ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ex-Lover (มันจบไปแล้ว...) [Fic BEAST]

    ลำดับตอนที่ #9 : [08] ตัดสินใจ...

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 692
      1
      4 เม.ย. 55

     "ดูสองคนนั้นสิ แฟนกันรึเปล่านะ หน้าตาดีจังอ่ะ ทั้งคู่เลย"

    "ดารารึเปล่าก็ไม่รู้นะ"

    "เค้าถ่ายหนังกันอยู่เหรอ?"

    "เหมาะสมกันจังเลยอ่ะเธอ!!!"

    เสียงซุบซิบดังขึ้นจากหลายๆที่ แต่ทุกๆเสียงล้วนมีที่มาจากสาเหตุเดียวกัน...คือคนสองคนที่กำลังเดินจึงมือและคุยกันสนุกสนาน

    คนหนึ่งมีหน้าตาสวยหวาน ผมสีน้ำตาลเข้มยาวประบ่าที่ถูกรวบไว้ ทำให้ใบหน้าเนียนดูน่ารักยิ่งกว่าเดิม ร่างบางสวมเสื้อกล้ามสีขาวที่ถูกสวมทับไว้ด้วยสเวตเตอร์สีชมพูเข้มลายจุดสีชมพูอ่อนอีกชั้น กางเกงเดฟยีนส์สีอ่อนที่เน้นเรียวขาเล็ก และรองเท้าหุ้มข้อมียี่ห้อ อีกคนหนึ่งก็มีหน้าตาหล่อเหลาประดับด้วยนัยน์ตาคมที่ใครได้เห็นก็ไม่อยากละสายตาถูกปิดไว้ด้วยแว่นกันแดดสีน้ำตาลไหม้เข้ากันได้ดีริมฝีปากหนาที่หลายๆคนอยากสัมผัส ร่างสูงสวมเสื้อแขนยาวสีเทาคลุมด้วยเสื้อไหมพรมมีรูปรุแบบที่ชอบกับกางเกงยีนส์ทรงฮิปฮอปและรองเท้าผ้าใบสีดำสลับขาว ทั้งหน้าตาและการแต่งกายของทั้งสองโดดเด่นและดึงดูดสายตาผู้คนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเมื่อทั้งสองเดินจับมือกัน และเดินคุยกันอย่างสนุกสนานราวกับไม่รู้สึกถึงสายตาของคนรอบข้าง ทำให้หลายๆคนที่เห็นอิจฉากันเป็นแถว

    “นานแล้วเนอะที่เราไม่ได้มาเดทกันแบบนี้น่ะ”จุนฮยองหันไปพูดกับฮยอนซึงที่กำลังเดินมองร้านขายของต่างๆรอบตัวอย่างตื่นเต้น

    “อื้ม คิดถึงวันที่เราไปลอตเต้ เวิล์ดกันตอนเรียนจบม.4จัง ที่นายถ่ายรูปกับมาสค็อตกระต่ายสีชมพูๆ”

    “จำได้ด้วยหรอ?”

    “อืม ความทรงจำมันกลับมาค่อนข้างเยอะแล้วล่ะ ถึงจะยังจำได้ไม่หมดก็เถอะ”

    “สู้ๆนะ ฉันจะช่วยฟื้นความทรงจำให้นายเอง”

    “ครับๆๆ”ฮยอนซึงยิ้มให้จุนฮยองก่อนจะพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ร่างสูงยิ้มกว้างก่อนจะเริ่มเดินเร็วขึ้นพลางดึงข้อมือเล็กเบาๆให้เดินตาม

    “อ่า ช้าๆหน่อยสิ จะรีบไปไหนเนี่ย”ฮยอนซึงแกล้งดุแบบยิ้มๆและเริ่มก้าวขาตามจุนฮยอง แต่เพราะจุนฮยองขายาวกว่า เขาเลยต้องเปลี่ยนมาวิ่งเหยาะๆแทน

    “มาเถอะน่าๆ ฉันจะพานายไปที่ที่นึง”

     

    “ง่ะ คิดว่าจะพาไปที่ไหนพิเศษ ก็แค่ร้านไอศครีมเนี่ยนะ”

    Yes!! ที่นี่แหละ ปะๆเข้าไปข้างในกันเถอะ

    “กริ๊งๆๆๆ”

    “Oh Hi! Jun”ป้าแก่ๆเจ้าของร้านทักจุนฮยองอย่างสนิทสนม คนที่ถูกทักก็ยกมือสวัสดีอย่างร่าเริง

    Hi Jane

    What would you like to eat today?”(วันนี้จะกินอะไรล่ะ?)

    “Ummmm…I would like one cup with 2 scoops of chocolate ice-cream please .”(ผมขอไอติมช็อคโกแล็ตสองลูกครับ)

    OK…What about you? You’re his girlfriend right?”(แล้วหนูล่ะเอาอะไรดี หนูเป็นแฟนของเขาใช่มั้ย?)

    “N..No well…I’m”(ม..ไม่ใช่นะ ผม..คือ)

    “Yes we’re…something like that”(ใช่แล้วล่ะครับ พวกเรา...เป็นแบบนั้นล่ะ)

    “เฮ้ย จุนฮยองบอกแบบนั้นได้ไง เค้าได้คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงกันหมด”ฮยอนซึงหันไปเอ็ดจุนฮยองเบาๆ แต่หน้าเขาเองตอนนี้แดงไปด้วยความอายหมดแล้ว

    “ไม่เห็นแปลกเลย..ก็นาย...สวย”จุนฮยองมองตาของฮยอนซึงก่อนจะตอบไปเบาๆ ทำเอาฮยอนซึงหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม

    “ฮึ่ย...Oh! I would like 2 scoops of vanilla ice-cream please”ฮยอนซึงหันไปสั่งไอศครีมเมื่อเห็นป้าเจ้าของร้านจ้องเขาตาแป๋ว ก่อนจะเดินไปนั่งอย่างอายๆ

    You guys are so cute! Good luck with your relationship Jun ,Fighting!!!”(เธอสองคนน่ารักมากเลย โชคดีกับความสัมพันธ์ของพวกเธอนะจุน สู้ๆ!!!)

    “ไฟท์ติ้ง”จุนฮยองกำมือชูตอบป้าเจ้าของร้าน ก่อนจะเดินตามร่างบางไปที่โต๊ะ

     

    “ทำไมนายต้องไปบอกเค้าด้วยล่ะว่าเราเป็น...แบบนั้นน่ะ”ฮยอนซึงถามอย่างเหวี่ยงๆขึ้นมาทันทีที่จุนฮยองนั่งลงตรงหน้า

    “อ่าว ก็เราเป็นแฟนกันจริงๆนี่นาจะอายไปทำไมอ่ะ หรือนายอายที่เป็นแฟนกับฉัน...”ร่างสูงทำหน้าเจื่อนๆไปตอนพูดประโยคสุดท้าย

    “ป..เปล่าไม่ใช่อย่างนั้น ก...ก็เวลาเราเดินด้วยกันมีแต่คนคิดว่าฉันเนผู้หญิงนี่นา...ฉันแค่ไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดไป ม..ไม่ได้อายที่เป็นเกย์หรือว่าอะไรอย่างที่นายคิดซะหน่อย...”ฮยอนซึงพูดแก้ตัวอย่างตะกุกตะกักพอเห็นว่าจุนฮยองเริ่มมีสีหน้าไม่ค่อยดี ทำให้ร่างสูงยิ้มกว้างออกมาหลังจากเห็นท่าทางน่ารักๆของร่างบาง

    “ว...ว่าแต่นายพาฉันเข้าร้านไอศครีมมาทำไมอ่ะ นายยังไม่ได้บอกสาเหตุฉันเลยนะ”

    “ก็พามาทบทวนความทรงจำไง”

    “หา...?”

    “วันแรกที่ฉันย้ายโรงเรียนเข้าไปใหม่ตอนม.3ไง ฉันขอให้นายพาไปทัวรร์รอบเมืองหลังเลิกเรียน แล้วนายก็พาฉันไปกินไอศครีมร้านใกล้ๆ แต่พอฉันขอเบอร์โทรนาย นายก็แกล้งรับโทรศัพท์จากแม่แล้วก็ชิ่งกลับบ้านไปเลย ทิ้งฉันนั่งรออยู่ตั้งหลายชั่วโมง แถมยังต้องจ่ายค่าไอศครีมให้นายอีก”

    “อ่า...จำได้ละๆๆ ฮ่าๆๆๆ นึกถึงแล้วก็สมน้ำหน้า จะนั่งรอฉันอยู่ทำไมตั้งนานล่ะ”

    “ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ ว่าเค็กเรียนหน้าเนิร์ดๆเงียบๆแบบนาย จะกล้าชิ่งค่าไอศครีมแบบนั้น ฉันก็คิดว่าเดี๋ยวนายคงกลับมาจ่ายเพราะนายคงมีความรับผิดชอบพออะไรอย่างนี้”

    “นายจะว่าฉันไม่มีความรับผิดชอบรึไงฮะ”

    “เปล๊า จะร้อนตัวไปทำไมจ๊ะคนสวย”จุนฮยองถอดแว่นกันแดดออกแล้วมองหน้าฮยอนซึงอย่างกวนๆ

    “อ...ไอ้บ้า แล้วเมื่อไหร่ไอศครีมจะมานะ”ฮยอนซึงตะโกนขึ้นมาอย่างอายๆ พลางหลบตาจุนฮยองไปทางอื่น ยกมือพัดหน้าแดงๆของตัวเองเล็กน้อยแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย

    Here’s Junnie’s ice-cream and here’s Junnie’s girlfriend’s”(นี่ไอศครีมของจุนนี่ และอันนี้ของแฟนจุนนี่)คุณป้าเจ้าของร้านเอาไอศครีมมาเสิร์ฟหลังจากฮยอนซึงถามถึงครู่หนึ่ง ตอนแรกฮยอนซึงก็ยิ้มอย่างร่าเริง แต่พอได้ยินสรรพนามที่โดนเรียกแล้วก็กลับมาหน้าแดงก่ำอีกรอบ

    No No! This person isn’t my girlfriend and…He’s a man”(ไม่ไม่ คนนี้ไม่ใช่แฟน(สาว)ของผม..แล้ว...เค้าก็เป็นผู้ชาย...)

    Oh!!! OK I get it”(โอ้ว!! โอเค ฉันเข้าใจละ)คุณป้าเจ้าของร้านขยิบตาให้จุนฮยองเป็นเชิงรู้ทันก่อนจะเดินกลับไปยังเคาน์เตอร์

    “นายจะบ้าเหรอ ไปบอกเขาทำไมว่าฉันเป็นผู้ชาย”ฮยอนซึงโวยวายขึ้นมาทันทีที่คุณป้าเลิกมองพวกเขา

    “อ้าว ก็ตะกี๊นายบอกเองว่าไม่อยากให้เค้าเข้าใจผิดว่านายเป็นผู้หญิง ฉันก็แค่บอกเค้าว่านายเป็นผู้ชาย ส่วนที่เหลือคุณป้าเค้ารู้ด้วยตัวเค้าเองนะ ฉันไม่เกี่ยว”จุนฮยองยิ้มมุมปากอย่างกวนๆ ก่อนจะหลุดหัวเราะเสียงดังเมื่อฮยอนซึงอ้าปากค้างเพราะเถียงเขาไม่ออก

    “ช่างเถอะ กินๆไปเลยนายน่ะ”ฮยอนซึงชี้ไอศครีมในถ้วยที่เริ่มละลายของจุนฮยองให้รีบๆกิน ก็เอาแต่นั่งจ้องฮยอนซึงแล้วอมยิ้มอย่างเดียวไม่ยอมกินเลยนี่นา

    “คร้าบๆ ก็แค่คิดถึงหน้านายตอนอายแบบนี้อ่ะ นายยังน่ารักเหมือนเดิม ไม่สิ นายน่ารักขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยนะ...รู้ตัวป่ะ”

    “บ...บ้า พูดอะไรเว่อร์ๆ ล..แล้ว ฉันก็เป็นผู้ชายด้วย ชมว่าน่ารักมัน..ไม่เหมาะ”

    “ฟรือจะให้ชมว่าสวยล่ะ”

    STOP!! ก็บอกว่าไม่ไงเล่า กินไอศครีมให้หมดแล้วก็ไปซ้อมกันได้แล้วไป”ฮยอนซึงค้อนก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น จริงๆแล้วเค้าแค่ไม่อยากให้จุนฮยองเห็นหน้าของเขาตอนอายก็เท่านั้น

    “ง่ะ กินก็ได้ๆๆ”ว่าแล้วจุนฮยองก็ก้มลงกินไอศครีมโดยแอบเหลือบมองหน้าแดงๆของฮยอนซึงเป็นระยะ

     

    ฮยอนซึงคนเก่ากลับมาแล้ว^^ มีความสุขจังครับ

     

     

     

    "อโลฮ่าทุกคนนนน ซอบบี้มาซ้อมแล้วครับ"เสียงสดใสที่ก็น่าจะรู้ว่าของใครดังมาจากโถงบันได และหลังจากนั้นไม่นานประตูห้องซ้อมก็เปิดออก

    "Good morning seobbie hyung...You!!"จงฮุนที่กำลังตั้งเสียงเครื่องดนตรีหันมาทักทายรุ่นพี่คนสนิทแต่ก็ผงะไปเมื่อคนที่ประตูไม่ใช่คนที่เขาคิดว่าเป็น

    "ทำไมหรอจงฮุน?...เฮ้ย?!?"จงชินที่หลับอยู่ใกล้ๆถามอย่างงัวเงียก่อนจะอุทานขึ้นอย่างตกใจ

    "พวกนายเป็นอะไรกันเนี่ย...นาย!!"ตามมาด้วยจียงอีกคน

    "สวัสดีครับทุกคน ไม่ได้มาที่นี่นาน..ยังไม่เปลี่ยนไปเลยนะครับ"ผู้ที่มาใหม่กล่าวทักทายทุกคนอย่างสุภาพก่อนจะโค้งให้ทุกคนเล็กน้อย

    "แต่นาย...เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ..ดูจุน"จียงยิ้มเจื่อนๆก่อนจะทักกลับ ดูจุนก็ได้แต่ยืนอยู่ที่ประตู ถ้าจะเดินเข้าไปก็เสียมารยาทเพราะเจ้าของที่ก็ดูไม่ค่อยอยากเจอเขาซักเท่าไหร่...จะทำไงได้ สิ่งที่เขาทำไว้มันแย่จริงๆนี่นะ

    "ยุนดูจุน ถอยไปเลยๆๆ ตัวใหญ่แล้วยังจะยืนขวางทางอีก"ร่างเล็กตะโกนตามหลังมาก่อนจะผลักร่างสูงที่ขวางประตูจนเซ โยซอบหันไปยิ้มใส่ดูจุนอย่างสะใจและทักทายทุกคนอย่างอารมณ์ดี

    "โยซอบมานี่แป๊บนึงซิ"จียงกวักมือเรียกโยซอบให้เดินไปหา ก่อนสมาชิกคนอื่นในวงที่อยู่ในห้องซ้อมทุกคนจะเดินตามเข้ามาสุมหัว

    "มีอะไรหรอฮยอง"

    "ถามมาได้ ก็นายน่ะแหละ ทำไมอยู่ดีๆถึงมากับดูจุนได้"

    "พอดีเจอกันที่มหาลัยแล้วเขาบอกว่าจะมาที่นี่เหมือนกันเลยติดรถมาแค่นั้นเอง...ว่าแต่ มินฮยอกยังไม่มาหรอ?"

    "วันนี้มันคงไม่มาหรอก มันขอลากับพี่ไว้แล้ว"

    "อ้าว! ทำไมอ่ะฮยอง ไม่สบายหรอ"

    "ไม่รู้นะ...เหมือนมันจะโดนแฟนมันบอกเลิก ถ้าให้มาซ้อมคงใส่อารมณ์จนกลองพังกันไปข้าง"

    "นูน่าสวยๆคนนั้นอ่ะนะ เป็นไงมาไงเนี่ย...เห็นก็รักกันดีนี่นา"

    "นั่นสิ...มาๆๆ มาซ้อมกันดีกว่า ชักเครียดเกินไปละ"

    "อืมๆ งั้นฉันไปตามยุนดูจุนก่อน เขาจะได้ดูๆให้เสร็จแล้วกลับไปซะที"โยซอบทำหน้าเซ็งๆแล้วเหลือบตาไปทางร่างสูงที่ยืนกอดอกมองพวกเขาอยู่ตรงประตู จียงพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนบอกให้ทุกคนแยกย้ายไปเตรียมตัว

    "เสียใจด้วย วันนี้คนที่นายอยากเจอไม่มา เพราะฉะนั้นนายกลับไปได้แล้ว"

    "ฉันไม่กลับ จะทำไม อย่าลืมสิว่าตอนนี้สถานะของนายคือต้องเชื่อฟังฉันและเถียงฉันไม่ได้"

    "ไม่มีเหตุผลอะไรที่นายต้องมาอยู่ที่นี่แล้วไม่ใช่รึไง กลับไปเถอะ...มันเกะกะ"

    "ใครว่าฉันไม่มีเหตุผล อย่าลืมว่าฉันมีหน้าที่รับผิดชอบวงของนาย ถ้าวงนายแสดงไม่ดีฉันก็จะโดนเฉ่ง ดังนั้นฉันคิดว่าฉันจะมาดูวงนายซ้อมทุกวันเริ่มตั้งแต่วันนี้"ดูจุนยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนยักคิ้วใส่ร่างเล็กอย่างท้าทาย

    "ฮึ่ย!! งั้นจะทำอะไรก็ทำเถอะ ฉันเถียงอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่ อย่ามารบกวนการซ้อมของพวกเราแล้วกัน"ร่างเล็กขึ้นเสียงอย่างเมโหๆแล้วหมุนตัวเดินหนีไป แต่ดูจุนที่แรงเยอะกว่าคว้าแขนร่างเล็กไว้แล้วดึงให้โยซอบหันกลับไป

    "โอ๊ย! มีอะไรอีก เรียกดีๆไม่เป็นรึไง!!"

    "วันนี้จะมีคนจัดเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานกัน ดังนั้น ช่วยเล่นแต่เพลงที่แฮปปี้ๆด้วย"

    "เออ!! พูดแค่นี้ก็จบ"โยซอบเหวี่ยงอย่างพอใจก่อนดึงข้อมือตัวเองกลับไป

    "โอ๊ย"ร่างบางร้องออกมาเบาๆก่อนยกมือขึ้นจับไหล่ตัวเองและบีบเบาๆ

    "..เอ่อ ฉันดึงแรงไปรึเปล่า"ดูจุนมองหน้าร่างเล็กแล้วถามเสียงเบา แววตาของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับคนละคน กลายเป็นแววตาที่เป็นห่วงและรู้สึกผิด เหมือนกับดูจุนคนเดิม...

    "รู้ตัวก็ดี"ว่าแล้วโยซอบก็หันหลังก่อนเดินไปประจำที่ไมโครโฟน

     

    ไม่ได้ยังโยซอบ...นายจะใจเต้นให้เรื่องแบบนี่ไม่ได้นะ...อย่าลืมเรื่องที่หมอนั่นทำกับเราสิ...

     

    "มาแล้วๆๆ ขอโทษนะมาสายไปหน่อย"เสียงใสของฮยอนซึงดังขึ้นที่ประตูก่อนร่างบางจะเดินเข้ามาและตามด้วยจุนฮยอง

    "สองคนนี้ไปทำอะไรมาเนี่ย มีอะไรที่พี่ไม่รู้รึเปล่า"จียงหันไปแซวทั้งสองคนก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัย

    "เรื่องมันยาวน่ะฮยอง เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังวันหลัง มาซ้อมกันก่อนดีกว่า"ว่าแล้วฮยอนซึงก็วางของและมายืนที่ไมค์อีกตัวข้างๆโยซอบ

    "ไม่มีกลอง...แล้วจะซ้อมยังไงล่ะครับเนี่ย?"จงฮุนถามขึ้น

    "เออ เนอะ..."จียงอุทาน ฮยอนซึงหันไปถามเรื่องกับจียงเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาพยักหน้าอย่างเข้าใจ

    "งั้นร้องเพลงแบบอะคูสติกแล้วกัน"

    "อ้อ คุณผู้บริหารเค้าฝากมาบอกให้ร้องเพลงมีความสุขหน่อยนะครับ พอดีจะมีขอแต่งงานกัน"

    "ว้าว จริงอ่ะ งั้นเราร้องเพลงไรกันดี...ว่าแต่...ดงอุนกะกีกวังไม่มาหรอ?"

    "นั่นสิ..."โยซอบพูดขึ้นเบาๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรร้ายแรงรึเปล่า เพราะปกติถ้าจะไม่มากีกวังจะโทรบอกเขาเสมอ

    "นายก็ไม่รู้เหรอโยซอบ ปกติพวกนายสองคนจะรู้เรื่องของอีกคนมากเลยไม่ใช่หรอ"

    “กีกวังไม่ได้บอกไว้นะครับ คงเรื่องเร่งด่วนมั้ง”

    “อืม..งั้นวันนี้ก็ขึ้นแสดงกันแค่นี้ละกันนะ”

    “คงต้องอย่างงั้น งั้นเรามาเลือกเพลงกันๆๆ”ฮยอนซึงพูดพลางกวักมือทุกคนเข้ามาสุมหัว

    “เพลงไรดีอ่ะครับฮยอง”จวฮุนยืนแทะเล็บไปมองหน้าคนอื่นในวงไป

    “เพลงมีความสุข...”จงชินพูดขึ้นพลางมองเพดาน

    “เพลงอะคูสติก...อืม...”จุนฮยองพูดขึ้นบ้าง

    “รู้แล้ว”โยซอบดีดนิ้วเสียงดัง ก่อนจะยิ้มอย่างภูมิใจ

    “หืม เพลงไรๆๆๆ”ทุกคนที่เหลือหันมามองคนตัวเล็กเป็นตาเดียว ไม่เว้นแม้แต่คนที่นั่งเกากีต้าร์อยู่ที่ผนังห้องอีกด้าน

    “เพลงนั้นไง เพลงเก่งของพวกเรา”

    “อ้ออออออ โอเคๆ งั้นก็เริ่มกันเลย”

    “ด.เดี๋ยวสิครับทุกคน เพลงเก่งที่ว่านี่มันเพลงอะไรหรอครับ”

    “อ๋อ เจย์ไม่รู้นี่เนอะ มันคือเพลงXXXXไงล่ะ

    “อ้อ เพลงนี้นี่เอง โอเคครับ”

    “เอาล่ะนะ 1 2 3 4

     

     

    ฉันกำลังจะแต่งงาน

     

    ฉันกำลังจะแต่งงาน

     

    ฉันกำลังจะแต่งงาน

     

    ฉันกำลังจะแต่งงาน

     

    “ฮึก...ฮือ...ทำไมนายไม่บอกฉันตอนนั้นล่ะ...ดงอุน...”

     

    ห้าชั่วโมงก่อน

    “ตึกๆๆๆ”กีกวังเริ่มชะลอฝีเท้าลงหลังจากวิ่งแบบไร้จุดหมายมาได้ซักพัก เขาหอบอย่างเหนื่อยๆเล็กน้อยก่อนจะปาดเหงื่อบนหน้าทิ้ง

    “ฮยองงงงงงงงงงงงงงงงง รอผมด้วยยยยยยย”มีร์วิ่งตามเขามาหลังจากเขาหยุดไม่นานนัก เขาหันไปมองก่อนจะยกมือทักแต่ไม่ได้ยิ้มเหมือนคราวก่อนๆ ...ตอนนี้เขายิ้มไม่ออกจริงๆ จะฉีกยิ้มยังไม่มีแรงเลยด้วยซ้ำ...

    “ฉันก็อยากจะบอกหรอกนะว่าฉันอยากอยู่คนเดียว แต่เห็นสภาพของนายแล้วจะให้นั่งอยู่ด้วยแล้วกัน”ว่าแล้วกีกวังก็หามานั่งใกล้ๆก่อนจะนั่งลงแล้วกวักมือเรียกมีร์ให้ไปนั่งข้างๆ

    “งั้นผมไปหาอะไรมาให้ดื่มนะ”ว่าแล้วมีร์ก็วิ่งเข้าร้านขายของชำใกล้ๆ และออกมาพร้อมน้ำโซดาเย็นๆสองกระป๋อง

    “นี่ครับ”มีร์นั่งลงก่อนจะยื่นกระป๋องทั้งสองกระปองให้กีกวังแล้วยิ้มกว้าง

    “ให้ฉันทำไมตั้งสองกระป๋องเนี่ย?”

    “ไม่ได้ให้ดื่มหมดครับ ให้ทำอย่างนี้ตะหาก”ว่าแล้วมีร์ก็ลุกขึ้นเดินอ้อมไปข้างหลังกีกวัง ก่อนเอากระป๋องโซดาประคบที่ตากีกวังทั้งสองข้าง

    “ร้องไห้มาเยอะ ทำอย่างงี้ไว้ครับ เดี๋ยวตาจะบวมหมดนะ”

    Thanks”กีกวังเริ่มยิ้มออกเล็กน้อยก่อนรับกระป๋องมาถือเอง

    “ยิ้มออกอย่างนี้ก็ดีแล้ว ผมว่าเราดื่มโซดานี่ให้หมดแล้วกลับบ้านนอนกันดีกว่า ตีสามแล้วนะครับ”

    “อ่า เวลามันผ่านไปเร็วจังนะ”กีกวังผละกระป๋องโซดาออกจากตา ก่อนจะยื่นให้มีร์หนึ่งกระป๋อง

    “ว่าแต่...เมื่อกี๊คุณดงอุนก็ทำเกินไปจริงๆนะครับ...”

    “อย่าเพิ่งพูดถึงคนๆนั้นได้มั้ยมีร์...ฉัน...ไม่อยากคิดถึงเค้าตอนนี้”กีกวังถอนหายใจฮ์อกใหญ่ก่อนจะกระดกโซดาเข้าไปเกือบหมดกระป๋อง

    เขาไม่ได้โกรธที่ดงอุนว่าเขาหรือพูดดูถูกเขาเพราะเขารู้ว่าที่ดงอุนทำไปก็เพราะเป็นห่วงเขา ซึ่งจริงๆเขาแอบดีใจด้วยซ้ำ แต่เขาเสียใจที่ดงอุนไม่เชื่อใจเขาเลย ทั้งๆที่เวลาดงอุนสนิทสนมกับคนนู้นคนนี้มากเกินเหตุเขาก็ไม่เคยเก็บมาคิดอะไร ตรงกันข้ามกับความเชื่อใจที่ดงอุนมีให้เขามาก...

    “ขอโทษครับฮยอง...”

    “เฮ้ๆๆ ไม่ต้องรู้สึกผิดขนาดนั้น ฉันแค่ยังไม่มีอารมณ์จะคุยเรื่องนี้เท่านั้นแหละ”จากตอนแรกเป็นคนโดนปลอบ ตอนนี้กีกวังต้องลอบมีร์แทนซะแล้ว ร่างเล็กยิ้มบางๆแล้วหัวเราะกับท่างทางใกล้ร้องไห้เต็มทีของมีร์อย่างหุบไม่อยู่ เขารู้สึกสบายใจขึ้นเยอะพอมีมีร์มาอยู่เป็นเพื่อน เขาเล่าเรื่องของเขากับดงอุนให้มีร์ฟังเกือบหมดทุกเรื่อง และยังระบายความอัดอั้นที่ต้องคอยฉีกยิ้มเวลาหาผู้หญิงสวยๆมาแนะนำให้ดงอุนรู้จัก จนกระทั่งแอบว่าพ่อดงอุนที่ดูถูกเขาอีกด้วย พวกเขาคุยกันอยู่นานจนเกือบถึงตีสี่ พระอาทิตย์เริ่มตั้งเค้าจะขึ้นแต่ทั้งสองคนยังไม่ได้นอนทั้งคู่ พวกเขาก็เลยตัดสินใจไปนอนที่ห้องของมีร์เพราะกีกวังไม่อยากกลับห้องของตัวเอง

    “ฮยองนอนห้องนอนห้องนั้นละกัน เจ้าของห้องเค้ากลับเกาหลีไปเดือนกว่าๆละ”

    “อืม ขอบคุณนะ”กีกวังพยักหน้าเนือยๆ ก่อนจะเข้าห้องแล้วล้มตัวลงนอนก่อนจะผล็อยหลับไปเกือบจะทันที

     

    “ฮยองๆๆ ตื่นได้แล้วๆ เดี๋ยวฮยองต้องไปเรียนนะครับ”

    “อ...อืม อีกแป๊บเดียวน่า”

    “ฮยองไม่ตื่นผมปล้ำนะ”

    “ว๊ากกกกๆๆ ตื่นแล้วๆๆๆๆ”กีกวังเด้งตัวจากที่นอนทันที มีร์ก็ลงไปขำกลิ้งกับพื้นเรียบร้อยแล้ว

    “หูย ฮยองถ้าจะกลัวผมขนาดนี้ บอกไว้ก่อนว่าสเป็คของผมน่ะไม่ตรงกับพี่ซักอย่าง ดังนั้น Don’t worry”มีร์ชูนิ้วโป้งพลางขยิบตาให้ร่างเล็กสามครั้งก่อนจะกลับไปหัวเราะต่อ กีกวังเลยได้แต่นั่งอายอยู่บนเตียง

    “งั้นนายออกไปรอข้างนอกแล้วกันนะ เอ้อ นายมีเสื้อผ้ากะแปรงสีฟันให้ฉันยืมป่ะ”

    “มีครับๆ ฮยองไปอาบน้ำเถอะเดี๋ยวผมเอามาวางไว้ให้หน้าประตู้ห้องน้ำ”

    “โอเค”ว่าแล้วมีร์ก็เดินออกจากห้องไป กีกวังเดินไปที่หัวเตียงก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเครื่อง เพราะในใจก็แอบหวังให้ดงอุนโทรมาง้อเขาเหมือนทุกทีอยู่เหมือนกัน

    ‘You have 1 message’

    แต่ผิดคาด ไม่มีมิสคอลอย่างที่เขาคาดไว้ มีเพียงข้อความหนึ่งข้อความเท่านั้น กีกวังถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเปิดข้อความนั้นอ่าน

     

     

    (กลับมาที่ปัจจุบัน)

    “ฮึก...ฮือ...”กีกวังร้องไห้ออกมาอย่างหยุไม่ได้ เขาไม่เคยร้องไห้หนักแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ...ตั้งแต่เลิกกับดงอุน...?

    “ฮยอง...ผม..ไปเรียนก่อนนะ”มีร์พูดเบาๆ ก่อนจะลูบไหล่กีกวังเบาๆแล้วลุกขึ้นยืน

    “อ...อืม เดิน..ฮึก..เดินทาง..ปลอดภัยนะ..ฮึก”มีแต่เสียงอู้ๆปนกับเสียงสะอื้นตอบกลับมาจากร่างเล็กบนเตียง มีร์หันกลับไปมองกีกวังอีกครั้งก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออก

    (สวัสดีครับ)

    “สวัสดีครับดูจุนฮยอง นี่ผมมีร์นะครับ ผมโทรมารบกวนรึเปล่า”

    (อ่อ ไม่ๆ ฉันกำลังเบรกอยู่คุยได้ๆ)

    “คือว่าฮยองมีเบอร์โทณศัพท์ซนดงอุนมั้ยครับ”

    (อืม....น่าจะมีนะ แต่ไม่รู้ป่านนี้จะเปลี่ยนเบอร์ไปรึยัง)

    “อ่า ครับ ผมขอก่อนแล้วกัน”

    (เดี๋ยวฉันส่งเมสเสจไปให้แล้วกัน)

    Thanks Bye hyung

     

    “ตรู๊ด ตรู๊ด”หลังจากนั้นไม่นานดูจุนก็ส่งข้อความมาให้มีร์ เขารีบโทรหาเบอร์ที่ได้มาทันที

     

     

    “ห้องนี้สินะ..”ตอนนี้ดงอุนยืนอยู่หน้าห้องอพาร์ตเม้นท์เรียบร้อยแล้ว เมื่อคืนเขาเก็บของใส่กระเป๋าเรียบร้อยก่อนจะนอนที่ห้องของเขากับกีกวังรอให้เจาตัวกลับมาแต่ไม่มีวี่แวว พอเมื่อเช้ามีร์โทรมาหาเขา เขาก็รีบบึ่งมาที่นี่ทันทีที่วางสาย

     

    “ฮยองเขาอ่านข้อความจากนายแล้วก็ร้องไห้ไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วครับ ตอนแรกผมก็พยายามปลอบแล้วแต่เค้าก็ไม่หยุด เอาแต่พูดชื่อคุณ

     

    ประโยคที่มีร์พูดยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเขา เขาคิดถูกหรือเปล่าที่ส่งข้อความไปแทนที่จะบอกต่อหน้า...?

    “ก๊อกๆๆ”ดงอุนยืนทำใจอยู่ซํกพักก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูห้อง

    “เจ้าของห้อง..ฮึก...ไม่อยู่นะครับ”เสียงใสเศร้าที่คุ้นหูดังมาจากอีกฝั่งของประตู

    “ไม่เป็นไรครับ...เจ้าของห้องเค้าให้ผมมา”

    “ด..ดงอุน..หรอ?”

    “อืม...”

    “.....”

    “....”มีแต่ความเงียบระหว่างทั้งสองคน จริงๆตอนนี้ดงอุนอยากจะพูดอะไรหลายอย่าง กีกวังก็เช่นกัน แต่ทุกๆอย่างมันจุกอยู่ที่คอไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่กล้าพูด ดงอุนเองก็อยากจะเอาประตูบานเล็กที่ขวางกั้นพวกเขาอยู่ออกไปให้พ้นตาไม่น้อย แต่ถ้ากีกวังยังไม่เต็มใจจะเปิดมัน เขาก็ไม่อยากบังคับ

    “น...นี่ มาถึงที่นี่...ฮึก...จะไม่พูดอะไรเลยเหรอไง”กีกวังพูดด้วยน้ำเสียงที่สดใสขึ้น แต่ดงอุนฟังก็รู้แล้วว่ากีกวังกำลังโกหกตัวเองและโกหกเขา...ว่าไม่เป็นไร

    “ฉันขอเข้าไปคุยกับนายได้มั้ย”

    “อ..อย่าเลย ห้องมัน..รกน่ะ”กีกวังตอบออกไป แต่จริงๆแล้วในห้องน่ะแทบจะไม่มีอะไรเลย เขาแค่ไม่อยากให้ดงอุนเห็นสภาพของเขาตอนนี้ก็เท่านั้น ตาคงบวมเป็นมะนาวแน่ๆ ก็ร้องไห้มานานขนาดนี้...

    “อ..อืม งั้นฉันจะยืนคุยกับนายอยู่ข้างนอกก็แล้วกัน”

    “...”

    “นาย..ได้ข้อความของฉันแล้วใช่มั้ย”

    “อ..อืมได้แล้วล่ะ..เจ้าสาวเป็นใครล่ะ..”

    “ยุนโบรา..คนที่นายเจอที่ผับวันก่อน”

    “อ่อ เห็นมั้ย..ฉันบอกแล้วว่าพวกนายเหมาะสมกัน”กีกวังพยายามพูดให้ดูมีความสุขที่สุดเท่าที่เค้าทำได้ แต่จริงๆตอนนี้น้ำตาที่เพิ่งจะหยุดไปมันเริ่มกลับมาคลอที่เบ้าตาอีกครั้งแล้ว

    “ม..ไม่กีกวัง ฉันไม่ได้มาเพื่อให้นายพูดแบบนั้น”ดงอุนเดินเข้าไปใกล้กับประตูมากขึ้นก่อนจะพิงหัวเข้ากับประตูแล้วเอามือข้างหนึ่งยันไว้

    “น..นาย หมายความว่ายังไง?”

    “ฉันจะมา...ชวนนาย..หนีไปด้วยกัน”

    “ดงอุน...”

    “นะ กีกวัง ไปด้วยกัน ไปให้ไกลๆจากที่นี่”

    “...ฉัน..ไม่รู้เหมือนกัน”กีกวังตอบเสียงแผ่วเบา น้ำเสียงของเขาสั่ยไปด้วยความกลัวและกังวล เขาอยากจะตอบตกลงใจจะขาด แต่ถ้าพ่อของดงอุนรู้...คงไม่ดีแน่ๆ

    “กีกวัง...ฉันรักนายนะ...และถ้านายยังรักฉันอยู่เหมือนกัน...ไปกับฉันเถอะนะ”

    “ดงอุน..ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้ว...ฉัน..ขอเวลาคิดหน่อยได้มั้ย”

    “งานแต่งงานจะจัดภายในเดือนนี้แล้วนะกีกวัง และนายก็รู้ว่าพ่อของฉันคงรีบจัดให้เร็วที่สุด”

    “ว..ว่าไงนะ เดือนนี้?”

    “ใช่..เพราะฉะนั้น ไปกันเถอะ วันนี้เลย ก่อนที่ฉันจะไม่มีโอกาสได้มาเจอนายอีก”

    “...”มีเสียงใดตอบมาจากอีกฝั่งของประตู ดงอุนถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินออกไปทางระเบียง

    “งั้น...ฉันไปนะ” ไม่นะ...กีกวังอยากจะตะโกนเรียกแต่ก็ทำไม่ได้ ร่างบางเริ่มกัดเล็บตัวเองอย่างสับสน

     

    ฉันจะทำยังไงดี...

     

    เขาไม่อยากให้ดงอุนแต่งงาน แต่ก็ไม่อยากพาดงอุนไปเสี่ยง...คิ้วเรียวเริ่มขมวดเข้าหากัน น้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลออกมาอีกครั้ง เขาต้องเลือกซักทางนึง แต่ทางไหนดี...

     

    ฉันขอ...เห็นแก่ตัวซักครั้งคงไม่เป็นไรใช่มั้ย

     

    ความคิดชั่ววูบที่ผุดขึ้นมาในหัวทำให้กีกวังตัดสินใจในที่สุด เขาเหลือเวลาไม่มากแล้ว ร่างบางจับลูกบิดประตูก่อนจะบิดมันอย่างแน่วแน่

    “แกร๊ก”เสียงเปิดประตูทำให้ร่างสูงหันกลับไปมองอย่างมีความหวัง

    “เข้า...มาก่อนสิ”ก่อนเขาจะยิ้มออกมา

    “ในที่สุดนายก็ตัดสินใจได้แล้วสินะ”

     

     

    อร๊ากกกกกกกกก ในที่สุดก็ได้อัพแล้วแว้วแว้ว

    รอนานกันมั้ยคะ ขอโทษนะคะถ้ามันออกมาไม่ดี

    มีข่าวร้ายอีกอย่าง....ไรเตอร์จะไปแคนาดา1เดือนแล้วไม่รู้ว่าจะได้อัพรึเปล่า

    แต่ไรเตอร์สัญญาว่าไม่ดองแน่นอนค่ะ ไม่นานเกินรอ หวังว่ารีดเดอร์ทุกคนจะรอได้นะคะTT

    อย่าเพิ่งเลิกอ่านกันนะคะ ไรเตอร์ขอร้อง แง๊!!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×