คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : [08] ตัดสินใจ...
"ดารารึเปล่าก็ไม่รู้นะ"
"เค้าถ่ายหนังกันอยู่เหรอ?"
"เหมาะสมกันจังเลยอ่ะเธอ!!!"
เสียงซุบซิบดังขึ้นจากหลายๆที่ แต่ทุกๆเสียงล้วนมีที่มาจากสาเหตุเดียวกัน...คือคนสองคนที่กำลังเดินจึงมือและคุยกันสนุกสนาน
คนหนึ่งมีหน้าตาสวยหวาน ผมสีน้ำตาลเข้มยาวประบ่าที่ถูกรวบไว้ ทำให้ใบหน้าเนียนดูน่ารักยิ่งกว่าเดิม ร่างบางสวมเสื้อกล้ามสีขาวที่ถูกสวมทับไว้ด้วยสเวตเตอร์สีชมพูเข้มลายจุดสีชมพูอ่อนอีกชั้น กางเกงเดฟยีนส์สีอ่อนที่เน้นเรียวขาเล็ก และรองเท้าหุ้มข้อมียี่ห้อ อีกคนหนึ่งก็มีหน้าตาหล่อเหลาประดับด้วยนัยน์ตาคมที่ใครได้เห็นก็ไม่อยากละสายตาถูกปิดไว้ด้วยแว่นกันแดดสีน้ำตาลไหม้เข้ากันได้ดีริมฝีปากหนาที่หลายๆคนอยากสัมผัส ร่างสูงสวมเสื้อแขนยาวสีเทาคลุมด้วยเสื้อไหมพรมมีรูปรุแบบที่ชอบกับกางเกงยีนส์ทรงฮิปฮอปและรองเท้าผ้าใบสีดำสลับขาว ทั้งหน้าตาและการแต่งกายของทั้งสองโดดเด่นและดึงดูดสายตาผู้คนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเมื่อทั้งสองเดินจับมือกัน และเดินคุยกันอย่างสนุกสนานราวกับไม่รู้สึกถึงสายตาของคนรอบข้าง ทำให้หลายๆคนที่เห็นอิจฉากันเป็นแถว
“นานแล้วเนอะที่เราไม่ได้มาเดทกันแบบนี้น่ะ”จุนฮยองหันไปพูดกับฮยอนซึงที่กำลังเดินมองร้านขายของต่างๆรอบตัวอย่างตื่นเต้น
“อื้ม คิดถึงวันที่เราไปลอตเต้ เวิล์ดกันตอนเรียนจบม.4จัง ที่นายถ่ายรูปกับมาสค็อตกระต่ายสีชมพูๆ”
“จำได้ด้วยหรอ?”
“อืม ความทรงจำมันกลับมาค่อนข้างเยอะแล้วล่ะ ถึงจะยังจำได้ไม่หมดก็เถอะ”
“สู้ๆนะ ฉันจะช่วยฟื้นความทรงจำให้นายเอง”
“ครับๆๆ”ฮยอนซึงยิ้มให้จุนฮยองก่อนจะพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ร่างสูงยิ้มกว้างก่อนจะเริ่มเดินเร็วขึ้นพลางดึงข้อมือเล็กเบาๆให้เดินตาม
“อ่า ช้าๆหน่อยสิ จะรีบไปไหนเนี่ย”ฮยอนซึงแกล้งดุแบบยิ้มๆและเริ่มก้าวขาตามจุนฮยอง แต่เพราะจุนฮยองขายาวกว่า เขาเลยต้องเปลี่ยนมาวิ่งเหยาะๆแทน
“มาเถอะน่าๆ ฉันจะพานายไปที่ที่นึง”
“ง่ะ คิดว่าจะพาไปที่ไหนพิเศษ ก็แค่ร้านไอศครีมเนี่ยนะ”
“Yes!! ที่นี่แหละ ปะๆเข้าไปข้างในกันเถอะ”
“กริ๊งๆๆๆ”
“Oh Hi! Jun”ป้าแก่ๆเจ้าของร้านทักจุนฮยองอย่างสนิทสนม คนที่ถูกทักก็ยกมือสวัสดีอย่างร่าเริง
“Hi Jane”
“What would you like to eat today?”(วันนี้จะกินอะไรล่ะ?)
“Ummmm
I would like one cup with 2 scoops of chocolate ice-cream please .”(ผมขอไอติมช็อคโกแล็ตสองลูกครับ)
“OK
What about you? You’re his girlfriend right?”(แล้วหนูล่ะเอาอะไรดี หนูเป็นแฟนของเขาใช่มั้ย?)
“N..No well
I’m”(ม..ไม่ใช่นะ ผม..คือ)
“Yes we’re
something like that”(ใช่แล้วล่ะครับ พวกเรา...เป็นแบบนั้นล่ะ)
“เฮ้ย จุนฮยองบอกแบบนั้นได้ไง เค้าได้คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงกันหมด”ฮยอนซึงหันไปเอ็ดจุนฮยองเบาๆ แต่หน้าเขาเองตอนนี้แดงไปด้วยความอายหมดแล้ว
“ไม่เห็นแปลกเลย..ก็นาย...สวย”จุนฮยองมองตาของฮยอนซึงก่อนจะตอบไปเบาๆ ทำเอาฮยอนซึงหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม
“ฮึ่ย...Oh! I would like 2 scoops of vanilla ice-cream please”ฮยอนซึงหันไปสั่งไอศครีมเมื่อเห็นป้าเจ้าของร้านจ้องเขาตาแป๋ว ก่อนจะเดินไปนั่งอย่างอายๆ
“You guys are so cute! Good luck with your relationship Jun ,Fighting!!!”(เธอสองคนน่ารักมากเลย โชคดีกับความสัมพันธ์ของพวกเธอนะจุน สู้ๆ!!!)
“ไฟท์ติ้ง”จุนฮยองกำมือชูตอบป้าเจ้าของร้าน ก่อนจะเดินตามร่างบางไปที่โต๊ะ
“ทำไมนายต้องไปบอกเค้าด้วยล่ะว่าเราเป็น...แบบนั้นน่ะ”ฮยอนซึงถามอย่างเหวี่ยงๆขึ้นมาทันทีที่จุนฮยองนั่งลงตรงหน้า
“อ่าว ก็เราเป็นแฟนกันจริงๆนี่นาจะอายไปทำไมอ่ะ หรือนายอายที่เป็นแฟนกับฉัน...”ร่างสูงทำหน้าเจื่อนๆไปตอนพูดประโยคสุดท้าย
“ป..เปล่าไม่ใช่อย่างนั้น ก...ก็เวลาเราเดินด้วยกันมีแต่คนคิดว่าฉันเนผู้หญิงนี่นา...ฉันแค่ไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดไป ม..ไม่ได้อายที่เป็นเกย์หรือว่าอะไรอย่างที่นายคิดซะหน่อย...”ฮยอนซึงพูดแก้ตัวอย่างตะกุกตะกักพอเห็นว่าจุนฮยองเริ่มมีสีหน้าไม่ค่อยดี ทำให้ร่างสูงยิ้มกว้างออกมาหลังจากเห็นท่าทางน่ารักๆของร่างบาง
“ว...ว่าแต่นายพาฉันเข้าร้านไอศครีมมาทำไมอ่ะ นายยังไม่ได้บอกสาเหตุฉันเลยนะ”
“ก็พามาทบทวนความทรงจำไง”
“หา...?”
“วันแรกที่ฉันย้ายโรงเรียนเข้าไปใหม่ตอนม.3ไง ฉันขอให้นายพาไปทัวรร์รอบเมืองหลังเลิกเรียน แล้วนายก็พาฉันไปกินไอศครีมร้านใกล้ๆ แต่พอฉันขอเบอร์โทรนาย นายก็แกล้งรับโทรศัพท์จากแม่แล้วก็ชิ่งกลับบ้านไปเลย ทิ้งฉันนั่งรออยู่ตั้งหลายชั่วโมง แถมยังต้องจ่ายค่าไอศครีมให้นายอีก”
“อ่า...จำได้ละๆๆ ฮ่าๆๆๆ นึกถึงแล้วก็สมน้ำหน้า จะนั่งรอฉันอยู่ทำไมตั้งนานล่ะ”
“ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ ว่าเค็กเรียนหน้าเนิร์ดๆเงียบๆแบบนาย จะกล้าชิ่งค่าไอศครีมแบบนั้น ฉันก็คิดว่าเดี๋ยวนายคงกลับมาจ่ายเพราะนายคงมีความรับผิดชอบพออะไรอย่างนี้”
“นายจะว่าฉันไม่มีความรับผิดชอบรึไงฮะ”
“เปล๊า จะร้อนตัวไปทำไมจ๊ะคนสวย”จุนฮยองถอดแว่นกันแดดออกแล้วมองหน้าฮยอนซึงอย่างกวนๆ
“อ...ไอ้บ้า แล้วเมื่อไหร่ไอศครีมจะมานะ”ฮยอนซึงตะโกนขึ้นมาอย่างอายๆ พลางหลบตาจุนฮยองไปทางอื่น ยกมือพัดหน้าแดงๆของตัวเองเล็กน้อยแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย
“Here’s Junnie’s ice-cream and here’s Junnie’s girlfriend’s”(นี่ไอศครีมของจุนนี่ และอันนี้ของแฟนจุนนี่)คุณป้าเจ้าของร้านเอาไอศครีมมาเสิร์ฟหลังจากฮยอนซึงถามถึงครู่หนึ่ง ตอนแรกฮยอนซึงก็ยิ้มอย่างร่าเริง แต่พอได้ยินสรรพนามที่โดนเรียกแล้วก็กลับมาหน้าแดงก่ำอีกรอบ
“No No! This person isn’t my girlfriend and
He’s a man”(ไม่ไม่ คนนี้ไม่ใช่แฟน(สาว)ของผม..แล้ว...เค้าก็เป็นผู้ชาย...)
“Oh!!! OK I get it”(โอ้ว!! โอเค ฉันเข้าใจละ)คุณป้าเจ้าของร้านขยิบตาให้จุนฮยองเป็นเชิงรู้ทันก่อนจะเดินกลับไปยังเคาน์เตอร์
“นายจะบ้าเหรอ ไปบอกเขาทำไมว่าฉันเป็นผู้ชาย”ฮยอนซึงโวยวายขึ้นมาทันทีที่คุณป้าเลิกมองพวกเขา
“อ้าว ก็ตะกี๊นายบอกเองว่าไม่อยากให้เค้าเข้าใจผิดว่านายเป็นผู้หญิง ฉันก็แค่บอกเค้าว่านายเป็นผู้ชาย ส่วนที่เหลือคุณป้าเค้ารู้ด้วยตัวเค้าเองนะ ฉันไม่เกี่ยว”จุนฮยองยิ้มมุมปากอย่างกวนๆ ก่อนจะหลุดหัวเราะเสียงดังเมื่อฮยอนซึงอ้าปากค้างเพราะเถียงเขาไม่ออก
“ช่างเถอะ กินๆไปเลยนายน่ะ”ฮยอนซึงชี้ไอศครีมในถ้วยที่เริ่มละลายของจุนฮยองให้รีบๆกิน ก็เอาแต่นั่งจ้องฮยอนซึงแล้วอมยิ้มอย่างเดียวไม่ยอมกินเลยนี่นา
“คร้าบๆ ก็แค่คิดถึงหน้านายตอนอายแบบนี้อ่ะ นายยังน่ารักเหมือนเดิม ไม่สิ นายน่ารักขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยนะ...รู้ตัวป่ะ”
“บ...บ้า พูดอะไรเว่อร์ๆ ล..แล้ว ฉันก็เป็นผู้ชายด้วย ชมว่าน่ารักมัน..ไม่เหมาะ”
“ฟรือจะให้ชมว่าสวยล่ะ”
“STOP!! ก็บอกว่าไม่ไงเล่า กินไอศครีมให้หมดแล้วก็ไปซ้อมกันได้แล้วไป”ฮยอนซึงค้อนก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น จริงๆแล้วเค้าแค่ไม่อยากให้จุนฮยองเห็นหน้าของเขาตอนอายก็เท่านั้น
“ง่ะ กินก็ได้ๆๆ”ว่าแล้วจุนฮยองก็ก้มลงกินไอศครีมโดยแอบเหลือบมองหน้าแดงๆของฮยอนซึงเป็นระยะ
ฮยอนซึงคนเก่ากลับมาแล้ว^^ มีความสุขจังครับ
"อโลฮ่าทุกคนนนน ซอบบี้มาซ้อมแล้วครับ"เสียงสดใสที่ก็น่าจะรู้ว่าของใครดังมาจากโถงบันได และหลังจากนั้นไม่นานประตูห้องซ้อมก็เปิดออก
"Good morning seobbie hyung...You!!"จงฮุนที่กำลังตั้งเสียงเครื่องดนตรีหันมาทักทายรุ่นพี่คนสนิทแต่ก็ผงะไปเมื่อคนที่ประตูไม่ใช่คนที่เขาคิดว่าเป็น
"ทำไมหรอจงฮุน?...เฮ้ย?!?"จงชินที่หลับอยู่ใกล้ๆถามอย่างงัวเงียก่อนจะอุทานขึ้นอย่างตกใจ
"พวกนายเป็นอะไรกันเนี่ย...นาย!!"ตามมาด้วยจียงอีกคน
"สวัสดีครับทุกคน ไม่ได้มาที่นี่นาน..ยังไม่เปลี่ยนไปเลยนะครับ"ผู้ที่มาใหม่กล่าวทักทายทุกคนอย่างสุภาพก่อนจะโค้งให้ทุกคนเล็กน้อย
"แต่นาย...เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ..ดูจุน"จียงยิ้มเจื่อนๆก่อนจะทักกลับ ดูจุนก็ได้แต่ยืนอยู่ที่ประตู ถ้าจะเดินเข้าไปก็เสียมารยาทเพราะเจ้าของที่ก็ดูไม่ค่อยอยากเจอเขาซักเท่าไหร่...จะทำไงได้ สิ่งที่เขาทำไว้มันแย่จริงๆนี่นะ
"ยุนดูจุน ถอยไปเลยๆๆ ตัวใหญ่แล้วยังจะยืนขวางทางอีก"ร่างเล็กตะโกนตามหลังมาก่อนจะผลักร่างสูงที่ขวางประตูจนเซ โยซอบหันไปยิ้มใส่ดูจุนอย่างสะใจและทักทายทุกคนอย่างอารมณ์ดี
"โยซอบมานี่แป๊บนึงซิ"จียงกวักมือเรียกโยซอบให้เดินไปหา ก่อนสมาชิกคนอื่นในวงที่อยู่ในห้องซ้อมทุกคนจะเดินตามเข้ามาสุมหัว
"มีอะไรหรอฮยอง"
"ถามมาได้ ก็นายน่ะแหละ ทำไมอยู่ดีๆถึงมากับดูจุนได้"
"พอดีเจอกันที่มหาลัยแล้วเขาบอกว่าจะมาที่นี่เหมือนกันเลยติดรถมาแค่นั้นเอง...ว่าแต่ มินฮยอกยังไม่มาหรอ?"
"วันนี้มันคงไม่มาหรอก มันขอลากับพี่ไว้แล้ว"
"อ้าว! ทำไมอ่ะฮยอง ไม่สบายหรอ"
"ไม่รู้นะ...เหมือนมันจะโดนแฟนมันบอกเลิก ถ้าให้มาซ้อมคงใส่อารมณ์จนกลองพังกันไปข้าง"
"นูน่าสวยๆคนนั้นอ่ะนะ เป็นไงมาไงเนี่ย...เห็นก็รักกันดีนี่นา"
"นั่นสิ...มาๆๆ มาซ้อมกันดีกว่า ชักเครียดเกินไปละ"
"อืมๆ งั้นฉันไปตามยุนดูจุนก่อน เขาจะได้ดูๆให้เสร็จแล้วกลับไปซะที"โยซอบทำหน้าเซ็งๆแล้วเหลือบตาไปทางร่างสูงที่ยืนกอดอกมองพวกเขาอยู่ตรงประตู จียงพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนบอกให้ทุกคนแยกย้ายไปเตรียมตัว
"เสียใจด้วย วันนี้คนที่นายอยากเจอไม่มา เพราะฉะนั้นนายกลับไปได้แล้ว"
"ฉันไม่กลับ จะทำไม อย่าลืมสิว่าตอนนี้สถานะของนายคือต้องเชื่อฟังฉันและเถียงฉันไม่ได้"
"ไม่มีเหตุผลอะไรที่นายต้องมาอยู่ที่นี่แล้วไม่ใช่รึไง กลับไปเถอะ...มันเกะกะ"
"ใครว่าฉันไม่มีเหตุผล อย่าลืมว่าฉันมีหน้าที่รับผิดชอบวงของนาย ถ้าวงนายแสดงไม่ดีฉันก็จะโดนเฉ่ง ดังนั้นฉันคิดว่าฉันจะมาดูวงนายซ้อมทุกวันเริ่มตั้งแต่วันนี้"ดูจุนยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนยักคิ้วใส่ร่างเล็กอย่างท้าทาย
"ฮึ่ย!! งั้นจะทำอะไรก็ทำเถอะ ฉันเถียงอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่ อย่ามารบกวนการซ้อมของพวกเราแล้วกัน"ร่างเล็กขึ้นเสียงอย่างเมโหๆแล้วหมุนตัวเดินหนีไป แต่ดูจุนที่แรงเยอะกว่าคว้าแขนร่างเล็กไว้แล้วดึงให้โยซอบหันกลับไป
"โอ๊ย! มีอะไรอีก เรียกดีๆไม่เป็นรึไง!!"
"วันนี้จะมีคนจัดเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานกัน ดังนั้น ช่วยเล่นแต่เพลงที่แฮปปี้ๆด้วย"
"เออ!! พูดแค่นี้ก็จบ"โยซอบเหวี่ยงอย่างพอใจก่อนดึงข้อมือตัวเองกลับไป
"โอ๊ย"ร่างบางร้องออกมาเบาๆก่อนยกมือขึ้นจับไหล่ตัวเองและบีบเบาๆ
"อ..เอ่อ ฉันดึงแรงไปรึเปล่า"ดูจุนมองหน้าร่างเล็กแล้วถามเสียงเบา แววตาของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับคนละคน กลายเป็นแววตาที่เป็นห่วงและรู้สึกผิด เหมือนกับดูจุนคนเดิม...
"รู้ตัวก็ดี"ว่าแล้วโยซอบก็หันหลังก่อนเดินไปประจำที่ไมโครโฟน
ไม่ได้ยังโยซอบ...นายจะใจเต้นให้เรื่องแบบนี่ไม่ได้นะ...อย่าลืมเรื่องที่หมอนั่นทำกับเราสิ...
"มาแล้วๆๆ ขอโทษนะมาสายไปหน่อย"เสียงใสของฮยอนซึงดังขึ้นที่ประตูก่อนร่างบางจะเดินเข้ามาและตามด้วยจุนฮยอง
"สองคนนี้ไปทำอะไรมาเนี่ย มีอะไรที่พี่ไม่รู้รึเปล่า"จียงหันไปแซวทั้งสองคนก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัย
"เรื่องมันยาวน่ะฮยอง เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังวันหลัง มาซ้อมกันก่อนดีกว่า"ว่าแล้วฮยอนซึงก็วางของและมายืนที่ไมค์อีกตัวข้างๆโยซอบ
"ไม่มีกลอง...แล้วจะซ้อมยังไงล่ะครับเนี่ย?"จงฮุนถามขึ้น
"เออ เนอะ..."จียงอุทาน ฮยอนซึงหันไปถามเรื่องกับจียงเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาพยักหน้าอย่างเข้าใจ
"งั้นร้องเพลงแบบอะคูสติกแล้วกัน"
"อ้อ คุณผู้บริหารเค้าฝากมาบอกให้ร้องเพลงมีความสุขหน่อยนะครับ พอดีจะมีขอแต่งงานกัน"
"ว้าว จริงอ่ะ งั้นเราร้องเพลงไรกันดี...ว่าแต่...ดงอุนกะกีกวังไม่มาหรอ?"
"นั่นสิ..."โยซอบพูดขึ้นเบาๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรร้ายแรงรึเปล่า เพราะปกติถ้าจะไม่มากีกวังจะโทรบอกเขาเสมอ
"นายก็ไม่รู้เหรอโยซอบ ปกติพวกนายสองคนจะรู้เรื่องของอีกคนมากเลยไม่ใช่หรอ"
“กีกวังไม่ได้บอกไว้นะครับ คงเรื่องเร่งด่วนมั้ง”
“อืม..งั้นวันนี้ก็ขึ้นแสดงกันแค่นี้ละกันนะ”
“คงต้องอย่างงั้น งั้นเรามาเลือกเพลงกันๆๆ”ฮยอนซึงพูดพลางกวักมือทุกคนเข้ามาสุมหัว
“เพลงไรดีอ่ะครับฮยอง”จวฮุนยืนแทะเล็บไปมองหน้าคนอื่นในวงไป
“เพลงมีความสุข...”จงชินพูดขึ้นพลางมองเพดาน
“เพลงอะคูสติก...อืม...”จุนฮยองพูดขึ้นบ้าง
“รู้แล้ว”โยซอบดีดนิ้วเสียงดัง ก่อนจะยิ้มอย่างภูมิใจ
“หืม เพลงไรๆๆๆ”ทุกคนที่เหลือหันมามองคนตัวเล็กเป็นตาเดียว ไม่เว้นแม้แต่คนที่นั่งเกากีต้าร์อยู่ที่ผนังห้องอีกด้าน
“เพลงนั้นไง เพลงเก่งของพวกเรา”
“อ้ออออออ โอเคๆ งั้นก็เริ่มกันเลย”
“ด.เดี๋ยวสิครับทุกคน เพลงเก่งที่ว่านี่มันเพลงอะไรหรอครับ”
“อ๋อ เจย์ไม่รู้นี่เนอะ มันคือเพลงXXXXไงล่ะ”
“อ้อ เพลงนี้นี่เอง โอเคครับ”
“เอาล่ะนะ 1 2 3 4”
‘ฉันกำลังจะแต่งงาน’
‘ฉันกำลังจะแต่งงาน’
‘ฉันกำลังจะแต่งงาน’
‘ฉันกำลังจะแต่งงาน’
“ฮึก...ฮือ...ทำไมนายไม่บอกฉันตอนนั้นล่ะ...ดงอุน...”
ห้าชั่วโมงก่อน
“ตึกๆๆๆ”กีกวังเริ่มชะลอฝีเท้าลงหลังจากวิ่งแบบไร้จุดหมายมาได้ซักพัก เขาหอบอย่างเหนื่อยๆเล็กน้อยก่อนจะปาดเหงื่อบนหน้าทิ้ง
“ฮยองงงงงงงงงงงงงงงงง รอผมด้วยยยยยยย”มีร์วิ่งตามเขามาหลังจากเขาหยุดไม่นานนัก เขาหันไปมองก่อนจะยกมือทักแต่ไม่ได้ยิ้มเหมือนคราวก่อนๆ ...ตอนนี้เขายิ้มไม่ออกจริงๆ จะฉีกยิ้มยังไม่มีแรงเลยด้วยซ้ำ...
“ฉันก็อยากจะบอกหรอกนะว่าฉันอยากอยู่คนเดียว แต่เห็นสภาพของนายแล้วจะให้นั่งอยู่ด้วยแล้วกัน”ว่าแล้วกีกวังก็หามานั่งใกล้ๆก่อนจะนั่งลงแล้วกวักมือเรียกมีร์ให้ไปนั่งข้างๆ
“งั้นผมไปหาอะไรมาให้ดื่มนะ”ว่าแล้วมีร์ก็วิ่งเข้าร้านขายของชำใกล้ๆ และออกมาพร้อมน้ำโซดาเย็นๆสองกระป๋อง
“นี่ครับ”มีร์นั่งลงก่อนจะยื่นกระป๋องทั้งสองกระปองให้กีกวังแล้วยิ้มกว้าง
“ให้ฉันทำไมตั้งสองกระป๋องเนี่ย?”
“ไม่ได้ให้ดื่มหมดครับ ให้ทำอย่างนี้ตะหาก”ว่าแล้วมีร์ก็ลุกขึ้นเดินอ้อมไปข้างหลังกีกวัง ก่อนเอากระป๋องโซดาประคบที่ตากีกวังทั้งสองข้าง
“ร้องไห้มาเยอะ ทำอย่างงี้ไว้ครับ เดี๋ยวตาจะบวมหมดนะ”
“Thanks”กีกวังเริ่มยิ้มออกเล็กน้อยก่อนรับกระป๋องมาถือเอง
“ยิ้มออกอย่างนี้ก็ดีแล้ว ผมว่าเราดื่มโซดานี่ให้หมดแล้วกลับบ้านนอนกันดีกว่า ตีสามแล้วนะครับ”
“อ่า เวลามันผ่านไปเร็วจังนะ”กีกวังผละกระป๋องโซดาออกจากตา ก่อนจะยื่นให้มีร์หนึ่งกระป๋อง
“ว่าแต่...เมื่อกี๊คุณดงอุนก็ทำเกินไปจริงๆนะครับ...”
“อย่าเพิ่งพูดถึงคนๆนั้นได้มั้ยมีร์...ฉัน...ไม่อยากคิดถึงเค้าตอนนี้”กีกวังถอนหายใจฮ์อกใหญ่ก่อนจะกระดกโซดาเข้าไปเกือบหมดกระป๋อง
เขาไม่ได้โกรธที่ดงอุนว่าเขาหรือพูดดูถูกเขาเพราะเขารู้ว่าที่ดงอุนทำไปก็เพราะเป็นห่วงเขา ซึ่งจริงๆเขาแอบดีใจด้วยซ้ำ แต่เขาเสียใจที่ดงอุนไม่เชื่อใจเขาเลย ทั้งๆที่เวลาดงอุนสนิทสนมกับคนนู้นคนนี้มากเกินเหตุเขาก็ไม่เคยเก็บมาคิดอะไร ตรงกันข้ามกับความเชื่อใจที่ดงอุนมีให้เขามาก...
“ขอโทษครับฮยอง...”
“เฮ้ๆๆ ไม่ต้องรู้สึกผิดขนาดนั้น ฉันแค่ยังไม่มีอารมณ์จะคุยเรื่องนี้เท่านั้นแหละ”จากตอนแรกเป็นคนโดนปลอบ ตอนนี้กีกวังต้องลอบมีร์แทนซะแล้ว ร่างเล็กยิ้มบางๆแล้วหัวเราะกับท่างทางใกล้ร้องไห้เต็มทีของมีร์อย่างหุบไม่อยู่ เขารู้สึกสบายใจขึ้นเยอะพอมีมีร์มาอยู่เป็นเพื่อน เขาเล่าเรื่องของเขากับดงอุนให้มีร์ฟังเกือบหมดทุกเรื่อง และยังระบายความอัดอั้นที่ต้องคอยฉีกยิ้มเวลาหาผู้หญิงสวยๆมาแนะนำให้ดงอุนรู้จัก จนกระทั่งแอบว่าพ่อดงอุนที่ดูถูกเขาอีกด้วย พวกเขาคุยกันอยู่นานจนเกือบถึงตีสี่ พระอาทิตย์เริ่มตั้งเค้าจะขึ้นแต่ทั้งสองคนยังไม่ได้นอนทั้งคู่ พวกเขาก็เลยตัดสินใจไปนอนที่ห้องของมีร์เพราะกีกวังไม่อยากกลับห้องของตัวเอง
“ฮยองนอนห้องนอนห้องนั้นละกัน เจ้าของห้องเค้ากลับเกาหลีไปเดือนกว่าๆละ”
“อืม ขอบคุณนะ”กีกวังพยักหน้าเนือยๆ ก่อนจะเข้าห้องแล้วล้มตัวลงนอนก่อนจะผล็อยหลับไปเกือบจะทันที
“ฮยองๆๆ ตื่นได้แล้วๆ เดี๋ยวฮยองต้องไปเรียนนะครับ”
“อ...อืม อีกแป๊บเดียวน่า”
“ฮยองไม่ตื่นผมปล้ำนะ”
“ว๊ากกกกๆๆ ตื่นแล้วๆๆๆๆ”กีกวังเด้งตัวจากที่นอนทันที มีร์ก็ลงไปขำกลิ้งกับพื้นเรียบร้อยแล้ว
“หูย ฮยองถ้าจะกลัวผมขนาดนี้ บอกไว้ก่อนว่าสเป็คของผมน่ะไม่ตรงกับพี่ซักอย่าง ดังนั้น Don’t worry”มีร์ชูนิ้วโป้งพลางขยิบตาให้ร่างเล็กสามครั้งก่อนจะกลับไปหัวเราะต่อ กีกวังเลยได้แต่นั่งอายอยู่บนเตียง
“งั้นนายออกไปรอข้างนอกแล้วกันนะ เอ้อ นายมีเสื้อผ้ากะแปรงสีฟันให้ฉันยืมป่ะ”
“มีครับๆ ฮยองไปอาบน้ำเถอะเดี๋ยวผมเอามาวางไว้ให้หน้าประตู้ห้องน้ำ”
“โอเค”ว่าแล้วมีร์ก็เดินออกจากห้องไป กีกวังเดินไปที่หัวเตียงก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเครื่อง เพราะในใจก็แอบหวังให้ดงอุนโทรมาง้อเขาเหมือนทุกทีอยู่เหมือนกัน
‘You have 1 message’
แต่ผิดคาด ไม่มีมิสคอลอย่างที่เขาคาดไว้ มีเพียงข้อความหนึ่งข้อความเท่านั้น กีกวังถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเปิดข้อความนั้นอ่าน
(กลับมาที่ปัจจุบัน)
“ฮึก...ฮือ...”กีกวังร้องไห้ออกมาอย่างหยุไม่ได้ เขาไม่เคยร้องไห้หนักแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ...ตั้งแต่เลิกกับดงอุน...?
“ฮยอง...ผม..ไปเรียนก่อนนะ”มีร์พูดเบาๆ ก่อนจะลูบไหล่กีกวังเบาๆแล้วลุกขึ้นยืน
“อ...อืม เดิน..ฮึก..เดินทาง..ปลอดภัยนะ..ฮึก”มีแต่เสียงอู้ๆปนกับเสียงสะอื้นตอบกลับมาจากร่างเล็กบนเตียง มีร์หันกลับไปมองกีกวังอีกครั้งก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออก
(สวัสดีครับ)
“สวัสดีครับดูจุนฮยอง นี่ผมมีร์นะครับ ผมโทรมารบกวนรึเปล่า”
(อ่อ ไม่ๆ ฉันกำลังเบรกอยู่คุยได้ๆ)
“คือว่าฮยองมีเบอร์โทณศัพท์ซนดงอุนมั้ยครับ”
(อืม....น่าจะมีนะ แต่ไม่รู้ป่านนี้จะเปลี่ยนเบอร์ไปรึยัง)
“อ่า ครับ ผมขอก่อนแล้วกัน”
(เดี๋ยวฉันส่งเมสเสจไปให้แล้วกัน)
“Thanks Bye hyung”
“ตรู๊ด ตรู๊ด”หลังจากนั้นไม่นานดูจุนก็ส่งข้อความมาให้มีร์ เขารีบโทรหาเบอร์ที่ได้มาทันที
“ห้องนี้สินะ..”ตอนนี้ดงอุนยืนอยู่หน้าห้องอพาร์ตเม้นท์เรียบร้อยแล้ว เมื่อคืนเขาเก็บของใส่กระเป๋าเรียบร้อยก่อนจะนอนที่ห้องของเขากับกีกวังรอให้เจาตัวกลับมาแต่ไม่มีวี่แวว พอเมื่อเช้ามีร์โทรมาหาเขา เขาก็รีบบึ่งมาที่นี่ทันทีที่วางสาย
“ฮยองเขาอ่านข้อความจากนายแล้วก็ร้องไห้ไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วครับ ตอนแรกผมก็พยายามปลอบแล้วแต่เค้าก็ไม่หยุด เอาแต่พูดชื่อคุณ
ประโยคที่มีร์พูดยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเขา เขาคิดถูกหรือเปล่าที่ส่งข้อความไปแทนที่จะบอกต่อหน้า...?
“ก๊อกๆๆ”ดงอุนยืนทำใจอยู่ซํกพักก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูห้อง
“เจ้าของห้อง..ฮึก...ไม่อยู่นะครับ”เสียงใสเศร้าที่คุ้นหูดังมาจากอีกฝั่งของประตู
“ไม่เป็นไรครับ...เจ้าของห้องเค้าให้ผมมา”
“ด..ดงอุน..หรอ?”
“อืม...”
“.....”
“....”มีแต่ความเงียบระหว่างทั้งสองคน จริงๆตอนนี้ดงอุนอยากจะพูดอะไรหลายอย่าง กีกวังก็เช่นกัน แต่ทุกๆอย่างมันจุกอยู่ที่คอไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่กล้าพูด ดงอุนเองก็อยากจะเอาประตูบานเล็กที่ขวางกั้นพวกเขาอยู่ออกไปให้พ้นตาไม่น้อย แต่ถ้ากีกวังยังไม่เต็มใจจะเปิดมัน เขาก็ไม่อยากบังคับ
“น...นี่ มาถึงที่นี่...ฮึก...จะไม่พูดอะไรเลยเหรอไง”กีกวังพูดด้วยน้ำเสียงที่สดใสขึ้น แต่ดงอุนฟังก็รู้แล้วว่ากีกวังกำลังโกหกตัวเองและโกหกเขา...ว่าไม่เป็นไร
“ฉันขอเข้าไปคุยกับนายได้มั้ย”
“อ..อย่าเลย ห้องมัน..รกน่ะ”กีกวังตอบออกไป แต่จริงๆแล้วในห้องน่ะแทบจะไม่มีอะไรเลย เขาแค่ไม่อยากให้ดงอุนเห็นสภาพของเขาตอนนี้ก็เท่านั้น ตาคงบวมเป็นมะนาวแน่ๆ ก็ร้องไห้มานานขนาดนี้...
“อ..อืม งั้นฉันจะยืนคุยกับนายอยู่ข้างนอกก็แล้วกัน”
“...”
“นาย..ได้ข้อความของฉันแล้วใช่มั้ย”
“อ..อืมได้แล้วล่ะ..เจ้าสาวเป็นใครล่ะ..”
“ยุนโบรา..คนที่นายเจอที่ผับวันก่อน”
“อ่อ เห็นมั้ย..ฉันบอกแล้วว่าพวกนายเหมาะสมกัน”กีกวังพยายามพูดให้ดูมีความสุขที่สุดเท่าที่เค้าทำได้ แต่จริงๆตอนนี้น้ำตาที่เพิ่งจะหยุดไปมันเริ่มกลับมาคลอที่เบ้าตาอีกครั้งแล้ว
“ม..ไม่กีกวัง ฉันไม่ได้มาเพื่อให้นายพูดแบบนั้น”ดงอุนเดินเข้าไปใกล้กับประตูมากขึ้นก่อนจะพิงหัวเข้ากับประตูแล้วเอามือข้างหนึ่งยันไว้
“น..นาย หมายความว่ายังไง?”
“ฉันจะมา...ชวนนาย..หนีไปด้วยกัน”
“ดงอุน...”
“นะ กีกวัง ไปด้วยกัน ไปให้ไกลๆจากที่นี่”
“...ฉัน..ไม่รู้เหมือนกัน”กีกวังตอบเสียงแผ่วเบา น้ำเสียงของเขาสั่ยไปด้วยความกลัวและกังวล เขาอยากจะตอบตกลงใจจะขาด แต่ถ้าพ่อของดงอุนรู้...คงไม่ดีแน่ๆ
“กีกวัง...ฉันรักนายนะ...และถ้านายยังรักฉันอยู่เหมือนกัน...ไปกับฉันเถอะนะ”
“ดงอุน..ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้ว...ฉัน..ขอเวลาคิดหน่อยได้มั้ย”
“งานแต่งงานจะจัดภายในเดือนนี้แล้วนะกีกวัง และนายก็รู้ว่าพ่อของฉันคงรีบจัดให้เร็วที่สุด”
“ว..ว่าไงนะ เดือนนี้?”
“ใช่..เพราะฉะนั้น ไปกันเถอะ วันนี้เลย ก่อนที่ฉันจะไม่มีโอกาสได้มาเจอนายอีก”
“...”มีเสียงใดตอบมาจากอีกฝั่งของประตู ดงอุนถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินออกไปทางระเบียง
“งั้น...ฉันไปนะ” ไม่นะ...กีกวังอยากจะตะโกนเรียกแต่ก็ทำไม่ได้ ร่างบางเริ่มกัดเล็บตัวเองอย่างสับสน
ฉันจะทำยังไงดี...
เขาไม่อยากให้ดงอุนแต่งงาน แต่ก็ไม่อยากพาดงอุนไปเสี่ยง...คิ้วเรียวเริ่มขมวดเข้าหากัน น้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลออกมาอีกครั้ง เขาต้องเลือกซักทางนึง แต่ทางไหนดี...
ฉันขอ...เห็นแก่ตัวซักครั้งคงไม่เป็นไรใช่มั้ย
ความคิดชั่ววูบที่ผุดขึ้นมาในหัวทำให้กีกวังตัดสินใจในที่สุด เขาเหลือเวลาไม่มากแล้ว ร่างบางจับลูกบิดประตูก่อนจะบิดมันอย่างแน่วแน่
“แกร๊ก”เสียงเปิดประตูทำให้ร่างสูงหันกลับไปมองอย่างมีความหวัง
“เข้า...มาก่อนสิ”ก่อนเขาจะยิ้มออกมา
“ในที่สุดนายก็ตัดสินใจได้แล้วสินะ”
อร๊ากกกกกกกกก ในที่สุดก็ได้อัพแล้วแว้วแว้ว
รอนานกันมั้ยคะ ขอโทษนะคะถ้ามันออกมาไม่ดี
มีข่าวร้ายอีกอย่าง....ไรเตอร์จะไปแคนาดา1เดือนแล้วไม่รู้ว่าจะได้อัพรึเปล่า
แต่ไรเตอร์สัญญาว่าไม่ดองแน่นอนค่ะ ไม่นานเกินรอ หวังว่ารีดเดอร์ทุกคนจะรอได้นะคะTT
อย่าเพิ่งเลิกอ่านกันนะคะ ไรเตอร์ขอร้อง แง๊!!!!
ความคิดเห็น