้น... เจ็บแล้วจำนะทงเฮ

      ชั้นจะไปเพื่อให้นายทำร้ายหัวใจของชั้นอีกครั้งทำไม…





      เย็นนั้นลีฮยอกแจเอาแต่ขลุกตัวอยู่ในห้อง หาอะไรทำให้ตัวเองไม่ว่าง ให้จิตใจไม่เหม่อลอยคิดไปถึงใครบางคน

      แต่จะรู้ตัวมั้ยนะว่าตัวเองเหลือบมองนาฬิกาทุกสามสิบวินาที...

      เลยเวลานัดแล้วสินะ...


      เขาไม่ได้รักลีทงเฮแล้ว...

      จะไป.. เพื่ออะไร?


      ร่างสูงนั่งพับนกกระเรียนเล่นไปเรื่อยเปื่อย

      อากาศหนาวแบบนี้...

      ลมแรงแบบนี้....

      คืนนี้หิมะคงจะตกหนักเลยสินะ...


      คิดๆอยู่ไม่ทันไร เงยหน้าขึ้นมองหน้าต่าง ก็พบกับหิมะสีขาวโพลนที่ค่อยๆตกลงมาทีละน้อย ก่อนจะเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

      พายุหิมะหรอเนี่ย...




      คิดไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะหยุดลงเมื่อนึกถึงลีทงเฮคนที่นัดเขา

      ป่านนี้คงจะกลับบ้านไปแล้วล่ะมั้ง...

      เค้าไม่ได้มีค่าอะไรมากมายให้ยืนรอท่ามกลางพายุหิมะหรอก...

      ลีฮยอกแจคนนี้ไม่ได้มีค่ามากมายขนาดนั้น...


      .
      .
      .
      .
      .

      แต่ถ้ายังรออยู่ล่ะ????

      ถ้ายังเป็นลีทงเฮคนเดิม... ร่างบางต้องรออยู่แน่ๆ

      ถ้าเป็นทงเฮคนเดิม...

      ไม่ว่าอากาศจะเป็นอย่างไร...

      ไม่ว่าใครจะบอกว่ายังไง...

      ทงเฮคนนั้น... ก็จะยังคงรออยู่ที่เดิมโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแน่นอน




      สุดท้ายก็แพ้ใจตัวเอง...

      ครั้งสุดท้ายนะทงเฮ.. ชั้นสาบานเลยว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ชั้นจะทำเพื่อนาย

      จะออกไปหานายซักครั้ง..

      หวังว่าจะคอยอยู่ละกัน...





      ลีฮยอกแจเดินฝ่าสภาพอากาศที่ย่ำแย่อย่างทุลักทุเล อากาศหนาวแบบนี้เสื้อโค้ทหนาๆก็เอาไม่อยู่ ถึงแม้หิมะจะเริ่มหยุดแล้วก็ตาม แต่พื้นที่หนาไปด้วยหิมะแบบนี้ก็ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างยากลำบาก

      ร่างสูงเดินมาจนเริ่มเห็นม้านั่งตัวนั้น

      แต่ก็ไม่เห็นทงเฮเลย...


      คิดไปเองคนเดียวอีกแล้วสินะ..

      ก็บอกแล้วไงว่าลีฮยอกแจคนนี้ไม่ได้มีค่าพอถึงขนาดที่จะให้คนอย่างลีทงเฮยืนรอท่ามกลางพายุหิมะหรอก



      ฮยอกแจคงจะเดินกลับไปแล้วถ้าไม่เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างนอนกองอยู่บนพื้น

      ทงเฮ!!!!!!!


      ชาวาบไปทั้งตัวจนเกือบลืมหายใจ ร่างสูงรีบวิ่งตรงเข้าไปหาร่างบางที่นอนไม่ได้สติอยู่กับพื้น ก่อนจะถอดเสื้อโค้ทตัวหนาคลุมทงเฮไว้แล้วกอดทับอีกที

      ร่างบางตัวเย็นเฉียบ ขาวซีดไม่ต่างจากหิมะรอบตัว เกล็ดหิมะที่ยังค้างอยู่ที่ขนตาและเส้นผมสีดำสนิทก็พอจะบ่งบอกได้ว่าคนตรงหน้านี้รอเขาอยู่นานขนาดไหน

      ฮยอกแจกระชับอ้อมกอดแน่น เจ็บแปลบไปถึงขั้วหัวใจ

      “ทำไมทงเฮ.. ทำไมนายโง่อย่างนี้” คำพูดต่อว่าพร่างพรูออกมาไม่หยุดพอกับน้ำตา ลีทงเฮได้แต่ยิ้มบางๆก่อนจะเอื้อมมือที่ขาวซีดและเย็นเฉียบค่อยๆปาดน้ำตาคนตรงหน้าเบาๆ

      “ขะ.. ขอบ.. ขอบคุณนะ ขอบคุณที่มา” ไอเย็นลอยฟ่องออกจากปากของร่างบาง ฮยอกแจยิ้มรับทั้งน้ำตา จดจำคำพูดทุกอย่างของร่างบาง

      เพิ่งจะรู้ตัว... ว่าจริงๆแล้วก็ยังคงรักคนๆนี้อยู่

      ยังรักเหมือนเดิม.. หรืออาจจะมากกว่าแต่เก่า

      เพราะฉะนั้น.. นายต้องอยู่ให้ชั้นรักต่อไปนะทงเฮ

      อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปเลย...


      “ชะ.. ชั้น..” ร่างบางกำลังจะพูดต่อแต่ก็หยุดไป ร่างทั้งร่างไม่เคลื่อนไหวอีกแล้ว

      ทงเฮตายแล้ว...

      ตายไปในอ้อมกอดของเขา...


      ไม่จริงใช่มั้ย...

      นี่คือความฝันใช่มั้ย...

      ทงเฮตัวจริงคงไม่โง่ทำอะไรแบบนี้หรอก

      ใครก็ได้บอกเขาทีว่ามันไม่จริง!!

      นี่คือความฝัน..

      ทงเฮตัวจริงกำลังรอเขาอยู่ที่โรงเรียนแล้วพูดว่า

      ‘สายอีกแล้วนะนาย’

      ใช่มั้ย?

      บอกเขาทีว่านี่เป็นแค่ความฝัน

      ใครก็ได้ปลุกเขาจากความฝันที่โหดร้ายนี้ที..

      ใครก็ได้..

      พาเขาออกไปจากที่นี่ที...







      ฮยอกแจเหม่อคิดไปถึงเรื่องในอดีต ก่อนจะรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อมีใครอีกคนทิ้งตัวลงข้างๆ

      “พี่จองซู?” ร่างสูงเอ่ยถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ พี่ชายข้างบ้านคนนี้ของลีทงเฮเปลี่ยนไปมาก อย่างน้อยก็เปลี่ยนไปมากหลังจากที่เจอกันครั้งล่าสุด

      “ไปสุสานมาแล้วหรอ.. ครบหนึ่งปีแล้วสินะ” ปาร์คจองซูทอดสายตามองไปยังหิมะเบื้องหน้า ใจก็คิดไปถึงใครอีกคนที่มักจะมีรอยยิ้มหวานๆเสมอ

      นายจากไปได้ปีนึงแล้วสินะ...

      ทิ้งความทุกข์ไว้ให้คนเบื้องหลัง...

      ไว้ให้คนทุกคนที่รักนายและยังคงไม่ลืมนาย...

      เหมือนฮยอกแจคนข้างๆพี่ตอนนี้


      ฮยอกแจไม่ได้ตอบ แต่จองซูก็พอจะได้ยินมาบ้างว่าคนๆนี้ไปที่สุสานทุกวัน ยังคงเฝ้ารอให้ทงเฮกลับมา

      ถึงแม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม....



      “นายรู้รึเปล่า.. วันนั้นทงเฮอยากจะพูดอะไรกับนาย” ประโยคนี้ทำให้ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมอง แววตาเต็มไปด้วนความสงสัย จองซูเห็นดังนั้นจึงพูดต่อ

      “ทงเฮบอกกับพี่ว่าวันนั้นเขาจะบอกนายทุกอย่าง... เขาจะบอกว่าทำไมเขาถึงขอนายเลิก”

      “ก็เขาไปคบกับพี่ไม่ใช่หรอครับ” ฮยอกแจแทรกขึ้นกะทันหัน คนข้างๆได้แต่ยิ้มบางๆให้กับความคิดเด็กๆของอีกคน

      “ทงเฮน่ะ... เขาเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย หมอบอกว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือน เขาถึงอยากจะให้นายเลิกรักเขา นายจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดมากเกินไปเวลาที่เขาจากไป”

      เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางหัวลีฮยอกแจ...

      อะไรนะ??

      เขาได้ยินไม่ผิดใช่ไหม...

      นี่เขา... เข้าใจทงเฮผิดมาตลอดเลยหรอ

      ที่ทงเฮทำไป.. ก็เพื่อเขา

      แล้วทำไม.. ทำไมเขาถึงทำแบบนั้นไป


      ทำไม... ทำไมถึงต้องเมินหน้า

      ทำไม... ถึงต้องทำให้ทงเฮเจ็บปวด

      ทำไม... ทำไมถึงไม่ไปตามนัด

      ทั้งๆที่ถ้าไป... อาจจะทำให้ทงเฮอยู่กับเขานานกว่านี้

      ทำไมฮยอกแจ... ทำไมนายถึงทำแบบนี้

      ทำไมนายโง่แบบนี้.... โง่เหลือเกิน






      ฮยอกแจผุดลุกขึ้น ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงคว้ากระบอกปืนสีดำสนิทออกมา

      เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้นานแล้ว...

      ชั้นจะพิสูจน์ว่า... ความตายไม่สามารถแยกเราสองคนออกจากกันได้


      ชั้น... กำลังจะไปหานายแล้วนะทงเฮ



      ปัง!!!!!!!!!!!




      - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×