คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : [07] เรื่องผิดพลาด
"ฉันว่าฉันจำนายได้แล้วล่ะ...ยงจุนฮยอง"ร่างบางพูดพร้อมคลี่ยิ้มสวย
"นาย...นายพูดจริงใช่มั้ย?"จุนฮยองถามฮยอนซึงเสียงสั่น น้ำตาใสๆเริ่มไหลออกมาจากดวงตาคม แต่นี่ไม่ใช่น้ำตาแห่งความเศร้า เป็นน้ำตาแห่งความสุขต่างหาก เมื่อคืนคนตรงหน้ายังจำเขาไม่ได้และยังผลักไสเขาอยู่ด้วยซ้ำ
"ฉันเคยโกหกนายด้วยหรอ? ^^"ว่าแล้วร่างบางก็ยันตัวขึ้นนั่งและดึงมือหนามากุมเบาๆพลางมองตาอ่อนโยนแบบที่เคยทำเมื่อก่อน...สายตาที่จุนฮยองคิดถึงมาตลอด...
"ฉันแค่ตกใจน่ะ..ก็เมื่อวานนายยังบอกให้ฉันเลิกยุ่งกับนายอยู่เลยนี่นา"ร่างสูงพูดพลางนั่งลงบนเตียงข้างๆร่างบาง
"ก็ตอนนั้นฉันยังจำนายไม่ได้นี่นา...แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว. ..ฉันขอโทษนะ"ฮยอนซัึงมองหน้าร่างสูงก่อนยกมือขึ้นกอดจุนฮยองเกยคางขึ้นบนไหล่กว้างแล้วกระซิบประโยคสุดท้ายที่หูร่างสูง ทำเอาร่างสูงยิ้มไม่หุบ
"นายไม่รู้หรอกว่าฉันตามหานายมานานแค่ไหน...ฮยอนซึง"ว่าแล้วร่างสูงก็ผละตัวออกจากร่างบางแล้วเชยคางเรียวขึ้นก่อนประกบริมฝีปากหนาลงกับปากบาง เขาค่อยๆโอบเอวบางเข้าหาตัว ร่างบางก็ผลักอกหนาออกมาเล็กน้อยเพื่อหายใจ ก่อนร่างสูงจะดึงร่างบางเข้ามาจูบต่ออีกครั้ง ลิ้นอุ่นสอดเข้าไปในปากบางและควานหาลิ้นของร่างบางอย่างโหยหา ฮยอนซึงเองก็จูบตอบไปอย่างต้องการไม่น้อยไปกว่าจุนฮยอง
ร่างหนาค่อยๆกดไหล่ของฮยอนซึงลงกับฟูก แต่ร่างบางดูจะตั้งสติได้เลยผลักไหล่หนาออกเบาๆ
"มีอะไรหรอ?"จุนฮยองผละออกจากฮยอนซึงก่อนถามอย่างงงๆ
"ยังจะถามมาได้...พอฉันจำนายได้ปุ๊บก็จะเอาปั๊บเลยรึไง ก็บอกแล้วว่ารอให้ฉันพร้อมก่อน"
"ตั้งแต่เริ่มคบกันจนวันนี้ก็เจ็ดปีแล้วนะฮยอนซึง...นายจะให้ฉันอดทนไปถึงไหน"จุนฮยองมองตาของฮยอนซึงด้วยแววตาเศร้าๆแต่ก็ยังไม่ได้ลุกขึ้นมาจากตัวของร่างบาง
"ฉันรู้...ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากหรือรังเกียจ...แต่นายเคย...ทำให้ฉันเสียใจ ถึงฉันจะจำไม่ได้ว่าทำไม แต่นายเป็นคนทำให้ฉันตัดสินใจ...หนีนายมา"
"อืม...นั่นสินะ"ว่าแล้วร่างสูงก็ลุกขึ้นนั่งที่ขอบเตียง ฮยอนซึงชันตัวขึ้นนั่งก่อนจะมองจุนฮยองที่ก้มหน้ากุมขมับอยู่
"อย่าคิดมากไปเลยจุนฮยอง...ถึงตอนนั้นนายจะทำให้ฉันเสียใจ แต่นายก็ตามหาฉันมาตลอดหกปี ฉันจะถือว่านี่เป็นข้อพิสูจน์ว่านายรักฉันจริงๆ งั้นฉันจะให้อภัยนายละกัน"เขาพูดพร้อมยิ้มให้ร่างสูงอย่างห่วงใย จุนฮยองหันมามองตาร่างบางก่อนยิ้มเศร้าๆ
"ทั้งๆที่นายก็ยังจำไม่ได้ว่าฉันทำอะไรให้นายเสียใจน่ะนะ...?"
"อื้ม"ฮยอนซึงพยักหน้าแล้วยิ้มกว้าง
"แต่นายถึงขนาดตัดสินใจมาที่นี่ มันคงแย่มากๆ..."
"ก็บอกว่าอย่าคิดมากไงเล่าาาา"ฮยอนซึงจับไหล่หนาสองข้างโยกไปมาแล้วพูดเสียงอ้อนๆแบบที่เคยทำ ทำให้จุนฮยองยิ้มออกและหัวเราะกับการกระทำของร่างบาง
"งั้นเรา...เหมือนเดิมแล้วนะ?"
"หืม? อะไรเหมือนเดิมหรอ?"
"ก็เราเป็นแฟนกันเหมือนเดิม...แล้วนะ"จุนฮยองถามตะกุกตะกุกอย่างเขินๆ ทำเอาร่างบางหัวเราะนิดๆ
"ไม่เห็นต้องถามเลย...ฉันก็พูดมาขนาดนี้"
"ฉันรักนายนะฮยอนซึง ไม่เคยเลิกรักนายเลย..."
"เหมือนกันแหละ ฮิๆ"
"พวกนาย...ทำอะไรกันน่ะ"เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศเงียบ คนที่เป็นน้องชายที่หันหลังให้ในตอนแรกหันมามองอย่างตกใจก่อนจะผละตัวออกจากร่างเล็ก
"เอ่อ...คือ...คือว่า..."อีจุนพูดแก้ตัวตะกุกตะกัก
"นายเข้ามาได้ยังไง เจ้าของห้องยังไม่อนุญาต"แต่ก่อนอีจุนจะได้พูดอะไร โยซอบก็ถามขึ้นอย่างอารมณ์เสีย
"ก็ประตูไม่ได้ล็อคแล้วทำไมฉันจะเข้าไม่ได้ล่ะ ยังไงก็...ขอโทษนะทค่มาขัดจังหวะ"ปากพูดขอโทษ แต่เจ้าของเสียงกลับยิ้มมุมปากแกมเยาะเย้ย
"ฮยอง..."
"ตอนแรกฉันจะมาตามนายกลับบ้าน แต่ถึงขั้นนี้แล้ว ฉันจะบอกแม่ให้แล้วกันว่าแกอ่านหนังสืออยู่บ้านเพื่อน"ดูจุนหันไปยิ้มให้อีจุนอย่างมีเลศนัยก่อนจะหันหลังแล้วก้าวเท้าเดินไป เขาชะงักมองที่เตียงนอนตรงมุมห้องเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกไป
"ฉันว่านายกลับบ้านไปก่อนดีกว่า...เรายังไม่ได้สนิทกันถึงขั้นนั้น อ่อ ฝากไปบอกเขาด้วยว่าฉันไม่ได้ง่ายแล้วนายก็ไม่ได้แย่แบบที่เขาคิด ไม่สิ ความแย่ของคนเราไม่ได้ส่งต่อทางพันธุกรรม ดังนั้นอย่าคิดว่าคนพี่แย่แล้วน้องจะแย่ไปด้วย..."โยซอบพูดแบบใส่อารมณ์โกรธๆ ทำเอาอีจุนที่ไม่ค่อยได้เห็นร่างบางในมุมนี้อึ้งไปครู่หนึ่ง
"ขอโทษนะ...ฉันคงอารมณ์เสีย...มากไปหน่อย"
“อย่าคิดมากไปเลยฮยอง...ผมเข้าใจ งั้นผม...ไปก่อนนะ”อีจุนยกมือขึ้นลูบหัวโยซอบสองสามครั้ง ก่อนจะเดินออกจากห้องไปและปิดประตูห้องให้เบาๆ
“อย่าพาลสิ...ยังโยซอบ”เขาพูดก่อนจะต่อยหัวตัวเองเบาๆ
เช้าวันต่อมา...
“안돼 더는 안돼
อันเดว ทอนึน อันเดว
ไม่ได้ ไม่ได้อีกเเล้ว
이말을 하기가 난 두려워
อีมารึล ฮากีกา นัน ดูรยอวอ
คำพูดคำนี้สำหรับฉันมันช่างน่ากลัว
그래서 널 못본거야
กือแรซอ นอล มชบนกอยา
เพราะว่าฉันจะไม่ได้เห็นเธออีก
우린 안돼 정말 안돼
อูริน อันเดว จองมัล อันเดว
พวกเราไปด้วยกันไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ
어차피 사랑해선안되는걸 알아
ออชาพี ซารางเฮซอนันเดวนึนกอล อัลรา
ในที่สุดก็รู้ว่าความรักนี้เป็นไปไม่ได้อีกเเล้ว
이제서야 사랑했는데 널 사랑했는데...
อีเจซอยา ซารางเฮชนึนเต นอล ซารางเฮนึนเต...
ตอนนี้มันเเค่รัก เเค่เคยรักเธอ...”
เสียงริงโทนใหม่ดังขึ้นจากโทรศัพท์ของโยซอบที่ยังคงนอนหลับสบายอยู่บนเตียง ทำให้ร่างเล็กค่อยๆปรือตาขึ้นก่อนจะคว้าโทรศัพท์มารับทันที
“ครับ..?”
(ไม่ต้องมาครับเลย นี่มันกี่โมงแล้ว)
“แล้วนี่..ใครครับ”
(ฉันไงแดเนียล อยู่ไหนเนี่ยเค้าเริ่มเรียนกันแล้ว)
“หืม เรียน?...เดี๋ยวนะ...เฮ้ย เรียน!!!”
(เออดิครับ รีบมาเลยๆ แค่นี้ล่ะ)
“อืมๆๆ”ว่าแล้วร่างบางก็กระวนกระวายไปมหาลัยทันที
“วันนี้เราจะมาคุยประสบการณ์การบริหารธุรกิจกับรุ่นพี่จากมหาลัยที่จบไปแล้วของเรากันนะคะ เอาล่ะ ครูขอแนะนำ”
“ครืดดดดดดดดดดดด”
“ขอโทษที่มาสายครับอาจารย์”เสียงประตูที่ถูกกระชากให้เปิดอย่างแรงราวกับแผ่นดินไหว กับเสียงตะโกนของคนที่ประตูทำเอาทั้งห้องเข้าระยะช็อค
“อ่ะ...จ่ะๆๆ เชิญไปนั่งได้เลยจ้ะโยซอบ”อาจารย์ที่อยู่หน้าห้องพูดเสียงสั่นๆนิดหน่อย สงสัยยังไม่หายตกใจ โยซอบพยักหน้าก่อนส่งยิ้มน่ารักให้อาจารย์เป็นการขอโทษ แล้วเดินไปนั่งที่นั่งตัวเอง โดยไม่ได้สังเกตุคนที่ยืนอยู่ข้างๆอาจารย์ตรงหน้าห้องเลย
“ทำไมมาสายงี้เนี่ย ปกตินายมาก่อนเวลาเรียนตลอดไม่ใช่หรอ?”
“นาฬิกามันไม่ปลุกน่ะสิ”พอมานั่งปุ๊บ แดเนียลเพื่อนสนิทของเขาก็กระซิบถามทันที อย่างที่เขาพูด ปกติโยซอบมาคนแรกของห้องด้วยซ้ำ
“เรียนไปก่อนไป”ร่างเล็กปัดมือไล่หน้าเพื่อนสนิทให้หันไปมองหน้าห้อง ส่วนตัวเองก็วุ่นกับการจัดของวางบนโต๊ะ
“เอาล่ะๆ งั้นครูจะพูดต่อเลยนะ วันนี้ครูได้เชิญรุ่นพี่ที่จบไปแล้วของเรา ไม่ใช่จบธรรมดานะคะ พี่เขาจบก่อนเวลาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งด้านบริหารธุรกิจโดยเฉพาะด้วย”
“เก่งจังเลยเนอะ...”
“อ...อืม”ร่างบางตอบไปเบาๆ แต่ในใจเขาชักรู้สึกตะหงิดๆ ไอ้ที่อาจารย์พูดมาเนี่ย...มันเหมือนกับ...
“ทุกคนทำความรู้จัก...ยุนดูจุน เอ้าปรบมือ!!!”และแล้วความรู้สึกแปลกๆก็เป็นจริง ร่างบางจิ๊ปากไม่พอใจก่อนจะจัดแจงเก็บของที่เพิ่งเอาออกมาเมื่อกี๊ใส่กระเป๋า
“อะไรเนี่ย จะเก็บของทำไมอ่ะซอบบี้”แดเนียลหันมามองเขาด้วยสายตางงๆ
“ไม่มีอะไรหรอก อยู่ดีๆก็หมดอารมณ์จะเรียน ไหนๆวันนี้ก็แค่คุยอยู่แล้วไม่ได้มีเรียนอะไร ไม่อยู่คงไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยว ‘จารย์ออกจากห้องแล้วบอกด้วยฉันจะได้ออกไป”ว่าแล้วเขาก็หยิบกระเป๋ามาสะพายไว้หลวมๆรอเวลาลุก
“งั้นครูฝากดูจุนดูแลน้องๆด้วยนะจ๊ะ อาจารย์ไปล่ะ”และอาจารย์ก็เดินออกจากห้องไปในที่สุด โยซอบใต้องรอให้แดเนียลบอก เขาลุกขึ้นแล้วตรงไปยังทางออกทันที ทำเอาคนอื่นในห้องอึ้งไปตามๆกัน(อีกครั้ง) เด็กเนิร์ดอย่างเขาเนี่ยนะหนีเรียน???
“หมับ”แต่ก่อนโยซอบจะออกจากห้องเรียนได้ คนที่ยืนอยู่หน้าห้องก็คว้าข้อมือของเขาเอาไว้เสียก่อนพร้อมกับดึงเขาไปประจันหน้า
“หนีเรียนหรอครับ...น้องเขย...?”ร่างสูงถามเบาๆให้พอได้ยินกันแค่สองคน พลางดึงร่างบางให้เข้าไปใกล้ๆ ตอนนี้หน้าของทั้งสองคนห่างกันไม่ถึงคืบ ร่างสูงยักคิ้วถามอย่างกวนๆ ร่างเล็กก็ได้แต่กัดปากอย่างเจ็บใจ ให้ด่าออกไปตอนนี้ก็คงไม่ดี สาววายบางกลุ่มที่นั่งอยู่หลังห้องเริ่มวี๊ดว้ายมาเป็นระลอกๆ ดูจุนหันไปมองอย่างได้ใจ แล้วใช้สองมือดึงเอวบางให้เข้ามาใกล้ขึ้น
“นายทำอะไรไม่ทราบ”โยซอบหมดความอดทนแล้วตะคอกดูจุนออกไปเต็มเสียง
“อ๊ะๆ วันนี้ผมเป็นอาจารย์ครับ กรุณาพูดสุภาพด้วย”
“ฮึ่ย...ปล่อยผมได้แล้วครับอาจารย์...ทำอย่างนี้มันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี”โยซอบสบถเล็กน้อย ก่อนเปลี่ยนมาฉีกยิ้มแล้วพูดเสียงสุภาพ
“เกรงว่าคงไม่ได้นะครับ เพราะถ้าปล่อยคุณนักเรียนคงจะหนีเรียน ไม่ดีครับไม่ดี”ดูจุนปล่อยมือข้างหนึ่งจากเอวโยซอบแล้วแกว่งนิ้วชี้พลางส่ายหัว
“งั้นผมกลับไปนั่งเรียนก็ได้ครับ...อาจารย์”โยซอบเน้นคำว่าอาจารย์หนักๆ ก่อนจะผลักร่างสูงออกแล้วเดินกลับไปยังที่นั่งตัวเอง
“หมับ”ดูจุนคว้าข้อมือเล็กไว้อีกครั้ง ทำเอาร่างบางเซเล็กน้อย ดูจุนเลยเข้าไปรับตัวโยซอบไว้ เรียกเสียงกรี๊ดจากสาววายได้อีกระลอก
“ขืนให้ไปนั่งตรงนั้น ผมเชื่อว่านักเรียนก็ไม่ตั้งใจเรียนหรอกครับ มานั่งตรงนี้ดีกว่า ใกล้ดี^^”เขาพูดพลางชี้นิ้วไปที่ที่นั่งแถวหน้าสุดซึ่งยังว่างอยู่
“ทำไมผมต้องนั่งตรงนั้นด้วยล่ะ?”
“ข้อแรกเพราะตอนนี้ฉันเป็นพี่เขยของนาย ถ้าฉันไม่พอใจนายฉันจะบอกให้น้องของฉันเลิกกับนาย”
“เรื่องของเราสองคนนายเกี๋ยวอะไรด..”
“อ๊ะๆๆ ยังมีข้อที่สอง เพราะฉันยังมีสิทธิ์สั่งนายได้อีกเก้าข้อ ซึ่งฉันจะถือว่านี่เป็นอย่างที่สอง นั่ง อยู่ ตรง นี้!!”ดูจุนก้มลงเอาหน้าผากชนกับโยซอบ ก่อนจะทำหน้าเย็นชาเหมือนปกติแล้วพูดน้ำเสียงกระด้างใส่ร่างเล็กให้เห็นและได้ยินกันเพียงสองคน
“ชิ”โยซองได้แต่จิ๊ปากไม่พอใจแล้วทิ้งตัวลงพิงพนักพิง
“แค่นั่งตรงนี้ก็พอใช่มั้ย งั้นก็เชิญสอนเลยครับอาจารย์ มันเสียเวลา”โยซอบตั้งใจกระแทกเสียงที่ประโยคสุดท้าย แต่ก็ยังยิ้มน่ารักอยู่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เอาล่ะ งั้นมาเริ่มกันเลยดีกว่า ผมจะเล่าเรื่องอาชีพของผมให้ฟังก่อน...”และแล้วคลาสก็เริ่มขึ้น...
“เฮ้อ...เมื่อยจัง แต่รุ่นพี่ดูจุนนี่เค้าก็น่ารักจังเลยเนอะ ตอบทุกคำถามตั่งแต่สีที่ชอบยันตารางธาตุ ฮิๆ”เสียงคุยของเพื่อนๆคนอื่นในห้องดังขึ้นมาจากด้านหลังเป็นแนวเหมือนๆกันหมด...ชมกันเข้าไป
โยซอบเดินดูดน้ำปั่นในมือที่แดเนียลเพิ่งวิ่งไปซื้อมาให้เมื่อกี๊เพราะเห็นสภาพใกล้ตายอย่างเซ็งๆ
“นั่นมันก็แค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้นแหละนะ...เฮ้อ คนเรา”
“หืม อะไร ใคร ยังไง???”แดเนียลที่เห็นโยซอบพูดอยู่คนเดียวแถมยังถอนหายใจทั้งๆที่ไม่ค่อยจะทำถามขึ้นอย่างสงสัย
“รุ่นพี่ดูจุนหรอ? พวกนายรู้จักกันหรอ”
อืม...เพื่อนฉัน...โดนแตะเนื้อต้องตัวขนาดนี้ ถ้าไม่รู้จักเลยกระผมคงเป็นสัตว์มีนอไปแล้วล่ะนะ
“ก็พอรู้จักกันแหละ แต่เขาไม่ใช่คนดีอย่างที่นายคิดหรอกนะ จริงๆแล้วหมอนี่น่ะ...”
“อะแฮ่ม นินทาอาจารย์อย่างนี้ไม่ดีนะครับ”เสียงกระแอมดังขึ้นระหว่างทั้งสองคนจากข้างหลัง
“อ้าวรุ่นพี่ ผมไม่ได้พูดอะไรนะครับ มีแต่ซอบบี้พูดคนเดียว...”
“อ้าว ไอ้เพื่อนเวร แล้วนาย เอ้ย อาจารย์มีอะไรรึเปล่าครับ ชอบยุ่งกับผมจัง”
“ฉันมีธุระจะให้นายช่วยหน่อยน่ะ ยังโย^^”
“อึก”ชื่อที่ถูกเรียกออกมาทำเอาร่างเล็กเงียบไป
“เหยๆ อาจารย์อย่าเรียกซอบบี้อย่างนั้นนะครับ เจ้าตัวเขาไม่ชอบ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เขาคงไม่เอาเรื่องอะไรผมหรอก จริงมั้ยครับ...ยังโย?”ดูจุนพูดแล้วยักคิ้วกวนประสาทร่างเล็ก
“จะพูดมากอีกนานมั้ย ผมมีธุระต้องไปทำ”โยซอบหันหน้าหนีไปอีกทางก่อนถามห้วนๆอย่างอารมณ์เสียและหมุนตัวเตรียมเดินออกจากวงสนทนา
“หยุดก่อนๆๆ ฉันแค่จะถามว่าวันนี้นายจะไปซ้อมที่วงมั้ย เดี๋ยวฉันไปด้วย”ดูจุนคว้าข้อมือเล็กของโยซอบเป็นครั้งที่สามของวัน ร่างเล็กหันมาทำหน้าค้อนใส่อย่างรำคาญๆ
“เพื่อ? ฉันว่าคนที่วงเขาก็คงไม่ค่อยอยากเจอกับนายเท่าไหร่หรอกนะ”
“ใครจะไปรู้ล่ะ อีกอย่างนายคงยังจำคำสั่งแรกของฉันได้...ฉันบอกแล้วไง...ว่าฉันจะจีบมินฮยอก”
“อ้อ นั่นสินะ นี่จะเอาจริงหรอ ตอนแรกคิดว่านายละเมอ มันถึงได้เกินจริงได้ขนาดนั้น”โยซอบพูดพลางยิ้มเยาะ
“เหอะ ถ้าฉันทำได้จริงๆขึ้นมาล่ะนายจะเถียงไม่ออก หึๆ งั้นเอ่อ...นักเรียน..?”
“แดเนียลครับ”
“อ่อ แดเนียล ผมขอยืมตัวเพื่อนคุณหน่อยนะครับ”
“อ่อ เชิญครับเชิญ”แดเนียลยิ้มพลางผายมือไปที่ทางออก ดูจุนก็ก้มขอบคุณนิดหน่อยแล้วลากร่างเล็กไปที่ทางออกอย่างไม่ลำบากเท่าไหร่นัก
“เฮ้ย แดเนียลลลลล อย่าทิ้งฉันอย่างนี้เซ่!!!”
“Bye…See Ya Seobie”เสียงแดเนียลที่ดังมาจากทางเดินข้างหลังทำร่างเล็กได้แต่กัดฟันกรอด เท้าก็พยายามจะหยุดแรงลากของร่างสูงข้างหน้า มือก็พยายามแกะมือตัวเองออก แต่ดูจะไม่ได้ผล จนสุดท้ายก็ลงเอยว่าเขาถูกลากมาอยู่หน้ารถBMWสีดำมันเงาของดูจุนแล้วเรียบร้อย
“แกร๊ก”ดูจุนเดินไปเปิดประตูหลังรถก่อนหันมามองโยซอบเชิงบอกให้ขึ้นรถ แต่แล้วเขาก็ค้างเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ แล้วก็ปิดประตูหลังเปลี่ยนไปเปิดประตูหน้าแทน
“เข้ามานั่งซะเร็วๆ หรือจะให้อุ้ม”ดูจุนกลับมาพูดน้ำเสียงเย็นชาใส่เขาอีกครั้งเมื่อเห็นว่ารอบตัวไม่มีใครแล้ว
“เออๆ ให้เกียรติกันหน่อยเถอะ ถ้าฉันปฏิเสธไม่ช่วยต่อขึ้นมาล่ะก็ อกหักดามไม่ได้แน่ ชิ”ปากก็ประชดไปแต่ตัวก็เข้ามาอยู่บนเบาะรถเรียบร้อย
“แกร๊ก ตุบ”ดูจุนเดินอ้อมไปเปิดประตูรถก่อนจะนั่งลงที่นั่งคนขับ
“นั่งดีๆแล้วอย่ากวนประสาท วันนี้...นายเป็นคนของฉันหนึ่งวัน...”
“ฮ...ฮะ!?!”
“กรึ่ก แอ๊ด...”ร่างสูงเปิดประตูห้องอย่างเบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้ตีสามกว่าๆ กีกวังน่าจะหลับไปแล้ว และเขาก็ไม่อยากทำคนตัวเล็กตื่น
“อะ...อ๊า”เสียงครางที่ก็น่าจะรู้อยู่ว่าเสียงอะไรดังมาจากในห้องทันทีที่ดงอุนเหยียบพื้นห้อง ทำเอาเขาสะดุ้งแล้วมองซ้ายมองขวา
“ไม่เอาน่า...อาจจะห้องข้างๆก็ได้”เขาส่ายหัวพลางคลายเน็กไทสีดำที่คอออกเล็กน้อย
“ฮึก...แรงอีก..อ๊า..”เสียงที่ดังมาอีกครั้งทำเอาร่างสูงกลืนน้ำลาย คราวนี้เสียงมันดังขี้นกว่ารอบแรก...มาจากในห้องนอนของกีกวัง ดงอุนกำหมัดแน่นก่อนจะก้าวฉับๆไปที่ประตู ก่อนจะเปิดมันออกอย่างแรง
“ปัง!!!”
“หืม อ้าวคุณดงอุน”
“อ้าวอุนจิมาแล้วหรอ?”เสียงใสถามขึ้นทำให้ดงอุนงงเล็กหน้า เขาเงยหน้าจากพื้นไปมองสองคนที่อยู่ในห้อง...
เอ๋ ไม่ได้มีอะไร...หรอ?
“เป็นอะไรรึเปล่า เปิดประตูซะยังกะไฟไหม้”กีกวังถามพลางหยิบป๊อปคอร์นในถังข้างตัวมากิน
ถามมาได้...ก็เสียงมัน...เหมือน...
“เปล่าหรอก...มันง่วงน่ะ ว่าแต่พวกนายดูอะไรกัน เสียงนี่ดังไปถึงข้างนอกเลย”
“อย่าไปบอกใครนะครับคุณดงอุน...คุณจียงเขาให้กีกวังฮยองมาล่ะครับ”
“ฮะ?? ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถึงจียงฮยองให้มาแล้วทำไมพวกนายต้องมานั่งดูเรื่องแบบนี้กันสองต่อสองด้วยล่ะ”ดงอุนเผลอใส่อารมณ์ในการถามไปนิดหน่อย(ไม่นิดเท่าไหร่)ทำเอามีร์กลืนน้ำลายอย่างกลัวๆ
“ใจเย็นๆน่า ก็ตอนแรกฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร แล้วตอนต้นเรื่องมันก็เป็นหนังธรรมดาๆ นายนั่นแหละเข้ามาไม่ถูกช่วง”
ถ้าฉันมาช้าไปอีกหน่อยนายอาจจะโดนหมอนี่จับกดไปแล้วก็ได้นะเฟร่ย
“แต่พวกนายก็ไม่ควรมาดูอะไรแบบนี้สองต่อสองนะ ถ้าอารมณ์มันมาแล้วพวกนายเลยเถิดกันไปกว่านี้จะเป็นยังไงกันเล่า”ดงอุนเถียงออกไปข้างๆคูๆ กีกวังทำหน้าหงุดหงิดปนไม่เข้าใจก่อนจะพูดขึ้นมา
“พูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง...รู้มั้ยว่ามันดูถูกฉันแค่ไหนดงอุน ฉันก็บอกแล้วว่ามันก็เป็นแค่ฉากๆนึง ฉันกับมีร์เองก็ไม่ได้คิดอะไรกันไปมากกว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง นาย...ไม่เชื่อใจฉันเลยรึไง”
“ฮยอง...”
“ไม่เป็นไรมีร์...วันนี้นายกลับไปก่อนดีกว่าฉันอยากอยู่คนเดียว แล้ววันหลังถ้าเห็นฉันอยู่กับดงอุนก็อย่าทักฉันนะ ฉันไม่อยากโดนเข้าใจผิด”ร่างบางปาดน้ำตาก่อนจะหันไปมองดงอุนด้วยสายตาโกรธแล้วเดินกระแทกออกจากห้องไป ตามมาด้วยเสียงปิดประตูดังลั่น
อีกสองคนที่เหลืออยู่ในห้องต่างก็จ้องหน้ากันอย่างเอาเรื่องอยู่เงียบๆ
“คุณมันโง่...และแย่ที่สุด...คุณก็รู้ว่าผมกับฮยองไม่ได้คิดอะไรกันแล้วจะทำแบบนี้ลงไปทำไม คุณก็รู้ว่ามันจะทำร้ายจิตใจฮยอง เพื่อนกันแท้ๆไม่เชื่อใจเพื่อนตัวเองบ้างเลยรึไงฮะ?!?”มีร์ตะโกนว่าร่างสูงขึ้นมาก่อนจะวิ่งตามกีกวังออกไป ทิ้งให้ร่างสูงยืนกำหมัดแน่นอยู่ในห้องว่างเปล่า
“โธ่เอ๊ย...ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้วะ!!!”เขาถีบเข้าที่โซฟาจนมันเลื่อนออกไปไกลพอดู
...เขาตั้งใจจะมาหาร่างเล็กและเล่าความจริงเรื่องงานแต่งงาน
...เขาตั้งใจจะมาง้อร่างเล็กและชวนให้หนีไปด้วยกัน
...เขาตั้งใจจะมาขอให้ร่างเล็กเชื่อใจในตัวเขา...ในความรักของเขา
...เขาตั้งใจจะมาขอความรักและขอกลับไปเป็นเหมือนเดิมกับร่างเล็ก
...แต่นี่...มันผิดไปหมด
“อ๊ากกกกกกกกกกกก”ร่างสูงตะโกนอย่างอารมณ์เสียก่อนจะทรุดลงนั่งกับพื้นและร้องไห้ออกมา
“ถ้าฉันตามนายไปตอนนี้...นายก็คงไม่ฟังฉันหรอกใช่มั้ย...?”เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก่อนจะพูดกับคนบนหน้าจอทั้งน้ำตา ก่อนจะกดพิมพ์ข้อความส่งไปให้ร่างเล็ก
‘ฉันหวังว่าตอนนี้ที่นายอ่านข้อความนี้...นายจะหายโกรธฉันแล้ว ฉันขอโทษ...ฉันไม่ได้ตั้งใจ แค่ไม่อยากให้นายยุ่งกับผู้ชายคนอื่น...นอกจากฉัน
มันอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวแต่เรื่องที่ฉันจะบอกนายต่อไปนี้...มันจะทำให้ฉันดูเห็นแก่ตัวยิ่งกว่าเดิม...แต่ยังไงฉันก็คงต้องบอกนายไว้ก่อนแล้วฉันจะอธิบายให้ฟังวันหลัง...
ความคิดเห็น